อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 1
แปลง เขียนไว้ใน blog ครับ
แล้วทำให้อย่างรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนระดับแนวหน้า NGOs คนหลักคนหนึ่ง ของประเทศไทย และคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการ นิตยสารสารคดี และคุณลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการอิสระ ชื่อดังอีกท่าน
ยังหาคนมาช่วยตอบไม่ได้ รบกวนด้วยนะครับ
ไม่ทราบพี่ๆเพื่อนๆ ทราบไหมครับ ว่าทั้งสามเป็นญาติกันยังไงครับ
ถ้าไปดูประวัติ ทำไมทั้งสาม จึงมีแนวทางการดำเนินชีวิต ใกล้เคียงกันเช่นนั้น
ทั้งสามก็ไม่ใช่คนจนแต่ทำเพื่อคนจนเยอะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มนิดหน่อย ก็ตามไปดูได้ครับ
http://dcopywriter.wordpress.com/2007/1 ... %e0%b8%b4/
แล้วทำให้อย่างรู้เรื่องความสัมพันธ์ของคุณวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ นักเคลื่อนไหวภาคประชาชนระดับแนวหน้า NGOs คนหลักคนหนึ่ง ของประเทศไทย และคุณวันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ บรรณาธิการ นิตยสารสารคดี และคุณลัดดาวัลย์ ตันติวิทยาพิทักษ์ นักสิทธิมนุษยชน นักวิชาการอิสระ ชื่อดังอีกท่าน
ยังหาคนมาช่วยตอบไม่ได้ รบกวนด้วยนะครับ
ไม่ทราบพี่ๆเพื่อนๆ ทราบไหมครับ ว่าทั้งสามเป็นญาติกันยังไงครับ
ถ้าไปดูประวัติ ทำไมทั้งสาม จึงมีแนวทางการดำเนินชีวิต ใกล้เคียงกันเช่นนั้น
ทั้งสามก็ไม่ใช่คนจนแต่ทำเพื่อคนจนเยอะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ
ถ้าต้องการรายละเอียดเพิ่มนิดหน่อย ก็ตามไปดูได้ครับ
http://dcopywriter.wordpress.com/2007/1 ... %e0%b8%b4/
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 2
ดีใจที่มีคนตั้งกระทู้นี้
ว่าจะนอนพักให้หายหวัดเสียหน่อย
เห็นกระทู้ต้องรีบเข้ามาแจมครับ
บุคคลที่คุณ Copywriter เอ่ยมา เป็นพี่น้องกัน
รู้สึกจะขาดอีกหนึ่งคนคือ คุณมณี น้องสาวอีกคนของคุณวนิดา
ถ้าอยากจะรู้ว่าทำไมพี่น้องทั้งหมดจึงมีแนวคิดการดำเนินชีวิตและวิถีปฎิบัติ
คงหาอ่านในเวปไซค์หรือหนังสือของเธอได้กระมัง
กูรูเองได้เขียนไว้อาลัยเธอในบล็อกส่วนตัวดังนี้
และใช้ชีวิตทำงานภาคสังคมประชาชนเช่นกัน
คือลูกแก้ว-ลูกขวัญ
ใครรู้มั้ยเอ่ยว่า พี่น้องคู่นี้คือใคร
ว่าจะนอนพักให้หายหวัดเสียหน่อย
เห็นกระทู้ต้องรีบเข้ามาแจมครับ
บุคคลที่คุณ Copywriter เอ่ยมา เป็นพี่น้องกัน
