ขาใหญ่ฟันธงใช้มาตรการเพิ่มวงเงินประกัน 15% อัสดงแน่

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

ขาใหญ่ฟันธงใช้มาตรการเพิ่มวงเงินประกัน 15% อัสดงแน่

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตลาดหุ้นไทยจงเจริญ ขาใหญ่ฟันธงใช้มาตรการเพิ่มวงเงินประกัน 15% อัสดงแน่

ก.ล.ต. เล็งเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% กลางปีนี้ สมาคม บล. รับลูกทันที ระบุช่วยลดความเสี่ยงโบรกเกอร์ - เพิ่มความเชื่อมั่นให้ นลท. ส่วน PHATRA ชี้ช่องเพิ่ม 15% เอาไม่อยู่ต้องวาง 100% นักลงทุนรายใหญ่ถึงกับโอดครวญเพิ่มหลักประกันขนาดนี้ บังคับให้เลิกเล่นหุ้นดีกว่า เชื่อหากมีผลบังคับใช้ตลาดหุ้นไทยซบแน่ วานนี้หลังมีข่าวหุ้นเก็งกำไรพาเหรดรูด

            หลังจากที่ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปี 50 ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ออกมาส่งซิกว่า มีแนวคิดจะเพิ่มการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันจาก 10% เป็น 15% และแล้วล่าสุด ก็มีการขีดเส้นตายชัดเจนว่ากลางปี 2551 จะประกาศใช้แน่นอน เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ T+2 ซึ่ง ก.ล.ต.ย้ำมาตลอดว่า การเพิ่มวงเงินวางหลักประกันจะช่วยลดความเสี่ยงในการผิดชำระค่าหุ้น หลังจากมีกระแสข่าวดังกล่าวออกมาส่งผลให้นักลงทุนน้อยใหญ่ออกมาโอดครวญว่า หากมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้จริง อาจส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยขาดเสน่ห์ไม่น่าลงทุน ลดการเก็งกำไรลงไป โดยประเด็นดังกล่าวจะส่งผลดีต่อโบรกเกอร์มากกว่า


*** ก.ล.ต. เล็งเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% กลางปีนี้

        แหล่งข่าวจากวงการหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เตรียมจะประกาศใช้มาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันสำหรับการซื้อขายหุ้นเพิ่มจาก 10% เป็น 15% โดยคาดว่าจะเริ่มใช้ในช่วงกลางปีนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ T+2 ของตลาดหลักทรัพย์
        ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวเป็นแนวคิดของสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อป้องกันความเสี่ยงให้กับโบรกเกอร์ ซึ่งเริ่มแรก ก.ล.ต.ต้องการให้มีการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันถึง 25% แต่ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อนักลงทุน และเสนอว่าควรจะวางหลักทรัพย์ฯ เพียงแค่ 15% น่าจะเพียงพอ
        แหล่งข่าวกล่าวว่า เมื่อเร็วๆนี้ มีผลสรุปจากการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกในสมาคม บล. ในเรื่องการเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็น 15% อย่างไรก็ตามมีสมาชิกหลายรายไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นในที่ประชุม โดยสมาชิกส่วนใหญ่เห็นว่าการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันที่ระดับ 10% น่าจะเหมาะสมแล้ว และที่ผ่านมายังไม่เคยมีโบรกเกอร์ไหนต้องล้มเพราะลูกค้าไม่จ่ายเงินค่าหุ้น
        'ที่จริงน่าจะมีตัวเลขมาแสดงให้ดูว่า ที่ผ่านมาปัญหาที่เกิดจากการไม่ชำระค่าหุ้นมีมากน้อยแค่ไหน เพราะ 30 ปีที่ผ่านมายังไม่มีโบรกเกอร์ที่เจ๊งเพราะลูกค้าเบี้ยวเงิน ส่วนใหญ่จะเจ๊งเพราะเศรษฐกิจและนโยบายของทางการมากกว่า' แหล่ง ข่าวกล่าว
         ผู้สื่อข่าวสอบถามไปยังสำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับคำตอบว่า สำนักงาน ก.ล.ต.ได้มอบหมายให้สมาคม บล.ไปศึกษาเรื่องดังกล่าว เพื่อนำกลับมาเสนออีกครั้ง ซึ่งคาดว่าจะนำเข้าประชุมเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน ในการประชุมประจำไตรมาสช่วงเดือน ก.พ. นี้

***บอร์ด ก.ล.ต. ไฟเขียวปรับเกณฑ์ SBL -โบรกฯ ไทยลุยตั้งสาขา ตปท.-TFEX เปิดรับสมาชิกเพิ่ม

         รายงานข่าวจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) เปิดเปยว่า ผลการประชุมคณะกรรมการ ก.ล.ต. ครั้งที่ 1/2551คณะกรรมการ ก.ล.ต. ในการประชุมครั้งที่ 1/2551 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2551มีมติดังนี้
      1. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การประกอบกิจการการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) และการขายหลักทรัพย์โดยยังไม่มีหลักทรัพย์ในครอบครอง (การขายชอร์ตหลักทรัพย์) ให้คล่องตัวขึ้นคณะกรรมการ ก.ล.ต. เล็งเห็นว่าจำเป็นต้องอำนวยความสะดวกให้มีการทำธุรกรรม SBLและการขายชอร์ต หลักทรัพย์มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงและทำให้ตลาดหลักทรัพย์มีเสถียรภาพมากขึ้น คณะกรรมการ ก.ล.ต.จึงเห็นชอบให้แก้ไขหลักเกณฑ์ ดังนี้
       1.1 หลักเกณฑ์การประกอบธุรกิจ SBL (1)ให้สามารถยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์ทั้งที่อยู่ภายใต้การจัดการของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ในประเทศและในต่างประเทศได้
       (2) เพิ่มเติมประเภททรัพย์สินที่วางเป็นหลักประกัน ให้ครอบคลุมถึง
        ก) เงินสดทุกสกุล
        ข) หลักทรัพย์จดทะเบียนทุกประเภท ยกเว้นใบสำคัญแสดงสิทธิต่างๆ
        และ ค)หน่วยลงทุนของกองทุนเปิดที่เปิดขายหรือรับซื้อคืนทุกวันทำการ
         รวมทั้ง สามารถนำเงินที่ได้รับจากการขายชอร์ตมาวางเป็นหลักประกันได้ด้วย
       (3) กำหนดสัดส่วนของยอดหนี้ที่บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) จะให้เงินกู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์และให้ยืมหลักทรัพย์ แก่ลูกค้ารายย่อยรายใดรายหนึ่ง เมื่อสิ้นวันต้องไม่เกินร้อยละ 25 ของเงินกองทุนของ บล. และเมื่อรวมลูกค้าทุกรายแล้วต้องไม่เกิน 5 เท่าของเงินกองทุนของ บล. เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการกระจุกตัวในการให้กู้ยืม
       (4) ยกเลิกหลักเกณฑ์ที่เป็นภาระ เช่น การแจ้งวัตถุประสงค์ในการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ และการห้ามยืมหรือให้ยืมหลักทรัพย์เพื่อนำไปขายในคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ เป็นต้น
        1.2 หลักเกณฑ์การขายชอร์ตหลักทรัพย์ ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้ลูกค้าสามารถขายชอร์ตผ่านบัญชีเงินสดได้ จากเดิมที่ให้ขายผ่านบัญชีมาร์จิ้นเท่านั้น โดย บล. ต้องมั่นใจว่าลูกค้ามีการยืมหลักทรัพย์ไว้แล้วและลูกค้าจะสามารถส่งมอบหลักทรัพย์ได้ภายในเวลาที่กำหนด รวมทั้งได้เพิ่มช่องทางให้ลูกค้าสามารถยืมหลักทรัพย์ได้ทั้งจาก บล.และจากศูนย์รับฝากหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อส่งมอบกรณีผิดนัด
         2.ผ่อนปรนหลักเกณฑ์การมีสาขาของ บล. เพื่อให้ บล. ดำเนินธุรกิจได้อย่างคล่องตัว สามารถเพิ่มรายได้ ขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้นพร้อมรองรับการแข่งขันก่อนการเปิดเสรีใบอนุญาตธุรกิจหลักทรัพย์ในอนาคต คณะกรรมการก.ล.ต. จึงเห็นชอบให้ปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการมีสาขาของ บล. โดยอนุญาตให้ บล.สามารถแต่งตั้งผู้จัดการสาขา 1 คน ให้ดูแลรับผิดชอบมากกว่า 1 สาขาได้ พร้อมทั้งออกหลักเกณฑ์เพิ่มเติมเพื่ออนุญาตให้ บล. สามารถมีสาขาในต่างประเทศได้หากมีความพร้อมในด้านฐานะการเงิน ด้านระบบงานและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจที่ต่างประเทศ
      อนึ่ง เพื่อให้มีการคุ้มครองผู้ลงทุนมากขึ้น คณะกรรมการ ก.ล.ต.ได้กำหนดคุณสมบัติเพิ่มเติมสำหรับการเปิดสาขาแห่งใหม่ โดย บล.ต้องมีระบบในการจัดการข้อร้องเรียนเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่าง บล. กับลูกค้า โดยหาก บล.เข้าร่วมโครงการอนุญาโตตุลาการของ ก.ล.ต. ก.ล.ต. จะถือว่า บล.ได้จัดให้มีระบบดังกล่าวแล้ว
       ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะใช้สำหรับกรณีบริษัทที่ประกอบธุรกิจการเป็นตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่ประสงค์จะมีสาขาด้วย
        3. ให้ความเห็นชอบหลักเกณฑ์การรับสมาชิกของตลาดอนุพันธ์ (TFEX)
       เนื่องด้วยปริมาณการซื้อขายสัญญา futures และ options ใน TFEXขยายตัวอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา TFEXจึงได้เสนอหลักเกณฑ์การเปิดรับสมาชิกรอบใหม่ให้คณะกรรมการ ก.ล.ต. พิจารณา โดยคณะกรรมการก.ล.ต. พิจารณาแล้วเห็นชอบหลักเกณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้ TFEXจะเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่ในรอบนี้ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2551 ถึง 30 เมษายน 2551และจะเปิดรับสมาชิกครั้งต่อไปในอีก 2 ปีนับจากวันประกาศรับสมัครสมาชิกในรอบนี้หรือเมื่อมีปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นและคณะกรรมการตลาดอนุพันธ์เห็นสมควรซึ่งผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ TFEX

