อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 1
ตามปกติ ต้องเกิด อายตนะภายนอก เข้าสู่ทวารหก เกิดผัสสะ และ ถึงจะมีเวทนา (ความรู้สึก) ( อายตนภายนอก>>ทวารหก>>ผัสสะ>>เวทนา )
แต่ในเดอะท็อปซีเคร็ต บอกความลับว่า ถ้าเราสามารถกำหนด ความรู้สึก(เวทนา) ได้ในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นจริงหลังจากได้รับผ่านอายตนะ เราจะสามารถกำหนดเหตุการณ์ในอนาคตได้
เช่น เรามีความรู้สึก สุขเวทนาอย่างมาก ในการไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิท ถ้า สุขเวทนาที่เกิดขึ้น อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนที่ได้แต่งงาน (หรือในทางพุทธศาสนาที่เรียกว่า ร่วมอนุโมทนาด้วย) ความรู้สึกนั้น จะเหนี่ยวนำให้เราได้แต่งงานในอนาคต อย่างแน่นอน (เวทนา>>ผัสสะ>>ทวารหก >>อายตนภายนอก)
หนังสือเล่มนี้ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการย้อนกลับของเวทนาไว้มากมาย และบอกไว้ว่า ตัณหา (ความอยาก) คือตัวที่จะดึงให้เวทนาไม่สามารถย้อนกลับไปทำให้อายตนภายนอกเกิดขึ้นจริงได้ ( ตัณหา <<เวทนา >>ผัสสะ >> ทวารหก >>อายตนภายนอก)
ถ้าสิ่งที่ เดอะท็อปซีเคร็ต บอกไว้เป็นจริง แสดงว่า ในภพภูมิเทวดา ที่บอกว่า แค่คิดก็บันดาลให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้ เกิดจากการย้อนกลับของความรู้สึก (เวทนา) นี่เอง
และถ้ามนุษย์ สามารถเอาความลับนี้มาใช้ จะกลายเป็นเหนือมนุษย์ (ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ยกตัวอย่าง ไทเกอร์วู๊ดส์ ที่เขาบอกเคล็ดลับว่า เขาสร้างภาพแห่งความรู้สึกว่าลูกลงหลุมไปก่อนแล้วทุกครั้ง ก่อนที่จะตีลูกออกไป แล้วลูกจะวิ่งไปตามแรงดึงดูดของความรู้สึก)
เป็นหนังสือที่แปลก เราลองเอาเทคนิคสร้างภาพแห่งความรู้สึกมาใช้ จะปรากฎว่าทำได้จริงๆ เพียงแต่ต้องกำหนดสติ สร้างความรู้สึกให้ชัดเหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
ถ้ามนุษย์ทุกคนสามารถฝึก จนสร้างภาพแห่งความรู้สึกได้ชัดเจน และทำให้มันย้อนกลับไปเป็นเหตุการณ์จริงๆได้ จะเกิดอะไรขึ้น โลกคงต่อสู้กันด้วยพลังจิต
อีกตัวอย่างในหนังสือ ตอนสมเด็จพระเจ้าตากสินตีเมืองจันท์ พระองค์ทรงเห็นว่า ทหารยังบิ๊วด์ความรู้สึกแห่งชัยชนะได้ไม่ชัดพอ พระองค์จึงรับสั่งว่า มื้อต่อไปพวกเราจะไปฉลองกันอย่างอิ่มหนำสำราญในตัวเมืองจันท์ ทหารบิ้วด์ความรู้สึก จนอิน แล้วบอกว่า ถ้าอย่างนั้นหม้อข้าวพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วสิ ทุบทิ้งให้หมด
ตัวอย่างนี้แสดงว่า ไม่ต้องถึงระดับบรรลุญานหรือฌาน ถ้าสามารถบิ้วด์ความรู้สึก จนถึงระดับที่เท่ากับความรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นแล้ว จะเกิดแรงดึงดูดให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามอยาก ต้องตัดตัณหาให้ได้ก่อน
