รุ้งกินน้ำ
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 5
^O-O^
หลักทรัพย์ UEC
หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
วันที่/เวลา 13 พ.ย. 2549 09:21:00
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 105,400 39,039 202,138 118,345
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.74 0.39 1.41 1.18
เห็นแล้วเสียดายมากครับ
UEC : บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (ล้านบาท)
30/06/2549 31/12/2548
สินทรัพย์รวม 1,107.97 1,083.27
หนี้สินรวม 206.55 178.48
ส่วนของผู้ถือหุ้น 901.42 904.78
มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 143.00 143.00
รายได้รวม 543.58 1,086.94
กำไรสุทธิ 96.74 154.82
กำไรต่อหุ้น(บาท) 0.68 1.47
ROA(%)* 21.73 19.84
ROE(%)* 21.46 17.11
อัตรากำไรสุทธิ(%) 17.80 14.24
ณ วันที่ 16/11/2549 30/12/2548
อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(เท่า) 9.13 5.63
อัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(เท่า) 1.75 N.A.
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น(บาท) 6.30 N.A.
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 6.36 -
ราคาล่าสุด(บาท) 11.00 6.35
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1,573.00 908.05
ดูราคาต้นปีซิครับ 6.35 บาทกว่าเอง! เยี่ยมครับตัวนี้ ยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วให้เลยครับ
หลักทรัพย์ UEC
หัวข้อข่าว สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
วันที่/เวลา 13 พ.ย. 2549 09:21:00
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 105,400 39,039 202,138 118,345
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.74 0.39 1.41 1.18
เห็นแล้วเสียดายมากครับ
UEC : บริษัท ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (ล้านบาท)
30/06/2549 31/12/2548
สินทรัพย์รวม 1,107.97 1,083.27
หนี้สินรวม 206.55 178.48
ส่วนของผู้ถือหุ้น 901.42 904.78
มูลค่าหุ้นที่เรียกชำระแล้ว 143.00 143.00
รายได้รวม 543.58 1,086.94
กำไรสุทธิ 96.74 154.82
กำไรต่อหุ้น(บาท) 0.68 1.47
ROA(%)* 21.73 19.84
ROE(%)* 21.46 17.11
อัตรากำไรสุทธิ(%) 17.80 14.24
ณ วันที่ 16/11/2549 30/12/2548
อัตราราคาปิดต่อกำไรต่อหุ้น(เท่า) 9.13 5.63
อัตราส่วนราคาปิดต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(เท่า) 1.75 N.A.
มูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น(บาท) 6.30 N.A.
อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน(%) 6.36 -
ราคาล่าสุด(บาท) 11.00 6.35
มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 1,573.00 908.05
ดูราคาต้นปีซิครับ 6.35 บาทกว่าเอง! เยี่ยมครับตัวนี้ ยกนิ้วโป้งให้สองนิ้วให้เลยครับ
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 7
ชอบมุมมองพี่พอใจครับ
รักในหลวงครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 8
8) วันนี้นั่งอ่านไทยรัฐ
มีบางคอลัมน์น่าสนใจครับ
เอามาฝากกันอ่านครับ สนุกดี
เรื่องแรกพี่หมู นิติภูมิเขียนครับ เปิดฟ้าส่องโลก
เกี่ยวกับประเทศไหนลองอ่านดูนะัครับ อ่านแล้วทึ่งครับ
ระยะหลังๆ พอดีเห็นข่าวประเทศนี้บ่อยมากๆ
ส่วนเรื่องที่สอง นี่อ่านแล้ว มีความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน
เขาเอาไปใช้ตั้ง 18ปี เพิ่งจะรู้สึก
ใึครอ่านแล้วรู้สึกไง มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
ประเทศรวยที่รู้จักสอนคนให้ทํากิน
เมื่อวานผมรับใช้ท่านที่เคารพว่า การค้นพบนํ้ามันดิบเมื่อ พ.ศ. 2503 ได้เปลี่ยนฐานะของสหรัฐอรับเอมิเรตส์จากประเทศยากจนเป็นเศรษฐี ถามว่ารํ่ารวยเป็นอันดับที่เท่าใดของโลก ต้องตอบว่าเป็นลําดับ 2 หลายประเทศผู้ผลิตนํ้ามันในโลกขุดนํ้ามันขึ้นมาขายได้อีกเพียง 20 ปี ก็หมดแล้ว แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ไม่ใช่ นํ้ามันดิบและก๊าซธรรมชาติยังขุดขึ้นใช้ไปได้อีกมากกว่า 100 ปี ปริมาณสํารองนํ้ามันดิบมีมากถึง 98,000 ล้านบาร์เรล เท่ากับ 10% ของนํ้ามันปริมาณสํารองของโลกเลยทีเดียว
