สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

กระทู้คุณค่า มีประโยชน์ ความรู้ดีดี เป็นประโยชน์เสมอไม่ว่าเวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน แค่ไหนก็ตาม
InSaNiTeRz
Verified User
โพสต์: 27
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 121

โพสต์

ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
yoyo
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 4833
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 122

โพสต์

นับถือพี่ริวสุดๆ... ยอดมนุษย์จริงๆครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 123

โพสต์

ลองอภิปรายดูนะครับ ผมว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เก็บเกี่ยวขาขึ้นของหุ้นที่ผลประกอบการดีขึ้น (ค่า ROA สูงขึ้น) แต่ตลาดยังไม่ค่อยตอบสนอง (P/E ยังต่ำอยู่) วิธีการนี้ไม่เลือกทั้งสิ้นว่ามันจะเป็นหุ้นวัฏจักร หุ้น Growth หุ้นฟื้นตัวฯ มันจึงเป็นการเก็บเกี่ยวในช่วงท้ายที่ผลการดำเนินงานมันออกมาให้เห็นกันแล้ว

ที่เขากำหนดกรอบไว้ที่ 1 ปีก็ต้องขาย ก็เพราะปัจจัยที่เขาไปเลือกเก็บเอาตอนท้ายนั่นเอง พวกวัฏจักรก็เริ่มรอบใหม่ของเขาแล้ว พวกฟื้นตัวก็ฟื้นแล้ว ภายใต้กรอบ 1 ปี มันไม่ได้หมายความว่าวัฏจักรจะกลับไปขาลงหรือพวกฟื้นตัวจะเข้าภาวะจำศีล แม้แต่หุ้นที่ไม่ใช่วัฏจักรแต่กำไรดีขึ้นด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่มันก็อาจจะดีต่อไปหรือไม่ก็อาจจะตกลงก็ได้ ไม่ได้ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ

เห็นได้ว่า PSL, TTA ก็ติดโผมาต่อเนื่อง และภาพรวมก็ทำกำไรได้ดี ถ้าต่อไปในอนาคตผลการดำเนินงานเค้าแย่ลง (ROA ต่ำลง, P/E สูงขึ้น) ในที่สุดก็จะหลุด list ไปเอง
อย่าง UMS ก็ติดโผมาแต่แรกๆ เหมือนกัน แต่เมื่อราคาเค้าเริ่มจะสูงขึ้นเพราะมีนักลงทุนสนใจมากขึ้น ลำดับในตารางเค้าก็เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถึงจุดหนึ่งก็คงจะหลุด list ไป ดูอย่าง UEC ก็จะเห็นว่า เพราะ P/E ขึ้นไปเยอะ ใน season หลังๆ จึงเริ่มหลุดจาก 30 อันดับแรก

TLUXE นั้นอาจเป็นตัวอย่างที่ดี ใน season ที่ 1 เค้ากำไร 40% มาถึง season 2 กำไรก็ลดลง  พอมา season 3 จากกำไรกลายเป็นขาดทุน มา season สุดท้ายก็ขาดทุนหนักขึ้นไปอีก เห็นผลกันแจ่มๆ ทีเดียวว่าการเอาตัวเลขในอดีตมาใช้มันไม่ได้รับประกันอะไรที่ดีในอนาคต

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หุ้นที่มี ROA สูงนั้น หากไม่ใช่รายการพิเศษย่อมหมายความว่าเค้าเป็นกิจการที่มีพื้นฐานดี เวลาขาดทุน เราทราบว่ามากสุดก็แค่ 100% ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกิจการนั้นล้มละลาย แต่สำหรับกิจการพื้นฐานดี อย่างมากก็อาจร่วงเพียง 30-50% ซึ่งอาจไม่เกิดขึ้นทั้งหมดภายใน 1 ปี การกำหนดกรอบการขายที่ 1 ปี จึงเป็นวินัยที่ชาญฉลาดทีเดียว เพราะเป็นการจำกัดความเสี่ยงของผลตอบแทนเอาไว้ นั่นคือ

