บล.กิมเอ็ง : กลุ่มพลังงาน แนะนำเป็นบวก/เป็นบวก

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

บล.กิมเอ็ง : กลุ่มพลังงาน แนะนำเป็นบวก/เป็นบวก

โพสต์ที่ 1

โพสต์

บล.กิมเอ็ง : กลุ่มพลังงาน แนะนำเป็นบวก/เป็นบวก

ประกาศลอยตัว เตรียมใช้มาตรการขั้นบันได ทยอยปรับขึ้น 5 ครั้ง ก่อนปี 2552
            รัฐบาลปรับขึ้นราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซหุงต้ม 1.20 บาท/กก. ส่งผลราคาขายปลีก
พุ่งพรวดขึ้นทันที 18 บาท/กก. หลังกระทรวงพลังงาน ประกาศลอยตัวในวันที่ 30 พฤศจิกายน
ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ช่วงไตรมาส 1 ปี 2551 รัฐบาลเตรียมปรับขึ้นราคาก๊าซ LPG ทั้งในส่วน
ของราคาขายส่งหน้าโรงแยกก๊าซ และโรงกลั่น ต่อเนื่องจากการที่ภาครัฐได้ประกาศยกเลิก
ชดเชยราคาขายส่งหน้าโรงกลั่น การปรับราคาในส่วนของโรงแยกก๊าซและโรงกลั่น จะปรับ
เพิ่มขึ้นโดยอิงราคา 95% ของราคาตลาดในประเทศและ 5% ของราคาตลาดโลก ซึ่งจะมีการ
ทยอยปรับขึ้นราคาในทุกไตรมาสปีหน้า โดยจะขยับสัดส่วนการปรับขึ้นราคาเป็น 90 ต่อ 10 ,
80 ต่อ 20 , 70 ต่อ 30 และครั้งสุดท้าย 60 ต่อ 40 ภายในต้นปี 2552 ซึ่งการปรับราคาก๊าซ
หุงต้มลอยตัวแบบขั้นบันไดในครั้งนี้เพื่อเป็นการยกเลิกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีภาระชดเชย
ราคา ก๊าซหุงต้มอยู่ประมาณเดือนละ 290 ล้านบาท (เกิดจากการที่ราคาที่รัฐบาลกำหนดให้
จำหน่ายก๊าซหุงต้มที่ 12.4569 บาท/กิโลกรัม มีความแตกต่างกับราคาจำหน่ายหน้าโรงกลั่นที่
อิงราคา 315 เหรียญ/ตัน ซึ่งเมื่อบวกภาษีต่างๆ แล้วจะอยู่ที่ประมาณ 13 บาทกว่า/กิโลกรัม
ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับโรงแยกก๊าซและโรงกลั่นในส่วนที่ต่างกันทุกๆ เดือน)

PTT, TOP, RRC และ UMS ได้ประโยชน์
          เราได้ศึกษาถึงบริษัท (ที่เราทำการวิจัย) ที่จะได้รับผลประโยชน์จากการลอยตัวก๊าซ LPG
เป็นขั้นบันไดดังกล่าว ประกอบไปด้วย PTT, TOP และ RRC ซึ่งเป็นผู้ผลิตก๊าซ LPG จำหน่าย
ในประเทศที่จะได้ประโยชน์จากการจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น และ UMS ซึ่งมีโครงการ coal
gasification คือ การแปลงเชื้อเพลิงถ่านหินให้อยู่ในรูปของก๊าซเพื่อมาทดแทนการใช้ก๊าซ
LPG ที่จะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนการใช้ LPG มาเป็นการใช้ถ่านหินมากขึ้นสำหรับ
อุตสาหกรรมแก้วและเซรามิก สำหรับ PTTCH ซึ่งใช้ LPG เป็นวัตถุดิบในการผลิตโอเลฟินส์
ประมาณ 15% ของวัตถุดิบทั้งหมด (อีเทน, แนฟทา) ไม่มีผลกระทบไม่ว่าด้านบวกหรือลบเนื่อง
จาก PTTCH มีสัญญาซื้อขายวัตถุดิบก๊าซกับ PTT ในลักษณะอิงราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของ
บริษัท (net back formula) เป็นแบบ profit sharing คือ การคิดราคาวัตถุดิบ LPG จะคำนวณ
จากราคาผลิตภัณฑ์ของ PTTCH เป็นหลัก ไม่เกี่ยวกับการลอยตัวอต่อย่างใด

ในรูปผลกำไร PTT ได้ประโยชน์สูงสุด แต่ในด้านมูลค่าเพิ่ม RRC ได้มากสุด
            จากผลการศึกษาของเรา PTT จะเป็นผู้ได้รับประโยชน์จากการลอยตัวของก๊าซ LPG
มากที่สุดคิดเป็นกำไรส่วนเพิ่มประมาณ 3,438 ล้านบาท หรือ 1.2 บาท/หุ้นในปีหน้าและ 8,463
ล้านบาท หรือ 3 บาท/หุ้นในปี 2552 (อ้างอิงราคา LPG เดือนธันวาคมที่ 872.5 เหรียญ/ตัน)
เนื่องจาก PTT เป็นผู้ผลิตก๊าซ LPG รายใหญ่สุดในประเทศมีกำลังการผลิตประมาณ 2.2 ล้าน
ตัน/ปี จำหน่ายในประเทศประมาณ 55% (จำหน่ายให้กับ PTTCH เป็นวัตถุดิบประมาณ 35%
และส่งออกประมาณ 10%) ในส่วนของ TOP ซึ่งเป็นผู้ผลิต LPG อันดับสอง เราประเมินว่าจะได้
รับประโยชน์เพิ่ม 943 ล้านบาท หรือ 0.5 บาท/หุ้นในปี 2551 และ 2,320 ล้านบาท หรือ 1.1
บาท/หุ้น ในปี 2552 และสำหรับ RRC คาดว่าจะได้รับประโยชน์เพิ่ม 605 ล้านบาท หรือ 0.2
บาท/หุ้นในปี 2551 และ 1,489 ล้านบาท หรือ 0.5 บาท/หุ้น ในปี 2552 ซึ่งประโยชน์ส่วนเพิ่ม
จากการลอยตัวก๊าซ LPG จะช่วยเพิ่มมูลค่าหุ้นให้กับ RRC มากสุดคิดเป็นประมาณ 0.7%
(เนื่องจาก RRC มีเพียงธุรกิจโรงกลั่นอย่างเดียว) ในขณะที่ TOP และ PTT จะมีมูลค่าเพิ่ม
คิดเป็นเพียง 0.5% และ 0.3% ตามลำดับ เนื่องจากมีธุรกิจอื่นที่สนับสนุนผลกำไรทำให้สัดส่วน
กำไรจากก๊าซ LPG คิดเป็นสัดส่วนไม่มากนัก

UMS ก็ได้ประโยชน์จากโครงการ coal gasification ที่จะนำถ่านหินมาทดแทนการใช้ก๊าซ
LPG ในอุตสาหกรรมผลิตแก้วและเซรามิค
           เราเห็นว่าการลอยตัวก๊าซ LPG จะทำให้ UMS ได้ประโยชน์ทางอ้อมไปด้วยแม้ว่า
จะไม่ใช่ผู้ผลิต LPG ก็ตาม ทั้งนี้เนื่องจาก UMS มีโครงการที่เรียกว่า coal gasification
เป็นการนำถ่านหินมาแปลงสภาพให้เป็นก๊าซ เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนการใช้ก๊าซ LPG
และ NGV ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมหลายประเภทในประเทศไทย เช่น อุตสาหกรรมเซรามิก,
แก้ว เป็นต้น ซึ่งขนาดของตลาดในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นล้านบาท โดยความได้เปรียบ
ของกระบวนการนี้คือ ต้นทุนเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่าการใช้ LPG อยู่ประมาณ 67% คำนวณจากราคา
LPG ก่อนปรับลอยตัว (LPG มีค่าความร้อนประมาณ 11,000 กิโลแคลอรี/กิโลกรัม มีราคา
ประมาณ 16.81 บาท/กิโลกรัม ในขณะที่ถ่านหินที่มีค่าความร้อนประมาณ 5,000 กิโลแคลอรี/
กิโลกรัม มีราคาเพียง 2.5 บาท/กิโลกรัม หรือเมื่อคิดเป็นค่าความร้อนเทียบเท่ากันที่ 11,000
กิโลแคลอรี/กิโลกรัม จะมีต้นทุนค่าถ่านหินอยู่ที่ 5.5 บาท) และต่ำกว่า NGV ประมาณ 30% ซึ่ง
การปรับราคา LPG ขึ้นจะยิ่งเป็นปัจจัยเร่งให้อุตสาหกรรมแก้วและเซรามิกตัดสินใจง่ายขึ้นที่จะ
เปลี่ยนมาใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยเพิ่มความต้องการใช้ถ่านหิน, ปริมาณการจำหน่าย
และผลกำไรให้กับ UMS

แนะนำ ซื้อลงทุน PTT และ TOP ส่วน RRC และ UMS แนะนำ ซื้อเก็งกำไร
           ในแง่คำแนะนำเราแนะนำ ซื้อลงทุน สำหรับ TOP และ PTT โดย TOP จะเริ่มกลับมา
เดินเครื่อง CDU-3 และกำลังการผลิตส่วนขยายอีก 50,000 บาร์เรล เป็น 275,000 บาร์เรล ได้
เต็มที่กลางเดือนนี้ และยังมีโอกาสชนะการประมูลโรงไฟฟ้าใหม่ที่ใกล้จะประกาศผลอีกด้วย นอก
เหนือไปจากค่าการกลั่นที่ยังยืนสูงในไตรมาส 4/50 เราให้ราคาเป้าหมายที่ 94 บาท ส่วน PTT
นั้นยังคงต้องรอความชัดเจนสำหรับกรณีการฟ้องร้องคดีซึ่งศาลปกครองสูงสุดจะมีการประกาศผล
การตัดสินในวันที่ 14 ธันวาคมนี้ ซึ่งหากพิจารณาเฉพาะปัจจัยพื้นฐานเราให้ราคาเป้าหมายที่
468 บาท สำหรับ RRC นั้นเราแนะนำ ซื้อเก็งกำไร เนื่องจากราคาหุ้นที่ยังต่ำกว่าราคาตามปัจจัย
พื้นฐานที่ 29 บาทมากและบริษัทยังได้ประโยชน์จากค่าการกลั่นที่ยืนสูงในไตรมาสนี้ อีกทั้งบริษัท
จะมีการรวมกับ ATC เป็น PTTAR ในต้นปีหน้า โดยจะถูกพักการซื้อขาย (ขึ้นเครื่องหมาย SP)
ในวันที่ 18 ธันวาคมนี้ ส่วน UMS ยังเป็นบริษัทขนาดเล็กที่มีผลการดำเนินงานเติบโตสูงตาม
ความต้องการใช้ถ่านหินที่สูงขึ้น, การขยายฐานลูกค้าและโครงการใหม่ที่บริษัทอยู่ในระหว่างการ
พัฒนาที่จะต่อยอดผลกำไรให้กับบริษัทเติบโตโดดเด่นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เราให้ราคาที่
เหมาะสม 35 บาท แนะนำ ซื้อเก็งกำไร
โพสต์โพสต์