มีคนนําความมั่งคั่งมาเรียงกัน สหรัฐอรับเอมิเรตส์รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ถ้าเป็นเรื่องมีนํ้ามันดิบสํารองมาก ก็เป็นลําดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบียและอิรักเช่นเดียวกัน ถ้าถามถึงสํารองก๊าซธรรมชาติที่มีมากถึง 212 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ก็เป็นลําดับ 5 ของโลก
เศรษฐกิจของรัฐอาบูดาบีกับรัฐดูไบมีที่มาแตกต่างกัน รัฐอาบูดาบีรวยเพราะขายนํ้ามันอย่างเดียว เฉพาะรัฐนี้ผลิตนํ้ามันได้ถึงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล ส่งออกมากถึงวันละ 2.1 ล้านบาร์เรล ส่วนรัฐดูไบถูกพัฒนาให้เป็นรัฐที่มีเขตเศรษฐกิจแบบเสรี หรือ Free Trade Zone แรกๆก็ยังไม่เท่าใดหรอกครับ แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ดูไบบูมมาก กลายเป็นโซนเศรษฐกิจเสรีที่มีขนาดใหญ่ลําดับ 5 ของโลก มีบริษัทต่างประเทศหอบเงินเข้าไปลงทุนมากกว่า 900 บริษัทแล้วในขณะนี้
แม้ว่าจะมีนํ้ามันมาก แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ก็เร่งให้ประชาชน คนของตนทํามาหากินโดยไม่ต้องพึ่งพานํ้ามัน ด้วยความพยายามอย่างหนักและต่อเนื่องของรัฐบาล ผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ ว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เศรษฐกิจของประเทศนี้เปลี่ยนจากการส่งออกนํ้ามันเป็นหลัก มาเป็นจากภาคบริการเป็นหลัก ถ้าผู้อ่านท่านนึกถึงสายการบินดีๆชั้นหนึ่งซักสายการบินหนึ่ง ท่านก็ต้องนึกสายการบินเอมิเรตส์ซึ่งครองอันดับ 1 ด้านการบริการของโลกมาเกือบทุกปี แหล่งทําเงินมหาศาลอีกแห่งหนึ่งก็คือท่าเรือที่ดียอดเยี่ยม ผมเรียนรับใช้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าสหรัฐอรับเอมิเรตส์มีท่าเรือขนาดใหญ่ตั้ง 9 แห่ง แต่ละแห่งก็ประสบความสําเร็จสุดยอดทั้งนั้น
ใครจะเชื่อว่า ประเทศที่มีแต่ทะเลทรายจะพัฒนาผืน ทรายสุดลูกหูลูกตาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลกได้ อีก 3 ธุรกิจที่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ประสบความสําเร็จอย่างมากก็คือ การธนาคาร การเงินและเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ผมไปสหรัฐอรับเอมิเรตส์หลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีพลังจากตัวอย่างของการพัฒนาประเทศ ผู้นําประเทศนี้มองอนาคตไปได้ไกลมาก ทั้งๆที่นํ้ามันยังเลี้ยงผู้คนได้อีกตั้ง 100 ปี แต่รัฐบาลของสหรัฐอรับเอมิเรตส์ก็ไม่นิ่งดูดาย ฝึกฝนคนของตนให้เก่งทางด้านอื่น ตั้งแต่ พ.ศ.2543-2547 ในระยะ 5 ปีนี่ เป็นประเทศนี้ส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่นํ้ามันดิบได้มากถึง 52.3% ของการส่งออกทั้งหมด ทุกทีที่ราคานํ้ามันลดลงหลายประเทศที่ส่งออกนํ้ามันมีปัญหา แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ไม่กระทบมาก
ญาติรวมตัวฟ้อง”มีชัย”
นพ.สัญญา วีระไวทยะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในวันที่6-8กุมภาพันธ์นี้ที่ ศาลแพ่งรัชดา เวลา 9.00น.
ตนพร้อมพี่น้องประกอบด้วย นางมาริษา และนางสุมาลี วีระไวทยะ จะร่วมกันเป็นโจทย์เพื่อฟ้อง
นายมีชัย วีระไวทยะเพื่อร้องขอให้ศาลแต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกและดึงคืนที่ดินจำนวน2ไร่ติดชายทะเลหัวหิน
ใกล้เขาตะเกียบ จากนายมีชัย
ซึ่งนายมีชัยได้ทำการครอบครองและนำที่ดินดังกล่าวไปให้รีสอร์ท กบาลทมอเช่าเป็นเวลากว่า18ปีมาแล้ว
อ้างว่าเจ้าของรีสอร์ทเป็นญาติกับภริยาซึ่งหมายถึง ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตนทราบ
หรือไม่มีการแบ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากที่ดินแปลงดังกล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่นพ.สมัคร ผู้เป็นบิดา ถึงแก่กรรมลงและแบ่งสมบัติไปเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือที่ดินตรงนี้
ที่นายมีชัยเก็บไปทำผลประโยชน์เข้าตัวเอง ในฐานะผู้จัดการมรดก
ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและผิดต่อความเป็นพี่น้อง
ซึ่งคงจะต้องตัดญาติขาดมิตรกันตั้งแต่บัดนี้
มีบางคอลัมน์น่าสนใจครับ
เอามาฝากกันอ่านครับ สนุกดี
เรื่องแรกพี่หมู นิติภูมิเขียนครับ เปิดฟ้าส่องโลก
เกี่ยวกับประเทศไหนลองอ่านดูนะัครับ อ่านแล้วทึ่งครับ
ระยะหลังๆ พอดีเห็นข่าวประเทศนี้บ่อยมากๆ
ส่วนเรื่องที่สอง นี่อ่านแล้ว มีความรู้สึกหลายอย่างปะปนกัน
เขาเอาไปใช้ตั้ง 18ปี เพิ่งจะรู้สึก
ใึครอ่านแล้วรู้สึกไง มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับ
ประเทศรวยที่รู้จักสอนคนให้ทํากิน
เมื่อวานผมรับใช้ท่านที่เคารพว่า การค้นพบนํ้ามันดิบเมื่อ พ.ศ. 2503 ได้เปลี่ยนฐานะของสหรัฐอรับเอมิเรตส์จากประเทศยากจนเป็นเศรษฐี ถามว่ารํ่ารวยเป็นอันดับที่เท่าใดของโลก ต้องตอบว่าเป็นลําดับ 2 หลายประเทศผู้ผลิตนํ้ามันในโลกขุดนํ้ามันขึ้นมาขายได้อีกเพียง 20 ปี ก็หมดแล้ว แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ไม่ใช่ นํ้ามันดิบและก๊าซธรรมชาติยังขุดขึ้นใช้ไปได้อีกมากกว่า 100 ปี ปริมาณสํารองนํ้ามันดิบมีมากถึง 98,000 ล้านบาร์เรล เท่ากับ 10% ของนํ้ามันปริมาณสํารองของโลกเลยทีเดียว
มีคนนําความมั่งคั่งมาเรียงกัน สหรัฐอรับเอมิเรตส์รวยเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ถ้าเป็นเรื่องมีนํ้ามันดิบสํารองมาก ก็เป็นลําดับ 2 ของโลกรองจากซาอุดีอาระเบียและอิรักเช่นเดียวกัน ถ้าถามถึงสํารองก๊าซธรรมชาติที่มีมากถึง 212 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ก็เป็นลําดับ 5 ของโลก
เศรษฐกิจของรัฐอาบูดาบีกับรัฐดูไบมีที่มาแตกต่างกัน รัฐอาบูดาบีรวยเพราะขายนํ้ามันอย่างเดียว เฉพาะรัฐนี้ผลิตนํ้ามันได้ถึงวันละ 2.2 ล้านบาร์เรล ส่งออกมากถึงวันละ 2.1 ล้านบาร์เรล ส่วนรัฐดูไบถูกพัฒนาให้เป็นรัฐที่มีเขตเศรษฐกิจแบบเสรี หรือ Free Trade Zone แรกๆก็ยังไม่เท่าใดหรอกครับ แต่ตั้งแต่ พ.ศ. 2537 เป็นต้นมา ดูไบบูมมาก กลายเป็นโซนเศรษฐกิจเสรีที่มีขนาดใหญ่ลําดับ 5 ของโลก มีบริษัทต่างประเทศหอบเงินเข้าไปลงทุนมากกว่า 900 บริษัทแล้วในขณะนี้
แม้ว่าจะมีนํ้ามันมาก แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ก็เร่งให้ประชาชน คนของตนทํามาหากินโดยไม่ต้องพึ่งพานํ้ามัน ด้วยความพยายามอย่างหนักและต่อเนื่องของรัฐบาล ผู้อ่านท่านเชื่อไหมครับ ว่าตั้งแต่ พ.ศ. 2548 เศรษฐกิจของประเทศนี้เปลี่ยนจากการส่งออกนํ้ามันเป็นหลัก มาเป็นจากภาคบริการเป็นหลัก ถ้าผู้อ่านท่านนึกถึงสายการบินดีๆชั้นหนึ่งซักสายการบินหนึ่ง ท่านก็ต้องนึกสายการบินเอมิเรตส์ซึ่งครองอันดับ 1 ด้านการบริการของโลกมาเกือบทุกปี แหล่งทําเงินมหาศาลอีกแห่งหนึ่งก็คือท่าเรือที่ดียอดเยี่ยม ผมเรียนรับใช้ไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าสหรัฐอรับเอมิเรตส์มีท่าเรือขนาดใหญ่ตั้ง 9 แห่ง แต่ละแห่งก็ประสบความสําเร็จสุดยอดทั้งนั้น
ใครจะเชื่อว่า ประเทศที่มีแต่ทะเลทรายจะพัฒนาผืน ทรายสุดลูกหูลูกตาให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลกได้ อีก 3 ธุรกิจที่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ประสบความสําเร็จอย่างมากก็คือ การธนาคาร การเงินและเทคโนโลยีด้านการสื่อสาร ผมไปสหรัฐอรับเอมิเรตส์หลายครั้ง แต่ละครั้งก็จะมีพลังจากตัวอย่างของการพัฒนาประเทศ ผู้นําประเทศนี้มองอนาคตไปได้ไกลมาก ทั้งๆที่นํ้ามันยังเลี้ยงผู้คนได้อีกตั้ง 100 ปี แต่รัฐบาลของสหรัฐอรับเอมิเรตส์ก็ไม่นิ่งดูดาย ฝึกฝนคนของตนให้เก่งทางด้านอื่น ตั้งแต่ พ.ศ.2543-2547 ในระยะ 5 ปีนี่ เป็นประเทศนี้ส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่นํ้ามันดิบได้มากถึง 52.3% ของการส่งออกทั้งหมด ทุกทีที่ราคานํ้ามันลดลงหลายประเทศที่ส่งออกนํ้ามันมีปัญหา แต่สหรัฐอรับเอมิเรตส์ไม่กระทบมาก
ญาติรวมตัวฟ้อง”มีชัย”
นพ.สัญญา วีระไวทยะ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าในวันที่6-8กุมภาพันธ์นี้ที่ ศาลแพ่งรัชดา เวลา 9.00น.
ตนพร้อมพี่น้องประกอบด้วย นางมาริษา และนางสุมาลี วีระไวทยะ จะร่วมกันเป็นโจทย์เพื่อฟ้อง
นายมีชัย วีระไวทยะเพื่อร้องขอให้ศาลแต่งตั้งตนเป็นผู้จัดการมรดกและดึงคืนที่ดินจำนวน2ไร่ติดชายทะเลหัวหิน
ใกล้เขาตะเกียบ จากนายมีชัย
ซึ่งนายมีชัยได้ทำการครอบครองและนำที่ดินดังกล่าวไปให้รีสอร์ท กบาลทมอเช่าเป็นเวลากว่า18ปีมาแล้ว
อ้างว่าเจ้าของรีสอร์ทเป็นญาติกับภริยาซึ่งหมายถึง ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ตนทราบ
หรือไม่มีการแบ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากที่ดินแปลงดังกล่าว
ทั้งนี้ตั้งแต่นพ.สมัคร ผู้เป็นบิดา ถึงแก่กรรมลงและแบ่งสมบัติไปเรียบร้อยแล้ว ยังเหลือที่ดินตรงนี้
ที่นายมีชัยเก็บไปทำผลประโยชน์เข้าตัวเอง ในฐานะผู้จัดการมรดก
ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายและผิดต่อความเป็นพี่น้อง
ซึ่งคงจะต้องตัดญาติขาดมิตรกันตั้งแต่บัดนี้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 11
อืมม บ้านหลังที่ ๓ ของผมEto Demerzel เขียน:UAE น่าทึ่งจริงๆ ครับ
ตอนผมทำงานแรกในชีวิต
เขียนโปรแกรมเล็กๆ จัดการด้านส่งออก
ให้กับบริษัท export แห่งหนึ่ง
ที่ลูกค้าหลักมาจากดูไบ
ตอนนั้น ดูไบยังเป็นเมืองเล็กๆ อยู่เลย
อืมม์ ตอนนั้นก็ 2531 นิ
ตอนผมมาเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ดูไบ ก็ยังเป็นเมืองเล็กอยู่เลย วิ่งรถจากอาบูดาบีเห็นแต่ทะเลทราย ๒ ข้างทาง
มาวันนี้ กลายเป็น ตึกสูง ช้อปปิ้งมอลล์ เต็มไปหมด
ผมอยู่นี่ ยังทึ่งเลย กับการเปลี่ยนแปลง :shock:
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 12
8) เมื่อประมาณ 6ปีที่แล้วเราได้ผู้นำที่มีวิชั่นมาคนนึงปุย เขียน:
อืมม บ้านหลังที่ ๓ ของผม
ตอนผมมาเมื่อ ๖ ปีที่แล้ว ดูไบ ก็ยังเป็นเมืองเล็กอยู่เลย วิ่งรถจากอาบูดาบีเห็นแต่ทะเลทราย ๒ ข้างทาง
มาวันนี้ กลายเป็น ตึกสูง ช้อปปิ้งมอลล์ เต็มไปหมด
ผมอยู่นี่ ยังทึ่งเลย กับการเปลี่ยนแปลง :shock:
มีโอกาสที่จะทำให้ประเทศก้าวไกล
ด้วยมีอะไรหลายอย่าง
ที่ควบคุมการเมืองการเลือกตั้งได้อย่างมีเอกภาพ
กว่้าทุกคนที่เคยเป็นมา
แต่แกไม่ทำครับ
หรือถ้าใครว่าทำ ผมว่าก็คงทำไม่สำเร็จ
ดังนั้นน้องปุยจากเมืองไทยไป6ปี
กลับมาก็คงได้เห็นความเปลี่ยนแปลง
เฉพาะที่สนามบินอย่างเดียว
เพราะเรื่องราวน้ำเน่าในบ้านเรา
ก็ยังอยู่เกือบครบเช่นตอนที่ไป
ผมเช็คจากเรตติ้งละครที่เน่าตั้งกะผมเป็นเด็ก
จนทุกวันนี้ก็นังตัวร้ายก็ยังได้รับบทเอกเช่นที่เคยเป็นมา
แหม อะไรมันจะร้ายได้ปานนั้น เชียวนะ คนเรา
ตัวละครแบ๊นแบนแบนแบน
ก็ยังดูกันเข้าไปด้ายยยยย.....