1. หากกิจการนั้นมีตัวเลขในอดีตที่ดีแต่ผลประกอบการในอนาคตแย่ลง การกำหนดกรอบขายที่ 1 ปี จะจำกัดขาดทุนเอาไว้
2. หากกิจการนั้นมีตัวเลขในอดีตที่ดีและผลประกอบการในอนาคตก็ยังดีต่อ เขาก็ตัดขายไปเสีย เป็นการมอบความเสี่ยงให้ผู้ซื้อต่อรับไว้แทน (ผู้ซื้อไม้สุดท้ายอาจจะเจ็บหนัก) หากมันจะขึ้นต่อก็ไม่เป็นไรเพราะถือว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่เก็บเกี่ยวในช่วงท้ายๆ หุ้นเก่าหลุดไป หุ้นใหม่ก็มีเข้ามาแทนอยู่เรื่อยๆ ไม่เดือดร้อน คนซื้อต่อได้กำไรก็เป็นเรื่องดีเพราะถือเป็นการกระจายความสุขให้ทั่วถึงกัน :lol:

หุ้นลงจำกัดที่ 100% แต่หุ้นขึ้นนั้นไม่จำกัด สมมุติว่ามีหุ้นติดโผ 10 บริษัท ร่วงกันไปรายละ 30% แต่ปรากฏว่าในพอร์ตมี UEC ซึ่งบวกไป 300 กว่า% อยู่ด้วย ทั้งพอร์ตก็ยังกำไรอยู่

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

หากเราอยากได้กำไรมากๆ แทนที่จะใช้กลยุทธ์กินทีหลังแบบนี้ก็ต้องขยันทำการบ้านมากขึ้น อย่างกรณี ATC ซึ่งสร้างตำนาน 30 เด้ง เราได้บทเรียนอันชัดเจนว่ากำไรสูงสุดของพวกวัฏจักรเช่นนี้ต้องซื้อตอนที่ P/E เขายังติดลบอยู่ ในตารางข้างบน ATC ให้กำไร 63% เท่านั้นใน 1 ปี เทียบกับ 3,000% ใน 3 ปีไม่ได้เลย หรือแม้แต่กรณีอันใกล้นี้ PTL กลับน่าซื้อที่สุด ตอนที่ P/E 8 เท่า ROA แค่ 6% (ติดอันดับ 227 ของตาราง season 4)

วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ไม่พ่ายแพ้ (ถ้ากระจายความเสี่ยงมากพอ) และก็ยังสามารถทุ่นแรงในการหาหุ้นได้ในระดับหนึ่งนะครับ แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดเป็นเทพกับเขาบ้างก็อาจจะไม่พอ  8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 124

โพสต์

[quote="Radio"]สรุปจากขอ้มูลสุดยอดของคุณ ริว แสดงว่า การใช้ ROA และ PE
น่าจะได้ผล และที่ดีที่สุดคือคัดเลือกมา 20 ตัวแรก
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 125

โพสต์

สามัญชน เขียน:น้องริวสุดยอดจริงๆ

ทีนี้ขอวานต่ออีกหน่อยเถอะครับ
เพราะผมตั้งสมมติฐานว่า
ถ้าเรายอมลงทุนเหนื่อยมากขึ้น
ผลตอบแทนเราจะมากขึ้น

เช่นเดียวกับเจ้าของทฤษฎีเองเขาก็ต้องใช้หลักเกณฑ์
ตัดพวกกำไรพิเศษออกไป
ทำให้ผลตอบแทนดีกว่า
ผมก็คิดแบบนี้เหมือนกันครับ  8)
สามัญชน เขียน:ผมขอวานให้น้องริว
ใส่ FACTOR อีกหนึ่งตัว
คือค่า p/b เข้าไป
แล้วเรียงลำดับโดยนำ ranking ของทั้งสามค่ามารวมกัน
เราจะได้ตัวหุ้นแตกต่างจากเดิม

แล้วดูว่า
ผลงานของหุ้นเหล่านี้เป็นอย่างไรเมื่อเทียบกับของเดิม
ขอบคุณครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Saran
Verified User
โพสต์: 2377
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 126

โพสต์

สุดยอดครับ คุณริวกะ นับถือๆ :bow:  :bow:  :bow:
thawattt
Verified User
โพสต์: 1141
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 127