ในหนังสือมีตัวอย่างอีกมาก อ่านแล้วเข้าใจเลย และนี่ถ้าปฏิบัติธรรม กำหนดสติจนจับความรู้สึกได้ จะมีพลังมากมายมหาศาลขนาดไหน เพราะขนาดทหารซึ่งไม่เคยฝึกกำหนดสติยังบิ้วด์ความรู้สึกได้
ทอม แฮ้งค์ ก็บอกในเรื่อง Cast away ซึ่งคนดูหนังเรื่องนี้จะรู้ว่า เขาเล่นได้ราวกับไปติดเกาะอยู่คนเดียวกลางมหาสมุทรจริงๆ หนังสนุกมาก มีนักข่าวไปถามทอม แฮ้งค์ ว่า ทำไมเล่นได้เหมือนจริงขนาดนี้ ทอมแฮ้งค์ตอบว่า ผมสร้างความรู้สึกขึ้นมาก่อน เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่า ผมเครื่องบินตกแล้วไปติดเกาะจริงๆ หลังจากนั้น ทุกอย่างมันก็เหมือนจริงเองนั่นแหละ
ทอม แฮ้งค์ ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่เขาสามารถกำหนดเวทนา จนย้อนกลับ ออกทางทวารหก และอายตนภายนอกได้
เล่าไม่หมด แต่ตัวอย่างในหนังสือ จะทำให้ get ทั้ง นโปเลียน จูเลียซ ซีซ่าร์ ไมเคิลแองเจลโล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฯลฯ และมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์มายืนยันผลด้วย
หรือฝรั่งจะค้นพบความลับนี้ก่อนเรา ทั้งๆที่เรานับถือศาสนาพุทธแท้ๆ
[/img]
แต่ในเดอะท็อปซีเคร็ต บอกความลับว่า ถ้าเราสามารถกำหนด ความรู้สึก(เวทนา) ได้ในระดับเดียวกับที่เกิดขึ้นจริงหลังจากได้รับผ่านอายตนะ เราจะสามารถกำหนดเหตุการณ์ในอนาคตได้
เช่น เรามีความรู้สึก สุขเวทนาอย่างมาก ในการไปร่วมงานแต่งงานเพื่อนสนิท ถ้า สุขเวทนาที่เกิดขึ้น อยู่ในระดับเดียวกับเพื่อนที่ได้แต่งงาน (หรือในทางพุทธศาสนาที่เรียกว่า ร่วมอนุโมทนาด้วย) ความรู้สึกนั้น จะเหนี่ยวนำให้เราได้แต่งงานในอนาคต อย่างแน่นอน (เวทนา>>ผัสสะ>>ทวารหก >>อายตนภายนอก)
หนังสือเล่มนี้ยังได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวกับการย้อนกลับของเวทนาไว้มากมาย และบอกไว้ว่า ตัณหา (ความอยาก) คือตัวที่จะดึงให้เวทนาไม่สามารถย้อนกลับไปทำให้อายตนภายนอกเกิดขึ้นจริงได้ ( ตัณหา <<เวทนา >>ผัสสะ >> ทวารหก >>อายตนภายนอก)
ถ้าสิ่งที่ เดอะท็อปซีเคร็ต บอกไว้เป็นจริง แสดงว่า ในภพภูมิเทวดา ที่บอกว่า แค่คิดก็บันดาลให้สิ่งต่างๆเกิดขึ้นได้ เกิดจากการย้อนกลับของความรู้สึก (เวทนา) นี่เอง
และถ้ามนุษย์ สามารถเอาความลับนี้มาใช้ จะกลายเป็นเหนือมนุษย์ (ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต ยกตัวอย่าง ไทเกอร์วู๊ดส์ ที่เขาบอกเคล็ดลับว่า เขาสร้างภาพแห่งความรู้สึกว่าลูกลงหลุมไปก่อนแล้วทุกครั้ง ก่อนที่จะตีลูกออกไป แล้วลูกจะวิ่งไปตามแรงดึงดูดของความรู้สึก)
เป็นหนังสือที่แปลก เราลองเอาเทคนิคสร้างภาพแห่งความรู้สึกมาใช้ จะปรากฎว่าทำได้จริงๆ เพียงแต่ต้องกำหนดสติ สร้างความรู้สึกให้ชัดเหมือนกับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว
ถ้ามนุษย์ทุกคนสามารถฝึก จนสร้างภาพแห่งความรู้สึกได้ชัดเจน และทำให้มันย้อนกลับไปเป็นเหตุการณ์จริงๆได้ จะเกิดอะไรขึ้น โลกคงต่อสู้กันด้วยพลังจิต
อีกตัวอย่างในหนังสือ ตอนสมเด็จพระเจ้าตากสินตีเมืองจันท์ พระองค์ทรงเห็นว่า ทหารยังบิ๊วด์ความรู้สึกแห่งชัยชนะได้ไม่ชัดพอ พระองค์จึงรับสั่งว่า มื้อต่อไปพวกเราจะไปฉลองกันอย่างอิ่มหนำสำราญในตัวเมืองจันท์ ทหารบิ้วด์ความรู้สึก จนอิน แล้วบอกว่า ถ้าอย่างนั้นหม้อข้าวพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วสิ ทุบทิ้งให้หมด
ตัวอย่างนี้แสดงว่า ไม่ต้องถึงระดับบรรลุญานหรือฌาน ถ้าสามารถบิ้วด์ความรู้สึก จนถึงระดับที่เท่ากับความรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นแล้ว จะเกิดแรงดึงดูดให้เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามอยาก ต้องตัดตัณหาให้ได้ก่อน
ในหนังสือมีตัวอย่างอีกมาก อ่านแล้วเข้าใจเลย และนี่ถ้าปฏิบัติธรรม กำหนดสติจนจับความรู้สึกได้ จะมีพลังมากมายมหาศาลขนาดไหน เพราะขนาดทหารซึ่งไม่เคยฝึกกำหนดสติยังบิ้วด์ความรู้สึกได้
ทอม แฮ้งค์ ก็บอกในเรื่อง Cast away ซึ่งคนดูหนังเรื่องนี้จะรู้ว่า เขาเล่นได้ราวกับไปติดเกาะอยู่คนเดียวกลางมหาสมุทรจริงๆ หนังสนุกมาก มีนักข่าวไปถามทอม แฮ้งค์ ว่า ทำไมเล่นได้เหมือนจริงขนาดนี้ ทอมแฮ้งค์ตอบว่า ผมสร้างความรู้สึกขึ้นมาก่อน เป็นความรู้สึกที่เหมือนกับว่า ผมเครื่องบินตกแล้วไปติดเกาะจริงๆ หลังจากนั้น ทุกอย่างมันก็เหมือนจริงเองนั่นแหละ
ทอม แฮ้งค์ ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ แต่เขาสามารถกำหนดเวทนา จนย้อนกลับ ออกทางทวารหก และอายตนภายนอกได้
เล่าไม่หมด แต่ตัวอย่างในหนังสือ จะทำให้ get ทั้ง นโปเลียน จูเลียซ ซีซ่าร์ ไมเคิลแองเจลโล อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ฯลฯ และมีการทดลองทางวิทยาศาสตร์มายืนยันผลด้วย
หรือฝรั่งจะค้นพบความลับนี้ก่อนเรา ทั้งๆที่เรานับถือศาสนาพุทธแท้ๆ
[/img]
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 2
อ้อ...เป็นเช่นนั้นเอง
น่าสนใจครับ จะแวะไปดูวันนี้ครับ ไม่รู้พวก serial killer จะใช้วิธีนี้หรือปล่าว ฟังๆ แล้ว ถ้ามีคนไม่ดีเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูก ก็น่ากลัวเหมือนกันครับ มันมีสองด้านจริงๆ ผมอ่านประวัติ ฮิตเลอร์ จากกนักเขียนกาตูนย์ จนเป้น แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็เรื่องเดียวกัน แต่ยิ่งใหญ่ในทางไม่ดี
i have a dream.............มาตินลูกเธอคิง พูดเอาไว้นานแล้ว
vision...........ของ ท่าน ธนิน เรื่อง น้ำมันบนดิน
goal.............ปีนีผมจะพูดภาเกาหลีให้ได้
จากวันนี้ ชีวิตผมผมเหลือแค่ 4303 วัน ...........ผมคิดถึงวันสุดท้ายที่มีคนไว้อาลัยผมที่งานศพ
ผมว่าเรื่องเดียวกัน
