53 ธุรกิจปีหนู : ปรับกลยุทธ์...รับนโยบายรัฐบาล สมัคร1
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้ประเมินแนวโน้มภาวะธุรกิจอุตสาหกรรม 53 ประเภทในปี
2551 โดยใช้หลักเกณฑ์การพิจารณาตัวแปรที่สำคัญในการเลือกธุรกิจที่จะนำมาศึกษาวิจัยและ
กำหนดหลักเกณฑ์เพื่อประกอบการพิจารณาว่าจะจัดกลุ่มธุรกิจนั้นเข้าอยู่ในกลุ่มใด ซึ่งตัวแปร
หลักสำคัญที่จะใช้ในการประเมินสภาพธุรกิจสำหรับปี 2551 มีหลักเกณฑ์และแนวทางการจัด
กลุ่มธุรกิจ ดังนี้
หลักเกณฑ์การเลือกธุรกิจเพื่อการศึกษาวิจัย ประกอบด้วย
1) เป็นธุรกิจที่มีบทบาทสำคัญต่อการส่งออกและสร้างรายได้ให้ประเทศ
2) เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพการเติบโตต่อเนื่องไปในอนาคต
3) เป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทยโดยรวม
4) เป็นธุรกิจที่กำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุน และของประชาชน
5) เป็นธุรกิจที่มีข้อมูลด้านต่างๆมากเพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์-วิจัย
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการจัดกลุ่มธุรกิจในส่วนนี้ได้กำหนดตัวแปรหลักสำคัญเพื่อประกอบ
การพิจารณาไว้ 4 ด้านด้วยกัน ครอบคลุมด้านการผลิต ด้านการตลาด(การขาย) ด้านการพัฒนา
และด้านที่เกี่ยวกับปัญหาต่างๆที่ธุรกิจนั้นๆเผชิญอยู่ โดยในแต่ละด้านจะมีตัวแปรประกอบการ
พิจารณาในรายละเอียดครอบคลุมประเด็นหลักสำคัญ ดังต่อไปนี้
1)ด้านการผลิต ประกอบด้วยตัวแปร กำลังการผลิต การใช้อัตรากำลังการผลิต อัตราการ
ขยายตัวของการผลิต-การจำหน่าย ความพร้อมด้านวัตถุดิบ การพึ่งพาวัตถุดิบจากในประเทศและ/
หรือจากต่างประเทศ คุณภาพวัตถุดิบ และราคาวัตถุดิบรวมทั้งต้นทุน-คุณภาพของแรงงาน และ
จำนวนผู้ประกอบการธุรกิจ
2) ด้านการตลาด(การขาย) ประกอบด้วยตัวแปรต่อไปนี้
1.1) ตลาดในประเทศ ได้แก่ ยอดขาย อัตราการเติบโตของยอดขาย และสถานการณ์การ
แข่งขันในแต่ละช่วงเวลา
1.2 ) ตลาดต่างประเทศ ได้แก่มูลค่าการส่งออก อัตราการเติบโตของมูลค่าการส่งออก
และส่วนแบ่งในตลาดสำคัญ เปรียบเทียบกับคู่แข่งในแต่ละช่วงเวลา
3)ด้านการพัฒนา ประกอบด้วย คุณภาพสินค้า รูปแบบสินค้าและบรรจุภัณฑ์ โอกาสใน
การสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โอกาสการขยายตัวของการผลิตและการขายในอนาคต รวมถึง
การพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตและการตลาด
4)ด้านปัญหาธุรกิจ ประกอบด้วย นโยบาย/มาตรการภาครัฐทั้งในประเทศและต่าง
ประเทศ การกีดกันทางการค้า การเปลี่ยนแปลงของภาวะเศรษฐกิจในประเทศ เศรษฐกิจโลก
เศรษฐกิจประเทศคู่ค้า สถานการณ์ด้านการเงิน/สินเชื่อ การขยายเครือข่ายธุรกิจ โอกาสและ
อุปสรรคต่อการเข้ามาของธุรกิจรายใหม่ รวมตลอดถึงจุดอ่อน-จุดแข็งภายในของธุรกิจนั้นๆ
สำหรับการวิเคราะห์และประเมินภาวะธุรกิจทั้ง 53 ประเภทในรอบปี2551 ที่ทางศูนย์วิจัยกสิกร
ไทย ได้ดำเนินการศึกษาในครั้งนี้ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต
กลุ่มธุรกิจที่อยู่ในภาวะทรงตัว และกลุ่มธุรกิจพึงระวัง ซึ่งในแต่ละกลุ่มธุรกิจจะประกอบด้วยสินค้า
ดังต่อไปนี้
กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโต ประกอบด้วย 9 ธุรกิจได้แก่ ธุรกิจสปาหรู รถยนต์และ
ชิ้นส่วน สีอุตสาหกรรม ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ต ธุรกิจซื้อขายออนไลน์ ธุรกิจโรงพยาบาล
เอกชน สีทาอาคาร อิเล็กทรอนิกส์ และกล้องดิจิตอล
กลุ่มธุรกิจที่อยู่ในภาวะทรงตัว ประกอบด้วย 39 ธุรกิจได้แก่ ธุรกิจทัวร์เอาท์บาวด์
นมถั่วเหลือง ธุรกิจก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง พืชพลังงานทดแทน เยื่อ
กระดาษ ธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาว รถจักรยานยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า กุ้งและ
ผลิตภัณฑ์ ธุรกิจทัวร์อินบาวด์ ธุรกิจทัวร์ทางน้ำ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปิโตรเคมี เครื่องใช้
ไฟฟ้า โทรศัพท์เคลื่อนที่ ข้าว ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ กระจก ธุรกิจโฆษณา นมและ
ผลิตภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์เซรามิก คอนโดมิเนียม ผลิตภัณฑ์พลาสติก ธุรกิจรับสร้างบ้าน
ยางพารา น้ำผัก-ผลไม้ ไก่แปรรูป ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสนามกอล์ฟ อัญมณีและเครื่อง
ประดับ ธุรกิจบ้านจัดสรร อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง รองเท้า ปลา
กระป๋อง เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและเครื่องประดับตกแต่งบ้าน และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
