อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
- Eyore
- Verified User
- โพสต์: 606
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 123
มันเป็น Fact เป็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับพี่เพื่อนเพื่อน เขียน:1.5 มิถุนายน 2545 เมื่อแม่ของศิริมาศเสียชีวิตหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่มีใครอธิบายว่าแม่ตายเพราะอะไร
แพทย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกว่าหัวใจล้มเหลว ไปถามรพ.มหาราชก็ตอบว่าเพราะสมองบวม เธอนำศพแม่เข้ากรุงเทพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ผลก็ออกมาแบบคลุมเครือ
ถ้าผมเป็นลูก ผมก็คงพยายามหาคำตอบเหมือนกันครับ
ความจริงทางการแพทย์มีอยู่ว่า
ท่าน Radio พูดถูกต้องแล้วRadio เขียน:มีการตายมากมายซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะพิสูจน์
กันด้วยวิธีไหนก็ตามก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้
แต่เครือข่ายผู้เสียหายก็พยายามยัดเยียดให้เป็นความ
ประมาทของแพทย์เสมอ แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
พี่เพื่อนลองคิดดูว่า ส่งเข้ามาผ่าถึงสถาบันนิติเวชแล้ว ก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้เลย
แล้วจะให้ทำอย่างไรครับ
ส่งไปตรวจวินิจฉัยต่อที่อเมริกา ? CSI ?
ไอ้ที่บอกว่าหัวใจล้มเหลว สมองบวม พูดเมื่อไรก็ไม่ผิดหรอกครับ
เพราะมันเป็นอาการท้ายๆก่อนตาย
แต่สาเหตุที่นำมาก่อนน่ะ ไม่รู้
ความจริงมันของธรรมชาติมีอยู่ว่า
มีการตายมากมายซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะพิสูจน์
กันด้วยวิธีไหนก็ตามก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้
แล้วจะให้หมอทำอย่างไรครับ
ในเมื่อจะพยายามเค้นเอาคำตอบให้ได้ ก็ไม่รู้จะตอบยังไง
สุดท้ายพอหมอตอบไม่ได้ ก็โยนว่าเป็นเพราะหมอประมาทงั้นเหรอครับ ?
แม้แต่คำพิพากษายังใช้คำว่า "อาจจะ" เป็นสาเหตุให้ถึงแก่ความตาย
!?!?
ผมละงง
เคยได้ยินแต่ว่า "ผู้ถูกกล่าวหาเป็นผู้บริสุทธิ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าผิด"
แต่ถ้าหมอรักษาแล้วตาย
"หมอเป็นคนผิด จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าถูก"
!?!?
ในเรื่องที่ไม่ทราบสาเหตุการตายเนี่ย
ที่มันยุ่งไปกว่านั้นก็คือ
ทันทีที่คนไข้ตายแล้ว
หมอต้องมีคำตอบ"ทันที" ว่าตายจากอะไร
แล้วหมอจะรู้ได้ยังไงล่ะครับ
ขนาดผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวชแล้วยังไม่รู้เลย
ส่วนเรื่องที่พี่เพื่อนติดค้างไปตอบพรุ่งนี้ เรื่องลูกนะครับ
ในชีวิตจริง
หมอมีเวลาแค่ไม่กี่นาที
ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้น
ถ้ารอถึงพรุ่งนี้เช้า เด็กคงตายก่อนเป็นแน่แท้
ถ้าพี่เพื่อนเป็นหมอคนนั้น
คงได้เข้าไปอยู่ในคุกเป็นแม่นมั่น
ลองพิจารณาดูนะครับ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 124
อ่านกระทู้ ทางฝ่ายหมอทั้งหลาย
ก็.เป็นการออกความเห็นโดยที่คิดว่าฝ่ายตัวเองดีพร้อม จริงๆแล้วผมเชื่อว่าหมอหลายๆคนในนี้ ดี นะครับ เพียงแต่ว่าในทุกอาชีพนั้นมันก็มีทั้งคนดี คนไม่ดี อยู่ด้วยเสมอ ไม่เว้นอาชีพใด ก็อย่างที่ผมเจอ ก็หมอดีๆก็เยอะมาก ระยะหลัง หมอหลายๆคน จะตอบคนไข้ดีๆ ละเอียดด้วย ผมชมเชยจริงๆว่ามีหมอหลายๆท่าน เข้าใจจิตใจคนไข้มากขึ้น แต่หมอที่ดีนั้น ก็ไม่ได้เป็นกันทุกคน อันนี้พูดรวมๆนะครับ
จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นที่เมืองคอน แล้วทำไมศาลถึงมองไม่เห็นสิ่งที่ดีๆเหล่านั้น
ผมเชื่อว่า หมอ..พยายามสู้คดีด้วยการนำเสนออะไรบางอย่าง อย่างที่ในนี้พยายามนำเสนอกัน
แต่ว่า.. ทำไม !!!! ศาลถึงมองไม่เห็น หรือว่า จริงๆ มันมีความไม่สมเหตุสมผลอะไรบางอย่างอยู่ในเหตุการณ์ ที่ศาลคิดว่า หมอน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือว่ายังไม่เข้าข่ายเหตุสุดวิสัย จึงมีการตัดสินออกมาในลักษณะดังที่เป็นอยู่
ในทุกกลุ่มอาชีพ มีทั้งคนดี คนไม่ดี มีทั้งผู้ประมาทและไม่ประมาท
ในกรณีนี้ แพทสภา น่าจะตอบได้ดี โดยใช้เหตุและผล เข้าไปอธิบาย คงต้องดูความเป็นไปของเรื่องตั้งแต่ต้น
วิศวกรที่ออกแบบป้ายโฆษณา ที่ออกแบบรับแรงลมตามมาตรฐานแล้ว แต่ลมเกิดเหตุมากเกินที่เป็นไป วิศวกรผู้นั้นต้องไปขึ้นศาลรึไม่ ผมเชื่อว่าถูกฟ้องแน่นอนครับ ผลจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ศาลจะเห็นถึงความน่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าพายุแรงขนาดพายุเกย์เข้ามาใน กทม วิศวกรออกแบบผู้นั้นต้องรับผิดชอบหรือไม่ มันเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่ศาลและผู้เกี่ยวข้องเช่น สภาวิศวกร ต้องนำเสนอศาลด้วย หรือว่า ศาลต้องขอความเห็นจากหน่วยงานเหล่านี้ด้วย
อย่างแผ่นดินไหวที่เชียงใหม่ ถ้ามันแรงเกินพิกัดที่เคยเกิดขึ้น และหากตามมาตรฐานการออกแบบปัจจุบันยังครอบคลุมไม่ถึงความรุนแรงดังกล่าวนั้น วิศวกรออกแบบผู้นั้นต้องรับผิดชอบหรือไม่ หรือว่า ต้องรับผิดชอบที่ระดับใด อันนี้ สภาวิศวกร สามารถให้ความเห็นแก่ศาลได้ เมื่อได้รับการร้องขอ จากจำเลยหรือว่า ศาล
ในกรณีหมอ ที่เมืองคอนนี่ก็เช่นกัน เราไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ เราหมายถึงเพื่อนๆในที่นี้
ว่าแต่ แพทย์สภา ออกความเห็นเฉพาะเจาะจงลงไปที่กรณีที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ หรือว่า ยังพูดรวมๆเท่านั้น และที่สำคัญ มีประเด็นอะไรที่หมอไม่สามารถตอบคำถามของทางฝ่ายโจทย์หรือว่าศาลได้
อ่านมาหลายความเห็นแล้ว จับได้ว่า..ความรู้สึกของหมอทั้งหลายในนี้ คล้ายกับว่าโดนรังแก แต่ว่า ถ้าหมอทั้งหลายอยากช่วยเพื่อนหมอที่เมืองคอนมาก คงต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ประเด็นอะไรที่หมอ ไม่สามารถตอบคำถามฝ่ายโจทย์หรือว่าศาลได้ เราอยู่กันในสังคม ทุกๆอย่างน่าจะมีเหตุผลที่คุยกันได้ โดยยึดถือความสงบส่วนรวมเป็นแกน
แปลกมากที่ไม่มีใครลำดับเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมาเลย แม้กระทั่งแพทย์สภา เช่น
>>หมอท่านนี้ทำงานหนักมากมาติดต่อกันหลายวันแล้ว ล้าแล้ว..
>>หรือว่า ท่านอยู่คนเดียวจริงๆต้องทำการตัดสินใจ อย่างทันทีทันใด
>>หรือว่าท่านได้เคยทำแบบที่ว่า คือทำเองมา 100 ครั้งแล้วไม่มีปัญหา แต่ครั้งนี้มีข้อผิดพลาด
>>หรือว่าคุณสมบัติของยา lot นั้นมีข้อผิดพลาดอยู่
>>ฯลฯ
แต่ว่าในการต่อสู้ที่ศาลนั้น ทุกคนน่าจะสามารถนำเสนอ ถึงความสมเหตุสมผลว่าเป็นการสุดวิสัยหรือไม่ ผมเชื่อว่าหมอเองก็นำเสนอ
อืมม แล้วทำไมหมอถึงแพ้ >>>> ผมก็สงสัยครับ<<<< แต่เนื่องจากเราอยู่ห่างไกลข้อมูลมากเกินไป มีใครมีข้อมูลบ้างรึป่าวครับ ในที่นี้ พอดียังไม่เห็นนะครับ ถ้าใครมีโปรดนำเสนอด้วยครับ จะขอบคุณยิ่ง
จริงๆแล้ว ผลที่ออกมา..ยังเป็นแค่ศาลชั้นต้นนะครับ ยังมีอีก 2 ศาล ที่จะสามารถสู้กัน
เชื่อเถอะครับ เมื่อมันสิ้นสุด สิ่งที่เกิดขึ้น จะมีแต่ผลดี ในสิ่งที่สังคมพยายามหาคำตอบอยู่ อย่างน้อยมันจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ว่าอะไรคือ เหตุสุดวิสัย อะไรไม่ใช่เหตุสุดวิสัย เส้นแบ่งหรือว่ากรอบตรงนี้ คงจะชัดเจนมากขึ้นครับ หลังจากศาลฎีกา ตัดสินตรงนี้แล้ว
แล้วสังคมจะอยู่ด้วยกันอย่างมีคำตอบแก่ทุกฝ่ายครับ
ว่าแต่ แพทยสภา มีข้อมูลอะไรที่จะสามรถนำไปเสนอศาลได้บ้างครับ มีใครถามไปทางแพทย์สภารึป่าวครับว่าได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างไร .. ผมไม่ได้ถามว่า.เข้าไปช่วยเหลือหมอคนดังกล่าวอย่างไรนะครับ
เท่าที่ผมรู้ ปัจจุบัน ศาลท่านมีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น คือ จบเฉพาะทางมา ตามแต่ใครจบมา แล้วไปเรียนต่อทางกฏหมาย แล้วสอบเข้าเป็นผู้พิพากษา ซึ่งมีหลากหลายอาชีพ ที่เข้าไป ศาลท่านก็เริ่มเปิดกว้างที่จะยอมรับสิ่งต่างๆที่ตนเองยังเข้าใจน้อยอยู่มากขึ้น
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่เมืองคอน ผมอยากรู้จังเลยครับ จะได้เรียนรู้
บางอย่างที่ผมเรียนรู้มาในอดีตมันก็ไม่ดี เช่น ถ้าเจอคนถูกรถชนในที่เปลี่ยว อย่าลงไปช่วย คำแนะนำนี้มาจากพ่อเพื่อนที่เป็นนายสถานีตำรวจที่ต่างจังหวัด ท่านบอกว่ามีเยอะมากที่คนไข้ฟ้องคนนำส่ง รพ ว่าเป็นผู้ชน แต่คนนำส่ง รพ. บอกว่าฉันไม่ใช่คนชน ฉันเป็นผู้ช่วยเหลือฉันเป็นคนใจบุญ
อย่างที่หมอบางท่านบอกว่า เจอคนกำลังตกเหว จะไปช่วยดีหรือไม่ เพราะว่าพอดีช่วยแล้วเชือกขาด ซวยอีก..โดน
หลายๆอย่างมันมีคำตอบนะครับ เช่น
เพื่อนวิศวกรของผมคนนึง จบใหม่ๆ ทำงานในคอนซัลท์แห่งนึง ไปทำงานคุมงานก่อสร้างเป็นผู้ควบคุมงานของหน่วยงานหลวงหน่วยงานนึง เพื่อนผมเมื่อเห็นแบบก่อสร้างแล้ว คิดว่ามันผิด จึ้งสั่งเปลี่ยนแบบ โดยไม่ได้ปรึกษาใคร ผู้รับเหมาก็ยินยอม ไม่ร้องใคร ทำตาม เพื่อนคิดว่าตัวเองเจตนาดี ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจ เจตนานั้นดีมาก ท้ายที่สุด ซวยครับ เจ้าของหน่วยงานรู้เข้า เพื่อนโดนหลายหน่วยงานเล่นงานจนแทบตาย หัวหน้าตัวเองยังจวกเพื่อนซะแทบเสียคน มีใบประกอบอาชีพเหลืออยู่ ก็โชคมากๆดีแล้ว คำตอบสำหรับกรณีเพื่อนผมก็คือระบบครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ง่ายๆ ไม่งั้นคนโกงเข้ามาเปลี่ยนอะไรง่ายๆ ก็ยุ่งอ่ะดิ
ก็.เป็นการออกความเห็นโดยที่คิดว่าฝ่ายตัวเองดีพร้อม จริงๆแล้วผมเชื่อว่าหมอหลายๆคนในนี้ ดี นะครับ เพียงแต่ว่าในทุกอาชีพนั้นมันก็มีทั้งคนดี คนไม่ดี อยู่ด้วยเสมอ ไม่เว้นอาชีพใด ก็อย่างที่ผมเจอ ก็หมอดีๆก็เยอะมาก ระยะหลัง หมอหลายๆคน จะตอบคนไข้ดีๆ ละเอียดด้วย ผมชมเชยจริงๆว่ามีหมอหลายๆท่าน เข้าใจจิตใจคนไข้มากขึ้น แต่หมอที่ดีนั้น ก็ไม่ได้เป็นกันทุกคน อันนี้พูดรวมๆนะครับ
จริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้นที่เมืองคอน แล้วทำไมศาลถึงมองไม่เห็นสิ่งที่ดีๆเหล่านั้น
ผมเชื่อว่า หมอ..พยายามสู้คดีด้วยการนำเสนออะไรบางอย่าง อย่างที่ในนี้พยายามนำเสนอกัน
แต่ว่า.. ทำไม !!!! ศาลถึงมองไม่เห็น หรือว่า จริงๆ มันมีความไม่สมเหตุสมผลอะไรบางอย่างอยู่ในเหตุการณ์ ที่ศาลคิดว่า หมอน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ หรือว่ายังไม่เข้าข่ายเหตุสุดวิสัย จึงมีการตัดสินออกมาในลักษณะดังที่เป็นอยู่
ในทุกกลุ่มอาชีพ มีทั้งคนดี คนไม่ดี มีทั้งผู้ประมาทและไม่ประมาท
ในกรณีนี้ แพทสภา น่าจะตอบได้ดี โดยใช้เหตุและผล เข้าไปอธิบาย คงต้องดูความเป็นไปของเรื่องตั้งแต่ต้น
วิศวกรที่ออกแบบป้ายโฆษณา ที่ออกแบบรับแรงลมตามมาตรฐานแล้ว แต่ลมเกิดเหตุมากเกินที่เป็นไป วิศวกรผู้นั้นต้องไปขึ้นศาลรึไม่ ผมเชื่อว่าถูกฟ้องแน่นอนครับ ผลจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่ศาลจะเห็นถึงความน่าสมเหตุสมผล แต่ถ้าพายุแรงขนาดพายุเกย์เข้ามาใน กทม วิศวกรออกแบบผู้นั้นต้องรับผิดชอบหรือไม่ มันเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ อันนี้เป็นสิ่งที่ศาลและผู้เกี่ยวข้องเช่น สภาวิศวกร ต้องนำเสนอศาลด้วย หรือว่า ศาลต้องขอความเห็นจากหน่วยงานเหล่านี้ด้วย
อย่างแผ่นดินไหวที่เชียงใหม่ ถ้ามันแรงเกินพิกัดที่เคยเกิดขึ้น และหากตามมาตรฐานการออกแบบปัจจุบันยังครอบคลุมไม่ถึงความรุนแรงดังกล่าวนั้น วิศวกรออกแบบผู้นั้นต้องรับผิดชอบหรือไม่ หรือว่า ต้องรับผิดชอบที่ระดับใด อันนี้ สภาวิศวกร สามารถให้ความเห็นแก่ศาลได้ เมื่อได้รับการร้องขอ จากจำเลยหรือว่า ศาล
ในกรณีหมอ ที่เมืองคอนนี่ก็เช่นกัน เราไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงมันเป็นเหตุสุดวิสัยหรือไม่ เราหมายถึงเพื่อนๆในที่นี้
ว่าแต่ แพทย์สภา ออกความเห็นเฉพาะเจาะจงลงไปที่กรณีที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ หรือว่า ยังพูดรวมๆเท่านั้น และที่สำคัญ มีประเด็นอะไรที่หมอไม่สามารถตอบคำถามของทางฝ่ายโจทย์หรือว่าศาลได้
อ่านมาหลายความเห็นแล้ว จับได้ว่า..ความรู้สึกของหมอทั้งหลายในนี้ คล้ายกับว่าโดนรังแก แต่ว่า ถ้าหมอทั้งหลายอยากช่วยเพื่อนหมอที่เมืองคอนมาก คงต้องตอบคำถามให้ได้ว่า ประเด็นอะไรที่หมอ ไม่สามารถตอบคำถามฝ่ายโจทย์หรือว่าศาลได้ เราอยู่กันในสังคม ทุกๆอย่างน่าจะมีเหตุผลที่คุยกันได้ โดยยึดถือความสงบส่วนรวมเป็นแกน
แปลกมากที่ไม่มีใครลำดับเหตุการณ์ต่างๆขึ้นมาเลย แม้กระทั่งแพทย์สภา เช่น
>>หมอท่านนี้ทำงานหนักมากมาติดต่อกันหลายวันแล้ว ล้าแล้ว..
>>หรือว่า ท่านอยู่คนเดียวจริงๆต้องทำการตัดสินใจ อย่างทันทีทันใด
>>หรือว่าท่านได้เคยทำแบบที่ว่า คือทำเองมา 100 ครั้งแล้วไม่มีปัญหา แต่ครั้งนี้มีข้อผิดพลาด
>>หรือว่าคุณสมบัติของยา lot นั้นมีข้อผิดพลาดอยู่
>>ฯลฯ
แต่ว่าในการต่อสู้ที่ศาลนั้น ทุกคนน่าจะสามารถนำเสนอ ถึงความสมเหตุสมผลว่าเป็นการสุดวิสัยหรือไม่ ผมเชื่อว่าหมอเองก็นำเสนอ
อืมม แล้วทำไมหมอถึงแพ้ >>>> ผมก็สงสัยครับ<<<< แต่เนื่องจากเราอยู่ห่างไกลข้อมูลมากเกินไป มีใครมีข้อมูลบ้างรึป่าวครับ ในที่นี้ พอดียังไม่เห็นนะครับ ถ้าใครมีโปรดนำเสนอด้วยครับ จะขอบคุณยิ่ง
จริงๆแล้ว ผลที่ออกมา..ยังเป็นแค่ศาลชั้นต้นนะครับ ยังมีอีก 2 ศาล ที่จะสามารถสู้กัน
เชื่อเถอะครับ เมื่อมันสิ้นสุด สิ่งที่เกิดขึ้น จะมีแต่ผลดี ในสิ่งที่สังคมพยายามหาคำตอบอยู่ อย่างน้อยมันจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับทุกๆคนที่เกี่ยวข้อง ว่าอะไรคือ เหตุสุดวิสัย อะไรไม่ใช่เหตุสุดวิสัย เส้นแบ่งหรือว่ากรอบตรงนี้ คงจะชัดเจนมากขึ้นครับ หลังจากศาลฎีกา ตัดสินตรงนี้แล้ว
แล้วสังคมจะอยู่ด้วยกันอย่างมีคำตอบแก่ทุกฝ่ายครับ
ว่าแต่ แพทยสภา มีข้อมูลอะไรที่จะสามรถนำไปเสนอศาลได้บ้างครับ มีใครถามไปทางแพทย์สภารึป่าวครับว่าได้ไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้อย่างไร .. ผมไม่ได้ถามว่า.เข้าไปช่วยเหลือหมอคนดังกล่าวอย่างไรนะครับ
เท่าที่ผมรู้ ปัจจุบัน ศาลท่านมีผู้เชี่ยวชาญเพิ่มขึ้น คือ จบเฉพาะทางมา ตามแต่ใครจบมา แล้วไปเรียนต่อทางกฏหมาย แล้วสอบเข้าเป็นผู้พิพากษา ซึ่งมีหลากหลายอาชีพ ที่เข้าไป ศาลท่านก็เริ่มเปิดกว้างที่จะยอมรับสิ่งต่างๆที่ตนเองยังเข้าใจน้อยอยู่มากขึ้น
ว่าแต่เกิดอะไรขึ้นที่เมืองคอน ผมอยากรู้จังเลยครับ จะได้เรียนรู้
บางอย่างที่ผมเรียนรู้มาในอดีตมันก็ไม่ดี เช่น ถ้าเจอคนถูกรถชนในที่เปลี่ยว อย่าลงไปช่วย คำแนะนำนี้มาจากพ่อเพื่อนที่เป็นนายสถานีตำรวจที่ต่างจังหวัด ท่านบอกว่ามีเยอะมากที่คนไข้ฟ้องคนนำส่ง รพ ว่าเป็นผู้ชน แต่คนนำส่ง รพ. บอกว่าฉันไม่ใช่คนชน ฉันเป็นผู้ช่วยเหลือฉันเป็นคนใจบุญ
อย่างที่หมอบางท่านบอกว่า เจอคนกำลังตกเหว จะไปช่วยดีหรือไม่ เพราะว่าพอดีช่วยแล้วเชือกขาด ซวยอีก..โดน
หลายๆอย่างมันมีคำตอบนะครับ เช่น
เพื่อนวิศวกรของผมคนนึง จบใหม่ๆ ทำงานในคอนซัลท์แห่งนึง ไปทำงานคุมงานก่อสร้างเป็นผู้ควบคุมงานของหน่วยงานหลวงหน่วยงานนึง เพื่อนผมเมื่อเห็นแบบก่อสร้างแล้ว คิดว่ามันผิด จึ้งสั่งเปลี่ยนแบบ โดยไม่ได้ปรึกษาใคร ผู้รับเหมาก็ยินยอม ไม่ร้องใคร ทำตาม เพื่อนคิดว่าตัวเองเจตนาดี ทั้งๆที่ไม่มีอำนาจ เจตนานั้นดีมาก ท้ายที่สุด ซวยครับ เจ้าของหน่วยงานรู้เข้า เพื่อนโดนหลายหน่วยงานเล่นงานจนแทบตาย หัวหน้าตัวเองยังจวกเพื่อนซะแทบเสียคน มีใบประกอบอาชีพเหลืออยู่ ก็โชคมากๆดีแล้ว คำตอบสำหรับกรณีเพื่อนผมก็คือระบบครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ง่ายๆ ไม่งั้นคนโกงเข้ามาเปลี่ยนอะไรง่ายๆ ก็ยุ่งอ่ะดิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 125
ผมเคยเห็นมวยแพ้บนเวที แต่สำหรับผู้ชมแล้วตบมือให้ผู้แพ้บนเวทีอย่างยาวนานครับ
ถ้าหากเราทั้งหลายได้รู้ข้อเท็จจริงในกรณีนี้มากขึ้น หมอท่านนี้ ก็มีโอกาสเป็นอย่างข้างบนนะครับ สำหรับ ยก 1 ครับ
แต่ว่า ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง เลยยังตบมือให้ไม่ได้ครับ
ตอนนี้หมอท่านดังกล่าวคงหนาวน่าดู
ถึงตอนนี้ยังอยากรู้จังนะครับว่า ก่อนคนไข้ตาย มีอะไรเกิดขึ้น ในห้องผ่าตัด
เมื่อ 20 กว่าปีก่อน บุคคลิกของหมอส่วนใหญ่ ค่อนข้างจะนำเสนอค่อนข้างไม่ดี ไม่พยายามอธิบายให้คนไข้รู้ถึงอาการของตัวเอง ถามไม่ค่อยได้ ค้ลายๆกับว่า จะรู้ไปทำไร คนสมัยก่อนจะรู้เลยว่า หมอนี่ ถามไม่ได้ ปัจจุบันดีขึ้นเยอะครับ
แล้วก็.....มีหลายครั้งเสียด้วยซ้ำ.....ที่เมื่อคนไข้ทำการ ดับเบิลเช็ค การวินิจฉัย แล้วปรากฎว่าผลการวินิจฉัย ไม่ได้เป็นแบบที่หมอท่านแรกวินิจฉัย
หรือว่าการนำเสนอของหมอท่าน ยังวนเวียนอยู่ว่า ตัวเองเท่านั้นที่เข้าใจ คนอื่นไม่เข้าใจ ซึ่งสังคมจะอยู่ได้ ต้องพยายาม อธิบาย และสามารถให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วยครับ
หมออธิบายเถอะครับ หมอในนี้ หลายๆท่านอธิบายได้ดี ทำให้เรามองเห็นถึงหลายแง่มุมของปัญหา ผมเชื่อว่าอาจจะมีท่านผู้พิพากษาบางท่านอาจจะกำลังศึกษาหาความรู้ ความคิด จากในห้องนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เห็นแง่มุมหลายๆแง่นะครับ
หมอท่านทั้งหลาย......อย่าพึ่งท้อ ในการให้ ความคิดเห็น นะครับ
ในการควบคุมงานก่อสร้าง กรณีที่ผลการทดสอบลูกปูนไม่ผ่าน บางครั้งพวกผมจะค่อยๆสืบค้นว่าทำไม บางครั้ง ไม่ได้ฟันธงทันที มันมีบางครั้งที่ผู้รับเหมาไม่ได้เรื่อง บางครั้งคนบ่มลูกปูน ไม่บ่มลูกปูนมั่ง กำลังลูกปูนเลยตก หรือ บางครั้งผู้รับเหมาดันเอาลูกปูนผิดล๊อตมาทดสอบมั่ง จิปาถะ ข้อมูลเหล่านี้ จะต้องสืบค้นทั้งจากคนของตัวเองหรือว่าคนจากแหล่งอื่นๆ บางครั้งหาคำตอบไม่ได้ก็มี
ถ้าหากเราทั้งหลายได้รู้ข้อเท็จจริงในกรณีนี้มากขึ้น หมอท่านนี้ ก็มีโอกาสเป็นอย่างข้างบนนะครับ สำหรับ ยก 1 ครับ
แต่ว่า ยังไม่รู้ว่าเป็นยังไง เลยยังตบมือให้ไม่ได้ครับ
ตอนนี้หมอท่านดังกล่าวคงหนาวน่าดู
ถึงตอนนี้ยังอยากรู้จังนะครับว่า ก่อนคนไข้ตาย มีอะไรเกิดขึ้น ในห้องผ่าตัด
เมื่อ 20 กว่าปีก่อน บุคคลิกของหมอส่วนใหญ่ ค่อนข้างจะนำเสนอค่อนข้างไม่ดี ไม่พยายามอธิบายให้คนไข้รู้ถึงอาการของตัวเอง ถามไม่ค่อยได้ ค้ลายๆกับว่า จะรู้ไปทำไร คนสมัยก่อนจะรู้เลยว่า หมอนี่ ถามไม่ได้ ปัจจุบันดีขึ้นเยอะครับ
แล้วก็.....มีหลายครั้งเสียด้วยซ้ำ.....ที่เมื่อคนไข้ทำการ ดับเบิลเช็ค การวินิจฉัย แล้วปรากฎว่าผลการวินิจฉัย ไม่ได้เป็นแบบที่หมอท่านแรกวินิจฉัย
หรือว่าการนำเสนอของหมอท่าน ยังวนเวียนอยู่ว่า ตัวเองเท่านั้นที่เข้าใจ คนอื่นไม่เข้าใจ ซึ่งสังคมจะอยู่ได้ ต้องพยายาม อธิบาย และสามารถให้คนอื่นเข้าใจได้ด้วยครับ
หมออธิบายเถอะครับ หมอในนี้ หลายๆท่านอธิบายได้ดี ทำให้เรามองเห็นถึงหลายแง่มุมของปัญหา ผมเชื่อว่าอาจจะมีท่านผู้พิพากษาบางท่านอาจจะกำลังศึกษาหาความรู้ ความคิด จากในห้องนี้ เพื่อให้ตัวเองได้เห็นแง่มุมหลายๆแง่นะครับ
หมอท่านทั้งหลาย......อย่าพึ่งท้อ ในการให้ ความคิดเห็น นะครับ
ในการควบคุมงานก่อสร้าง กรณีที่ผลการทดสอบลูกปูนไม่ผ่าน บางครั้งพวกผมจะค่อยๆสืบค้นว่าทำไม บางครั้ง ไม่ได้ฟันธงทันที มันมีบางครั้งที่ผู้รับเหมาไม่ได้เรื่อง บางครั้งคนบ่มลูกปูน ไม่บ่มลูกปูนมั่ง กำลังลูกปูนเลยตก หรือ บางครั้งผู้รับเหมาดันเอาลูกปูนผิดล๊อตมาทดสอบมั่ง จิปาถะ ข้อมูลเหล่านี้ จะต้องสืบค้นทั้งจากคนของตัวเองหรือว่าคนจากแหล่งอื่นๆ บางครั้งหาคำตอบไม่ได้ก็มี
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 126
8) เรื่องwordingในการโพสกระทู้ดีๆอย่างนี้Eyore เขียน: ส่วนเรื่องที่พี่เพื่อนติดค้างไปตอบพรุ่งนี้ เรื่องลูกนะครับ
ในชีวิตจริง
หมอมีเวลาแค่ไม่กี่นาที
ต้องตัดสินใจเดี๋ยวนั้น
ถ้ารอถึงพรุ่งนี้เช้า เด็กคงตายก่อนเป็นแน่แท้
ถ้าพี่เพื่อนเป็นหมอคนนั้น
คงได้เข้าไปอยู่ในคุกเป็นแม่นมั่น
ต้องระวังกันหน่อยนะครับ
เข้าใจผิดกันได้ง่ายมากเลย
โพสด้วยข้อมูลบวกด้วยความเมตตาเยอะๆน่าจะดีที่สุด
ก่อนหน้านี้มีเพื่อนหมอรุ่นใหญ่ด้วย นั่งทานข้าวด้วยกัน
บอกว่าน้องแพทย์ผู้หญิงคนนี้ ร้องไห้ตอนถูกใส่กุญแจมือด้วย
ผมมาอ่านที่พี่แสนโพสที่ได้นำเรื่องของกลุ่มที่ออกมาปกป้องน้องผู้สูญเสียคนนี้
ในบทความบอกว่าแม้แต่กุญแจมือก็ได้ขอทางตำรวจว่าไม่ให้ใส่ ให้เกียรติกันด้วย
ผมก็ยัง งง งง อยู่จนทุกวันนี้ ว่าจะเชื่อข้างไหนดี
ผมเจอเพื่อนคนนี้บ่อย ไว้ผมจะไปถามเขาว่าเขาเห็นถูกใส่กุญแจมือด้วยตาตนเอง(ในทีวี)หรือเปล่า
หรือเพื่อนมาเล่าให้ฟังอีกทอดนึง
คิดดูสิครับเรื่องเดียวกัน สามารถเปลี่ยนไปเป็นอีกเรื่องได้ง๊ายง่าย
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 127
เรียนพี่แสน และพี่เพื่อน ที่เคารพครับ
ผม (และเชื่อว่าพี่คนอื่นๆด้วย) มิได้พยายามบอกว่าตัวเองดีพร้อมครับ (พวกเราพลาดได้จริงๆ ที่ผ่านๆ มาก็ยอมรับ human error เป็นสิ่งที่แก้ไม่มีทางได้หมด) ผมก็เคยบอกไปว่า หมอที่ทำผิดจริงๆ มันก็มี ก็สมควรโดนลงโทษ (อย่างมหันต์)
แต่กำลัง พยายามอธิบายว่า ข้อมูลสื่อ มักจะชี้นำไปในทางที่ เอนไปทางผู้เสียหาย เพราะไม่งั้นจะขายข่าวไม่ได้
กรณีที่เกิดนี้ ผมเองก็ไม่ทราบ ว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกใส่กุญแจมือหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ
แต่อยากให้ รับฟัง อย่าเพิ่งรีบกล่าวโทษ (ใช้คำถูกรึเปล่าก็ไม่รู้)
การดำเนินโรคแต่ละโรค ไม่เหมือนกัน แต่มันมีบางส่วนที่คล้ายกันได้ (ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งวินิจฉัยแยกโรค หรือ differential diagnosis กันให้ยุ่งหัว)
นาทีแรก คิดถึงโรคหนึ่งมากที่สุด
เมื่อผ่านไปอีกนาที อาจเปลี่ยนแล้วก็ได้
สิ่งหนึ่งเลยที่ผมอยากฝากให้พี่แสน เรียนคนรู้จักให้ทราบ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเองมากที่สุด (ผมก็แนะนำญาติและคนรู้จักของผมด้วย)
ในกรณีไปรักษาที่หนึ่งแล้วไม่หาย จะไปรักษา ที่อื่น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ (เรียกกันเป็นชื่อเล่นว่า medical shopping) นั้น เป็นผลเสียต่อตัวเองมากกว่า
ด้วยเหตุผลข้างต้นครับ
งงมั๊ยครับ
เจอบ่อยมาก ที่คนชอบมาถามว่า หมอ ทำไงดี ไปรักษามาแล้ว สาม รพ รักษาไม่หายเลย อยากมาหาอาจารย์หมอที่ศิริราช ช่วยแนะนำที
ผมก็ถามๆ ไป อย่างกรณี ล่าสุด
ลูกน้องของ พี่ที่รู้จักคนนึง ปวดข้อเท้า บอกว่เป็นมาสักสามสี่วัน
ไปหาหมอมาทุกวันเลย สามวันแรก ทุก รพ บอก ว่า สงสัยเอ็น อักเสบ
ก็ให้ยามากิน
ผมก็ถามต่อไปว่า อาการเป็นยังไง เค้าก็ว่า แรกๆ ก็ปวดบวม นิดหน่อย ไม่แดง
ไม่มีไข้ กินยาไปไม่หาย ไปรักษาอีกที่ ก็ได้ยาคล้ายๆ เดิม วันที่สามเป็นมากขึ้น ก็ไปอีกที่ จนวันนี้วันที่ห้า บวมเป่ง แดง ร้อน เป็นไข้
ถามว่าพี่แสน จะทำอย่างไรครับ
และ ให้ทายว่าผมจะตอบอย่างไร
.
.
.
.
ลูกน้องคนรู้จักคนนี้ ก็ไม่ได้มีเงินมากมาย มีประกันสังคมที่ รพ แห่งหนึ่ง ใหญ่ เป็นโรงเรียนแพทย์ ซึ่งได้ไปหามา เป็น รพ แรก และมีนัดด้วยในวันถัดไป
ผมก็เลยบอกไปว่า อย่าเพิ่งเลย ให้ลองกลับไปที่ รพ นั้นอีกครั้ง
เพราะ เค้าจะรู้มากที่สุด เกี่ยวกับ อาการตั้งแต่เริ่มแรก
ถ้าไป รพ ใหม่อีก แล้วอาการยังไม่ชัดมากจริงๆ ก็มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่
(เราไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ บางทีก็ต้องรักษา โรคที่เจอบ่อยที่สุดก่อน แล้วดูการดำเนินโรคต่อไปโดยการ ติดตามอาการ)
แล้วถ้า เค้าว่า ยังไม่มีอะไร ผมจะติดต่อให้
นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไม มักเกิดกรณี รพ แรกๆ วินิจฉัยไม่ได้ ทำไม หมอคนหลังสุดวินิจฉัยได้....
ดังนั้นอย่าเรียกว่า ดับเบิ้ลเช็คเลยครับ และเรียกว่า second opinion ไม่ได้ด้วย เพราะมันต่างกรรม ต่างวาระ นะครับ
ส่วน second opinion ถ้าไม่สงสัยผมจะขอข้ามไป เด๋วยาว
พี่ยังไม่เข้าใจที่ผมพยายามบอก
ผมไม่ได้คิดว่าพี่ หรือคนอื่นๆ กำลังว่า หมอ ว่าผิด
และ คุณหมอทุกท่าน ก็ไม่ได้ ต่อว่าผู้สูญเสียเลย
(แต่ส่วนมาก จะต่อว่า สื่อ หรือผู้ชักนำอื่นๆ มากกว่า)
และอยากขอให้จบตรงนี้ เพราะ ต่างคนต่าง เรียกร้อยให้เข้าใจอีกฝ่าย
เท่าที่ผมอ่าน ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องหาข้อเท็จจริง
มันมีระบบของมันอยู่แล้วครับ
ตั้งแต่แพทยสภา
แต่ คนมักไม่เชื่อถือ เพราะคิดว่าเข้าข้างกันเอง ก็เป็นพวกเดียวกันนิ?
ไม่มีการเพิกเฉย ครับ (หรือมี ก็สุดที่ผมจะทราบได้)
แต่ กระบวนการมันก็ต่างกัน อย่างที่พี่ eyore ว่าไว้
คือ มันมีบางส่วนที่หาสาเหตุไม่ไดจริงๆ อีกส่วนเกิดจากเหตุสุดวิสัย
และอีกส่วนที่เกิดจากความประมาท อีกส่วนเกิดจากตั้งใจ
ผมว่าอันหลังสุดน่ะผิดแน่ๆ
สามอันแรก พี่ว่าผิดมั้ยครับ?
.
.
.
(เชื่อว่าพี่จะตอบว่า ไม่น่าผิด แต่อาจจะ มีเทาๆ ที่ ส่วนเกิดจากความประมาท)
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เกิดจากข้อหลังสุด ที่ ทุกคนเห็นว่าดำ นั้น มันน้อยมากจริงๆ (อย่าถามหาที่มานะครับ แหะๆ)
แต่จะพบว่า ข้อมูลที่กระพือผ่านสื่อนั้น เยอะไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ผ่านการหาสาเหตุ และนำมากระพือ สังเกตได้จากว่า ส่วนมาก พอข่าวผ่านไปสักระยะ เรื่องก็จะเงียบไป (จริงมั้ยครับ) ถ้าไปตามดู ก็จะพบว่า ... หมอไม่ได้ผิดจริง (แต่ทำไมไม่ออกมาแก้ข่าวให้ล่ะ? ส่วนมากเพราะ ไม่อยากให้เรื่องยาว ไม่อยากดังครับ)
สุดท้าย ผมขอสรุป+ตอบว่า
1. ขั้นตอนการพิจารณาหาสาเหตุนั้นมีอยู่แล้ว แต่ข้อมูลที่ออกผ่านสื่อ ที่มักจะนำเสนอด้านของผู้เสียหายนั้น มักยังไม่ได้รับการหาสาเหตุ (อย่างที่พี่เพื่อนว่า) แต่มันมีอยู่แล้วล่ะครับ
2. ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ที่แพทยสภา ออกฉบับร่างมานั้น ยังไม่ได้ตีพิมพ์
จริงๆ แล้ว เค้าคิดกันว่าจะออกเป็น หน้าที่ของผู้ป่วย (ตามหลัง สิทธิของผู้ป่วย) (เพราะคนเรามีแต่สิทธิ ไม่มีหน้าที่ ไม่ได้) แต่มีคนค้าน เพราะกลัวจะ ยิ่งกระทบกระทั่งกัน (ก็หมอด้วยกันนี่แหละค้าน) จึงออกมาเป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าคนได้อ่าน คงจะทำให้เราเข้าใจกันได้ดีกว่านี้
3. ขอบคุณพี่เพื่อนที่เข้าใจว่า การรักษาคนพลาด ไม่เหมือน การที่ตึกถล่ม
4. ขอบคุณพี่แสน ที่ยกประเด็น ดีๆ ที่คนมักเข้าใจผิดกัน มานำเสนอ
5. อย่าเรียกร้องให้เห็นใจกันไปมาเลยครับ เชื่อว่าคนไทย เราต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว และ รับฟังกันอยู่แล้ว
6. ขอโทษที่เขียนยาวเหยียด 555 :D
ผม (และเชื่อว่าพี่คนอื่นๆด้วย) มิได้พยายามบอกว่าตัวเองดีพร้อมครับ (พวกเราพลาดได้จริงๆ ที่ผ่านๆ มาก็ยอมรับ human error เป็นสิ่งที่แก้ไม่มีทางได้หมด) ผมก็เคยบอกไปว่า หมอที่ทำผิดจริงๆ มันก็มี ก็สมควรโดนลงโทษ (อย่างมหันต์)
แต่กำลัง พยายามอธิบายว่า ข้อมูลสื่อ มักจะชี้นำไปในทางที่ เอนไปทางผู้เสียหาย เพราะไม่งั้นจะขายข่าวไม่ได้
กรณีที่เกิดนี้ ผมเองก็ไม่ทราบ ว่าเกิดอะไรขึ้น ถูกใส่กุญแจมือหรือไม่ ผมก็ไม่ทราบ
แต่อยากให้ รับฟัง อย่าเพิ่งรีบกล่าวโทษ (ใช้คำถูกรึเปล่าก็ไม่รู้)
ส่วนอันนี้ มันก็เป็นข้อเท็จจริงครับ อีกข้อนึงsan เขียน:แล้วก็.....มีหลายครั้งเสียด้วยซ้ำ.....ที่เมื่อคนไข้ทำการ ดับเบิลเช็ค การวินิจฉัย แล้วปรากฎว่าผลการวินิจฉัย ไม่ได้เป็นแบบที่หมอท่านแรกวินิจฉัย
การดำเนินโรคแต่ละโรค ไม่เหมือนกัน แต่มันมีบางส่วนที่คล้ายกันได้ (ไม่งั้นคงไม่ต้องมานั่งวินิจฉัยแยกโรค หรือ differential diagnosis กันให้ยุ่งหัว)
นาทีแรก คิดถึงโรคหนึ่งมากที่สุด
เมื่อผ่านไปอีกนาที อาจเปลี่ยนแล้วก็ได้
สิ่งหนึ่งเลยที่ผมอยากฝากให้พี่แสน เรียนคนรู้จักให้ทราบ เพื่อเป็นประโยชน์แก่ตัวเองมากที่สุด (ผมก็แนะนำญาติและคนรู้จักของผมด้วย)
ในกรณีไปรักษาที่หนึ่งแล้วไม่หาย จะไปรักษา ที่อื่น เปลี่ยนไปเรื่อยๆ (เรียกกันเป็นชื่อเล่นว่า medical shopping) นั้น เป็นผลเสียต่อตัวเองมากกว่า
ด้วยเหตุผลข้างต้นครับ
งงมั๊ยครับ
เจอบ่อยมาก ที่คนชอบมาถามว่า หมอ ทำไงดี ไปรักษามาแล้ว สาม รพ รักษาไม่หายเลย อยากมาหาอาจารย์หมอที่ศิริราช ช่วยแนะนำที
ผมก็ถามๆ ไป อย่างกรณี ล่าสุด
ลูกน้องของ พี่ที่รู้จักคนนึง ปวดข้อเท้า บอกว่เป็นมาสักสามสี่วัน
ไปหาหมอมาทุกวันเลย สามวันแรก ทุก รพ บอก ว่า สงสัยเอ็น อักเสบ
ก็ให้ยามากิน
ผมก็ถามต่อไปว่า อาการเป็นยังไง เค้าก็ว่า แรกๆ ก็ปวดบวม นิดหน่อย ไม่แดง
ไม่มีไข้ กินยาไปไม่หาย ไปรักษาอีกที่ ก็ได้ยาคล้ายๆ เดิม วันที่สามเป็นมากขึ้น ก็ไปอีกที่ จนวันนี้วันที่ห้า บวมเป่ง แดง ร้อน เป็นไข้
ถามว่าพี่แสน จะทำอย่างไรครับ
และ ให้ทายว่าผมจะตอบอย่างไร
.
.
.
