ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
-
- Verified User
- โพสต์: 421
- ผู้ติดตาม: 0
ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
โพสต์ที่ 1
ให้ลองอ่านเอาจากลิ๊งค์นี้แหละครับ
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp ... 1207328207
ไม่ได้เป็นการมาด่าหมอแต่อย่างใด (เพราะผมเองก็เป็นหมอ)
แต่อยากให้ทุกท่านตระหนักว่าในอนาคตท่านจะอยู่ในสมรภูมิการรบกันทางธุรกิจที่อาศัยสื่อเป็นตัวกลาง แล้วท่านก็ได้รับข้อมูลต่างๆเข้ามามากมาย ขอให้ทำการ Screen ข้อมูลให้ดีๆก็แล้วกันอย่าได้วิตกจริตกันจนเกินเหตุ
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp ... 1207328207
ไม่ได้เป็นการมาด่าหมอแต่อย่างใด (เพราะผมเองก็เป็นหมอ)
แต่อยากให้ทุกท่านตระหนักว่าในอนาคตท่านจะอยู่ในสมรภูมิการรบกันทางธุรกิจที่อาศัยสื่อเป็นตัวกลาง แล้วท่านก็ได้รับข้อมูลต่างๆเข้ามามากมาย ขอให้ทำการ Screen ข้อมูลให้ดีๆก็แล้วกันอย่าได้วิตกจริตกันจนเกินเหตุ
รู้สึกดีๆ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
โพสต์ที่ 2
หลังจากตรวจเสร็จ น่าจะมีแผนก ตอบคำถาม เผื่อคนไข้ไม่กล้าถามหมอ และหากแผนกตอบคำถามตอบไม่เคลีย ก็ยกหูโทรศัพท์ไปถามคุณหมอหน่อย
จะดีกว่ามั๊ยครับ
เพราะปัจจุบัน มีช่องว่างระหว่างคนไข้ กับหมอ พอสมควร ผมเดานะ
แผนกตอบคำถาม อาจจะเป็นพยาบาล ที่มีความสามารถสื่อสาร กับคนไข้ ได้ดี ซึ่ง ถ้าตั้งแผนกนี้ขึ้นมา แล้วไม่มีคนมาใช้ ก็ยกเลิกไป แต่หากตั้งขึ้นมา แล้ว แผนกนี้ มีแต่คนรอถาม ก็จะได้รับรู้กันว่า หมอกับคนไข้ คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
ซึ่งการที่หมอกับคนไข้คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะความคาดหวังจากคนไข้ คือ การรักษาให้หาย ความอยากรู้ น่าจะเป็นเรื่องรองลงไป
แต่คนไข้บางคนขี้สงสัย หรือ แค่อยากรู้ ก็จะได้รับ ความพอใจมากขึ้น ทำให้ โรงพยาบาล จะได้รับ royally มากขึ้น หรือไม่ ผมว่า น่าสนใจที่จะทดลองทำนะ
จะดีกว่ามั๊ยครับ
เพราะปัจจุบัน มีช่องว่างระหว่างคนไข้ กับหมอ พอสมควร ผมเดานะ
แผนกตอบคำถาม อาจจะเป็นพยาบาล ที่มีความสามารถสื่อสาร กับคนไข้ ได้ดี ซึ่ง ถ้าตั้งแผนกนี้ขึ้นมา แล้วไม่มีคนมาใช้ ก็ยกเลิกไป แต่หากตั้งขึ้นมา แล้ว แผนกนี้ มีแต่คนรอถาม ก็จะได้รับรู้กันว่า หมอกับคนไข้ คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง
ซึ่งการที่หมอกับคนไข้คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพราะความคาดหวังจากคนไข้ คือ การรักษาให้หาย ความอยากรู้ น่าจะเป็นเรื่องรองลงไป
แต่คนไข้บางคนขี้สงสัย หรือ แค่อยากรู้ ก็จะได้รับ ความพอใจมากขึ้น ทำให้ โรงพยาบาล จะได้รับ royally มากขึ้น หรือไม่ ผมว่า น่าสนใจที่จะทดลองทำนะ
-
- Verified User
- โพสต์: 242
- ผู้ติดตาม: 0
ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
โพสต์ที่ 3
ผมว่ามันเป็นความไม่พอดี กัน ระหว่าง งบประมาณ , ปริมาณคนไข้และ ปริมาณแพทย์
มีเวลาไม่พอเพียงต่อการอธิบาย
ผมเข้าใจคนไข้น่ะครับ เพราะตั้งแต่จบ มา
โรคที่เจอ 1 ใน หมื่น หรือ หลายหมื่น ผมก็เจอหลายทีแล้ว
(เพื่อนๆ บอกผมดวง :twisted: )
เดี๋ยวนี้เลยไม่เคยพูดว่า ไม่เป็น แค่บอกว่าไม่เหมือน
แต่เรื่องงบประมาณหาก เราส่ง investigate มากเกินจำเป็น
ก็จะมีคนเชิญเราไปคุย
ผมว่า รัฐน่าจะมีการจัดการเรื่องงบประมาณใหม่
เท่าที่เห็นของรพ บ้านแพร้ว
ถ้าแพทย์ไม่คิดว่าควรส่งตรวจ แต่คนไข้ต้องการตรวจ จะตรวจให้ แต่ ถ้าผล -ve จะเก็บเงินคนไข้ แต่ถ้าผล +ve ทางรพ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ก็ดูน่าสนใจดีน่ะครับ
เผื่อแถวนี้มีผู้บริหาร รพรัฐอยู่
มีเวลาไม่พอเพียงต่อการอธิบาย
ผมเข้าใจคนไข้น่ะครับ เพราะตั้งแต่จบ มา
โรคที่เจอ 1 ใน หมื่น หรือ หลายหมื่น ผมก็เจอหลายทีแล้ว
(เพื่อนๆ บอกผมดวง :twisted: )
เดี๋ยวนี้เลยไม่เคยพูดว่า ไม่เป็น แค่บอกว่าไม่เหมือน
แต่เรื่องงบประมาณหาก เราส่ง investigate มากเกินจำเป็น
ก็จะมีคนเชิญเราไปคุย
ผมว่า รัฐน่าจะมีการจัดการเรื่องงบประมาณใหม่
เท่าที่เห็นของรพ บ้านแพร้ว
ถ้าแพทย์ไม่คิดว่าควรส่งตรวจ แต่คนไข้ต้องการตรวจ จะตรวจให้ แต่ ถ้าผล -ve จะเก็บเงินคนไข้ แต่ถ้าผล +ve ทางรพ จะรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ก็ดูน่าสนใจดีน่ะครับ
เผื่อแถวนี้มีผู้บริหาร รพรัฐอยู่
เป็น VI มันไม่ง่าย
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
VI ถือยาว ก็ลงได้
VI ขาดทุนได้
และจะเป็น VI ที่ดี ต้อง "รอ" ให้เป็น
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
โพสต์ที่ 4
ผมไม่ได้เรียนหมอ และก็ไม่ได้เรียน สื่อสารมวลชน
แต่ผมว่า รายการทีวีที่ทำออกมานะ
ต้องตอบโจทย์ก่อนว่า ต้องการสื่ออะไรกับคนดู
เค้าดูแล้ว เกิดประโยชน์ ช่วยดูแลตนเองได้ หรือเกิดโทษ
คนดูมีมากมาย หลายระดับ รับข้อมูลมาครึ่งๆกลางๆ
ก็จะทำให้เค้าวิตกได้ เมื่อเค้ามีเหตุนำตรงกับข้อมูลที่รับมา
