อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news04/01/08

โพสต์ที่ 91

โพสต์

เปิดเส้นทาง อีสานสนุก เที่ยวทั่ว4จ.

โพสต์ทูเดย์ ททท.หนุนท่องเที่ยวอีสาน เปิดเส้นทาง อีสานสนุก เน้นการเดินทางท่องเที่ยงเชื่อมโยงกลุ่มจังหวัดในภูมิภาค


น.ส.กิตติกา ลิขิตวศินกุล ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 4 กล่าวว่า ททท.ได้นำเสนอการท่องเที่ยวเชื่อมโยง จ.สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ รวมเรียกว่าเส้นทาง สนุก เป็นจุดขายอันมีที่มาจากพยัญชนะและสระตัวแรกของทั้ง 4 จังหวัดตามลำดับ เนื่องจากเชื่อในศักยภาพของสินค้าท่องเที่ยวภาคอีสานที่มีความโดดเด่นหลายด้าน อาทิ เมืองชายแดนที่มีจุดเชื่อมโยงระหว่างประเทศ พื้นที่เลาะเลียบริมฝั่งแม่น้ำโขงเป็นแหล่งร่วมสินค้ากลุ่มมรดกแห่งแผ่นดิน รวมทั้งเทศกาล ประเพณี วัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศาสนาซึ่งอยู่ในความสนใจของนักท่องเที่ยวทั่วไปและกลุ่มสนใจเฉพาะด้าน

ทั้งนี้ พบว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวของภาคตะวันออกเฉียงเหนือในภาพรวมช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยในปี 2549 มีจำนวนผู้เยี่ยมเยือนรวม 21.14 ล้านครั้ง และมีรายได้จากการท่องเที่ยวเกือบ 3.5 หมื่นล้านบาท แยกเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย 20.17 ล้านครั้ง มีรายได้กว่า 33 หมื่นล้านบาท ชาวต่างประเทศกว่า 9.7 แสนคน มีรายได้เกือบ 2 พันล้านบาท

สำหรับแหล่งท่องเที่ยวไฮไลต์ในเส้นทาง อีสานสนุก ได้แก่ จ.สกลนคร พระธาตุเชิงชุม บ้านท่าแร่ หมู่บ้านที่มีประชากรชาวคริสต์มากที่สุดในประเทศไทย ที่ จ.นครพนม พระธาตุพนม บ้านท่าเรือ แหล่งผลิตเครื่องดนตรีอีสาน จ.มุกดาหาร สักการะสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี หอแก้วมุกดาหารเฉลิมพระเกียรติ จ.กาฬสินธุ์ แหล่งฟอสซิลกระดูกไดโนเสาร์ที่ภูคุ้มข้าว วัดป่าสักกะวัน และพิพิธภัณฑ์สิรินธร ฯลฯ รวมทั้งยังเป็นโอกาสที่เมืองสกลทวาปี หรือ จ.สกลนคร จะมีอายุครบ 222 ปี ในปี 2551 ด้วย
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=212608
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news07/01/08

โพสต์ที่ 92

โพสต์

โหมโรงการท่องเที่ยวQ1จัดงานเปิดฟ้าเมืองตรังปี"51หนุนเปิดตลาดใหม่

ตรังโหมโรงการท่องเที่ยว ผนึกพลังจัดเทศกาลเปิดฟ้าเมืองตรัง ปี 2551 สร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการเปิดตลาดใหม่ๆ ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น พร้อมดึงชมรมผู้ประกอบการร้านอาหารกว่า 25 ร้าน จัดเมนูเด็ดมาออกร้านให้นักท่องเที่ยวได้ชิมอย่างจุใจ มั่นใจจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงามตรึม

นายสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าช่วงปีที่ผ่านมา นับว่าสถานการณ์ท่องเที่ยวของจังหวัดตรังมีภาวะฟื้นตัวจากผลกระทบของวิกฤตต่างๆ และมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยสภาพของแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดยังมีความสวยงาม ทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ และความมีเอกลักษณ์ของวัฒนธรรม วิถีชีวิต นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับการตลาดเชิงรุกโดยภาคเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมการตลาดมุ่งกลุ่มเป้าหมายภายนอกพื้นที่โดยตรง ซึ่งมีองค์การท้องถิ่นให้การ สนับสนุนทำให้การท่องเที่ยวของจังหวัดตรังมี ทิศทางการเติบโตที่สดใส

อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในภูมิภาคเดียวกันยังมีความเข้มข้น รวมทั้งสถานการณ์ที่มีผลกระทบเชิงลบจากวิกฤตการณ์ 3 จังหวัดชายแดนยังไม่ยุติ การดำเนินงานด้านการส่งเสริมการตลาดเพื่อกระตุ้นกระแสการเดินทางยังต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากควบคู่กับการประชาสัมพันธ์ที่จำเป็นต่อการสร้างการรับรู้ให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้หอการค้าจังหวัดตรัง สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง ร่วมกับศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง และหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดตรัง จึงได้จัดทำโครงการ "เปิดฟ้าเมืองตรัง ปี 2551" ซึ่งเป็นแผนงานด้านส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มจังหวัดและระหว่างภูมิภาค ซึ่งในปีนี้ได้กำหนดจัดงานบริเวณสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 95 อ.เมือง จ.ตรัง ระหว่างวันที่ 18-19-20 มกราคม 2551 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเดินทาง ท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มจังหวัดและระหว่างภูมิภาค ส่งเสริมประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวของจังหวัดตรังให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และส่งเสริมการตลาดเชิงรุก เปิดโอกาสให้มีการพบปะแลกเปลี่ยนธุรกิจได้โดยตรงระหว่างผู้ซื้อกับผู้ขาย

ในส่วนของกิจกรรมการจัดงานนั้นประกอบด้วยการประชาสัมพันธ์และเสนอขายรายการนำเที่ยว ที่พัก ราคาพิเศษของผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดตรัง การจัดนิทรรศการด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดตรัง และกลุ่มจังหวัด การสาธิตและจัดจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ของจังหวัดตรัง จัดจำหน่ายอาหารดีของเมืองตรังกว่า 25 ร้าน การสาธิตและสอนการพายเรือแคนู ตลอดจนการแสดงทางวัฒนธรรม การแสดงดนตรี และกิจกรรมบนเวทีตระการตาทุกค่ำคืน

นายสลิลกล่าวอีกว่า การจัดงานในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือด้วยดีจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านงบประมาณที่ได้รับการสนับสนุนจากการ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) องค์การบริหารส่วนจังหวัดตรัง สนับสนุนค่าจัดแสง สี เสียง เวที และซุ้มเข้างาน เทศบาลนครตรัง สนับสนุนด้านสถานที่ เต็นท์ ไฟฟ้า สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดตรัง สนับสนุนจัดกิจกรรมสาธิตและสอนพายเรือแคนูฟรี การออกบูทนำเสนอการท่องเที่ยวในพื้นที่กิจกรรมส่งเสริมการขาย หอการค้าจังหวัดตรัง สนับสนุนการบริหารจัดการแสดงบนเวทีทั้งหมด สถาบันการศึกษา สนับสนุนการแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงบนเวที นอกจากนี้บรรดาบริษัท ห้างร้าน ต่างๆ ก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

