ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 1
ย้อนยุทธ์ครั้งนี้ขอเป็นเรื่องเบาๆนะครับ เขียนจากความทรงจำที่เคยมีภาพแวบๆของบริษัท/แบรนด์ที่จะนำมากล่าวถึง
สำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตามบทความชุดย้อนยุทธ์นี้สามารถอ่านย้อนได้ที่
หยุดนิ่ง=ถอยหลัง
เล่นกับอีเว้นท์
ศึกชิงนาง
ขึ้นต้นเป็นนครหินอ่อน
โปรโมชั่นสนั่นเมือง
ศึกดวลสป็อต
เขย่าตลาดด้วยความง่ายกว่า
ชนะด้วยจิงเกิ้ลประโยคเดียว
ขอบคุณครับ
ย้อนยุทธตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
ขอเกริ่นก่อนว่า บทความที่เพื่อนๆอ่านต่อไปมีสองบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น กูรูขอบสนามไม่เคยซื้อ ถือและไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ เพียงแต่เคยสัมผัสช่วงตั้งตัวมาบ้าง เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
เล็กๆก็ใหญ่ได้
ร้านขนมเค้กกับไอศกรีมเล็กๆแห่งนั้น เช่าพื้นที่หน้าตึกแถวในซอยถนนสุขุมวิทย่านโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ในร้านมีโต๊ะนั่งกินขนม 2-3 โต๊ะ พร้อมเก้าอี้แสนธรรมดา ไม่หรูหราหรือกุ๊กกิ๊กตามแบบฉบับร้านไอศกรีมวัยรุ่นทั่วไป เจ้าของร้านลงมาตักไอศกรีมแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนเพิ่งเดินออกมาจากโรงเรียนท้ายซอยมาต่อรถประจำทางริมถนนใหญ่ เสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวแทบทุกเย็น ขณะแย่งไอศกรีมในถ้วยของเพื่อนๆที่ละเลียดช้ากว่าคนอื่น นั่นคือภาพที่เห็นประจำในร้านเล็กๆ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเอ่ยปากว่า ทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอลูกๆเรียนหนังสือเสร็จ
คุ้นๆมั้ยครับกับการเติบโตอย่างเล็กๆของธุรกิจเค้ก เบเกอรี่ชื่อดังซึ่งภายหลังได้ขยายเป็นร้านอาหารครอบครัวมีสาขาครอบคลุมทั่วกรุงและปริมณฑล กูรูขอบสนามโชคดีที่ได้เป็นลูกค้ารุ่นแรกๆของร้านเค้กเล็กๆแห่งนี้ในราคาที่พอกัดฟันจ่ายได้อาทิตย์ละครั้ง (โดยเฉพาะเค้กไอศกรีม) พร้อมเฝ้ามองการขยายธุรกิจไปยังทำเลต่างๆ จวบจนเป็นระยะเวลาร่วมสามสิบปี โอ้โฮ...นับปีแล้วกูรูรู้สึกตัวเองหงอยลงไปถนัด
ขณะนั้นร้านไอศกรีมที่ดังๆก็มีอยู่ไม่กี่จ้าว จ้าวใหญ่สุดคือศาลาโฟรโมสต์ซึ่งจัดว่าแพงในสายตาเด็กๆ ไอศกรีมตราเป็ดป๊อปที่สวนลุม นอกนั้นก็เป็นร้านไอศกรีมไฮโซในศูนย์การค้า เช่น Sixteen ที่สยามเซ็นเตอร์ยุคก่อน (สมัยที่ตลาดหลักทรัพย์ยังสิงสถิตอยู่ที่นี่) หรือไกลออกไปหน่อยก็เช่น ไอศกรีมฮาวายที่หัวมุมถนนบางลำพู (ปัจจุบันเป็น Swensen ไปแล้ว) ร้านไอศกรีมเป็นแหล่งสถิตของวัยรุ่นโดยแท้ กินได้ทุกวันไม่เบื่อ กูรูเองก็เคยฝันเฟื่องอยากจะเปิดสักร้าน จะได้กินไอศกรีมที่เหลือจากการขายแต่ละวัน ฟรีๆ ตามประสาคนตะกละ
ร้านเค้กและไอศกรีม ขยายความแกร่งบนความเก่งของตัวเองคือเรื่องอาหาร โดยมีร้านดั้งเดิมเป็นมาตรฐานยืนพื้น แล้วจัดตั้งร้านใหม่ๆเพื่อให้บริการกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เช่น ร้านอาหารไทยชั้นสูง ร้านอาหารฝรั่ง ร้านอาหารจีน (มีพันธมิตรร่วม) เปิดสาขานอกประเทศ บริการจัดเลี้ยงและจัดส่งอาหารปิ่นโต ตลอดจนซุ้มในห้างสรรพสินค้า ออฟฟิค จำหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ คุ๊กกี้ เค้ก และขนมตามวาระ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์
แต่ถนนใช่จะโรยราบรื่นหวานฉ่ำเหมือนไอศกรีม ชื่อเสียงของร้านถูกกระทบเมื่อผู้บริหารคิดเร่งขยายร้านค้าออกไปในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งต่อมาไม่สามารถควบคุณคุณภาพอาหารและบริการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ในที่สุดก็ต้องดึงร้านแฟรนไชส์กลับมา ปิดบางสาขาที่ขาดทุน ยอมสูญเสียเม็ดเงินบางส่วนเพื่อรักษาชื่อเสียงที่สะสมไว้