.
ลูกน้องคนรู้จักคนนี้ ก็ไม่ได้มีเงินมากมาย มีประกันสังคมที่ รพ แห่งหนึ่ง ใหญ่ เป็นโรงเรียนแพทย์ ซึ่งได้ไปหามา เป็น รพ แรก และมีนัดด้วยในวันถัดไป
ผมก็เลยบอกไปว่า อย่าเพิ่งเลย ให้ลองกลับไปที่ รพ นั้นอีกครั้ง
เพราะ เค้าจะรู้มากที่สุด เกี่ยวกับ อาการตั้งแต่เริ่มแรก
ถ้าไป รพ ใหม่อีก แล้วอาการยังไม่ชัดมากจริงๆ ก็มีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่
(เราไม่รู้ว่าเป็นอะไรแน่ บางทีก็ต้องรักษา โรคที่เจอบ่อยที่สุดก่อน แล้วดูการดำเนินโรคต่อไปโดยการ ติดตามอาการ)
แล้วถ้า เค้าว่า ยังไม่มีอะไร ผมจะติดต่อให้
นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไม มักเกิดกรณี รพ แรกๆ วินิจฉัยไม่ได้ ทำไม หมอคนหลังสุดวินิจฉัยได้....
ดังนั้นอย่าเรียกว่า ดับเบิ้ลเช็คเลยครับ และเรียกว่า second opinion ไม่ได้ด้วย เพราะมันต่างกรรม ต่างวาระ นะครับ
ส่วน second opinion ถ้าไม่สงสัยผมจะขอข้ามไป เด๋วยาว
ส่วนของพี่เพื่อนเพื่อน เขียน: ผมไม่ได้ตำหนิหมอหรือใครว่าเป็นคนผิดนะครับ ผมลองโพสต์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณหมอหลายท่านกำลังต่อว่าผู้สูญเสียอยู่ ถ้าคุณหมอพร้อมจะรับฟังบ้าง ผมก็ยินดี แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ฟังไม่เข้าหู ไม่เข้าท่า ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะผมโพสต์ไปแล้ว...อย่าโกรธกันนะ.... :lol:
ที่ผมโพสต์ไปนั้น ผมพยามยามเน้นที่การหาสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และหาทางป้องกัน+แก้ใขครับ
ผมโพสต์เรื่องตึกถล่มมาเปรียบเทียบ เพื่อเน้นให้ชัดในเรื่อง หากเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เราสมควรจะหาสาเหตุก่อนหรือควรเพิกเฉยครับ ปล่อยให้มันเงียบๆปิดๆบังๆกันไป
พี่ยังไม่เข้าใจที่ผมพยายามบอก
ผมไม่ได้คิดว่าพี่ หรือคนอื่นๆ กำลังว่า หมอ ว่าผิด
และ คุณหมอทุกท่าน ก็ไม่ได้ ต่อว่าผู้สูญเสียเลย
(แต่ส่วนมาก จะต่อว่า สื่อ หรือผู้ชักนำอื่นๆ มากกว่า)
และอยากขอให้จบตรงนี้ เพราะ ต่างคนต่าง เรียกร้อยให้เข้าใจอีกฝ่าย
เท่าที่ผมอ่าน ทั้งสองฝ่ายก็เข้าใจกันดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องหาข้อเท็จจริง
มันมีระบบของมันอยู่แล้วครับ
ตั้งแต่แพทยสภา
แต่ คนมักไม่เชื่อถือ เพราะคิดว่าเข้าข้างกันเอง ก็เป็นพวกเดียวกันนิ?
ไม่มีการเพิกเฉย ครับ (หรือมี ก็สุดที่ผมจะทราบได้)
แต่ กระบวนการมันก็ต่างกัน อย่างที่พี่ eyore ว่าไว้
คือ มันมีบางส่วนที่หาสาเหตุไม่ไดจริงๆ อีกส่วนเกิดจากเหตุสุดวิสัย
และอีกส่วนที่เกิดจากความประมาท อีกส่วนเกิดจากตั้งใจ
ผมว่าอันหลังสุดน่ะผิดแน่ๆ
สามอันแรก พี่ว่าผิดมั้ยครับ?
.
.
.
(เชื่อว่าพี่จะตอบว่า ไม่น่าผิด แต่อาจจะ มีเทาๆ ที่ ส่วนเกิดจากความประมาท)
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เกิดจากข้อหลังสุด ที่ ทุกคนเห็นว่าดำ นั้น มันน้อยมากจริงๆ (อย่าถามหาที่มานะครับ แหะๆ)
แต่จะพบว่า ข้อมูลที่กระพือผ่านสื่อนั้น เยอะไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังเป็นข้อมูลที่ยังไม่ได้ผ่านการหาสาเหตุ และนำมากระพือ สังเกตได้จากว่า ส่วนมาก พอข่าวผ่านไปสักระยะ เรื่องก็จะเงียบไป (จริงมั้ยครับ) ถ้าไปตามดู ก็จะพบว่า ... หมอไม่ได้ผิดจริง (แต่ทำไมไม่ออกมาแก้ข่าวให้ล่ะ? ส่วนมากเพราะ ไม่อยากให้เรื่องยาว ไม่อยากดังครับ)
สุดท้าย ผมขอสรุป+ตอบว่า
1. ขั้นตอนการพิจารณาหาสาเหตุนั้นมีอยู่แล้ว แต่ข้อมูลที่ออกผ่านสื่อ ที่มักจะนำเสนอด้านของผู้เสียหายนั้น มักยังไม่ได้รับการหาสาเหตุ (อย่างที่พี่เพื่อนว่า) แต่มันมีอยู่แล้วล่ะครับ
2. ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ที่แพทยสภา ออกฉบับร่างมานั้น ยังไม่ได้ตีพิมพ์
จริงๆ แล้ว เค้าคิดกันว่าจะออกเป็น หน้าที่ของผู้ป่วย (ตามหลัง สิทธิของผู้ป่วย) (เพราะคนเรามีแต่สิทธิ ไม่มีหน้าที่ ไม่ได้) แต่มีคนค้าน เพราะกลัวจะ ยิ่งกระทบกระทั่งกัน (ก็หมอด้วยกันนี่แหละค้าน) จึงออกมาเป็นข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ซึ่งผมเชื่อว่า ถ้าคนได้อ่าน คงจะทำให้เราเข้าใจกันได้ดีกว่านี้
3. ขอบคุณพี่เพื่อนที่เข้าใจว่า การรักษาคนพลาด ไม่เหมือน การที่ตึกถล่ม
4. ขอบคุณพี่แสน ที่ยกประเด็น ดีๆ ที่คนมักเข้าใจผิดกัน มานำเสนอ
5. อย่าเรียกร้องให้เห็นใจกันไปมาเลยครับ เชื่อว่าคนไทย เราต่างก็เข้าใจซึ่งกันและกันอยู่แล้ว และ รับฟังกันอยู่แล้ว
6. ขอโทษที่เขียนยาวเหยียด 555 :D
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 128
อ้อ พี่เพื่อน
ได้คำตอบแล้วไม่ต้องตอบนะครับ
เก็บไว้ในใจก็พอ ขอบพระคุณครับ
ผมตั้งใจถาม ไม่ได้อยากให้ตอบครับ
ทำไมเหรอครับ
.
.
.
.
.
บางที คำตอบมันไม่มี ไม่ก็อยู่ที่ระบบ ไม่ก็อยู่ที่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ครับ
ถ้าตอบมา คน ร้อยคน ก็จะมีคำตอบ ต่างๆ กัน
ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกครับ ว่า ผมจะเลือกอย่างไหน ถ้าผมเป็นสามีคนนั้น
ผมเอง จึงเชื่อ ว่า มันอยู่ที่ กรรม และ วาระ
ให้แต่ละคน ตัดสินใจเองดีที่สุด (ผมเชื่ออย่างนั้น)
ได้คำตอบแล้วไม่ต้องตอบนะครับ
เก็บไว้ในใจก็พอ ขอบพระคุณครับ
ผมตั้งใจถาม ไม่ได้อยากให้ตอบครับ
ทำไมเหรอครับ
.
.
.
.
.
บางที คำตอบมันไม่มี ไม่ก็อยู่ที่ระบบ ไม่ก็อยู่ที่ความเข้าใจซึ่งกันและกัน ครับ
ถ้าตอบมา คน ร้อยคน ก็จะมีคำตอบ ต่างๆ กัน
ผมเองก็ตอบไม่ได้หรอกครับ ว่า ผมจะเลือกอย่างไหน ถ้าผมเป็นสามีคนนั้น
ผมเอง จึงเชื่อ ว่า มันอยู่ที่ กรรม และ วาระ
ให้แต่ละคน ตัดสินใจเองดีที่สุด (ผมเชื่ออย่างนั้น)
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 129
บทเพลงบทหนึ่งที่ผมค่อนข้างชอบของอัสนีและวสันต์ครับ
น้ำเอย น้ำใจ
ของใครให้มา
เหมือนการพึ่งพา
ประสานความเข้าใจ
จากน้ำผึ้งหยดเดียว.............
ก่อให้เกิดเรื่องราวที่มีความเห็นต่างมุมมองและขยายเป็นวงกว้าง และนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดซึ่งนึกไม่ถึงครับ
ก็เพียงแค่เราเปิดใจรับฟัง เปิดใจด้วยความเข้าใจ
เหตุการณ์อาจไม่บานปลายก็ได้ครับ
อยู่ที่เราต้องมีน้ำใจให้กับคนทั้ง 2 ฝ่าย และมองด้วยความเป็นธรรม
อย่าเพียงตัดสินว่าใครคือคนถูกหรือใครคือคนผิด
แล้วปัญหาต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่ายครับ
เปิดใจรับฟัง และหาทางออกที่ดีที่สุด
แล้วนำอุทาหรณ์ตามกระทู้นี้ที่มีแง่คิดมากมาย ไปหาคำตอบที่น่าจะเป็นประโยชน์กับสังคมส่วนรวมครับ
ผมได้ลองเข้าไปค้นข่าวที่น่าสนใจเพื่อลองติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ ลองติดตามดูนะครับ
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องหมอคดีผ่าไส้ติ่งแล้วตายที่ร่อนพิบูลย์ เมืองคอน ศาลพิพากษาหมดอายุความ ลูกสาวยันเดินหน้าขอความเป็นธรรมต่อไป ด้านเครือข่ายผู้เสียหายจากการบริการแพทย์ ห่วงผลการตัดสิน อาจกลายเป็นบรรทัดฐานส่งผลกระทบผู้ป่วยรายอื่นๆ พร้อมเตรียมร้องศาลปกครอง ที่แพทยสภาและสตช.ออกหนังสือไม่รับแจ้งความแพทย์ แต่ต้องรอความเห็นแพทยสภาก่อน
วันที่ 12 ก.ค.50 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จ.นนทบุรี มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้องในกรณีที่ น.ส.สิริมาศ แก้งคงจันทร์ บุตรของนางสมควร แก้วคงจันทร์ผู้ตายเป็นฝ่ายโจทก์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5 %ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2545 กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำเลย ซึ่งมี นพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และพญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลฯ ทำการผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควรด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเลินเล่อ ไม่เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และยาแก้ไขภาวระแทรกซ้อน ทำให้ผู้ตายหยุดหายใจทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจนและเสียชีวิตในวันที 5 มิ.ย. 2545 เนื่องมาจากเหตุผลที่คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีหมายเลขดำที่ พ.568/2549และคดีหมายเลขแดงที่ 720/2550 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2550 เรื่องละเมิดพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ โจทก์และจำเลย อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 16 ก.ย.2548 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับวันที่ 3 ก.ค. 2549 ระบุว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาก่อนหน้านี้ว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะมีอายุความ 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์และอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยต่อไป
ทั้งนี้น.ส.สิริมาศฝ่ายโจทก์ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมวันที่ 16 พ.ค. 2546 นพ.พีระยอมรับความผิดพลาดในการรักษานางสมควร น.ส.สิริมาศเรียกค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายที่ผู้ตายต้องขาดประโยชน์จากการประกอบอาชีพเดือนละ 1.5 หมื่นบาทเป็นเวลา 11 ปี เป็นเงิน 1.98 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาล 5 หมื่นบาท ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายส่งศพมาชันสูตร 5 หมื่นบาท รวม 2.08 ล้านบาทพร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
ฝ่ายจำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ เรื่องจากน.ส.สิริมาศทราบเหตุเกิดและตัวบุคคลที่อ้างว่ากระทำละเมิดวันที่ 5 มิ.ย. 2545 เมื่อนับถึงวันฟ้องเกิน 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ของจำเลยดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยความละเอียดรอบครอบระมัดระวังถูกต้องตามหลักวิชาการของวิชาชีพแพทย์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างใด และหากนางสมควรมีชีวิตอยู่สามารถทำงานได้ 2 ปีก็น่าจะไม่เกินเดือนละ 1 พันบาท รัฐบาลมีโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังนั้นการรักษาพยาบาลในช่วงนั้นก็ไม่เกิน 30 บาท อีกทั้งค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นไม่น่าเกิน 3 พันบาท จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนประชุมปรึกาแล้ว ได้พิจารณาสำเนารายงานประจำวันที่เกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.7แล้ว วันที่เกิดเหตุ โจทก์ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอร่อนพิบูลย์ว่า นางสมควรเสียชีวิตวันที่ 5 มิ.ย.2545 โจทก์สันนิษฐานว่า เหตุที่ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากนพ.พีระ และพญ.สุทธิพร วินิจฉัยโรคผิดและให้ยาผิด แต่ในชั้นนี้โจทก์ยังไม่มีหลักฐานใดมายืนยันว่า จำเลยทั้ง 2 คนกระทำโดยประมาท โดยขอให้สถานีตำรวจภูธรอำเภอร่อนพิบูลย์ส่งศพผู้ตายไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา กทม. เพื่อหาสาเหตุการตายต่อไป
นอกจากนี้เหตุว่า วันที่เกิดเหตุโจทก์ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สอดคล้องกับที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ส่วนโจทก์จะมีหลักฐานใดมายืนยันว่า นพ.พีระและพญ.สุทธิพร กระทำโดยการประมาทเลินเล่อนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หาใช่อายุความเริ่มวันที่ 16 พ.ค. 2546 ที่นพ.พีระยอมรับความผิดพลาดในการรักษาผู้ตายตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่
แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่ให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ โดยอาศัยสิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเรื่องอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51นั้น ต้องเป็นกรณีโจทก์เรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยผู้กระทำผิดอาญาโดยตรงเท่านั้น ไม่ได้หมายความรวมถึงการเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะจำเลยหน่วยงานของรัฐไม่ใช่ผู้กระทำผิดอาญา จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาลให้เป็นพับ ลงนามนายสุรพันธุ์ ละอองมณี นายประสิทธิ์ สนามชวด และนางสุวิชา นาควัชระ อัยการอ่านคำพิพากษา
น.ส.สิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของนางสมควรที่เสียชีวิตจากการผ่าตัดไส้ติ่ง กล่าวว่า หลังจากนี้จะปรึกษาทนายความ เพื่อขอความเป็นธรรมกับศาลฎีกาให้ถึงที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี เมื่อได้ฟังคำพิพากษาผลออกมาเช่นนี้ก็รู้สึกเหมือนกับหมดทุกสิ่งแต่ก็จะยังคงอุทธรณ์ต่อไป
ทำไมต้องรังแกหนูอีก ชีวิตของหนูก็ไม่มีอะไรดีเลย ก่อนหน้านี้เคยได้เรียนหนังสือ เคยมีความสุขกับครอบครัว แต่ตอนนี้ครอบครัวทุกอย่างมันจบสิ้นไปตั้งแต่แม่ตายเฉียบพลันเช่นนี้ พ่อก็ต้องป่วยทำงานไม่ได้ รอผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช หนูก็ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ น้องสาวก็จะเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ซึ่งคงให้ทำงานหาเงินส่งเสียตัวเอง ในส่วนของคดีอาญาอยู่ระหว่างการนำสืบพยานอยู่ ซึ่งหนูได้มีส่วนในการให้ข้อมูลด้วย น.ส.สิริมาศ กล่าว
ด้านนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการบริการทางการแพทย์ กล่าวว่า นอกจากคดีของน.ส.สิริมาศที่เป็นผู้เสียหายที่อยู่ในเครือข่ายแล้ว หากถึงที่สุดแล้วน.ส.สิริมาศแพ้ดคีจะทำให้ผู้เสียหายในคดีอื่นๆอีกหลายคดีต้องพลอยได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้เป็นบรรทัดฐานและแพ้คดีด้วย
ที่สำคัญเรื่องที่คนไข้ไม่สามารถไปแจ้งความดำเนินการกับแพทย์ได้ เนื่องจากแพทยสภาได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนในที่สุดพล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ในขณะนั้นได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกสถานีตำรวจว่า หากมีคดีเกี่ยวกับแพทย์ไม่อนุญาตให้รับแจ้งความ เว้นแต่ได้รับความเห็นจากแพทยสภาก่อน ซึ่งเร็วๆนี้จะเดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม และฟ้องร้องแพทยสภาและสตช.ในเรื่องดังกล่าวด้วย นางปรียนันท์ กล่าว
น้ำเอย น้ำใจ
ของใครให้มา
เหมือนการพึ่งพา
ประสานความเข้าใจ
จากน้ำผึ้งหยดเดียว.............
ก่อให้เกิดเรื่องราวที่มีความเห็นต่างมุมมองและขยายเป็นวงกว้าง และนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดซึ่งนึกไม่ถึงครับ
ก็เพียงแค่เราเปิดใจรับฟัง เปิดใจด้วยความเข้าใจ
เหตุการณ์อาจไม่บานปลายก็ได้ครับ
อยู่ที่เราต้องมีน้ำใจให้กับคนทั้ง 2 ฝ่าย และมองด้วยความเป็นธรรม
อย่าเพียงตัดสินว่าใครคือคนถูกหรือใครคือคนผิด
แล้วปัญหาต่าง ๆ ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดีที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่ายครับ
เปิดใจรับฟัง และหาทางออกที่ดีที่สุด
แล้วนำอุทาหรณ์ตามกระทู้นี้ที่มีแง่คิดมากมาย ไปหาคำตอบที่น่าจะเป็นประโยชน์กับสังคมส่วนรวมครับ
ผมได้ลองเข้าไปค้นข่าวที่น่าสนใจเพื่อลองติดตามดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ ลองติดตามดูนะครับ
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องหมอคดีผ่าไส้ติ่งแล้วตายที่ร่อนพิบูลย์ เมืองคอน ศาลพิพากษาหมดอายุความ ลูกสาวยันเดินหน้าขอความเป็นธรรมต่อไป ด้านเครือข่ายผู้เสียหายจากการบริการแพทย์ ห่วงผลการตัดสิน อาจกลายเป็นบรรทัดฐานส่งผลกระทบผู้ป่วยรายอื่นๆ พร้อมเตรียมร้องศาลปกครอง ที่แพทยสภาและสตช.ออกหนังสือไม่รับแจ้งความแพทย์ แต่ต้องรอความเห็นแพทยสภาก่อน
วันที่ 12 ก.ค.50 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 จ.นนทบุรี มีคำพิพากษากลับให้ยกฟ้องในกรณีที่ น.ส.สิริมาศ แก้งคงจันทร์ บุตรของนางสมควร แก้วคงจันทร์ผู้ตายเป็นฝ่ายโจทก์ ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 6 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตรา 7.5 %ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2545 กับสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำเลย ซึ่งมี นพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช และพญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลฯ ทำการผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควรด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเลินเล่อ ไม่เตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์และยาแก้ไขภาวระแทรกซ้อน ทำให้ผู้ตายหยุดหายใจทำให้สมองขาดเลือดและออกซิเจนและเสียชีวิตในวันที 5 มิ.ย. 2545 เนื่องมาจากเหตุผลที่คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 1 คดีหมายเลขดำที่ พ.568/2549และคดีหมายเลขแดงที่ 720/2550 ลงวันที่ 13 มีนาคม 2550 เรื่องละเมิดพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ โจทก์และจำเลย อุทธรณ์ คำพิพากษาศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 16 ก.ย.2548 ศาลอุทธรณ์ภาค 1 รับวันที่ 3 ก.ค. 2549 ระบุว่า ที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมาก่อนหน้านี้ว่า คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ เพราะมีอายุความ 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น คดีไม่จำต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์และอุทธรณ์ข้ออื่นของจำเลยต่อไป
ทั้งนี้น.ส.สิริมาศฝ่ายโจทก์ได้ร้องเรียนขอความเป็นธรรมวันที่ 16 พ.ค. 2546 นพ.พีระยอมรับความผิดพลาดในการรักษานางสมควร น.ส.สิริมาศเรียกค่าสินไหมทดแทนและค่าเสียหายที่ผู้ตายต้องขาดประโยชน์จากการประกอบอาชีพเดือนละ 1.5 หมื่นบาทเป็นเวลา 11 ปี เป็นเงิน 1.98 ล้านบาท ค่ารักษาพยาบาล 5 หมื่นบาท ค่าปลงศพและค่าใช้จ่ายส่งศพมาชันสูตร 5 หมื่นบาท รวม 2.08 ล้านบาทพร้อมอัตราดอกเบี้ย 7.5 ต่อปี นับแต่วันเกิดเหตุ
ฝ่ายจำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ เรื่องจากน.ส.สิริมาศทราบเหตุเกิดและตัวบุคคลที่อ้างว่ากระทำละเมิดวันที่ 5 มิ.ย. 2545 เมื่อนับถึงวันฟ้องเกิน 1 ปีแล้ว เจ้าหน้าที่ของจำเลยดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยความละเอียดรอบครอบระมัดระวังถูกต้องตามหลักวิชาการของวิชาชีพแพทย์อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ไม่ได้ประมาทเลินเล่ออย่างใด และหากนางสมควรมีชีวิตอยู่สามารถทำงานได้ 2 ปีก็น่าจะไม่เกินเดือนละ 1 พันบาท รัฐบาลมีโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดังนั้นการรักษาพยาบาลในช่วงนั้นก็ไม่เกิน 30 บาท อีกทั้งค่าปลงศพรวมทั้งค่าใช้จ่ายอื่นไม่น่าเกิน 3 พันบาท จึงขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ตรวจสำนวนประชุมปรึกาแล้ว ได้พิจารณาสำเนารายงานประจำวันที่เกี่ยวกับคดีเอกสารหมาย จ.7แล้ว วันที่เกิดเหตุ โจทก์ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอร่อนพิบูลย์ว่า นางสมควรเสียชีวิตวันที่ 5 มิ.ย.2545 โจทก์สันนิษฐานว่า เหตุที่ผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากนพ.พีระ และพญ.สุทธิพร วินิจฉัยโรคผิดและให้ยาผิด แต่ในชั้นนี้โจทก์ยังไม่มีหลักฐานใดมายืนยันว่า จำเลยทั้ง 2 คนกระทำโดยประมาท โดยขอให้สถานีตำรวจภูธรอำเภอร่อนพิบูลย์ส่งศพผู้ตายไปยังสถาบันนิติเวชวิทยา กทม. เพื่อหาสาเหตุการตายต่อไป
นอกจากนี้เหตุว่า วันที่เกิดเหตุโจทก์ผู้ต้องเสียหายรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สอดคล้องกับที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย ส่วนโจทก์จะมีหลักฐานใดมายืนยันว่า นพ.พีระและพญ.สุทธิพร กระทำโดยการประมาทเลินเล่อนั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หาใช่อายุความเริ่มวันที่ 16 พ.ค. 2546 ที่นพ.พีระยอมรับความผิดพลาดในการรักษาผู้ตายตามที่โจทก์บรรยายฟ้องไม่
แต่อย่างไรก็ตามในกรณีที่ให้เอาอายุความที่ยาวกว่านั้นมาบังคับ โดยอาศัยสิทธิของผู้เสียหายที่จะฟ้องคดีแพ่งเรื่องอายุความ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 51นั้น ต้องเป็นกรณีโจทก์เรียกร้องค่าเสียหายในมูลละเมิดจากจำเลยผู้กระทำผิดอาญาโดยตรงเท่านั้น ไม่ได้หมายความรวมถึงการเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยหน่วยงานของรัฐต้องรับผิดต่อโจทก์ผู้เสียหายในผลแห่งละเมิดที่เจ้าหน้าที่ของตนได้กระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เพราะจำเลยหน่วยงานของรัฐไม่ใช่ผู้กระทำผิดอาญา จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 2 ศาลให้เป็นพับ ลงนามนายสุรพันธุ์ ละอองมณี นายประสิทธิ์ สนามชวด และนางสุวิชา นาควัชระ อัยการอ่านคำพิพากษา
น.ส.สิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรของนางสมควรที่เสียชีวิตจากการผ่าตัดไส้ติ่ง กล่าวว่า หลังจากนี้จะปรึกษาทนายความ เพื่อขอความเป็นธรรมกับศาลฎีกาให้ถึงที่สุด เพราะก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี เมื่อได้ฟังคำพิพากษาผลออกมาเช่นนี้ก็รู้สึกเหมือนกับหมดทุกสิ่งแต่ก็จะยังคงอุทธรณ์ต่อไป
ทำไมต้องรังแกหนูอีก ชีวิตของหนูก็ไม่มีอะไรดีเลย ก่อนหน้านี้เคยได้เรียนหนังสือ เคยมีความสุขกับครอบครัว แต่ตอนนี้ครอบครัวทุกอย่างมันจบสิ้นไปตั้งแต่แม่ตายเฉียบพลันเช่นนี้ พ่อก็ต้องป่วยทำงานไม่ได้ รอผ่าตัดที่โรงพยาบาลศิริราช หนูก็ไม่ได้เรียนหนังสือต่อ น้องสาวก็จะเรียนต่อระดับอุดมศึกษา ซึ่งคงให้ทำงานหาเงินส่งเสียตัวเอง ในส่วนของคดีอาญาอยู่ระหว่างการนำสืบพยานอยู่ ซึ่งหนูได้มีส่วนในการให้ข้อมูลด้วย น.ส.สิริมาศ กล่าว
ด้านนางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา ประธานเครือข่ายผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากการบริการทางการแพทย์ กล่าวว่า นอกจากคดีของน.ส.สิริมาศที่เป็นผู้เสียหายที่อยู่ในเครือข่ายแล้ว หากถึงที่สุดแล้วน.ส.สิริมาศแพ้ดคีจะทำให้ผู้เสียหายในคดีอื่นๆอีกหลายคดีต้องพลอยได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นนี้ด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้เป็นบรรทัดฐานและแพ้คดีด้วย
ที่สำคัญเรื่องที่คนไข้ไม่สามารถไปแจ้งความดำเนินการกับแพทย์ได้ เนื่องจากแพทยสภาได้หารือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนในที่สุดพล.ต.อ.โกวิทย์ วัฒนะ ผู้บังคับบัญชาการตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ในขณะนั้นได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทุกสถานีตำรวจว่า หากมีคดีเกี่ยวกับแพทย์ไม่อนุญาตให้รับแจ้งความ เว้นแต่ได้รับความเห็นจากแพทยสภาก่อน ซึ่งเร็วๆนี้จะเดินทางไปยังศาลปกครองเพื่อขอความเป็นธรรม และฟ้องร้องแพทยสภาและสตช.ในเรื่องดังกล่าวด้วย นางปรียนันท์ กล่าว
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 130
เหตุการณ์ต่อมาที่ยากเกินคำบรรยายจึงเกิดขึ้น
ศาลสั่งจำคุก 3 ปี ฐานฉีดยาชาคนไข้โดยประมาทเลินเล่อ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 3 ปี ในข้อหากระทำโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้คนไข้เสียชีวิต โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าฟังการพิจารณาของศาลจังหวัดทุ่งสง ที่พนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง เป็นโจทก์ และ น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรสาวนางสมควร แก้วคงจันทร์ ผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ เป็นจำเลยที่ 1 และ พญ.สุทธิพร เป็นจำเลยที่ 2 ที่ผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควรด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้นางสมควรหยุดหายใจ สมองขาดเลือดและออกซิเจน กระทั่งเสียชีวิตในวันที 5 มิถุนายน 2545
นางปรียนันท์กล่าวว่า ศาลมีคำตัดสินว่าจำเลยที่ 2 คือ พญ.สุทธิพร เป็นแพทย์ผู้ฉีดยาระงับความเจ็บปวดเข้าไขสันหลังของนางสมควร จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังทั้งวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการแพทย์ที่ได้เรียนมา จะต้องฉีดยาเข้าไขสันหลังในจำนวนปริมาณที่เหมาะสมในระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 คือ นพ.พีระผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จ ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ ฉีดยาชาเข้าทางไขสันหลังของนางสมควร โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้มีปริมาณที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ยาชาออกฤทธิ์ลุกลามไปทั้งตัวของนางสมควร จนเกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นทันที ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
'การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ศาลจึงมีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามฟ้องดังได้วินิจฉัยมาแล้วก่อนหน้านี้ จึงยกฟ้องจำเลยที่ 1' นางปรียนันท์ อ้างคำพิพากษา
นางปรียนันท์กล่าวว่า หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว น.ส.ศิริมาศได้ขอศาลว่าไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้ขัง พญ.สุทธิพร ศาลก็กรุณา และให้ พญ.สุทธิพรประกันตัวออกไปสู้คดี ขณะที่ผ่านมา คณะกรรมการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตั้งขึ้นมาสอบสวนระบุว่า พญ.สุทธิพรไม่มีความผิด และ น.ส.ศิริมาศจะนำคำพิพากษาคดีไปยื่นให้ศาลฎีกาในคดีแพ่งต่อไปด้วย
ด้าน นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีการฟ้องร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมของแพทยสภามีจำนวนมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคดีนี้ได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ นพ.พีระ สรุปว่าคดีไม่มีมูล ถือว่าไม่มีความผิด แต่ไม่มั่นใจในส่วนของ พญ.สุทธิพร ซึ่งเป็นผู้กระทำการรักษาร่วมจะมีการพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ และมีเนื้อหาที่ร้องเรียนมาอย่างไรบ้าง รวมทั้งมีการร้องเรียนในครั้งเดียวกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายจะมาร้องเรียนต่อแพทยสภาอีกครั้ง ก็สามารถกระทำได้
ศาลสั่งจำคุก 3 ปี ฐานฉีดยาชาคนไข้โดยประมาทเลินเล่อ
เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา 3 ปี ในข้อหากระทำโดยประมาทเลินเล่อ เป็นเหตุให้คนไข้เสียชีวิต โดยเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ เปิดเผยว่า ได้เข้าฟังการพิจารณาของศาลจังหวัดทุ่งสง ที่พนักงานอัยการจังหวัดทุ่งสง เป็นโจทก์ และ น.ส.ศิริมาศ แก้วคงจันทร์ บุตรสาวนางสมควร แก้วคงจันทร์ ผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นพ.พีระ คงทอง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ เป็นจำเลยที่ 1 และ พญ.สุทธิพร เป็นจำเลยที่ 2 ที่ผ่าตัดไส้ติ่งนางสมควรด้วยการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังโดยประมาทเลินเล่อ ทำให้นางสมควรหยุดหายใจ สมองขาดเลือดและออกซิเจน กระทั่งเสียชีวิตในวันที 5 มิถุนายน 2545
นางปรียนันท์กล่าวว่า ศาลมีคำตัดสินว่าจำเลยที่ 2 คือ พญ.สุทธิพร เป็นแพทย์ผู้ฉีดยาระงับความเจ็บปวดเข้าไขสันหลังของนางสมควร จำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังทั้งวิสัยและพฤติการณ์เป็นพิเศษ เนื่องจากเป็นผู้ประกอบวิชาชีพทางด้านการแพทย์ที่ได้เรียนมา จะต้องฉีดยาเข้าไขสันหลังในจำนวนปริมาณที่เหมาะสมในระยะเวลาที่จำเลยที่ 1 คือ นพ.พีระผ่าตัดไส้ติ่งให้สำเร็จ ทั้งนี้ จำเลยที่ 2 อาจใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ ฉีดยาชาเข้าทางไขสันหลังของนางสมควร โดยมิได้ควบคุมปริมาณของยาให้มีปริมาณที่เหมาะสม เป็นเหตุให้ยาชาออกฤทธิ์ลุกลามไปทั้งตัวของนางสมควร จนเกิดอาการช็อคหัวใจหยุดเต้นทันที ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลวขาดอากาศหายใจ เป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
'การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงเป็นการกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้นางสมควรถึงแก่ความตาย พยานหลักฐานโจทก์จึงมีน้ำหนักรับฟังได้ตามคำฟ้องของโจทก์ ศาลจึงมีคำพิพากษาให้จำคุกเป็นเวลา 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตามฟ้องดังได้วินิจฉัยมาแล้วก่อนหน้านี้ จึงยกฟ้องจำเลยที่ 1' นางปรียนันท์ อ้างคำพิพากษา
นางปรียนันท์กล่าวว่า หลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว น.ส.ศิริมาศได้ขอศาลว่าไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้ขัง พญ.สุทธิพร ศาลก็กรุณา และให้ พญ.สุทธิพรประกันตัวออกไปสู้คดี ขณะที่ผ่านมา คณะกรรมการที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ตั้งขึ้นมาสอบสวนระบุว่า พญ.สุทธิพรไม่มีความผิด และ น.ส.ศิริมาศจะนำคำพิพากษาคดีไปยื่นให้ศาลฎีกาในคดีแพ่งต่อไปด้วย
ด้าน นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา กล่าวว่า กรณีที่มีการฟ้องร้องที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการจริยธรรมของแพทยสภามีจำนวนมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคดีนี้ได้ตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ นพ.พีระ สรุปว่าคดีไม่มีมูล ถือว่าไม่มีความผิด แต่ไม่มั่นใจในส่วนของ พญ.สุทธิพร ซึ่งเป็นผู้กระทำการรักษาร่วมจะมีการพิจารณาร่วมด้วยหรือไม่ และมีเนื้อหาที่ร้องเรียนมาอย่างไรบ้าง รวมทั้งมีการร้องเรียนในครั้งเดียวกันหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายจะมาร้องเรียนต่อแพทยสภาอีกครั้ง ก็สามารถกระทำได้
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 131
และแล้วหลายความเห็นก็สร้างกระแสความรู้สึกขัดแย้งในสังคมที่ยากเกินบรรยายเช่นกัน
'แพทย์สภา' เสียใจศาลสั่งจำคุก 'พญ.' 3 ปี ฉีดยาชาคนไข้ตาย แนะให้เป็นอุทธาหรณ์ โดยคดีเกิดจากศาลจังหวัดทุ่งสงสั่งจำคุก ฐานฉีดยาชาให้คนไข้ผ่าตัดไส้ติ่งโดยประมาทเลินเล่อ ไม่ควบคุมให้มีปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ยาลุกลามไปทั่วตัว จนเกิดอาการช็อค หัวใจหยุดเต้น ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ขาดอากาศหายใจ ก่อนเสียชีวิต
'แพทย์สภา' เสียใจศาลสั่งจำคุกพญ.ฉีดยาชาคนไข้ตาย
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา แถลงข่าวกรณีศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราชเป็นเวลา 3 ปี ในข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต จากการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังเพื่อระงับความรู้สึกในการผ่าตัดไส้ติ่งคนไข้ โดยไม่ได้ควบคุมในประมาณที่เหมาะสม จนทำให้เกิดอาการช็อคและเสียชีวิต
ทั้งนี้ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า คณะแพทยสภาขอแสดงความเสียใจและ ขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ต่อไป ว่า หากมีการผ่าตัดใดๆ ที่จะต้องมีการดมยาสลบ หรือยาระงับความรู้สึกโดยฉีดเข้าช่วงไขสันหลัง จะต้องทำในโรงพยาบาลที่มีวิสัญญีแพทย์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาในคดีนี้มีผลกระทบต่อวงการแพทย์และสังคม โดยเฉพาะวงการแพทย์จะมีผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะไทยยังขาดแคลนวิสัญญีแพทย์ รวมทั้งแพทย์จะเกิดความกลัวจนทำให้ไม่กล้าลงมือรักษา ซึ่งจะเป็นปัญหาได้ในอนาคตอันใกล้นี้ และทางแพทย์สภาได้เรียกร้องให้สังคมและนักกฎหมายช่วยพิจารณาว่า จะมีส่วนป้องกันและแก้ไขอย่างไรเพื่อให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ได้รับความช่วยเหลือ หรือความคุ้มครองจากการรับโทษทางอาญาในกรณีที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ทำนองดังกล่าวขึ้นอีก
'แพทย์สภา' เสียใจศาลสั่งจำคุก 'พญ.' 3 ปี ฉีดยาชาคนไข้ตาย แนะให้เป็นอุทธาหรณ์ โดยคดีเกิดจากศาลจังหวัดทุ่งสงสั่งจำคุก ฐานฉีดยาชาให้คนไข้ผ่าตัดไส้ติ่งโดยประมาทเลินเล่อ ไม่ควบคุมให้มีปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ยาลุกลามไปทั่วตัว จนเกิดอาการช็อค หัวใจหยุดเต้น ระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ขาดอากาศหายใจ ก่อนเสียชีวิต
'แพทย์สภา' เสียใจศาลสั่งจำคุกพญ.ฉีดยาชาคนไข้ตาย
ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กุสลานันท์ เลขาธิการแพทยสภา แถลงข่าวกรณีศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช มีคำพิพากษาให้จำคุก พญ.สุทธิพร ไกรมาก แพทย์ประจำโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราชเป็นเวลา 3 ปี ในข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต จากการฉีดยาชาเข้าไขสันหลังเพื่อระงับความรู้สึกในการผ่าตัดไส้ติ่งคนไข้ โดยไม่ได้ควบคุมในประมาณที่เหมาะสม จนทำให้เกิดอาการช็อคและเสียชีวิต
ทั้งนี้ ศ.คลินิก นพ.อำนาจ กล่าวว่า คณะแพทยสภาขอแสดงความเสียใจและ ขอให้เรื่องดังกล่าวเป็นอุทาหรณ์ต่อไป ว่า หากมีการผ่าตัดใดๆ ที่จะต้องมีการดมยาสลบ หรือยาระงับความรู้สึกโดยฉีดเข้าช่วงไขสันหลัง จะต้องทำในโรงพยาบาลที่มีวิสัญญีแพทย์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากคำพิพากษาในคดีนี้มีผลกระทบต่อวงการแพทย์และสังคม โดยเฉพาะวงการแพทย์จะมีผลกระทบอย่างรุนแรง เพราะไทยยังขาดแคลนวิสัญญีแพทย์ รวมทั้งแพทย์จะเกิดความกลัวจนทำให้ไม่กล้าลงมือรักษา ซึ่งจะเป็นปัญหาได้ในอนาคตอันใกล้นี้ และทางแพทย์สภาได้เรียกร้องให้สังคมและนักกฎหมายช่วยพิจารณาว่า จะมีส่วนป้องกันและแก้ไขอย่างไรเพื่อให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ได้รับความช่วยเหลือ หรือความคุ้มครองจากการรับโทษทางอาญาในกรณีที่อาจจะเกิดเหตุการณ์ทำนองดังกล่าวขึ้นอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 132
เหตุการณ์เกิดขึ้นไปแล้ว ได้แต่ภาวนาในศาลสูงต่อไป แม้ฝ่ายโจทย์เองก็ไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เครือข่ายทางการแพทย์โต้กลับหมอ
คดีผ่าตัดไส้ติ่งตาย วอนใช้สติและดูข้อ
เท็จจริงก่อนแล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสิน
ว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นต้นเหต
ุ ย้ำไม่เคยสนับสนุนให้คนไข้ฟ้องอาญา
แพทย์และไม่เคยต้องการเห็นแพทย์ติดคุก
วันนี้ (11 ธ.ค.) นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ พร้อม น.ส.ศิริมาศ
แก้วคงจันทร์ บุตรสาวของนางสมควร แก้วคงจันทร์
ผู้เสียชีวิตเนื่องจากคดีการผ่าตัดไส้ติ่ง ซึ่งศาลทุ่งสง
จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก
พญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
แต่เกิดกระการต่อต้านอย่างมากในแวดวงแพทย์ ทำให้ทั้ง
สองตัดสินใจเดินทางยังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
พร้อมได้นำแถลงการณ์กล่าวมายื่นให้กับสื่อมวลชนด้วย
ทั้งนี้ แถลงการณ์ ระบุว่า แม้ว่าคดีจะยังไม่ถึงที่สิ้นสุด
แต่ทำให้หลายคนในวงการณ์แพทย์ออกอาการไม่พอใจ
ที่แพทย์ด้วยกันต้องรับโทษทั้งที่ยังไม่รับรู้ข้อเท็จจริง
พร้อมขู่ยุติการทำผ่าตัดที่รพ.ชุมชน และจะมีการส่ง
ต่อผู้ป่วยกันมากขึ้น ต่างวิพากษ์วิจารณ์และโยนความ
ผิดทั้งหมดให้กับผู้เสียหายและเครือข่ายฯ หน่วยงาน
ที่รู้รายระเอียดดีอย่างแพทยสภาและสำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาตอบโต้และบิดเบือน
ข้อเท็จจริง อาศัยเหตุการณ์นี้เล่นละครตบตาวงการ
แพทย์และสังคม เรียกร้องความชอบธรรมให้กับตน
เองและให้แพทย์ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ทั้งที่รู้ดีว่า
เหตุการณ์ที่บานปลายนั้น แพทยสภาและสำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุขเป็นต้นเหตุใหญ่
เครือข่ายฯ เห็นใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ
พญ.สุทธิพร แต่อยากให้ใช้สติและดูข้อเท็จจริงก่อน
แล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสินว่าใครถูกใครผิด หรือใคร
เป็นต้นเหตุ
ทั้งนี้ ในวันที่ศาลตัดสิน พญ.สุทธิพร
ไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่นาทีเดียว กุญแจมือ
ก็ไม่ถูกใส่ เพราะศาลท่านให้เกียรติแพทย์ อีก
ทั้งน.ส.ศิริมาศ ลูกสาวผู้ตายได้ขอร้องศาลผ่าน
เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ว่า ขอไม่ให้ใส่กุญแจมือและ
ไม่ให้นำพญ.สุทธิพร ไปคุมขังในระหว่างรอประกันตัว
เพราะไม่เคยคิดที่จะเอาหมอเข้าคุก เพียงแต่ต้อง
การให้ใครสักคนบอกว่าแม่เป็นอะไรตาย แต่ไม่คิด