"ผมมั่นใจว่าการดำเนินการจัดงานดังกล่าวใน ปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก และนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเกิดความประทับใจ และจะเดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดตรังเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังถือเป็นการได้เสริมสร้างการรับรู้ ภูมิปัญญาท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี วัฒนธรรมของชาวตรัง ให้เป็นที่แพร่หลายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ มีโอกาสทางการตลาดมากยิ่งขึ้น และสร้างความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งได้เป็นอย่างดี" นายสลิลกล่าว
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0211
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news17/01/08

โพสต์ที่ 93

โพสต์

การท่องเที่ยวฯฮึด ตั้งสนง.76จังหวัด

โพสต์ทูเดย์ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เมิน ก.พ.ร. กร้าวลุยยกระดับศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาฯ ขึ้นเป็นสำนักงานการท่องเที่ยวฯ ทั้ง 76 จังหวัด


นายสุวิทย์ ยอดมณี รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการประชุมหารือร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เกี่ยวกับการปรับปรุงโครงสร้างแบ่งส่วนราชการ ว่า สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมส่งหนังสือถึงเลขาธิการ ก.พ.ร. เพื่อยืนยันถึงความจำเป็นในการผลักดันให้ศูนย์การท่องเที่ยวกีฬาและนันทนาการ ยกระดับเป็นสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ครบทั้ง 31 แห่ง ตามที่กระทรวงได้เสนอ ซึ่งขณะนี้ ก.พ.ร.อนุมัติไปเพียง 6 แห่ง

ทั้งนี้ ในวันที่ 18 ม.ค. จะมี การประชุมในวาระเร่งด่วน เพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าว ซึ่งกระทรวงจะชี้แจงให้เห็นถึงความสำคัญที่ ต้องการยกระดับในครั้งนี้ เพื่อต้องการเสริมศักยภาพการทำงานด้านการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมประสานการทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัดกับส่วนกลาง ใน 3 ส่วน ได้แก่ 1.สร้างความปลอดภัยในพื้นที่ 2.การพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม และ 3.มาตรฐานการท่องเที่ยว

อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ ก.พ.ร.อนุมัติในเบื้องต้น 6 แห่ง เพราะนโยบายภาครัฐเน้นการกระจายการทำงานลงสู่ท้องถิ่น จึงเกรงว่าเมื่อ ตั้งสำนักงานฯ จะเพิ่มภาระหน้าที่การทำงานที่ซ้ำซ้อนกับราชการ ส่วนท้องถิ่น ซึ่งกระทรวงยืนยันว่า การทำงานไม่เกิดการซ้ำซ้อน แต่จะประสานการทำงานได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น

ยืนยันว่าต้องยกระดับให้ครบ 31 แห่ง ตามที่ได้เสนอไป เพราะสำนักงานฯ จะเป็นเหมือนแขน และขาที่จะทำหน้าที่เสริมการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ส่วนกลาง ซึ่งจะอนุมัติเพียง 6 แห่ง ไม่ได้ เพราะการทำงานไม่ใช่การ เล่นเกมที่เหมือนของเล่น นายสุวิทย์ กล่าว

น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า มั่นใจว่าผลการประชุมในวันที่ 18 ม.ค.นี้ ก.พ.ร.จะเห็นชอบให้ยกระดับศูนย์ที่เหลืออีก 25 แห่ง ให้เป็นสำนักงานฯ ได้ครบ 31 แห่ง ตามที่เสนอ

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เตรียมจัดฝึกอบรมให้พนักงานมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการดำเนินงานที่เพิ่มอำนาจความรับผิดชอบที่สูงขึ้น การยกระดับในครั้งนี้ยืนยันว่าไม่ได้สร้างภาระ เรื่องงบประมาณที่สูงขึ้นให้กับ ภาครัฐ โดยศูนย์ขนาดใหญ่งบเฉลี่ย 6 แสนบาท ขนาดกลาง 4 แสนบาท และขนาดเล็ก 3 แสนบาท เพราะสิ่งปลูกสร้างอาคารได้ใช้ของเดิม ทั้งหมด ส่วนเงินประจำตำแหน่ง ได้ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยจาก 3.5 พันบาท เป็น 5.6 พันบาท ใน ระยะยาวกระทรวงมีแผนจะยกระดับศูนย์ให้เป็นสำนักงานครบทั้ง 76 จังหวัด
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=215140
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news18/01/08

โพสต์ที่ 94

โพสต์

5ชาติอาเซียนร่วมปั้นบุคลากรท่องเที่ยว

โพสต์ทูเดย์ 5 ประเทศอาเซียน ถกหลักสูตรพัฒนาการท่องเที่ยว เตรียมความพร้อมก่อนเปิดเสรี


น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยว กล่าวว่า ที่ประชุมกรอบความร่วมมือแห่งอาเซียน ร่วมกับ 5 ประเทศ ได้แก่ กัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม (CMLTV) เห็นชอบกรอบการทำงานด้านการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ตามที่ไทยได้เสนอการทำงาน

ทั้งนี้ ประเทศไทยจะส่งตัวแทนเข้าศึกษาดูงานในแต่ละประเทศ เพื่อรวบรวมความรู้และโครงสร้างของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในแต่ละประเทศ จัดทำเป็นหลักสูตรการเรียนการสอนที่สถาบันพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ประเทศไทย

การจัดทำหลักสูตรในครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยว ซึ่งประเทศสมาชิกสามารถเดินทางมาฝึกอบรม พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกันได้

นอกจากนี้ การเปิดกว้างดังกล่าว เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการเปิดเสรีด้านการท่องเที่ยวในอาเซียน โดยให้สมาชิกได้พัฒนาศักยภาพในทิศทางเดียวกัน ซึ่งได้ประมาณการณ์ว่าความพร้อมที่จะเปิดเสรีการท่องเที่ยวในอาเซียนจะมีขึ้นราวปี 2553

ไทยได้คาดการณ์ว่า เมื่อเปิดเสรีอาเซียนแล้วเราอาจเสียเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน เพราะแรงงานต่างชาติจะไหลเข้าไทย ทำให้เกิดการแย่งงานคนไทย จึงต้องหันไปโปรโมตเรื่องการจัดทำหลักสูตรวิชาชีพด้านการท่องเที่ยวให้แข็งแกร่ง เพื่อดึงต่างชาติให้เข้ามาศึกษาในประเทศไทย น.ส.ศศิธารา กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปี 2553 ประชาชนสามารถเรียนรู้หลักสูตรการพัฒนาศักยภาพด้านการบริการท่องเที่ยวได้ภายในประเทศ ซึ่งเตรียมเปิดเสรีใน 6 สาขาวิชาชีพ รวม 32 ตำแหน่งงาน กว่า 170 หลักสูตร

น.ส.ศศิธารา กล่าวอีกว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการร่างหลักสูตร สมบูรณ์ในปลายปี 2551 และพร้อมที่จะลงนามรับรองหลักสูตรได้ในการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซียนในปี 2552 ที่ประเทศเวียดนาม โดยภาพรวมคือเป็นหลักสูตรพัฒนาบุคลากรผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวในสาขาโรงแรม ภัตตาคาร และธุรกิจนำเที่ยว โดยผู้แทนไทยได้นำเสนอโครงสร้างของสถาบันดังกล่าวเป็นตัวอย่าง
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=215386
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news24/01/08