จากการเปิดร้านเล็กๆเพื่อฆ่าเวลา ถึงวันนี้ร้านเค้กและไอศกรีมกลายเป็นร้านอาหารคนไทยติดอันดับธุรกิจ เพียงแต่รักษาคุณภาพและบริการให้สมราคา เพราะหลายเสียงจากผู้ภักดีเริ่มเปรยๆถึงความไม่คุ้มราคาของมื้ออาหารที่จ่ายแต่ละครั้ง (ใครถือหุ้นตัวนี้อยู่ ฝากไปถ่ายทอดให้ผู้บริหารรับทราบด้วยนะครับ) อย่าลืมครับ ธุรกิจอาหารที่เฟื่องฟูทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกอื่นๆอีกมาก
(เคย)ใหญ่ก็เล็กได้
สำหรับเพื่อนรักนักอ่านชาว VI คงไม่มีใครไม่รู้จักสำนักพิมพ์ชื่อพันธุ์พืชแห่งนี้ เริ่มต้นจากคนกิจกรรมแถวท่าพระจันทร์พิมพ์หนังสือเพื่อหารายได้เข้าชมรม หนังสือระยะแรกๆก็หนีไม่พ้นแนวการเมือง วรรณกรรมเพื่อชีวิตของศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้ว เช่น ศรีบูรพา จิตร ภูมิศักดิ์ บรรจง บรรเจิดศิลป์ ฯลฯ เป็นการตีพิมพ์ที่ต้นทุนต่ำ (แทบไม่ต้องจ่ายลิขสิทธิ์นอกจากขอคำอนุญาตจากทายาท) เหมาะกับคอนักอ่านในกลุ่มเป้าหมายปัญญาชน หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดแผงหนังสือเล็กๆ ณ ถิ่นเดิม วิวัฒนาการเป็นร้านหนังสือ ขยายสาขาเพิ่มขึ้นและในที่สุดก็เปิดขายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ กลายเป็นร้านหนังสือยอดนิยมของคนรักหนังสือในเวลาต่อมา
ช่วงที่บริษัทรุ่งโรจน์ถึงกับใครต่อใครขอแห่มาเปิดแฟรนไชส์ รับทรัพย์เหนาะๆเฉพาะค่ากู้ดวิลล์ 500,000 บาทต่อระยะเวลาสัญญา 10 ปี (ไม่นับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆอีก) ผู้บริหารเตรียมแผนก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มูลค่านับร้อยล้าน พร้อมทั้งวางแผนหรูเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันก็เล็งเปิดสาขาในตลาดต่างประเทศ ในส่วนของสำนักพิมพ์เองก็แตกแขนงเป็นพันธุ์พืชเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น ทั้งพันธุ์พืชวิชาการ วรรณกรรมไทยและแปล พันธุ์พืชเด็ก เป็นต้น
แต่แล้วแผนจดทะเบียนในตลาดก็พังครืนเมื่อเจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 บริษัทประสบปัญหาด้านหนี้สินมหาศาล เพราะการเร่งขยายสาขาและลงทุนกับสำนักงานแห่งใหม่ ผู้บริหารประสบปัญหารุมเร้าจนต้องออกเดินสายไปต่างประเทศชั่วคราว ปล่อยให้มือรองปฏิบัติหน้าที่แทน ในส่วนสำนักพิมพ์แทบจะหยุดดำเนินงานเพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน มีเพียงร้านหนังสือยังพอเลี้ยงตัวเองไปได้แม้กระพร่องกระแพร่งเต็มที
ปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียนและสูญเสียเครดิต ทำให้ไม่สามารถสั่งซื้อหนังสือขายดีจากค่ายอื่นๆมาจำหน่ายในร้านได้ คราหนึ่งเมื่อลูกค้าต่างดาหน้าถามหาหนังสือแนวชีวจิตจากอีกค่ายหนึ่ง สำนักพิมพ์ไม่สามารถสรรหามาได้เนื่องจากยังค้างชำระหนี้เก่าอยู่ เจ้าของแฟรนไชส์ทั้งหลายทนเสียงรบเร้าของลูกค้าไม่ได้ถึงกับรวบรวมเงินสดๆตามฐานะของแต่ละร้าน นำไปให้ผู้บริหารเพื่อใช้สั่งซื้อจนได้หนังสือดังกล่าวมาล้อตหนึ่งจำหน่ายให้ลูกค้านักอ่าน แทบไม่น่าเชื่อนี่คือสภาพของยักษ์ใหญ่ที่ครั้งหนึ่งสดใสด้วยอนาคต
ถึงทุกวันนี้ บริษัทก็ยังไม่ได้ล้มหายตายจากยุทธจักรน้ำหมึก ยังคงดำเนินธุรกิจต่อเนื่องหากในขนาดที่เล็กลงระหว่างรอกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ บรรดาร้านแฟรนไชส์เมื่อหมดสัญญาก็เปลี่ยนไปเป็นแฟรนไชส์ของอีกค่ายหนึ่ง (ค่ายหนังสือชีวจิตแหละครับ)ด้วยมั่นใจถึงการบริหารและสถานะการเงินที่มั่นคง เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับธุรกิจขายความรู้และบันเทิงผ่านตัวหนังสือ ซึ่งเป็นสิ่งที่อารยะประเทศสนับสนุน เพราะเท่ากับเป็นการปลูกฝังต้นกล้ารักอ่านของเยาวชน ก็คอยดูแล้วกันครับว่าจะมีใครใจป้ำเข้ามาพยุงฐานะได้ เพราะชื่อเสียงของสำนักพิมพ์พันธุ์พืช ก็ยังมีบุญเก่าสะสม สามารถเป็นนำกลับมาเป็นจุดขาย สร้างความผูกพันดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้ อย่างน้อยก็มีกูรูคนหนึ่งล่ะ
กลางๆจะไปทางไหนกัน
