การหามูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน

[Magnify]

การหามูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐาน
การหามูลค่าหุ้นตามปัจจัยพื้นฐานเค้าทำกันอย่างไรเป็นเวลากว่าขวบปีที่ผมพยายามหาคำตอบ สุดท้ายก็ได้คำตอบว่าต้องกะเอาเอง
เมื่อต้นปีที่แล้วเป็นปีทีผมเริ่มศึกษาที่จะลงทุนในตลาดทุนสิ่งแรกที่ผมได้รับคำแนะนำคือ ต้องรู้ปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่คุณจะลงทุน เหมือนกับการตรวจดูสุขภาพของกิจการเพื่อจะได้สามารถตีราคาได้ว่ากิจการนั้นเราควรซื้อด้วยราคาเท่าไรจึงจะเหมาะสม
เริ่มต้นผมศึกษาวิธีการอ่านงบการเงินศึกษาที่มาของแหล่งเงินทุน การใช้ทุนไปเพื่อการลงทุน ในส่วนของงบดุลเพื่อดูความเหมาะสมของแหล่งที่มาและการใช้ไปของเงินทุน ต่อมาผมเริ่มดูงบกำไรขาดทุนศึกษารายได้และกำไรของบริษัทมาจากการดำเนินงานหรือมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากการดำเนินงาน และศึกษาการบริหาร การจัดการค่าใช้จ่ายของกิจการเป็นอย่างไร ต่อจากนั้นผมได้เริ่มเข้าไปดูในส่วนของงบกระแสเงินสดว่ากำไรที่ได้จากการดำเนินงานนั้นเป็นเงินสดรับเข้ามาเท่าไร หรือส่วนมากจะอยู่ในรูปของ accrual basis และผมก็ไม่ลืมที่จะศึกษาดูงบแสดงการเปลี่ยนแปลงของผู้ถือหุ้น หมายเหตุประกอบงบการเงิน และรายงานการตรวจสอบของผู้ตรวจสอบบัญชี
จากที่ผมศึกษามามันเป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานซึ่งถ้ามองจากมุมมองตรงนี้ผมสามารถที่จะพอวิเคราะห์และบอกได้ว่าบริษัทไหนสุขภาพดีหรือไม่ดีได้ในระดับหนึ่ง และสามารถวิเคราะห์ดูแนวโน้มจาการวิเคราะห์อุตสาหกรรมได้ แต่สิ่งที่ผมยังศึกษาและหาไม่พบคือการหามูลค่าที่ควรจะเป็นของหุ้นตัวนั้น คือผมสามารถพอที่จะมองออกว่าหุ้นตัวไหนพื้นฐานของเค้าดี แต่ผมไม่รู้ว่าราคาตามปัจจัยพื้นฐานควรเป็นเท่าไรซึ่งจากการที่สอบถามเพื่อนๆที่จบ MBA เค้าก็บอกกันว่าก็ใช้กะเอา แล้วผมจะรู้ได้อย่างไรว่าราคาตอนนี้มันสูงกว่าที่มันควรจะเป็นแล้วหรือยัง ผมซึ่งเรียนจบมาทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ไม่เคยมีพื้นฐานด้านนี้มาก่อนจึง งงๆอยู่ ผมขอรบกวนพี่ๆทุกคนที่มีความรู้ช่วยแนะนำด้วยครับ

[Chlorophyle]

วิธีหามูลค่าหุ้นตามปัจจีบพื้นฐานเนี่ย เดี๋ยวรอเพื่อนๆในนี้มาตอบให้แล้วกันคงละเอียดกว่า ส่วนตัวผมคิดคร่าวๆอย่างนี้ครับ
(เงินสด+สินทรัพย์-หนี้)/จำนวนหุ้น = มูลค่าหุ้น
ไม่แน่ใจว่าวิธีคิดแบบนี้ถูกหรือเปล่า ถ้าไม่ใช่ วาน(พี่ๆ)บอก

[จอมยุทธ]

คาดการณ์มูลค่าที่จะได้รับ แล้วทอนกลับมาให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน

[จอมยุทธ]

คาดการณ์มูลค่าที่จะได้รับ แล้วทอนกลับมาให้เป็นมูลค่าปัจจุบัน

ผมจบม.6นะ

[Minesweeper]

ของคุณ Chlorophyle มันก็คือ book value นั่นแหละครับ

[โอ@]

แต่ว่าเวลาผมดู
ผมจะดูว่า
market cap ใหญ่หรือยัง ถ้าใหญ่แล้วโอกาสที่จะกำไรแบบเท่าตัว เป็นไปได้ยาก
จะพยายามหาตัวที่ market cap ของมันยังไม่ใหญ่มากเท่าไรนัก

แล้วก็จะดูความสามารถในการทำกำไร
มากกว่าการดู ที่สินทรัพย์ - หนี้สิน

อยากถือตัวนึงนานๆ แล้วขึ้นมาแบบทวีคูณมากกว่าให้มันขึ้นแค่เท่าตัวเดียว....