กลุ่มธุรกิจพึงระวัง ประกอบด้วย 5 ธุรกิจ ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ของ
เด็กเล่น อ้อยและน้ำตาล และสถานีบริการน้ำมัน
สำหรับแนวโน้มภาวะธุรกิจแต่ละประเภทในปี 2551 สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้
ดังปรากฏในตารางต่อไปนี้
แนวโน้มภาวะอุตสาหกรรมปี 2551
ประเภทธุรกิจ เหตุผล
กลุ่มที่ 1 :ธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตดี
ธุรกิจสปาหรู ในปี 2551 ธุรกิจสปาหรูระดับ 5 ดาวซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใน
โรงแรมระดับ 4-5 ดาว มีแนวโน้มขยายตัวได้ดีราวร้อยละ 10 โดยมีมูลค่ารวม 16,000 ล้าน
บาท นอกจากสปาในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปตามเมืองท่องเที่ยวหลัก
ในภูมิภาคต่างๆแล้ว ยังมีผู้ประกอบธุรกิจสปาหรูนอกโรงแรมเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองความต้อง
การของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย และคนไทยในตลาดระดับบนที่
กระแสใส่ใจดูแลสุขภาพที่กำลังมาแรง
รถยนต์และชิ้นส่วน
ภาวะตลาดรถยนต์ปี 2551 จะยังคงเติบโตต่อเนื่อง โดย
เฉพาะรถยนต์นั่งขนาดเล็ก-กลางที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง จะเติบโตได้ดีราวร้อยละ 6-
10 ด้านการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนจะยังคงขยายตัวดีมากโดยคาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 14-15
พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโตร้อยละ 20-25
สีอุตสาหกรรม
ในปี 2551 คาดว่าสภาวะการผลิตรถยนต์ซึ่งเป็นผู้ใช้สี
อุตสาหกรรมรายใหญ่จะฟื้นตัวจากปีก่อนและมีอัตราการเติบโตทั้งยอดขายในประเทศและต่าง
ประเทศ โดยเฉพาะยอดส่งออกยังมีแนวโน้มดี ส่วนรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นผู้ใช้สีอุตสาหกรรม
รายใหญ่รองลงมาในปีนี้มีแนวโน้มการเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน จากตลาดส่งออกที่มีแนวโน้ม
เติบโตอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ต
ธุรกิจให้บริการอินเทอร์เน็ตปี 2551 คาดว่าจะยังคงมีแนว
โน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตประมาณ 15.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น
จากปีที่แล้วร้อยละ 15 ต่อปี โดยมีปัจจัยบวกจากอัตราค่าบริการที่มีแนวโน้มถูกลง เนื่องจากการผู้
ประกอบการแต่ละรายพยายามใช้กลยุทธ์ลดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า ประกอบกับระดับเทคโนโลยีที่
พัฒนาสูงขึ้น
ธุรกิจซื้อขายออนไลน์
ธุรกิจซื้อขายออนไลน์ปี 2551จะมีแนวโน้มเติบโต โดย
มูลค่าตลาดจะขยายตัวประมาณร้อยละ 30-40 ต่อปี จากปัจจัยบวกที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เรียบ
ร้อยดี ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและผู้บริโภค ทำให้การลงทุนและการบริโภคภาค
เอกชนกลับมาขยายตัว นอกจากนี้ ยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้อิน
เทอร์เน็ตและปริมาณความเร็วของอินเทอร์เน็ตที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย
โรงพยาบาลเอกชน
โรงพยาบาลเอกชนยังคงเติบโตได้ดีในปี 2551 โดยคน
ไข้ชาวต่างประเทศเป็นกลุ่มลูกค้าที่ยังคงนิยมเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่การเติบ
โตอาจไม่สูงมากเท่าปีก่อนๆ คาดว่าจำนวนคนไข้ชาวต่างชาติที่จะเข้ามารักษาพยาบาลในปี
2551 จะมีประมาณ 1.7-1.77 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 1.54 ล้านคนในปี 2550 คิดเป็นมูลค่า
ประมาณ 46,000-48,000 ล้านบาท
สีทาอาคาร
สภาวะตลาดสีทาอาคารปี 2551 จะมีโอกาสขยายตัวดีขึ้น
ตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการก่อสร้าง จากการกลับมาของความเชื่อมั่นผู้
บริโภคที่มีแนวโน้มดีขึ้นภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ที่มีความเรียบร้อยดี จะก่อให้เกิดการเดิน
หน้าของโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ย่อมเป็นการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนกลับคืนมาน่าจะสนับ
สนุนการเติบโตของตลาดสีทาอาคารได้ในปีนี้
ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์
ภาวะการส่งออกผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2551 คาดว่า
จะเติบโตประมาณร้อยละ10-12 โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเติบโตในกลุ่มฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์
(HDD) ทั้งนี้ แม้ว่าจะยังมีความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดผู้บริโภคขั้นสุดท้ายที่ใหญ่