สำหรับกรณีสุดท้ายนี้ ไม่ได้เติบโตจาก ศูนย์เหมือนสองบริษัทแรก บริษัทมีธุรกิจดั้งเดิมที่สร้างผลกำไรอยู่แล้วนั่นก็คือธุรกิจเครื่องแต่งกายคุณสุภาพบุรุษแบรนด์ดัง และกางเกงยีนส์ชื่อตัวย่อ สันติสุขและสนุกสนานร่วมกัน (รายการโทรทัศน์เอาไปล้อว่าเป็นกางเกงยีนส์ของคุณประจวบ จำปาทอง ทำเอาเจ้าของแบรนด์ค้อนขวับ แต่ก็ดีเหมือนกันครับช่วยโฆษณาปากต่อปากให้) หุ้นส่วนทั้งหมดตกลงจะดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าเล็กๆเจาะเฉพาะกลุ่มหนุ่มสาวร่วมสมัย ชื่อของห้าง ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน ก็บังเอิญ(อย่างตั้งใจ)ให้พ้องกับชื่อห้างสรรพสินค้าหรูของประเทศเกาะเพื่อนบ้านด้านใต้ เผื่อใครมีจินตนาการจะโยงใยถึงกันก็ไม่เสียหลายนี่นา
แล้วสาขาแรกก็เปิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรูปแบบและประเภทสินค้าสำหรับวัยรุ่น (แม่บ้านห้ามเข้าครับ เพราะไม่มีแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องครัว เปิดเพลงดังสนั่นหวั่นไหว) สาขาต่อมาเจาะถึงถิ่นวัยรุ่นมีสตางค์คือ สยามสแควร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและปิดตัวลงในไม่ช้า เพราะคู่แข่งซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด จนถึงสาขาหรูเริดที่สุดคือราชดำริ สร้างความฮือฮาด้วยลิฟท์แก้วตัวแรกของประเทศไทย รองรับคิวเยี่ยมชมยาวเหยียดเป็นเดือนๆ พร้อมเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวร่วมสมัย ครอบคลุมผู้บริโภคกว้างขึ้น การเปลี่ยนจุดยืนครั้งนี้เท่ากับเป็นการประกาศชนเปรี้ยงกับห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่ยึดพื้นที่มานาน หลังจากนั้นก็ ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนก็ขยายรสนิยมร่วมสมัยไปสู่ทำเลทองอื่นๆ เช่น หัวถนนสีลม รัชดา สุขุมวิท บางรักและชานเมืองรอบนอก ธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้ขยายรุดอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเบอร์ 2 ที่หมายเลข 1 เหลียวหันมามองตลอด
จุดหักเหของห้างเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารตัดสินใจขายกิจการให้กับห้างอันดับหนึ่งก่อนจะผันตัวเองและหุ้นส่วนไปสู่กิจการอื่น นับเป็นดีลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกในบ้านเราเมื่อเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ผนวกกำลังกัน เมื่อผนวกเสร็จ ผู้บริหารก็รีบจัดแจงแบ่งเค็กเรียบร้อย ปรับตำแหน่งให้เป็นมวลชนมากกว่าเดิมแยกแยะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนลงตลาดกลางถึงล่างมากขึ้น ตรงนี้แหละครับเป็นจุดเบี่ยงlสำคัญ
จากที่เคยเป็นห้างหรู กลายเป็นไก่ชนดะให้กับพี่ใหญ่เบื้องบน ทั้งชนกับห้างยักษ์คนไทยด้วยกัน ชนกับ Discount Store ที่มาตั้งข้างๆถึงกับต้องป้องการ์ดด้วยนโยบาย ถูกและดี ชนกับห้างภูธรเมื่อออกไปบุกต่างถิ่น ผู้บริหารคงจะภูมิใจกับความเก่งกาจมหัศจรรย์ของห้างไก่ชนเอ๊ยห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน แต่ห้างเองถ้าเป็นคนกลับงงถูกตะลุมบอนซ้ายที ขวาที เอหว่าตูจะยืนอยู่ตรงไหนดีว้าให้ลูกค้าตูจำได้ วันดีคืนดีตูก็เป็นผู้หญิงสวยไฮโซ เริ่ด หยิ่ง เชิด แต่วันที่เหลือตูต้องเป็นแม่ค้านุ่งผ้าถุง ฉีกปาก ยิ้มหวาน ก้มค้อมให้กับทุกคน
แสนเสียดายทำเลดีๆที่เคยตั้งตระหง่าน โดยเฉพาะหัวถนนสีลม จุดชมวิวสวนลุมที่แจ่มชัดที่สุด ( หากยามพลบค่ำ กลายเป็นบริเวณที่ไม่สมควรเดินผ่านโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี ) หรือสาขาสุขุมวิท ทำเลกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่แต่ไม่มีชื่อของห้างปรากฏในลิสต์ถนนสายช้อปปิ้งเลย (กระโดดข้ามจากเซ็นทรัล ชิดลมไปเอ็มโพเรียม ทันที น่าน้อยใจมั้ยล่ะ) แม้แต่สาขาใหญ่ Flagship ที่รัชดาก็ถูกประเมินว่าเป็นตัวเทียบเคียงกับ Discount Store ในละแวกใกล้เคียง
หวังว่าภายหลังปรับปรุงโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อย ผู้บริหารมีโอกาสพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรดีกับห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนนี้ดี