Imagination is more important than knowledge
Albert Eistein
น่าสนใจครับ จะแวะไปดูวันนี้ครับ ไม่รู้พวก serial killer จะใช้วิธีนี้หรือปล่าว ฟังๆ แล้ว ถ้ามีคนไม่ดีเอาไปใช้ในทางที่ไม่ถูก ก็น่ากลัวเหมือนกันครับ มันมีสองด้านจริงๆ ผมอ่านประวัติ ฮิตเลอร์ จากกนักเขียนกาตูนย์ จนเป้น แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ได้ ก็เรื่องเดียวกัน แต่ยิ่งใหญ่ในทางไม่ดี
i have a dream.............มาตินลูกเธอคิง พูดเอาไว้นานแล้ว
vision...........ของ ท่าน ธนิน เรื่อง น้ำมันบนดิน
goal.............ปีนีผมจะพูดภาเกาหลีให้ได้
จากวันนี้ ชีวิตผมผมเหลือแค่ 4303 วัน ...........ผมคิดถึงวันสุดท้ายที่มีคนไว้อาลัยผมที่งานศพ
ผมว่าเรื่องเดียวกัน
Imagination is more important than knowledge
Albert Eistein
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 3
ผมพลาดอันนี้ไปได้ยังไง
I never ever doubt that I will ever get rich.
Warren Buffett
บอกอะไรเราได้เยอะเลยครับ ว่า Buffett คิดยังไง
ความเชื่อมั่นสำคัญที่สุดจริงๆ สิ่งพวกนี้จะต้องพัฒนาตั้งแต่ early years คือ
การลองผิดลองถูก และลองล้มเหลวเยอะ ๆ
"ไปล้มเหลวเยอะๆ ไปทำผิดเยอะ ๆ แล้วสนุกกับมัน"
I never ever doubt that I will ever get rich.
Warren Buffett
บอกอะไรเราได้เยอะเลยครับ ว่า Buffett คิดยังไง
ความเชื่อมั่นสำคัญที่สุดจริงๆ สิ่งพวกนี้จะต้องพัฒนาตั้งแต่ early years คือ
การลองผิดลองถูก และลองล้มเหลวเยอะ ๆ
"ไปล้มเหลวเยอะๆ ไปทำผิดเยอะ ๆ แล้วสนุกกับมัน"
- krisy
- Verified User
- โพสต์: 736
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณที่แชร์จ้า ดูเข้าใจยากจังเลย แต่ก็คงตอบโจทย์ได้ว่า คนที่ยิ่งใหญ่เพราะความคิดเค้าใหญ่มากนั่นเอง
ตอนแรกเห็นที่ร้านหนังสือ แอบคิดว่า ลอกแนวคิดฝรั่งมาแล้วผสมๆนู่นนี่ แล้วทำการตลาดเลียนแบบเค้าหรือเปล่า เพราะแบบนั้นไม่ค่อยชอบ แต่เท่าที่ได้ฟังดูเป็นหนังสือที่ดีนะคะ แต่คนอ่านควรจะมีภาวะจิตใจที่ดีพอควร ไม่งั้นก็งมงาย ไม่ลงมือเอาแต่คิดและคาดหวังว่ามันจะเกิด จริงๆก็ไม่ใช่แนวพุทธศาสนาเพียวๆนะคะ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้ทำมากกว่าภาวนาว่าจะได้รับ
เนื่องจากเราสภาพจิตใจปกติดี เดี๋ยวจะลองไปหามาอ่าน
ตอนแรกเห็นที่ร้านหนังสือ แอบคิดว่า ลอกแนวคิดฝรั่งมาแล้วผสมๆนู่นนี่ แล้วทำการตลาดเลียนแบบเค้าหรือเปล่า เพราะแบบนั้นไม่ค่อยชอบ แต่เท่าที่ได้ฟังดูเป็นหนังสือที่ดีนะคะ แต่คนอ่านควรจะมีภาวะจิตใจที่ดีพอควร ไม่งั้นก็งมงาย ไม่ลงมือเอาแต่คิดและคาดหวังว่ามันจะเกิด จริงๆก็ไม่ใช่แนวพุทธศาสนาเพียวๆนะคะ เพราะพระพุทธเจ้าสอนให้ทำมากกว่าภาวนาว่าจะได้รับ
เนื่องจากเราสภาพจิตใจปกติดี เดี๋ยวจะลองไปหามาอ่าน
.....Give Everything but not Give Up.....
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 6
ลองอ่านเล่มนี้ดูสิ
ออกมานานแล้วนะ แต่เข้าใจว่ายังมีพิมพ์รอบใหม่ๆออกมาเป็นระยะ
เล่มหนาหน่อย แต่สนุกมาก
พลังไร้ขีดจำกัด
unlimited power
anthony robbins เขียน
พันโท อานันท์ ชินบุตร แปล
สนุกมากจริงๆ
ฝึกตามที่เขาอธิบายนะ สนุกอ่ะค่ะ
เขาอธิบายในเชิงวิชาการ ทำให้เข้าใจการทำงานของจิตส่วนสำนึกและใต้สำนึกได้ดี
ออกมานานแล้วนะ แต่เข้าใจว่ายังมีพิมพ์รอบใหม่ๆออกมาเป็นระยะ
เล่มหนาหน่อย แต่สนุกมาก
พลังไร้ขีดจำกัด
unlimited power
anthony robbins เขียน
พันโท อานันท์ ชินบุตร แปล
สนุกมากจริงๆ
ฝึกตามที่เขาอธิบายนะ สนุกอ่ะค่ะ
เขาอธิบายในเชิงวิชาการ ทำให้เข้าใจการทำงานของจิตส่วนสำนึกและใต้สำนึกได้ดี
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณมสำหรับทุกทาน ที่แนะนำครับ
ปล.พี่โหน่ง แนะนำให้ดูหลังเรื่อง Big fish ครับ
ปล.พี่โหน่ง แนะนำให้ดูหลังเรื่อง Big fish ครับ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 8
หนังดีหรือครับ ...ดีครับ ช่วงนี้ ว่างๆ วันนี้MindTrick เขียน:ปล.พี่โหน่ง แนะนำให้ดูหลังเรื่อง Big fish ครับ
จะลองเช่ามาดูเลยครับ ขอบคุณครับ
วันก่อนไปหาซื้อที่ se-ed ไม่มีเลยครับพี่ วันนี้จะลองเข้าเนตหาดูครับ :oops:unlimited power ของพี่ 007
-
- Verified User
- โพสต์: 2496
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 9
สงสัยอาจจะไม่เหลือในท้องตลาดแล้วก็เป็นได้ค่ะ :oops: ดิฉันอ่านเล่มนี้ ตอนปี 46วันก่อนไปหาซื้อที่ se-ed ไม่มีเลยครับพี่ วันนี้จะลองเข้าเนตหาดูครับ
แต่เป็นเล่มที่เกี่ยวกะวิธีการปฏิบัติการเชิงจิต ที่เห็นโดยส่วนตัวว่า สนุก ละเอียด เข้าใจได้ด้วยการทดลองทำตาม ไม่ได้ซับซ้อน หรือลึกลับเชิงไสยศาสตร์ใดใด
ง่า แต่ขอสารภาพว่า ที่บอกว่ายังเห็นตีพิมพ์ซ้ำวางแผงอยู่ ณ ปัจจุบัน จะเป็นอีกเล่มนึงค่ะ (จำผิด )
อันนั้นคือ พลังจิตใต้สำนึก the power of your subconscious mind
ครือว่า มันเป็นสองเล่มที่ แนะนำโดยวิธีการที่คล้ายๆกัน(เลยจำสับสน :lol: ) เพียงแต่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมา อาจจะต่างสไตล์กันออกไป
กลับมาที่เล่ม unlimited power....(ครือประมาณว่าดิฉันกลับชอบเล่มนี้มากกว่าค่ะ )
หลักๆก็คือ ผู้เขียน อธิบายถึง NLP หรือคือ Neuro-Linguistic Programming
(การโปรแกรมด้วยภาษาจิตประสาท)
