ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 2
ผมมีญาติผมไปลงทุนที่เมืองจีนครับ และผมก็ฝากเงินให้แกไปลงทุนไม่มาก ช่วงนี้ไม่ได้ข่าวกลับมาเลย ว่าเป็นอย่างไร แต่รู้ช่วงปีที่แล้วกำไรดีมากครับ หลังๆช่วงเริ่มหลังตรุษจีนมาเงียบหายไปเลยครับ เพราะเห็นแกเล่าให้ฟังว่า ทุกคนต่างคาดหวังว่าโอลิมปิกหุ้นจีนจะวิ่งทะลุไปถึงเกือบหมื่นจุด แต่ตอนนี้เริ่มมีปัญหาหลายๆอย่างทั้งทิเบต เงินเฟ้อ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่างานนี้ไม่หมูอย่างที่คิดซะแล้วครับ น้องสาวผมพึ่งกลับจากเมืองชุงชิง บอกว่าก่อนซื้อซาลาเปา ชุดละ หนึ่งหยวน ปัจจุบันปาไป สามหยวน ขนาดเมืองนี้ไม่ได้เจริญมากนะครับ เริ่มเห็นสัญญาณไม่ดีเท่าไหร่ครับ
แต่ประเทศไทยเผลอๆผมว่าอาจเป็นปีทองของเกษตรกรครับ ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นทีเทอญ ชาติไทยจะได้รวยๆ
แต่ประเทศไทยเผลอๆผมว่าอาจเป็นปีทองของเกษตรกรครับ ภาวนาให้เป็นอย่างนั้นทีเทอญ ชาติไทยจะได้รวยๆ
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 3
Q407 ผู้ใหญ่ท่านนึง ผมบอกว่า ตลาดจีนเตรียมเข้าใกล้ดอย แมงเม่าในคราบ ผู้ออกกองทุน ก็ตามกระแสทันที ออกกองทุนมากันตรึม ชักชวนไปดอยกันอื้อเลย
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1976
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 5
วันนี้ฟังนักวิเคราะห์ฮ่องกงใน bloomberg เจ็แกด่า โบรกฝรั่งเต็มๆ ด้วยเหตุผลต่างๆนาๆ ซึ่งปัจจุบัน CSI 300 PE วิ่งอยู่ที่ 30 ผมว่าตัวเลขนี้คงคุ้นๆกันเชียวละ แต่เจ๊แกบอกว่า จีน เงินหนา พื้นฐานดี ยังงู้นยังงี้ และบอกว่าโบรกฝรั่งมองร้ายเกินไป ฟังแล้ว ก็อะนะ ทำใจเงินฝากญาติไปลงทุนหุ้นจีน ถึงแม้ไม่มากแต่คงขาดทุนหลายตังแฮะ
-
- Verified User
- โพสต์: 149
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 7
ผมถามไทยพาณิชย์ว่ามีกองทุนลงทุนในหุ้นสหรัฐบ้างมั้ย
แกมองหน้าผมเหมือน อ้ายนี่ไม่รู้เรื่องเล้ย
แล้วก็นำเสนอกองทุนหุ้นแฟชั่นยอดดอยให้ผมแทน
ตอนนี้ราคาอสังหาในสหรัฐ
ฟลอริดาลงไปครึ่งนึง
แคลิฟอร์เนีย ร้อยละ 30
ราคาหุ้นบางตัวก็น่าซื้อมากขึ้นเยอะ
แกมองหน้าผมเหมือน อ้ายนี่ไม่รู้เรื่องเล้ย
แล้วก็นำเสนอกองทุนหุ้นแฟชั่นยอดดอยให้ผมแทน
ตอนนี้ราคาอสังหาในสหรัฐ
ฟลอริดาลงไปครึ่งนึง
แคลิฟอร์เนีย ร้อยละ 30
ราคาหุ้นบางตัวก็น่าซื้อมากขึ้นเยอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 1808
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 13
ผมว่าน่าจะเป็นที่ เหตุไม่ดีหลายอย่างๆประกอบกันละมังครับ
"Risk comes from not knowing what you're doing" - Warren Buffet
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
สุดยอดของความซับซ้อนคือความเรียบง่าย
http://www.sarut-homesite.net/
-
- Verified User
- โพสต์: 1734
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 14
ตอนที่ผมไปเที่ยวปักกิ่ง เมื่อเจ็ดเดือนก่อน
หุ้นเซี้ยงไฮ้ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถว 6000 จุด
ถ้าตลาดหุ้นเซี้ยงไฮ้เละ ตลาดหุ้นเซินเจิ้นต้องเละกว่าเซี้ยงไฮ้
เพราะมี่หุ้นต้มตุ๋นมาร์เก็ตแคปต่ำๆ อยู่เต็มตลาดหุ้นเซินเจิ้น
คุณชัยพรน่าจะรอดนะ ถ้ามีวินัยในการลงทุน ตามที่บอกผมไว้