***นายกสมาคม บล. รับเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% จริง

          นายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า คณะกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์มีมติอนุมัติให้เพิ่มวง
เงินค้ำประกันจาก 10% เป็น 15% จริง เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงและเพิ่มความ เชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีการหารือมาระยะหนึ่งแล้ว โดยมอบหมายให้
นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ศึกษา
          ' เรื่องตัวเลข 15% เป็นการศึกษาของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งก็เป็นการคำนวณจากหลายๆ อย่างมารวมกัน แต่ในต่างประเทศส่วนใหญ่จะใช้วง
เงินค้ำประกัน 100% ส่วนที่ผ่านมาน่าจะมีโบรกเกอร์ที่ลูกค้าผิดนัดชำระหนี้บ้าง แต่ผมไม่ได้ทำเป็นสถิติไว้จึงไม่รู้ว่ากี่เปอร์เซนต์ อีกอย่างเรื่องนี้ ก.ล.ต.เขาเห็นชอบต้องการให้นำมาใช้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง ' นายกัมปนาท กล่าว
           ส่วนเรื่องดังกล่าวจะนำมาใช้ได้ภายในกลางปี 2551 หรือไม่ ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากขึ้นอยู่กับความเห็นชอบของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ซึ่งขณะนี้ทางสมาคม บล. ได้ส่งเรื่องดังกล่าวให้ ตลท. พิจารณาแล้ว
        ' ถ้าทุกอย่างพร้อมเมื่อไหร่หรือทางตลาดฯ อนุมัติ ก็คงจะนำมาใช้ได้ ซึ่งตรงนี้ผมไม่ยืนยันว่าจะใช้ภายในกลางปีนี้หรือเปล่า ก็คงจะต้องผ่านการเข้าหารือในบอร์ดของตลาดฯ ก่อน หากเขาอนุมัติและทุกอย่างพร้อมก็คงนำมาใช้ ' นายกัมปนาท กล่าว
           ขณะเดียวกันเรื่องดังกล่าวคงไม่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องเดิมๆ ที่นักลงทุนรับรู้แล้ว ขณะเดียวกันคงไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุนรายย่อยและไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะเชื่อว่านักลงทุนที่ซื้อขายหุ้น เป็นผู้ที่มีเงินอยู่แล้ว ซึ่งการเพิ่มวงเงินเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะมีปัญหาอะไร นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวยังได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งไม่ได้มีการขัดแย้งหรือไม่เห็นด้วยแต่อย่างใด
        นายกัมปนาท กล่าวต่อไปว่าแนวโน้มของตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มขึ้นหลังจากที่ผ่านมา SET Index ได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันปัจจัยทางการเมืองที่เริ่มนิ่งและน่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้เร็วๆ นี้คงจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและกล้าตัดสินใจเข้ามาลงทุนรวมทั้งส่งผลบวกต่อจิตวิทยาการลงทุนด้วย นอกจากนี้ปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศยังคงแข็งแกร่ง แต่ไม่สามารถประเมินได้ว่า SET Index จะปรับเพิ่มขึ้นไปแตะระดับใด เพราะคาดเดายาก อีกทั้งการเคลื่อนไหวค่อนข้างจะผันผวน
         ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นนายกัมปนาท ระบุว่า ในปีนี้ SET INDEX มีโอกาสที่จะเคลื่อนไหวในลักษณะผันผวน และขึ้นลงแรงจึงมีแนวโน้มที่จะปรับลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 500 จุด และสูงสุดที่ระดับ 1000 จุดได้ เพราะต้องยอมรับว่าในขณะนี้มีปัจจัยที่เหลือความคาดหมายและคาดเดายากเข้ามากระทบ

*** PHATRA แนะควรเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 100% ระบุเพิ่มแค่ 15% ไม่ช่วยอะไร

         นายสุวิทย์ มาไพศาลสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ PHATRA เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุญาตให้บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) สามารถมีสาขาในต่างประเทศได้หากมีความพร้อมในด้านฐานะการเงินรวมทั้งด้านระบบงานและมีความพร้อมในการประกอบธุรกิจที่ต่างประเทศ ประเมินว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะช่วยให้มีช่องทางในการเพิ่มรายได้ที่หลากหลาย ขณะเดียวกันยังเป็นการรองรับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย แต่ PHATRA เองยังไม่ พร้อมที่จะไปเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศ เพราะต้องการรอดูความชัดเจนเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ ของ ก.ล.ต. รวมทั้งนโยบายของภาครัฐเกี่ยวกับการนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศด้วย
         นอกจากนี้ในความคิดเห็นส่วนตัวประเมินว่าการเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% ไม่ได้ส่งผลบวกหรือมีนัยสำคัญอะไรต่อผู้ลงทุนรายย่อย รวม
ทั้งต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นการเพิ่มเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะเดียวกันหากต้องการเพิ่มวงเงินจริงๆ ควรที่จะเพิ่มให้เต็มวงเงินคือ 100% เลย เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงรวมทั้งเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุนด้วย
        'ถ้าจะเพิ่มก็ต้องเพิ่มให้เป็น 100% เลย ไม่ต้องเพิ่มเป็น 15% เพราะไม่รู้ว่าจะเพิ่มทำไมไม่ได้มีอะไรเลย ตรงนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของผม แต่หากเขาให้ใช้ก็คงจะต้องปฎิบัติตาม ' นายสุวิทย์ กล่าว
        นายสุวิทย์ กล่าวต่อไปว่าในปี 2551 จะพยายามทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2550 ที่มาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 6% โดยบริษัทฯ จะทำงานให้มากขึ้นกว่าที่ผ่านมา ส่วนในช่วงที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าการแข่งขันของธุรกิจหลักทรัพย์รุนแรง ทำให้สัดส่วนลูกค้าสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศลดลงมาอยู่ที่ 65% ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 35% เป็นนักลงทุนรายย่อย ซึ่งในปีนี้คงจะพยายามรักษาสัดส่วนลูกค้าดังกล่าวให้เท่ากับระดับปัจจุบัน
        'เป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ที่ผ่านมาไม่เคยตั้ง แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนจะดีมากน้อยแค่ไหนยังบอกไม่ได้ เพราะต้องรอดูดีกว่า ส่วนการทำงานในปีนี้ก็คงจะทำเต็มที่เหมือนที่ผ่านมา' นายสุวิทย์ กล่าว
        ส่วนในช่วงนี้สาเหตุที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เปิดทำการหลังปีใหม่ 2551 เนื่องจากเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นในต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ปรับลดลง เพราะกังวลเกี่ยวกับปัญหาเรื่องซัพไพร์ม นอกจากนี้ นักลงทุนยังชะลอการลงทุนหลังจากที่ไม่มั่นใจเกี่ยวกับปัจจัยทางการเมืองที่ยังจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ไม่เรียบร้อย ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลกดดันต่อจิตวิทยาการลงทุน แต่บรรยากาศการลงทุนจะมีลักษณะอย่างนี้ไปสักพักจนกว่าสถานการณ์ต่างๆ ข้างต้นจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี

***'ไพฑูรย์' ขาใหญ่วงการหุ้น ค้านเพิ่มวางหลักประกันซื้อขายหุ้น หวั่นไล่นลท.ทางอ้อม-ฉุด SET Index ซบ

       นายไพฑูรย์ ผลกิจ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าการเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% ไม่ควรนำมาใช้สำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้นไทย เนื่องจากจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ ทำให้มีการซื้อขายหุ้นน้อยลง ขณะเดียวกันยังจะส่งผลให้วอลุ่มการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับลดลงด้วย
        ' แค่นี้ตลาดหุ้นไทยก็ล้าหลังไม่ทันตลาดหุ้นเพื่อนบ้านแล้ว หากมีการนำมาตรการนี้มาใช้คงจะทำให้นักลงทุนหายไปจากตลาดฯ โดยเฉพาะช่วงนี้นักลงทุนยิ่งมีน้อยอยู่แล้ว การนำมาใช้ควรที่จะคำนึงถึงเวลาที่เหมาะสมด้วยไม่ใช่มาใช้ช่วงที่ตลาดหุ้นเป็นอย่างนี้ ' นายไพฑูรย์ กล่าว
           นอกจากนี้ยังจะกดดันและส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยด้วย เพราะจะส่งผลให้นักลงทุนเกิดความไม่เชื่อมั่น แต่ถึงแม้จะระบุว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจหลักทรัพย์ แต่ในด้านของผลกระทบต่อตลาดหุ้นจะมีมากกว่าผลบวกที่โบรกเกอร์จะได้รับ
           ขณะเดียวกันต้องการให้นักการเมืองยอมรับเสียงข้างมากที่ประชาชนตัดสินใจเลือกมาเป็นตัวแทนในการ บริหารประเทศ นอกจากนี้ ควรเลิกทะเลาะกันรวมทั้งคิดถึงประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก เพื่อสร้างความสามัคคี ขณะเดียวกันควรเร่งจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ให้เร็วที่สุดเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นและเรียกความมั่นใจจากนักลงทุนกลับคืนมา ซึ่งหากปัจจัยดังกล่าวคลี่คลายหรือมีความชัดเจน เชื่อว่าจะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยสดใสและน่าลงทุนมากขึ้น เพราะตลาดหุ้นไทยมี P/E ในระดับต่ำและให้ผลตอบแทนที่ดี
          ' ประเด็นเดียวที่มีความสำคัญต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้คือการเมือง คือการเมืองคลี่คลายก็น่าจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นและส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนดีขึ้นด้วย ' นายไพฑูรย์ กล่าว
         สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ควรที่จะถือเงินสดและเลือกลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี เพื่อรอรับเงินปันผล นอกจากนี้ยังเป็นการป้องกันความเสี่ยง ในขณะที่พอร์ตการลงทุนในปัจจุบันลงทุนในหุ้นเพียง 2-3% เท่านั้น หลังจากที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ส่วนที่เหลือถือเงินสด