เขาอธิบายว่า คนเรานั้น สร้างสภาวะจิตและพฤติกรรมของเราเองอย่างไร
และยังบอกถึง วิธีการฝึกปฏิบัติต่างๆ
คือ ดิฉันจำลายละเอียดยิบมากไม่ค่อยแม่นค่ะ อ่านมานานมากแล้ว (เพิ่งรื้อขึ้นมาวางไว้หัวเตียง กะว่าจะเอามาอ่านทบทวนอีกครั้ง)
เล่ม unlimited เป็นของสำนักพิมพ์ต้นไม้ค่ะ
36/14 รามคำแหง 43/1 โทร 028887851 (ไม่ทราบว่ายังอยู่หรือไม่นะคะ เอามาจากหลังปก)
ซีเอ็ดจัดจำหน่ายค่ะ
ส่วนอีกเล่ม พลังจิตใต้สำนึก ชื่อผู้แปลคือ ทศยุทธ (เข้าใจว่าอาจจะเป็นนามปากกา)
ไม่ทราบพอจะช่วยให้กระจ่างบ้างหรือไม่นะคะพี่ .^O-O^
-
- Verified User
- โพสต์: 1455
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 12
ใน เดอะท็อปซีเคร็ต เขากล่าถึงคนที่ลงทุนในหุ้นว่า
นักลงทุนที่เล่นด้วยความอยากจะประสบกับความล้มเหลวในตลาดหุ้น
เขาจะพร่ำถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไมหนอ พอซื้อปุ๊บ หุ้นก็ลง
พอขายปั๊บ หุ้นก็ขึ้น ราวกับกลั้นแกล้ง
" ความยากทำให้เขาอดทนรอไม่ได้ ไม่ว่าเวลาซื้อ หรือเวลาขาย "
นักลงทุนที่เล่นด้วยความอยากจะประสบกับความล้มเหลวในตลาดหุ้น
เขาจะพร่ำถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไมหนอ พอซื้อปุ๊บ หุ้นก็ลง
พอขายปั๊บ หุ้นก็ขึ้น ราวกับกลั้นแกล้ง
" ความยากทำให้เขาอดทนรอไม่ได้ ไม่ว่าเวลาซื้อ หรือเวลาขาย "
อย่าทำตัวเป็นนักแสดง เป็นเพียงผู้ดูก็พอ..
-
- Verified User
- โพสต์: 300
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านความลับที่ "เดอะท็อปซีเคร็ต" เอามาบอกแล้วขนลุก
โพสต์ที่ 13
ผมคิดว่านี่เป็น ประเด็นที่สำคัญมากๆเลยครับ สอดคล้องกับข้อเขียนของท่าน พุทธทาส ในหนังสือชื่อเดียวกันแต่เป็นภาษาไทยคือ ความลับสุดยอดท่านว่าอย่างนี้ครับใน เดอะท็อปซีเคร็ต เขากล่าถึงคนที่ลงทุนในหุ้นว่า
นักลงทุนที่เล่นด้วยความอยากจะประสบกับความล้มเหลวในตลาดหุ้น
เขาจะพร่ำถามตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ทำไมหนอ พอซื้อปุ๊บ หุ้นก็ลง
พอขายปั๊บ หุ้นก็ขึ้น ราวกับกลั้นแกล้ง
" ความยากทำให้เขาอดทนรอไม่ได้ ไม่ว่าเวลาซื้อ หรือเวลาขาย "
สิ่งที่เราเคยอยากได้ อยากจะให้เขาช่วยให้ได้ และพอใจอย่างยิ่งที่จะได้ อาจมีได้สักวันหนึ่งต่อเมื่อเหตุการณ์ภายในความรู้สึกของเราได้เปลี่ยนแปลงไปอยู่ในความรู้สึกที่ตรงกันข้าม : คือมองเห็นว่าไม่มีอะไรที่น่าได้ - น่าเอา - น่าเป็น