เพราะอยู่ตรงกลาง ถึงไม่ถูกบีบ ก็โตไม่ได้ครับ
สำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตามบทความชุดย้อนยุทธ์นี้สามารถอ่านย้อนได้ที่
หยุดนิ่ง=ถอยหลัง
เล่นกับอีเว้นท์
ศึกชิงนาง
ขึ้นต้นเป็นนครหินอ่อน
โปรโมชั่นสนั่นเมือง
ศึกดวลสป็อต
เขย่าตลาดด้วยความง่ายกว่า
ชนะด้วยจิงเกิ้ลประโยคเดียว
ขอบคุณครับ
ย้อนยุทธตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
ขอเกริ่นก่อนว่า บทความที่เพื่อนๆอ่านต่อไปมีสองบริษัทจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นั้น กูรูขอบสนามไม่เคยซื้อ ถือและไม่ได้ผลประโยชน์ใดๆ เพียงแต่เคยสัมผัสช่วงตั้งตัวมาบ้าง เลยเอามาเล่าสู่กันฟัง
เล็กๆก็ใหญ่ได้
ร้านขนมเค้กกับไอศกรีมเล็กๆแห่งนั้น เช่าพื้นที่หน้าตึกแถวในซอยถนนสุขุมวิทย่านโรงเรียนดังแห่งหนึ่ง ในร้านมีโต๊ะนั่งกินขนม 2-3 โต๊ะ พร้อมเก้าอี้แสนธรรมดา ไม่หรูหราหรือกุ๊กกิ๊กตามแบบฉบับร้านไอศกรีมวัยรุ่นทั่วไป เจ้าของร้านลงมาตักไอศกรีมแก่ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียนเพิ่งเดินออกมาจากโรงเรียนท้ายซอยมาต่อรถประจำทางริมถนนใหญ่ เสียงเด็กเจี๊ยวจ๊าวแทบทุกเย็น ขณะแย่งไอศกรีมในถ้วยของเพื่อนๆที่ละเลียดช้ากว่าคนอื่น นั่นคือภาพที่เห็นประจำในร้านเล็กๆ ซึ่งผู้เป็นเจ้าของเอ่ยปากว่า ทำเพื่อฆ่าเวลาระหว่างรอลูกๆเรียนหนังสือเสร็จ
คุ้นๆมั้ยครับกับการเติบโตอย่างเล็กๆของธุรกิจเค้ก เบเกอรี่ชื่อดังซึ่งภายหลังได้ขยายเป็นร้านอาหารครอบครัวมีสาขาครอบคลุมทั่วกรุงและปริมณฑล กูรูขอบสนามโชคดีที่ได้เป็นลูกค้ารุ่นแรกๆของร้านเค้กเล็กๆแห่งนี้ในราคาที่พอกัดฟันจ่ายได้อาทิตย์ละครั้ง (โดยเฉพาะเค้กไอศกรีม) พร้อมเฝ้ามองการขยายธุรกิจไปยังทำเลต่างๆ จวบจนเป็นระยะเวลาร่วมสามสิบปี โอ้โฮ...นับปีแล้วกูรูรู้สึกตัวเองหงอยลงไปถนัด
ขณะนั้นร้านไอศกรีมที่ดังๆก็มีอยู่ไม่กี่จ้าว จ้าวใหญ่สุดคือศาลาโฟรโมสต์ซึ่งจัดว่าแพงในสายตาเด็กๆ ไอศกรีมตราเป็ดป๊อปที่สวนลุม นอกนั้นก็เป็นร้านไอศกรีมไฮโซในศูนย์การค้า เช่น Sixteen ที่สยามเซ็นเตอร์ยุคก่อน (สมัยที่ตลาดหลักทรัพย์ยังสิงสถิตอยู่ที่นี่) หรือไกลออกไปหน่อยก็เช่น ไอศกรีมฮาวายที่หัวมุมถนนบางลำพู (ปัจจุบันเป็น Swensen ไปแล้ว) ร้านไอศกรีมเป็นแหล่งสถิตของวัยรุ่นโดยแท้ กินได้ทุกวันไม่เบื่อ กูรูเองก็เคยฝันเฟื่องอยากจะเปิดสักร้าน จะได้กินไอศกรีมที่เหลือจากการขายแต่ละวัน ฟรีๆ ตามประสาคนตะกละ
ร้านเค้กและไอศกรีม ขยายความแกร่งบนความเก่งของตัวเองคือเรื่องอาหาร โดยมีร้านดั้งเดิมเป็นมาตรฐานยืนพื้น แล้วจัดตั้งร้านใหม่ๆเพื่อให้บริการกลุ่มเป้าหมายอื่นๆ เช่น ร้านอาหารไทยชั้นสูง ร้านอาหารฝรั่ง ร้านอาหารจีน (มีพันธมิตรร่วม) เปิดสาขานอกประเทศ บริการจัดเลี้ยงและจัดส่งอาหารปิ่นโต ตลอดจนซุ้มในห้างสรรพสินค้า ออฟฟิค จำหน่ายผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ คุ๊กกี้ เค้ก และขนมตามวาระ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์
แต่ถนนใช่จะโรยราบรื่นหวานฉ่ำเหมือนไอศกรีม ชื่อเสียงของร้านถูกกระทบเมื่อผู้บริหารคิดเร่งขยายร้านค้าออกไปในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งต่อมาไม่สามารถควบคุณคุณภาพอาหารและบริการได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย ในที่สุดก็ต้องดึงร้านแฟรนไชส์กลับมา ปิดบางสาขาที่ขาดทุน ยอมสูญเสียเม็ดเงินบางส่วนเพื่อรักษาชื่อเสียงที่สะสมไว้
จากการเปิดร้านเล็กๆเพื่อฆ่าเวลา ถึงวันนี้ร้านเค้กและไอศกรีมกลายเป็นร้านอาหารคนไทยติดอันดับธุรกิจ เพียงแต่รักษาคุณภาพและบริการให้สมราคา เพราะหลายเสียงจากผู้ภักดีเริ่มเปรยๆถึงความไม่คุ้มราคาของมื้ออาหารที่จ่ายแต่ละครั้ง (ใครถือหุ้นตัวนี้อยู่ ฝากไปถ่ายทอดให้ผู้บริหารรับทราบด้วยนะครับ) อย่าลืมครับ ธุรกิจอาหารที่เฟื่องฟูทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกอื่นๆอีกมาก
(เคย)ใหญ่ก็เล็กได้