ผมโพสอย่างนี้ที่เวบนี้พอได้ มีสาวๆน้อย
ถ้าไปโพสที่อื่น
ระเบิดลงแน่...แฮ่....ไปดีกว่า....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 16

แต่ไม่อยากตั้งกระทู้ใหม่
จำได้ว่าเคยตั้งกระทู้ชื่อนี้ไว้
ก็เลยไปเซิร์จดู
พอเจอก็เลยมานั่งอ่านก่อน
เมื่อก่อนพูดถึง snc กับ uecไว้เยอะเหมือนกันแฮะ
2หุ้นนี่ทำให้พอร์ตผมบวกไว้นิดหน่อย
แต่ปรากฎว่ามีพี่น้องในเวบติดกันเยอะ
snc เนื่องจากเพิ่มทุน
uec เนื่องจากsplit par
uecผมไม่มีcommentเนื่องจากผมได้ขายหมูไปถ้าเทียบราคาก็พอๆกับราคาทุกวันนี้
ผมนั่งคำนวณราคาอยู่คิดว่าได้แค่นี้ก็หรูแหละ ก็ขายไป
มานก็วิ่งไปจนเกือบ45บาทได้มั๊ง
พอsplit parก็เริ่มๆซาลงมา
sncนี่สิครับ
ถ้าเพิ่มทุนด้วยวิธีที่นุ่มนวลกว่านี้เช่นออกวอร์ หรือทยอยออกพีพีครั้งละไม่มากนัก
ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่าเพิ่มทุนโดยพีโอไม่ให้สิทธิใครเช่นนี้
ถ้าให้ผมเดาราคาอาจจะไปเกินกว่าก่อนเพิ่มทุนพอควรทีเดียว
คนเสียหายมากสุดก็คนที่ตัดสินใจทำนั่นแหละครับ
คงได้บทเรียนไปพอควร
แต่ถ้าเทียบเป็น%ความเสียหาย พวกเราเสียหายมากกว่าเยอะครับ
เพราะเราไม่ได้มีเงินเยอะเหมือนท่านๆนิครับ
หุ้นรักของผมเทียวนะครับเนี่ย
พอมีคนติดเยอะๆนี่ราคายากจะไปจริงๆครับ
พอขึ้นมาที ก็มีคนรอขายเอาทุนคืนอยู่เพียบ
ผมยังตามดูอยู่ไม่ห่าง
คิดว่าพื้นฐานเปลี่ยนไป ก็ต้องตามดูละเอียดไปอีกแบบ
ผมยังเชื่ออยู่ลึกๆว่าบริษัทนี้จะกลับมาแน่นอน
ทุกวันนี้เขาเดินมาถูกทางแล้วครับ
ค่อยๆสร้างฐานรายได้ขึ้นมาเพิ่มหลายๆขา
เรียกว่าอีกหน่อยยืนได้มั่นคงกว่าเดิม
ที่ต้องนั่งรีดท่อแล้วก็มานั่งพ่นไฟเชื่อมท่อ
งานพวกนี้กินยากจะตาย
งานประกอบแอร์นี่แหละ จะเป็นจุดเริ่มต้นให้งานต้นน้ำอื่นๆตามมา
ค่อยๆต่อจิ๊กซอว์ไปอย่างนี้แหละ
พอเป็นรูปเป็นร่างก็ได้การ
ฮ่า...ถ้าตามละเอียดๆก็คงได้สัญญาณก่อนละ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 17

อ่านแล้วรู้สึกดีจัง
คิดว่าถ้าใครมีความคิดเหมือนหมวยคนนี้
เข้าใจโลก
เข้าใจวิถีแห่งธรรม-มะ-ชาติได้เช่นนี้
ต้องถือว่าสุดยอดแห่งการใช้ชีวิตได้คนนึง
ชีวิตที่เหลืออยู่นี่คงมีความสุขมาก
และถือได้ว่ากำไรมากมายแน่นอน
แปลกนะหรือเรื่องพวกนี้ต้องรอแก่ก่อนจึงค่อยบ่มจนเกิดปัญญา
ผมคิดว่าถ้าลูกๆของผม หรือพี่ๆน้องๆในเวบที่ยังหนุ่มแน่นอยู่เข้าใจวิถีเช่นนี้
แล้วยังมีชีวิตอยู่อีกหลายสิบปี
คงดำรงตนในสังคมได้ดีไม่น้อยทีเดียว
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 18

เรื่องของคิม ฟุค
คิม ฟุค คือเด็กหญิงชาวเวียดนามใต้คนนั้น
ซึ่งช่างภาพอเมริกันได้ถ่ายไว้
ขณะที่เธอและเพื่อนบ้านกำลังแตกตื่นหนีภัย
แม้เธอจะรอดตายจากระเบิดนาปาล์มที่ทิ้งลงหมู่บ้านของเธอ
แต่ไฟก็ได้เผาลวกผิวหนังของเธอถึง 65 เปอร์เซ็นต์
เธอต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลถึง 14 เดือน
และผ่านการผ่าตัดถึง 17 ครั้งกว่าจะหายเป็นปรกติ
เธอยังโชคดีเมื่อเทียบกับลูกพี่ลูกน้องอีก 2 คน
ซึ่งตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
นั่นคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2515
เมื่อเวียดนามกลายเป็นคอมมิวนิสต์
3 ปี ต่อมาก็ไม่มีข่าวคราวของเธอปรากฏสู่โลกภายนอกอีกเลย
แต่แล้ววันหนึ่งในปี 2539 คิม ฟุค ก็ได้มาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชาวอเมริกัน
ซึ่งเคยผ่านสมรภูมิเวียดนาม
เธอได้รับเชิญให้มาพูดเนื่องในโอกาสวันทหารผ่านศึก ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.
การได้มาเผชิญหน้ากับกลุ่มคนซึ่งครั้งหนึ่ง เคยมาทำลายบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ
ทำให้ญาติพี่น้องของเธอต้องตาย และเกือบฆ่าเธอให้ตายไปด้วยนั้น
ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ทำใจได้ง่ายนัก แต่เธอมาก็เพื่อจะบอกให้พวกเรารู้ว่า
สงครามนั้นได้ก่อความทุกข์ทรมานแก่ผู้คนอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เล่าถึงประสบการณ์อันเจ็บปวดของเธอแล้ว
เธอก็ได้เผยความในใจว่า มีเรื่องหนึ่ง
ที่เธออยากจะบอกต่อหน้านักบินที่ทิ้งระเบิดใส่หมู่บ้านของเธอ
พูดมาถึงตรงนี้ก็มีคนส่งข้อความมาบอกว่า
คนที่เธอต้องการพบกำลังนั่งอยู่ในห้องประชุมนี้
เธอจึงเผยความในใจออกมาว่า
ฉันอยากบอกเขาว่า เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้
แต่เราควรพยายามทำสิ่งดี ๆ
เพื่อ ส่งเสริมสันติภาพทั้งในปัจจุบัน และอนาคต
เมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที
อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง
เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า ผมขอโทษ ผมขอโทษจริง ๆ
คิมเข้าไปโอบกอดเขาแล้วตอบว่า
ไม่เป็นไร ฉันให้อภัย ฉันให้อภัย
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่เราจะให้อภัย โดยเฉพาะกับคนที่ทำร้ายเราปางตาย
คิม ฟุค เล่าว่าเหตุการณ์ ครั้งนั้นสร้างความทุกข์ทรมานแก่เธอทั้งกายและใจ
จนเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างไร
แต่แล้วเธอก็พบว่าสิ่งที่ทำร้ายเธอจริง ๆ มิใช่ใครที่ไหน
หากได้แก่ความเกลียดที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง
ฉันพบว่าการบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้สามารถฆ่าฉันได้
เธอพยายามสวดมนต์และแผ่เมตตาให้ศัตรู
และแก่คนที่ก่อความทุกข์ให้เธอ แล้วเธอก็พบว่า
หัวใจฉันมีความอ่อนโยนมากขึ้น เรื่อย ๆ เดี๋ยวนี้ฉันสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเกลียด
เราไม่อาจควบคุมกำกับผู้คนให้ทำดี หรือไม่ทำชั่วกับเราได้
แต่เราสามารถควบคุมกำกับจิตใจของเราได้
เราไม่อาจเลือกได้ว่ารอบตัวเรา
ต้องมีแต่คนน่ารักพูดจาอ่อนหวาน
แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะทำใจอย่างไร
เมื่อประสบกับสิ่งไม่พึงปรารถนา
คิม ฟุค ได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของตัวเองว่า
ฉันน่าจะโกรธ แต่ฉันเลือกอีกทางหนึ่ง แล้วชีวิตของฉันก็ดีขึ้น
บทเรียนของ คิม ฟุค คือ
ในเมื่อเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้
เราจึงไม่ควรปักใจอยู่กับอดีต
แต่เราสามารถเรียนรู้จากอดีตเพื่อทำปัจจุบัน และอนาคตให้ดีขึ้น
การอยู่กับความโกรธ เกลียด และความขมขื่นนั้น ทำให้ฉันเห็นคุณค่าของการให้อภัย"
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 22

ที่เธอพูดน่ะดูเหมือนง่ายนะ
จริงๆสำหรับผมคงทำมาน้อย
ผมว่ายากถึงยากมากๆถึงยากที่สุด
เวลาจิตที่ยังไม่ถูกฝึกนี่มันพยศมากๆนะครับ
มันพาเราหลุดไปขุมอเวจี เรายังไม่รู้เลยครับ
คิดว่าอยู่ตรงนี้แหละสวรรค์...ฮ่า...
เรื่องจิตนี้ไม่ใช่แค่คิดๆก็จะทำได้
ไม่ฝึกก็ไม่มีวันได้เหมือนกัน
อือม..แต่พระอาจารย์ที่วัดผา...เล่าให้ฟังว่าเคยมีคนฝึกมาตั้งแต่ชาติที่แล้ว
มาชาตินี้มานั่งหนแรกที่วัดผานี่แหละ
อายุก็มากแล้ว
พอมานั่งรอบแรกวันแรก
ก็ตัดผัสสะตัดความคิดที่เกิดได้เป็นท่อนๆเลย
เลิกทุกข์เลิกสุข ไปได้เลยในทันที
อย่างนี้ก็มีนะครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 23
เรื่องการให้อภัย นี่ยากมากๆdino เขียน:แหะ แหะ เยี่ยมครับพี่
พี่พอใจก็เป็นพี่พอใจของน้องๆเสมอ ที่นำแต่สิ่งดีๆมาเล่าให้เราฟัง ขอบคุณมากๆครับ
มิฉนั้นคงไม่มีคำกล่าวของท่านที่ผมนับถือมากที่สุดเคยว่าไว้
"การให้อภัยเป็นทานอันสูงสุด"
พูดและฟัง ง๊ายง่าย ทำ(สำหรับผม)โคตรจะยากเลย
ค้นพบส่วนตัวว่า...มีอุบายนึงทำให้ง่ายขึ้นครับ
การคบกับคนที่มองโลกในแง่ดีให้มากๆเข้าไว้
เขาจะชักจูงเราออกไปที่สว่างๆได้
ผมมีเพื่อนดีๆอย่างนี้หลายคน
ผมอาจทำบุญเรื่องจิตนี้มาน้อย
เลยต้องฝึกเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่ายากหนักหนากว่าคนอื่น
แต่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆบางคนที่คบแล้วเข้าข่ายกัลยาณมิตรที่มีอยู่นี้
รู้สึกว่าคงเคยทำบุญด้านนี้มาบ้างเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 24
รูปที่พี่พอใจเอามาให้ดู
เป็นหนึ่งในรูปที่ได้รางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี
จำติดตรึงตามาก
อีกรูปเป็นรูปทหารอเมริกันเอาปืนจี้ขมับเวียดกงแถวๆนาตรัง ในเวียดนามนั่นแหละ แล้วก็...เปรี้ยง
บรื๋อ ขนลุก
น่าชื่นชมคำสัมภาษณ์ของเธอที่ให้อภัยกับทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต
เคยได้ยินคำพูดประเภทนี้บ้างจากเหยือสงครามทำนองว่า
" I won't forgive you, but God will "
เป็นหนึ่งในรูปที่ได้รางวัลพูลิตเซอร์ประจำปี
จำติดตรึงตามาก
อีกรูปเป็นรูปทหารอเมริกันเอาปืนจี้ขมับเวียดกงแถวๆนาตรัง ในเวียดนามนั่นแหละ แล้วก็...เปรี้ยง
บรื๋อ ขนลุก
น่าชื่นชมคำสัมภาษณ์ของเธอที่ให้อภัยกับทุกสิ่งทุกอย่างในอดีต
เคยได้ยินคำพูดประเภทนี้บ้างจากเหยือสงครามทำนองว่า
" I won't forgive you, but God will "

-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 26
เพิ่งมาเห็นกระทู้นี้
ขอบคุณพี่ป้อม ได้ข้อคิดดีๆอีกแล้ว
เสริมเรื่องบรัษัทนิดนึง จากที่ผมเห็นๆมานะครับ
บริษัทคนไทยที่มักเจอ เหมือนจะไม่ค่อยกล้าคิดใหญ่ ทำใหญ่ ระบบทำงานไม่ professional แบบพวกต่างชาติ เดาว่าเป็นเพราะความ"หยวนๆ" ของพี่ไทยน่าจะมีส่วน
เช่น เครื่องไหนไม่เจ๊งยับ ก็จะใช้ๆหยวนๆไป ถ้าพวกต่างชาตินี่ เครื่องวิ่งperformance ไม่ถึงเกณฑ์ เพี้ยนสักเสี้ยว นี่ก็ไล่แก้กันแล้ว ไม่มีมารอให้เจ๊งบักโกรกจนเดี๊ยง(พูดทั่วไปนะ งานเฉพาะทางก็ละเีอียดดี)
และ คนไทยส่วนมาก ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน ให้เข้ากับเวลา อะไรๆก็ทำเรื่อยๆ ไม่เสร็จก็โอทีต่อ สั้นๆ คือ ขี้เกียจนันหล่ะครับ...ฝรั่งมันมาถึงตรงเวลา รีบๆทำงานให้เสร็จ เสร็จก่อนเลิกงงานอีก แล้วรีบๆกลับบ้าน ไม่ชอบนั่งแช่ออฟฟิศหลักเลิกงาน
..จริงๆนะ ผมเห็นต่างชาติ มาเทียบกะไทย พี่ไทยส่วนมากเป็นงี้จริงๆ เพราะผมก็หนึ่งในนั้น
ขอบคุณพี่ป้อม ได้ข้อคิดดีๆอีกแล้ว
เสริมเรื่องบรัษัทนิดนึง จากที่ผมเห็นๆมานะครับ
บริษัทคนไทยที่มักเจอ เหมือนจะไม่ค่อยกล้าคิดใหญ่ ทำใหญ่ ระบบทำงานไม่ professional แบบพวกต่างชาติ เดาว่าเป็นเพราะความ"หยวนๆ" ของพี่ไทยน่าจะมีส่วน
เช่น เครื่องไหนไม่เจ๊งยับ ก็จะใช้ๆหยวนๆไป ถ้าพวกต่างชาตินี่ เครื่องวิ่งperformance ไม่ถึงเกณฑ์ เพี้ยนสักเสี้ยว นี่ก็ไล่แก้กันแล้ว ไม่มีมารอให้เจ๊งบักโกรกจนเดี๊ยง(พูดทั่วไปนะ งานเฉพาะทางก็ละเีอียดดี)
และ คนไทยส่วนมาก ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงาน ให้เข้ากับเวลา อะไรๆก็ทำเรื่อยๆ ไม่เสร็จก็โอทีต่อ สั้นๆ คือ ขี้เกียจนันหล่ะครับ...ฝรั่งมันมาถึงตรงเวลา รีบๆทำงานให้เสร็จ เสร็จก่อนเลิกงงานอีก แล้วรีบๆกลับบ้าน ไม่ชอบนั่งแช่ออฟฟิศหลักเลิกงาน
..จริงๆนะ ผมเห็นต่างชาติ มาเทียบกะไทย พี่ไทยส่วนมากเป็นงี้จริงๆ เพราะผมก็หนึ่งในนั้น

^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 28
บทสวดประโยคหนึ่งในศาสนาผมครับ:por_jai เขียน:เรื่องการให้อภัย นี่ยากมากๆ
มิฉนั้นคงไม่มีคำกล่าวของท่านที่ผมนับถือมากที่สุดเคยว่าไว้
"การให้อภัยเป็นทานอันสูงสุด"
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ที่ไหนมีโลภ ที่นั่นมีความตาย
ที่ไหนมีอภัย ที่นั่นมีพระเจ้า (พระศาสดาคัมภีร์ศิริคุรูครันท์ซาฮิบ หน้า1372)
สำหรับผมแล้ว พี่พอใจเป็นหนึ่งในกัลยาณมิตรของผมเลยครับ พี่ให้คำแนะนำดีๆกับผมเสมอ แถมยังเป็นกำลังใจให้ผมเวลาผมท้อ ขอบคุณมากครับpor_jai เขียน:....แต่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆบางคนที่คบแล้วเข้าข่ายกัลยาณมิตรที่มีอยู่นี้
รู้สึกว่าคงเคยทำบุญด้านนี้มาบ้างเหมือนกัน
รักในหลวงครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
รุ้งกินน้ำ
โพสต์ที่ 30
ได้รับฟอร์เวิดเมลล์ เรื่องนี้มาเหมือนกัน
เรื่องการอภัยนั้น จะค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเบื้องแรกที่หัดให้อภัยคน
ในส่วนที่ยากที่สุดในการอภัย ดิฉันเห็นทีจะลงความเห็นให้ การให้อภัยตัวเอง
การอภัยให้คนประเภททั่วไปไม่ถือว่ายากมาก
และการให้อภัยคนที่เรารักที่สุดนั้น ก็นับว่ายากแล้ว
แต่พบว่า การอภัยให้ตัวเองยิ่งยากกว่ามาก
ก็ยังไม่สามารถอภัยให้ตัวเองได้อย่างหมดจด
ผ่านมานานนับสิบปีแล้ว สีหน้ายังคงอาบด้วยความเจ็บปวดอยู่
บาดแผลในใจของผู้กระทำนั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ถูกกระทำเลย
และจะว่าไปแล้ว อาจรักษาเยียวยาได้ยากกว่าด้วยซ้ำ

เรื่องการอภัยนั้น จะค่อนข้างยาก โดยเฉพาะเบื้องแรกที่หัดให้อภัยคน
ในส่วนที่ยากที่สุดในการอภัย ดิฉันเห็นทีจะลงความเห็นให้ การให้อภัยตัวเอง
การอภัยให้คนประเภททั่วไปไม่ถือว่ายากมาก
และการให้อภัยคนที่เรารักที่สุดนั้น ก็นับว่ายากแล้ว
แต่พบว่า การอภัยให้ตัวเองยิ่งยากกว่ามาก
ขนาดว่าอุทิศตัวเข้าไปเป็นศาสนาจารย์ในโบสถ์แล้วเมื่อเธอบรรยายเสร็จ ลงมาจากเวที
อดีตนักบินที่เกือบฆ่าเธอก็มายืนอยู่เบื้องหน้าเธอ
เขามิใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศาสนาจารย์ประจำโบสถ์แห่งหนึ่ง
เขาพูดด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า ผมขอโทษ ผมขอโทษจริง ๆ
ก็ยังไม่สามารถอภัยให้ตัวเองได้อย่างหมดจด
ผ่านมานานนับสิบปีแล้ว สีหน้ายังคงอาบด้วยความเจ็บปวดอยู่
บาดแผลในใจของผู้กระทำนั้น ไม่ได้น้อยไปกว่าผู้ถูกกระทำเลย
และจะว่าไปแล้ว อาจรักษาเยียวยาได้ยากกว่าด้วยซ้ำ