รู้สึกจะขาดอีกหนึ่งคนคือ คุณมณี น้องสาวอีกคนของคุณวนิดา
ถ้าอยากจะรู้ว่าทำไมพี่น้องทั้งหมดจึงมีแนวคิดการดำเนินชีวิตและวิถีปฎิบัติ
คงหาอ่านในเวปไซค์หรือหนังสือของเธอได้กระมัง
กูรูเองได้เขียนไว้อาลัยเธอในบล็อกส่วนตัวดังนี้
สำหรับพี่น้องอีกคู่หนึ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ดาวยังพรายอยู่จนฟ้ารุ่งราง
เธอชื่อ วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์
ไม่รู้จักเธอส่วนตัว
แต่เห็นเธอปรากฏกายบ่อยๆในที่สาธารณะ
ไม่ว่าในสถานะนักร้องหญิงวงกรรมาชน
นักคิดนักเขียนในเวทีอภิปราย
นักต่อสู้ของสมัชชาคนจน
บทบาทของเธอตลอด 52 ปีที่กาลเวลาให้มา
มีทั้งคนชมชอบและสนับสนุน
คนชังและแคลนใจ
แต่ไม่ว่าอะไรก็ตาม
คืนและวันได้ยืนบันแล้วว่า เธอคือตัวจริงเสียงจริง
ที่ประกาศจุดยืนอย่างกล้าหาญ
ปาฐกถาประจำปีของมูลนิธิ โกมล คีมทอง
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540
"ทำไมต้องช่วยคนจน"
สะท้อนตัวตนของเธอได้ดีที่สุด
http://www.fringer.org/?p=301
วนิดา เคยขีดเขียนบทบาทของตนเป็นเพียงแค่ หิ่งห้อย
ในถ้อยความเรียงเหล่านี้
ฉันคือหิ่งห้อย
ฉันจะเรืองแสงในยามที่ทุกสิ่งมืดมิด
ฉันจะบินว่อนฉวัดเฉวียน
เฝ้าดูความเป็นไปของสรรพสิ่งอย่างเงียบสงบ
ฉันจะมีอุเบกขาในสิ่งที่พบเห็น
จะไม่ยินดีหรือยินร้ายต่อทุกข์โศกหรือรื่นรมย์
ฉันภาวนาขอให้ผู้คนที่ทนทุกข์และตัวฉัน
ได้หลุดพ้นจากโซ่ตรวนของกิเลสและตัณหา
ฉันภาวนาให้พ่อแม่พี่น้องของฉัน หลานของฉัน
เป็นเช่นหิ่งห้อย
เรืองแสงร่วมกันบนหนทางธรรม
ฉันจะร่วมกับหิ่งห้อยนับล้านล้าน
ทอแสงสร้างขวัญขี้นแทนหมู่ดาว
คราเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงพราว
หิ่งห้อยน้อยค่อยจากจร.
วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์
20 กันยายน 2546
เขียนขึ้นจากแรงบันดาลใจในการเข้าฝึกปฏิบัติธรรม
ณ ศูนย์ฝึกอบรมวิปัสสนากรรมฐานโกเอ็นก้า..
สำหรับเรา เธอคือ ดวงดาวพราวแสงที่ส่องสว่างอยู่เบื้องบนตลอดไป
หลับให้สบายเถอะ วนิดา
เธอเหนื่อยมามากแล้ว
หลับตาแล้วผ่อนลมหายใจช้าลง...ช้าลง
และใช้ชีวิตทำงานภาคสังคมประชาชนเช่นกัน
คือลูกแก้ว-ลูกขวัญ
ใครรู้มั้ยเอ่ยว่า พี่น้องคู่นี้คือใคร
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณ พี่กูรูฯ ครับที่เข้ามาตอบ
ลูกแก้ว-ลูกขวัญ
รู้มั้ยเอ่ยว่า พี่น้องคู่นี้คือใคร
คำถามนี้ของท่านพี่ ของเดาว่า
เป็นสองท่านนี้ คือ คู่แฝด แก้วขวัญ-ขวัญแก้ว วัชโรทัย
ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ปฏิบัติหน้าที่นี้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน เป็นเลขาธิการพระราชวังคนที่ 5
ส่วนท่านขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ
ทั้งคู่เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2471 เป็นบุตรของพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (การ์ด วัชโรทัย) และท่านผู้หญิงอนุรักษ์ราชมณเฑียร (พัว วัชโรทัย) ชื่อ แก้วขวัญ-ขวัญแก้ว เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทั้งคู่ ทำงานรับใช้ในหลวงซึ่งก็ทำเพื่อประชาชนและทำประโยชน์ให้ประเทศมหาศาล เช่นกันครับ
ไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ครับ
ลูกแก้ว-ลูกขวัญ
รู้มั้ยเอ่ยว่า พี่น้องคู่นี้คือใคร
คำถามนี้ของท่านพี่ ของเดาว่า
เป็นสองท่านนี้ คือ คู่แฝด แก้วขวัญ-ขวัญแก้ว วัชโรทัย
ท่านแก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการพระราชวัง ปฏิบัติหน้าที่นี้ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2530 จนถึงปัจจุบัน เป็นเลขาธิการพระราชวังคนที่ 5
ส่วนท่านขวัญแก้ว วัชโรทัย รองเลขาธิการพระราชวัง ฝ่ายกิจกรรมพิเศษ
ทั้งคู่เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2471 เป็นบุตรของพระยาอนุรักษ์ราชมณเฑียร (การ์ด วัชโรทัย) และท่านผู้หญิงอนุรักษ์ราชมณเฑียร (พัว วัชโรทัย) ชื่อ แก้วขวัญ-ขวัญแก้ว เป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทั้งคู่ ทำงานรับใช้ในหลวงซึ่งก็ทำเพื่อประชาชนและทำประโยชน์ให้ประเทศมหาศาล เช่นกันครับ
ไม่แน่ใจว่าถูกหรือไม่ครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณ คุณกูรูขอบสนามมากครับ ที่ได้ให้ลิงค์บทความมาอ่าน
ผมไม่เคยติดตามข่าวเหล่านี้เลยครับ และยอมรับว่าเคยรำคาญด้วย ว่าเขามาประท้วงกันทำไม
ทำไมเราต้องช่วยคนจน เป็นเรื่องที่น่าคิดมากครับ
เราควรให้โอกาสความเท่าเทียม มากกว่าเงิน
ถ้าโลกเรา มีคนที่พยายามคิดถึงผู้อื่นให้มากขึ้น คิดถึงตัวเองให้น้อยลง
โลกคงน่าอยู่ขึ้นกว่านี้มากครับ
ขอไว้อาลัยแด่คุณวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ด้วยครับ
ผมไม่เคยติดตามข่าวเหล่านี้เลยครับ และยอมรับว่าเคยรำคาญด้วย ว่าเขามาประท้วงกันทำไม
ทำไมเราต้องช่วยคนจน เป็นเรื่องที่น่าคิดมากครับ
เราควรให้โอกาสความเท่าเทียม มากกว่าเงิน