สำหรับเพื่อนรักนักอ่านชาว VI คงไม่มีใครไม่รู้จักสำนักพิมพ์ชื่อพันธุ์พืชแห่งนี้ เริ่มต้นจากคนกิจกรรมแถวท่าพระจันทร์พิมพ์หนังสือเพื่อหารายได้เข้าชมรม หนังสือระยะแรกๆก็หนีไม่พ้นแนวการเมือง วรรณกรรมเพื่อชีวิตของศิลปินผู้ล่วงลับไปแล้ว เช่น ศรีบูรพา จิตร ภูมิศักดิ์ บรรจง บรรเจิดศิลป์ ฯลฯ เป็นการตีพิมพ์ที่ต้นทุนต่ำ (แทบไม่ต้องจ่ายลิขสิทธิ์นอกจากขอคำอนุญาตจากทายาท) เหมาะกับคอนักอ่านในกลุ่มเป้าหมายปัญญาชน หลังจากนั้นก็เริ่มเปิดแผงหนังสือเล็กๆ ณ ถิ่นเดิม วิวัฒนาการเป็นร้านหนังสือ ขยายสาขาเพิ่มขึ้นและในที่สุดก็เปิดขายแฟรนไชส์ทั่วประเทศ กลายเป็นร้านหนังสือยอดนิยมของคนรักหนังสือในเวลาต่อมา
ช่วงที่บริษัทรุ่งโรจน์ถึงกับใครต่อใครขอแห่มาเปิดแฟรนไชส์ รับทรัพย์เหนาะๆเฉพาะค่ากู้ดวิลล์ 500,000 บาทต่อระยะเวลาสัญญา 10 ปี (ไม่นับค่าใช้จ่ายจิปาถะอื่นๆอีก) ผู้บริหารเตรียมแผนก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่มูลค่านับร้อยล้าน พร้อมทั้งวางแผนหรูเข้าตลาดหลักทรัพย์ ขณะเดียวกันก็เล็งเปิดสาขาในตลาดต่างประเทศ ในส่วนของสำนักพิมพ์เองก็แตกแขนงเป็นพันธุ์พืชเจาะกลุ่มเป้าหมายชัดเจนขึ้น ทั้งพันธุ์พืชวิชาการ วรรณกรรมไทยและแปล พันธุ์พืชเด็ก เป็นต้น
แต่แล้วแผนจดทะเบียนในตลาดก็พังครืนเมื่อเจอวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 บริษัทประสบปัญหาด้านหนี้สินมหาศาล เพราะการเร่งขยายสาขาและลงทุนกับสำนักงานแห่งใหม่ ผู้บริหารประสบปัญหารุมเร้าจนต้องออกเดินสายไปต่างประเทศชั่วคราว ปล่อยให้มือรองปฏิบัติหน้าที่แทน ในส่วนสำนักพิมพ์แทบจะหยุดดำเนินงานเพราะไม่มีเงินทุนหมุนเวียน มีเพียงร้านหนังสือยังพอเลี้ยงตัวเองไปได้แม้กระพร่องกระแพร่งเต็มที
ปัญหาการขาดเงินทุนหมุนเวียนและสูญเสียเครดิต ทำให้ไม่สามารถสั่งซื้อหนังสือขายดีจากค่ายอื่นๆมาจำหน่ายในร้านได้ คราหนึ่งเมื่อลูกค้าต่างดาหน้าถามหาหนังสือแนวชีวจิตจากอีกค่ายหนึ่ง สำนักพิมพ์ไม่สามารถสรรหามาได้เนื่องจากยังค้างชำระหนี้เก่าอยู่ เจ้าของแฟรนไชส์ทั้งหลายทนเสียงรบเร้าของลูกค้าไม่ได้ถึงกับรวบรวมเงินสดๆตามฐานะของแต่ละร้าน นำไปให้ผู้บริหารเพื่อใช้สั่งซื้อจนได้หนังสือดังกล่าวมาล้อตหนึ่งจำหน่ายให้ลูกค้านักอ่าน แทบไม่น่าเชื่อนี่คือสภาพของยักษ์ใหญ่ที่ครั้งหนึ่งสดใสด้วยอนาคต
ถึงทุกวันนี้ บริษัทก็ยังไม่ได้ล้มหายตายจากยุทธจักรน้ำหมึก ยังคงดำเนินธุรกิจต่อเนื่องหากในขนาดที่เล็กลงระหว่างรอกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้ บรรดาร้านแฟรนไชส์เมื่อหมดสัญญาก็เปลี่ยนไปเป็นแฟรนไชส์ของอีกค่ายหนึ่ง (ค่ายหนังสือชีวจิตแหละครับ)ด้วยมั่นใจถึงการบริหารและสถานะการเงินที่มั่นคง เป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับธุรกิจขายความรู้และบันเทิงผ่านตัวหนังสือ ซึ่งเป็นสิ่งที่อารยะประเทศสนับสนุน เพราะเท่ากับเป็นการปลูกฝังต้นกล้ารักอ่านของเยาวชน ก็คอยดูแล้วกันครับว่าจะมีใครใจป้ำเข้ามาพยุงฐานะได้ เพราะชื่อเสียงของสำนักพิมพ์พันธุ์พืช ก็ยังมีบุญเก่าสะสม สามารถเป็นนำกลับมาเป็นจุดขาย สร้างความผูกพันดึงดูดลูกค้าเข้าร้านได้ อย่างน้อยก็มีกูรูคนหนึ่งล่ะ
กลางๆจะไปทางไหนกัน
สำหรับกรณีสุดท้ายนี้ ไม่ได้เติบโตจาก ศูนย์เหมือนสองบริษัทแรก บริษัทมีธุรกิจดั้งเดิมที่สร้างผลกำไรอยู่แล้วนั่นก็คือธุรกิจเครื่องแต่งกายคุณสุภาพบุรุษแบรนด์ดัง และกางเกงยีนส์ชื่อตัวย่อ สันติสุขและสนุกสนานร่วมกัน (รายการโทรทัศน์เอาไปล้อว่าเป็นกางเกงยีนส์ของคุณประจวบ จำปาทอง ทำเอาเจ้าของแบรนด์ค้อนขวับ แต่ก็ดีเหมือนกันครับช่วยโฆษณาปากต่อปากให้) หุ้นส่วนทั้งหมดตกลงจะดำเนินธุรกิจห้างสรรพสินค้าเล็กๆเจาะเฉพาะกลุ่มหนุ่มสาวร่วมสมัย ชื่อของห้าง ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน ก็บังเอิญ(อย่างตั้งใจ)ให้พ้องกับชื่อห้างสรรพสินค้าหรูของประเทศเกาะเพื่อนบ้านด้านใต้ เผื่อใครมีจินตนาการจะโยงใยถึงกันก็ไม่เสียหลายนี่นา
