ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 6
ขอ 15% กำไร
แต่ดูท่าทางจะไม่ทัน ปีนี้ ช่วงเวลานี้ พอรทกำไรแค่ 8%
ต้องอีกเกือบเท่าตัว นี่ขนาดบริหารความเสี่ยงนำเงิน 10-15% ในพอร์ทไป "เล่นหุ้น" ความเสี่ยงสูงแล้วนะ ก็มีทั้งได้ ทั้งเสีย
ส่วนการจะ"ลงทุน"ให้ได้กำไร 15% นี่มันไม่ใช่ง่ายๆเลย :idea:
แต่ดูท่าทางจะไม่ทัน ปีนี้ ช่วงเวลานี้ พอรทกำไรแค่ 8%
ต้องอีกเกือบเท่าตัว นี่ขนาดบริหารความเสี่ยงนำเงิน 10-15% ในพอร์ทไป "เล่นหุ้น" ความเสี่ยงสูงแล้วนะ ก็มีทั้งได้ ทั้งเสีย
ส่วนการจะ"ลงทุน"ให้ได้กำไร 15% นี่มันไม่ใช่ง่ายๆเลย :idea:
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 7
ผมลงมาเกือบๆ full time ครับ
แล้วก็หาโอกาสทั้งทางหุ้น ทางการศีกษา แล้วความสุขส่วนตัว
เพิ่มจากเวลาที่เพิ่มขึ้น :twisted:
แล้วก็หาโอกาสทั้งทางหุ้น ทางการศีกษา แล้วความสุขส่วนตัว
เพิ่มจากเวลาที่เพิ่มขึ้น :twisted:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 9
ไม่ได้เตรียมอะไรครับ ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม ถือ แล้วก็ขาย ในราคาที่อยากขาย
พี่ก็แค่พร้อมซื้อ พร้อมขายเมื่อถึงเวลาครับ
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และก็หวังอย่างยิ่ง ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร มาซ้ำเติม ประเทศจะได้เดินต่อได้ครับ
อย่างไรก็ตามพี่ก็ตั้งเป้าว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ต้องสามารถลงทุนต่อไปได้ครับ
นั่นหมายถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไร พี่ต้องสามารถฉกฉวยปัญหา เป็นโอกาสให้ได้ครับ
พี่ก็แค่พร้อมซื้อ พร้อมขายเมื่อถึงเวลาครับ
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และก็หวังอย่างยิ่ง ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร มาซ้ำเติม ประเทศจะได้เดินต่อได้ครับ
อย่างไรก็ตามพี่ก็ตั้งเป้าว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ต้องสามารถลงทุนต่อไปได้ครับ
นั่นหมายถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไร พี่ต้องสามารถฉกฉวยปัญหา เป็นโอกาสให้ได้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 10
เต็ม port อยู่เลยครับ รอขายอยางเดียว อิอิ
VI ฝึกหัด
-
- Verified User
- โพสต์: 181
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 11
Jeng เขียน:ไม่ได้เตรียมอะไรครับ ซื้อหุ้นที่ดี ในราคาที่เหมาะสม ถือ แล้วก็ขาย ในราคาที่อยากขาย
พี่ก็แค่พร้อมซื้อ พร้อมขายเมื่อถึงเวลาครับ
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด และก็หวังอย่างยิ่ง ว่าจะไม่มีปัญหาอะไร มาซ้ำเติม ประเทศจะได้เดินต่อได้ครับ
อย่างไรก็ตามพี่ก็ตั้งเป้าว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ก็ต้องสามารถลงทุนต่อไปได้ครับ
นั่นหมายถึง ไม่ว่าจะเกิดอะไร พี่ต้องสามารถฉกฉวยปัญหา เป็นโอกาสให้ได้ครับ
สุดยอดเลยครับพี่ VI ตัวจริงเลยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 347
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 15
เตรียมตัวให้พร้อมโดยการเข้ามาศึกษาหาความรู้ที่นี่ไงครับ
ตอนนี้คอยสะกดรอยตามเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ แต่ละคนอยู่ครับในห้องร้อยคนร้อยหุ้น