โพสต์ที่ 95

โพสต์

คาดคนไทยเที่ยวนอก 1.9 ล้านคนในครึ่งปีแรกปีนี้ ข่าว 09.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, January 24, 2008
นายยุวะ เฮ็ดริก หว่อง ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ มาสเตอร์การ์ด เวิลด์วายด์ ประเมินว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ คนไทยจะเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศในอัตรา 3.6% ของจำนวนประชากร หรือประมาณ 1,900,000 คน

สำหรับประเทศที่คนไทยนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวมากที่สุด คือ จีน คิดเป็นสัดส่วน 23.5 % รองลงมาคือฮ่องกง 23.5 % ตามด้วยสิงคโปร์ 18.7% ขณะที่กิจกรรมที่คนไทยนิยมทำมากที่สุด 3 อันดับแรก เมื่อเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ คือ การช็อปปิ้ง 59.7% ทัวร์ชมเมืองและสถานที่สำคัญ 43% และกิจกรรมบันเทิง 27%

ส่วนการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก คาดว่าจะมีกว่า 79.5 ล้านคนในครึ่งแรกปีนี้ ซึ่งถือเป็นระดับที่คงที่ แม้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกจะผันผวน โดยจีน เป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางออกนอกประเทศมากที่สุด รองลงมาคือออสเตรเลีย 12% และเกาหลี 10.8%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news29/01/08

โพสต์ที่ 96

โพสต์

ททท.เจาะคู่แต่งงาน

โพสต์ทูเดย์ ททท.ชวนฝรั่งแต่งงานในไทย โชว์แพ็กเกจ เวดดิงและ 99 เส้นทางฮันนีมูน ในงานไอทีบี ที่เยอรมนี


นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ (ททท.) กล่าวว่า ททท.จะนำเสนอแพ็กเกจการแต่งงานในประเทศไทย ที่งานอินเตอร์เนชันแนล ทัวริซึม บอเซ 2008 (ไอทีบี) ที่จะจัดขึ้นที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ระหว่างวันที่ 5-8 มี.ค. ที่จะถึงนี้ เพื่อขยายฐานนักท่องเที่ยวโซนยุโรปให้เดินทางมาประกอบพิธีแต่งงานในไทย เพราะกลุ่มดังกล่าวมีกำลังซื้อสูง

นอกจากนี้ ได้ร่วมมือกับนิตยสารฮันนีมูน แอนด์ ทราเวิล จัดทำคู่มือหนังสือเดินทาง 99 เส้นทางฮันนีมูนรีสอร์ต เพื่อกระตุ้นกลุ่มฮันนีมูนด้วย ซึ่งคาด ว่าจะทำให้ตลาดกลุ่มแต่งงาน และฮันนีมูนเติบโตอีก 20%

น.ส.นันทินี เชื้อชูวงศ์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กล่าวว่า นโยบายดังกล่าวของ ททท. น่าจะสูญเปล่าเพราะเป็นไปได้ยากที่กลุ่มยุโรปจะเดินทางมาแต่งงานในโซนเอเชีย เนื่องจากการเดินทางค่อนข้างไกล

นอกจากนี้ กลุ่มยุโรป มีพิธีการที่ค่อนข้างสั้นและกระชับ ไม่จำเป็นต้องเลือกบรรยากาศที่ประเทศไทย โดยมีความเห็นว่า ททท.ควรรุกตลาดแถบเอเชียแปซิฟิกมากกว่า
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=217565
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news31/01/08

โพสต์ที่ 97

โพสต์

คาดปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศ 15.2 15.7 ล้านคน ทำเงินได้ 6 แสนล้านบาท --------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, January 31, 2008
นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ Hard Topic ทาง Money Channel ว่า ปี 2550 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทย 14.5 ล้านคน น้อยกว่าที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาตั้งไว้ที่ 14.8 ล้านคน แต่จำนวนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่กว่า 5 แสนล้านบาท เนื่องจากภาครัฐได้สนับสนุนให้นักท่องเที่ยวคุณภาพเข้ามาเที่ยวในไทยมากขึ้น

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวไทยในช่วงที่ผ่านมา คือ

1. ปัญหา Subprime ของสหรัฐฯ ทำให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และมีผลให้การใช้จ่ายลดตามไปด้วย

2. ราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ทำให้ต้นทุนการขนส่งเพิ่มขึ้น แต่ปัจจัยนี้ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เพราะราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นทุกประเทศ

3. การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ
ทำให้กระทบต่อนักท่องเที่ยวที่ใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหลัก แต่ไม่กระทบต่อนักท่องเที่ยวยุโรป เพราะค่าเงินยูโรก็แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์เช่นกัน

นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวเผยว่า ไม่กังวลว่าเวียดนามจะแย่งนักท่องเที่ยวไปจากไทย เพราะไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย มีระบบสาธารณูปโภคที่ดีกว่าเวียดนาม นอกจากนี้ช่วงเดือน พ.ย. เม.ย. ของทุกปี เป็นช่วงไฮซีซั่นของนักท่องเที่ยวยุโรป แต่เป็นช่วงที่เวียดนามมีพายุ ดังนั้น จึงกลายเป็นความไม่สะดวกต่อนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ไทยก็ควรที่จะพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องด้วย

นายอภิชาติบอกว่า อยากให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมหารือ และแบ่งลักษณะการทำงานให้ชัดเจน เพราะปัจจุบันทั้ง 2 หน่วยงานไม่ได้ประสานการทำงาน ทำให้ภาคเอกชนเกิดความไม่สะดวกในการเสนองาน รวมถึงการขอความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ส่วนการที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะช่วยโปรโมทแหล่งท่องเที่ยวในไทย ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อยากให้ร่วมมือกับ ททท. เพื่อที่จะทำการโปรโมทได้ถูกใจนักท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละประเทศแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังอยากให้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มเสื่อมโทรมให้กลับมามีคุณภาพเหมือนเดิม รวมถึงเร่งจัดทำ Visa on Arrival ผ่านเว็บไซต์

นายอภิชาติเผยว่า ปี 2551 ททท. ได้ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติไว้ที่ 15.7 ล้านคน ขณะที่ภาคเอกชนตั้งเป้าไว้ที่ 15.5 ล้านบาท เนื่องจากการเมืองไทยเริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวเอเชียจะกลับมาเที่ยวไทยอีกครั้ง โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับการท่องเที่ยวไทย 6 แสนล้านบาท ส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวไทยจะอยู่ที่กว่า 3 แสนล้านบาท

นายประกิจ ชินอมรพงษ์ อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย และนายกสมาคมท่องเที่ยวอาเซียน กล่าวว่า ปัญหา Subprime ของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบทางอ้อมต่อการท่องเที่ยวและการเข้าพักโรงแรมในไทย เนื่องจากปัญหา Subprime ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นเกือบทั่วโลก ทำให้นักลงทุนต้องระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น

สำหรับยอดการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติในปีที่ 2550 ลดลง 7 8% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก ราคาน้ำมัน และปัญหาเงินบาทแข็งค่า แต่การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ส่วนปี 2551 คาดว่า รายได้จากการท่องเที่ยวอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง หลังจากที่เฟดลดดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา

นางภคอร ทิพยธนเดชา เจ้าหน้าที่วิจัยอาวุโส ฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจจุลภาค บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า ปี 2550 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย 14.37 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อนหน้า แต่ยังเป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่น้อยกว่าปี 2549 ที่เพิ่มขึ้น 20% เนื่องจากปี 2550 ไทยมีปัญหาภายในประเทศ เช่น เหตุลอบวางระเบิด และปัญหาทางการเมือง ทำให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวเอเชีย ไม่มีความเชื่อมั่น จึงไม่เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทย

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเฉพาะนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ พบว่า เดินทางมายังประเทศไทยลดลงต่อเนื่อง โดยปี 2549 นักท่องเที่ยวสหรัฐฯ คิดเป็น 10% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด ส่วนปี 2550 เหลือเพียง 5% และปี 2551 คาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ จะลดลงต่อเนื่อง ซึ่งจะมีผลให้รายได้จากนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ลดลงด้วย เพราะนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ เดินทางมาไทยครั้งละประมาณ 13 วัน และมีการใช้จ่ายคนละ 4,200 บาทต่อวัน

นางภคอรคาดว่า ปี 2551 นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย 15.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับปี 2550 โดยเป็นผลมาจากการขยายตัวของสายการบินต้นทุนต่ำ รวมถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. และการสนับสนุนการจัดประชุมสัมมนาด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Har ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news11/02/08

โพสต์ที่ 98

โพสต์

ททท. ปลุกมหัศจรรย์ท่องเที่ยวไทย

นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า สำหรับแผนการตลาดในปี 2551 ททท.ได้เสนอขายสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยวกับตลาดต่างประเทศ ใน 7 แนวทางสร้างความสุข หรือ 7 Amazing Wonders ได้แก่

1. วิถีไทยหัวใจแผ่นดิน (The Worlds Friendliness Culture) เป็นการนำเสนอเสน่ห์ของไทย ที่ทำให้ประเทศไทยมีความต่างที่เหนือชั้นกว่าคู่แข่งอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม อาหารไทย เทศกาลประเพณีและแหล่งท่องเที่ยววิถีชีวิตต่างๆ

2. มรดกแห่งแผ่นดิน (Land of Heritage and History) นำเสนอสินค้าวัฒนธรรมไทย ได้แก่ สถานที่ที่เป็นมรดกโลก แหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ สถานที่ท่องเที่ยวทางศาสนา รวมถึงพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เช่น วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง วัดพระธาตุพนม

3. หลากหลายทะเลไทย (Sun Surf and Serenity) ที่เป็นจุดขายหลักของประเทศ เพราะทะเลไทยแต่ละแห่งมีบุคลิกไม่เหมือนกัน สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวได้ทุกรูปแบบ

4. ชีวิตร่วมสมัยความสุขใจที่แตกต่าง (Your Senses with Unique Trends) นำเสนอกลุ่มสินค้าบริการที่สอดคล้องกระแสนิยม เป็นจุดขายด้วยรูปแบบที่ทันสมัย แปลกตาในแนว Chic, Hip, Modern ทั้งร้านอาหาร แหล่งช็อปปิ้ง บูติกโฮเต็ล เป็นต้น

5. รักษ์ ห่วงใย ใส่ใจธรรมชาติ (The Beauty of Natural Wonders) ในรูปแบบของกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ การท่องเที่ยวแบบประหยัดพลังงาน เพื่อให้นักท่องเที่ยวยอมรับประเทศไทยในฐานะผู้ห่วงใยธรรมชาติและเกิดความเข้าใจคุณค่าของการเป็นผู้ห่วงใยสิ่งแวดล้อม เช่น ดำน้ำเก็บขยะ ปลูกปะการังใต้น้ำ เป็นต้น

6. สุขภาพนิยม (The Beauty of Wellness and Wellbeing) ให้ความสำคัญต่อสุขภาพทั้งทางกายและใจ เช่น สปา สมาธิ บริการทางการแพทย์และเสริมความงามที่ทันสมัย

7. เทศกาลความสุข สีสันหรรษา (The land of Year Round Festivities) กิจกรรมท่องเที่ยวที่ควบคู่ไปกับความสนุกสานร่าเริง และความบันเทิง โดยนำเอางานเทศกาลระดับโลกและระดับนานาชาติ เชิญชวนนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนต่างชาติเข้ามาจัดในไทย เช่น กอล์ฟจอห์นนี่ วอล์คเกอร์ คลาสสิค, กอล์ฟรอยัล โทรฟี่, การแข่งขันเรือใบ ภูเก็ต รีกัตต้า เป็นต้น
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news12/02/08

โพสต์ที่ 99

โพสต์

ททท.เด้งรับแผนปั้นรายได้

โพสต์ทูเดย์ ททท.รับลูก ปรับแผนกระตุ้นท่องเที่ยว รับนโยบาย รมว.ใหม่ เล็งเจาะกลุ่มนักลงทุน และกลุ่มนิชมาร์เก็ต ดันรายได้ตามเป้าหมายทะลุ 8 แสนล้านบาท


นางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.เตรียมปรับแผนกระตุ้นตลาดต่างประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายการท่องเที่ยวของนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา คนใหม่ ที่ต้องการเพิ่มรายได้ทางการท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศเป็น 8 แสนล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ ททท.ตั้งไว้ 6 แสนล้านบาท

การปรับแผนการตลาดในเบื้องต้น จะเน้นเจาะกลุ่มตลาดนิชมาร์เก็ตในแต่ละกลุ่มเพิ่มขึ้น เช่น กลุ่มนักลงทุน โดยกลุ่มนี้นิยมเดินทางท่องเที่ยวเพื่อต่อยอดการลงทุน ซึ่งเชื่อว่าตัวเลข 8 แสนล้านบาท นั้นสามารถทำได้

นายอักกพล พฤกษะวัน รองผู้ว่าการ ด้านนโยบายและแผน ททท. กล่าวว่า ททท.จะหารือร่วมกับผู้ประกอบการท่องเที่ยว สายการบิน บริษัททัวร์ ฯลฯ ถึงวิธีการทำงานร่วมกัน โดยวางแผนใน 2 เรื่องหลัก ได้แก่ 1.แนวทางการทำตลาด 2.การแก้ปัญหาเรื่องเที่ยวบินที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซัน)

ทั้งนี้ ททท.เตรียมจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดหนักขึ้น ทั้งตลาดระยะใกล้ในแถบเอเชีย และระยะไกลในแถบยุโรป โดยการปรับแผนใหม่ในครั้งนี้ อาจต้องใช้ระยะเวลาราว 2-3 เดือน

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า มีแผนจะผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลกอย่างถาวร และยั่งยืน โดยมุ่งหวังให้แหล่งท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นสินค้าที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ จะชูภาพลักษณ์ของประเทศไทยภายใต้สโลแกน ประทับใจไทยแลนด์ โดยจะใช้กระตุ้นการท่องเที่ยวเสริมจากสโลแกน อะเมซิง ไทยแลนด์ ของ ททท.