ว่า เหตุการณ์จะบานปลายมาจนเป็นแบบนี้
เวลาที่คนไข้ถูกรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้
เครือข่ายไม่เคยเห็นว่าวงการแพทย์ส่วนใหญ่จะเห็นใจ
และออกมาเรียกร้องเพื่อให้คนไข้ทั้งๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่า
แพทย์ทำผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็นธรรม แต่ก็ปล่อย
ให้คนไข้ถูกกระทำ วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้อง
อย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้เหมือนจับคนไข้เป็น
ตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มา
ต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ระบุอีกว่า
สังคมแพทย์ควรเห็นใจผู้เสียหาย
และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมีมนุษยธรรม เพราะที่ใดไ
ม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิดขึ้น แพทย์อยากให้คน
ไข้เข้าใจแพทย์เห็นใจในความเหนื่อยยากของแพทย์
แพทย์ก็ต้องเห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุข
ด้วยกันทั้งทุกฝ่าย
ทุกวันนี้ทั้งแพทย์คนไข้และหมอ คือเหยื่อ
ของระบบ เหยื่อของหน่วยงานที่ผู้บริหารเหลิงและลุ
แก่อำนาจไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มัว
แต่ห่วงภาพพจน์และศักดิ์ศรีของตัวเอง จนลืม
ความมีมนุษย์ ทำให้เหตุการณ์เล็กๆ บานปลาย
มาจนถึงทำให้แพทย์ต้องโทษจำคุก 3 ปี โดย
ไม่รอลงอาญาอย่างวันนี้
สุดท้ายเครือข่ายฯ ก็ได้แต่หวังว่าศาลชั้น
อุทธรณ์และศาลฏีกาท่านจะให้ความเมตตาต่อ
แพทย์ ให้ได้รับโทษสถานเบาที่สุดเพียงรอลง
อาญา เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่เคยสนับสนุนให้คน
ไข้ฟ้องอาญาแพทย์และไม่เคยต้องการเห็นแพทย์ติดคุก
เครือข่ายทางการแพทย์โต้กลับหมอ
คดีผ่าตัดไส้ติ่งตาย วอนใช้สติและดูข้อ
เท็จจริงก่อนแล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสิน
ว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นต้นเหต
ุ ย้ำไม่เคยสนับสนุนให้คนไข้ฟ้องอาญา
แพทย์และไม่เคยต้องการเห็นแพทย์ติดคุก
วันนี้ (11 ธ.ค.) นางปรียนันท์ ล้อเสริมวัฒนา
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ พร้อม น.ส.ศิริมาศ
แก้วคงจันทร์ บุตรสาวของนางสมควร แก้วคงจันทร์
ผู้เสียชีวิตเนื่องจากคดีการผ่าตัดไส้ติ่ง ซึ่งศาลทุ่งสง
จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุก
พญ.สุทธิพร ไกรมาก เป็นเวลา 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา
แต่เกิดกระการต่อต้านอย่างมากในแวดวงแพทย์ ทำให้ทั้ง
สองตัดสินใจเดินทางยังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)
พร้อมได้นำแถลงการณ์กล่าวมายื่นให้กับสื่อมวลชนด้วย
ทั้งนี้ แถลงการณ์ ระบุว่า แม้ว่าคดีจะยังไม่ถึงที่สิ้นสุด
แต่ทำให้หลายคนในวงการณ์แพทย์ออกอาการไม่พอใจ
ที่แพทย์ด้วยกันต้องรับโทษทั้งที่ยังไม่รับรู้ข้อเท็จจริง
พร้อมขู่ยุติการทำผ่าตัดที่รพ.ชุมชน และจะมีการส่ง
ต่อผู้ป่วยกันมากขึ้น ต่างวิพากษ์วิจารณ์และโยนความ
ผิดทั้งหมดให้กับผู้เสียหายและเครือข่ายฯ หน่วยงาน
ที่รู้รายระเอียดดีอย่างแพทยสภาและสำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาตอบโต้และบิดเบือน
ข้อเท็จจริง อาศัยเหตุการณ์นี้เล่นละครตบตาวงการ
แพทย์และสังคม เรียกร้องความชอบธรรมให้กับตน
เองและให้แพทย์ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ทั้งที่รู้ดีว่า
เหตุการณ์ที่บานปลายนั้น แพทยสภาและสำนักงานปลัด
กระทรวงสาธารณสุขเป็นต้นเหตุใหญ่
เครือข่ายฯ เห็นใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ
พญ.สุทธิพร แต่อยากให้ใช้สติและดูข้อเท็จจริงก่อน
แล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสินว่าใครถูกใครผิด หรือใคร
เป็นต้นเหตุ
ทั้งนี้ ในวันที่ศาลตัดสิน พญ.สุทธิพร
ไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่นาทีเดียว กุญแจมือ
ก็ไม่ถูกใส่ เพราะศาลท่านให้เกียรติแพทย์ อีก
ทั้งน.ส.ศิริมาศ ลูกสาวผู้ตายได้ขอร้องศาลผ่าน
เจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ว่า ขอไม่ให้ใส่กุญแจมือและ
ไม่ให้นำพญ.สุทธิพร ไปคุมขังในระหว่างรอประกันตัว
เพราะไม่เคยคิดที่จะเอาหมอเข้าคุก เพียงแต่ต้อง
การให้ใครสักคนบอกว่าแม่เป็นอะไรตาย แต่ไม่คิด
ว่า เหตุการณ์จะบานปลายมาจนเป็นแบบนี้
เวลาที่คนไข้ถูกรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้
เครือข่ายไม่เคยเห็นว่าวงการแพทย์ส่วนใหญ่จะเห็นใจ
และออกมาเรียกร้องเพื่อให้คนไข้ทั้งๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่า
แพทย์ทำผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็นธรรม แต่ก็ปล่อย
ให้คนไข้ถูกกระทำ วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้อง
อย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้เหมือนจับคนไข้เป็น
ตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มา
ต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งไม่สมควรทำอย่างยิ่ง
แถลงการณ์ระบุ
แถลงการณ์ระบุอีกว่า
สังคมแพทย์ควรเห็นใจผู้เสียหาย
และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมีมนุษยธรรม เพราะที่ใดไ
ม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิดขึ้น แพทย์อยากให้คน
ไข้เข้าใจแพทย์เห็นใจในความเหนื่อยยากของแพทย์
แพทย์ก็ต้องเห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุข
ด้วยกันทั้งทุกฝ่าย
ทุกวันนี้ทั้งแพทย์คนไข้และหมอ คือเหยื่อ
ของระบบ เหยื่อของหน่วยงานที่ผู้บริหารเหลิงและลุ
แก่อำนาจไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มัว
แต่ห่วงภาพพจน์และศักดิ์ศรีของตัวเอง จนลืม
ความมีมนุษย์ ทำให้เหตุการณ์เล็กๆ บานปลาย
มาจนถึงทำให้แพทย์ต้องโทษจำคุก 3 ปี โดย
ไม่รอลงอาญาอย่างวันนี้
สุดท้ายเครือข่ายฯ ก็ได้แต่หวังว่าศาลชั้น
อุทธรณ์และศาลฏีกาท่านจะให้ความเมตตาต่อ
แพทย์ ให้ได้รับโทษสถานเบาที่สุดเพียงรอลง
อาญา เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่เคยสนับสนุนให้คน
ไข้ฟ้องอาญาแพทย์และไม่เคยต้องการเห็นแพทย์ติดคุก
-
- Verified User
- โพสต์: 1141
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 133
ความเห็นของผมที่ได้ลองอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว
ผมรู้สึกเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายมาก ๆ
คุณหมอตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องรักษาคนไข้อย่างสุดฝีมือ และคงไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครับ
ฝ่ายผู้เสียหายนั้น จากข้อมูลที่นำมา Post ให้ดู ก็จะพบว่า เขาก็ดูเหมือนจะหมดหนทางไปในขณะนั้น ที่มีคุณแม่เสียชีวิต และคุณพ่อที่ไม่ได้ทำงาน ในขณะที่ตัวเองก็ยังอยู่ในวัยศึกษาอยู่ น้องก็กำลังเรียนหนังสือ ในขณะนั้นก็คงหมดหนทาง และพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้กับตนเองและครอบครัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดในสังคมต่อไป
ทั้งหมดนี้ ผมอ่านข้อมูลแล้ว ก็อยากให้กำลังใจคุณหมอทุกคนให้อดทน อดกลั้น
ผมรู้สึกเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายมาก ๆ
คุณหมอตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ ต้องรักษาคนไข้อย่างสุดฝีมือ และคงไม่ต้องการให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นครับ
ฝ่ายผู้เสียหายนั้น จากข้อมูลที่นำมา Post ให้ดู ก็จะพบว่า เขาก็ดูเหมือนจะหมดหนทางไปในขณะนั้น ที่มีคุณแม่เสียชีวิต และคุณพ่อที่ไม่ได้ทำงาน ในขณะที่ตัวเองก็ยังอยู่ในวัยศึกษาอยู่ น้องก็กำลังเรียนหนังสือ ในขณะนั้นก็คงหมดหนทาง และพยายามดิ้นรนเพื่อหาทางออกให้กับตนเองและครอบครัวเพื่อให้สามารถอยู่รอดในสังคมต่อไป
ทั้งหมดนี้ ผมอ่านข้อมูลแล้ว ก็อยากให้กำลังใจคุณหมอทุกคนให้อดทน อดกลั้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 134
ตามความเห็นของผม
ศาลอุธรณ์ยกฟ้องคดีฟ้องแพ่ง ทางด้านผู้เสียหายก็เลย
ฟ้องอาญาเพื่อเอาคำตัดสินอาญา ไปเป็นหลักฐานฎีกาในคดี
ฟ้องแพ่ง
เป็นการช่วยเหลือความเดือดร้อนของผู้เสียหาย แต่ลืมคิด
ไปว่า การกระทำของเครือข่ายผู้เสียหายได้ทำให้เกิดผล
กระทบอย่างน้อย 2 ด้าน
1 เป็นการ " ฆ่า " แพทย์หญิง สุทธิพรทั้งเป็นทั้งครอบครัว
2 สร้างความร้าวฉานให้วงการแพทย์กับผู้ป่วยอย่างไม่เคยมี
มาก่อน สังคมเอื้ออาทรจะไม่เหลือแล้ว
เหตุเกิดเพราะต้องการชนะเอาค่าเสียหายอย่างเดียว
ศาลอุธรณ์ยกฟ้องคดีฟ้องแพ่ง ทางด้านผู้เสียหายก็เลย
ฟ้องอาญาเพื่อเอาคำตัดสินอาญา ไปเป็นหลักฐานฎีกาในคดี
ฟ้องแพ่ง
เป็นการช่วยเหลือความเดือดร้อนของผู้เสียหาย แต่ลืมคิด
ไปว่า การกระทำของเครือข่ายผู้เสียหายได้ทำให้เกิดผล
กระทบอย่างน้อย 2 ด้าน
1 เป็นการ " ฆ่า " แพทย์หญิง สุทธิพรทั้งเป็นทั้งครอบครัว
2 สร้างความร้าวฉานให้วงการแพทย์กับผู้ป่วยอย่างไม่เคยมี
มาก่อน สังคมเอื้ออาทรจะไม่เหลือแล้ว
เหตุเกิดเพราะต้องการชนะเอาค่าเสียหายอย่างเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 135
ทุกวันนี้มีทั้งแพทย์ที่ดี และที่เหมือนว่าดี และผู้ป่วยที่ดี และที่ไม่ดี
ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยถูกมองเป็นเชิงพานิชย์มากขึ้น
กล่าวโดยรวมก็ คือ เห็นใจแพทย์ที่ดีทุกคน
ส่วนกรณีข้อพิพาทย์ทางการแพทย์ใด ก็ตาม ต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนครับ เช่นกรณี พญ.สิทธิพร ถ้าข้อมูลที่เป็น fact ตามที่ post ก่อนหน้า ผมสรุปว่า ปัญหาที่ทำให้ถูกตัดสินแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าแพทย์ประมาท เพียงอย่างเดียว แต่ที่สำคัญกว่า คือ การแก้ไขจัดการปัญหาที่ไม่เป็นและไม่ถูกต้อง ภายหลังผิดพลาด ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยถูกมองเป็นเชิงพานิชย์มากขึ้น
กล่าวโดยรวมก็ คือ เห็นใจแพทย์ที่ดีทุกคน
ส่วนกรณีข้อพิพาทย์ทางการแพทย์ใด ก็ตาม ต้องรู้ข้อเท็จจริงก่อนครับ เช่นกรณี พญ.สิทธิพร ถ้าข้อมูลที่เป็น fact ตามที่ post ก่อนหน้า ผมสรุปว่า ปัญหาที่ทำให้ถูกตัดสินแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าแพทย์ประมาท เพียงอย่างเดียว แต่ที่สำคัญกว่า คือ การแก้ไขจัดการปัญหาที่ไม่เป็นและไม่ถูกต้อง ภายหลังผิดพลาด ครับ
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 137
ตามอ่านมาหลายวัน ในฐานะคนตั้งกระทู้ล่อเป้า :lol: :lol:
บอกตรงๆ ว่ายิ่งอ่านเรื่องพวกนี้ยิ่งจิตตกครับ เลยพยายามไม่สนใจมัน และทำงานตามหน้าที่เราไปตามปกติ
แต่ถ้ามีภาวะใดที่ไม่พร้อม ไม่ว่า แพทย์ไม่พร้อม อุปกรณ์ไม่พร้อม เจ้าหน้าที่ไม่พร้อม กำลังคนไม่พร้อม ผมแนะนำให้ส่งต่อเลยครับ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้ป่วยว่าจะเดินทางลำบาก ไม่มีคนไปเฝ้า
หรือถ้าเห็นว่าทำการรักษาแล้ว ถึงจะมีโอกาสรอดมากกว่าตาย แต่ถ้าท่าทางญาติและผู้ป่วยจะมีปัญหา ให้ รีเฟอร์เลยครับ
(กรณีนี้ ผมไม่มี conflict of interest นะครับ เพราะผมอยู่ในฐานะรับรีเฟอร์ :lol: )
ผมว่าแพทย์รุ่นพี่ที่อยู่ใน รพ ที่ใหญ่กว่า เมื่อเห็นข่าวนี้แล้ว คงไม่ว่าน้องๆ หรอกครับที่จะ รีเฟอร์