สั่งสมประสบการณ์ความรู้ในห้อง Value investing, ห้องบทความ และคลังกระทู้คุณค่า รวมถึงเลือกลงทุนในหนังสือจากร้อยคนร้อยเล่ม
สุดท้ายก็เตรียมตัวเตรียมใจรวมทั้งกระสุนเพื่อรอโอกาสที่จะมาเยือน
สุขสนต์และมีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้ :cheers:
ตอนนี้คอยสะกดรอยตามเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ แต่ละคนอยู่ครับในห้องร้อยคนร้อยหุ้น
สั่งสมประสบการณ์ความรู้ในห้อง Value investing, ห้องบทความ และคลังกระทู้คุณค่า รวมถึงเลือกลงทุนในหนังสือจากร้อยคนร้อยเล่ม
สุดท้ายก็เตรียมตัวเตรียมใจรวมทั้งกระสุนเพื่อรอโอกาสที่จะมาเยือน
สุขสนต์และมีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้ :cheers:
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 16
ขอใช้ทฤษฎีของ The Richest Man in Babylone นะครับ
ตอนนี้ผมแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรก 10 % >> เก็บลืม เผื่อไว้ยามฉุกเฉิน
สำหรับส่วนนี้ ปัจจุบันผมเก็บได้ส่วนหนึ่ง เท่าที่จำเป็นพอใช้จ่าย นอกนั้นลงหุ้นหมด แต่จริงๆอยากเก็บสำรองไว้เพิ่มสักนิด เผื่อค่าใช้จ่ายใน 3 เดือน
เผื่อมีอะไรไม่คาดคิด จะได้ไม่ต้องขายหุ้น มาซื้อข้าว
(ข้าวน่าจะแพงนะ ราคาเป็นหมื่อนเลย :lol: )
ส่วนที่ 2 >> 20 %ของเงินเอน ใช้จ่ายหนี้ที่มี
ตอนนี้ยังมีภาระหนี้เพื่อทางบ้าน แต่ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ อาจเกินบ้างนิดหน่อย
แต่ผมใช้วิธีลดเงินส่วนที่ 3 นั่นคือค่าใช้จ่าย (แต่ไม่ลดการลงทุน :lol: )
ส่วนที่ 3 ค่าใช้จ่าย และถ้าเหลือ ค่อยนำไปลงทุนในสิ่งที่เรารู้จัก และเข้าใจมันดี
ตอนนี้ พยายามลงทุนอย่างพอเพียง
พยายามควบคุมวินัยทางอารมณ์
พยายามเก็บเงินสดไว้บ้าง เผื่อตอนของถูกเต็มตลาด
จะได้มีเงินไว้ shop ของถูก
ชอบการลงทุนแบบ VI มากๆครับ
เพราะผมนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน
มีความสุขในการลงทุนนะครับผม :D
ตอนนี้ผมแบ่งรายได้ออกเป็น 3 ส่วน
ส่วนแรก 10 % >> เก็บลืม เผื่อไว้ยามฉุกเฉิน
สำหรับส่วนนี้ ปัจจุบันผมเก็บได้ส่วนหนึ่ง เท่าที่จำเป็นพอใช้จ่าย นอกนั้นลงหุ้นหมด แต่จริงๆอยากเก็บสำรองไว้เพิ่มสักนิด เผื่อค่าใช้จ่ายใน 3 เดือน
เผื่อมีอะไรไม่คาดคิด จะได้ไม่ต้องขายหุ้น มาซื้อข้าว
(ข้าวน่าจะแพงนะ ราคาเป็นหมื่อนเลย :lol: )
ส่วนที่ 2 >> 20 %ของเงินเอน ใช้จ่ายหนี้ที่มี
ตอนนี้ยังมีภาระหนี้เพื่อทางบ้าน แต่ไม่ยากเย็นเท่าไหร่ อาจเกินบ้างนิดหน่อย
แต่ผมใช้วิธีลดเงินส่วนที่ 3 นั่นคือค่าใช้จ่าย (แต่ไม่ลดการลงทุน :lol: )
ส่วนที่ 3 ค่าใช้จ่าย และถ้าเหลือ ค่อยนำไปลงทุนในสิ่งที่เรารู้จัก และเข้าใจมันดี
ตอนนี้ พยายามลงทุนอย่างพอเพียง
พยายามควบคุมวินัยทางอารมณ์
พยายามเก็บเงินสดไว้บ้าง เผื่อตอนของถูกเต็มตลาด
จะได้มีเงินไว้ shop ของถูก
ชอบการลงทุนแบบ VI มากๆครับ
เพราะผมนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกเรื่องในชีวิตประจำวัน
มีความสุขในการลงทุนนะครับผม :D
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 17
ขอแก้เป็น 20% ของรายได้ นะครับnoooon010 เขียน: ส่วนที่ 2 >> 20 %ของเงินเอน ใช้จ่ายหนี้ที่มี
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 18
มีอีกอย่างที่จะเสริมครับ
(ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ทำยากเหมือนกัน)
...
