'อนันต์ อัศวโภคิน' คว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้
- vichit
- Verified User
- โพสต์: 15833
- ผู้ติดตาม: 0
'อนันต์ อัศวโภคิน' คว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้
โพสต์ที่ 1
'อนันต์ อัศวโภคิน' คว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ ส่วนบิ๊ก PS คว้าตำแหน่งที่ 2
ขณะที่เจ้าพ่อแห่งเครือเมเจอร์-อีจีวี ร่วงมาอยู่ที่ 6
นับเป็นปีที่ 13 แล้วที่วารสารทางการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำ
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับ
เศรษฐีหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2550 ซึ่งวัดจากผู้
ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตาม
การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2550 จำนวน 4,831 รายมี
มูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 476,186 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2548 ถึง 109,217
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.76%
สำหรับผลการจัดอันดับในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2550
ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2550 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธาน
กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุด
รวม 13,230.23 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 20.9%
มูลค่า 13,221.99 ล้านบาท และบมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า
8.24 ล้านบาท
ส่งผลให้อนันต์ เป็นเศรษฐีหุ้นที่ครองตำแหน่งแชมป์หุ้นไทยมากที่สุดถึง 5
ปีด้วยกัน คือ ปี 2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท ปี 2545 มูลค่า
9,858.16 ล้านบาท ปี 2546 มูลค่า 16,373.37 ล้านบาท ปี 2549 มูลค่า 13,139.86
ล้านบาทและปี 2550 นี้ที่ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 13,230.23 ล้านบาท
เศรษฐีอันดับ 2 คือ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของบมจ.พฤกษาเรียลเอส
เตส หรือ PS ซึ่งราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้วถึง 25.95% มูลค่าหุ้น PS
ที่ทองมาถือในสัดส่วน 62.19% จึงเพิ่มขึ้นเป็น 11,153.95 ล้านบาท ส่งผลให้ก้าวขึ้น
จากเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 2 ในปีนี้ โดยรวมขึ้น 2,305.62 ล้าน
บาท หรือ 26.06%
เศรษฐีอันดับ 3 เปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย
ดีเวล็อปเมนต์ หรือ ITD ก้าวขึ้นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยรวยขึ้น 1,640.47 ล้าน
บาท หรือ 34.69% จากการถือครองหุ้น ITD 19.54% มูลค่า 6,228.54 ล้านบาท และ
โรงแรมโอเรียลเต็ล (OHTL) 1.70% มูลค่า 141.19 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น
6,369.73 ล้านบาท
ด้านนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ แห่งบางกอก
แอร์เวย์ส รวยขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 4 ในปีนี้ โดยถือหุ้นรวมมูลค่า
6,278.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,089.83 ล้านบาท หรือ 49.89% ซึ่งราคาหุ้นที่หมอเสริ
ฐถือครองได้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ
(BGH) ที่ถือในสัดส่วน 13.34% มูลค่า 6,244.66 ล้านบาท และบมจ.โรงพยาบาล
นนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 14.34 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ตกเป็นของ วรเจตน์ อินทามระ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ
661 เมื่อปีก่อน โดยถือครองหุ้น บมจ.ซีฮอร์ส (SH) 78.38% มูลค่า 6,101.20 ล้าน
บาทและบมจ.เงินทุน กรุงเทพธนาทร (BFIT) 4.96% มูลค่า 70.93 ล้านบาท รวม
มูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 6,172.13 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นถึง 6,080.37 ล้านบาท
ทั้งนี้วรเจตน์ ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน SH เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ซึ่ง SH
ได้เพิ่มทุนจำนวน 2,600 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 0.63 บาท ให้นักลงทุนเฉพาะ
เจาะจง ได้แก่ วรเจตน์ อินทามระ จำนวน 2,179 ล้านบาท คิดเป็น 78.38% และสม
โภชน์ อาหุนัย จำนวน 421 ล้านบาท คิดเป็น 15.14% เพื่อขยายกิจการสู่ธุรกิจ
พลังงานทดแทน เช่น การผลิตเอทานอล ควบคู่กับธุรกิจอาหารและทะเลแช่แข็ง ซึ่ง
เป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท
การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ยังส่งผลให้ สมโภชน์ อาหุนัย อดีตผู้บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จำกัด ก้าวเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ในอันดับ 74 ถือ
หุ้น SH 15.14% มูลค่า 1,178.80 ล้านบาท
ทั้งนี้นับตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มี
คำสั่งให้ SH ชี้แจงข้อมูลถึง 7 ครั้ง เริ่มตั้งแต่รายละเอียดการขายหุ้นเพิ่มทุน เพื่อให้
เห็นถึงความชัดเจนของการสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่จากนักลงทุนใหม่ทั้ง 2 ราย
ต่อมาก็มีประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจคือ
ความไม่สชัดเจนจากการเข้าลงทุนทั้งใน บริษัท พาวเวอร์ เอ็นเนอยี่ และบริษัท บุญ
อเนก ของ SH เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทนี้ยังไม่ได้ดำเนินการในด้านการผลิตเอทานอล
มีเพียงใบอนุญาตและที่ดินเท่านั้น รวมทั้งยังมีประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้น
ของทั้ง 2 บริษัทที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
ส่วนเจ้าพ่อแห่งวงการโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์และอีจีวี วิชา พูลวร
ลักษณ์ ถูกเบียดตกลงมาอยู่อันดับ 6 หลังจากเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ในปีที่
แล้ว โดยถือหุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) 37.95% มูลค่า 5,920.05
ล้านบาท แต่ยังรวยขึ้น 1,576.19 ล้านบาท หรือ 36.29%
สำหรับ นิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต ยังรักษาอันดับ 7
ไว้ได้ โดยถือหุ้นมูลค่า 5,405.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,413.06 ล้านบาท หรือ 35.40%
ประกอบด้วย หุ้น ITD 11.03% มูลค่า 3,516.17 ล้านบาท OHTL 21.91% มูลค่า
1,822.86 ล้านบาท และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52% มูลค่า 66.26 ล้าน
บาท
เช่นเดียวกับ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 ที่ยังครองอันดับ 8 ในปีนี้ โดย
รวมเพิ่มขึ้น 1,416.08 ล้านบาท หรือ 36.47% โดยถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC)
11.42% รวมมูลค่า 5,298.88 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถา
นุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ก้าวขึ้นจากอันดับ 10 มาอยู่ในอันดับ 9 โดยปีนี้นิติลงทุนใน
หุ้นทั้งหมด 19 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 5,274.18 ล้านบาท รวยขึ้น
2,328.97 ล้านบาท หรือ 79.08% เนื่องจากหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้นในปีที่
ผ่านมา
ส่วนวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA) ปี
นี้ตกจากอันดับ 9 มาอยู่อันดับ 10 แต่ยังรวยขึ้น 802.21 ล้านบาท หรือ 26.36% จาก
การถือหุ้น AMATA 22.96% มูลค่า 3,773.15 ล้านบาท และบมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
(HEMRAJ) 0.58% มูลค่า 71.86 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 3,845.02
ล้านบาท
สำหรับตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ยังคงเป็นแชมป์ตระกูล
เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้งในปีนี้ โดย 7 เครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ อันได่แก่ ประวิทย์
ประชุม รัตนา ประสาร นิภา แคททลีน และ เทรซี แอนน์ มาลีนนท์ ถือหุ้น บมจ. บีอีซี
เวิลด์ (BEC) บมจ.ศิครินทร์ (SKR) และบมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) รวม
มูลค่า 26,472.16 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 7,046.68 ล้านบาท หรือ
36.28%
ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 และ 3 สลับตำแหน่งกันเล็กน้อย โดยตระกูลอัศว
โภคิน ก้าวขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ในอันดับ 2 รวยเพิ่มขึ้น 1,964.28 ล้าน
บาท หรือ 12.37% จากการถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) & บมจ.แมนดาริน
โฮเต็ล (MANRIN) ของ อนันต์ อัศวโภคิน และ 3 ทายาท อาชวิณ-อาชนัน-อลิสา
อัศวโภคิน น้องชาย ที่ถือหุ้นใน บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้(AP) และ MANRIN มูลค่า
3,703.70 ล้านบาทรวมมูลค่าที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,840.87 ล้านบาท
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับ
เศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 17 คน ตกจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ในอันดับ 3 โดยถือ
หุ้นรวมมูลค่า 16,091.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.88 ล้านบาท หรือ 0.61% โดยหุ้นที่
กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
(CPN) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซ่า (CENTEL) บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC)
บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง(ABICO) และบมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง(DM)
อันดับ 4 ยังเป็นของตระกูล 'วิจิตรพงศ์พันธุ์' เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัด
สรรแบรนด์ 'พฤกษา' นอกจาก ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แล้วยังมีภรรยา ทิพย์สุดา
และลูกสาว มาลินี-ชัญญา ที่ถือหุ้น บมจ.พฤกษา(PS) ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 3.91%
รวยคนละ 701.25 ล้านบาท ติดอันดับ 127 เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ รวมแล้วตระกูลวิจิตร
พงศ์พันธุ์รวย 13,257.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,739.12 ล้านบาท หรือ 26.04%
และอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลปราสาททองโอสถ ซึ่งก้าวขึ้นจากอันดับ 9 เมื่อปี
ที่แล้วด้วยมูลค่าหุ้นรวม 7,817.63 ล้านบาท จากการถือครองหุ้นของ นายแพทย์ปรา
เสริฐ และ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถใน 3 โรงพยาบาลชื่อดัง อย่าง บมจ.
กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) และบมจ.โรงพยาบาลราม
คำแหง (RAM) ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้ง 3 โรงพยาบาล ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่ง
ผลให้ตระกูลปราสาททองโอสถรวยขึ้นถึง 2,718.61 ล้านบาท หรือ 53.32%
ขณะที่เจ้าพ่อแห่งเครือเมเจอร์-อีจีวี ร่วงมาอยู่ที่ 6
นับเป็นปีที่ 13 แล้วที่วารสารทางการเงินธนาคาร ร่วมกับ อาจารย์ประจำ
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ทำการจัดอันดับ
เศรษฐีหุ้นไทยมาอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวมของเศรษฐีหุ้นไทยปี 2550 ซึ่งวัดจากผู้
ถือหุ้นรายใหญ่ประเภทบุคคลธรรมดาในประเทศที่ถือหุ้นสัดส่วน 0.5% ขึ้นไป ตาม
การปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดก่อนวันที่ 30 กันยายน 2550 จำนวน 4,831 รายมี
มูลค่าหุ้นที่ถือครองรวมทั้งสิ้น 476,186 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2548 ถึง 109,217
ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.76%
สำหรับผลการจัดอันดับในวารสารการเงินธนาคาร ฉบับเดือนธันวาคม 2550
ปรากฏว่า ตำแหน่งแชมป์เศรษฐีหุ้นประจำปี 2550 ได้แก่ อนันต์ อัศวโภคิน ประธาน
กรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ โดยถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุด
รวม 13,230.23 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นบมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) 20.9%
มูลค่า 13,221.99 ล้านบาท และบมจ.แมนดารินโฮเต็ล (MANRIN) 1.67% มูลค่า
8.24 ล้านบาท
ส่งผลให้อนันต์ เป็นเศรษฐีหุ้นที่ครองตำแหน่งแชมป์หุ้นไทยมากที่สุดถึง 5
ปีด้วยกัน คือ ปี 2537 มีมูลค่าหุ้นที่ถือครอง 21,680.33 ล้านบาท ปี 2545 มูลค่า
9,858.16 ล้านบาท ปี 2546 มูลค่า 16,373.37 ล้านบาท ปี 2549 มูลค่า 13,139.86
ล้านบาทและปี 2550 นี้ที่ถือครองหุ้นมูลค่าสูงสุดถึง 13,230.23 ล้านบาท
เศรษฐีอันดับ 2 คือ ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เจ้าของบมจ.พฤกษาเรียลเอส
เตส หรือ PS ซึ่งราคาหุ้น PS ได้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้วถึง 25.95% มูลค่าหุ้น PS
ที่ทองมาถือในสัดส่วน 62.19% จึงเพิ่มขึ้นเป็น 11,153.95 ล้านบาท ส่งผลให้ก้าวขึ้น
จากเศรษฐีหุ้นอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่อันดับ 2 ในปีนี้ โดยรวมขึ้น 2,305.62 ล้าน
บาท หรือ 26.06%
เศรษฐีอันดับ 3 เปรมชัย กรรณสูต กรรมการผู้จัดการ บมจ.อิตาเลี่ยนไทย
ดีเวล็อปเมนต์ หรือ ITD ก้าวขึ้นจากอันดับ 4 เมื่อปีที่แล้ว โดยรวยขึ้น 1,640.47 ล้าน
บาท หรือ 34.69% จากการถือครองหุ้น ITD 19.54% มูลค่า 6,228.54 ล้านบาท และ
โรงแรมโอเรียลเต็ล (OHTL) 1.70% มูลค่า 141.19 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น
6,369.73 ล้านบาท
ด้านนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ หรือ หมอเสริฐ แห่งบางกอก
แอร์เวย์ส รวยขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้ว มาอยู่อันดับ 4 ในปีนี้ โดยถือหุ้นรวมมูลค่า
6,278.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,089.83 ล้านบาท หรือ 49.89% ซึ่งราคาหุ้นที่หมอเสริ
ฐถือครองได้ปรับตัวสูงขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นหุ้นของบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ
(BGH) ที่ถือในสัดส่วน 13.34% มูลค่า 6,244.66 ล้านบาท และบมจ.โรงพยาบาล
นนทเวช (NTV) 0.79% มูลค่า 14.34 ล้านบาท
เศรษฐีหุ้นอันดับ 5 ตกเป็นของ วรเจตน์ อินทามระ ก้าวขึ้นมาจากอันดับ
661 เมื่อปีก่อน โดยถือครองหุ้น บมจ.ซีฮอร์ส (SH) 78.38% มูลค่า 6,101.20 ล้าน
บาทและบมจ.เงินทุน กรุงเทพธนาทร (BFIT) 4.96% มูลค่า 70.93 ล้านบาท รวม
มูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 6,172.13 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นถึง 6,080.37 ล้านบาท
ทั้งนี้วรเจตน์ ได้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน SH เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2549 ซึ่ง SH
ได้เพิ่มทุนจำนวน 2,600 ล้านบาท ในราคาหุ้นละ 0.63 บาท ให้นักลงทุนเฉพาะ
เจาะจง ได้แก่ วรเจตน์ อินทามระ จำนวน 2,179 ล้านบาท คิดเป็น 78.38% และสม
โภชน์ อาหุนัย จำนวน 421 ล้านบาท คิดเป็น 15.14% เพื่อขยายกิจการสู่ธุรกิจ
พลังงานทดแทน เช่น การผลิตเอทานอล ควบคู่กับธุรกิจอาหารและทะเลแช่แข็ง ซึ่ง
เป็นธุรกิจดั้งเดิมของบริษัท
การเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ยังส่งผลให้ สมโภชน์ อาหุนัย อดีตผู้บริหาร
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า จำกัด ก้าวเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ในอันดับ 74 ถือ
หุ้น SH 15.14% มูลค่า 1,178.80 ล้านบาท
ทั้งนี้นับตั้งแต่เมื่อเดือนกันยายน 2549 เป็นต้นมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มี
คำสั่งให้ SH ชี้แจงข้อมูลถึง 7 ครั้ง เริ่มตั้งแต่รายละเอียดการขายหุ้นเพิ่มทุน เพื่อให้
เห็นถึงความชัดเจนของการสนับสนุนให้เกิดธุรกิจใหม่จากนักลงทุนใหม่ทั้ง 2 ราย
ต่อมาก็มีประเด็นที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนักลงทุนทั่วไปให้ความสนใจคือ
ความไม่สชัดเจนจากการเข้าลงทุนทั้งใน บริษัท พาวเวอร์ เอ็นเนอยี่ และบริษัท บุญ
อเนก ของ SH เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทนี้ยังไม่ได้ดำเนินการในด้านการผลิตเอทานอล
มีเพียงใบอนุญาตและที่ดินเท่านั้น รวมทั้งยังมีประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้น
ของทั้ง 2 บริษัทที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน
ส่วนเจ้าพ่อแห่งวงการโรงภาพยนตร์ในเครือเมเจอร์และอีจีวี วิชา พูลวร
ลักษณ์ ถูกเบียดตกลงมาอยู่อันดับ 6 หลังจากเข้ามาเป็นเศรษฐีหุ้นหน้าใหม่ในปีที่
แล้ว โดยถือหุ้น บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) 37.95% มูลค่า 5,920.05
ล้านบาท แต่ยังรวยขึ้น 1,576.19 ล้านบาท หรือ 36.29%
สำหรับ นิจพร จรณะจิตต์ พี่สาวของ เปรมชัย กรรณสูต ยังรักษาอันดับ 7
ไว้ได้ โดยถือหุ้นมูลค่า 5,405.28 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,413.06 ล้านบาท หรือ 35.40%
ประกอบด้วย หุ้น ITD 11.03% มูลค่า 3,516.17 ล้านบาท OHTL 21.91% มูลค่า
1,822.86 ล้านบาท และ บมจ.โพส พับบลิชชิ่ง (POST) 2.52% มูลค่า 66.26 ล้าน
บาท
เช่นเดียวกับ ประวิทย์ มาลีนนท์ แห่งช่อง 3 ที่ยังครองอันดับ 8 ในปีนี้ โดย
รวมเพิ่มขึ้น 1,416.08 ล้านบาท หรือ 36.47% โดยถือหุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC)
11.42% รวมมูลค่า 5,298.88 ล้านบาท
ด้านนักลงทุนรายใหญ่ อย่าง นิติ โอสถานุเคราะห์ ทายาท สุรัตน์ โอสถา
นุเคราะห์ แห่งโอสถสภา ก้าวขึ้นจากอันดับ 10 มาอยู่ในอันดับ 9 โดยปีนี้นิติลงทุนใน
หุ้นทั้งหมด 19 บริษัท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 5,274.18 ล้านบาท รวยขึ้น
2,328.97 ล้านบาท หรือ 79.08% เนื่องจากหุ้นที่ถือเกือบทั้งหมดปรับตัวสูงขึ้นในปีที่
ผ่านมา
ส่วนวิกรม กรมดิษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.อมตะ คอร์ปอเรชั่น(AMATA) ปี
นี้ตกจากอันดับ 9 มาอยู่อันดับ 10 แต่ยังรวยขึ้น 802.21 ล้านบาท หรือ 26.36% จาก
การถือหุ้น AMATA 22.96% มูลค่า 3,773.15 ล้านบาท และบมจ. เหมราชพัฒนาที่ดิน
(HEMRAJ) 0.58% มูลค่า 71.86 ล้านบาท รวมมูลค่าหุ้นที่ถือครองทั้งสิ้น 3,845.02
ล้านบาท
สำหรับตระกูลมาลีนนท์ เจ้าของไทยทีวีสีช่อง 3 ยังคงเป็นแชมป์ตระกูล
เศรษฐีหุ้นไทยอีกครั้งในปีนี้ โดย 7 เครือญาติในตระกูลมาลีนนท์ อันได่แก่ ประวิทย์
ประชุม รัตนา ประสาร นิภา แคททลีน และ เทรซี แอนน์ มาลีนนท์ ถือหุ้น บมจ. บีอีซี
เวิลด์ (BEC) บมจ.ศิครินทร์ (SKR) และบมจ.ซีวีดี เอ็นเตอร์เทนเมนท์ (CVD) รวม
มูลค่า 26,472.16 ล้านบาท รวยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 7,046.68 ล้านบาท หรือ
36.28%
ตระกูลเศรษฐีหุ้นอันดับ 2 และ 3 สลับตำแหน่งกันเล็กน้อย โดยตระกูลอัศว
โภคิน ก้าวขึ้นจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ในอันดับ 2 รวยเพิ่มขึ้น 1,964.28 ล้าน
บาท หรือ 12.37% จากการถือหุ้น บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ (LH) & บมจ.แมนดาริน
โฮเต็ล (MANRIN) ของ อนันต์ อัศวโภคิน และ 3 ทายาท อาชวิณ-อาชนัน-อลิสา
อัศวโภคิน น้องชาย ที่ถือหุ้นใน บมจ.เอพี พร๊อพเพอร์ตี้(AP) และ MANRIN มูลค่า
3,703.70 ล้านบาทรวมมูลค่าที่ตระกูลอัศวโภคินถือครองทั้งสิ้น 17,840.87 ล้านบาท
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ แห่งเซ็นทรัล ซึ่งมีเครือญาติในตระกูลที่ติดอันดับ
เศรษฐีหุ้นมากที่สุดถึง 17 คน ตกจากอันดับ 2 เมื่อปีที่แล้วมาอยู่ในอันดับ 3 โดยถือ
หุ้นรวมมูลค่า 16,091.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96.88 ล้านบาท หรือ 0.61% โดยหุ้นที่
กลุ่มจิราธิวัฒน์ถือส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของธุรกิจในตระกูล เช่น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา
(CPN) บมจ.โรงแรมเซ็นทรัล พลาซ่า (CENTEL) บมจ.บิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์(BIGC)
บมจ.เอบิโก้โฮลดิ้ง(ABICO) และบมจ.ธนมิตร แฟคตอริ่ง(DM)
อันดับ 4 ยังเป็นของตระกูล 'วิจิตรพงศ์พันธุ์' เจ้าของโครงการหมู่บ้านจัด
สรรแบรนด์ 'พฤกษา' นอกจาก ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ แล้วยังมีภรรยา ทิพย์สุดา
และลูกสาว มาลินี-ชัญญา ที่ถือหุ้น บมจ.พฤกษา(PS) ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 3.91%
รวยคนละ 701.25 ล้านบาท ติดอันดับ 127 เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้ รวมแล้วตระกูลวิจิตร
พงศ์พันธุ์รวย 13,257.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,739.12 ล้านบาท หรือ 26.04%
และอันดับ 5 ได้แก่ ตระกูลปราสาททองโอสถ ซึ่งก้าวขึ้นจากอันดับ 9 เมื่อปี
ที่แล้วด้วยมูลค่าหุ้นรวม 7,817.63 ล้านบาท จากการถือครองหุ้นของ นายแพทย์ปรา
เสริฐ และ ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถใน 3 โรงพยาบาลชื่อดัง อย่าง บมจ.
