ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 1
คือว่า มือใหม่ครับ อ่านหนังสือ ดร. นิเวศน์ แต่แบบว่าจบวิทยาศาสตร์ อาจจะคิดอะไรที่มันเป็นสูตรมากไป แต่ก็พอที่จะทำได้ แอบอ่านมานานครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะว่าบางอย่างนึกภาพไม่ออก เลยต้องทำตุ๊กตาขึ้นมาขอคำแนะนำหน่อยครับ นี่เป็นข้อมูลหุ้นตัวนึง ขอไม่บอกละกันว่าตัวอะไร เดี๋ยวจะกลายเป็นเจาะหุ้นตัวนี้ไป มีข้อมูลตามนี้ครับ
....................2545........2546........2547........2548........2549.........2550/3
เงินสด............4720.68....3711.69....4449.90....4038.63....4871.40....1053.77
สินทรัพย์........16481.82...16174.65..18538.56...18967.95..19,282.59..17577.00
หนี้สิน...........7530.28.....7418.82....9215.87....10128.79...10540.29....9435.17
%ทรัพย์/หนี้...45.69.......45.87........49.71........53.40........54.66........53.68
รายได้..........38651.95...40619.40...46,257.62..52294.65...57406.80....45540.79
รายจ่าย.........37350.61..39348.98....44671.37...50682.27...55694.87....44234.57
% ได้:จ่าย.....96.63.......96.87........96.57........96.92........97.02.........97.13
กำไรสุทธิ.......941.57.....944.29......1106.86....1136.47.....1223.15.......899.52
กำไรต่อหุ้น.....3.92........3.93..........4.61..........4.74..........5.10..........3.75
ปันผล...........3.50........2.50..........2.75..........9.00.........5.50...........3.25
%ปันผล/กำไร..89.29 ....63.61........59.65........189.87......107.84.........86.67
จำนวนหุ้น.......240........240..........240...........240...........240.............240
ราคาหุ้น 90.00
PE 17.14
ชนะอย่างเต่า ว่าไว้ว่า ให้ดูงบย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี ผมเลยดู 5 ปี
ว่ากันว่า
1. หนี้น้อยเป็นดี
จะเห็นตัวนี้ หนี้สิน ต่อ สินทรัพย์ ประมาณ 50% แสดงว่า ข้อนี้ผ่าน ใช่หรือไม่
2. ขายเป็นเงินสด สินค้าที่ซื้อมาซื้อเป็นเงินเชื่อ แบบนี้สิดี
สำหรับข้อนี้ บริษัทนี้ มีเงินสดเยอะ แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
3. บริษัทเติบโตต่อเนื่องถึงจะดี
ดูจากกำไรสุทธิ ที่เติบโตทุกปี แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
4. หุ้นไม่เพิ่มจนทำให้ตัวหารเยอะขึ้นถึงจะดี
ข้อนี้ 240 ล้านหุ้นนิ่งเลย แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
5. อัตราการจ่ายปันผลสมเหตุสมผล
ข้อนี้ดูแปลก ๆ บางปีปันผลมากกว่ากำไร แสดงว่าสอบตก ใช่หรือไม่
6. PE 5-10 ให้ซื้อ 11-20 ให้นิ่ง 20 Up ให้ขาย
PE ตอนนี้คือ ราคา / กำไรต่อหุ้น(คาดว่าปีนี้ประมาณ 5.25) 90/5.25 = 17.14 แสดงว่า ตอนนี้ไม่ความซื้อ ใช่หรือไม่
7. ผู้บริหารควรมีธรรมภิบาล + ความสามารถ
อันนี้คงตอบไม่ได้จากตัวเลข
สรุปจาก 7 ข้อนี้ แสดงให้เห็นว่า มีทั้งดีทั้งร้าย ถ้าผมคงสรุปว่า รอราคาต่ำกว่านี้ค่อยซื้อ
คำถามคือ ทุกท่าน ดูอะไรอีกนอกจาก 7 ข้อนี้ และคิดเช่นไร เช่น บางท่านดูปันผล คือ เอา ปันผล / ราคาหุ้น (ตอนที่ซื้อ) = % ปันผลอย่างนี้เป็นต้น
หรือ ค่า ROE PB เคยได้ยินแต่คิดไม่เป็น ค่าพวกนี้คิดจากตัวข้อมูลข้างต้นได้ไหมครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยนะครับ ผมพยายามทำการบ้านมา ไม่อยากแบบว่าเข้ามาถามว่า VI เลือกหุ้นยังไง มันดูว่างเปล่าไปหน่อย อยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ช่วยตรวจหน่อย หรือ แสดงความคิดเห็น เทคนิค ส่วนตัวก็ได้
....................2545........2546........2547........2548........2549.........2550/3
เงินสด............4720.68....3711.69....4449.90....4038.63....4871.40....1053.77
สินทรัพย์........16481.82...16174.65..18538.56...18967.95..19,282.59..17577.00
หนี้สิน...........7530.28.....7418.82....9215.87....10128.79...10540.29....9435.17
%ทรัพย์/หนี้...45.69.......45.87........49.71........53.40........54.66........53.68
รายได้..........38651.95...40619.40...46,257.62..52294.65...57406.80....45540.79
รายจ่าย.........37350.61..39348.98....44671.37...50682.27...55694.87....44234.57