ถ้าโลกเรา มีคนที่พยายามคิดถึงผู้อื่นให้มากขึ้น คิดถึงตัวเองให้น้อยลง
โลกคงน่าอยู่ขึ้นกว่านี้มากครับ
ขอไว้อาลัยแด่คุณวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ด้วยครับ
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 5
ข้างบนนี้คือบทกล่าวไว้อาลัยแด่ มด วนิดาวันนี้ มดเขาไปสบายแล้ว มดไปด้วยความอบอุ่น มดเป็นที่รักของคนทั่วไป ไม่ได้เป็นที่รักอย่างเดียวเท่านั้น แต่เป็นทั้งที่รักและเคารพ
ผมรู้จักมดมาเกือบ 20 ปี และผมถือว่าเป็นบุญของผม ที่ตามปกติแล้วคงจะไม่โคจรมาพบกัน การได้มาพบกับมดนั้น มดเป็น ผู้ให้ ผมมากกว่าผมเป็นผู้ให้เขา มดอาจจะไม่รู้ตัวว่าให้อะไรแก่ผม แต่ผมรู้ีดี... สิ่งที่มดให้ผม และสิ่งที่ผมยอมรับความดีความงามของมด มันทำให้ชีวิตของผมมีความสุขมากขึ้น มันทำให้ชีวิตของผมมีความสมบูรณ์มากขึ้น
มดจากเราไป เมื่อวานผมไปเยี่ยมอยู่ ได้เห็นใบหน้าได้เห็นอากัปกิริยาแล้ว รู้สึกว่ามดเหนื่อยมามากแล้วชีวิตนี้เป็นนักต่อสู้ เป็นนักเคลื่อนไหว นักปฏิบัติ สิ่งที่มดต่อสู้นั้นไม่ใช่ต่อสู้เพื่อทรัพย์สิน ไม่ได้ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ หรือเพื่อครอบครัวเพื่อนฝูง แต่เขายึดถือหลักการ เขายึดถือปรัชญาชีวิต
มันเป็นการง่ายสำหรับคนที่ร่ำรวยแต่ให้กับคนจน แต่สิ่งที่มดให้นั้นไม่ใช่ทรัพย์สินหรือสิ่งของ สิ่งที่มดให้กับคนทั่วไปคือ ให้เขายืนหยัดต่อสู้ มดต่อสู้มาตลอดชีวิตในเรื่องสิทธิมนุษยชน ต่อสู้เพื่อคนจน คนยากไร้ คนด้อยโอกาส คนเสียสิทธิ คนถูกรังแก คนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ซึ่งยังมีอยู่ในประเทศไทยอีกมากมาย
วันนี้เรามาเคารพศพของ วนิดา หรือ มด เพื่อนรักของเรา และเรารำลึกถึงคุณความดีที่เขาทำมาตลอดชีวิต และพวกเราทั้งหลายถ้าสามารถทำได้เพียงครึ่งหนึ่งของที่มดทำมาในระยะ 30 กว่าปี เราก็คงจะไปสบาย ผมขอให้บุญกุศลที่มดทำมาในชีวิตนี้ ทำจนกระทั่งเขาเสียไป ทำจนหมดแรงไป ขอให้บุญกุศลนี้ นำมดไปสู่สัมปรายภพ
จากอดีตนายกรัฐมนตรี อานันท์ ปันยารชุน
ในคืนวันสวดอภิธรรมศพ
เอามาให้เพื่อนๆอ่านกัน
รวมบทสัมภาษณ์ : มด ในความทรงจำ
ส่วนลูกแก้ว ลูกขวัญที่กูรูกล่าวถึงนั้น
คุณ CopyWriter ทายใกล้เคียงครับ
เพียงแต่ทั้ง 2 ท่าน ยังไม่ได้เล่นบทบู๊เข้าถึงภาคประชาสังคมโดยตรง
ลูกแก้ว-ลูกขวัญ ที่สวมบทเด็ดเผ็ดมันคู่นี้
ก็คือ อจ.แก้วสรร -อ.จ. ขวัญสรวง อติโพธิ์
อดีตสว.คนพี่ และว่าที่ สว. คนน้อง (หากไม่เกิดปฏวัติ 19 กันยายน เสียก่อน)
เคยดูรายการสัมภาษณ์พี่น้องทั้งคู่ถึงชาติกำเนิด
การปลูกฝังอบรมจากครอบครัวที่มีพ่อเป็นผู้พิพากษาที่เที่ยงตรง
การเติบโตหล่อหลอมความคิดจากสังคมชนบท
ตามสถานที่ที่บุพการีย้ายตำแหน่งงานไปดำรง
ทำให้อาจารย์ทั้งสองมีมุมมองเกี่ยวกับการเมืองภาคประชาชนที่เข้มข้น
เอาจริงเอาจังกับการตรวจสอบ ปากกล้าไม่แพ้กัน
เป็นลูกแก้ว-ลูกขวัญของแผ่นดินตามที่ อจ.ชัยอนันต์ สมุทวณิชให้ฉายา
ซึ่งหลายคนก็เห็นพ้อง
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 7
พี่กูรูฯครับ
on my blog ครับ
-------------------
วันชัย ตัน Says:
December 26, 2007 at 2:58 pm edit
ครอบครัวตันติวิทยาพิทักษ์ มีพี่น้อง 7 คน เป็นชาย 4 และหญิง 3 ลูกคนโตชื่อ สุรชัย วนิดาเป็นลูกคนที่สอง รองลงมาคือลัดดาวัลย์ มณี สมชาย วันชัย และพรชัย ครับ
--------------------
ขอบคุณพี่ๆ ทุกๆท่านครับ โดยเฉพาะพี่วันชัย ที่ทำให้กระจ่าง
on my blog ครับ
-------------------
วันชัย ตัน Says:
December 26, 2007 at 2:58 pm edit
ครอบครัวตันติวิทยาพิทักษ์ มีพี่น้อง 7 คน เป็นชาย 4 และหญิง 3 ลูกคนโตชื่อ สุรชัย วนิดาเป็นลูกคนที่สอง รองลงมาคือลัดดาวัลย์ มณี สมชาย วันชัย และพรชัย ครับ
--------------------
ขอบคุณพี่ๆ ทุกๆท่านครับ โดยเฉพาะพี่วันชัย ที่ทำให้กระจ่าง
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 8
ขอไว้อาลัยด้วยคนคับคุณวนิดาที่จากไป
เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่เค้า...เร็วๆนี้ก็ลงในไทยโพสต์มั้งคับ
เมืองไทยมีหญิงเก่งนักต่อสู้หลายท่าน
แต่บางท่านก็ไม่อาจเอ่ยนามได้
หลายเรื่องที่เคลื่อนไหวก็กระทบกับบรรยากาศการลงทุน
หลายท่านก็ถูกกล่าวหาว่ารับเงินมาเคลื่อนไหวเพื่อดิสเครดิตชาติ(รัฐบาล)
ส่วนลูกแก้วลูกขวัญนั้น
ผมก็ชอบสไตล์บู๊ๆแบบโหดมันส์ฮาของท่านคับ
เมืองไทยต้องมีคนแบบนี้เยอะๆไว้คะคานกับท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย
เคยอ่านบทสัมภาษณ์ของพี่เค้า...เร็วๆนี้ก็ลงในไทยโพสต์มั้งคับ
เมืองไทยมีหญิงเก่งนักต่อสู้หลายท่าน
แต่บางท่านก็ไม่อาจเอ่ยนามได้
หลายเรื่องที่เคลื่อนไหวก็กระทบกับบรรยากาศการลงทุน
หลายท่านก็ถูกกล่าวหาว่ารับเงินมาเคลื่อนไหวเพื่อดิสเครดิตชาติ(รัฐบาล)
ส่วนลูกแก้วลูกขวัญนั้น
ผมก็ชอบสไตล์บู๊ๆแบบโหดมันส์ฮาของท่านคับ
เมืองไทยต้องมีคนแบบนี้เยอะๆไว้คะคานกับท่านผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 9
ขอสดุดีอีกครั้งหนึ่งคับ..
ชีวิตและความตายของวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์
one ton
วันชัย ตัน
พ่อของมด หรือวนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ได้เคยบอกกับผู้เขียน หลังจากทราบว่าลูกสาวคนโตป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย และไม่มีทางรักษาแล้วว่า
ลูกสาวคนนี้ ลำบากมาตลอดชีวิต
มดป่วยเป็นโรคร้ายมานานแล้ว
ประมาณปี 2547 มดเคยบอกเพื่อนสนิทว่า คลำเจอก้อนเนื้อบริเวณหน้าอก เพื่อนได้บอกมดให้ไปตรวจร่างกาย แต่ช่วงเวลานั้น เธอต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปพบปะพี่น้องคนจนทั่วประเทศที่ขอคำปรึกษาในการแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้น
คนทั่วไปอาจจะทราบว่ามดทำงานต่อสู้เคียงข้างชาวบ้านปากมูน เพื่อเรียกร้องสิทธิอันชอบธรรมมาตลอดระยะเวลาสิบกว่าปี
แต่หลายคนคงไม่ทราบว่าเธอเข้าไปช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาชาวบ้านที่ต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม ไม่ว่ากรณีท่อก๊าซ ปตท.ที่กาญจนบุรี สงขลา กรณีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่บ่อนอกและบ้านกรูด กรณีการสร้างเขื่อนแก่งเสือเต้น เขื่อนสาละวิน เขื่อนสิรินธร ไปจนถึงบรรดาผู้ป่วยจากมลพิษในโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ จนสามารถรวมตัวเป็นองค์กรชาวบ้านเข้มแข็งที่สุดในนามของสมัชชาคนจน
พี่มดไม่เคยปฏิเสธคนเหล่านี้ที่มาขอคำปรึกษาในการเคลื่อนไหวเรียกร้องความชอบธรรม แม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง
ผู้เขียนจำได้ดีว่า เมื่อหลายปีก่อนที่ชาวบ้านบ่อนอกประท้วงโดยการปิดถนน รองอธิบดีกรมตำรวจคนหนึ่งได้โทรศัพท์ทางไกลมาหาพี่มด เพื่อขอร้องให้เป็นตัวกลางไปช่วยเจรจากับชาวบ้าน
จากบ้านไปอยู่อีสานนานหลายเดือน กลับมาบ้านเห็นหน้าพ่อแม่ได้ไม่กี่ชั่วโมง เที่ยงคืนนั้นเธอก็เก็บเสื้อผ้าเตรียมลงใต้อีกครั้งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือทั้งฝ่ายรัฐและฝ่ายชาวบ้าน
ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ ได้ทำให้คนยากคนจนจำนวนมากที่เคยเกรงกลัวเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ที่เคยตัวสั่นงันงกเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลในเครื่องแบบ ได้รู้สึกถึงสิทธิในความเป็นคนที่เท่าเทียมกัน กล้าลุกขึ้นมาเรียกร้องความถูกต้อง กล้าพูดจาตอบโต้บุคคลระดับผู้ว่าราชการจังหวัดไปถึงระดับรัฐมนตรีอย่างไม่หวั่นเกรง
ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ เคยถูกคู่กรณีที่เขื่อนปากมูนใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นเมียน้อย กระทั่งพิมพ์ใบปลิวร่อนไปทั่วเมืองอุบลฯกล่าวหาว่าเป็นชู้กับผู้นำชาวบ้าน และรับเงินต่างชาติมาเคลื่อนไหว ไม่ให้เมืองไทยมีการพัฒนา
หลายปีก่อนน้องชายคนหนึ่ง ได้มอบรถแวนโตโยต้าสีขาวเก่าๆ คันหนึ่ง เพื่อสนับสนุนการทำงานของพี่สาว ปรากฏว่าคู่กรณีไปปล่อยข่าวออกตามวิทยุกระจายเสียงว่า นังวนิดาเอาเงินที่ได้จากต่างชาติไปออกรถแกรนด์เชอโรกีสีขาว ป้ายแดงคันละหลายล้านบาท
ผู้หญิงคนนี้มีพ่อเป็นเพื่อนรุ่นน้องนายธนาคารที่ชื่ออุเทน เตชะไพบูลย์ เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน อาศัยอยู่บนถนนสีลมตั้งแต่เด็ก และเรียนโรงเรียนอัสสัมชัญศึกษาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-มัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนมาจบระดับมัธยมปลายที่โรงเรียนสตรีมหาพฤฒาราม
แม้ว่าพ่อจะเป็นเจ้าของโรงงานยากันยุงขนาดเล็ก แต่กิจการในช่วงหลังไม่ค่อยดี และยังต้องส่งเสียลูกๆ ให้เรียนหนังสือ 7 คน มดในฐานะลูกสาวคนโตจึงต้องคอยเลี้ยงดูน้องๆ ที่ยังเล็กอีก 5 คน แม้ว่าในขณะนั้นเธอได้เข้าร่วมทำกิจกรรมทางการเมือง ในระหว่างเป็นนักเรียนช่วงเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
ปี พ.ศ.2517 มดสอบเอ็นทรานซ์ติดคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่สามปีแรกในชีวิตมหาวิทยาลัย เธอเป็นเด็กกิจกรรมแถวหน้าสุด ไปเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับกรรมกรตามโรงงานต่างๆ โดยเฉพาะคนงานโรงงานผลิตกางเกงฮาร่า จนถูกตำรวจจับติดคุกหลายวัน
วันที่ 6 ตุลาคม 2519 เมื่อกระทิงแดงและตำรวจบุกเข้ามามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มดเป็นนักศึกษาคนแรกๆ ที่ทางการหมายหัว ต้องการตัวมากที่สุด แต่โชคดีที่พรรคพวกเอาตัวไปซ่อนไว้ในบ้านแห่งหนึ่งแถวท่าพระจันทร์ ก่อนที่มดจะตัดสินใจเข้าป่าเช่นเดียวกับเพื่อนนักศึกษาหลายพันคน
สามปีกว่าผ่านไป มดออกจากป่า กลับมาเรียนหนังสือต่อ และย้ายมาเรียนจนจบคณะรัฐศาสตร์ แต่เป็นช่วงเวลาที่พ่อถูกจับ ถูกฟ้องล้มละลาย เพราะไปเซ็นเช็คค้ำประกันให้กับเพื่อน มดและพี่น้องคนอื่นต้องช่วยทำงานหาเงินมาใช้หนี้ มดทำงานทุกอย่างตั้งแต่เป็นแม่ค้าหาบเร่ เป็นไก๊ด์บริษัททัวร์ ขายประกันชีวิต เพื่อหาเงินให้กับครอบครัว
พอมรสุมในครอบครัวผ่านไป มดในวัยสามสิบต้นๆ ผู้มีแววจะประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจ ได้ตัดสินใจละทิ้งความสุขสบายส่วนตัว กลับไปทำงานกับคนยากคนจนตามความเชื่อ ตามอุดมคติอีกครั้งหนึ่ง
ความเชื่อที่ว่า ความยากจนไม่ได้เกิดจากเวรกรรม แต่เกิดจากความไม่เป็นธรรม
มดไม่ได้ต่อสู้เพื่อคนจนเพียงอย่างเดียว แต่มดปลุกให้คนจนลุกขึ้นต่อสู้กับความไม่ชอบธรรม
มดเป็นเอ็นจีโอไม่กี่คนที่นอนกลางดิน กินบนพื้นถนน และเดินทางด้วยรถไฟชั้นสามกับชาวบ้าน
มดเป็นเอ็นจีโอไม่กี่คนที่กล้าทำงานร้อน เสี่ยงต่อการถูกจับ และถูกใส่ร้ายป้ายสี
มดตกเป็นผู้ต้องหาร่วมกับชาวบ้านหลายคดี โดยมีการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นโจทก์ และยังถูกอดีตผู้ว่าฯ กทม. และหัวหน้าพรรคการเมืองในปัจจุบัน ฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท
มดยังเคยถูกนักข่าวอาวุโส ผู้เป็นขาใหญ่ประจำทำเนียบรัฐบาลด่าประจานต่อหน้าคนอื่นๆ ว่าเป็นพวกรับเงินต่างชาติมาบ่อนทำลายประเทศ
แต่มดก็อดทนมาโดยตลอด ด้วยความเชื่อว่า การต่อสู้เพื่อเปลี่ยนแปลงปัญหาเชิงโครงสร้างนั้น ต้องใช้เวลาอันยาวนาน