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 48551.html
หุ้นเซี้ยงไฮ้ยังป้วนเปี้ยนอยู่แถว 6000 จุด
ถ้าตลาดหุ้นเซี้ยงไฮ้เละ ตลาดหุ้นเซินเจิ้นต้องเละกว่าเซี้ยงไฮ้
เพราะมี่หุ้นต้มตุ๋นมาร์เก็ตแคปต่ำๆ อยู่เต็มตลาดหุ้นเซินเจิ้น
คุณชัยพรน่าจะรอดนะ ถ้ามีวินัยในการลงทุน ตามที่บอกผมไว้
http://topicstock.pantip.com/sinthorn/t ... 48551.html
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 15
เมื่อวานผมซื้อกองทุนหุ้นที่ลงทุนในจีนไปแล้วแฮะ
อสังหาในเมกาก็น่าสนใจ แต่น่าจะมีต่ำกว่านี้ รอไปก่อน
ทองเริ่ม consolidate อาจจะมี big run อีกครั้ง
เลยซื้อทองเพิ่มไปอีกหน่อย
ตลาดไทยก็น่าสน ดูๆ แล้วความเสี่ยงสูงเหมือนกัน
แต่ราคาไม่ได้แพงมากมาย ถือมันเต็มพอร์ทแบบนี้แหละ
อสังหาในไทยก็ยิ่งน่าสน ทำไมฝรั่งปากบอกไทยเสี่ยงสูง
การเมืองไม่นิ่ง แต่ขนเงินเข้ามาซื้อที่ดินงามๆ กันเป็นว่าเล่น
สรุปว่า มีคนซื้อก็คงมีคนขายมังครับ เป็นธรรมดาโลก
อสังหาในเมกาก็น่าสนใจ แต่น่าจะมีต่ำกว่านี้ รอไปก่อน
ทองเริ่ม consolidate อาจจะมี big run อีกครั้ง
เลยซื้อทองเพิ่มไปอีกหน่อย
ตลาดไทยก็น่าสน ดูๆ แล้วความเสี่ยงสูงเหมือนกัน
แต่ราคาไม่ได้แพงมากมาย ถือมันเต็มพอร์ทแบบนี้แหละ
อสังหาในไทยก็ยิ่งน่าสน ทำไมฝรั่งปากบอกไทยเสี่ยงสูง
การเมืองไม่นิ่ง แต่ขนเงินเข้ามาซื้อที่ดินงามๆ กันเป็นว่าเล่น
สรุปว่า มีคนซื้อก็คงมีคนขายมังครับ เป็นธรรมดาโลก
-
- Verified User
- โพสต์: 16
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 20
กองทุน tmbchina ไปลง etf ตาม link นี้ครับ
http://www.bloomberg.com/apps/cbuilder?ticker1=2823:HK
โปรดตรวจสอบความถูกต้องครับ
http://www.bloomberg.com/apps/cbuilder?ticker1=2823:HK
โปรดตรวจสอบความถูกต้องครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 21
จีนเป็นฟองสบู่อยู่จริงหรือครับ ผมว่า
น่าจะเป็นแค่ short term hiccup เอง
ตอนนี้จีนเข้าสู่ระยะที่สามของการพัฒนาประเทศหลังเปลี่ยนการปกครอง
ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกระยะนี้ว่า urbanization
ดังนั้น การสร้างบ้านเรือนตึกคอนโดต่างๆ จะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และกระจายไปตามมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศ
เมืองจีนนั้น ยังมีพลังที่จะ "consume" ได้อีกเยอะมาก
เพราะประชากรส่วนใหญ่ในประเทศยังอดอยาก
และรัฐบาลก็เริ่มมี resources มากพอที่จะ "สร้าง" ต่อไป
urbanization จะกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปีเลยทีเดียว
ดูเหมือนแผนการพัฒนาประเทศระยะยาว 100 ปีของจีน
จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ แทบไม่สะดุดเลย
ตอนนี้ แมงเม่าจีนเริ่มได้บทเรียนสำคัญไปแล้ว
ที่เห็น wealth ตัวเองหายไป 50% ต่อหน้าต่อตาในไม่กี่เดือน
เห็นบทสัมภาษณ์นักลงทุนในประเทศพากันบอกว่า
ที่ขึ้นมารอบนี้ คงแค่ระยะสั้น ก็ขายกันไปเยอะละ
การที่รายย่อยลงทุนด้วยความระมัดระวัง
price votality น่าจะลดลงพอสมควร
ผมว่า การลงทุนในจีนแบบระมัดระวัง และแบบระยะยาว
คือไม่ต่ำกว่า 3 ปี น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีทีเดียวครับ
อีกอย่าง บาง fund house ก็มีผลตอบแทนการลงทุนในจีน
ที่มีผลการดำเนินงานไม่เลวเลยทีเดียว
ช่วงที่ตลาดหุ้นจีนบวกไป 100% กองทุนบวกเกือบ 200%
ในขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ตกลงมา 50%
กองทุนกลับลงมาแค่ 10 - 20% เท่านั้นเอง
น่าจะเป็นแค่ short term hiccup เอง
ตอนนี้จีนเข้าสู่ระยะที่สามของการพัฒนาประเทศหลังเปลี่ยนการปกครอง
ซึ่งพรรคคอมมิวนิสต์จีนเรียกระยะนี้ว่า urbanization
ดังนั้น การสร้างบ้านเรือนตึกคอนโดต่างๆ จะยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
และกระจายไปตามมณฑลต่างๆ ทั่วประเทศ
เมืองจีนนั้น ยังมีพลังที่จะ "consume" ได้อีกเยอะมาก
เพราะประชากรส่วนใหญ่ในประเทศยังอดอยาก
และรัฐบาลก็เริ่มมี resources มากพอที่จะ "สร้าง" ต่อไป
urbanization จะกินระยะเวลายาวนานถึง 18 ปีเลยทีเดียว
ดูเหมือนแผนการพัฒนาประเทศระยะยาว 100 ปีของจีน
จะเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ แทบไม่สะดุดเลย
ตอนนี้ แมงเม่าจีนเริ่มได้บทเรียนสำคัญไปแล้ว
ที่เห็น wealth ตัวเองหายไป 50% ต่อหน้าต่อตาในไม่กี่เดือน
เห็นบทสัมภาษณ์นักลงทุนในประเทศพากันบอกว่า
ที่ขึ้นมารอบนี้ คงแค่ระยะสั้น ก็ขายกันไปเยอะละ
การที่รายย่อยลงทุนด้วยความระมัดระวัง
price votality น่าจะลดลงพอสมควร
ผมว่า การลงทุนในจีนแบบระมัดระวัง และแบบระยะยาว
คือไม่ต่ำกว่า 3 ปี น่าจะให้ผลตอบแทนที่ดีทีเดียวครับ
อีกอย่าง บาง fund house ก็มีผลตอบแทนการลงทุนในจีน
ที่มีผลการดำเนินงานไม่เลวเลยทีเดียว
ช่วงที่ตลาดหุ้นจีนบวกไป 100% กองทุนบวกเกือบ 200%
ในขณะที่ตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้ตกลงมา 50%
กองทุนกลับลงมาแค่ 10 - 20% เท่านั้นเอง
-
- Verified User
- โพสต์: 535
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 24
รัฐบาลจีนอุ้มตลาดหุ้นแล้ว
รัฐบาลจีนยื่นมือพยุงตลาดหลักทรัพย์ หุ้นรายวันดีดพุ่งสูงสุดในรอบ 6 ปี
รอยเตอร์ / หนังสือพิมพ์สากล หลังหุ้นจีนตกลงอย่างหนักในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ล่าสุดทางการจีนได้แสดงความเด็ดเดี่ยวที่จะเข้าช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ ลดภาษีอากรแสตมป์ที่เคยทำรายได้อย่างมหาศาลในจีนในปีที่ผ่านมาลง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการนี้เป็นปัจจัยบวกอย่างยิ่ง สำหรับการเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดที่กำลังซบเซา
นายกรัฐมนตรีจีนเวิน เจียเป่าได้เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี (24 เม.ย.) โดยได้ระบุว่าจะมีการผลักดันศักยภาพของกลไกตลาด อีกทั้งรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาตลาดทุนเอาไว้ โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ระบุว่า ตลาดทุนได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในระบบ และมีส่วนในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ทว่าตลาดทุนในจีนนั้นเพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่นาน ยังมีอีกหลายด้านที่ยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ และจะต้องทำการปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้นการจัดโครงสร้าง ความโปร่งใส ศักยภาพที่ดี และความปลอดภัยเป็นภาระหน้าที่ระยะยาวที่จะต้องผลักดันในตลาดทุน