กรุงเทพดุสิตเวชการ(BGH) โรงพยาบาลนนทเวช (NTV) และบมจ.โรงพยาบาลราม
คำแหง (RAM) ซึ่งปีที่ผ่านมาราคาหุ้นของทั้ง 3 โรงพยาบาล ได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ส่ง
ผลให้ตระกูลปราสาททองโอสถรวยขึ้นถึง 2,718.61 ล้านบาท หรือ 53.32%
- ย้ำคิดย้ำฝัน
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
'อนันต์ อัศวโภคิน' คว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้
โพสต์ที่ 2
แล้วใครคว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นใน TVI อ่ะ :P
มีใครน่าจะเป็น candidate บ้างครับ
มีใครน่าจะเป็น candidate บ้างครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 22
- ผู้ติดตาม: 0
'อนันต์ อัศวโภคิน' คว้าแชมป์เศรษฐีหุ้นไทยปีนี้
โพสต์ที่ 3
มีคู่แข่งแล้วครับ จากที่นิตยสารบลูมเบิร์กได้รายงานข่าวว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นแชมป์นักลงทุนที่รวยหุ้นที่สุดในตลาดหุ้นไทย
บลูมเบิร์ก:กษัตริย์ไทยครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ1ในตลาดหุ้นไทย
http://www.bloomberg.com/apps/news?pid= ... ld_indices
จากข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์รายงานไว้มีดังนี้ครับ
1.SAMCO : บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 197,414,850 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
2.TIC : บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3,526,567 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
3.MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 42,583,274 หุ้น
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 17,300,800 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
4.SINGER : บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 1,383,770 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
5.DVS : บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 10,475,992 หุ้นhttp://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=h ... country=TH
6.SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 360,000,000 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
7.SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 100,265,685 หุ้น
รวมมูลค่าการตลาดที่ถือหุ้นในพระนามของพระองค์ท่านและสำนักงานทรัพย์สินรวมประมาณ150,000ล้านบาท มากกว่าที่นายอนันต์มีมูลค่าเพียง13,000ล้านบาท
บลูมเบิร์ก:กษัตริย์ไทยครองตำแหน่งนักลงทุนอันดับ1ในตลาดหุ้นไทย
http://www.bloomberg.com/apps/news?pid= ... ld_indices
จากข้อมูลตามที่ตลาดหลักทรัพย์รายงานไว้มีดังนี้ครับ
1.SAMCO : บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 197,414,850 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
2.TIC : บริษัท ไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 3,526,567 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
3.MINT : บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 42,583,274 หุ้น
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 17,300,800 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
4.SINGER : บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน)
-พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 1,383,770 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
5.DVS : บริษัท เทเวศประกันภัย จำกัด (มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 10,475,992 หุ้นhttp://www.set.or.th/set/companyinfo.do?type=h ... country=TH
6.SCC : บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 360,000,000 หุ้น
http://www.set.or.th/set/companyinfo.do ... country=TH
7.SCB : ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
-สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ 100,265,685 หุ้น
รวมมูลค่าการตลาดที่ถือหุ้นในพระนามของพระองค์ท่านและสำนักงานทรัพย์สินรวมประมาณ150,000ล้านบาท มากกว่าที่นายอนันต์มีมูลค่าเพียง13,000ล้านบาท