% ได้:จ่าย.....96.63.......96.87........96.57........96.92........97.02.........97.13
กำไรสุทธิ.......941.57.....944.29......1106.86....1136.47.....1223.15.......899.52
กำไรต่อหุ้น.....3.92........3.93..........4.61..........4.74..........5.10..........3.75
ปันผล...........3.50........2.50..........2.75..........9.00.........5.50...........3.25
%ปันผล/กำไร..89.29 ....63.61........59.65........189.87......107.84.........86.67
จำนวนหุ้น.......240........240..........240...........240...........240.............240
ราคาหุ้น 90.00
PE 17.14
ชนะอย่างเต่า ว่าไว้ว่า ให้ดูงบย้อนหลังอย่างน้อย 5 ปี ผมเลยดู 5 ปี
ว่ากันว่า
1. หนี้น้อยเป็นดี
จะเห็นตัวนี้ หนี้สิน ต่อ สินทรัพย์ ประมาณ 50% แสดงว่า ข้อนี้ผ่าน ใช่หรือไม่
2. ขายเป็นเงินสด สินค้าที่ซื้อมาซื้อเป็นเงินเชื่อ แบบนี้สิดี
สำหรับข้อนี้ บริษัทนี้ มีเงินสดเยอะ แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
3. บริษัทเติบโตต่อเนื่องถึงจะดี
ดูจากกำไรสุทธิ ที่เติบโตทุกปี แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
4. หุ้นไม่เพิ่มจนทำให้ตัวหารเยอะขึ้นถึงจะดี
ข้อนี้ 240 ล้านหุ้นนิ่งเลย แสดงว่า ผ่าน ใช่หรือไม่
5. อัตราการจ่ายปันผลสมเหตุสมผล
ข้อนี้ดูแปลก ๆ บางปีปันผลมากกว่ากำไร แสดงว่าสอบตก ใช่หรือไม่
6. PE 5-10 ให้ซื้อ 11-20 ให้นิ่ง 20 Up ให้ขาย
PE ตอนนี้คือ ราคา / กำไรต่อหุ้น(คาดว่าปีนี้ประมาณ 5.25) 90/5.25 = 17.14 แสดงว่า ตอนนี้ไม่ความซื้อ ใช่หรือไม่
7. ผู้บริหารควรมีธรรมภิบาล + ความสามารถ
อันนี้คงตอบไม่ได้จากตัวเลข
สรุปจาก 7 ข้อนี้ แสดงให้เห็นว่า มีทั้งดีทั้งร้าย ถ้าผมคงสรุปว่า รอราคาต่ำกว่านี้ค่อยซื้อ
คำถามคือ ทุกท่าน ดูอะไรอีกนอกจาก 7 ข้อนี้ และคิดเช่นไร เช่น บางท่านดูปันผล คือ เอา ปันผล / ราคาหุ้น (ตอนที่ซื้อ) = % ปันผลอย่างนี้เป็นต้น
หรือ ค่า ROE PB เคยได้ยินแต่คิดไม่เป็น ค่าพวกนี้คิดจากตัวข้อมูลข้างต้นได้ไหมครับ
ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาช่วยนะครับ ผมพยายามทำการบ้านมา ไม่อยากแบบว่าเข้ามาถามว่า VI เลือกหุ้นยังไง มันดูว่างเปล่าไปหน่อย อยากให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ช่วยตรวจหน่อย หรือ แสดงความคิดเห็น เทคนิค ส่วนตัวก็ได้
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3645
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 2
มองไปข้างหน้าด้วยครับ ผลงานในอดีตดีต่อเนื่องก็สบายใจได้ระดับนึงว่าบริษัทพิสูจน์ตัวเองมาแล้ว แต่ควรจะดูปัจจัยให้รอบด้านว่าอนาคตจะเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิมป่าวครับ
It's earnings that count
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 4
ป้จจัยในอนาคตหรือครับ อืมมมมมมม ดูลำบากจัง อนาคตก็ต้องอ่านข่าว อ่านบทวิเคราะห์ ประชาชน ธรรมดาอย่างเราจะมีวิธี ทำนายอนาคตได้ยังไงครับ (ถ้าไม่ได้มาจากข่าว และ บทวิเคราะห์ จากโบรก) ใช้ความรู้สึก มันก็วัดอะไรไม่ได้ซะด้วยซิ อืมมมมมมมม ปัญหาข้อนี้ ทุกท่าน ดูจากอะไรครับ... :D
ป.ล. ขออภัย หาก ซอกแซกมากไป แต่อยากรวบรวมข้อมูลเพื่อทำโมเดลการคัดหุ้นครับ
ป.ล. ขออภัย หาก ซอกแซกมากไป แต่อยากรวบรวมข้อมูลเพื่อทำโมเดลการคัดหุ้นครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 8
ขออภัย เพื่อน ๆ ครับ ที่มัน คาบเกี่ยวกับร้อยคนร้อยหุ้นมาก เพียงแต่เจตนา ให้เห็นข้อมูลเท่านั้นครับ อยากได้ Model ที่มันใช้ได้กับหุ้นทุกตัวมากกว่า ที่ต้องเอาตัวเลขขึ้นมาเพราะว่าจะได้เห็นกันชัด ๆ เท่านั้นเองครับ อย่างค่า PE เนี่ย คือ ก่อนหน้านี้ เขาพูดกัน ค่า PE PE นี่ผมไม่รู้เลยว่ามันคิดมาจากอะไร แต่พออ่านหนังสือถึงรู้ว่ามันเอา ราคาหุ้น / กำไรต่อหุ้น ซื้อเข้าใจว่าไอ้ค่า PE มันใช้ได้กับหุ้นทุกตัว อะไรแบบนี้ครับ ไม่เน้นว่าเป็นตัวที่ยกตัวอย่างมานะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 927
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 9
...เป็นที่สิงสถิตย์ผมเลยครับ แต่เฝ้าดูแค่ตัวเดียว...jung_oh เขียน:ร้อยคนร้อนหุ้นนี่แหละครับ
...ช่วงนี้ ร้อนทั้งหุ้น ร้อนทั้งเงิน อิอิ...
...Makro ที่หาดใหญ่ เงียบเหงา ...
...ผมเองไม่ได้เข้าไปนานหลายปีแล้ว...
...ตอนนี้ คนไปแต่โลตัส คาร์ฟู ครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 10
เชื่อแล้วว่าเซียบกันจริง ๆ ขนาดไม่ได้บอกว่าหุ้นอะไร แต่ดูเหมือนทุกคนรู้หมดว่า มันคืออะไร เหอ ๆ ๆ
- gnomeller
- Verified User
- โพสต์: 425
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 13
รู้ได้ไงเนี่ย !
- K_COBAIN
- Verified User
- โพสต์: 35
- ผู้ติดตาม: 0
มิตรแท้โชวห่วย
โพสต์ที่ 14
มิตรแท้โชวห่วย อนาคตบริษัทฯมีแผนเปิดศูนย์โชวห่วยไปยังจังหวัดหัวเมืองใหญ่ ปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่ลงทะเบียนสมาชิกไว้ประมาณ 1.8 ล้านราย มีฐานสมาชิกผู้ประกอบการกว่า 3.5 แสนรายที่ยังใช้บริการอย่างต่อเนื่อง คิดว่า Model ธุรกิจของมิตรแท้โชวห่วยเป็นคนละกลุ่มกับ โลตัส คาร์ฟู นะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 98
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 15
ชอบสโลแกนของบริษัทนี้จัง "มิตรแท้โชว์ห่วย" แถมยังช่วยลดโลกร้อนอีกต่างหาก (ไม่มีถุงใส่ของให้)
รู้สึกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง ราคาตกไปอยู่ที่ประมาณ เกือบ 35 บาท ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นปลายปี 2004 นะ ถ้าคิดเป็น PE โดยที่มี EPS = 4.74 (ตามข้อมูลข้างต้น) จะได้ PE ที่ ประมาณ 7.5 เท่า ตอนนั้นกลับไม่ค่อยมีคนสนใจ ยังจำได้เลยว่ามีบางโบรก ให้ขายอีกต่างหาก (ตอนนั้น โลตัส, คาร์ฟูร์ กำลังแรง)
รู้สึกว่ามีอยู่ช่วงหนึ่ง ราคาตกไปอยู่ที่ประมาณ เกือบ 35 บาท ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นปลายปี 2004 นะ ถ้าคิดเป็น PE โดยที่มี EPS = 4.74 (ตามข้อมูลข้างต้น) จะได้ PE ที่ ประมาณ 7.5 เท่า ตอนนั้นกลับไม่ค่อยมีคนสนใจ ยังจำได้เลยว่ามีบางโบรก ให้ขายอีกต่างหาก (ตอนนั้น โลตัส, คาร์ฟูร์ กำลังแรง)
- คนขายของ
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 788
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 16
ควรดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประกอบด้วยครับ
การดู PE อย่งเดียวทำให้เราอาจเข้าใจผิด มีบางบริษัทมีกำไร แต่ไม่มีตัง
ทั้งนี้เพราะอำนาจต่อรองน้อย บางรายยังไม่ได้เงินจากลูกค้า แต่ต้องมาจ่าย
Suppliers ก่อน แบบนี้ถึงมีกำไรทางบัญชี แต่บริษัทต้องกู้หนี้ระยะสั้นมาโปะ
ตลอด บริษัทที่ดีๆ บริหารเงินสดได้ดี เพิ่มขึ้นทุกปี สามารถใช้กระแสเงินสด
จากการดำเนินงานขยายงานได้มากกว่ากำไรที่หาได้ ถ้าดู PE อย่างเดียวอาจ
เห็นว่าแพงไป และบริษัทไม่จำเป็นต้องรับเงินสดเสมอไป ก็สามารถสร้าง
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ดีครับ เพราะได้เครดิตจาก Suppliers
ยาวกว่าที่ให้ลูกค้า และถ้าให้ดีควรดู PEG (PE Growth) ตามหลักของ
Peter Lynch ประกอบด้วยครับ ที่สำคัญควรเลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา
เข้าใจอย่างดี สามารถมองออก หรือ พอจะจินตนาการได้ว่า
บริษัทจะโตอย่างไรในอนาคตครับ
การดู PE อย่งเดียวทำให้เราอาจเข้าใจผิด มีบางบริษัทมีกำไร แต่ไม่มีตัง
ทั้งนี้เพราะอำนาจต่อรองน้อย บางรายยังไม่ได้เงินจากลูกค้า แต่ต้องมาจ่าย
Suppliers ก่อน แบบนี้ถึงมีกำไรทางบัญชี แต่บริษัทต้องกู้หนี้ระยะสั้นมาโปะ
ตลอด บริษัทที่ดีๆ บริหารเงินสดได้ดี เพิ่มขึ้นทุกปี สามารถใช้กระแสเงินสด
จากการดำเนินงานขยายงานได้มากกว่ากำไรที่หาได้ ถ้าดู PE อย่างเดียวอาจ
เห็นว่าแพงไป และบริษัทไม่จำเป็นต้องรับเงินสดเสมอไป ก็สามารถสร้าง
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ดีครับ เพราะได้เครดิตจาก Suppliers
ยาวกว่าที่ให้ลูกค้า และถ้าให้ดีควรดู PEG (PE Growth) ตามหลักของ
Peter Lynch ประกอบด้วยครับ ที่สำคัญควรเลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา
เข้าใจอย่างดี สามารถมองออก หรือ พอจะจินตนาการได้ว่า
บริษัทจะโตอย่างไรในอนาคตครับ
อดทนไว้ กำไรยั่งยืน
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 17
PEG (PE Growth) คืออะไรครับ แล้วดูยังไงครับ หรือจะแนะนำหนังสือให้อ่านก็ได้ครับ ขอบคุณครับคนขายของ เขียน:ควรดูกระแสเงินสดจากการดำเนินงานประกอบด้วยครับ
การดู PE อย่งเดียวทำให้เราอาจเข้าใจผิด มีบางบริษัทมีกำไร แต่ไม่มีตัง
ทั้งนี้เพราะอำนาจต่อรองน้อย บางรายยังไม่ได้เงินจากลูกค้า แต่ต้องมาจ่าย
Suppliers ก่อน แบบนี้ถึงมีกำไรทางบัญชี แต่บริษัทต้องกู้หนี้ระยะสั้นมาโปะ
ตลอด บริษัทที่ดีๆ บริหารเงินสดได้ดี เพิ่มขึ้นทุกปี สามารถใช้กระแสเงินสด
จากการดำเนินงานขยายงานได้มากกว่ากำไรที่หาได้ ถ้าดู PE อย่างเดียวอาจ
เห็นว่าแพงไป และบริษัทไม่จำเป็นต้องรับเงินสดเสมอไป ก็สามารถสร้าง
กระแสเงินสดจากการดำเนินงานได้ดีครับ เพราะได้เครดิตจาก Suppliers
ยาวกว่าที่ให้ลูกค้า และถ้าให้ดีควรดู PEG (PE Growth) ตามหลักของ
Peter Lynch ประกอบด้วยครับ ที่สำคัญควรเลือกลงทุนในธุรกิจที่เรา
เข้าใจอย่างดี สามารถมองออก หรือ พอจะจินตนาการได้ว่า
บริษัทจะโตอย่างไรในอนาคตครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 927
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 18
...หุหุ ขนาดในpantipมีคนเอากราฟหุ้นมาลง ผมยังทายถูกเลย...อิอิgnomeller เขียน:รู้ได้ไงเนี่ย !
...ลืมตัวไปหน่อย ไม่ได้ถาม คุณMan Call Heroว่าให้เฉลยรึเปล่า :lol: :lol: ...
...ถ้าถามผมแบบชาวบ้านที่นี่ ผมไม่ซื้อครับ ผมคิดว่าเค้าจะเจ๊งด้วยซ้ำ...
...ดูจากที่จอดรถหน้าห้างก็ดูมืดๆ ไม่ค่อยมีคนเหมือนแต่ก่อน...
...ไว้จะลองเข้าไปดูข้างในใหม่นะครับ...อาจจะต๊ะติ๊งโหน่งก็ได้...
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 19
สงสัยว่าอาจจะยังอ่านหนังสือดร.ไม่มากพอครับMan Call Hero เขียน:คือว่า มือใหม่ครับ อ่านหนังสือ ดร. นิเวศน์ แต่แบบว่าจบวิทยาศาสตร์ อาจจะคิดอะไรที่มันเป็นสูตรมากไป แต่ก็พอที่จะทำได้ แอบอ่านมานานครับ รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะว่าบางอย่างนึกภาพไม่ออก เลยต้องทำตุ๊กตาขึ้นมาขอคำแนะนำหน่อยครับ นี่เป็นข้อมูลหุ้นตัวนึง ขอไม่บอกละกันว่าตัวอะไร เดี๋ยวจะกลายเป็นเจาะหุ้นตัวนี้ไป มีข้อมูลตามนี้ครับ
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 21
ขอตอบด้วยคนครับ
ข้อ 1 ผ่าน
ข้อ 2 วัดที่เงินสดในงบดุลไม่ได้ครับ มันไม่สื่ออะไร เช่นบริษัทอาจขายสินทรัพย์ออกไปได้เงินสดออกมาเลยโชว์ในตัวเลขงบดุลเยอะก็เป็นได้
ให้ลองหา net working capital ครับ เป็นตัวเลขที่เอา(ลูกหนี้การค้า + สินค้าคงคลัง) - (เจ้าหนี้การค้า) หากตัวเลขออกมาน้อยหรือติดลบแสดงว่าเป็นการขายสดซื้อเชื่ออย่างที่บอก หากต้องการเปรียบเทียบระหว่าง 2 บริษัทหรือเทียบกับผลประกอบการหลายๆ ปี ให้เอาค่าที่ลบได้ไปหารกับยอดขายครับ
ข้อ 3 กำไรก้อโอครับ แต่ลองดูย้อนหลังไปอีกซัก 5 ปีถ้ามีข้อมูลนะครับ ควรหา ROE คือเอากำไรไปหารส่วนของผู้ถือหุ้นด้วยครับ จากข้อมูลที่ให้มาให้เอากำไรสุทธิ / (สินทรัพย์ - หนี้สิน) ก็ได้ครับ ถ้าสูงเช่นมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของธุรกิจที่คล้ายๆ กันอย่างต่อเนื่องหลายๆ ปีก็น่าจะดีครับ
ที่สังเกตุได้ชัดอีกจุดก็คือ profit margin (100% - ได้/จ่าย) ของธุรกิจนี้น้อยและลดลงเรื่อยๆ แสดงว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงพอดู
ข้อ 4 ก้อโอครับ
ข้อ 5 อัตราจ่ายปันผลสมเหตุผล อืม ปีที่กระโดดน่าจะมีรายการพิเศษอะไรบางอย่างมั้งครับ (หรือเพิ่ง IPO เลยปันผลดึงดูดความสนใจ :twisted: )
ข้อ 6 PE ผมไม่รู้แฮะ ถ้ามั่นใจว่าการเติบโตในอนาคตมากกว่า 17% ต่อปี ก้อโอครับ PEG ก้อคือ PE/growth rate นั่นเอง ทั่นว่าไว้ว่าถ้า PEG ต่ำกว่า 1 เมื่อไหร่ก็น่าสน
แล้วจะรู้ได้ไงว่าอนาคต growth เป็นเท่าไหร่? ต้องถามตัวเองว่าเรารู้เรื่องธุรกิจและอุตสาหกรรมนี้ออกหรือไม่ ว่าด้วยตัวธุรกิจจะสามารถเติบโตได้มากกว่า PE นี้หรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่ซื้อครับ อย่าลืม Margin of safety ด้วย เช่นเดา (อย่างมีหลักการ) ว่า Growth เป็น 20% ลองเผื่อความไม่แน่นอนไว้สัก 20% ก้อเหลือแค่ 16% เป็นต้น
ที่ดีกว่าแต่ยากกว่าคือ DCF ครับ
ส่วน PB ผมก็สารภาพว่าผมดูน้อยมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น แต่ค่า PB หาไม่ยากครับ web set ก้อมีให้ดู เหมือนกับว่าเราต้องจ่ายค่า premium ในการซื้อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นกี่เท่าจากในงบดุลครับ บริษัทที่มี brand ดีๆ ส่วนใหญ่จะมีค่านี้สูงครับ BGH หรือ BEC ครับ
อย่าลืมเน้นที่ปัจจัยคุณภาพอันดับหนึ่งครับ อ่านรายงานประจำปี งบการเงินย้อนหลัง form 56-1 ก่อน แล้วค่อยกลับมาดูราคาหุ้นครับ
ขอให้โชคดีครับ
ข้อ 1 ผ่าน
ข้อ 2 วัดที่เงินสดในงบดุลไม่ได้ครับ มันไม่สื่ออะไร เช่นบริษัทอาจขายสินทรัพย์ออกไปได้เงินสดออกมาเลยโชว์ในตัวเลขงบดุลเยอะก็เป็นได้
ให้ลองหา net working capital ครับ เป็นตัวเลขที่เอา(ลูกหนี้การค้า + สินค้าคงคลัง) - (เจ้าหนี้การค้า) หากตัวเลขออกมาน้อยหรือติดลบแสดงว่าเป็นการขายสดซื้อเชื่ออย่างที่บอก หากต้องการเปรียบเทียบระหว่าง 2 บริษัทหรือเทียบกับผลประกอบการหลายๆ ปี ให้เอาค่าที่ลบได้ไปหารกับยอดขายครับ
ข้อ 3 กำไรก้อโอครับ แต่ลองดูย้อนหลังไปอีกซัก 5 ปีถ้ามีข้อมูลนะครับ ควรหา ROE คือเอากำไรไปหารส่วนของผู้ถือหุ้นด้วยครับ จากข้อมูลที่ให้มาให้เอากำไรสุทธิ / (สินทรัพย์ - หนี้สิน) ก็ได้ครับ ถ้าสูงเช่นมากกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของธุรกิจที่คล้ายๆ กันอย่างต่อเนื่องหลายๆ ปีก็น่าจะดีครับ
ที่สังเกตุได้ชัดอีกจุดก็คือ profit margin (100% - ได้/จ่าย) ของธุรกิจนี้น้อยและลดลงเรื่อยๆ แสดงว่าน่าจะอยู่ในกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงพอดู
ข้อ 4 ก้อโอครับ
ข้อ 5 อัตราจ่ายปันผลสมเหตุผล อืม ปีที่กระโดดน่าจะมีรายการพิเศษอะไรบางอย่างมั้งครับ (หรือเพิ่ง IPO เลยปันผลดึงดูดความสนใจ :twisted: )
ข้อ 6 PE ผมไม่รู้แฮะ ถ้ามั่นใจว่าการเติบโตในอนาคตมากกว่า 17% ต่อปี ก้อโอครับ PEG ก้อคือ PE/growth rate นั่นเอง ทั่นว่าไว้ว่าถ้า PEG ต่ำกว่า 1 เมื่อไหร่ก็น่าสน
แล้วจะรู้ได้ไงว่าอนาคต growth เป็นเท่าไหร่? ต้องถามตัวเองว่าเรารู้เรื่องธุรกิจและอุตสาหกรรมนี้ออกหรือไม่ ว่าด้วยตัวธุรกิจจะสามารถเติบโตได้มากกว่า PE นี้หรือไม่ ถ้าไม่ก็ไม่ซื้อครับ อย่าลืม Margin of safety ด้วย เช่นเดา (อย่างมีหลักการ) ว่า Growth เป็น 20% ลองเผื่อความไม่แน่นอนไว้สัก 20% ก้อเหลือแค่ 16% เป็นต้น
ที่ดีกว่าแต่ยากกว่าคือ DCF ครับ
ส่วน PB ผมก็สารภาพว่าผมดูน้อยมาก เมื่อเทียบกับปัจจัยอื่น แต่ค่า PB หาไม่ยากครับ web set ก้อมีให้ดู เหมือนกับว่าเราต้องจ่ายค่า premium ในการซื้อส่วนของผู้ถือหุ้นเป็นกี่เท่าจากในงบดุลครับ บริษัทที่มี brand ดีๆ ส่วนใหญ่จะมีค่านี้สูงครับ BGH หรือ BEC ครับ
อย่าลืมเน้นที่ปัจจัยคุณภาพอันดับหนึ่งครับ อ่านรายงานประจำปี งบการเงินย้อนหลัง form 56-1 ก่อน แล้วค่อยกลับมาดูราคาหุ้นครับ
ขอให้โชคดีครับ
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- ย้ำคิดย้ำฝัน
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 22
อึ้ง
.
.
.
ครับ
VI เทพจริง ๆ
เห็นแค่งบจริง ๆ หรอครับ
.
.
.
ครับ
VI เทพจริง ๆ
เห็นแค่งบจริง ๆ หรอครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 24
เงินสดน้อยลง จากปี49ไปเยอะ แต่ทำไมสินทรัพย์ไม่เพิ่มขึ้น หนี้สินก็ลดนิดหน่อย
แจกปันผลหมดเหรอครับ
Peระดับ17เท่า ถ้าจะโต17%/ปี เงินสดแค่นี้พอรึเปล่าครับ
จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยชอบบริษัทที่ชอบจ่ายปันผลเกิน90%
เพราะเวลาจะต้องขยายการลงทุนหนักๆทีไร คงต้องรบกวนกระเป๋าผู้ถือหุ้น
แจกปันผลหมดเหรอครับ
Peระดับ17เท่า ถ้าจะโต17%/ปี เงินสดแค่นี้พอรึเปล่าครับ
จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยชอบบริษัทที่ชอบจ่ายปันผลเกิน90%
เพราะเวลาจะต้องขยายการลงทุนหนักๆทีไร คงต้องรบกวนกระเป๋าผู้ถือหุ้น
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 47
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 25
โหย ขอบคุณทุกท่านครับ จด ๆ ๆ ๆ
คุณ สามัญชน ครับ เชิงคุณภาพเราจะหาได้จากอะไรล่ะครับ บอกครั้งมองลงไปในกระดานหุ้น ยังไม่รู้จักเลยว่ามันทำอะไร ซึ่งดูหุ้น VI ที่คนในบอร์ดนี้มีกันยอมรับว่า ไม่รู้จักสักตัว ท่าน ๆ ไปขุดมาจากไหนกันว่า.... แต่ขอบคุณมากครับ ดูลักษณะนี้เชิงปริมาณจริง ๆ ด้วยแฮะ.... ปกติ ก็จะมาขุดหุ้นในนี้แหละครับแล้วเอาไปวิเคราะห์ เชิงปริมาณซะ 80% คุณภาพ 20% (เพราะทำได้แค่นี้ ตอนนี้นะครับ แต่อนาคตต้องทำได้สิน่า) ถ้าเห็นว่าดีก็จะเล็งอยู่สัก 1-2 สัปดาห์จนแน่ใจถึงซื้อครับ อย่างตัวที่ยกมานี่ก็มีนิดหน่อย แต่ว่า ซื้อตอนราคาต่ำกว่านี้เยอะครับ...
คุณ สามัญชน ครับ เชิงคุณภาพเราจะหาได้จากอะไรล่ะครับ บอกครั้งมองลงไปในกระดานหุ้น ยังไม่รู้จักเลยว่ามันทำอะไร ซึ่งดูหุ้น VI ที่คนในบอร์ดนี้มีกันยอมรับว่า ไม่รู้จักสักตัว ท่าน ๆ ไปขุดมาจากไหนกันว่า.... แต่ขอบคุณมากครับ ดูลักษณะนี้เชิงปริมาณจริง ๆ ด้วยแฮะ.... ปกติ ก็จะมาขุดหุ้นในนี้แหละครับแล้วเอาไปวิเคราะห์ เชิงปริมาณซะ 80% คุณภาพ 20% (เพราะทำได้แค่นี้ ตอนนี้นะครับ แต่อนาคตต้องทำได้สิน่า) ถ้าเห็นว่าดีก็จะเล็งอยู่สัก 1-2 สัปดาห์จนแน่ใจถึงซื้อครับ อย่างตัวที่ยกมานี่ก็มีนิดหน่อย แต่ว่า ซื้อตอนราคาต่ำกว่านี้เยอะครับ...
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 26
มาแชร์ประสบการณ์ด้วยคนนะครับ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.............
ผมลงทุนในบริษัทหนึ่งที่ดูผลตอบแทนทั้งกะปีแล้วที่สามารถแกทับเงินฝากผสานเงินเฟ้อได้
ตั้งแต่วันที่มามาก จนวันมาน้อย ผมก็ไม่เคยขาดทุนเลย แถมยังได้ปัลผนทุกปีอย่างสม่ำเสมอ เธอชื่อน้อง A ตอนผมจีบ she ผมเที่ยวไล้เที่ยวขื่อถามยี่ปั๊วซาปั๊ว ถามคนทีติดตามนิตยสารทุกเดือนว่าทำไมถึงชอบอ่าน ถามคนที่อยู่ในวงการขายหนังสือ ไปที่สำนักงานใหญ่ไปดูสุดยอดของบริษัท ว่าอยู่ตรงไหน แล้วผมก็พบความจริงว่า สุดยอดของบริษัทอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
เวลาจัดงานที่ไหน ผมจะตามไปดูงาน fair ---แต่เมียรู้ทัน บอกเป็นข้ออ้างไปดูเจ้าของ เจ้าของเขาน่ารักดี ไปคุยกับน้อง ๆ ที่ทำงาน ขาย ไอติม อาหาร เดนแจกโบชัว ผมไปคุยหมด อาศัยเราหน้าตาดี ใครก็อยากคุยด้วย สรุปใช้น้ำลายไปเยอะ มีเสียวหน่อย (เสียวเมียมาเห็นครับ) ไม่เย็นฉา เหมือนตัวเลข
ลงทุนในบริษัทที่เราเข้าใจดีที่สุดครับ บัฟเฟตต์ว่างั้น
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.............
ผมลงทุนในบริษัทหนึ่งที่ดูผลตอบแทนทั้งกะปีแล้วที่สามารถแกทับเงินฝากผสานเงินเฟ้อได้
ตั้งแต่วันที่มามาก จนวันมาน้อย ผมก็ไม่เคยขาดทุนเลย แถมยังได้ปัลผนทุกปีอย่างสม่ำเสมอ เธอชื่อน้อง A ตอนผมจีบ she ผมเที่ยวไล้เที่ยวขื่อถามยี่ปั๊วซาปั๊ว ถามคนทีติดตามนิตยสารทุกเดือนว่าทำไมถึงชอบอ่าน ถามคนที่อยู่ในวงการขายหนังสือ ไปที่สำนักงานใหญ่ไปดูสุดยอดของบริษัท ว่าอยู่ตรงไหน แล้วผมก็พบความจริงว่า สุดยอดของบริษัทอยู่ตรงนั้นนั่นเอง
เวลาจัดงานที่ไหน ผมจะตามไปดูงาน fair ---แต่เมียรู้ทัน บอกเป็นข้ออ้างไปดูเจ้าของ เจ้าของเขาน่ารักดี ไปคุยกับน้อง ๆ ที่ทำงาน ขาย ไอติม อาหาร เดนแจกโบชัว ผมไปคุยหมด อาศัยเราหน้าตาดี ใครก็อยากคุยด้วย สรุปใช้น้ำลายไปเยอะ มีเสียวหน่อย (เสียวเมียมาเห็นครับ) ไม่เย็นฉา เหมือนตัวเลข
ลงทุนในบริษัทที่เราเข้าใจดีที่สุดครับ บัฟเฟตต์ว่างั้น
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 29
ปกติเวลาผมสนใจหุ้นตัวไหน ก็จะเข้าไปโหลดแบบ 56-1 มาอ่านก่อนครับ (โหลดได้ที่นี่ http://www.set.or.th/set/downloadreport ... country=TH)Man Call Hero เขียน: เชิงคุณภาพเราจะหาได้จากอะไรล่ะครับ บอกครั้งมองลงไปในกระดานหุ้น ยังไม่รู้จักเลยว่ามันทำอะไร ซึ่งดูหุ้น VI ที่คนในบอร์ดนี้มีกันยอมรับว่า ไม่รู้จักสักตัว ท่าน ๆ ไปขุดมาจากไหนกันว่า....
ในแบบ 56-1 จะบอกถึงรายละเอียดของตัวบริษัทว่า ลักษณะการประกอบธุรกิจเป็นอย่างไร ปัจจัยความเสี่ยงมีอะไรบ้าง ปัจจัยที่มีผลกระทบต่อบริษัทจากสภาพแวดล้อมทางสังคม กฎหมาย การเมือง เทคโนโลยีมีหรือเปล่า โครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการเป็นอย่างไร โครงการในอนาคตน่าสนใจหรือไม่ ข้อมูลทางการเงิน และรายละเอียดอื่นๆ อีกหลายอย่าง
ซึ่งหลังจากอ่านเพื่อทำความรู้จักกับบริษัทแล้ว ส่วนใหญ่ผมก็มักจะนำข้อมูลมาวิเคราะห์ SWOT (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของบริษัท) และวิเคราะห์ 5 Force Model คือ
1 ความสามารถในการแข่งขัน ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
2 ความได้เปรียบ หรือ อำนาจในการต่อรองกับซัพพลายเออร์
3 อำนาจในการต่อรอง หรือควบคุมลูกค้า
4 การเข้ามาของคู่แข่ง ยากหรือง่าย ป้องกันได้ดีเพียงใด
5 มีสินค้าทดแทนหรือไม่
แถมข้อ 6 มีผู้ที่ช่วยส่งเสริมเราให้เติบโตในตลาดหรือไม่ เช่น บริษัทผลิตเครื่องเล่นเกมส์ มีบริษัทผลิตเกมส์เป็นผู้ช่วยส่งเสริมในตลาด ถ้าผู้ผลิตเกมส์ไม่ส่งเสริมเราไปส่งเสริมคู่แข่ง เราก็ซวย
หลังจากวิเคราะห์เชิงคุณภาพแล้ว ก็ต่อด้วยวิเคราะเชิงปริมาณอย่างที่คุณ Man Call Hero ทำนั่นแหละครับ แต่อย่าลืมดูงบกระแสเงินสดอย่างที่หลายๆ ท่านบอกด้วยนะครับ จะได้ข้อมูลที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ช่วยดู Model การคัดหุ้นนี้หน่อยครับ
โพสต์ที่ 30
หาจาก 56-1 ที่น้อง Little Boy บอกครับMan Call Hero เขียน:โหย ขอบคุณทุกท่านครับ จด ๆ ๆ ๆ
คุณ สามัญชน ครับ เชิงคุณภาพเราจะหาได้จากอะไรล่ะครับ บอกครั้งมองลงไปในกระดานหุ้น ยังไม่รู้จักเลยว่ามันทำอะไร
ตอนนั้นผมตะลุยอ่านจนเกือบครบทุกตัวเลยครับ แทบ เหมือนกัน
ตอนแรกๆก็อ่านทุกแฟ้ม (หนึ่งบริษัทจะมีสิบกว่าแฟ้ม)
ได้วันละบริษัทเท่านั้นเอง ไม่ไหวจริงๆ
ตอนหลังจึงลดลงเหลือแค่แฟ้มหัวข้อ "สภาพการแข่งขันในธุรกิจ" และก็เรื่อง "ปัจจัยเสี่ยง"ก็สั้นลงมาหน่อย วันหนึ่งอ่านได้หลายบริษัท
อ่านไปอ่านมาชักเริ่มผสมปนเปกัน จนเบลอไปเลย ไม่รู้ว่าจุดเด่นข้อนี้มันของบริษัทไหนกันแน่ จับแพะชนแกะบ่อยๆก็มี อิอิ
ไม่ไหวอีก
ก็เลยอ่านไล่ไปเป็นรายอุตสาหกรรม ค่อยยังชั่วหน่อย
ทำแบบนี้ค่อนข้างดีกว่า ทำให้เห็นภาพรวม แถมยังได้ประโยชน์แบบฟลุ้คๆครับ ใช้คำว่าฟลุ้คเพราะไม่รู้จะใช้คำไหน
แบบว่ายกตัวอย่างนะครับ เราอ่านแล้วเราสนใจบริษัท ก. แต่ข้อมูลบางอย่างของบริษัท ก. เราไปได้จากการอ่านบริษัท ง. เพราะเขาเป็นคู่แข่งกัน และใน ก.เองเขียนไว้ไม่ละเอียดก็มี ซึ่งถ้าเราไม่อ่านเป็นรายอุตสาหกรรมเราก็อาจจะงงๆ ลืมๆ
ก็ทำไปเรื่อยๆ พอเราทำไปมากๆเข้า เราจะเริ่มรู้จักธรรมชาติของธุรกิจแต่ละอุตสาหกรรม
และพอข้ามไปอุตสาหกรรมอื่น กลับกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้น อ่านได้เร็วขึ้น เพราะเราเริ่มมีพื้นฐานความรู้นั่นเอง บางทีอ่านแค่ 2-3 บริษัทก็เลิกอ่านที่เหลือไปเลยก็ได้ถ้าเราไม่สนใจ เพราะว่าภาพรวมก็จะคล้ายๆกัน
ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆก็จะเป็นการปูพื้นฐานทางธุรกิจให้ตัวเอง ซึ่งเรื่องนี้มีประโยชน์มหาศาลในอนาคตในเรื่องการหาและเลือกหุ้น
กระบวนการทั้งหมดนี้จะให้อานิสงส์ในเรื่อง การคัดเลือกบริษัทที่เก่งกว่าคู่แข่ง ความเสี่ยงที่เราต้องระวัง เป็นต้น (เรื่องอื่นๆอาจจะยังไม่ได้นะครับ เช่นเรื่องผู้บริหาร ที่จริงก็อาจจะพอได้บ้าง แต่ใช้วิธีอื่นจะตรงกว่า)
และทั้งหมดนี้อีกครั้งก็ยังถือว่าไม่เพียงพอที่จะซื้อหุ้นนะครับ
หลักการวีไอนั้นคือ เราจะซื้อหุ้นตัวที่ undervalue ซึ่งเป็นประเด็นที่เป็นหัวใจหลักของการลงทุนที่จะได้กำไรงามๆ
บริษัทที่ดีที่เก่งอาจจะไม่น่าซื้อก็ได้ถ้าราคาหุ้นมัน overvalue ไปแล้ว
ในขณะเดียวกันหุ้นที่แย่ๆ ก็อาจจะน่าซื้อก็ได้ ถ้าราคามัน undervalue มากๆ
ส่วนรายละเอียดวิธีการประเมินนั้น เป็นเรื่องยาวมากและเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ผมแนะนำหนังสือของน้องสุมาอี้ครับ "วัดมูลค่าหุ้นด้วยตัวคุณเอง" ถือโอกาสโฆษณาเสียเลย :lol:
แต่ว่าเป็นเล่มที่อ่านยากมากๆเลยครับ แฮ่ๆ ๆ
ถ้าน้องสุมาอี้จะพิมพ์ซ้ำ และจะกรุณาปรับเปลี่ยนให้อ่านเข้าใจง่ายๆก็จะสุดยอดไปเลย :lol:
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด