เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 1
รักยิ่งใหญ่ของชายคนหนึ่ง
เรื่อง : อลิศรา
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมาก เห็นว่าเป็นเรื่องจริงที่สร้างความซึ้งใจ นับเป็นเรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปันให้คุณๆ ได้อ่าน เรื่องราวเป็นดังต่อไปนี้ค่ะ
...ฉันเกิดในครอบครัวยากจน ที่หมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน มีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าแบบที่เพื่อนๆ มีกัน
พ่อรู้เรื่องก็ให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม้ไผ่ ใครขโมยเงินไป พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
ทันใด น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นพูดว่า ผมขโมยเองครับ ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นจึงกระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก xx้องของฉันไม่หยุด จนหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชาย ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย
คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย แต่ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว
เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน คืนนั้นฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ เราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน
ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า ผมไม่ต้องการเรียนต่อ พ่อตบลงที่แก้มของน้องฉาดใหญ่ ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้ต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่ให้เรียนจนจบ
ใครจะรู้... วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น เขาทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน พี่ครับ การเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่ง่ายๆ ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่ ฉันนั่งอยู่บนเตียงอ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกได้ถูกซ่อม และบ้านก็สะอาดขึ้นมาก หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันบอกแม่ว่า ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจกเพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า น้องชายลูกต่างหากที่ทำ ลูกยังไม่เห็นมือน้องที่โดนกระจกบาดตอนเปลี่ยนกระจกบานใหม่หรือ
ฉันรีบเข้าไปหาน้อง จับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด เจ็บมากไหม ... ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ มีหินตกใส่เท้าเต็มไปหมด
หลังจากนั้น ฉันแต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ไม่นานสามีได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับ เขาขอทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง น้องชายปีนขึ้นไปซ่อมสายเคเบิลและตกลงมา ถูกหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยม น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือก ฉันโกรธมาก ถึงกับตวาดน้องว่า ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ!!! จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ เขาบอกว่า ไม่อยากให้ฉันและพี่เขยถูกนินทาว่าเอาน้องความรู้น้อยมาเป็นผู้จัดการ
เมื่อน้องชายอายุ 30 ปี เขาแต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน ประธานในงานถามน้องชายของฉันว่า ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้ น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล พี่สาวของผมครับ และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไป-กลับจากโรงเรียน วันหนึ่งหิมะตกหนัก ผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมให้ถุงมือของเธอ และใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล เมื่อกลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว ถึงขั้นจับช้อนกินข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำ
จากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่า ตลอดชีวิตของผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องที่ฉัน น้ำตารินไหลออกมาจากตาของฉันอีกครั้ง...
ปัจจุบัน พี่สาวอายุ 86 ปี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่ บริษัท ฮุนได และในเครือกว่า 20 บริษัท น้องชายอายุ 83 ปี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า ซัมซุง
จาก นสพ โพสต์ทูเดย์
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=205952
เรื่อง : อลิศรา
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วประทับใจมาก เห็นว่าเป็นเรื่องจริงที่สร้างความซึ้งใจ นับเป็นเรื่องดีๆ ที่อยากแบ่งปันให้คุณๆ ได้อ่าน เรื่องราวเป็นดังต่อไปนี้ค่ะ
...ฉันเกิดในครอบครัวยากจน ที่หมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน มีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าแบบที่เพื่อนๆ มีกัน
พ่อรู้เรื่องก็ให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม้ไผ่ ใครขโมยเงินไป พ่อตวาด ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น
ทันใด น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นพูดว่า ผมขโมยเองครับ ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นจึงกระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง พ่อโกรธมาก xx้องของฉันไม่หยุด จนหอบด้วยความเหนื่อย พ่อนั่งลงบนเก้าอี้ และด่าว่าน้องชาย ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย
คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้ หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย แต่ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะ มันผ่านไปแล้ว
เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน ม.ปลาย ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน คืนนั้นฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า ลูกเราทั้งคู่เรียนดี เรียนดีมากนะ เราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน
ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า ผมไม่ต้องการเรียนต่อ พ่อตบลงที่แก้มของน้องฉาดใหญ่ ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้ ต่อให้ต้องไปเป็นขอทานข้างถนน พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่ให้เรียนจนจบ
ใครจะรู้... วันต่อมาในตอนเช้ามืด น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น เขาทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน พี่ครับ การเข้ามหาวิทยาลัยไม่ใช่ง่ายๆ ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่ ฉันนั่งอยู่บนเตียงอ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า ...ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างจากการทำงานเป็นกรรมกรแบกหาม ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มมาที่บ้านเป็นครั้งแรก ฉันสังเกตเห็นว่าหน้าต่างบ้านที่เคยแตกได้ถูกซ่อม และบ้านก็สะอาดขึ้นมาก หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันบอกแม่ว่า ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจกเพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า น้องชายลูกต่างหากที่ทำ ลูกยังไม่เห็นมือน้องที่โดนกระจกบาดตอนเปลี่ยนกระจกบานใหม่หรือ
ฉันรีบเข้าไปหาน้อง จับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด เจ็บมากไหม ... ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ มีหินตกใส่เท้าเต็มไปหมด
หลังจากนั้น ฉันแต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ไม่นานสามีได้ขึ้นเป็นประธานบริษัท เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับ เขาขอทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา วันหนึ่ง น้องชายปีนขึ้นไปซ่อมสายเคเบิลและตกลงมา ถูกหามส่งโรงพยาบาล ฉันและสามีรีบไปเยี่ยม น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือก ฉันโกรธมาก ถึงกับตวาดน้องว่า ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ!!! จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆ อย่างนี้ เขาบอกว่า ไม่อยากให้ฉันและพี่เขยถูกนินทาว่าเอาน้องความรู้น้อยมาเป็นผู้จัดการ
เมื่อน้องชายอายุ 30 ปี เขาแต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน ประธานในงานถามน้องชายของฉันว่า ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้ น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล พี่สาวของผมครับ และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้ ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2 ชม. เพื่อเดินไป-กลับจากโรงเรียน วันหนึ่งหิมะตกหนัก ผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง พี่สาวผมให้ถุงมือของเธอ และใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล เมื่อกลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว ถึงขั้นจับช้อนกินข้าวไม่ได้ด้วยซ้ำ
จากวันนั้นผมสาบานกับตัวเองว่า ตลอดชีวิตของผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี และจะทำดีกับเธอ เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว สายตาทุกคู่หันมาจับจ้องที่ฉัน น้ำตารินไหลออกมาจากตาของฉันอีกครั้ง...
ปัจจุบัน พี่สาวอายุ 86 ปี ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่ บริษัท ฮุนได และในเครือกว่า 20 บริษัท น้องชายอายุ 83 ปี เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า ซัมซุง
จาก นสพ โพสต์ทูเดย์
http://www.posttoday.com/newsdet.php?se ... &id=205952
จงทนอด และอดทน
- กระทิงแดง
- Verified User
- โพสต์: 952
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 2
อ่านแล้วซึ้งจริงๆครับ...
:'O :'O
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 3
เรื่องอ่านผ่าน ๆ แล้ว ประทับใจมากครับ
แต่พอ........ผมอยากหาข้อมูลเพิ่ม
ผมอ่านใน wiki มันคนละเรื่อง
founder of Samsung
เป็นลูกคนรวย ไม่ใช่ลูกคนจน
นอกจาก wiki จะผิด
http://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Byung-chul

แต่พอ........ผมอยากหาข้อมูลเพิ่ม
ผมอ่านใน wiki มันคนละเรื่อง
founder of Samsung
เป็นลูกคนรวย ไม่ใช่ลูกคนจน
นอกจาก wiki จะผิด
http://en.wikipedia.org/wiki/Lee_Byung-chul

-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 4
ขอบคุณมากๆครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1289
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 6
ซึ้งจริง
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
- Raphin Phraiwal
- Verified User
- โพสต์: 1342
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องดีๆ อยากให้ลองอ่านกัน
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณครับ
ซึ้งจริงๆครับผม
ซึ้งจริงๆครับผม
รักในหลวงครับ