อย่างไข้หวัดนก มีข่าวคนตายเพราะไปเอาไก่บ้านที่ติดเชื้อ มาทำอาหาร
ก็สามารถทำให้คนหยุดกินไก่ กันทั้งประเทศ
ทั้งๆที่ คนตายจากโรคไข้เลือดออก เพราะโดนยุงลายกัด มากกว่าด้วยซ้ำ
ไม่เห็นมีคนกลัวยุงลายกันเลย
แต่ผมว่า รายการทีวีที่ทำออกมานะ
ต้องตอบโจทย์ก่อนว่า ต้องการสื่ออะไรกับคนดู
เค้าดูแล้ว เกิดประโยชน์ ช่วยดูแลตนเองได้ หรือเกิดโทษ
คนดูมีมากมาย หลายระดับ รับข้อมูลมาครึ่งๆกลางๆ
ก็จะทำให้เค้าวิตกได้ เมื่อเค้ามีเหตุนำตรงกับข้อมูลที่รับมา
อย่างไข้หวัดนก มีข่าวคนตายเพราะไปเอาไก่บ้านที่ติดเชื้อ มาทำอาหาร
ก็สามารถทำให้คนหยุดกินไก่ กันทั้งประเทศ
ทั้งๆที่ คนตายจากโรคไข้เลือดออก เพราะโดนยุงลายกัด มากกว่าด้วยซ้ำ
ไม่เห็นมีคนกลัวยุงลายกันเลย
- gradius173
- Verified User
- โพสต์: 198
- ผู้ติดตาม: 0
ที่ผมเคยกล่าวไว้ในเรื่องธุรกิจทางการแพทย์ เห็นไหมว่าไม่มีผิด
โพสต์ที่ 5
ผมว่าหมอโรงพยาบาลเอกชนทำหน้าที่ขายความกลัวให้คนไข้
หมอโรงพยาบาลรัฐ หมอประกันสังคม หมอบัตรทองทำหน้าที่ลดความกลัวให้คนไข้
ทำงานสวนทางกันอย่างนี้มันก็เหนื่อย
วันก่อนผมดูอโรคาปาตี้เรื่องมะเร็งรังไข่ มีการตรวจCA125 เพื่อดูว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งไหม ผมว่าคนที่เป็นหมอดูคงขำกันพิลึก แล้วบอกว่ามีคนไทยเป็นมะเร็งรังไข่ปีละ40,000ราย(แต่ขึ้นบนหน้าจอเร็วๆ4,000ราย) คนที่ดูคงกลัวมะเร็งรังไข่มาก ทั้งที่จริงๆเป็นมะเร็งที่ไม่ติดTop5ของมะเร็งในผู้หญิงเลย จำนวนสถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่แต่ละปีมีแค่ประมาณ50,000รายเอง
ส่วนเรื่องยุงลายกับไข้เลือดออก และไก่กับไข้หวัดนก ผมนึกถึงเรื่องผู้ก่อการร้าย กับโรคหัวใจในหนังสือเศรษฐพิลึกครับ
หมอโรงพยาบาลรัฐ หมอประกันสังคม หมอบัตรทองทำหน้าที่ลดความกลัวให้คนไข้
ทำงานสวนทางกันอย่างนี้มันก็เหนื่อย
วันก่อนผมดูอโรคาปาตี้เรื่องมะเร็งรังไข่ มีการตรวจCA125 เพื่อดูว่ามีโอกาสเป็นมะเร็งไหม ผมว่าคนที่เป็นหมอดูคงขำกันพิลึก แล้วบอกว่ามีคนไทยเป็นมะเร็งรังไข่ปีละ40,000ราย(แต่ขึ้นบนหน้าจอเร็วๆ4,000ราย) คนที่ดูคงกลัวมะเร็งรังไข่มาก ทั้งที่จริงๆเป็นมะเร็งที่ไม่ติดTop5ของมะเร็งในผู้หญิงเลย จำนวนสถิติผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่แต่ละปีมีแค่ประมาณ50,000รายเอง
ส่วนเรื่องยุงลายกับไข้เลือดออก และไก่กับไข้หวัดนก ผมนึกถึงเรื่องผู้ก่อการร้าย กับโรคหัวใจในหนังสือเศรษฐพิลึกครับ