แล้วสาขาแรกก็เปิดที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิด้วยรูปแบบและประเภทสินค้าสำหรับวัยรุ่น (แม่บ้านห้ามเข้าครับ เพราะไม่มีแผนกซูเปอร์มาร์เก็ต เครื่องครัว เปิดเพลงดังสนั่นหวั่นไหว) สาขาต่อมาเจาะถึงถิ่นวัยรุ่นมีสตางค์คือ สยามสแควร์ แต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรและปิดตัวลงในไม่ช้า เพราะคู่แข่งซอกเล็กซอกน้อยเต็มไปหมด จนถึงสาขาหรูเริดที่สุดคือราชดำริ สร้างความฮือฮาด้วยลิฟท์แก้วตัวแรกของประเทศไทย รองรับคิวเยี่ยมชมยาวเหยียดเป็นเดือนๆ พร้อมเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวร่วมสมัย ครอบคลุมผู้บริโภคกว้างขึ้น การเปลี่ยนจุดยืนครั้งนี้เท่ากับเป็นการประกาศชนเปรี้ยงกับห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ที่ยึดพื้นที่มานาน หลังจากนั้นก็ ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนก็ขยายรสนิยมร่วมสมัยไปสู่ทำเลทองอื่นๆ เช่น หัวถนนสีลม รัชดา สุขุมวิท บางรักและชานเมืองรอบนอก ธุรกิจของกลุ่มบริษัทได้ขยายรุดอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นเบอร์ 2 ที่หมายเลข 1 เหลียวหันมามองตลอด
จุดหักเหของห้างเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารตัดสินใจขายกิจการให้กับห้างอันดับหนึ่งก่อนจะผันตัวเองและหุ้นส่วนไปสู่กิจการอื่น นับเป็นดีลประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของวงการค้าปลีกในบ้านเราเมื่อเบอร์ 1 กับเบอร์ 2 ผนวกกำลังกัน เมื่อผนวกเสร็จ ผู้บริหารก็รีบจัดแจงแบ่งเค็กเรียบร้อย ปรับตำแหน่งให้เป็นมวลชนมากกว่าเดิมแยกแยะกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจนลงตลาดกลางถึงล่างมากขึ้น ตรงนี้แหละครับเป็นจุดเบี่ยงlสำคัญ
จากที่เคยเป็นห้างหรู กลายเป็นไก่ชนดะให้กับพี่ใหญ่เบื้องบน ทั้งชนกับห้างยักษ์คนไทยด้วยกัน ชนกับ Discount Store ที่มาตั้งข้างๆถึงกับต้องป้องการ์ดด้วยนโยบาย ถูกและดี ชนกับห้างภูธรเมื่อออกไปบุกต่างถิ่น ผู้บริหารคงจะภูมิใจกับความเก่งกาจมหัศจรรย์ของห้างไก่ชนเอ๊ยห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน แต่ห้างเองถ้าเป็นคนกลับงงถูกตะลุมบอนซ้ายที ขวาที เอหว่าตูจะยืนอยู่ตรงไหนดีว้าให้ลูกค้าตูจำได้ วันดีคืนดีตูก็เป็นผู้หญิงสวยไฮโซ เริ่ด หยิ่ง เชิด แต่วันที่เหลือตูต้องเป็นแม่ค้านุ่งผ้าถุง ฉีกปาก ยิ้มหวาน ก้มค้อมให้กับทุกคน
แสนเสียดายทำเลดีๆที่เคยตั้งตระหง่าน โดยเฉพาะหัวถนนสีลม จุดชมวิวสวนลุมที่แจ่มชัดที่สุด ( หากยามพลบค่ำ กลายเป็นบริเวณที่ไม่สมควรเดินผ่านโดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี ) หรือสาขาสุขุมวิท ทำเลกลุ่มคนรวยรุ่นใหม่แต่ไม่มีชื่อของห้างปรากฏในลิสต์ถนนสายช้อปปิ้งเลย (กระโดดข้ามจากเซ็นทรัล ชิดลมไปเอ็มโพเรียม ทันที น่าน้อยใจมั้ยล่ะ) แม้แต่สาขาใหญ่ Flagship ที่รัชดาก็ถูกประเมินว่าเป็นตัวเทียบเคียงกับ Discount Store ในละแวกใกล้เคียง
หวังว่าภายหลังปรับปรุงโครงสร้างหนี้เสร็จเรียบร้อย ผู้บริหารมีโอกาสพิจารณาอย่างรอบคอบอีกครั้งว่าจะเอาอย่างไรดีกับห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมนนี้ดี
เพราะอยู่ตรงกลาง ถึงไม่ถูกบีบ ก็โตไม่ได้ครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 2
เข้ามาอ่านครับ
ขอบคุณครับ
กางเกงยีนส์นี้คิดไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร (สงสัยเกิดไม่ทัน อิอิ)
ส่วนฉายาห้าง "ลูกชายเพื่อนแบทแมน" ทำให้ยิ้มแตกเลยครับ โห คิดได้ไงเนี่ย
ขอบคุณครับ
กางเกงยีนส์นี้คิดไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร (สงสัยเกิดไม่ทัน อิอิ)
ส่วนฉายาห้าง "ลูกชายเพื่อนแบทแมน" ทำให้ยิ้มแตกเลยครับ โห คิดได้ไงเนี่ย
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 3
กางเกง Peace & Joy Together ครับ ดูเฉพาะตัวย่อ ตอนนี้ดูเหมือนจะเงียบๆไปแล้ว ไม่ทราบยังมีขายหรือเปล่า เผอิญกูรูพ้นวัยนุ่งยีนส์มานานแล้วครับRaphin Phraiwal เขียน:เข้ามาอ่านครับ
ขอบคุณครับ
กางเกงยีนส์นี้คิดไม่ออกว่ายี่ห้ออะไร (สงสัยเกิดไม่ทัน อิอิ)