แต่ก็อีกแหละ
เสี่ยงมากๆก็ไม่ดี เสี่ยงแบบนี้ไม่ถึงสามสิบเปอร์เซนต์ของพอร์ตเท่านั้น

[Chachacha]

ผมเคยอ่านหนังสือของ Buffet หรืออ่านที่นี่แหละ จำไม่ได้ เค้าบอกไว้น่าสนใจ ส่วนตัวผมเลยให้การเทคนิคประมาณมูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานของกิจการไว้ที่ 2 จุดครับ คือ (ความคิดเห็นส่วนตัว)

1. ราคาแนวรับ - ผมจะใช้มูลค่าของส่วนของผู้ถือหุ้นกิจการจริง ๆ หรือถ้ากิจการไหนดีมีกำไรเรื่อย ๆ ผมจะให้ P/E แค่ไม่เกิน 6 หรือ BV เป็นจุดรับ เสมือนว่า ถ้าหุ้นตกมาในราคานี้แล้ว ผมสามารถซื้อทั้งบริษัท แล้วสามารถขายทรัพย์สินทุกอย่างออกตลาดได้ในราคาที่มากกว่า (ก็ต้องมีความรู้เรื่องการดูงบดุลและต้องทราบรูปแบบการลงบัญชีของบริษัทด้วยครับ)

2. ราคาเป้าหมาย - ผมเคยอ่านว่า มูลค่าของบริษัทสามารถดูได้จาก "ถ้าเราต้องการทราบมูลค่าของบริษัท A ณ เวลา B ให้ดูว่า จะต้องใช้เงินเท่าไหร่ ในเวลา B ถึงจะสามารถสร้างกิจการให้มีทุกอย่างเหมือนกับ A ได้ทัดเทียมกัน" นี่แหละคือมูลค่าของ A ที่เป็นเป้าหมายของผม

เช่น ผมถือ EGCOMP ผมคาดว่า ทึ่ราคา BV=49 คือจุดที่ไม่น่าจะลงไปถึง ดังนั้น ถ้าหุ้นลงมาถึงจุดนี้ ผมก็จะไม่ขาย แต่จะซื้ออีกให้มากเท่าที่จะมากได้ ตราบใดที่ความสามารถในการทำกำไรของกิจการยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี

เช่นเดียวกัน จากข้อมูลบางแหล่งบอกว่า ถ้าจะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ต้องลงทุนประมาณ 6-7แสน USD ต่อ MW ก็เทียบกับ EGCOMP ที่ราคาประมาณ 90-100 บาท ดังนั้น ถ้า EGCOMP ขึ้นมาถึงที่ราคานี้ ผมก็ต้องคิดถึงเรื่องการขายออก แล้วหาตัวอื่นที่ undervalue กว่า EGCOMP มาเป็นตัวแทน

นี่แหละครับ วิธีหามูลค่าตามปัจจัยพื้นฐานแบบผม มีแนวรับแนวต้านด้วย

[Stock Broker]

ตอบเจ้าของกระทู้นะครับ

ลองเปรียบเทียบหุ้นเป็นสินค้าทั่วไปดูนะครับ

เคยสงสัยมั้ยว่าทำไม มาม่า ซองละ 5 บาท แล้วเราถึงซื้อ ทำไมเขาไม่ขายแพงขึ้นเป็น 6 บาท หรือขายถูกลงเหลือ 4 บาท

ราคาสินค้ามันก็เป็นไปตามกลไกตลาด ราคาหุ้นก็เช่นกันครับ

[Tongue]

ของผมนี่เลยครับ หุ้นราคาเท่าไหร่ ลบ กำไรสะสม ออก ลบfixed asset ที่มีออก
เหลือเท่าไหร่ เอา ave earning 5 ปีล่าสุด ( หรือมากกว่า) มาหาร รับได้ก้อซื้อ ไม่ได้ก็รอ

วิธีนี้ผมว่าเหมาะกับ พวก cash cow business ไม่ค่อยมีหนี้ ธุรกิจค่อยเป็นค่อยไป ซื้อแล้วต้องถือยาวยาว ไม่งัน้ไม่คุ้ม