อย่างไรก็ตาม ได้สั่งการให้ ททท.เร่งจัดทำบัญชีแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศในฉบับสมบูรณ์ จัดเรียงหมวดหมู่สินค้าทางการท่องเที่ยว เพื่อตอบสนองความต้องการให้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม พร้อมจัดทำเป็นหนังสือคู่มือแนะนำการท่องเที่ยว เบื้องต้นได้แบ่งเป็น 12 กลุ่ม เช่น โหด มัน ฮา ท้าความแกร่ง, ท้องก็เที่ยว เปรี้ยวปาก และเที่ยวถูกๆ เป็นต้น โดยคู่มือจะสื่อให้เห็นภาพการเดินทางท่องเที่ยวในแต่ละกลุ่มได้อย่างชัดเจน
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=220347
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news22/02/08

โพสต์ที่ 100

โพสต์

ปัจจัยด้านอุตสาหกรรม
         กลุ่มท่องเที่ยว
         ประเด็นข่าว :
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มั่นใจนโยบายการท่องเที่ยวปี 2551-2552 จะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น โดยในระยะยาวมีเป้าหมายที่จะเพิ่มนักท่องเที่ยวจากปีละ 14 ล้านคน เป็น 20 ล้านคน
         ความเห็นและคำแนะนำ : SCIBS ประเมิน ภาพรวมการท่องเที่ยวปี 2551 มีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2550 โดยมีปัจจัยสำคัญจากการเปลี่ยนนโยบายเป็นระยะสั้นมากขึ้น เพื่อกระตุ้นอัตราการเติบโตของนักท่องเที่ยวโดย SCIBS คาดในปี 2551 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจะมีจำนวนเท่ากับ 15.2 15.5 ล้านคนหรือเติบโตประมาณ 5 - 7% yoy ซึ่งใกล้เคียงกับที่ ททท. ตั้งเป้าไว้ที่ 15.7 ล้านคน และ ททท. หรือเติบโต 8.3% yoy  ดังนั้น SCIBS ให้น้ำหนักการลงทุนกลุ่มท่องเที่ยวที่ระดับ เหนือกว่าตลาด และแนะนำ ซื้อ MINT และ ERAWAN เป็น TOP PICKS ของกลุ่มโดยมีราคาที่เหมาะสมในปี 2551 เท่ากับ 5.40 บาทต่อหุ้นและ 20.70 บาทต่อหุ้นตามลำดับ

         โดยบริษัทหลักทรัพย์ นครหลวงไทย จำกัด ประจำวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2551
http://www.thunhoon.com/home/
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news21/03/08

โพสต์ที่ 101

โพสต์

ท่องเที่ยวจุกยุคน้ำมันแพง

เป็นความทรมานใจของผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ต้อง ปะเคราะห์ซ้ำอีกระลอกกับปัญหาราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จริงแล้วปัญหานี้ได้กระทบกับทุกอุตสาหกรรม และคนไทยอย่างถ้วนหน้า แต่เชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต้องอยู่ในภาวะ ชีช้ำหนักกว่าพวก

นั่นเพราะทุกครั้งที่สภาพเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่เอื้ออำนวย เรื่องการวางแผนท่องเที่ยวจะถูกตัดทิ้งเป็นอันดับต้นๆ

ปัญหาชะลอการเดินทางของ นักท่องเที่ยว จึงเป็นการบ้านข้อใหญ่ที่หน่วยงานภาครัฐ อย่างกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องไม่นิ่งวางใจ พร้อมเร่งหามาตรการรับมือกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะภาคเอกชนบางกลุ่ม อย่าง ธุรกิจโรงแรม และบริษัททัวร์ ต่างคาดการณ์ไว้ว่านอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซัน) ที่จะถึงนี้ ท่องเที่ยวไทยจะวิกฤตอีกครั้ง นักเดินทาง โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยจะชะลอหรืองดการเดินทางเที่ยว เพราะต้องการประหยัดค่าใช้จ่ายในยุคที่ค่าครองชีพสูงแบบไม่สัมพันธ์กับรายรับที่ยังคงเท่าเดิม

กระทรวงการท่องเที่ยวฯ และ ททท. ต้องเร่งหาทางออกในเรื่องนี้โดยด่วน โดยร่วมมือกับภาคเอกชนวงการท่องเที่ยว ตั้งสมมติฐานเบื้องต้นว่า เมื่อนักท่องเที่ยวหยุดเดินทางจำเป็นต้องงัดไม้เด็ดอะไรขึ้นมาบ้าง เพื่อสร้างบรรยากาศการเดินทางให้กลับมาไม่มากก็น้อย

ทั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอยู่ไม่น้อย ที่จะเร่งกระตุ้นให้คนไทยเดินทางเที่ยวในช่วงนี้ เพราะต้องยอมรับคนไทยส่วนใหญ่มีความกังวลเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ จะให้มาเดินทางเที่ยวสนุกสนานคงไม่ใช่เวลา

แต่ใช่ว่าปัญหาดังกล่าวจะถึงทางตัน เพราะเชื่อว่าเมื่อทุกจุดหนึ่งคนทำงานหรือมนุษย์เงินเดือนจะให้รางวัลชีวิต ด้วยการพักผ่อนเก็บกระเป๋าไปชาร์จแบตฯให้กับชีวิตด้วยการเดินทางเที่ยวอย่างแน่นอน
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=227934
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news11/04/08

โพสต์ที่ 102

โพสต์

สงกรานต์คาดเงินสะพัดหมื่นล้านททท.บูมจัดงาน

11 เมษายน พ.ศ. 2551 08:15:00

สงกรานต์คึกคัก คาดเงินสะพัดหมื่นล้าน ททท.บูมจัดงาน 13 จังหวัด เอกชนระบุอัตราจองหัองพักแหล่งท่องเที่ยวทะเล -เชียงใหม่ พุ่ง 80%

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ :
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงาน ผลการประมาณการณ์แนวโน้มการท่องเที่ยวของคนไทยและรายได้ด้านการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2551ว่า ถึงแม้จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเทศกาลสงกรานต์มีแนวโน้มลดลง 1.7%  เนื่องจากบรรยากาศซบเซา ค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นกว่า 20 %จากช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว ค่าที่พัก และค่าอาหารและเครื่องดื่ม ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย รวมทั้งค่าบริการต่างๆที่ปรับเพิ่มสูงขึ้นจากปีที่แล้ว

แต่ในส่วนของรายได้ระหว่างการเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นประมาณ 5.3% คิดเป็นเม็ดเงินสะพัดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวในภูมิภาค 5,200 ล้านบาทและในเขตกรุงเทพและปริมณฑล 4,800 ล้านบาท

ด้านนางพรศิริ มโนหาญ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้ให้การสนับสนุนการจัดเทศการสงกรานต์ ด้วยงบประมาณ 43 ล้านบาท จัดงานเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์  ระหว่างวันที่ 12-20 เมษายนนี้ โดยรูปแบบการจัดงาน เน้นนำเสนอประเพณี และวัฒนธรรมแต่ละภาคในช่วงสงกรานต์ คาดว่าจะมีผู้ร่วมงานทั้งคนไทยและต่างประเทศไม่ต่ำกว่า 3 ล้านคน และมีรายได้ 4,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ได้เน้นกิจกรรมใน 4 ภูมิภาค จะจัดใน 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ, พระนครศรีอยุธยา, สมุทรปราการ, ชลบุรี, เชียงใหม่, หนองคาย, ขอนแก่น, นครพนม, สงขลา, ภูเก็ต, นครศรีธรรมราช, สุโขทัย และสุพรรณบุรี ซึ่งไฮไลท์ของการจัดงานสงกรานต์ในปีนี้ในส่วนภูมิภาค อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ จะจัดงาน สะรีปี๋ใหม่เมืองเชียงใหม่ วันที่ 12-15 เม.ย.นี้ โดยฟื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติพืชสวนโลก มาใช้จัดงาน ในช่วงกลางคืนมีกิจกรรม มิดไนท์ ไม้ดอก เปิดให้ประชาชน เข้าชมพันธุ์ไม้ที่อยู่ภายในพืชสวนโลก เป็นต้น
http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/1 ... sid=247678
chartchai madman
Verified User
โพสต์: 7514
ผู้ติดตาม: 0

news16/04/08

โพสต์ที่ 103

โพสต์

ธุรกิจโรงแรม-รีสอร์ตไทยบูม สถาปนิกรับอานิสงส์งานเพียบ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
16 เมษายน 2551 09:54 น.