โดยก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน กระทรวงการคลังและกรมภาษีแห่งชาติจีนได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. เป็นต้นไป ให้ทำการลดภาษีอากรแสตมป์ในการซื้อขายหุ้นจาก 0.3% ลงมาเหลือ 0.1% ซึ่งมาตรการนี้นับเป็นมาตรการที่ 2 ต่อจากการให้ลดการถือหุ้นไซเลนซ์ พีเรียดในมือลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการที่จะเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นของรัฐบาลมังกร
ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2007 ทางการจีนเพิ่งจะสั่งปรับอัตราภาษีอากรแสตมป์การซื้อขายหุ้นจาก 0.1%เป็น 0.3% เพื่อที่จะสกัดความร้อนแรงเกินไปของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหลังจากนโยบายดังกล่าวได้ถูกประกาศ ได้ทำให้ดัชนีหุ้นของจีนร่วงหนักถึง 21% ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน แล้วค่อยพุ่งขึ้นใหม่จนมาแตะ 6,124.04 จุดในเดือนต.ค. ทว่าจากวันนั้นเป็นต้นมา หุ้นจีนได้ร่วงอย่างต่อเนื่องลงมาจนทะลุ 3,000 จุดเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.)
และพลันที่มาตรการนี้ถูกประกาศออกมา ในเช้าวันพุธ ดัชนีตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นทันที โดยในวันเดียวกันได้ปิดตลาดบวก 136.75 จุด และในวันต่อมา ดัชนีก็พุ่งขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดถึง 9.6% ไปอยู่ที่ 3,593 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3,515 จุด หรือเพิ่มขึ้นมาจากที่ปิดตลาดวานนี้กว่า 200 จุดหรือราว 7.2% และปิดที่ 3,582.028 จุด ขึ้นมาถึง 304.698 จุด หรือ 9.29% เป็นการขึ้นในวันเดียวสูงสุดในรอบ 6 ปี
กุ้ย ฮ่าวหมิงเจ้าหน้าที่ตลาดอาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์เซินอิ๋นวั่นกั๋วได้ระบุว่า นี่เป็นหนึ่งในมาตรการชุดที่จะถูกส่งออกมาจากรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นตลาดทุน และสร้างกระแสความคึกคักของผู้ลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นผลในด้านบวก เชื่อว่าจะสามารถช่วยให้ตลาดนั้นพุ่งขึ้นได้อย่างเด่นชัดในระยะหนึ่ง
ในขณะที่เว็บไซต์ซีน่าเน็ต ได้ยกเอาบทวิเคราะห์ของนายกัว ซื่ออิงผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ไท่ผิงหยางมาลง โดยระบุว่า การลดราคาอากรแสตมป์เป็นสิ่งที่ตลาดได้คาดหวัง และรอมานานแล้ว การปรับลดในครั้งนี้ถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดี และดีกว่าการใช้มาตรการเก็บภาษีทางเดียว ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนยังคงให้ความสำคัญกับเสถียรภาพในตลาดหลักทรัพย์ และมาตรการนี้น่าจะสามารถส่งผลดีได้ในระยะยาวอีกด้วย
ดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ร่วงจาก 6,000 จุดมาเหลือ 3,000 จุด ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ไม่มีปัจจัยบวกอะไร โดยเทคนิคแล้วดัชนีตลาดก็ต้องดีดตัวกลับขึ้นมา ยิ่งทางการออกมาตรการที่เป็นปัจจัยด้านบวกหนุนเข้าไป ก็จะยิ่งทำให้ดัชนีพุ่งเร็วและแรงมากยิ่งขึ้น เฉิน กว่างลั่ง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซิงเยี่ยระบุ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีนักวิเคราะห์ที่มองว่า กระแสของตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่จะเปลี่ยนได้ด้วยการอาศัยแค่มาตรการลดอากรแสตมป์ โดยเฉพาะในขณะนี้เศรษฐกิจมหภาคยังไม่มีความแน่นอน บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถดถอย ทำให้สถานการณ์ของตลาดกระดานเอยังคลุมเครืออยู่
นอกจากนั้น ผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา การประกาศนโยบายใหม่จะมีแรงกระตุ้นตลาดได้อย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้จากหุ้นที่พุ่งขึ้นทันทีหลังวันประกาศ ทว่าการที่จะยังดีขึ้นต่อไปในระยะยาวได้หรือไม่เป็นสิ่งที่ยังต้องจับตาต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ได้เริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ทางการเข้าพยุงช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์มังกร ซึ่งนำโดยนายหลิว หมิงคังที่นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนคนแรกที่ออกมาเรียกร้องให้แทรกแซงเพื่อช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการจุดกระแสที่อยากให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือ จนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลในหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทยอยกันออกมาช่วยส่งสัญญาณในด้านบวกกับตลาด
อย่างไรก็ตามการปรับลดภาษีอากรแสตมป์ในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลจีนต้องเสียรายได้ก้อนโต เพราะจากการปรับเพิ่มในปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ทางการเก็บภาษีอากรแสตมป์ในปี 2007 ได้ทั้งสิ้น 200,500 หยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 10 เท่าตัว แทบจะเท่ากับจำนวนยอดรวมภาษีอากรแสตมป์ที่จีนเก็บมาตลอดเวลา 16 ปี
http://www.manager.co.th/China/ViewNews ... 0000047994
รัฐบาลจีนยื่นมือพยุงตลาดหลักทรัพย์ หุ้นรายวันดีดพุ่งสูงสุดในรอบ 6 ปี
รอยเตอร์ / หนังสือพิมพ์สากล หลังหุ้นจีนตกลงอย่างหนักในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ล่าสุดทางการจีนได้แสดงความเด็ดเดี่ยวที่จะเข้าช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ ลดภาษีอากรแสตมป์ที่เคยทำรายได้อย่างมหาศาลในจีนในปีที่ผ่านมาลง นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่ามาตรการนี้เป็นปัจจัยบวกอย่างยิ่ง สำหรับการเรียกความเชื่อมั่นของผู้ลงทุนในตลาดที่กำลังซบเซา
นายกรัฐมนตรีจีนเวิน เจียเป่าได้เป็นประธานในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพฤหัสบดี (24 เม.ย.) โดยได้ระบุว่าจะมีการผลักดันศักยภาพของกลไกตลาด อีกทั้งรักษาเสถียรภาพและการพัฒนาตลาดทุนเอาไว้ โดยที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ระบุว่า ตลาดทุนได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในระบบ และมีส่วนในการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ ทว่าตลาดทุนในจีนนั้นเพิ่งถือกำเนิดมาได้ไม่นาน ยังมีอีกหลายด้านที่ยังมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ และจะต้องทำการปรับปรุงให้ดีขึ้น ดังนั้นการจัดโครงสร้าง ความโปร่งใส ศักยภาพที่ดี และความปลอดภัยเป็นภาระหน้าที่ระยะยาวที่จะต้องผลักดันในตลาดทุน