ที่สุดสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งปัจจัยค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง แต่ความ
ต้องการสินค้าก็ยังมีแนวโน้มได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของตลาดเซมิคอนดัคเตอร์และ
คอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
กล้องดิจิตอล
ตลาดกล้องดิจิตอลในปี 2551 จะเติบโตได้ต่อเนื่องในอัตรา
ร้อยละ 10 ในกรณีที่เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นหลังตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว โดยมีปัจจัยสนับสนุนการเติบ
โตจากราคากล้องมีแนวโน้มลดลง และการเกิดนวัตกรรมใหม่ๆในผลิตภัณฑ์ทำให้ฐานผู้บริโภค
ขยายตัว โดยสินค้ากล้องดิจิตอลเอสแอลอาร์จะยังคงเป็นเซ็กเมนต์ที่เติบโต ได้สูง ส่วน
กล้องดิจิตอลคอมแพคที่มีความละเอียดสูง 8-9 ล้านพิกเซลจะเป็นกลุ่มที่ขยายตัวได้ดีที่สุด
กลุ่มที่ 2 : ธุรกิจที่อยู่ในภาวะทรงตัว
ธุรกิจทัวร์เอาท์บาวด์
ตลาดทัวร์ต่างประเทศในรอบปี 2551จะมีแนวโน้มขยายตัว
ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 โดยมีคนไทยเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 4.26 ล้านคน ในจำนวนนี้
ประมาณร้อยละ 35 หรือ 1.5 ล้านคนเดินทางไปแบบกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทนำเที่ยว
ประมาณ 6,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 20 แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของคนไทยยังคงเป็นแหล่ง
ท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชีย ได้แก่ จีน ฮ่องกง เวียดนาม สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น
ขณะที่แหล่งท่องเที่ยวระยะไกลในยุโรปได้รับความนิยมลดลง
นมถั่วเหลือง
คาดว่าในปี 2551 มูลค่าตลาดนมถั่วเหลืองจะมีประมาณ
7,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2550 แล้วขยายตัวประมาณร้อยละ 15.0 ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์นม
เพิ่มเป้าหมายมารุกขยายตลาดนมถั่วเหลืองมากขึ้น รวมทั้งกระแสพฤติกรรมการใส่ใจใน
สุขภาพ และความนิยมในการบริโภคเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นยังคงช่วยสร้างกระแสให้ตลาด
นมถั่วเหลืองยังเติบโตต่อเนื่อง
ธุรกิจก่อสร้าง
ธุรกิจก่อสร้างปี 2551 คาดว่ามีโอกาสที่จะปรับตัวดีขึ้น โดย
แรงสนับสนุนหลักน่าจะมาจากโครงการของภาครัฐ โดยคาดว่าการก่อสร้างรวมในปี 2551 จะมี
อัตราการขยายตัวร้อยละ 3.0-7.0 ปรับตัวดีขึ้นจากปี 2550 ที่ขยายตัวร้อยละ 2.2 โดยการก่อ
สร้างภาคเอกชนจะขยายตัวประมาณร้อยละ 2.0-6.0 จากที่หดตัวร้อยละ 2.3 ในปี 2550 สำหรับ
การก่อสร้างของภาครัฐคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 4.0-8.0 จากร้อยละ 6.8 ในปี 2550
ปูนซีเมนต์
ภาวะตลาดปูนซีเมนต์มีโอกาสปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่หดตัวลง
ไปในปีที่แล้ว แต่ทิศทางธุรกิจยังต้องฝากความหวังไว้กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่ง
ขึ้นอยู่กับเสถียรภาพของรัฐบาลใหม่ และประสิทธิภาพในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจเป็นสำคัญ
ขณะที่ราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงอาจเป็นข้อจำกัดสำหรับการฟื้นตัวของความต้องการ
ใช้ซีเมนต์ในโครงการอสังหาริมทรัพย์
ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
จากสถานการณ์ราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้อยู่ใน
เกณฑ์ดีอย่างต่อเนื่อง จึงจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น ขณะเดียวกันความ
ต้องการผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในประเทศก็เพิ่มขึ้น เนื่องจากมีโรงงานผลิตเอทานอลเพื่อใช้เป็น
เชื้อเพลิงเปิดดำเนินการแล้ว บรรดาโรงงานเอทานอลต้องเตรียมวัตถุดิบป้อนเข้าไปในโรงงานให้
เพียงพอ ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปี 2551 จะส่งออกได้ราว 1,240 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20.0 จากปีที่ผ่านมา
พืชพลังงานทดแทน
กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพลังงานมีแผนการผลิตพืช
พลังงานทดแทนเพื่อใช้ผลิตเป็นไบโอดีเซลและเอทานอลในส่วนของไบโอดีเซลนั้นต้องเพิ่ม
ปริมาณการผลิต เนื่องจากการประกาศบังคับให้มีการจำหน่ายไบโอดีเซลบี 2 วันที่ 1 กุมภาพันธ์
2551 แต่ยังไม่บังคับไบโอดีเซลบี 5 เพราะปัจจุบันไทยมีปาล์มน้ำมันผสมเพียงพอในระดับบี2
ส่วน บี 5 ต้องเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอีก 2.5 ล้านไร่ ส่วนการผลิตเอทานอลนั้น ปัจจุบันมีโรงงานผลิต
