PTTCH-TTAมีแรงฮึด ไซเคิลขาขึ้นยืนสู้ตลาด

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

PTTCH-TTAมีแรงฮึด ไซเคิลขาขึ้นยืนสู้ตลาด

โพสต์ที่ 1

โพสต์

PTTCH-TTAมีแรงฮึด ไซเคิลขาขึ้นยืนสู้ตลาด



--------------------------------------------------------------------------------

ทันหุ้น-ตลาดหุ้นเปิดต้นสัปดาห์ด้วยความผันผวน หุ้นบิ๊กแคปร่วงกราวรูด ขณะที่ PTTCH TTA ยังยืนแกร่งสวนตลาดได้  เพราะมีปัจจัยบวกพื้นฐานไซเคิลรอบขาขึ้นหนุน  ด้าน PTTCH เตรียมเพิ่มกำลังผลิต MEG อีก 9.5 หมื่นตันต่อปี  ในไตรมาส 1/2551 จากปัจจุบันที่ 3 แสนตันต่อปี หลังความต้องการยังล้น โบรกมองราคา MEG ทรงตัวสูงถึงกลางปี 2551 คาดไตรมาส 4/2550 กำไรทะลุ 5.5 พันล้านบาท และดีขึ้นไปอีกใน Q1/2551 ให้เป้าหมายปีหน้า 167 บาท ส่วน TTA ค่าระวางเรือพุ่ง ค่าระวางเรือปรับตัวติดต่อกัน 3 วัน ทะลุไปถึง 10,210 จุด เพราะเรือต่อใหม่ยังมีไม่พอความต้องการจากลูกค้ารายใหญ่ในจีน อินเดีย และตะวันออกกลาง  ขณะที่ราคาร่วงลงมาติดต่อกันตลอด 1 เดือน ทำนิวโลว์ที่ 46 บาท จากไฮเดิม 68 บาท กดราคาหุ้นลงมาถูกมาก มีอัพไซด์เหลือเพียบจากเป้าหมาย 76 บาท
    ภาวะตลาดหุ้นไทยวานนี้(3ธ.ค.) ปรับตัวลดลงแรง จากแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ ขณะที่ราคาหุ้น PTTCH  และ TTA ยังปรับตัวเพิ่มได้ในระหว่างวัน จากปัจจัยบวกของราคา MEG และค่าระวางเรือที่ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น และในช่วงท้ายตลาด PTTCH ยืนนิ่งทรงตัวปิดตลาดที่ 120 บาท มูลค่าซื้อขายรวม 289.28 ล้านบาท และ TTA ปิดทรงตัวเช่นเดียวกันที่  51.50 บาท มูลค่าการซื้อขายรวม 754.18 ล้านบาท
    แหล่งข่าวจาก บริษัท ปตท.เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTCH เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในช่วงเตรียมการเพิ่มกำลังผลิต MEG  อีก 95,000 ตันต่อปี จากปัจจุบันที่ผลิตอยู่ 3 แสนตันต่อปี โดยเป็นส่วนของบริษัททีโอซี ไกลคอล ที่ PTTCH ถือหุ้น 100% เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะใช้งบลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท และจะเริ่มได้ในช่วงปลายไตรมาส 1/2551
    สำหรับส่วนการรับรู้รายได้จากการขาย MEG ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่ 17% ของรายได้รวม และคาดว่าจะเพิ่มขยับเพิ่มสูงขึ้น จากการเพิ่มกำลังผลิตในปีหน้า ซึ่งสอดคล้องกับราคา MEG อยู่ในช่วงขาขึ้น โดยคาดว่าจะปรับตัวทรงตัวอยู่ในระดับสูง และในปีนี้จะยืนเฉลี่ยเหนือระดับ 1,400 เหรียญต่อตันได้
    เราตั้งเป้ารายได้จากการขาย MEG ในปีหน้าสูงถึง 10,000 ล้านบาท  จากปีนี้ที่คาดไว้ 6,000-7,000 ล้านบาท จากการกำลังผลิตเดิม 3 แสนตันต่อปี โดยยังไม่รวมกำลังผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น  และหากราคาขยับขึ้นก็จะทำให้รายได้ปรับตัวดีขึ้นจากเป้าที่วางไว้ได้ และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปีหน้า จากการเพิ่มกำลังการผลิตมากขึ้นในปีหน้าแหล่งข่าวกล่าว
    ดังนั้นคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 4/2550 จะเติบโตได้อย่างโดดเด่นมากขึ้นเมื่อเทียบจากไตรมาส 3/2550 ที่มีรายได้รวม 21,145 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,042 ล้านบาท จากราคา MEG ปรับตัวสูงขึ้น และหันมาขายในประเทศมากขึ้น จึงทำให้ต้นทุนการขนส่งปรับลดลง
ราคาMEGยืนสูงถึงQ2/51
    นางวชิราลักษณ์ แสงเลิศศิลปชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด กล่าวว่า ราคา MEG ล่าสุดปรับตัวสูงขึ้นถึง 1,680 เหรียญต่อตัน และคาดว่าจะทรงตัวในระดับสูงไปจนถึงไตรมาส 2/2550 จึง
ส่งผลดีต่อการเติบโตของรายได้ และกำไรของ PTTCH   เพราะ PTTCH เป็นผู้ผลิต MEG เพียงรายเดียวในประเทศ โดยมีสัดส่วนรายได้ที่ 17% และคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น หลังจากขยายกำลังการผลิตอีก 9.5 หมื่นตันต่อปี จากปัจจุบันที่ผลิตได้ 3 แสนตันต่อปี
    ส่วนในไตรมาส 4/2550 คาดว่า PTTCH จะมีกำไรสุทธิประมาณ 5,500 ล้านบาท จากยอดขายรวม 21,812 ล้านบาท เนื่องจากราคา MEG ปรับตัวขึ้นถึง 100% จาก 840 เหรียญต่อตัน เป็น 1,680 เหรียญต่อตัน และในไตรมาส 1/2551 จะออกมาดีมาก และอยู่ในระดับเกิน 5,500 ล้านบาท
    นอกจากนี้ PTTCH ได้เปิดสายการผลิตในส่วนของ โครงการ Oleochemical ของบริษัทย่อยที่ PTTCH ถือหุ้นอยู่ 100% ซึ่งใช้ในการผลิตน้ำมัน ไบโอดีเซล ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ การผลิตเอทานอลลามีน คลอรีน คลอไรด์ ผลิตภัณฑ์ฟีนอล จำนวน 200,000 ตันต่อปี โดยคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาส 1/2551 ดังนั้นจึงแนะนำ ซื้อโดยให้ราคาเป้าหมาย 167 บาท
ค่าวางเรือทะลุหมื่นจุด
    บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด ระบุว่า ดัชนีค่าระวางเรือเทกองล่าสุด (30พ.ย.)ปิดเพิ่มขึ้น 118 จุด มาอยู่ที่ 10,210 จุด ปัจจัยบวกยังคงเป็นความต้องการเรือเทกองที่มาจากจีน อินเดีย ตะวันออกกลาง และประเทศอื่นๆ ซึ่งต้องการเรือเพื่อขนส่งถ่านหิน สินแร่เหล็ก ปูนซีเมนต์ และสินค้าเกษตรอื่นๆ  โดยเฉพาะในส่วนของสินแร่เหล็ก มีการคาดการณ์กันว่าราคานำเข้าของประเทศจีนจะถูกปรับเพิ่มขึ้นอีก 30% ในปี 51 ทำให้ผู้นำเข้าในจีนต้องเร่งนำเข้ามากขึ้นในปีนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปรับราคา ขณะที่ปัญหาทางด้านอุปทานเกิดจากภาวะแออัดที่ท่าเรือหลายแห่งยังไม่คลี่คลายลงเท่าที่ควร ทั้งที่นิวคาสเซิล บราซิล และจีน แม้ว่าจำนวนวันรอขนถ่ายสินค้าที่ท่าเรือนิวคาสเซิลจะลดลงบ้างแล้วก็ตาม  แต่การขนส่งมีระยะทางที่ไกลขึ้น และเรือต่อใหม่เข้าสู่ตลาดช้ากว่าที่คาด
ค่าระวางรอบขาขึ้น-หุ้นอัพไซด์เพียบ
    นายเบญจพล สุทธิ์วนิช ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการใช้เรือเทกองในปัจจุบันยังเพิ่มสูงขึ้น จากความต้องใช้จากประเทศจีน และอินเดียที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้จำนวนกองเรือที่มีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการดังกล่าว
    ดังนั้นจึงทำให้ค่าระวางเรือมีทิศทางที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้น และจะทรงตัวในระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะจะส่งผลดีต่อหุ้นเดินเรือ โดยเฉพาะ TTA ที่มีการทำสัญญาล่วงหน้าไว้น้อย เมื่อเทียบจากผู้ประกอบการเดินเรือด้วยกัน ซึ่งจะส่งผลรายได้ของ TTA เติบโตสูงขึ้นในอนาคต
    ดังนั้นจึงเป็นจังหวะดีที่จะทยอยสะสมหุ้น TTA เพราะราคาหุ้นในปัจจุบัน มีอัพไซด์เหลือค่อนข้างสูง เมื่อเทียบจากราคาเป้าหมายที่ให้ไว้ 70.00 บาท
    นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) มองว่า     ราคาหุ้นของ TTA ปรับตัวลดลงอย่างมากในรอบ 1 เดือนที่ผ่านมา คือปรับตัวลดลงจาก 68 บาท ลงมาทำจุดต่ำสุดของรอบนี้บริเวณ 46 บาท เป็นการปรับตัวลดลงมาถึงประมาณ 32% โดยได้รับแรงกดดันจากภาวะตลาดที่ปรับตัวลดลงและดัชนี BDI ที่อ่อนตัวลง จึงคิดว่าในระดับนี้เป็นระดับที่ถูกมากแล้ว เนื่องจากในราคาปัจจุบันซื้อขายกันที่ค่าพี/อี ปี 2551 เพียง 8.5 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยภูมิภาคที่ 14.50 เท่าอยู่ 41%
    นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายที่ P/BV ปี 2551 ที่ 1.3 เท่าใกล้เคียงกับมูลค่าด้านต่ำของ PBV Band คิดว่าการลดลงอย่างมากจากค่าเฉลี่ยภูมิภาคนั้นไม่เหมาะสม เพราะเชื่อว่าช่วงขาขึ้นจะทรงตัวไปถึงปีหน้าและอาจต่อเนื่องไปอีก โดยราคาหุ้นปัจจุบันค่อนข้างน่าสนใจลงทุนเนื่องจากคิดเป็นมูลค่าส่วนลดจาก Replacement Cost ของ TTA ถึง 54% ดังนั้นยังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร ที่ราคาเป้าหมายปี 2551 ที่ 76 บาท
    นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้น PTTCH .ในช่วงที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาจากการทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติ จึงเป็นจังหวะดีที่จะทยอยซื้อหุ้น เพราะแนวโน้มผลการดำเนินมีการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากราคา MEG ที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยให้แนวรับ 118 บาท แนวต้าน 122 บาท
    ส่วน TTA ยังไม่สะท้อนปัจจัยบวกการปรับตัวเพิ่มขึ้นของดัชนีค่าระวางเรือล่าสุด ( 3 ธ.ค.) ที่เพิ่มถึง 118 จุด มาอยู่ที่มายืนเหนือระดับ 10,210 จุด จึงแนะนำ ซื้อสะสมโดยให้แนวรับ 49.50 บาท แนวต้าน 53.52.50 บาท
   



 

--------------------------------------------------------------------------------
โพสต์โพสต์