เราอย่าเอาชีวิตเราไปเสี่ยงเลยครับ เพราะบางทีมันก็ไม่ใช่ชีวิตเราคนเดียวที่พังไปถ้าโดนฟ้อง ยังมีครอบครัวเราอีก
ส่วนเรื่องเครือข่ายที่มาฟ้องและพยานที่เป็นแพทย์ในฝ่ายของเครือข่ายนั้น ถ้าพี่ๆได้ตามประวัติย้อนหลังก็จะรู้ว่า เขาเหล่านั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน
ขออย่าให้ผมต้องไปขุดเรื่องเก่าๆของเขาเหล่านี้ออกมาเลยนะครับ ผมกลัวโดนฟ้องหมิ่นประมาท
ในความขัดแย้งนี้ มี great impact ต่อวงการแพทย์และความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยอย่างมากครับ
คนได้ประโยชน์ไม่ใช่แพทย์แน่นอน ส่วนผู้ป่วย ผมไม่แน่ใจว่ากรณีนี้จะสามารถทำให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยดีขึ้นหรือเปล่า เพราะการทำงานขณะนี้ ผมว่ามันเป็นแบบ as good as it get ครับ
practice หลายอย่างครับ ที่บางครั้งก็ต้องทำทั้งๆที่ไม่พร้อม ที่ถ้าจะเอา american standard มาวัดกัน แพทย์หลายท่านก็คงทำ malpractice ไปหลายคนแล้วครับ แต่เจตนาไม่ใช่ได้เงิน แต่อยากให้ผู้ป่วยดีขึ้น และคิดว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย เท่าที่ทรัพยากรของชาติมีให้ เพราะรักษาคนไข้ใน รพ รัฐบาลนี่ มันคือการทำบุญล้วนๆครับ ค่าตอบแทนน้อยมาก
ส่วนในกรณีของน้องหมอที่ต้องมาโดนพิพากษาจำคุกนั้น ผมเชื่อว่าเธอมีเจตนาดี ส่วนเรื่องประมาทเลินเล่อนั้น ต้องพิสูจน์กันครับ
ถ้าปริมาณยาที่ฉีดเข้าหลังไม่ได้มากกว่า recommend dose อย่างมาก ก็ไม่น่าจะผิด เพราะว่ามันน่าจะเป็น complication จากยาหรือจากหัตถการมากกว่า ซึ่งมันอาจไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้รักษาก็ได้
ส่วนเรื่องที่ สป ทำไมไปอุทรณ์ ผมไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าให้เดา น่าจะแน่ใจว่าทาง แพทย์ที่ทำการรักษาไม่ผิด จึงต้องอุทรณ์
พี่ๆ รู้ไหมครับ เดี๋ยวนี้ มีกองทุนที่ตั้งขึ้นมา เยียวยา ผู้ป่วยที่ได้รับผลเสียหายจากการรักษาก่อน โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด แต่เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ และไกล่เกลี่ยไม่ให้เรื่องถึงโรงถึงศาล
แต่การจ่ายเงินแบบนี้เป็นดาบสองคมครับ ญาติผู้ป่วยบางคนคิดว่า ถ้าหมอไม่ผิดแล้วมาจ่ายทำไม บางทีอาจมี ทแนะ มาแนะนำให้ฟ้องด้วย
บอกตรงๆ ว่ายิ่งอ่านเรื่องพวกนี้ยิ่งจิตตกครับ เลยพยายามไม่สนใจมัน และทำงานตามหน้าที่เราไปตามปกติ
แต่ถ้ามีภาวะใดที่ไม่พร้อม ไม่ว่า แพทย์ไม่พร้อม อุปกรณ์ไม่พร้อม เจ้าหน้าที่ไม่พร้อม กำลังคนไม่พร้อม ผมแนะนำให้ส่งต่อเลยครับ ไม่ต้องไปคิดแทนผู้ป่วยว่าจะเดินทางลำบาก ไม่มีคนไปเฝ้า
หรือถ้าเห็นว่าทำการรักษาแล้ว ถึงจะมีโอกาสรอดมากกว่าตาย แต่ถ้าท่าทางญาติและผู้ป่วยจะมีปัญหา ให้ รีเฟอร์เลยครับ
(กรณีนี้ ผมไม่มี conflict of interest นะครับ เพราะผมอยู่ในฐานะรับรีเฟอร์ :lol: )
ผมว่าแพทย์รุ่นพี่ที่อยู่ใน รพ ที่ใหญ่กว่า เมื่อเห็นข่าวนี้แล้ว คงไม่ว่าน้องๆ หรอกครับที่จะ รีเฟอร์
เราอย่าเอาชีวิตเราไปเสี่ยงเลยครับ เพราะบางทีมันก็ไม่ใช่ชีวิตเราคนเดียวที่พังไปถ้าโดนฟ้อง ยังมีครอบครัวเราอีก
ส่วนเรื่องเครือข่ายที่มาฟ้องและพยานที่เป็นแพทย์ในฝ่ายของเครือข่ายนั้น ถ้าพี่ๆได้ตามประวัติย้อนหลังก็จะรู้ว่า เขาเหล่านั้นน่าเชื่อถือแค่ไหน
ขออย่าให้ผมต้องไปขุดเรื่องเก่าๆของเขาเหล่านี้ออกมาเลยนะครับ ผมกลัวโดนฟ้องหมิ่นประมาท
ในความขัดแย้งนี้ มี great impact ต่อวงการแพทย์และความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยอย่างมากครับ
คนได้ประโยชน์ไม่ใช่แพทย์แน่นอน ส่วนผู้ป่วย ผมไม่แน่ใจว่ากรณีนี้จะสามารถทำให้แพทย์ดูแลผู้ป่วยดีขึ้นหรือเปล่า เพราะการทำงานขณะนี้ ผมว่ามันเป็นแบบ as good as it get ครับ
practice หลายอย่างครับ ที่บางครั้งก็ต้องทำทั้งๆที่ไม่พร้อม ที่ถ้าจะเอา american standard มาวัดกัน แพทย์หลายท่านก็คงทำ malpractice ไปหลายคนแล้วครับ แต่เจตนาไม่ใช่ได้เงิน แต่อยากให้ผู้ป่วยดีขึ้น และคิดว่าวิธีนี้น่าจะดีที่สุดสำหรับผู้ป่วย เท่าที่ทรัพยากรของชาติมีให้ เพราะรักษาคนไข้ใน รพ รัฐบาลนี่ มันคือการทำบุญล้วนๆครับ ค่าตอบแทนน้อยมาก
ส่วนในกรณีของน้องหมอที่ต้องมาโดนพิพากษาจำคุกนั้น ผมเชื่อว่าเธอมีเจตนาดี ส่วนเรื่องประมาทเลินเล่อนั้น ต้องพิสูจน์กันครับ
ถ้าปริมาณยาที่ฉีดเข้าหลังไม่ได้มากกว่า recommend dose อย่างมาก ก็ไม่น่าจะผิด เพราะว่ามันน่าจะเป็น complication จากยาหรือจากหัตถการมากกว่า ซึ่งมันอาจไม่ได้เกิดจากความประมาทของผู้รักษาก็ได้
ส่วนเรื่องที่ สป ทำไมไปอุทรณ์ ผมไม่อาจทราบได้ แต่ถ้าให้เดา น่าจะแน่ใจว่าทาง แพทย์ที่ทำการรักษาไม่ผิด จึงต้องอุทรณ์
พี่ๆ รู้ไหมครับ เดี๋ยวนี้ มีกองทุนที่ตั้งขึ้นมา เยียวยา ผู้ป่วยที่ได้รับผลเสียหายจากการรักษาก่อน โดยไม่ต้องพิสูจน์ถูกผิด แต่เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือ และไกล่เกลี่ยไม่ให้เรื่องถึงโรงถึงศาล
แต่การจ่ายเงินแบบนี้เป็นดาบสองคมครับ ญาติผู้ป่วยบางคนคิดว่า ถ้าหมอไม่ผิดแล้วมาจ่ายทำไม บางทีอาจมี ทแนะ มาแนะนำให้ฟ้องด้วย
จงทนอด และอดทน
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 138
8) ตั้งแต่ผมคบพี่เพื่อนมา
ผมได้ข้อดีจากพี่เรื่องของการมองสองด้านเป็นอย่างมาก
แต่กรณีศึกษานี้กว่าความจริงจะพิสูจน์ตัวออกมา
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์คงเสียหายไปเกินกว่าจะเยียวยาแล้วละครับ
เพราะคดีความที่เกิดขึ้นอีก2ศาล
เผลอๆอีก5ปีโน่นหรืออาจมากกว่านั้น
ถึงออกมา
ถ้าเกิดมีคนอยากไม่เชื่อก็คงไปห้ามเขาไม่ได้
ผมว่างานนี้เข้าสุภาษิต
"กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้"โดยแท้
ผมได้ข้อดีจากพี่เรื่องของการมองสองด้านเป็นอย่างมาก
แต่กรณีศึกษานี้กว่าความจริงจะพิสูจน์ตัวออกมา
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์คงเสียหายไปเกินกว่าจะเยียวยาแล้วละครับ
เพราะคดีความที่เกิดขึ้นอีก2ศาล
เผลอๆอีก5ปีโน่นหรืออาจมากกว่านั้น
ถึงออกมา
ถ้าเกิดมีคนอยากไม่เชื่อก็คงไปห้ามเขาไม่ได้
ผมว่างานนี้เข้าสุภาษิต
"กว่าถั่วจะสุก งาก็ไหม้"โดยแท้
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 139
อืม เห็นด้วยนะ
เรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะ มือที่สามมากกว่า ดูทำไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ไม่ขอออกความเห็น... เพราะ เรื่องจริง เราไม่ได้ไปนอนใต้เตียงเค้า...
แต่ถึงไง ถ้าเป็นเพราะ ... ก็ไม่น่ามาลงกับ พญ คนนี้เลยนี่นา?
ยิ่งคดีอาญา ติดคุกอีก
คงเป็นเหมือนกับที่พี่ๆ หลายคนว่า ว่า คงมี impact พอควร
สมควรแล้วหรือ ที่ จะลงโทษ พญ คนนี้?
ทำไมไม่คุยกันเอง ระหว่าง ... กับ ...
เรื่องนี้ อาจจะเป็นเพราะ มือที่สามมากกว่า ดูทำไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
ไม่ขอออกความเห็น... เพราะ เรื่องจริง เราไม่ได้ไปนอนใต้เตียงเค้า...
แต่ถึงไง ถ้าเป็นเพราะ ... ก็ไม่น่ามาลงกับ พญ คนนี้เลยนี่นา?
ยิ่งคดีอาญา ติดคุกอีก
คงเป็นเหมือนกับที่พี่ๆ หลายคนว่า ว่า คงมี impact พอควร
สมควรแล้วหรือ ที่ จะลงโทษ พญ คนนี้?
ทำไมไม่คุยกันเอง ระหว่าง ... กับ ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 140
ทางกระทรวงสาธารณสุขเขาอุธรณ์ในทางแพ่งตามขบวนการ
แต่ทางเครือข่ายใจร้ายมาก จุดประสงค์เพื่อที่จะเอาชนะคดี
ทางแพ่งกลับมาฟ้องคดีอาญา ถ้าชนะคดีทางอาญา
ก็จะเอาไปเป็นหลักฐานเพื่อทำให้ชนะคดีทางแพ่ง ทั้งๆที่รู้ว่า
ถ้าชนะคดีทางอาญา เท่ากับว่า ฆ่าคนทั้งเป็นอีกคนหนึ่ง
( ต้องติดคุก ถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์ตลอดชีวิต เดือดร้อน
ทั้งครอบครัว) เข้าทำนองว่าจะเป็นอย่างไรข้าไม่สน ข้าจะ
ทำทุกวิถีทางเพื่อไปสู่ชัยชนะ ความจริงควรต่อสู้กันในศาลแพ่ง
แห่งเดียว เปรียบเสมือนสงคราม ถ้าเรารุกเข้าไปในประเทศ
ที่ 3 เพื่ออ้อมไปตลบหลังข้าศึก สงครามจะขยายขอบเขตแน่นอน
ซึ่งเหมือนกับกรณีนี้ ที่ประชาชนชาวชนบท (ซึ่งคือประเทศที่3)
จะต้องลำบากเพิ่มแน่นอนจากการปฎิเสธการผ่าตัดเพื่อป้องกันตัวเองของแพทย์ชนบท
แต่ทางเครือข่ายใจร้ายมาก จุดประสงค์เพื่อที่จะเอาชนะคดี
ทางแพ่งกลับมาฟ้องคดีอาญา ถ้าชนะคดีทางอาญา
ก็จะเอาไปเป็นหลักฐานเพื่อทำให้ชนะคดีทางแพ่ง ทั้งๆที่รู้ว่า
ถ้าชนะคดีทางอาญา เท่ากับว่า ฆ่าคนทั้งเป็นอีกคนหนึ่ง
( ต้องติดคุก ถูกยึดใบประกอบโรคศิลป์ตลอดชีวิต เดือดร้อน
ทั้งครอบครัว) เข้าทำนองว่าจะเป็นอย่างไรข้าไม่สน ข้าจะ
ทำทุกวิถีทางเพื่อไปสู่ชัยชนะ ความจริงควรต่อสู้กันในศาลแพ่ง
แห่งเดียว เปรียบเสมือนสงคราม ถ้าเรารุกเข้าไปในประเทศ
ที่ 3 เพื่ออ้อมไปตลบหลังข้าศึก สงครามจะขยายขอบเขตแน่นอน
ซึ่งเหมือนกับกรณีนี้ ที่ประชาชนชาวชนบท (ซึ่งคือประเทศที่3)
จะต้องลำบากเพิ่มแน่นอนจากการปฎิเสธการผ่าตัดเพื่อป้องกันตัวเองของแพทย์ชนบท
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 144
ไม่อยากให้เหมารวมว่าเกิดแบบนี้กับแพทย์แล้วต้องติดคุก เกิดความรู้สึกท้อแท้
ถ้าแพทย์ทำผิด แล้วไม่หนีปัญหา ไม่หลบปัญหา ผมว่าสังคมเห็นใจแพทย์
อยากให้ตัดหัวโขนความเป็นแพทย์ ความเป็นผู้ป่วย
อ่านที่ คุณ thawattt post
ทำความเข้าใจกับกรณีที่เกิดขึ้น
ผมเชื่อว่า ถ้า พญ.สุทธิพร เข้าใจความเสียใจของญาติ ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จริงใจในการชี้แจง ความจริง คำตอบสุดท้ายไม่บานปลายจนถูกติดตัดสินจำคุก ครับ
ถ้าแพทย์ทำผิด แล้วไม่หนีปัญหา ไม่หลบปัญหา ผมว่าสังคมเห็นใจแพทย์
อยากให้ตัดหัวโขนความเป็นแพทย์ ความเป็นผู้ป่วย
อ่านที่ คุณ thawattt post
ทำความเข้าใจกับกรณีที่เกิดขึ้น
ผมเชื่อว่า ถ้า พญ.สุทธิพร เข้าใจความเสียใจของญาติ ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น จริงใจในการชี้แจง ความจริง คำตอบสุดท้ายไม่บานปลายจนถูกติดตัดสินจำคุก ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1230
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 149
อีกเรื่องหนึ่ง ผมว่าทางแพทย์มีเส้นแบ่งที่เป็นสีเทาอยู่มาก น่าจะมีความทำงานชุดหนึ่ง ทำเส้นสีเทาใหญ่ ๆ ให้เป็นสีขาว ดำ ให้ชัดเจน
สีเทาที่ผมว่า หมายถึง ปัญหาทางการแพทย์ที่เป็นข้อถกเถียง และ เกิดบ่อย จะแก้ปัญหา หรือ ตัดสินปัญหากันอย่างไร เช่น
1. แพทย์จบใหม่ อยู่เวรคนเดียว ต้องช่วยผู้ป่วยทุกรณี ไม่ว่าพร้อม หรือ ไม่ เมื่อเกิด complications or death แล้ว ????
2. แพทย์ปฏิเสธการรักษา ว่า ไม่มีแพทย์รมยา ทั้งที่หากปล่อยให้ refer ไป ก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง...??? จะเอาอย่างไรดี
(ตัวอย่างผมอาจยังไม่เป็นเทาใหญ่ )
สีเทาที่ผมว่า หมายถึง ปัญหาทางการแพทย์ที่เป็นข้อถกเถียง และ เกิดบ่อย จะแก้ปัญหา หรือ ตัดสินปัญหากันอย่างไร เช่น
1. แพทย์จบใหม่ อยู่เวรคนเดียว ต้องช่วยผู้ป่วยทุกรณี ไม่ว่าพร้อม หรือ ไม่ เมื่อเกิด complications or death แล้ว ????
2. แพทย์ปฏิเสธการรักษา ว่า ไม่มีแพทย์รมยา ทั้งที่หากปล่อยให้ refer ไป ก็มีโอกาสเสียชีวิตสูง...??? จะเอาอย่างไรดี
(ตัวอย่างผมอาจยังไม่เป็นเทาใหญ่ )