เอทานอล 21 แห่ง ผลิตได้ 1 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ความต้องการใช้มี 0.6 ล้านลิตรต่อวัน
จึงยังไม่มีปัญหาด้านวัตถุดิบ
เยื่อกระดาษ
ในปี 2551 ความต้องการเยื่อกระดาษยังคงได้รับปัจจัยหนุนหลาย
ประการ อาทิ การเร่งกระตุ้นการใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชน การเลือกตั้งสมาชิก
วุฒิสภา รวมทั้งการที่อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์รายใหญ่จากต่างประเทศย้ายฐานการผลิตเข้ามาใน
ไทยเพื่อรับจ้างผลิตสิ่งพิมพ์เพื่อการส่งออกมากขึ้น
ธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาว
ธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาวจะเติบโตกว่าร้อยละ10ในปี
2551 โดยเฉพาะโรงแรมตามแหล่งท่องเที่ยวหลักที่มีอยู่ 6,500 แห่งทั่วประเทศ มีห้องพักรวม
กันราว 360,000 ห้อง มีรายได้หลักในด้านที่พักจากนักท่องเที่ยวรวมเป็นมูลค่า 230,000 ล้าน
บาท ในจำนวนนี้กว่าร้อยละ 60 เป็นรายได้ของธุรกิจโรงแรมหรูระดับ 4-5 ดาว ซึ่งมีอัตราค่าห้อง
พักและอัตราการเข้าพักเฉลี่ยสูงกว่าโรงแรมกลุ่มอื่นๆ
รถจักรยานยนต์
ภาวะตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศปี 2551 คาดว่าค่อนข้างทรง
ตัว แต่จะไม่หดตัวลงรุนแรงอย่างปีที่ผ่านมา อัตราเปลี่ยนแปลงน่าจะอยู่ในช่วงระหว่างร้อยละ-2
ถึงร้อยละ1 ด้วยปริมาณยอดจำหน่ายประมาณ 1.65-1.70 ล้านคัน ทั้งนี้ โครงสร้างที่ใกล้จะอิ่มตัว
ของตลาดรถจักรยานยนต์ในประเทศจะยังคงจำกัดการเติบโตของยอดขาย ซึ่งคงจะไม่สามารถ
กลับมาร้อนแรงหมือนในอดีต
เหล็กและเหล็กกล้า
ความต้องการใช้เหล็กในประเทศปี 2551คาดว่าจะเพิ่มขึ้น หาก
รัฐบาลใหม่เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ
นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะกระเตื้องขึ้นจะช่วยกระตุ้นความต้องการซื้อของผู้บริโภคให้
มีการใช้จ่ายมากขึ้น ส่งผลดีต่อภาคการก่อสร้าง อุตสาหกรรมรถยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้
ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ ซึ่งก็จะส่งผลต่อเนื่องให้ความต้องการใช้เหล็กปี2551ฟื้นตัวได้ราว
ร้อยละ 5
กุ้งและผลิตภัณฑ์
ในปี 2551 การเลี้ยงกุ้งน่าจะมีการปรับตัวหันไปเลี้ยงกุ้งที่มีขนาด
ใหญ่ขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดต่างประเทศ และเป็นการหลีกเลี่ยงการแข่ง
ขันในกุ้งขนาดเล็กจากคู่แข่งขันอย่างจีน และเวียดนาม รวมทั้งหันไปพัฒนาการส่งออกกุ้งแช่เย็น
และกุ้งแปรรูปมากขึ้น โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกกุ้งปี 2551 จะมีทั้งสิ้น 2,580 ล้าน
ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.0
ธุรกิจทัวร์อินบาวด์
ในปี 2551 ธุรกิจทัวร์อินบาวด์จะขยายตัวในระดับที่ดีโดยเฉพาะที่
มาจากเอเชียตะวันออก ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ70 ของตลาดทัวร์อินบาวด์ของไทยที่มีทั้งสิ้นกว่า 5.3
ล้านคน ตลาดหลักในเอเชียตะวันออกของทัวร์อินบาวด์ คือ เกาหลีใต้ จีน และญี่ปุ่น รองลงมา คือ
ยุโรป ซึ่งมีรัสเซีย ฟินแลนด์ และยุโรปตะวันออก ที่ขยายตัวในอัตราสูง นอกจากนี้ ยังมีเอเชียใต้
ซึ่งมีอินเดียเป็นตลาดหลัก
ธุรกิจทัวร์ทางน้ำ
ธุรกิจท่องเที่ยวทางน้ำมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการจัด
กิจกรรมของภาครัฐและภาคเอกชน เช่น การพัฒนากิจกรรมล่องเรือดึงดูดนักท่องเที่ยวของผู้
ประกอบการ ทั้งกลุ่มโรงแรมริมแม่น้ำ กลุ่มเรือท่องเที่ยว และกลุ่มร้านอาหารริมแม่น้ำ ขณะที่
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวในอัตราสูงขึ้น โดยมีนักท่องเที่ยวจากตลาดหลักของไทยใน
เอเชียตะวันออกเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจนี้ขยายตัวราวร้อยละ 20 มีมูลค่าตลาดรวม
7,000 ล้านบาท
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป
ในปี 2551 การบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะยังคงขยายตัวได้ใน
ระดับที่ดี แม้ว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นในการบริโภคสำหรับชนชั้นกลาง
และชนชั้นล่าง แต่ยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากราคาวัตถุดิบในการผลิตที่สำคัญทั้งแป้งสาลี
และน้ำมันปาล์มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะการแข่งขันที่รุนแรงภายในตลาดและ
จากธุรกิจอาหารกึ่งสำเร็จรูปที่สามารถทดแทนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้มากขึ้น
ปิโตรเคมี
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีปี 2551 ยังคงทรงตัวจากปีที่ผ่านมา แม้ว่า
กำลังการผลิตภายในประเทศจะเพิ่มขึ้น และราคาผลิตภัณฑ์ ปิโตรเคมียังคงมีแนวโน้มอยู่ใน
ระดับสูงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อีกทั้งความต้องการผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีภายใน
ประเทศ มีแนวโน้มดีขึ้นจากปีก่อน ด้วยความชัดเจนทางการเมือง รวมถึงการเลื่อน
ดำเนินการผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีหลายโครงการในจีน ซึ่งทำให้การส่งออกปิโตรเคมีของไทย
ยังคงขยายตัวในระดับดีพอใช้
เครื่องใช้ไฟฟ้า
แนวโน้มตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศปี 2551 จะเติบโตได้ในระดับ
ร้อยละ 0-3 ขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจและการจับจ่ายของผู้บริโภค เทรนด์ของเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี
2551จะยังคงเป็นในเรื่องของสุขภาพและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการประหยัดพลังงาน ในขณะที่
ตลาดส่งออกจะชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐฯและเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้ม
ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการส่งออกเครื่องใช้ไฟฟ้าปี 2551 จะขยายตัวได้ราวร้อยละ 8-
12 ต่อปี
โทรศัพท์เคลื่อนที่
แนวโน้มตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ปี 2551 ในส่วนของตลาดให้บริการ
หมายเลขจะเติบโตไม่สูงมากนัก โดยคาดว่าจะขยายตัวประมาณร้อยละ 5 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการ
จำกัดการจัดสรรเลขหมายและช่องว่างการแข่งขันด้านราคามีเหลือไม่มาก ทำให้ผู้ประกอบการ
ต้องแข่งขันด้านการให้บริการ สำหรับภาวะตลาดตัวเครื่องลูกข่าย จะขยายตัวประมาณร้อย
ละ 5 หรือ 9.45 ล้านเครื่อง แต่ด้านมูลค่าจะเติบโตลดลงเนื่องจากเครื่องโทรศัพท์โดยเฉลี่ยมี
ราคาถูกลง
ข้าว
กรมการค้าต่างประเทศตั้งเป้าการส่งออกข้าวปี 2551 อยู่ที่ 8.75 ล้าน
ตัน มูลค่า 3,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยที่ข้าวหอมมะลิราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์อาจทะลุ
700 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ส่วนข้าวขาว100% ราคาน่าจะสูงถึงตันละ 400 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะ
ที่ข้าวสารหอมมะลิในประเทศปัจจุบันตันละ 20,000 บาท ส่วนข้าวขาว 5% ตันละ11,500 บาท
ขณะที่ราคาข้าวเหนียวจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติจากที่ในปี 2550 ราคาพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์
ภาวะตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ปี 2551 ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในประเทศ
ได้แก่ เสถียรภาพทางการเมืองและการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ รวมทั้ง
การเร่งสร้างความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ สำหรับปัจจัยภายนอก ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก
ที่มีแนวโน้มชะลอตัว จะส่งผลให้บริษัทต่างชาติชะลอลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งก็จะส่งผลต่อการ
ชะลอการลงทุนในไทยด้วย
กระจก
อุตสาหกรรมกระจกน่าจะสามารถขยายตัวในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่าน
มาตามความต้องการใช้กระจกจากอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง แต่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากต้น
ทุนพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น อีกทั้งการแข่งขันนำเข้าและส่งออกกระจกจากต่างประเทศ โดยเฉพาะ
กระจกแผ่นเรียบ และกระจกแปรรูปที่มีราคาถูกจากจีนที่มีเหลือจำนวนมาก หลังการก่อสร้าง
สนามกีฬาโอลิมปิกของจีนในช่วงกลางปี 2551
ธุรกิจโฆษณา
ธุรกิจโฆษณาในปี 2551 ยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงทั้งในและนอก
ประเทศ กอปรกับการที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อมูลข่าวสารมากขึ้น ทำให้ผลของการเปลี่ยน
แปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองกระทบทางด้านจิตวิทยาต่อผู้บริโภคค่อนข้างมาก นอกจากนี้
เม็ดเงินโฆษณาที่จะเติบโตด้วยเลขสองหลักเช่นในอดีตไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ง่ายนัก แต่ก็ยังมี
โอกาสกระเตื้องขึ้นได้ราวร้อยละ4โดยได้รับอานิสงส์จากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักลงทุนที่
มีแนวโน้มฟื้นตัว
นมและผลิตภัณฑ์นม
ตลาดผลิตภัณฑ์นมโดยรวมในปี 2551จะมีมูลค่าประมาณ 37,000
ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 5.7 ขณะที่การนำเข้าจะมีมูลค่าราว 560 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 20.0 เมื่อเทียบกับปี 2550 สำหรับมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์
นมของไทยคาดว่าในปี 2551 จะมีมูลค่าประมาณ 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ
15.0 เมื่อเทียบกับปี 2550
ผลิตภัณฑ์เซรามิก
ในปี 2551 เนื่องจากสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก
ทำให้ตลาดสุขภัณฑ์และกระเบื้องปูพื้นปิดผนังเซรามิกในประเทศยังไม่น่าที่จะฟื้นตัวได้มากนัก
ในขณะเดียวกัน การส่งออกก็ยังมีการแข่งขันกับสินค้าจากจีนที่มีต้นทุนต่ำกว่าไทย กอปร
กับ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอีก จะส่งผลให้การส่งออกกระเบื้องเซรามิกชะลอตัว โดยจะขยายตัว
ได้เพียงร้อยละ 3-4 ส่วนการส่งออกสุขภัณฑ์ซึ่งผู้ผลิตไทยที่ร่วมทุนกับต่างชาติ น่าจะยังขยายตัว
ได้ร้อยละ10 แต่ก็ชะลอตัวจากร้อยละ 19 ในปี 2550
คอนโดนิเนียม
ตลาดคอนโดมิเนียมปี 2551จะยังคงเติบโต เนื่องจากความต้องการที่
ยังคงมีอยู่ โดยคาดว่าจะมีจำนวนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลในปี
2551 ประมาณ 17,500 หน่วย เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 เนื่องจากโครงการที่มีการเปิดตัวไปเป็น
จำนวนมากช่วงก่อนหน้านี้ได้ทยอยสร้างเสร็จ อย่างไรก็ตามท่ามกลางความเสี่ยงทางเศรษฐกิจใน
ปี 2551 ผู้ประกอบการในธุรกิจนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการขยายโครงการมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์พลาสติก
แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกในปี 2551 โดยเฉพาะอย่าง
ยิ่งการส่งออกพลาสติกนั้นอาจมีความผันผวนได้มาก ทั้งนี้ สถานการณ์ราคาน้ำมันโลกยังคงเป็น
ตัวแปรสำคัญ เพราะมีผลต่อต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งโดยตรง ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลกที่
ชะลอตัวก็จะกระทบการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทย ทำให้การเติบโตลดลงจากปีที่แล้ว
โดยจะเติบโตเหลือขยายตัวแค่ร้อยละ10 เทียบกับกว่าร้อยละ19ในปี 2550 มีมูลค่า 2.6 พันล้าน
ดอลลาร์สหรัฐ
ธุรกิจรับสร้างบ้าน
ธุรกิจรับสร้างบ้านในช่วงปี 2551 น่าจะมีการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น โดย
เฉพาะบริษัทรับสร้างบ้านที่ต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาด โดยการขยายตลาดไปสู่
ภูมิภาคต่างๆ โดยเฉพาะจังหวัดใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยว ที่เริ่มมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง
หรือขยายตลาดในรูปแบบความร่วมมือกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้านจัดสรร
ที่ดิน น่าจะยังเป็นแรงผลักดันให้มูลค่าตลาดของบริษัทรับสร้างบ้านขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ยางพารา
ในปี 2551 ธุรกิจยางพารายังคงเติบโตต่อเนื่อง โดยที่ราคายาง
ธรรมชาติในตลาดโลกน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 5.0 เมื่อเทียบกับในปี 2550 ในกรณีที่ไม่มี
ปัญหาสภาพอากาศแปรปรวนในแหล่งผลิตยางที่สำคัญ จนกระทั่งส่งผลกระทบต่อปริมาณการผลิต
ยาง ด้านการส่งออกยางพาราของไทยในปี 2551 คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 5,600 ล้านดอลลาร์
สหรัฐฯ ขยายตัวใกล้เคียงกับปี 2550
น้ำผัก-ผลไม้
มูลค่าตลาดน้ำผัก-ผลไม้ในปี2551 น่าจะอยู่
ที่ 6,200 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 15.0 อันเป็นผลจากการที่รัฐบาลริเริ่มโครงการรณรงค์ส่ง
เสริมให้คนไทยดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพให้มากยิ่งขึ้น ทั้งในรูปน้ำผลไม้สดและน้ำผลไม้กล่อง ใน
ด้านตลาดส่งออกจะมีมูลค่าราว 270 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วร้อยละ 18.0
ไก่แปรรูป
ปริมาณการผลิตไก่ปี 2551 รวมทั้งประเทศจะมีประมาณ 935 ล้าน
ตัว เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 เนื่องจากความต้องการการบริโภคไก่เนื้อในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 0.92
ล้านตัน หรือเพิ่มประมาณร้อยละ 6.7 เมื่อเทียบกับปี 2550 อันเป็นผลจากราคาเนื้อสุกรที่อยู่ใน
เกณฑ์สูง ทำให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคไก่มากขึ้น ด้านการส่งออกไก่แปรรูปจะมีประมาณ
330,000 ตัน มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0
ธุรกิจค้าปลีก
แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกในปี 2551 ผู้ประกอบการต้องเผชิญทั้งปัจจัยเสี่ยง
หลากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง จึงคาดว่าพฤติกรรมการจับจ่ายใช้
สอยของผู้บริโภคน่าจะเป็นไปอย่างระมัดระวังไม่แตกต่างจากปีก่อน ทำให้การเติบโตน่าจะอยู่ที่
ระดับร้อยละ 1-5 การเคลื่อนไหวที่น่าจับตามองได้แก่ กลุ่มคอมมูนิตี้มอลล์ ที่เป็นธุรกิจค้าปลีก
หรือพลาซ่าขนาดกลางตามแหล่งที่อยู่อาศัยและย่านธุรกิจสำคัญหลายแห่งในกรุงเทพฯและหัว
เมืองใหญ่ รวมถึงธุรกิจคอนวีเนี่ยนสโตร์
ธุรกิจสนามกอล์ฟ
ธุรกิจสนามกอล์ฟปี 2551 จะมีแนวโน้มที่ดีกว่าปีที่แล้วมากโดยจะมีอัตรา
เติบโตร้อยละ 15-20 เนื่องจากได้แรงหนุนสำคัญจากตลาดนักกอล์ฟต่างชาติที่ขยายตัวในอัตรา
สูงขึ้น โดยเฉพาะนักกอล์ฟเอเชีย อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสิงคโปร์ ที่เริ่มเดินทางกลับ
มาเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้น ขณะที่ตลาดนักกอล์ฟคนไทยก็มีแนวโน้มขยายตัวครอบคลุมผู้เล่น
ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงอายุในวัยเกษียณ ส่งผลดีต่อธุรกิจสนามกอล์ฟโดยรวมมีรายได้เพิ่มขึ้นไม่ต่ำ
กว่าร้อยละ 20
อัญมณีและเครื่องประดับ
การเติบโตของอุตสาหกรรมเครื่องประดับแท้ในประเทศปี 2551 คาด
ว่าในระยะสั้นความต้องการอาจจะชะลอตัวลง เนื่องจากผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจต่อรายได้ใน
อนาคต ขณะที่ในระยะยาวความต้องการยังคงขึ้นอยู่กับราคาทองเป็นหลัก ควบคู่กับระดับความ
มั่นใจของผู้บริโภค ส่วนการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ(ที่ไม่นับรวมทองไม่ขึ้นรูป)น่าจะอยู่
ในภาวะทรงตัว หรืออาจเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อนที่ร้อยละ5-7
ธุรกิจบ้านจัดสรร
ในปี 2551 ความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านจัดสรรน่าจะอยู่ใน
ระดับทรงตัว โดยในช่วงครึ่งแรกของปี แม้คาดว่าจะมีปัจจัยสนับสนุนต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ในประเทศ แต่ยังมีความเสี่ยงที่จะส่งผลกระทบต่อความต้องการบ้านจัดสรร อาทิ ความผันผวน
ของราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และปัญหาค่าครองชีพ เป็นต้น สำหรับแนวโน้มการพัฒนา
โครงการจัดสรรใหม่ๆ จะยังคงเติบโตในอัตราที่ชะลอลง เนื่องจากอุปทานยังคงมีอยู่มากพอควร
ซึ่งเป็นผลจากการที่อุปสงค์เกิดการชะลอตัวลงตั้งแต่ปีที่แล้ว
อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง
มูลค่าการตลาดของอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งในปี 2551 จะสูงถึง
4,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2550 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 30.0 เนื่องจากผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะ
พิจารณาปัจจัยสำคัญเพิ่มเติมในการเลือกซื้ออาหารสำเร็จรูปแช่แข็งโดยเฉพาะคุณภาพ และ
สุขอนามัย ขณะที่ตลาดส่งออกจะได้อานิสงส์จากชื่อเสียง รสชาติและคุณค่าทางโภชนาการและ
ความนิยมร้านอาหารไทยในต่างแดน
ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง
ตลาดผลิตภัณฑ์เครื่องหนังนั้นพึ่งพิงตลาดส่งออกเป็นหลัก ซึ่งสินค้า
ที่มีมูลค่าส่งออกสูงจะเป็นรองเท้าหนัง เครื่องหนังสำหรับเดินทาง และกระเป๋า ดังนั้น การที่
เศรษฐกิจสหรัฐ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดส่งออกหลักมีแนวโน้มชะลอตัวลง จึงอาจส่ง
ผลให้การส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องหนังของไทยชะลอตัวลงตาม สำหรับ ตลาดในประเทศจะยังคงมี
แนวโน้มเติบโตใกล้เคียงกับปีที่แล้ว
รองเท้า(รองเท้ากีฬา รองเท้าลำลอง และอื่นๆ)
ตลาดรองเท้าลำลองและรองเท้าอื่นๆ เป็นตลาดที่พึ่งพาตลาดใน
ประเทศเป็นหลัก ซึ่งในปี 2551 คาดว่าตลาดในประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตต่อไปได้ ส่วนตลาด
ส่งออกคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยผู้ผลิตรายใหญ่พยายามขยายตลาดออกไปยังภูมิภาค
อื่นๆ อาทิ อาเซียน เกาหลี ไต้หวัน และตะวันออกกลางเพิ่มเติม
ปลากระป๋อง
ในปี 2551 ตลาดปลากระป๋องในประเทศจะมีมูลค่าประมาณ
4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ15.0 แต่การแข่งขันจะทวีความรุนแรงขึ้น เพราะมีผู้ประกอบการ
รายใหม่เข้าสู่ตลาด ด้านการส่งออกปลากระป๋องคาดว่าจะมีมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม
ขึ้นร้อยละ 10.0
เครื่องใช้บนโต๊ะอาหารและในครัว-เครื่องประดับตกแต่งบ้าน
ภาวะตลาดจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นในปี 2551 โดยเฉพาะ
การแข่งขันทางด้านราคา ทั้งสินค้าที่ผลิตภายในประเทศและสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดย
เฉพาะสินค้าจากจีนที่มีราคาถูกกว่าสินค้าไทย ขณะที่ภาวะตลาดส่งออกนั้นก็มีแนวโน้มที่จะเผชิญ
ความเสี่ยงจากปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐที่ก่อตัวขึ้นจากวิกฤติสินเชื่อ ซับไพรม์ เนื่องจากการ
ผลิตส่วนใหญ่ต้องพึ่งพาการส่งออก และยังคงมีการพึ่งพาตลาดส่งออกขั้นสุดท้ายไปยังสหรัฐสูง
ด้วย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปี 2551 ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลาย
ประการ เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจ ราคาสินค้าจะปรับสูงขึ้นจนนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งก็จะ
กระทบกำลังซื้อของผู้บริโภค ดังนั้น ผู้ประกอบการจึงต้องวางแผนการตลาดให้สอดรับกับภาวะ
กำลังซื้อ และอารมณ์การจับจ่าย อาทิ การใช้กลยุทธ์ด้านราคา เพิ่มความถี่ในการจัดกิจกรรมส่ง
เสริมการขาย จัดกิจกรรมการตลาดที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมทั้งให้ความสำคัญกับช่อง
ทางการจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดส่งออกที่ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้อีก
กลุ่มที่ 3 : ธุรกิจพึงระวัง
เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน
ตลาดเฟอร์นิเจอร์ปี 2551 อยู่ในภาวะที่พึงระวัง โดยที่
ตัวแปรด้านอัตราดอกเบี้ย ราคาเชื้อเพลิง และเสถียรภาพการเมืองจะยังคงเป็นตัวแปรหลัก ที่จะมี
ผลต่อความต้องการซื้อเฟอร์นิเจอร์ในประเทศ ส่วนตลาดส่งออกก็อาจจะฟื้นตัวลำบาก เพราะคู่ค้า
หลัก อาทิ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และประเทศในแถบยุโรปประสบกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ดังนั้น ผู้
ประกอบการจึงต้องเร่งแสวงหาตลาดใหม่ๆเพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดหลักเพียงไม่กี่
ตลาด
เสื้อผ้าสำเร็จรูป
ในปี 2551 คาดว่าการส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปจะยังคงมีแนว
โน้มชะลอตัว ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คู่แข่งที่
สำคัญอย่างจีน อินเดีย ปากีสถาน บังคลาเทศ เวียดนาม และกัมพูชา ก้าวขึ้นมามีบทบาท
เพิ่มมากขึ้นในตลาดเสื้อผ้าสำเร็จรูปของโลก นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ ญี่ปุ่น สหภาพ
ยุโรป ก็ชะลอตัวลง ทำให้ความต้องการสินค้าจากไทยลดลง
ของเด็กเล่น
อุตสาหกรรมของเด็กเล่นไทยปี 2551 ทั้งตลาดในประเทศและตลาด
ต่างส่งออกตกอยู่ในภาวะพึงระวัง เนื่องจากต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายประการ โดยเฉพาะ
ตลาดหลักอย่างสหรัฐ ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรปที่ผู้ประกอบการของเด็กเล่นไทยต้องเผชิญกับภาวะ
การแข่งขันที่รุนแรง ขณะที่ลูกค้าในตลาดใหม่ๆอย่างยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง ละตินอเม
ริกา และรัสเซียที่กำลังก้าวขึ้นเป็นตลาดที่มีศักยภาพนั้น ก็มีแนวโน้มที่การแข่งขันทวีความ
รุนแรง ขณะที่จีนเองก็พยายามเปิดเกมรุกตลาดใหม่ๆดังกล่าวเช่นกัน ด้วยผลิตภัณฑ์ราคาถูก
และพร้อมจะลอกเลียนแบบสินค้าตลอดเวลา
อ้อยและน้ำตาลทราย
อุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลในฤดูการผลิตปี 2550/51 ต้อง
เผชิญกับปัญหาราคาอ้อยตกต่ำ โดยราคาอ้อยขั้นต้นที่รัฐประกาศอยู่ที่ 600 บาทต่อตันอ้อย ต่ำ
กว่าราคาอ้อยขั้นต้นปีการผลิตก่อนหน้าที่ 800 บาทต่อตันอ้อย ทั้งนี้ แม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะอนุมัติ
ให้กองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายกู้เงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรเพื่อเพิ่ม
ราคาอ้อยในอัตราตันละ 62 บาท และโรงงานน้ำตาลสำรองจ่ายเพิ่มอีก 38 บาทต่อตัน รวมแล้ว
ชาวไร่อ้อยได้รับราคาอ้อยในเบื้องต้น 700 บาทต่อตัน แต่ชาวไร่อ้อยก็ยังคงได้รับต่ำกว่าราคาอ้อย
ขั้นต้นปีก่อนหน้าถึงประมาณ 100 บาทต่อตัน
สถานีบริการน้ำมัน
ธุรกิจสถานีบริการน้ำมันปี 2551 จะยังคงเผชิญปัญหาหนักจาก
ภาวะการแข่งขันในตลาดน้ำมันที่ทวีความรุนแรง จากสภาพตลาดน้ำมันโลกที่ยังคงมีความ
ผันผวนสูง และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันตลาดโลกจะยังคงทรงตัวในระดับที่สูงต่อเนื่องจากปี
2550 ทำให้สถานีบริการน้ำมันต้องปรับตัวรับกับสภาพตลาดน้ำมันที่มีการแข่งขันสูง โดย
เฉพาะสถานีบริการน้ำมันอิสระยังมีความเสี่ยงที่จะต้องปิดตัวเองเพิ่มมากขึ้นในปี 2551นี้
ที่มา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วันที่ 29/02/08 เวลา 9:18:50