      งานออกแบบสถาปัตฯกระเตื้องขึ้น รายกลาง-รายย่อยรับอานิสงส์ งานโรงแรม รีสอร์ตบูม ขณะที่งานโครงการขนาดใหญ่ยังนิ่ง สถาปนิกรายใหญ่ยังแห่รับงานนอก ดึงพันธมิตรต่างชาติช่วยหางาน
     
      นายสิน พงษ์หาญยุทธ นายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยถึงแนวโน้มตลาดรับออกแบบงานสถาปัตยกรรมว่า ในปีงานออกแบบในประเทศเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะงานออกแบบโรงแรม รีสอร์ต ขนาดกลาง-ขนาดเล็กที่เกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มที่ได้รับประโยชน์คือ บริษัทรับออกแบบขนาดกลางและสถาปนิกอิสระมีงานทำมากกว่าปีที่ผ่านมา
     
      ส่วนกลุ่มบริษัทรับออกแบบขนาดใหญ่หรือเก่าแก่ กลุ่มนี้จะออกไปรับงานในต่างประเทศมากขึ้น รับงานออกแบบที่เป็นสากล แม้ว่างานในประเทศจะยังพอมีบ้างแต่โครงการขนาดใหญ่ยังไม่มีหรือหากมีเจ้าของเป็นชาวต่างชาติซึ่งจะใช้สถาปนิกของต่างชาติมาออกแบบให้
     
      สำหรับงานออกแบบภาครัฐน้อยลง อาจเกี่ยวกับงบประมาณค่าจ้างที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง ค่าออกแบบไม่คุ้มสถาปนิกจึงไม่นิยมรับงานภาครัฐ ขณะที่งานในต่างประเทศมีจำนวนมาก อีกทั้งการที่มีพันธมิตรหรือเพื่อนร่วมอาชีพในต่างประเทศ จะชักนำให้รับงานได้มากขึ้น บางรายร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศในการรับงาน เพื่อให้น่าเชื่อถือ เป็นสากล
     
      อย่างไรก็ตาม งานออกแบบในปัจจุบันมีความยุ่งยาก และละเอียดอ่อนใช้เวลาในการออกแบบมากขึ้น เพราะลูกค้ามีความรู้มากขึ้น มีความต้องการที่หลากหลายมาก ทำให้สถาปนิกแต่ละรายรับงานได้ไม่มาก แต่อย่างไรก็ตามลูกค้ามีความสมเหตุสมผลในเรื่องค่าออกแบบมากขึ้น ดูประสบการณ์ ฝีมือเป็นหลัก
     
      ส่วนการออกแบบ อาคารประหยัดพลังงาน หรืออาคารสิ่งปลูกสร้างที่ไม่เป็นผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบอาคารตามหลักเกณฑ์สากลในเมืองไทยเริ่มมีมากขึ้น แม้ว่าในปัจจุบันอาคารประหยัดพลังงาน หรืออาคารที่ออกแบบเพื่อรับแรงแผ่นดินไหวของไทยจะมีไม่มาก แต่หากมีข้อกำหนดหรือบังคับขึ้นมา เชื่อว่าภายในไม่เกิน 2 ปีไทยจะสามารถตามต่างประเทศได้ทันอย่างแน่นอน
     
      ตอนนี้บางหน่วยงานกำหนดเลยว่า หากจัดงานสัมมนาหรือจัดเท่องเที่ยวต่างจังหวัดต้องจัดที่โรมแรมหรืออาคารประหยัดพลังงานเท่านั้น และเชื่อว่าจะมีแบบนี้เพิ่มขึ้น ตอนนี้เมืองไทยใช้เกณฑ์สากลในการออกแบบและก่อสร้างแล้ว ถ้าบอกเริ่มวันนี้เชื่อว่าไม่เกิน 1-2 ปีเราตามเค้าได้ทันอย่างแน่นอน แต่ถ้าให้คะแนนอาคารประหยัดพลังงานในเมืองไทยตอนนี้ 10-25% จาก 100 คะแนน และถ้าจะให้เราออกแบบตามแทรนด์ของต่างประเทศหรือให้ทันสมัยเหมือนเค้า เราจะช้ากว่าเค้า 15-20 ปี แต่เราจะแตกต่างเค้าได้ เราต้องนำรากเหงาความเป็นไทยของเรามาใช้ นายสินกล่าว
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000044362
ภาพประจำตัวสมาชิก
holidaytours
Verified User
โพสต์: 349
ผู้ติดตาม: 0

อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

โพสต์ที่ 104

โพสต์

ช่วงนี้การท่องเที่ยวแย่กันหมดเลยนะครับ
หวังว่าจะกลับมาเร็ว ๆ นี้ครับ
สิ่งทั้งหลาย ขึ้นอยู่กับใจ มีใจเป็นใหญ่ สำเร็จเพราะใจ - พุทธภาษิต
งาน อาชีพเสริมทำเงินล้าน สร้างรายได้ ธุรกิจส่วนตัว รวย!
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 0

news

โพสต์ที่ 105

โพสต์

กสิกรไทยคาดรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยปีนี้536,000ล.ปีหน้า 555,000ล.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ "ปี53 ต่างชาติเที่ยวไทย 15.5 ล้านคน : คาดเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในปี54" ระบุว่า สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยที่ถูกบั่นทอนลงด้วยวิกฤตทางการเมืองภายในประเทศในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายน 2553 ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยที่เริ่มฟื้นตัว และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องมาในไตรมาสแรกของปี 2553 กลับถดถอยลงในช่วงเดือนเมษายนต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมิถุนายน 2553

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ความรุนแรงที่ถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯและบางพื้นที่ในต่างจังหวัด ขณะที่พื้นท่องเที่ยวหลายแห่งโดยเฉพาะในภาคใต้ ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทยแทบจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อประกอบกับความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งของภาครัฐและภาคเอกชน ในการเร่งสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยให้กลับคืนมาโดยเร็วในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยสามารถปรับตัวกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2553 เป็นต้นมา

ปี 2553 ตลาดต่างชาติขยายตัวร้อยละ 10 : ได้แรงหนุนจากตลาดระยะใกล้ในเอเชีย

 การเติบโตอย่างรวดเร็วในไตรมาสแรก : หนุนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวร้อยละ 14 ในช่วงครึ่งปีแรก


ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทย ที่ขยายตัวด้วยอัตราสูงในช่วงไตรมาสแรกของปี 2553 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้น 4.66 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้ถูกบั่นทอนให้ถดถอยลงจากเหตุการณ์รุนแรงในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยลดลงประมาณร้อยละ 4 ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2553