ส่วนฉายาห้าง "ลูกชายเพื่อนแบทแมน" ทำให้ยิ้มแตกเลยครับ โห คิดได้ไงเนี่ย
ส่วนห้าง ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน นึกขึ้นมาเองครับ เพราะคำแปลภาษาอังกฤษก็มีความหมายตรงๆตามนั้น
ห้างนี้เพิ่งจะประกาศแคมเปญใหม่ให้เป็นห้างสำหรับคุณผู้หญิงผู้เลือกสรร
เอ..จะรอดมั้ยนี่ แถวที่ทำงานสาขาสุขุมวิท-อโศก มีแต่ชาวภารตะเดินกันทั้งห้างเลย โดยเฉพาะวันอาทิตย์ซึ่งมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาในซอยอโศก และก็เลือกสรรมองแต่สินค้า Value จริงๆ 199 บาทเท่านั้นครับ
ไม่ทราบที่คุณ Raphin อยู่มีห้างอะไรไปเปิดบ้างครับ ดูเหมือนยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 สนใจจะไปปักหลักเหมือนกันใช่มั้ยครับ เพราะมีลูกค้ากำลังซื้อชาวต่างชาติทั้งนั้นเลย ฮืมม์ เกาะเศรษฐีนะครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 4
[quote="กูรูขอบสนาม"]
ไม่ทราบที่คุณ Raphin อยู่มีห้างอะไรไปเปิดบ้างครับ
ไม่ทราบที่คุณ Raphin อยู่มีห้างอะไรไปเปิดบ้างครับ
รักในหลวงครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 5
ขอแก้คำผิดครับRaphin Phraiwal เขียน:ตอนแรกว่าจะตอบตรง ๆ แต่เห็นท่านพี่กูรู มีรหัสลับเยอะเหลือเกิน
รักในหลวงครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 6
ต่อครับ...Raphin Phraiwal เขียน:... โดยเฉพาะเมื่อห้างรถขุดมาเปิด แบงค์เล่าให้ผมฟังว่า แม่ค้าในตลาดรายหนึ่ง เคยมีการค้ากับโรงแรมรายหนึ่ง โดยขายเป็นเงินเครดิต (ระยะเวลาคิดเงินก็ประมาณเดือนละครั้ง)....
เดี๋ยวว่างๆ มาต่อครับ
พอห้างรถขุดเปิด โรงแรมก็หันไปซื้อจากห้างรถขุดทันที ยกตัวอย่าง หอมหัวใหญ่ ทุน 17 ขาย 23 แต่ห้างรถขุดขาย 13 (เฉพาะผักบางรายการเพื่อดึงลูกค้า ซึ่งก็ได้ผล) ส่วนอีกแหล่งข่าวหนึ่งก็บอกว่า ห้างนี้มีงบประมาณบางส่วนสำหรับขายขาดทุน เพื่อทีจะดึงลูกค้า ลืมบอกไปว่า แม่ค้าคนนั้นมีวงเงินเครดิตให้ลูกค้าประมาณ ถจจจจจ บาทต่อเดือน แล้วนีแค่แม่ค้ารายเดียว ถ้าทั้งตลาดจะแค่ไหน (ห้างดอกบัวถึงแม้ว่าจะทำให้ตลาดสดกระเทือน แต่ไม่ถึงกับกระเทือนขนาดนี้)
เล่าสู่กันฟังครับ มาคิดๆดูแล้วไม่รู้เหมือนหันว่าที่เล่ามามันจะมีประโยชน์อะไรไหม เห้อ
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับที่แชร์ให้ฟัง อย่างน้อยก็รับรู้ความรู้สึกลึกๆของเพื่อนๆที่มีต่อปรากฏการณ์การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตคนท้องถิ่นเมื่อ Modern Trade เข้ามาเล่าสู่กันฟังครับ มาคิดๆดูแล้วไม่รู้เหมือนหันว่าที่เล่ามามันจะมีประโยชน์อะไรไหม เห้อ
แถวละแวกที่กูรูอาศัย มีทุกห้างครับ ทั้งดอกบัว รถขุด วิตะมินซี และรถเต็ม (มีข่าวว่ารถหายบ่อยๆ) อ้อแล้วก็ ช่างบ้าน
ล่าสุดกำลังเร่งวันเร่งคืนก่อสร้าง ก็คือคอมเพล็กซ์จากยักษ์ใหญ่ห้าง"ตรงกลาง" ซึ่งได้ซื้อที่ดินผืนเบอเร่อจากหัวหน้าพรรคการเมื่องที่สรรพนามเหมือนผู้นำจีน"เติ้ง" จะขาดก็แต่ ห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน เท่านั้นที่ยังไม่มา
ถ้าเป็นไปได้ ที่บ้านกูรูจะพยายามซื้ออาหารสดมาปรุงประกอบเอง โชคดีที่ยังมีตลาดสดอยู่หัวถนนเปิดตลอดวัน เช้า สาย เย็น ตอนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งใหม่ คิดว่าตลาดจะไปแล้ว ชุมชนก็คงจะหายไปด้วย น่าเสียดาย เป็นชุมชนชาวบ้านที่น่ารักมาก ของใช้ ของกินก็ยังถูกอยู่ แม่ค้าอัธยาศัยน่ารัก(ส่วนใหญ่เป็นมอญครับ)
ถ้าคุณ Raphin หรือเพื่อนผู้อ่านท่านใดมาเที่ยวแถวนี้ บอกกันบ้างนะครับ จะพาไปกินและจ่ายอาหารอร่อยๆ ที่ไม่ต้องพึ่งหรืออยู่แต่ในห้างอย่างเดียว ฮึมม์....ว่าแล้วก็นึกถึงร้านอาหารริมน้ำอร่อยๆเจ้าหนึ่ง สงสัยต้องไปอุดหนุนเร็วๆนี้
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 8
กางเกงยีนต์นี้ไม่ทันจริงๆครับ
นึกไม่ออกเลย
ส่วนเจ้าห้างลูกชาย ที่ว่านี้ ไม่โต แต่ก็ไม่ตาย ก็เพราะห้างตรงกลาง
ใช้กลยุทธ เมื่อแข่งไม่ได้ ก็ซื้อมาแล้วก็บอนไซ ซะก็เสร็จสิครับ
แต่เขาก็ดองกันแล้วนิครับ ก็ไม่เป็นไรมั้งครับ
เรือล่มในหนอง..