เรื่องนั้นก็คือ การมั่นใจในคน(เปรียบเทียบได้กับหุ้น)ที่เรารักครับ
บางทีมีคนบอกว่า คนที่เรารักไปทำอะไรเสียหาย
หนีเรียนบ้าง
ไปเที่ยวกับคนอื่นบ้างล่ะ
ไปชกกับใครเค้าบ้างล่ะ
(ยกตัวอย่างโหดไปไหมหนอ)
สุดท้าย เราก็ต้อง ใช้สติ และปัญญาใตร่ตรอง
ดูว่าคนๆนั้นเป็นแบบนั้นจริงไหม ถ้าจริง มันเป็นแบบนั้นอย่างถาวรหรือไม่
ถ้าบางครั้ง เค้าอาจทำอะไรไม่ดีไปบ้าง
แต่จริงๆเค้ายังเป็นคนที่ดีของเราอยู่
ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
คนอื่นจะมองว่าเค้าไม่ดี(เหมือนที่มีการเทขายหุ้นบางอัน)
ผมว่ามันเป็นโอกาสที่จะไปซับน้ำตาเค้า ดูแลเค้า
แล้วเราก็รักกันเหมือนเดิม
...
ยกตัวอย่างแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันไหมนะครับ
แต่ผมฝึกตัวเองอยู่
แล้วก็ต้องไม่ overconfidence ว่า คน(หุ้น)ของเราดีทีสุด เสมอ
จนไม่ฟังเสียงใครสักคนด้วยนะครับ
กำลังพยายามฝึกอยู่ครับ ถ้าทำได้มันคงดีมากๆ
...จริงๆเรื่องความรัก น่าจะถามหมอ เค เนอะ :lol:
(ทุกคนคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่ทำยากเหมือนกัน)
...
เรื่องนั้นก็คือ การมั่นใจในคน(เปรียบเทียบได้กับหุ้น)ที่เรารักครับ
บางทีมีคนบอกว่า คนที่เรารักไปทำอะไรเสียหาย
หนีเรียนบ้าง
ไปเที่ยวกับคนอื่นบ้างล่ะ
ไปชกกับใครเค้าบ้างล่ะ
(ยกตัวอย่างโหดไปไหมหนอ)
สุดท้าย เราก็ต้อง ใช้สติ และปัญญาใตร่ตรอง
ดูว่าคนๆนั้นเป็นแบบนั้นจริงไหม ถ้าจริง มันเป็นแบบนั้นอย่างถาวรหรือไม่
ถ้าบางครั้ง เค้าอาจทำอะไรไม่ดีไปบ้าง
แต่จริงๆเค้ายังเป็นคนที่ดีของเราอยู่
ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
คนอื่นจะมองว่าเค้าไม่ดี(เหมือนที่มีการเทขายหุ้นบางอัน)
ผมว่ามันเป็นโอกาสที่จะไปซับน้ำตาเค้า ดูแลเค้า
แล้วเราก็รักกันเหมือนเดิม
...
ยกตัวอย่างแบบนี้ไม่รู้ว่าจะเข้าใจกันไหมนะครับ
แต่ผมฝึกตัวเองอยู่
แล้วก็ต้องไม่ overconfidence ว่า คน(หุ้น)ของเราดีทีสุด เสมอ
จนไม่ฟังเสียงใครสักคนด้วยนะครับ
กำลังพยายามฝึกอยู่ครับ ถ้าทำได้มันคงดีมากๆ
...จริงๆเรื่องความรัก น่าจะถามหมอ เค เนอะ :lol:
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ปีใหม่เตรียมตัวสู่กับตลาดหุ้น อย่างไรกันบ้างครับ
โพสต์ที่ 20
สุนทรพจน์ป๋ามนคมดีจริงๆ ครับ ยกมาไว้ที่นี่เผื่อท่านอื่นๆ ยังไมได้อ่านครับ
มุมมองปี 51
Value Way
มนตรี นิพิฐวิทยา 28 ธันวาคม 2550
คงไม่เร็วไปถ้าเราจะมามองถึงแนวโน้มของการลงทุนในปีหน้ากันในช่วงเวลาก่อนสิ้นปีสักหนึ่งสัปดาห์ล่วงหน้า
สำหรับปี50ที่กำลังจะผ่านไปนั้นเรียกได้ว่าเป็นปีที่ค่อนข้างยุ่ง วุ่นวายกันพอสมควร แต่ดัชนีราคาหลักทรัพย์ก็ยังคงปรับตัวขึ้นจากหุ้นของบริษัทในกลุ่มพลังงาน สำหรับในปีหน้านั้น จากการสอบถามจากพรรคพวกที่ทำงานในธุรกิจพลังงาน พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีมุมมองที่ดีต่อธุรกิจนี้อยู่ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลงแต่เราคงไม่ได้เห็นการลดลงอย่างที่เคยเป็นมา
ดังนั้นผมจึงอยากจะสรุปปัจจัยที่น่าจับตามอง ไว้เพื่อเป็นข้อสังเกตุคร่าวๆเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนของคุณดังนี้ครับ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
1) คงไม่สนใจไม่ได้กับสถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเรา ถึงแม้ว่าเราจะมีการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ผมก็ยังเชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลก็จะยังคงยืดเยื้อออกไปอีกนานพอควร และระหว่างนั้นคงจะสับสนวุ่นวายกันพอสมควร ทั้งในเรื่องข้อกฎหมายเลือกตั้งที่เป็นของใหม่ พรรคที่จะได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ปัจจัยนี้น่าจะส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคต่อไปอีกสักระยะ
2) อัตราดอกเบี้ยในบ้านเรา เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เป็นเป้าหมายในการกำหนดดอกเบี้ยนโยบายยังคงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้จากการที่ราคาน้ำมัน อุปโภคบริโภคอื่นๆปรับตัวขึ้น จริงๆสินค้าหลายชนิดก็ปรับราคาขึ้นแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้สังเกตก็สังเกตเสียนะครับ จากผลนี้การลดดอกเบี้ยลงอีกคงทำได้ยาก และอาจจะทรงตัวหรือปรับขึ้น
3) การลงทุนทางตรงจากต่างชาติ เท่าที่เห็นๆกันอยู่ก็จะมีเพียงธุรกิจยานยนต์ที่ขยายการผลิต เพื่อส่งออก และทำECO CAR รองรับตลาดในประเทศ ส่วนการลงทุนอื่นๆยังไม่เห็นการขยายตัวนัก ทั้งนี้จะต้องรอดูความแน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หากทำได้อย่างมั่นคงความเชื่อมั่นคงจะเริ่มกลับมา หากรัฐบาลที่จัดตั้งใหม่นี้ไม่มั่นคงแข็งแรง การลงทุนของต่างชาติอาจจะยังคงนิ่งเพื่อรอดูความชัดเจนอีกครั้ง
4) ปัญหาเศรษฐกิจในฝั่งอเมริกาและยุโรปที่กำลังก่อตัวขึ้น ส่วนนี้อาจส่งผลต่อการส่งออกของบ้านเรา ซึ่งในปีนี้การส่งออกเป็นตัวช่วยให้ GDP ขยายตัวได้ดีพอสมควร
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของบ้านเราในปีหน้าอาจจะมองได้ไม่ชัดเจนนัก แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวนั้นเราไม่ได้มองเพียงแค่เศรษฐกิจในภาพใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมองเข้าไปถึงสภาพเศรษฐกิจในระดับองค์การ หรือความแข่งแกร่งของบริษัท เช่น ความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน ฯลฯ เช่นกันครับ ผมก็จะสรุปถึงสิ่งที่ต้องสังเกตเมื่อเราจะต้องลงทุนในกิจการต่างๆดังนี้ครับ
1. แม้ว่าเราจะเห็นสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความไม่มั่นใจในสภาพแวดล้อมที่เกิดผลกระทบจากสภาพการเมือง ที่ส่งผลต่อความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย แต่ผมยังเชื่อว่าคนไทยยังคงมีกำลังซื้อเพียงแต่ยังไม่กล้าใช้เท่านั้นเอง หากสถานการณ์ในปีหน้ายังคงเป็นเช่นปีนี้อยู่ กิจการที่น่าจะลงทุนและให้ผลตอบแทนที่มั่นคงได้น่าจะเป็นกิจการที่ค้าขายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค
2. เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและเชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่กลับมาถูกเหมือนเดิมแล้วนั้น สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ห้าที่ขาดไม่ได้สำหรับคนเมืองคือรถยนต์ แต่จะเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมากๆจะหันมาใช้น้ำมันในระดับที่ประหยัดมากขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากงานแสดงรถยนต์เมื่อปลายปี ยอดจองรถยนต์ประหยัดพลังงานเริ่มมาแรงมียอดจองที่สูงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับบริษัทรถยนต์ในประเทศไทยสองสามรายได้วางสายการผลิตรถยนต์ดังกล่าวแล้วจะเริ่มผลิตออกจำหน่ายในปีหน้า แต่บริษัทในตลาดหุ้นไม่มีผู้ผลิตรถยนต์ แต่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลายราย ดังนั้นปีหน้าน่าจะเป็นปีที่กิจการในกลุ่มนี้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง
3. ทั้งสองปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เรายังจะต้องนำมาประกอบกับข้อมูลที่สำคัญๆดังนี้
a. ฐานะทางการแข่งขัน บริษัทควรเป็นบริษัทที่อยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม
b. กิจการควรมีกำไรในอัตราที่สูง ซึ่งจะได้รับผลดีจากการขยายตัวในครั้งนี้อย่างเต็มที่ หากกิจการมีอัตรากำไรที่ต่ำประโยชน์ที่ได้รับก็จะน้อยลงไป
c. กิจการควรมีประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ในระดับสูง สังเกตได้จาก ROA ที่อยู่ในระดับสูง และเติบโตขึ้นจากปีก่อนๆมาโดยตลอด
d. ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จะก่อให้เกิดความยืดหยุ่นในกรณีที่ต้องรับกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดจากความไม่แน่นอนได้ การจัดโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมกับอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่ต้องใช้เงินกู้ ทั้งนี้เพื่ออาศัยประโยชน์จากการที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดต้นทุนเงินทุนและเพิ่มผลตอบแทนจากเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น
จากข้อสังเกตดังกล่าวที่เสนอมา ผมอยากจะฝากเอาไว้ให้เพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านนำเอาไปพิจารณาประกอบการลงทุนของท่านสำหรับปีหน้า เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนของสภาพการณ์บ้านเราในปีหน้า
สิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้อีกอย่างหนึ่งคือ ทั้งหมดนี้เป็นแต่เพียงมุมมองของผมอย่างเดียว ท่านเองก็อาจจะมีมุมมองของท่าน เนื่องจากข้อมูลที่ต่างกัน ฉนั้นจงอาศัยข้อมูลที่มีประกอบการพิจารณาให้เหมาะสม อย่าใช้เพียงข้อมูลของคนใดคนหนึ่งตัดสินใจเท่านั้น
มุมมองปี 51
Value Way
มนตรี นิพิฐวิทยา 28 ธันวาคม 2550
คงไม่เร็วไปถ้าเราจะมามองถึงแนวโน้มของการลงทุนในปีหน้ากันในช่วงเวลาก่อนสิ้นปีสักหนึ่งสัปดาห์ล่วงหน้า
สำหรับปี50ที่กำลังจะผ่านไปนั้นเรียกได้ว่าเป็นปีที่ค่อนข้างยุ่ง วุ่นวายกันพอสมควร แต่ดัชนีราคาหลักทรัพย์ก็ยังคงปรับตัวขึ้นจากหุ้นของบริษัทในกลุ่มพลังงาน สำหรับในปีหน้านั้น จากการสอบถามจากพรรคพวกที่ทำงานในธุรกิจพลังงาน พวกเขาเหล่านั้นก็ยังมีมุมมองที่ดีต่อธุรกิจนี้อยู่ ถึงแม้ว่าราคาน้ำมันอาจจะปรับตัวลงแต่เราคงไม่ได้เห็นการลดลงอย่างที่เคยเป็นมา
ดังนั้นผมจึงอยากจะสรุปปัจจัยที่น่าจับตามอง ไว้เพื่อเป็นข้อสังเกตุคร่าวๆเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุนของคุณดังนี้ครับ
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
1) คงไม่สนใจไม่ได้กับสถานการณ์ทางการเมืองในบ้านเรา ถึงแม้ว่าเราจะมีการเลือกตั้งไปแล้ว แต่ผมก็ยังเชื่อว่าการจัดตั้งรัฐบาลก็จะยังคงยืดเยื้อออกไปอีกนานพอควร และระหว่างนั้นคงจะสับสนวุ่นวายกันพอสมควร ทั้งในเรื่องข้อกฎหมายเลือกตั้งที่เป็นของใหม่ พรรคที่จะได้ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ปัจจัยนี้น่าจะส่งผลต่อความมั่นใจของผู้บริโภคต่อไปอีกสักระยะ
2) อัตราดอกเบี้ยในบ้านเรา เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เป็นเป้าหมายในการกำหนดดอกเบี้ยนโยบายยังคงมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้จากการที่ราคาน้ำมัน อุปโภคบริโภคอื่นๆปรับตัวขึ้น จริงๆสินค้าหลายชนิดก็ปรับราคาขึ้นแล้ว ถ้าใครยังไม่ได้สังเกตก็สังเกตเสียนะครับ จากผลนี้การลดดอกเบี้ยลงอีกคงทำได้ยาก และอาจจะทรงตัวหรือปรับขึ้น
3) การลงทุนทางตรงจากต่างชาติ เท่าที่เห็นๆกันอยู่ก็จะมีเพียงธุรกิจยานยนต์ที่ขยายการผลิต เพื่อส่งออก และทำECO CAR รองรับตลาดในประเทศ ส่วนการลงทุนอื่นๆยังไม่เห็นการขยายตัวนัก ทั้งนี้จะต้องรอดูความแน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ หากทำได้อย่างมั่นคงความเชื่อมั่นคงจะเริ่มกลับมา หากรัฐบาลที่จัดตั้งใหม่นี้ไม่มั่นคงแข็งแรง การลงทุนของต่างชาติอาจจะยังคงนิ่งเพื่อรอดูความชัดเจนอีกครั้ง
4) ปัญหาเศรษฐกิจในฝั่งอเมริกาและยุโรปที่กำลังก่อตัวขึ้น ส่วนนี้อาจส่งผลต่อการส่งออกของบ้านเรา ซึ่งในปีนี้การส่งออกเป็นตัวช่วยให้ GDP ขยายตัวได้ดีพอสมควร
ถึงแม้ว่ามุมมองต่อสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของบ้านเราในปีหน้าอาจจะมองได้ไม่ชัดเจนนัก แต่สำหรับการลงทุนระยะยาวนั้นเราไม่ได้มองเพียงแค่เศรษฐกิจในภาพใหญ่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมองเข้าไปถึงสภาพเศรษฐกิจในระดับองค์การ หรือความแข่งแกร่งของบริษัท เช่น ความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ความสามารถในการแข่งขัน ฯลฯ เช่นกันครับ ผมก็จะสรุปถึงสิ่งที่ต้องสังเกตเมื่อเราจะต้องลงทุนในกิจการต่างๆดังนี้ครับ
1. แม้ว่าเราจะเห็นสภาพเศรษฐกิจชะลอตัว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากความไม่มั่นใจในสภาพแวดล้อมที่เกิดผลกระทบจากสภาพการเมือง ที่ส่งผลต่อความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอย แต่ผมยังเชื่อว่าคนไทยยังคงมีกำลังซื้อเพียงแต่ยังไม่กล้าใช้เท่านั้นเอง หากสถานการณ์ในปีหน้ายังคงเป็นเช่นปีนี้อยู่ กิจการที่น่าจะลงทุนและให้ผลตอบแทนที่มั่นคงได้น่าจะเป็นกิจการที่ค้าขายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องอุปโภคบริโภค
2. เนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นและเชื่อว่าราคาน้ำมันจะไม่กลับมาถูกเหมือนเดิมแล้วนั้น สิ่งที่เป็นปัจจัยที่ห้าที่ขาดไม่ได้สำหรับคนเมืองคือรถยนต์ แต่จะเปลี่ยนจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมากๆจะหันมาใช้น้ำมันในระดับที่ประหยัดมากขึ้น จากข้อมูลที่ได้รับจากงานแสดงรถยนต์เมื่อปลายปี ยอดจองรถยนต์ประหยัดพลังงานเริ่มมาแรงมียอดจองที่สูงอย่างเห็นได้ชัด ประกอบกับบริษัทรถยนต์ในประเทศไทยสองสามรายได้วางสายการผลิตรถยนต์ดังกล่าวแล้วจะเริ่มผลิตออกจำหน่ายในปีหน้า แต่บริษัทในตลาดหุ้นไม่มีผู้ผลิตรถยนต์ แต่มีผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์หลายราย ดังนั้นปีหน้าน่าจะเป็นปีที่กิจการในกลุ่มนี้กลับมาคึกคักได้อีกครั้ง
3. ทั้งสองปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้นนั้น เรายังจะต้องนำมาประกอบกับข้อมูลที่สำคัญๆดังนี้
a. ฐานะทางการแข่งขัน บริษัทควรเป็นบริษัทที่อยู่ในอันดับต้นๆของอุตสาหกรรม
b. กิจการควรมีกำไรในอัตราที่สูง ซึ่งจะได้รับผลดีจากการขยายตัวในครั้งนี้อย่างเต็มที่ หากกิจการมีอัตรากำไรที่ต่ำประโยชน์ที่ได้รับก็จะน้อยลงไป
c. กิจการควรมีประสิทธิภาพในการใช้สินทรัพย์ในระดับสูง สังเกตได้จาก ROA ที่อยู่ในระดับสูง และเติบโตขึ้นจากปีก่อนๆมาโดยตลอด
d. ฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง จะก่อให้เกิดความยืดหยุ่นในกรณีที่ต้องรับกับสภาพการเปลี่ยนแปลงที่อาจจะเกิดจากความไม่แน่นอนได้ การจัดโครงสร้างเงินทุนที่เหมาะสมกับอัตราดอกเบี้ยในกรณีที่ต้องใช้เงินกู้ ทั้งนี้เพื่ออาศัยประโยชน์จากการที่ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อลดต้นทุนเงินทุนและเพิ่มผลตอบแทนจากเงินลงทุนของผู้ถือหุ้น
จากข้อสังเกตดังกล่าวที่เสนอมา ผมอยากจะฝากเอาไว้ให้เพื่อนๆนักลงทุนทุกท่านนำเอาไปพิจารณาประกอบการลงทุนของท่านสำหรับปีหน้า เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงที่เกิดจากความไม่แน่นอนของสภาพการณ์บ้านเราในปีหน้า
สิ่งที่อยากจะฝากเอาไว้อีกอย่างหนึ่งคือ ทั้งหมดนี้เป็นแต่เพียงมุมมองของผมอย่างเดียว ท่านเองก็อาจจะมีมุมมองของท่าน เนื่องจากข้อมูลที่ต่างกัน ฉนั้นจงอาศัยข้อมูลที่มีประกอบการพิจารณาให้เหมาะสม อย่าใช้เพียงข้อมูลของคนใดคนหนึ่งตัดสินใจเท่านั้น