โดยพบว่ามีนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคเอเชียลดลงอย่างเด่นชัด ขณะที่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรปค่อนข้างทรงตัว เพราะได้นักท่องเที่ยวจากรัสเซียที่เติบโตในอัตราสูงมาชดเชยได้ระดับหนึ่ง เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย ที่ได้นักท่องเที่ยวจากออสเตรเลียที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย คงมีแต่นักท่องเที่ยวจากภูมิภาคตะวันออกกลางที่เติบโตสวนกระแสตลาด แม้จะขยายตัวในอัตราที่ช้าลงกว่าในไตรมาสแรกก็ตาม ส่งผลให้สถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 ยังคงขยายตัวในอัตราที่น่าพอใจ โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจากทุกภูมิภาคเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 7.52 ล้านคนเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

 ตลาดเอเชียฟื้นตัวเร็ว...รัสเซีย&ตะวันออกกลางโตไม่หยุด : หนุนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติครึ่งปีหลังโตร้อยละ 7

หลังจากเหตุการณ์ความรุนแรงในเดือนพฤษภาคม 2553 คลี่คลายลงสู่ภาวะปกติได้ในช่วงกลางปีที่ผ่านมา หลายฝ่ายต่างร่วมมือกันเร่งประชาสัมพันธ์ถึงเหตุการณ์ความสงบในกรุงเทพฯ ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาดส่งเสริมการขายในตลาดต่างประเทศ ประกอบกับไทยยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัย ห่างไกลจากพื้นที่ที่เกิดความรุนแรง ซึ่งนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงนิยมเดินทางไปเที่ยว (เช่น แหล่งท่องเที่ยวชายทะเลในภาคใต้ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และสมุย รวมทั้งหาดใหญ่) ทำให้สามารถเรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยกลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว

ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยจึงสามารถกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมของไทยในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.5 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3.69 ล้านคน

เป็นที่น่าสังเกตว่า ตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชีย และภูมิภาคโอเชียเนีย ที่ถดถอยลงในช่วงเดือนพฤษภาคม สามารถปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นได้ในช่วงกลางปี และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนสำคัญจากการเติบโตในอัตราสูงของนักท่องเที่ยวจากจีน เกาหลี และอินเดีย ขณะที่นักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางยังคงขยายตัวด้วยอัตราสูงกว่านักท่องเที่ยวจากทุกภูมิภาค ส่วนตลาดท่องเที่ยวระยะไกลในยุโรปและอเมริกาถดถอยลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมต่อเนื่องถึงเดือนกันยายน โดยมีตลาดรัสเซียที่เติบโตอย่างรวดเร็วสวนกระแสตลาดยุโรปโดยรวม

อย่างไรก็ตาม บรรยากาศการท่องเที่ยวของไทยที่มีแนวโน้มแจ่มใสต่อเนื่องไปในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 กลับได้รับผลกระทบจากอุทกภัยครั้งร้ายแรง 2 ระลอก

โดยครั้งแรกเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือช่วงปลายเดือนตุลาคมต่อเนื่องมาถึงเดือนพฤศจิกายน ส่งผลกระทบโดยตรงต่อตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย และในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนได้เกิดอุทกภัยระลอกที่ 2 ในหลายพื้นที่ของภาคใต้ ส่งผลกระทบทั้งตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบเพียงแค่เดือนพฤศจิกายน 2553 หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันเร่งฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวหลังน้ำลด ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์การตลาด และการประชาสัมพันธ์ถึงความพร้อมของแหล่งท่องเที่ยว และเส้นทางคมนาคม รวมทั้งการจัดกิจกรรมต่างๆในช่วงที่เหลือของปี เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างความมั่นใจด้านความสะดวกและปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว

จากแนวโน้มดังกล่าว ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงเล็กน้อยเดือนพฤศจิกายน และกลับมาเติบโตตามปกติได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม ส่งผลให้ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 4.34 ล้านคน ขยายตัวประมาณร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2553  จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 8.04 ล้านคน เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 7 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ทำให้คาดว่าตลอดทั้งปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปี 2552 ที่ลดลงร้อยละ 3 และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 536,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2552

อุทกภัยภาคใต้ : กระทบตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติช่วงปลายปี53....เล็กน้อย
ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในภาคใต้ไม่มากนัก เนื่องจากอุทกภัยได้สร้างความเสียหายในบางส่วนของพื้นที่ภาคใต้ คือ ประมาณ 9 จังหวัด จากทั้งหมด 14 จังหวัดในภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดชุมพร ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส (สุไหง โก-ลก) พัทลุง  ยะลา (เบตง) สงขลา (หาดใหญ่) สตูล และสุราษฎร์ธานี  ขณะที่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลแถบอันดามันหลายแห่งที่ไม่ได้รับผลกระทบ อาทิ ภูเก็ต กระบี่ และพังงา นอกจากนี้ ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในภูมิภาคเอเชียต่างประสบภัยธรรมชาติเช่นกัน อาทิ มาเลเซีย เวียดนาม และฟิลิปปินส์ประสบอุทกภัย ส่วนอินโดนีเซียเกิดภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว และสึนามิ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแผนการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ ส่วนใหญ่ยังคงเดินทางมาเที่ยวประเทศไทย โดยเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม ทำให้ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.33 ล้านคน ลดลงร้อยละ 2 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่งผลให้โดยรวมทั้งปี 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.55 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยประมาณร้อยละ 0.4 เปรียบเทียบจากที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ไว้เดิม ก่อนหน้าเกิดอุทกภัยที่ระดับ 15.61 ล้านคน ซึ่งได้คาดว่าเดือนพฤศจิกายน 2553 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยทั้งสิ้นประมาณ 1.39 ล้านคน  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 2

ท่องเที่ยวปี54 ...ยังมีอุปสรรคที่ต้องฟันฝ่า : คาดต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5
สถานการณ์การท่องเที่ยวไทยในปี 2554 ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี หากไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองมากระทบอีก ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 2553  แม้ว่าจะต้องฟันฝ่าอุปสรรคบางประการ อาทิ เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยของกลุ่มตลาดท่องเที่ยวระยะไกลในภูมิภาคยุโรปและอเมริกา

อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนร่วมมือกันส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่องแล้ว ในปี 2554 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะยังสามารถเติบโตต่อไปได้ แม้อยู่ในอัตราที่ช้าลงกว่าปี 2553 ทั้งนี้ ด้วยแรงเกื้อหนุนสำคัญจากการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย อาทิ จีน เกาหลี และอินเดีย รวมทั้งบางประเทศในยุโรปที่เศรษฐกิจฟื้นตัวได้เร็ว เช่น รัสเซีย และนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง ทั้งนี้ ภายใต้เงื่อนไขที่สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาล

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า ในปี 2554 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5  โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้นประมาณ 16.33 ล้านคน และก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 555,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 จากปี 2553