โพสต์

ขอบคุณสำหรับความเห็นทุก ๆ ท่านที่ดีครับ เพราะทำให้เรามีความรู้ในเรื่องการลงทุนเพิ่มเติม โดยมีข้อมูลและความเห็นที่ประกอบการลงทุนอย่างชัดเจน

ในทางปฏิบัติ แม้ผลตอบแทนจะเป็นไปตามแบบที่คุณ Ryuga คำนวณมาให้และดูเหมือนว่าผลตอบแทนเมื่อเทียบกับตลาดจะดีกว่าจริง แต่ผมมีข้อสังเกตดังนี้

1.  ในการประเมินผลตอบแทนเทียบกับตลาดนั้น ข้อมูลผลการดำเนินงานแต่ละไตรมาสที่ได้มานั้นจะมี Lag Time อยู่ประมาณ 1 เดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน ( 1 เดือนครึ่ง กรณีเป็นงบไตรมาสปกติ และ 2 เดือน กรณีไตรมาสสุดท้าย) ดังนั้นการปรับปรุงค่า ROA PE หรือ ROE ก็ตาม ก็ต้องใช้เวลาในการคำนวณตามระยะเวลาดังกล่าว ผมไม่แน่ใจว่า เมื่อได้คำนวณตามเวลาที่ควรจะเป็นหลังจากที่นักลงทุนทุกคนได้ข้อมูลกันครบถ้วนแล้ว ผลตอบแทนหลังจากนั้นจะดีกว่าตลาดจริงหรือไม่ครับ

2.  ปัญหาการปรับปรุงข้อมูลกำไรหรือขาดทุนที่ผิดปกติ ซึ่งต้องใช้ดุลยพินิจส่วนหนึ่งในการพิจารณา อาจทำให้ตัวเลขที่คำนวณได้ของแต่ละคนไม่ตรงกัน

3.  เท่าที่ดูตัวเลขผลตอบแทนที่คุณ Ryuga คำนวณมาให้ จะพบว่า ตัวเลขผลตอบแทนนั้นค่อนข้างผันผวนสุด ๆ เหมือนกัน ดังนั้นการลงทุนที่จะให้ผลตอบแทนตามข้อมูล จึงต้องมีการกระจายความเสี่ยงในกลุ่มดังกล่าว และต้องมีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะสมในหุ้นแต่ละตัวด้วยครับ

เอาข้อสังเกตเบื้องต้นก่อนนะครับ  :lol:
sattaya
Verified User
โพสต์: 1372
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 128

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ริวงะ  :bow:  :bow:  :bow:
สติมา ปัญญาเกิด
ภาพประจำตัวสมาชิก
pongo
Verified User
โพสต์: 1075
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 129

โพสต์

นับถือพี่ๆ ทุกท่านในความขยันเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจริงๆ
โดยเฉพาะพี่ริวงะ  :bow:  :bow:  :bow:
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 130

โพสต์

ขอชี้แจงให้ละเอียดมากขึ้น กันการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันนะครับ คือว่า

ข้อมูลที่ผมใช้ครั้งนี้ ใช้ ณ ที่ปรากฏขณะสิ้นไตรมาสนั้นๆ อ้างอิงตามที่นักลงทุนทราบ เช่น

ใน season 4 ราคาหลักทรัพย์เริ่มต้นก็คือราคาปิดหุ้นที่สิ้นปี 49 คิดอัตราผลตอบแทนเทียบกับราคาปิดของปี 50 แต่ ณ ขณะนั้น งบจะออกให้เห็นเพียง 3Q แรกของปี ค่า ROA จึงถูกคิดจาก EBIT ของ Q4/48+Q1/49+Q2/49+Q3/49 ทั้งหมดหารด้วยสินทรัพย์เฉลี่ยตั้งแต่งวดต้นถึงท้าย และแน่นอนว่าค่า P/E ย่อมคิดจากกำไรสี่ไตรมาสล่าสุดที่รับรู้ก็คือ กำไรของ Q4/48+Q1/49+Q2/49+Q3/49