***'เสี่ยป๋อง' ระบุเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้น ส่งผลดีต่อตลาดหุ้น-ไม่สะเทือนนลท.

           นายวัชระ แก้วสว่าง หรือ เสี่ยป๋อง นักลงทุนรายใหญ่ ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่า การเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% เป็นเรื่องที่ดี เพราะเป็นการป้องกันความเสี่ยงให้กับผู้ประกอบการธุรกิจหลักทรัพย์ นอกจากนี้ คงจะไม่ส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เพราะเชื่อว่านักลงทุนในตลาดหุ้นไทยคงจะมีศักยภาพและมีเงินสดเพียงพอสำหรับการลงทุนอีกทั้งการเพิ่มวงเงินค้ำประกันยังเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก
        ' ในแง่การป้องกันความเสี่ยงสำหรับผู้ประกอบการหลักทรัพย์ก็ดี แต่วอลุ่มตลาดฯ มันอาจจะหดแต่ก็คงไม่มาก อีกทั้งคงไม่กระทบตลาดฯ เพราะนักลงทุนที่เข้ามาเขาคงจะต้องมีเงินและพร้อมที่จะเข้ามาลงทุนจริงๆ ' นายวัชระ กล่าว
        ส่วนกลยุทธ์การลงทุนแนะนำเลือกซื้อหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่และมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปรับลดลง เพราะถือว่าเป็นจังหวะที่ดี ซึ่งจะได้ซื้อหุ้นที่มีอนาคตแต่ราคาถูก สำหรับพอร์ตการลงทุนในปัจจุบันถือเงินสด 70% ส่วนที่เหลืออีก 30% เลือกลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานรองรับ เช่น กลุ่มพลังงานและธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น โดยเลือกลงทุนในระยะสั้นเพราะช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวน อีกทั้งมีปัจจัยที่ต้องติดตามหลายประเด็น โดยเฉพาะปัจจัยทางการเมืองซึ่งมีอิทธิพลและนักลงทุนให้ความสำคัญมากกว่าปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตาม หากปัจจัยทางการเมืองคลี่คลายหรือมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้วเสร็จ คงจะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา

*** "ศิริวัฒน์" เชื่อเพิ่มวงเงินวางหลักประกันเป็น 15% กระทบตลาดหุ้นไทยแน่

          นายศิริวัฒน์ วรเวทวุฒิคุณ นักลงทุนรายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และอดีตผู้บริหารสถาบันการเงิน เปิดเผยกับ eFinanceThai.com ว่าจากกรณีที่จะมีการเพิ่มวงเงินค้ำประกันซื้อขายหุ้นจาก 10% เป็น 15% อาจจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยและส่งผลให้นักลงทุนชะลอการลงทุน แต่เรื่องดังกล่าวน่าจะส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการในธุรกิจหลักทรัพย์ เพราะเป็นการป้องกันความเสี่ยงและลดการผิดชำระหนี้ของลูกค้าด้วย
           " การเพิ่มวงเงินค้ำประกันมันก็น่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยและกดดันบรรยากาศการลงทุนพอสมควรแต่โบรกฯ คงจะได้รับผลดีเพราะป้องกันการผิดชำระหนี้ด้วย " นายศิริวัฒน์ กล่าว

*** หุ้นเก็งกำไรเดี้ยงยกแผง หวั่นมาตรการวางหลักทรัพย์ค้ำประกันเพิ่มเป็น 15%


         ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวราคาหุ้นเก็งกำไร ปรับตัวลดลงยกแผง หลังจากมีข่าวว่าสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหลักทรัพย์ค้ำประกันจาก 10% เป็น 15% ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้นักลงทุนชะลอการซื้อขาย โดยเฉพาะในส่วนของหุ้นเก็งกำไร
           วานนี้ราคาหุ้น EMC ปิดที่ 4.86 บาท ลดลง 0.24 บาท หรือ 4.71% มูลค่าการซื้อขาย 122.00 ล้านบาท EMC-W1 ปิดที่ 3.92 บาท ลดลง 0.08 บาท หรือ 2.00% มูลค่าการซื้อขาย 172.60 ล้านบาท TRAF ปิดที่ระดับ 8.90 บาท ลดลง 1.30 บาท หรือ 12.75% มูลค่าการซื้อขาย 29.17 ล้านบาท BLISS ปิดที่ระดับ 8.20 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.21% มูลค่าการซื้อขาย 4.59 ล้านบาท BLISS-W1 ปิดที่ระดับ 5.10 บาท ลดลง 0.25 บาท หรือ 4.67% มูลค่าการซื้อขาย 5.08 ล้านบาท IEC ปิดที่ 1.23 บาท ลดลง 0.02 บาท หรือ 1.60% มูลค่าการซื้อขาย 22.36 ล้านบาท
โพสต์โพสต์