ปัจจัยสำคัญที่เกื้อหนุน ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยให้เติบโตต่อเนื่องในปี 2554 ได้แก่
 ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยกลับคืนมาในหมู่นักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย โดยได้แรงหนุนสำคัญจากตลาดจีน และเกาหลี
 ความร่วมมืออย่างจริงจังและต่อเนื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของไทย ในการขยายตลาดท่องเที่ยวใหม่ที่มีศักยภาพสูง โดยเฉพาะรัสเซีย อินเดีย และตะวันออกกลาง ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาส่วนแบ่งในตลาดนักท่องเที่ยวกลุ่มเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น
 การขยายตัวของธุรกิจการบินต้นทุนต่ำ การเพิ่มเส้นทางบิน ทั้งเที่ยวบินประจำ และเที่ยวบินเช่าเหมาลำ จากต่างประเทศมายังประเทศไทย ตลอดจนการขยายเส้นทางบินเชื่อมเมืองท่องเที่ยวหลักระหว่างภูมิภาคต่างๆของไทย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเพิ่มความหลากหลายด้านการท่องเที่ยวของไทย
 การขยายตัวของเชนบริหารโรงแรมชั้นนำระดับโลก สู่ธุรกิจโรงแรมของไทยอย่างต่อเนื่อง และการขยายเครือข่ายการบริหารโรงแรมของผู้ประกอบการคนไทยไปในต่างประเทศ ส่งผลดีต่อการขยายฐานตลาดต่างประเทศให้กว้างขวางขึ้น โดยเฉพาะตลาดในระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง
 การขยายตัวไปตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆของที่พักในรูปแบบ Boutique Hotel ที่เน้นในด้านความสวยงาม และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ต้องการเดินทางมาสัมผัสบรรยากาศด้วยตนเอง
 ค่าครองชีพที่ต่ำกว่าบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว และประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน โดยเฉพาะค่าบริการในด้านสุขภาพ และบริการด้านที่พัก ซึ่งเกื้อหนุนต่อการขยายตลาดท่องเที่ยวพำนักระยะยาวในช่วงฤดูหนาวของประเทศในแถบตะวันตก และกลุ่มวัยหลังเกษียณอายุ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย และนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น

การปรับตัวของผู้ประกอบการ : รองรับโอกาสที่เอื้อของการท่องเที่ยวไทยในปี 2554
จากแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2554 ผู้ประกอบการในธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยควรปรับกลยุทธ์ในด้านต่างๆ เพื่อให้ได้ประโยชน์จากโอกาสที่เอื้ออำนวย ซึ่งมีแนวทาง ดังนี้

 กำหนดตลาดเป้าหมายที่ชัดเจน โดยมุ่งเน้นนักท่องเที่ยวที่มีความสนใจเฉพาะกลุ่มมากขึ้น เช่น กลุ่มที่นิยมการจับจ่ายซื้อสินค้า กลุ่มประชุมสัมมนา กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล กลุ่มท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ และกลุ่มที่นิยมกีฬาประเภทต่างๆ รวมทั้งกลุ่มที่นิยมการท่องเที่ยวในรูปแบบ Green Concept

 พัฒนาบริการและแหล่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพื่อสร้างจุดขายที่โดดเด่นแก่ภาคการท่องเที่ยวของไทย
 ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ทางธรรมชาติ พร้อมที่จะรองรับกระแสการท่องเที่ยวในปัจจุบัน และช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างต่อเนื่อง
 E-marketing ช่องทางตลาดที่น่าสนใจในยุคดิจิตอล ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม เพราะนับวันยิ่งจะมีกระแสความนิยมมากขึ้น อีกทั้ง มีค่าใช้จ่ายต่ำ และสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกที่ทุกเวลา

อย่างไรก็ตาม ยังคงมี ประเด็นพึงระวัง สำหรับภาคบริการด้านการท่องเที่ยวของไทย ได้แก่ ปัญหาด้านเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศที่บั่นทอนความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในหมู่นักท่องเที่ยว, ปัญหาความเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อมและภาวะโลกร้อน, ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในต่างประเทศ, ความผันผวนของค่าเงินในสกุลต่างๆ และการปรับตัวของคู่แข่ง โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ซึ่งมีลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ และขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงกับไทย เป็นต้น

สรุป
หลังเหตุการณ์รุนแรงในกรุงเทพฯช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 คลี่คลายลงสู่ภาวะปกติ และจากความร่วมมือของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งสะท้อนได้จากการฟื้นตัวกลับมาเติบโตตามปกติได้อย่างรวดเร็วของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยในช่วงครึ่งหลังของปี 2553 แม้คาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อยในช่วงที่เกิดอุทกภัยร้ายแรงในภาคต่างๆของไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ว่า โดยรวมตลอดทั้งปี 2553 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยจะขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยรวมทั้งสิ้นไม่ต่ำกว่า 15.55 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 536,000 ล้านบาท และคาดว่าหากไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงใดมากระทบแล้ว ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องไปในปี 2554 แม้ในอัตราไม่สูงนัก คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังประเทศไทยประมาณ 16.33 ล้านคน ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวคิดเป็นมูลค่าประมาณ 555,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม การขยายตัวด้านการท่องเที่ยวของไทยดังกล่าวจะประสบความสำเร็จไม่ได้ หากขาดความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะการสร้างเสถียรภาพด้านการเมืองในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดความสงบสุข และไม่มีความแตกแยกในประเทศ ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการเดินทางท่องเที่ยวประเทศไทยในหมู่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเกื้อหนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ และก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าปีละกว่า 5 แสนล้านบาท

http://www.thannews.th.com/index.php?op ... Itemid=524
naijan
Verified User
โพสต์: 5011
ผู้ติดตาม: 0

Re: อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยว

โพสต์ที่ 106

โพสต์

ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปีนี้พลาดเป้า

Posted on Wednesday, December 01, 2010
นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว บอกว่า ยอดต่างชาติที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยปีนี้จะไม่ถึง 14 ล้านคนตามเป้า แม้ขณะนี้นักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับเข้ามาในประเทศแล้ว 80% หลังเกิดปัญหาอุทกภัย โดยเชื่อว่าการท่องเที่ยวจะฟื้นตัวชัดเจนไตรมาส 1/54 และทั้งปี 2554 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาไทย 15.5 ล้านคน หากสถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายและมีการเลือกตั้งตามกรอบกติกา

นายเจริญ บอกด้วยว่า ต้องการให้รัฐบาลเร่งจัดตั้งคณะกรรมการธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ เพื่อวางแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วง 5 ปีข้างหน้า นับตั้งแต่ปี 2554-2558 โดยวางแผนการตลาด และสนับสนุนงบประมาณกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศให้มากขึ้น จากปัจจุบันอยู่ที่มีสัดส่วนการท่องเที่ยวในประเทศเพียง 35% เป็น 65%

ด้านนายประกิต ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย บอกว่า ภาพรวมการเข้าพักโรงแรมปีนี้ลดลงจากปีก่อน15% แม้ว่าขณะนี้จะมีอัตราเข้าพักถึง 90% เนื่องจากปัญหาการชุมนุมการเมืองช่วงกลางปีได้ฉุดอัตราการเข้าพักหายไปทั้งหมด และมองว่า การที่รัฐบาลยัง คง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ไว้จะทำให้นักท่องเที่ยวบางประเทศยังคงชะลอการท่องเที่ยวในไทย

นายประกิตบอกด้วยว่า หากสถานการณ์ทางการเมืองปีหน้าสงบ ประกอบกับมีวันหยุดยาวต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม จะทำให้นักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้น อาจทำให้ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2554 เกิน 16 ล้านคน