การใช้ราคาสิ้นไตรมาสพอดีก็เพราะว่ามันเป็นราคาที่อยู่ระหว่างการประกาศงบการเงินแต่ละงวดพอดีนั่นเอง ถ้าหากราคาหุ้นจะขึ้นจะลงอะไรไปตามงบที่ประกาศก็คงจะขึ้นจะลงกันไปแล้ว ถือเป็นราคาที่รับข่าวแล้วอะครับ  8)
ภาพประจำตัวสมาชิก
Ryuga
Verified User
โพสต์: 1771
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 131

โพสต์

ที่จริงเรื่อง P/B นี่ ผมก็ไม่ทราบข้อเท็จจริงนะครับว่าจะเป็นฉันใด(ไม่ได้สนใจดู) แต่ความเห็นอย่างเดาๆ ของผมคือ  8)

หากเรานำ P/B มาคิดด้วย มันจะหักกลบลบล้างกับค่า ROA สูงไป เนื่องจาก ROA สูงบ่งบอกว่ากิจการสร้างผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ได้ดี แต่ถ้า P/B ต่ำ กลับบ่งบอกทางอ้อมว่ากิจการนั้นสร้างอัตราผลตอบแทนต่อเงินลงทุนต่ำ นักลงทุนมีปกติไม่ชื่นชอบ หุ้นต่ำบุ๊คบ้านเราขณะนี้มีมากกว่า 200 บริษัท ถ้าเอามาคิดด้วย หุ้นเน่าๆ อย่าง TT&T หรือโรงงานปั่นด้าย-ทอผ้า อาจจะเข้ามาติดโผบ้างก็ได้

ผลสุดท้ายเราอาจจะได้กลุ่มหุ้นกลางๆ ที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หรือไม่ก็อาจกลายเป็นการวัดด้วย P/E อย่างโดดเด่นมากขึ้น เพราะ P/B ต่ำ ROA สูง ฉะกันเองไปแล้ว เท่าที่ดูจาก List ผมว่า ถ้ารวม P/B ต่ำ ทั้ง UMS, UEC, TEAM, PSL, TTA etc. อาจหลุดหมดก็ได้ แม้แต่ PTT ก็อาจไม่ติดโผเหมือนกัน

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เอ... :roll:  ผมอาจจะเข้าใจพี่หมอศรรามผิด หมายความว่า เอาเฉพาะที่ติดโผ 50 อันดับตามวิธีการแรกแล้ว บวกค่า P/B เฉพาะกลุ่มนี้แล้วเรียงรึเปล่าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
krisy
Verified User
โพสต์: 736
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 132

โพสต์

[quote="Ryuga"]ลองอภิปรายดูนะครับ ผมว่ามันเป็นกลยุทธ์ที่ใช้เก็บเกี่ยวขาขึ้นของหุ้นที่ผลประกอบการดีขึ้น (ค่า ROA สูงขึ้น) แต่ตลาดยังไม่ค่อยตอบสนอง (P/E ยังต่ำอยู่)

ที่เขากำหนดกรอบไว้ที่ 1 ปีก็ต้องขาย ก็เพราะปัจจัยที่เขาไปเลือกเก็บเอาตอนท้ายนั่นเอง พวกวัฏจักรก็เริ่มรอบใหม่ของเขาแล้ว พวกฟื้นตัวก็ฟื้นแล้ว ภายใต้กรอบ 1 ปี มันไม่ได้หมายความว่าวัฏจักรจะกลับไปขาลงหรือพวกฟื้นตัวจะเข้าภาวะจำศีล แม้แต่หุ้นที่ไม่ใช่วัฏจักรแต่กำไรดีขึ้นด้วยเหตุอะไรก็แล้วแต่มันก็อาจจะดีต่อไปหรือไม่ก็อาจจะตกลงก็ได้ ไม่ได้ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ

วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ไม่พ่ายแพ้ (ถ้ากระจายความเสี่ยงมากพอ) และก็ยังสามารถทุ่นแรงในการหาหุ้นได้ในระดับหนึ่งนะครับ แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดเป็นเทพกับเขาบ้างก็อาจจะไม่พอ
.....Give Everything but not Give Up.....
touchup
Verified User
โพสต์: 190
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 133