มาเดาที่อยู่ท่านอาจารย์ดีกว่า
ขอทายว่า อาจารย์อาศัยอยู่ละแวก พระประแดง ใช่ไหมครับ
นึกไม่ออกเลย
ส่วนเจ้าห้างลูกชาย ที่ว่านี้ ไม่โต แต่ก็ไม่ตาย ก็เพราะห้างตรงกลาง
ใช้กลยุทธ เมื่อแข่งไม่ได้ ก็ซื้อมาแล้วก็บอนไซ ซะก็เสร็จสิครับ
แต่เขาก็ดองกันแล้วนิครับ ก็ไม่เป็นไรมั้งครับ
เรือล่มในหนอง..
มาเดาที่อยู่ท่านอาจารย์ดีกว่า
ขอทายว่า อาจารย์อาศัยอยู่ละแวก พระประแดง ใช่ไหมครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 9
ผ่านมาหลายๆเพลาแล้ว
ห้าง "ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน"
ถึงทุกวันนี้ก็ยังไปไหนไกลมากไม่ได้
เพราะถูกแรงกดจากทั้งข้างบนและข้างล่าง
พยายามจะมีแบรนด์ Fashion ของตัวเองก็ไม่ค่อย Work
ผู้รับผิดชอบห้างนี้ ไม่ใช่สายตรงเดียวกับ "ห้างตรงกลาง"
แม้จะมีนามสกุลเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นกำลังภายในหรือเม็ดเงินคงจะสู้ไม่ถึงครับ
ส่วนพำนักสถานของกูรูนั้น
สงสัยคุณ Copy คงเดาจาก
เพียงแต่ข้ามแม่น้ำไปอีกโยชน์หนึ่ง
อยู่แถวเกาะที่ใครๆมักจะไปเที่ยววันหยุดเสาร์ - อาทิตย์กันครับ
ขึ้นชื่อเรื่อง เครื่องปั้นดินเผา
เวลาถามราคาโถหรือผะอบอันเล็กๆน่ารักๆ ใบละเท่าไหร่
แม่ค้าจะบอกว่า 30 หรือ 40
อย่าเพิ่งหลวมใจครับ (บางคนกะจะกวาดหมดร้าน)
จริงๆแล้วคือ ใบละ 300 หรือ 400 บาท :roll:
คุณ Copy มาเที่ยวแถวนี้ อย่าลืมแวะมาทักทาย (PM มาก็ได้)
จะพาไปกินร้านอาหารริมน้ำเจ้าเก่ง
ที่หม่อมถนัดศรีมาแปะนิ้วโป้งให้ครับ :lol:
ห้าง "ลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน"
ถึงทุกวันนี้ก็ยังไปไหนไกลมากไม่ได้
เพราะถูกแรงกดจากทั้งข้างบนและข้างล่าง
พยายามจะมีแบรนด์ Fashion ของตัวเองก็ไม่ค่อย Work
ผู้รับผิดชอบห้างนี้ ไม่ใช่สายตรงเดียวกับ "ห้างตรงกลาง"
แม้จะมีนามสกุลเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นกำลังภายในหรือเม็ดเงินคงจะสู้ไม่ถึงครับ
ส่วนพำนักสถานของกูรูนั้น
สงสัยคุณ Copy คงเดาจาก
เกือบถูกครับตอนสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแห่งใหม่ คิดว่าตลาดจะไปแล้ว ชุมชนก็คงจะหายไปด้วย น่าเสียดาย เป็นชุมชนชาวบ้านที่น่ารักมาก ของใช้ ของกินก็ยังถูกอยู่ แม่ค้าอัธยาศัยน่ารัก(ส่วนใหญ่เป็นมอญครับ)
เพียงแต่ข้ามแม่น้ำไปอีกโยชน์หนึ่ง
อยู่แถวเกาะที่ใครๆมักจะไปเที่ยววันหยุดเสาร์ - อาทิตย์กันครับ
ขึ้นชื่อเรื่อง เครื่องปั้นดินเผา
เวลาถามราคาโถหรือผะอบอันเล็กๆน่ารักๆ ใบละเท่าไหร่
แม่ค้าจะบอกว่า 30 หรือ 40
อย่าเพิ่งหลวมใจครับ (บางคนกะจะกวาดหมดร้าน)
จริงๆแล้วคือ ใบละ 300 หรือ 400 บาท :roll:
คุณ Copy มาเที่ยวแถวนี้ อย่าลืมแวะมาทักทาย (PM มาก็ได้)
จะพาไปกินร้านอาหารริมน้ำเจ้าเก่ง
ที่หม่อมถนัดศรีมาแปะนิ้วโป้งให้ครับ :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 10
เคยไปเมื่อนานมาแล้วครับ ช่วงที่เขานิยมกันครับ
ถ้ามีโอกาสไปอีก จะแวะไปเยี่ยมครับ
ถ้ามีโอกาสไปอีก จะแวะไปเยี่ยมครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ย้อนยุทธ์ตอนที่ 9 ขนาดปรับเปลี่ยนไป
โพสต์ที่ 13
อา...อนาคต ห้างลูกชายเพื่อนแบ็ตแมน เริ่มเห็นชัดแล้ว
มาเดากันต่อครับว่า สาขาต่อไปคือที่ไหน
มาเดากันต่อครับว่า สาขาต่อไปคือที่ไหน
-
- Verified User
- โพสต์: 8
- ผู้ติดตาม: 0