โดยก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน กระทรวงการคลังและกรมภาษีแห่งชาติจีนได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. เป็นต้นไป ให้ทำการลดภาษีอากรแสตมป์ในการซื้อขายหุ้นจาก 0.3% ลงมาเหลือ 0.1% ซึ่งมาตรการนี้นับเป็นมาตรการที่ 2 ต่อจากการให้ลดการถือหุ้นไซเลนซ์ พีเรียดในมือลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเด็ดเดี่ยวในการที่จะเข้ามาช่วยพยุงตลาดหุ้นของรัฐบาลมังกร
ก่อนหน้าเมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2007 ทางการจีนเพิ่งจะสั่งปรับอัตราภาษีอากรแสตมป์การซื้อขายหุ้นจาก 0.1%เป็น 0.3% เพื่อที่จะสกัดความร้อนแรงเกินไปของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งหลังจากนโยบายดังกล่าวได้ถูกประกาศ ได้ทำให้ดัชนีหุ้นของจีนร่วงหนักถึง 21% ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน แล้วค่อยพุ่งขึ้นใหม่จนมาแตะ 6,124.04 จุดในเดือนต.ค. ทว่าจากวันนั้นเป็นต้นมา หุ้นจีนได้ร่วงอย่างต่อเนื่องลงมาจนทะลุ 3,000 จุดเมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.)
และพลันที่มาตรการนี้ถูกประกาศออกมา ในเช้าวันพุธ ดัชนีตลาดหุ้นจีนได้ปรับตัวสูงขึ้นทันที โดยในวันเดียวกันได้ปิดตลาดบวก 136.75 จุด และในวันต่อมา ดัชนีก็พุ่งขึ้นตั้งแต่เปิดตลาดถึง 9.6% ไปอยู่ที่ 3,593 จุด ก่อนที่จะปรับตัวลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3,515 จุด หรือเพิ่มขึ้นมาจากที่ปิดตลาดวานนี้กว่า 200 จุดหรือราว 7.2% และปิดที่ 3,582.028 จุด ขึ้นมาถึง 304.698 จุด หรือ 9.29% เป็นการขึ้นในวันเดียวสูงสุดในรอบ 6 ปี
กุ้ย ฮ่าวหมิงเจ้าหน้าที่ตลาดอาวุโสของบริษัทหลักทรัพย์เซินอิ๋นวั่นกั๋วได้ระบุว่า นี่เป็นหนึ่งในมาตรการชุดที่จะถูกส่งออกมาจากรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นตลาดทุน และสร้างกระแสความคึกคักของผู้ลงทุน ซึ่งถือว่าเป็นผลในด้านบวก เชื่อว่าจะสามารถช่วยให้ตลาดนั้นพุ่งขึ้นได้อย่างเด่นชัดในระยะหนึ่ง
ในขณะที่เว็บไซต์ซีน่าเน็ต ได้ยกเอาบทวิเคราะห์ของนายกัว ซื่ออิงผู้จัดการใหญ่ฝ่ายวิจัยของบริษัทหลักทรัพย์ไท่ผิงหยางมาลง โดยระบุว่า การลดราคาอากรแสตมป์เป็นสิ่งที่ตลาดได้คาดหวัง และรอมานานแล้ว การปรับลดในครั้งนี้ถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่ดี และดีกว่าการใช้มาตรการเก็บภาษีทางเดียว ซึ่งได้สะท้อนให้เห็นว่าทางการจีนยังคงให้ความสำคัญกับเสถียรภาพในตลาดหลักทรัพย์ และมาตรการนี้น่าจะสามารถส่งผลดีได้ในระยะยาวอีกด้วย
ดัชนีตลาดเซี่ยงไฮ้ร่วงจาก 6,000 จุดมาเหลือ 3,000 จุด ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ไม่มีปัจจัยบวกอะไร โดยเทคนิคแล้วดัชนีตลาดก็ต้องดีดตัวกลับขึ้นมา ยิ่งทางการออกมาตรการที่เป็นปัจจัยด้านบวกหนุนเข้าไป ก็จะยิ่งทำให้ดัชนีพุ่งเร็วและแรงมากยิ่งขึ้น เฉิน กว่างลั่ง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ซิงเยี่ยระบุ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีนักวิเคราะห์ที่มองว่า กระแสของตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่จะเปลี่ยนได้ด้วยการอาศัยแค่มาตรการลดอากรแสตมป์ โดยเฉพาะในขณะนี้เศรษฐกิจมหภาคยังไม่มีความแน่นอน บวกกับเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ถดถอย ทำให้สถานการณ์ของตลาดกระดานเอยังคลุมเครืออยู่
นอกจากนั้น ผลประกอบการของบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเหมือน 2 ปีที่ผ่านมา การประกาศนโยบายใหม่จะมีแรงกระตุ้นตลาดได้อย่างไม่ต้องสงสัย เห็นได้จากหุ้นที่พุ่งขึ้นทันทีหลังวันประกาศ ทว่าการที่จะยังดีขึ้นต่อไปในระยะยาวได้หรือไม่เป็นสิ่งที่ยังต้องจับตาต่อไป
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ได้เริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ทางการเข้าพยุงช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์มังกร ซึ่งนำโดยนายหลิว หมิงคังที่นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนคนแรกที่ออกมาเรียกร้องให้แทรกแซงเพื่อช่วยเหลือตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นการจุดกระแสที่อยากให้รัฐเข้ามาช่วยเหลือ จนทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลในหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องทยอยกันออกมาช่วยส่งสัญญาณในด้านบวกกับตลาด
อย่างไรก็ตามการปรับลดภาษีอากรแสตมป์ในครั้งนี้ จะทำให้รัฐบาลจีนต้องเสียรายได้ก้อนโต เพราะจากการปรับเพิ่มในปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ทางการเก็บภาษีอากรแสตมป์ในปี 2007 ได้ทั้งสิ้น 200,500 หยวน เพิ่มขึ้นจากปี 2006 ถึง 10 เท่าตัว แทบจะเท่ากับจำนวนยอดรวมภาษีอากรแสตมป์ที่จีนเก็บมาตลอดเวลา 16 ปี
http://www.manager.co.th/China/ViewNews ... 0000047994
-
- Verified User
- โพสต์: 4337
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดหุ้นเซียงไฮ้
โพสต์ที่ 28
จากข่าวนี้ผมรู้สึกสงสารและเห็นใจชาวจีนมาก
น้ำท่วมทุบเศรษฐกิจจีนซ้ำ 10.6 พันล้านหยวน
เอพี รายงานว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในจีนตอนใต้ที่ขยายวงออกไป ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 60 คน และทำให้ชาวบ้านอีก 1.27 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย
เอพีอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวที่ระบุว่า ชาวบ้านจำนวนมากใน 9 มณฑล รวมทั้งมณฑลเสฉวนที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย เนื่องจากภัยจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 57 คนและสูญหายอีก 8 คน
น้ำท่วมทุบเศรษฐกิจจีนซ้ำ 10.6 พันล้านหยวน
เอพี รายงานว่า เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในจีนตอนใต้ที่ขยายวงออกไป ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 60 คน และทำให้ชาวบ้านอีก 1.27 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัย
เอพีอ้างข้อมูลจากสำนักข่าวซินหัวที่ระบุว่า ชาวบ้านจำนวนมากใน 9 มณฑล รวมทั้งมณฑลเสฉวนที่เพิ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อเดือนที่แล้ว ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย เนื่องจากภัยจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 57 คนและสูญหายอีก 8 คน