สามสิบกว่าปีที่ผ่านมา มดไม่เคยเปลี่ยน ยังแบกรับปัญหาของคนยากคนจนมาโดยตลอด ขณะที่เพื่อนๆ ฝ่ายซ้ายหลายคนเป็นนักธุรกิจ หลายคนกลายเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี
ก่อนการเลือกตั้ง คนเหล่านี้รับปากที่จะช่วยเหลือคนจนทุกเรื่อง แม้กระทั่งเดินมากินส้มตำกับชาวบ้านปากมูนหน้าทำเนียบ แต่พอมีอำนาจขึ้นมา นักการเมืองทุกพรรคทำเหมือนกันหมด
คืออยู่เคียงข้างฝ่ายราชการ ทำให้องค์กรชาวบ้านแตกแยก ทำให้ขบวนการของคนจนอ่อนแอให้มากที่สุด และกล่าวหาว่ามดเป็นนายหน้าค้าความจน
แต่มดก็ยังยืนหยัดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมาโดยตลอด มดไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมจำนนง่ายๆ แม้ว่าสุขภาพจะทรุดหนักลงเรื่อยๆ
กระทั่งเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2549 มดได้บอกกับน้องชายคนสุดท้องว่า ร่างกายไม่ไหวแล้ว ให้พาไปโรงพยาบาล และหมอได้ตรวจพบว่าเธอป่วยเป็นมะเร็งเต้านมระยะสี่ จึงเข้ารับการรักษาด้วยเคมีบำบัด ร่วมกับการผ่าตัดและการฉายรังสีซ้ำจนอาการดีขึ้นในช่วง 3-4 เดือนถัดมา
มดไม่ได้บอกใคร ด้วยเกรงว่าจะมีคนเป็นห่วง แต่พยายามรักษาตัวอย่างเงียบๆ ที่บ้านน้องชายร่วมสองปี
แต่ช่วงหลังมดมีอาการไอถี่ๆ ขึ้น พี่น้องจึงพามาพบแพทย์ และได้ตรวจพบว่าโรคร้ายมีการแพร่กระจายไปที่ปอดทั้งสองข้าง ราวเดือนกุมภาพันธ์ 2550 มดได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัดในโครงการทดลองยาเคมีบำบัดตัวใหม่ล่าสุด ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ภายหลังการใช้ยามากว่า 7 เดือน พบว่าเซลล์มะเร็งในปอดโตขึ้น จึงได้ตัดสินใจร่วมกับแพทย์ยุติการรักษาด้วยการใช้ยาเคมี เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ช่วงหลังมดเริ่มมีอาการน้ำท่วมปอด หายใจลำบาก เหนื่อยง่าย ไม่สามารถเอนตัวนอนได้ แพทย์ได้เจาะเอาน้ำในปอดทั้งสองข้างออกเป็นระยะ และพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลรามาธิบดี แต่อาการกลับทรุดลงตามลำดับ จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และสื่อสารด้วยการพยักหน้าหรือส่ายหน้าได้
อาทิตย์สุดท้ายมดยังอดทนต่อสู้กับโรคร้าย เพื่อไม่ให้พ่อแม่พี่น้องที่สู้เพื่อช่วยชีวิตของมดมาโดยตลอดต้องผิดหวัง
ก่อนเที่ยงของวันที่ 6 ธันวาคม ความดันของมดลดต่ำลงมาก ชีพจรเต้นแผ่วเบา พ่อแม่ผู้จับมือลูกอยู่ข้างเตียงโดยตลอด มากระซิบข้างหูลูก บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพ่อแม่ พี่น้องทุกคนดูแลเป็นอย่างดี
ไม่กี่นาที มดจากไปด้วยความสงบเป็นนิรันดร์
คนโบราณเคยพูดว่า
น้ำตาของลูกเมื่อพ่อแม่ตาย จะไม่มากเท่ากับน้ำตาของพ่อแม่เมื่อเห็นลูกตาย
แม่กอดลูกร่ำไห้อย่างไม่อายฟ้าดิน
ดวงตาของพ่อแดงก่ำ และพูดว่า
มดไปสวรรค์แล้ว
ตีพิมพ์ครั้งแรก: หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2550
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
อาลัย วนิดา ตันติวิทยาพิทักษ์ ผู้หญิงตุลา ผู้ไม่เคยเปลี่ยน
โพสต์ที่ 11
เป็นคนที่มีความสุขในชีวิตเพราะรู้ว่าชีวิตต้องการอะไร
สุดยอดคน....
สุดยอดคน....
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่