โพสต์

สุดยอดครับ
ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
ช่วยทำของ q3 2550 (แล้วรออีกที q4 2550)
พวกเราจะได้รายชื่อหุ้นมาแทง เอ๊ย มาลงทุนกันน่าจะดี  :lol:
ดูอดีต คิดปัจจุบัน ฝันอนาคต
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 134

โพสต์

กระทู้ดีๆขอเซฟเข้าคลังครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 135

โพสต์

พี่ริวงะ เขียน:วิธีนี้นับเป็นวิธีที่ไม่พ่ายแพ้ (ถ้ากระจายความเสี่ยงมากพอ) และก็ยังสามารถทุ่นแรงในการหาหุ้นได้ในระดับหนึ่งนะครับ แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดเป็นเทพกับเขาบ้างก็อาจจะไม่พอ


ชอบศัพท์พี่ริวจัง
วิธีที่ไม่พ่ายแพ้

ส่วนเรื่องเทพนี่สมัยก่อนมีเทพ เทียนชัย
สมัยนี้ที่ยังอยู่ก็เทพ โพธิงาม
เที่ยวคาเฟ่ เจอทั้งคู่เลยครับ ตลกโคตรๆ
ผมไม่อยากเป็นเทพ
เป็นแค่สีหนุ่ม เชิญยิ้ม ก็ตลกพอใช้ได้แล้ว...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 136

โพสต์

por_jai เขียน:

ชอบศัพท์พี่ริวจัง
วิธีที่ไม่พ่ายแพ้
:lovl: ทำให้นึกถึง ตงฟางปุ๊ป้าย --> บูรพาไม่แพ้ ... เหาะเหินมาเลย :lovl:
Nior
Verified User
โพสต์: 8
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 137

โพสต์

ขอบคุณครับ ดีมากๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
nanakorn
Verified User
โพสต์: 636
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 138

โพสต์

คุณริวแผลงฤทธิ์อีกแล้ว  ขอบคุณจริงๆครับ ได้ความรู้มากเลย
Everything I do, I do it for you.
ภาพประจำตัวสมาชิก
ครรชิต ไพศาล
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4623
ผู้ติดตาม: 1

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 139

โพสต์

ผมมีเพิ่มสูตรตัวใหม่ให้เพื่อนๆช่วยกันพิจารณา อยู่ใน EPS15YEAR ชีต Price&PE

คือค่าของ P/E + A/R
เพื่อใช้ พิจารณา ความถูกแพง + คุณภาพ ของหุ้นแต่ละตัว
หรือจะเรียกให้สั้นๆว่าค่า PEAR
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
Jimmy
Verified User
โพสต์: 772
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 140

โพสต์

ขอบคุณครับพี่ครรชิต

========================================
ชีวิตมีแค่สองหมื่นกว่าวันจะมัวรอมันไปถึงไหนก้าวเดินออกไปแล้วทำมัน
MrRobot
Verified User
โพสต์: 1291
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 141

โพสต์

ขอบคุณ พี่ครรชิต มากครับ :bow:
VI Robot The Great
ภาพประจำตัวสมาชิก
crazyrisk
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4549
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 142

โพสต์

สุดยอดครับ กระทู้นี้ เต็มไปด้วย พลังจริงๆ

ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ จบไป ขว้างไปหัวเตียงแบบงงๆ

ไม่คิดว่าจะ  สุดยอดขนาดนี้

ขอบคุณ  สามทหารเสือ

พี่ ลูกอิสาน คุณ ryuga และ พี่ครรชิตครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
ภาพประจำตัวสมาชิก
crazyrisk
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4549
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 143

โพสต์

เหลือ อีกคนเดียวคับ

ที่ยังไม่ปรากฏตัว แต่ผมแอบรออยู่อย่างโจ่งแจ้ง


พี่ ชาติชายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย


อยู่หนายครับ....
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 144

โพสต์

ขอบคุณเฮียครรชิตคับ

ผมขอไฟล์นี้คนแรกเลยนะ  :wink:
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 145

โพสต์

ROA  เราควรใช้ตัวเลขจาก  งบเดี่ยว  หรือ งบรวม  ดีครับ
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
ครรชิต ไพศาล
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4623
ผู้ติดตาม: 1

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 146

โพสต์

ควรใช้ งบรวม

เพราะอย่างไรก็ตาม
การดำเนินงานของบริษัทลูกจะดีหรือไม่ดี  ก็ต้องมีผลต่อบริษัทแม่เช่นกัน
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 147

โพสต์

ถ้าใช้งบรวมจะมีกรณีนี้หรือไม่ครับ
บริษัท A  ดำเนินธุรกิจเป็น Holding Company
มีส่วนผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท  ไม่มีหนี้สิน

ถือหุ้นลงทุนอยู่ 4 บริษัท   คือ  ก  ข  ค  และ  ง  จำนวนเงินบริษัทละ 25 ล้านบาท  คิดเป็นสัดส่วน 25% ของแต่ละบริษัท

บริษัท ก ข ค และ ง  มีการกู้ยืมเงิน  และมีหนี้สินอื่น  รวมเป็นหนี้สินทั้งหมด 200 ล้านบาท (ส่วนผู้ถือหุ้นแต่ละบริษัท 100 ล้านบาท)  

บริษัททั้ง 4  มีผลการดำเนินงานกำไรบริษัทละ 30 ล้านบาท  (ROA 10%)

บริษัท A  จะรับรู้ผลกำไรจากทั้ง 4 บริษัทในงบรวมจำนวนทั้งหมด 30 ล้านบาท  ROA ของ บริษัท A  จะสูงถึง 30%

ปัจจัยอะไรทำให้ A มี ROA สูงถึงขนาดนั้น
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
ภาพประจำตัวสมาชิก
doodeemak
Verified User
โพสต์: 411
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 148

โพสต์

ดูเหมือนว่าถ้าเป็น Holding company ROA ตามตัวอย่างของคุณฉัตรชัยจะเท่ากับ ROE ของ 3 บริษัทเลยนะครับ

เป็นเพราะว่า Holding company นั้นไม่มี Liability ดังนั้น ROA จะเท่ากับ ROE

ซึ่งถ้ามองในมุมมองของผลตอบแทนจากการลงทุนหรือ ROE ก็จะไม่มีความแตกต่างกันนะครับ ระหว่างการลงทุนในบริษัทลูกหรือการลงทุนใน Holding

แต่ถ้านำ ROA มาจัดอันดับ ก็อาจจะดูแปลกๆไปซะหน่อย ถ้าอันดับ ROA ของ Holding จะดูดีกว่าบริษัทลูก แต่ได้ Return เหมือนกัน

ทำไมผมรู้สึก งงๆ ไม่รู้แฮะ  :?  :?
Inactive investor
ภาพประจำตัวสมาชิก
ครรชิต ไพศาล
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4623
ผู้ติดตาม: 1

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 149

โพสต์

[quote="chatchai"]บริษัท A
ความสุขอื่น ยิ่งกว่าความสงบใจไม่มี นตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ
หัดเล่น Facebook กะเขาบ้างแล้วนะครับ ใช้ชื่อ Kanchit Paisan ครับ
Facebook เพจ Eps16year Settrade Set ตลาดหลักทรัพย์ งบดุล ปันผล อัตราส่วนการเงิน กราฟ
Google เพจ kanchitpaisan
Google+ KANCHIT PAISAN
chatchai
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 11443
ผู้ติดตาม: 0

สูตรมหัศจรรย์!! สไตล์ VI

โพสต์ที่ 150

โพสต์

ขอเพิ่มให้ชัดเจนนะครับ

หนี้สินทั้งหมด 200 ล้านบาทนั้น  เป็นหนี้ของบริษัทลูกแต่ละบริษัทนะครับ  

งบการเงินของบริษัทลูกแต่ละบริษัท  จะมีทุน 100 ล้านบาท  หนี้สินทั้งหมด 200 ล้านบาท  รวมสินทรัพย์ทั้งหมด 300 ล้านบาท  มีกำไรจำนวน 30 ล้านบาท  (ROA 10%)
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี