ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 1
แพทย์คาดชายไทยอายุ 40 ปีขึ้นไป มีภาวะพร่องฮอร์โมนสูง
19:08 น.
งานเสวนา ไขปริศนาเรื่องลับของหนุ่มใหญ่ที่คุณควรรู้ นพ.หรรษา ชวลิตธำรง สูตินรีแพทย์ บอกว่า ผู้ชายทุกคนจะต้องมีฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนTestosterone หรือฮอร์โมนเพศชาย โดยปริมาณฮอร์โมนนี้จะลดปริมาณลงเรื่อย ๆ ไปตามอายุ ดังนั้นการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทนในผู้ชายสูงอายุจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะชะลออาการที่ที่เกิดขึ้นจากภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในผู้สูงอายุ หรือ ทีดีเอส (Testosterone-Deficiency Syndrome) ได้ ซึ่งวิธีที่ได้ผล คือ การฉีด ส่วนการรับประทาน หรือ การทาหรือแปะไม่ค่อยได้ผลอีกทั้งมีราคาสูง
ด้าน นท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล แพทย์ประจำหน่วยระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยกรรม รพ.รามาธิบดี บอกว่า ภาวะพร่องฮอร์โมนในเพศชายพบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป สามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือดราคาประมาณ 250 บาท หากพบว่ามีปริมาณฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนต่ำกว่า 300 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าฮอร์โมนเพศชายต่ำ และถ้ามีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย คือ สมรรถภาพทางเพศหรือความต้องการทางเพศลดลง จิตใจ หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด ซึมเศร้า ร้อนวูบวาบ ปวดเมื่อยตามตัว ผิวหนังเหี่ยวย่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกายลดลง กระดูกบาง หกล้มกระดูกอาจหักได้ง่าย ควรได้รับการรักษา ต่อข้อถามว่าหากไม่รักษาจะทำอย่างไร นท.ดร.นพ.สมพล กล่าวว่า หากตรวจเลือดแล้วฮอร์โมนเพศชายต่ำและมีอาการร่วมด้วยแล้วปล่อยไว้ไม่รักษาก็อาจทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ดังนั้นหากมีทั้ง 2 ข้อบ่งชี้ควรได้รับการรักษาเพื่อให้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ขณะนี้ฮอร์โมน 1 เข็ม จะมีราคาประมาณ 6,300 บาท ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 3 เดือน แต่มีข้อจำกัดในการฉีด คือ ผู้ที่ฉีดจะต้องไม่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม โรคเลือด โรคตับ ส่วนยารับประทานชนิดเม็ดจะมีรับประทานเช้าเย็นปัจจุบันตกราคาเม็ดละ 40 บาท อย่างไรก็ตามในคนที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนไปแล้วจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่
จากผลการวิจัยในคลินิกสุขภาพเพศชาย รพ.รามาธิบดี จำนวน 1,153 คน ระหว่างปี 2004-2006 พบว่า ผู้ที่เข้ารับการรักษามีอายุเฉลี่ย 56 ปี ปัญหาที่พบมากที่สุด คือ 1.ไขมันในเลือดสูง 2. ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 3.ต่อมลูกหมากโต และ อันดับ 4 ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย จากการประมาณการคาดว่าน่าจะมีชายสูงอายุในบ้านเราประมาณ 24% ที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ส่วนตัวเลขขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ ระบุว่า มีผู้ชายอเมริกันประมาณ 4-5 ล้านคนที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และในจำนวนดังกล่าวมีเพียง 5% ที่ได้รับฮอร์โมนทดแทน
จากการศึกษาผู้ที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายที่มารับการรักษาที่ รพ.รามาธิบดี โดยการฉีดฮอร์โมนเพศชาย จำนวน 64 คน พบว่า 42 คนมีปัญหาไขมันในเส้นเลือดสูง และมีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผลจากการฉีดเข็มที่ 2 และ 4 ระดับฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยผลการตอบแบบสอบถามพบว่ามากกว่า 92% พอใจผลการรักษา อย่างไรก็ตามการฉีดฮอร์โมนเพศชายถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เท่านั้น โดยในการรักษาแพทย์จะแนะนำให้คนไข้ควบคุมอาหาร และดูแลสุขภาพ ร่วมด้วย
19:08 น.
งานเสวนา ไขปริศนาเรื่องลับของหนุ่มใหญ่ที่คุณควรรู้ นพ.หรรษา ชวลิตธำรง สูตินรีแพทย์ บอกว่า ผู้ชายทุกคนจะต้องมีฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนTestosterone หรือฮอร์โมนเพศชาย โดยปริมาณฮอร์โมนนี้จะลดปริมาณลงเรื่อย ๆ ไปตามอายุ ดังนั้นการให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทนในผู้ชายสูงอายุจึงเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะชะลออาการที่ที่เกิดขึ้นจากภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในผู้สูงอายุ หรือ ทีดีเอส (Testosterone-Deficiency Syndrome) ได้ ซึ่งวิธีที่ได้ผล คือ การฉีด ส่วนการรับประทาน หรือ การทาหรือแปะไม่ค่อยได้ผลอีกทั้งมีราคาสูง
ด้าน นท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล แพทย์ประจำหน่วยระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยกรรม รพ.รามาธิบดี บอกว่า ภาวะพร่องฮอร์โมนในเพศชายพบได้ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป สามารถวินิจฉัยได้โดยการตรวจเลือดราคาประมาณ 250 บาท หากพบว่ามีปริมาณฮอร์โมนเทสทอสเตอโรนต่ำกว่า 300 นาโนกรัมต่อเดซิลิตร ถือว่าฮอร์โมนเพศชายต่ำ และถ้ามีอาการต่อไปนี้ร่วมด้วย คือ สมรรถภาพทางเพศหรือความต้องการทางเพศลดลง จิตใจ หรืออารมณ์เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด ซึมเศร้า ร้อนวูบวาบ ปวดเมื่อยตามตัว ผิวหนังเหี่ยวย่น ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อร่างกายลดลง กระดูกบาง หกล้มกระดูกอาจหักได้ง่าย ควรได้รับการรักษา ต่อข้อถามว่าหากไม่รักษาจะทำอย่างไร นท.ดร.นพ.สมพล กล่าวว่า หากตรวจเลือดแล้วฮอร์โมนเพศชายต่ำและมีอาการร่วมด้วยแล้วปล่อยไว้ไม่รักษาก็อาจทำให้คุณภาพชีวิตแย่ลง ดังนั้นหากมีทั้ง 2 ข้อบ่งชี้ควรได้รับการรักษาเพื่อให้ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น
ขณะนี้ฮอร์โมน 1 เข็ม จะมีราคาประมาณ 6,300 บาท ฉีดแล้วอยู่ได้นาน 3 เดือน แต่มีข้อจำกัดในการฉีด คือ ผู้ที่ฉีดจะต้องไม่เป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม โรคเลือด โรคตับ ส่วนยารับประทานชนิดเม็ดจะมีรับประทานเช้าเย็นปัจจุบันตกราคาเม็ดละ 40 บาท อย่างไรก็ตามในคนที่ได้รับฮอร์โมนทดแทนไปแล้วจะต้องปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่
จากผลการวิจัยในคลินิกสุขภาพเพศชาย รพ.รามาธิบดี จำนวน 1,153 คน ระหว่างปี 2004-2006 พบว่า ผู้ที่เข้ารับการรักษามีอายุเฉลี่ย 56 ปี ปัญหาที่พบมากที่สุด คือ 1.ไขมันในเลือดสูง 2. ปัญหาเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ 3.ต่อมลูกหมากโต และ อันดับ 4 ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย จากการประมาณการคาดว่าน่าจะมีชายสูงอายุในบ้านเราประมาณ 24% ที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ส่วนตัวเลขขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ ระบุว่า มีผู้ชายอเมริกันประมาณ 4-5 ล้านคนที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และในจำนวนดังกล่าวมีเพียง 5% ที่ได้รับฮอร์โมนทดแทน
จากการศึกษาผู้ที่มีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายที่มารับการรักษาที่ รพ.รามาธิบดี โดยการฉีดฮอร์โมนเพศชาย จำนวน 64 คน พบว่า 42 คนมีปัญหาไขมันในเส้นเลือดสูง และมีภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ผลจากการฉีดเข็มที่ 2 และ 4 ระดับฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยผลการตอบแบบสอบถามพบว่ามากกว่า 92% พอใจผลการรักษา อย่างไรก็ตามการฉีดฮอร์โมนเพศชายถือเป็นทางเลือกหนึ่ง เท่านั้น โดยในการรักษาแพทย์จะแนะนำให้คนไข้ควบคุมอาหาร และดูแลสุขภาพ ร่วมด้วย
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 2
เชิญร่วมงาน "วันใสๆ ในสวนสวยชีวิตสดใส ไร้โรคกรดไหลย้อน"
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน "วันใสๆ ในสวนสวยชีวิตสดใส ไร้โรคกรดไหลย้อน" ฟังการเสวนา "กรดไหลย้อน โรคยอดฮิตของหนุ่ม-สาวออฟฟิศ" โดย ผศ.นพ. สมชาย ลีลากุศลวงศ์ รพ.ศิริราช แนะเทคนิค "กินแบบไหน ไร้กรดไหลย้อน" โดย อ.ศัลยาคงสมบูรณ์เวชผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนดัง "จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ" และรับบริการตรวจสุขภาพ ฝึกโยคะบริหารระบบทางเดินอาหารฟรี วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 15.00-18.00 น. ที่ลานกิจกรรมสวนเบญจสิริ สอบถามและสำรองที่นั่ง โทร. 0-2718-3800-5 ต่อ 124 (ฉบับประจำวันที่ 10 พ.ย. 50)
เลขที่ข่าว 575314
วันที่ 10/11/2550
หนังสือพิมพ์[หน้า] มติชน [5]
from BOL
บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ขอเชิญผู้สนใจร่วมงาน "วันใสๆ ในสวนสวยชีวิตสดใส ไร้โรคกรดไหลย้อน" ฟังการเสวนา "กรดไหลย้อน โรคยอดฮิตของหนุ่ม-สาวออฟฟิศ" โดย ผศ.นพ. สมชาย ลีลากุศลวงศ์ รพ.ศิริราช แนะเทคนิค "กินแบบไหน ไร้กรดไหลย้อน" โดย อ.ศัลยาคงสมบูรณ์เวชผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ พร้อมแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคนดัง "จอย-รินลณี ศรีเพ็ญ" และรับบริการตรวจสุขภาพ ฝึกโยคะบริหารระบบทางเดินอาหารฟรี วันศุกร์ที่ 16 พฤศจิกายน เวลา 15.00-18.00 น. ที่ลานกิจกรรมสวนเบญจสิริ สอบถามและสำรองที่นั่ง โทร. 0-2718-3800-5 ต่อ 124 (ฉบับประจำวันที่ 10 พ.ย. 50)
เลขที่ข่าว 575314
วันที่ 10/11/2550
หนังสือพิมพ์[หน้า] มติชน [5]
from BOL
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 3
จักรพรรดิ์ญี่ปุ่นส่งพระราชสาส์นแสดงความยินดีในหลวงหายประชวร
19:03 น.
พระราชสาส์นแสดงความยินดีจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งประเทศญี่ปุ่น ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ทรงหายจากพระอาการประชวร
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวรและเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 นั้น สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้มีพระราชสาส์นแสดงความยินดี ดังนี้
Begin
His Majesty the King of Thailand,
We are now much relieved to learn that Your hospitalization is successfully over, and continue to wish You a smooth recovery.
AKIHITO, MICHIKO
END.
19:03 น.
พระราชสาส์นแสดงความยินดีจากสมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะ แห่งประเทศญี่ปุ่น ถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในโอกาสที่ทรงหายจากพระอาการประชวร
เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหายจากพระอาการประชวรและเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาลศิริราชเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2550 นั้น สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะและสมเด็จพระจักรพรรดินีมิชิโกะแห่งประเทศญี่ปุ่น ได้มีพระราชสาส์นแสดงความยินดี ดังนี้
Begin
His Majesty the King of Thailand,
We are now much relieved to learn that Your hospitalization is successfully over, and continue to wish You a smooth recovery.
AKIHITO, MICHIKO
END.
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 4
ชาวฝรั่งเศสเดือดร้อนหนักหลังพนักงานรถไฟผละงานเป็นวันที่ 3
15:33 น.
ผู้โดยสารชาวฝรั่งเศสกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก หลังพนักงานขนส่งมวลชนผละงานประท้วงทั่วประเทศเป็นวันที่ 3 แล้ว เพราะไม่พอใจแผนปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แม้ว่ายังมีรถไฟและรถโดยสารบางสายให้บริการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร นอกจากนี้การจราจรบนถนนหลายสายในกรุงปารีส ติดขัด เนื่องจากหลายคนต่างขับรถส่วนตัวไปทำงาน ขณะที่บางคนต้องปั่นจักรยาน หรือไม่ก็เดินเท้า
15:33 น.
ผู้โดยสารชาวฝรั่งเศสกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก หลังพนักงานขนส่งมวลชนผละงานประท้วงทั่วประเทศเป็นวันที่ 3 แล้ว เพราะไม่พอใจแผนปฏิรูประบบบำเหน็จบำนาญของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี แม้ว่ายังมีรถไฟและรถโดยสารบางสายให้บริการอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสาร นอกจากนี้การจราจรบนถนนหลายสายในกรุงปารีส ติดขัด เนื่องจากหลายคนต่างขับรถส่วนตัวไปทำงาน ขณะที่บางคนต้องปั่นจักรยาน หรือไม่ก็เดินเท้า
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 5
สนข.ฟังความเห็นความคุ้มค่ารถไฟฟ้า 3 สาย คาดสรุปได้ปีหน้า
12:56 น.
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. จัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชนในเรื่องการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น ครั้งที่ 1 ของโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) ระยะทาง 35 กิโลเมตร สายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) ระยะทาง 10 กิโลเมตร และสายสีชมพู (แคราย-สุวิทนวงศ์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร ว่ามีความเหมาะสมที่จะดำเนินการหรือไม่ และในลักษณะใด โดย
เชิญผู้แทนประชาชน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในแนวสายทาง เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
นายอร่าม ก้อนสมบัติ รองผู้อำนวยการ สนข. ระบุว่า หลังการศึกษาเสร็จสิ้นประมาณกลางปีหน้า สนข.จะรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปปรับแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนต่อขยายเพิ่มเติม จากแผน
แม่บท 7 เส้นทาง โดยจะพิจารณาว่าเส้นทางใดมีความคุ้มค่าสูงทางเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อเสนอให้กระทรวงคมนาคมก่อสร้างก่อน คาดว่าจะสรุปแผนใหม่ได้ภายในสิ้นปีหน้า
ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของเส้นทางทั้ง 3 เส้นนี้ จะเป็นการกำหนดแนวเส้นทาง จำนวนสถานี รวมถึงลักษณะรถที่จะนำมาใช้วิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสาร ซึ่งเบื้องต้นมองว่าเป็นแนวเส้นทางสายสีเหลืองมีความคุ้มค่าทางการเงินและเศรษฐกิจสูงกว่าบางเส้นทางที่เสนอแผนไปแล้ว เพราะมีแหล่งธุรกิจมากกว่าที่พักอาศัย ซึ่งจะเดินทางเฉพาะช่วงเช้าและเย็น แต่ยอมรับว่า เส้นทางที่จะก่อสร้างไปตามถนนลาดพร้าว อาจจะมีปัญหา เพราะมีแนวท่อประปาอยู่กลางถนน
12:56 น.
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร หรือ สนข. จัดประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นประชาชนในเรื่องการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการออกแบบเบื้องต้น ครั้งที่ 1 ของโครงการระบบขนส่งมวลชนสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-ศรีนครินทร์-สำโรง) ระยะทาง 35 กิโลเมตร สายสีน้ำตาล (บางกะปิ-มีนบุรี) ระยะทาง 10 กิโลเมตร และสายสีชมพู (แคราย-สุวิทนวงศ์) ระยะทาง 33 กิโลเมตร ว่ามีความเหมาะสมที่จะดำเนินการหรือไม่ และในลักษณะใด โดย
เชิญผู้แทนประชาชน ชุมชน หน่วยงานภาครัฐ และเอกชน ในแนวสายทาง เข้าร่วมแสดงความคิดเห็น
นายอร่าม ก้อนสมบัติ รองผู้อำนวยการ สนข. ระบุว่า หลังการศึกษาเสร็จสิ้นประมาณกลางปีหน้า สนข.จะรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อนำไปปรับแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนในกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล ส่วนต่อขยายเพิ่มเติม จากแผน
แม่บท 7 เส้นทาง โดยจะพิจารณาว่าเส้นทางใดมีความคุ้มค่าสูงทางเศรษฐกิจและการเงิน เพื่อเสนอให้กระทรวงคมนาคมก่อสร้างก่อน คาดว่าจะสรุปแผนใหม่ได้ภายในสิ้นปีหน้า
ส่วนการรับฟังความคิดเห็นของเส้นทางทั้ง 3 เส้นนี้ จะเป็นการกำหนดแนวเส้นทาง จำนวนสถานี รวมถึงลักษณะรถที่จะนำมาใช้วิ่งรับ-ส่ง ผู้โดยสาร ซึ่งเบื้องต้นมองว่าเป็นแนวเส้นทางสายสีเหลืองมีความคุ้มค่าทางการเงินและเศรษฐกิจสูงกว่าบางเส้นทางที่เสนอแผนไปแล้ว เพราะมีแหล่งธุรกิจมากกว่าที่พักอาศัย ซึ่งจะเดินทางเฉพาะช่วงเช้าและเย็น แต่ยอมรับว่า เส้นทางที่จะก่อสร้างไปตามถนนลาดพร้าว อาจจะมีปัญหา เพราะมีแนวท่อประปาอยู่กลางถนน
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 6
จีนเผยภาพแรกดวงจันทร์ ถ่ายโดยยานสำรวจชาง-อี-วัน
22:26 น.
จีนเผยภาพดวงจันทร์ภาพแรกที่ถ่ายโดยยานสำรวจดวงจันทร์ ชาง-อี วัน ระหว่างงานเลี้ยงฉลองที่ปักกิ่ง แอร์โร-สเปซ เซ็นเตอร์ เมื่อวันจันทร์ อันแสดงถึงการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในภารกิจส่งดาวเทียมไปสำรวจสภาพทางภูมิศาสตร์ของดวงจันทร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ยกย่องว่าเป็นย่างก้าวสำคัญตามความฝันในการสำรวจดวงจันทร์ อันยาวนานนับพันปีของจีน
จีนได้ตั้งความหวังว่า การสำรวจดวงจันทร์ที่เริ่มเมื่อเดือนที่แล้ว จะเป็นการสำรวจผิวหน้าทั้งหมดของดวงจันทร์ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในต้นปีหน้า และนับเป็นภารกิจที่ไล่หลังภารกิจเดียวกันของญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้เกิดการคาดหมายกันว่าจะเกิดการแข่งขันกันด้านอวกาศในเอเชีย ซึ่งอินเดียก็มีแผนที่จะส่งยานไปสำรวจดวงจันทร์เช่นกัน ในเดือนเมษายนปีหน้า
เจ้าหน้าที่ทางการจีน ได้แสดงท่าทีว่าไม่สนใจเรื่องการแข่งขันด้านอวกาศ โดยระบุว่า จีนต้องการใช้โครงการของตนเองในการทำงานร่วมกับประเทศอื่น และหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติด้วย ซึ่งเมื่อปี 2546 จีนได้กลายเป็นชาติที่สามของโลก ต่อจากสหรัฐและรัสเซีย ที่ส่งมนุษย์ ไปในอวกาศ และในปี 2548 ได้ส่งมนุษย์ไปในอวกาศพร้อมกัน 2 คน
Nationทันข่าว-Breaking News
22:26 น.
จีนเผยภาพดวงจันทร์ภาพแรกที่ถ่ายโดยยานสำรวจดวงจันทร์ ชาง-อี วัน ระหว่างงานเลี้ยงฉลองที่ปักกิ่ง แอร์โร-สเปซ เซ็นเตอร์ เมื่อวันจันทร์ อันแสดงถึงการเริ่มต้นอย่างเป็นทางการในภารกิจส่งดาวเทียมไปสำรวจสภาพทางภูมิศาสตร์ของดวงจันทร์ ซึ่งนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ยกย่องว่าเป็นย่างก้าวสำคัญตามความฝันในการสำรวจดวงจันทร์ อันยาวนานนับพันปีของจีน
จีนได้ตั้งความหวังว่า การสำรวจดวงจันทร์ที่เริ่มเมื่อเดือนที่แล้ว จะเป็นการสำรวจผิวหน้าทั้งหมดของดวงจันทร์ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้งภายในต้นปีหน้า และนับเป็นภารกิจที่ไล่หลังภารกิจเดียวกันของญี่ปุ่น ที่ส่งผลให้เกิดการคาดหมายกันว่าจะเกิดการแข่งขันกันด้านอวกาศในเอเชีย ซึ่งอินเดียก็มีแผนที่จะส่งยานไปสำรวจดวงจันทร์เช่นกัน ในเดือนเมษายนปีหน้า
เจ้าหน้าที่ทางการจีน ได้แสดงท่าทีว่าไม่สนใจเรื่องการแข่งขันด้านอวกาศ โดยระบุว่า จีนต้องการใช้โครงการของตนเองในการทำงานร่วมกับประเทศอื่น และหวังว่าจะมีส่วนร่วมในการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติด้วย ซึ่งเมื่อปี 2546 จีนได้กลายเป็นชาติที่สามของโลก ต่อจากสหรัฐและรัสเซีย ที่ส่งมนุษย์ ไปในอวกาศ และในปี 2548 ได้ส่งมนุษย์ไปในอวกาศพร้อมกัน 2 คน
Nationทันข่าว-Breaking News
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 7
ศาลปกครองเผชิญสืบสุวรรณภูมิ ก่อนมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว
19:31 น.
นายวันชาติ มานะธรรมสมบัติ ผู้แทนชุมชนย่านสนามบินสุวรรณภูมิ 1 ใน 359 ผู้ฟ้องคดีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด กล่าวว่า องค์คณะตุลาการศาลปกครองจะทำการลงพื้นที่บริเวณชุมชน หมู่บ้านของผู้ฟ้องคดีทั้ง 359 คนในเวลา 22.00 - 05.00 น. เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นที่ชาวบ้านฟ้องว่าเวลาเครื่องบินขึ้น และลงในช่วงเวลาดังกล่าวในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิมีเสียงดังรบกวนจนชาวบ้านนอนหลับพักผ่อนไม่ได้ และหลังจากลงพื้นที่แล้วองค์คณะตุลาการบอกว่าภายใน 2 - 3 วัน จะสามารถมีคำสั่งว่าจะให้การคุ้มครองชั่วคราวกับชาวบ้านหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนออกนั่งบัลลังก์ทำการไต่สวนพยานเป็นนัดที่ 3 โดยเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกฟ้อง โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย นำพยานเจ้าหน้าที่จากการท่าอากาศยานไทย กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางอากาศ และกรมควบคุมมลพิษเข้าสืบหักล้างคำฟ้องของชาวบ้าน 359 คน
นายวันชาติ กล่าวว่า การไต่สวนเป็นการพิจารณาลับ ตุลาการได้ซักถามทุกประเด็นที่ชาวบ้านบรรยายฟ้อง แต่ประเด็นสำคัญที่การท่าอากาศยานไทยนำสืบต่อสู้ก็คือ หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเครื่องบินขึ้นลงสนามบินสุวรรณภูมิใน เวลา 22.00 - 05.00 น. ตามที่ผู้ฟ้องร้องขอจะทำให้การท่าอากาศยานไทย เสียหายวันละ 2 พันล้านบาท ในประเด็นนี้ชาวบ้านไม่ได้ร้องขอให้ศาลสั่งให้เครื่องบินหยุดบินขึ้นลงในเวลาดังกล่าว แต่ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้สนามบินสั่งให้เครื่องบินย้ายไปบินขึ้นลงในเวลา 22.00 - 05.00 น.ที่สนามบินดอนเมืองแทน เนื่องจากเป็นเวลาชาวบ้านพักผ่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเสียงดังจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทางกรมมลพิษต่อสู้ว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงตามคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คดีนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายสนั่น วรสุขศรี กับพวก 359 คนยื่นฟ้อง บริษัท ท่าอาศยานไทย อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวง คมนาคม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ถูกฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้านการดูแลมลภาวะเสียงและสิ่งแวดล้อมบริเวณ ชุมชนสนามบินสุวรรณภูมิตามคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามสายการบินภายในและต่างประเทศบินขึ้นลงเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
Nationทันข่าว-Breaking News
19:31 น.
นายวันชาติ มานะธรรมสมบัติ ผู้แทนชุมชนย่านสนามบินสุวรรณภูมิ 1 ใน 359 ผู้ฟ้องคดีบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด กล่าวว่า องค์คณะตุลาการศาลปกครองจะทำการลงพื้นที่บริเวณชุมชน หมู่บ้านของผู้ฟ้องคดีทั้ง 359 คนในเวลา 22.00 - 05.00 น. เพื่อรับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับประเด็นที่ชาวบ้านฟ้องว่าเวลาเครื่องบินขึ้น และลงในช่วงเวลาดังกล่าวในบริเวณสนามบินสุวรรณภูมิมีเสียงดังรบกวนจนชาวบ้านนอนหลับพักผ่อนไม่ได้ และหลังจากลงพื้นที่แล้วองค์คณะตุลาการบอกว่าภายใน 2 - 3 วัน จะสามารถมีคำสั่งว่าจะให้การคุ้มครองชั่วคราวกับชาวบ้านหรือไม่
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 พ.ย. องค์คณะตุลาการเจ้าของสำนวนออกนั่งบัลลังก์ทำการไต่สวนพยานเป็นนัดที่ 3 โดยเป็นการไต่สวนพยานฝ่ายผู้ถูกฟ้อง โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย นำพยานเจ้าหน้าที่จากการท่าอากาศยานไทย กระทรวงคมนาคม กรมการขนส่งทางอากาศ และกรมควบคุมมลพิษเข้าสืบหักล้างคำฟ้องของชาวบ้าน 359 คน
นายวันชาติ กล่าวว่า การไต่สวนเป็นการพิจารณาลับ ตุลาการได้ซักถามทุกประเด็นที่ชาวบ้านบรรยายฟ้อง แต่ประเด็นสำคัญที่การท่าอากาศยานไทยนำสืบต่อสู้ก็คือ หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเครื่องบินขึ้นลงสนามบินสุวรรณภูมิใน เวลา 22.00 - 05.00 น. ตามที่ผู้ฟ้องร้องขอจะทำให้การท่าอากาศยานไทย เสียหายวันละ 2 พันล้านบาท ในประเด็นนี้ชาวบ้านไม่ได้ร้องขอให้ศาลสั่งให้เครื่องบินหยุดบินขึ้นลงในเวลาดังกล่าว แต่ได้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้สนามบินสั่งให้เครื่องบินย้ายไปบินขึ้นลงในเวลา 22.00 - 05.00 น.ที่สนามบินดอนเมืองแทน เนื่องจากเป็นเวลาชาวบ้านพักผ่อนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นเสียงดังจนชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนทางกรมมลพิษต่อสู้ว่ากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงตามคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ คดีนี้ เมื่อวันที่ 21 พ.ย. นายสนั่น วรสุขศรี กับพวก 359 คนยื่นฟ้อง บริษัท ท่าอาศยานไทย อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ กระทรวง คมนาคม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ถูกฟ้องฐานละเว้นปฏิบัติหน้าที่ด้านการดูแลมลภาวะเสียงและสิ่งแวดล้อมบริเวณ ชุมชนสนามบินสุวรรณภูมิตามคำสั่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมและขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามสายการบินภายในและต่างประเทศบินขึ้นลงเป็นการชั่วคราวจนกว่าจะปฏิบัติตามมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
Nationทันข่าว-Breaking News
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 8
ปตท.วืดซื้อก๊าซแหล่ง A-1/A-3 ของพม่า หลัง"แดวู"ชูจีนชนะประมูล
16:18 น.
โฆษกบริษัทแดวู อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปเปิดเผยว่า บริษัทได้คัดเลือกให้บริษัทของจีนเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการประมูลซื้อก๊าซในโครงการก๊าซธรรมชาติของแดวูในพม่า
คำกล่าวของโฆษกแดวูเป็นการยืนยันว่า จีนอยู่ในลำดับแรกที่จะได้ซื้อก๊าซในโครงการก๊าซธรรมชาติซึ่งบริษัทของอินเดียและบมจ.ปตท.(PTT) ของไทย ต่างก็เข้าร่วมประมูลซื้อก๊าซด้วย โดยทั้ง 3 ประเทศแข่งขันกันเพื่อให้ได้ก๊าซธรรมชาติสำหรับป้อนเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศ
ทั้งนี้ อินเดีย, จีนและไทยได้เข้าร่วมการประมูลเพื่อซื้อก๊าซจากแหล่งก๊าซธรรมชาติ A-1 และ A-3 ซึ่งมีก๊าซธรรมชาติ 4.53-7.74 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
แดวู ซึ่งดำเนินโครงการก๊าซธรรมชาติในแหล่ง A-1 และ A-3 ในพม่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะมอบสิทธิในการซื้อก๊าซผ่านท่อส่งให้แก่หุ้นส่วน โดยจะประกาศผลการเจรจาภายในวันที่ 5 มิ.ย.ศกหน้าเป็นอย่างช้าที่สุด
แดวูไม่ได้ระบุชื่อหุ้นส่วน แต่รมว.น้ำมันของอินเดียเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ก๊าซธรรมชาติดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่บริษัทปิโตรไชน่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ของพม่าก็เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ก๊าซดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่จีน
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า จีนคาดว่าจะใช้งบ 8 พันล้านหยวน (1.08 พันล้านดอลลาร์) ในการสร้างท่อส่งก๊าซระหว่างพม่าและจีน
ปัจจุบัน แดวูถือหุ้น 60 % ในแหล่งก๊าซดังกล่าว ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ได้แก่โคเรีย แก๊ส คอร์ปถือหุ้น 10 %, ออยล์ แอนด์ แนเชอรัล คอร์ปของอินเดีย 20 % และ GAIL ของอินเดีย 10 %
พม่ามีแหล่งก๊าซธรรมชาติ 90 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเป็นอย่างต่ำ และมีน้ำมันดิบ 3.2 พันล้านบาร์เรลในบ่อน้ำมันบนชายฝั่ง 19 บ่อ และนอกชายฝั่ง 3 บ่อ
บ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง 25 แห่งกำลังได้รับการสำรวจ โดย 12 แห่งอยู่ในอ่าวเมาะตะมะ, 6 แห่งอยู่นอกชายฝั่งเขตตะนาวศรี และอีก 6 แห่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐยะไข่
16:18 น.
โฆษกบริษัทแดวู อินเตอร์เนชันแนล คอร์ปเปิดเผยว่า บริษัทได้คัดเลือกให้บริษัทของจีนเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุดในการประมูลซื้อก๊าซในโครงการก๊าซธรรมชาติของแดวูในพม่า
คำกล่าวของโฆษกแดวูเป็นการยืนยันว่า จีนอยู่ในลำดับแรกที่จะได้ซื้อก๊าซในโครงการก๊าซธรรมชาติซึ่งบริษัทของอินเดียและบมจ.ปตท.(PTT) ของไทย ต่างก็เข้าร่วมประมูลซื้อก๊าซด้วย โดยทั้ง 3 ประเทศแข่งขันกันเพื่อให้ได้ก๊าซธรรมชาติสำหรับป้อนเศรษฐกิจที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศ
ทั้งนี้ อินเดีย, จีนและไทยได้เข้าร่วมการประมูลเพื่อซื้อก๊าซจากแหล่งก๊าซธรรมชาติ A-1 และ A-3 ซึ่งมีก๊าซธรรมชาติ 4.53-7.74 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต
แดวู ซึ่งดำเนินโครงการก๊าซธรรมชาติในแหล่ง A-1 และ A-3 ในพม่า เปิดเผยว่า ทางบริษัทจะมอบสิทธิในการซื้อก๊าซผ่านท่อส่งให้แก่หุ้นส่วน โดยจะประกาศผลการเจรจาภายในวันที่ 5 มิ.ย.ศกหน้าเป็นอย่างช้าที่สุด
แดวูไม่ได้ระบุชื่อหุ้นส่วน แต่รมว.น้ำมันของอินเดียเปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ก๊าซธรรมชาติดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่บริษัทปิโตรไชน่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ของพม่าก็เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ก๊าซดังกล่าวจะจำหน่ายให้แก่จีน
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า จีนคาดว่าจะใช้งบ 8 พันล้านหยวน (1.08 พันล้านดอลลาร์) ในการสร้างท่อส่งก๊าซระหว่างพม่าและจีน
ปัจจุบัน แดวูถือหุ้น 60 % ในแหล่งก๊าซดังกล่าว ส่วนผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ ได้แก่โคเรีย แก๊ส คอร์ปถือหุ้น 10 %, ออยล์ แอนด์ แนเชอรัล คอร์ปของอินเดีย 20 % และ GAIL ของอินเดีย 10 %
พม่ามีแหล่งก๊าซธรรมชาติ 90 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุตเป็นอย่างต่ำ และมีน้ำมันดิบ 3.2 พันล้านบาร์เรลในบ่อน้ำมันบนชายฝั่ง 19 บ่อ และนอกชายฝั่ง 3 บ่อ
บ่อน้ำมันนอกชายฝั่ง 25 แห่งกำลังได้รับการสำรวจ โดย 12 แห่งอยู่ในอ่าวเมาะตะมะ, 6 แห่งอยู่นอกชายฝั่งเขตตะนาวศรี และอีก 6 แห่งอยู่นอกชายฝั่งรัฐยะไข่
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 9
รัฐจะจ่ายชดเชยโรงกลั่นที่ผลิตน้ำมันได้มาตรฐานยูโร 4 ก่อนกำหนด
เนชั่นทันข่าว 16:06 น.
รัฐบาลอนุมัติหลักเกณฑ์การส่งเสริมโรงกลั่นน้ำมัน ที่ผลิตน้ำมันได้มาตรฐานยูโร 4 ก่อนกำหนดบังคับใช้ในม.ค.55 จะได้รับการชดเชย 20-30 สตางค์/ลิตร ขณะที่บมจ.ไทยออยล์(TOP) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) น่าจะเริ่มผลิตในปี 51
"ขณะที่เท่าที่ทราบโรงกลั่นไทยออยล์ และบางจากฯ ที่มีการปรับปรุงและขยายกำลังการผลิต พร้อมจะเริ่มผลิตมาตรฐานใหม่ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป"นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
เขา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)วันนี้ เห็นชอบหลักเกณฑ์การส่งเสริมให้โรงกลั่นน้ำมันที่ผลิตน้ำมัน ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ จะได้รับการชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 20-30 สตางค์/ลิตรในส่วนที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เนื่องจากเห็นว่าการผลิตเพื่อให้ได้น้ำมันตามมาตรฐานดังกล่าว เป็นการลงทุนที่สูง และเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ รัฐบาลเห็นชอบกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศใหม่ตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร 4 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.55 เพื่อลดปริมาณสารตะกั่ว,กำมะถัน และเบนซีน ในน้ำมันเบนซิน และลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซล
ขณะที่ TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่สุดของไทย เพิ่งเสร็จจากการขยายกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วันเมื่อต้นเดือนธ.ค.ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงการกลั่นน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ด้วย
นอกจากนี้ BCP ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น ซึ่งหน่วยกลั่นใหม่ที่ปรับปรุงจะแล้วเสร็จในกลางปีหน้า ก็จะมีการลงทุนปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ด้วย
เนชั่นทันข่าว 16:06 น.
รัฐบาลอนุมัติหลักเกณฑ์การส่งเสริมโรงกลั่นน้ำมัน ที่ผลิตน้ำมันได้มาตรฐานยูโร 4 ก่อนกำหนดบังคับใช้ในม.ค.55 จะได้รับการชดเชย 20-30 สตางค์/ลิตร ขณะที่บมจ.ไทยออยล์(TOP) และบมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) น่าจะเริ่มผลิตในปี 51
"ขณะที่เท่าที่ทราบโรงกลั่นไทยออยล์ และบางจากฯ ที่มีการปรับปรุงและขยายกำลังการผลิต พร้อมจะเริ่มผลิตมาตรฐานใหม่ตั้งแต่ปี 2551 เป็นต้นไป"นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว
เขา กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)วันนี้ เห็นชอบหลักเกณฑ์การส่งเสริมให้โรงกลั่นน้ำมันที่ผลิตน้ำมัน ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ก่อนที่จะมีผลบังคับใช้ จะได้รับการชดเชยเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 20-30 สตางค์/ลิตรในส่วนที่ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ
เนื่องจากเห็นว่าการผลิตเพื่อให้ได้น้ำมันตามมาตรฐานดังกล่าว เป็นการลงทุนที่สูง และเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ รัฐบาลเห็นชอบกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศใหม่ตามมาตรฐานน้ำมันเชื้อเพลิงยูโร 4 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 ม.ค.55 เพื่อลดปริมาณสารตะกั่ว,กำมะถัน และเบนซีน ในน้ำมันเบนซิน และลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซล
ขณะที่ TOP ซึ่งเป็นโรงกลั่นน้ำมันรายใหญ่สุดของไทย เพิ่งเสร็จจากการขยายกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นบาร์เรล/วันเมื่อต้นเดือนธ.ค.ขณะเดียวกันก็ยังอยู่ระหว่างปรับปรุงการกลั่นน้ำมันให้ได้ตามมาตรฐานยูโร 4 ด้วย
นอกจากนี้ BCP ที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่น ซึ่งหน่วยกลั่นใหม่ที่ปรับปรุงจะแล้วเสร็จในกลางปีหน้า ก็จะมีการลงทุนปรับปรุงคุณภาพน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 4 ด้วย
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 10
รัฐเห็นชอบใช้ B2 แทนดีเซลเร็วขึ้นเป็นก.พ.51,หนี้น้ำมันหมดพรุ่งนี้
เนชั่นทันข่าว 16:05 น.
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)วันนี้ เห็นชอบการประกาศมาตรฐานบังคับ B2 เพื่อทดแทนดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.51 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม เนื่องจากได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตไบโอดีเซล (B100) ว่าจะมีวัตถุดิบเพียงพอ
นอกจากนี้ ในวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.นี้ ภาระหนี้กองทุนน้ำมันที่มีกว่า 9 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลชุดเก่าใช้อุดหนุนราคาน้ำมันเป็นเวลากว่า 1 ปีตั้งแต่ต้นปี 47 นั้นจะหมดลง แม้จะยังมีภาระจ่ายคืนพันธบัตรกองทุนน้ำมันอีกราว 8.8 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนต.ค.51 ก็ตาม แต่กระทรวงพลังงานได้กันเงินสำรองจ่ายราว 9 พันล้านบาท
เนชั่นทันข่าว 16:05 น.
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.)วันนี้ เห็นชอบการประกาศมาตรฐานบังคับ B2 เพื่อทดแทนดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.51 ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิม เนื่องจากได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตไบโอดีเซล (B100) ว่าจะมีวัตถุดิบเพียงพอ
นอกจากนี้ ในวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค.นี้ ภาระหนี้กองทุนน้ำมันที่มีกว่า 9 หมื่นล้านบาท ที่รัฐบาลชุดเก่าใช้อุดหนุนราคาน้ำมันเป็นเวลากว่า 1 ปีตั้งแต่ต้นปี 47 นั้นจะหมดลง แม้จะยังมีภาระจ่ายคืนพันธบัตรกองทุนน้ำมันอีกราว 8.8 พันล้านบาทที่จะครบกำหนดชำระในเดือนต.ค.51 ก็ตาม แต่กระทรวงพลังงานได้กันเงินสำรองจ่ายราว 9 พันล้านบาท
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 11
เนชั่นทันข่าว
สมาคมยานยนต์สหรัฐ เตือนผู้ขับขี่รับมือราคาน้ำมันแพงเป็นประวัตัการณ์
16:06 น.
สมาคมยานยนต์และการเดินทางของสหรัฐ (AAA) เปิดเผยว่า ผู้ขับขี่ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเบนซินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนต่อๆไป เนื่องจากราคาน้ำมันได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงที่ตามปรกติแล้วจะอยู่ใกล้ระดับต่ำสุด
"ถ้าเราเริ่มต้นปีนี้ที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล นั่นก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดี" นายเจฟ ซันด์สตรอม โฆษกของ AAA กล่าวให้สัมภาษณ์
ตามปรกติแล้ว ราคาน้ำมันและน้ำมันเบนซินของสหรัฐมักร่วงลงในช่วงหลังวันขอบคุณพระเจ้าและวันหยุดฤดูหนาวเนื่องจากการเดินทางได้เบาบางลง
แต่ราคาน้ำมันล่วงหน้ากลับพุ่งขึ้นกว่า 4.00 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสั้นๆ ในขณะที่ความรุนแรงในไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบ, อุปทานพลังงานที่ตึงตัว และการอ่อนค่าของดอลลาร์ เป็นปัจจัยนำไปสู่การเข้าซื้อเก็งกำไร
ราคาน้ำมันสูงกว่าเวลานี้ของปีที่แล้วเกือบ 40 ดอลลาร์ ในขณะที่สต็อคน้ำมันของสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี
รายงานของ AAA ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินค้าปลีกในขณะนี้ถูกกว่าเล็กน้อยจากราคาที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา แต่สิ่งนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้ โดยราคาน้ำมันเบนซินค้าปลีกโดยเฉลี่ย
ของสหรัฐเมื่อวานนี้อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 18 เซนต์ โดยระดับสูงสุดดังกล่าวอยู่ที่ 3.23 ดอลลาร์/แกลลอนที่ทำไว้เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาจากอุปทานเชื้อเพลิงที่เบาบางก่อนฤดูการขับขี่สูงสุดในช่วงฤดูร้อน
นายซันด์สตรอมกล่าวว่า ตามปรกติแล้วราคาน้ำมันมักปรับตัวขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันเร่งใช้สต็อคเพื่อผลิตน้ำมันเบนซินสำหรับการขับขี่ในช่วงวันหยุด ซึ่งนั่นอาจจะดันราคาน้ำมันเบนซินขึ้นในเดือนต่อๆไป
"เมื่อถึงเดือนมี.ค.และเมื่ออุตสาหกรรมเริ่มต้องการน้ำมันเบนซินในฤดูร้อน เราก็มักจะเห็นราคาปรับตัวขึ้นจากจุดนั้นต่อเนื่องถึงฤดูใบไม้ผลิจนถึงช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน" เขากล่าว
เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ช่วยปกป้องผู้บริโภคสหรัฐจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของทศวรรษนี้ แต่วิกฤตการณ์ตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และการอ่อนค่าของดอลลาร์ อาจจะทำให้ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ระดับสูงลุกลามออกไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคสหรัฐอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980
"เป็นที่น่าวิตกว่า ดูเหมือนว่าสหรัฐจะเข้าสู่ช่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง" นายซันด์สตรอมกล่าว
เขากล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยอยู่เหนือ 3 ดอลลาร์/แกลลอน แต่ผู้ขับขี่จำนวนมากก็จะยังคงเดินทางในช่วงวันหยุด แต่อาจจะเดินทางในระยะทางที่สั้นลงและลดการใช้จ่ายในด้านอื่นๆ
สมาคมยานยนต์สหรัฐ เตือนผู้ขับขี่รับมือราคาน้ำมันแพงเป็นประวัตัการณ์
16:06 น.
สมาคมยานยนต์และการเดินทางของสหรัฐ (AAA) เปิดเผยว่า ผู้ขับขี่ของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเบนซินที่สูงเป็นประวัติการณ์ในเดือนต่อๆไป เนื่องจากราคาน้ำมันได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในขณะนี้ซึ่งเป็นช่วงที่ตามปรกติแล้วจะอยู่ใกล้ระดับต่ำสุด
"ถ้าเราเริ่มต้นปีนี้ที่ระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรล นั่นก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดี" นายเจฟ ซันด์สตรอม โฆษกของ AAA กล่าวให้สัมภาษณ์
ตามปรกติแล้ว ราคาน้ำมันและน้ำมันเบนซินของสหรัฐมักร่วงลงในช่วงหลังวันขอบคุณพระเจ้าและวันหยุดฤดูหนาวเนื่องจากการเดินทางได้เบาบางลง
แต่ราคาน้ำมันล่วงหน้ากลับพุ่งขึ้นกว่า 4.00 ดอลลาร์เมื่อวานนี้ แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วงสั้นๆ ในขณะที่ความรุนแรงในไนจีเรียซึ่งเป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบ, อุปทานพลังงานที่ตึงตัว และการอ่อนค่าของดอลลาร์ เป็นปัจจัยนำไปสู่การเข้าซื้อเก็งกำไร
ราคาน้ำมันสูงกว่าเวลานี้ของปีที่แล้วเกือบ 40 ดอลลาร์ ในขณะที่สต็อคน้ำมันของสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 3 ปี
รายงานของ AAA ระบุว่า ราคาน้ำมันเบนซินค้าปลีกในขณะนี้ถูกกว่าเล็กน้อยจากราคาที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา แต่สิ่งนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงในไม่ช้านี้ โดยราคาน้ำมันเบนซินค้าปลีกโดยเฉลี่ย
ของสหรัฐเมื่อวานนี้อยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ประมาณ 18 เซนต์ โดยระดับสูงสุดดังกล่าวอยู่ที่ 3.23 ดอลลาร์/แกลลอนที่ทำไว้เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมาจากอุปทานเชื้อเพลิงที่เบาบางก่อนฤดูการขับขี่สูงสุดในช่วงฤดูร้อน
นายซันด์สตรอมกล่าวว่า ตามปรกติแล้วราคาน้ำมันมักปรับตัวขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและต้นฤดูร้อน ในขณะที่โรงกลั่นน้ำมันเร่งใช้สต็อคเพื่อผลิตน้ำมันเบนซินสำหรับการขับขี่ในช่วงวันหยุด ซึ่งนั่นอาจจะดันราคาน้ำมันเบนซินขึ้นในเดือนต่อๆไป
"เมื่อถึงเดือนมี.ค.และเมื่ออุตสาหกรรมเริ่มต้องการน้ำมันเบนซินในฤดูร้อน เราก็มักจะเห็นราคาปรับตัวขึ้นจากจุดนั้นต่อเนื่องถึงฤดูใบไม้ผลิจนถึงช่วงเริ่มต้นฤดูร้อน" เขากล่าว
เขากล่าวว่า ก่อนหน้านี้เศรษฐกิจที่แข็งแกร่งได้ช่วยปกป้องผู้บริโภคสหรัฐจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นในช่วงแรกของทศวรรษนี้ แต่วิกฤตการณ์ตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่ปล่อยกู้ให้แก่ลูกหนี้ที่มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพร์ม) และการอ่อนค่าของดอลลาร์ อาจจะทำให้ผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ระดับสูงลุกลามออกไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคสหรัฐอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายทศวรรษ 1970 และต้นทศวรรษ 1980
"เป็นที่น่าวิตกว่า ดูเหมือนว่าสหรัฐจะเข้าสู่ช่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง" นายซันด์สตรอมกล่าว
เขากล่าวว่า แม้ว่าราคาน้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยอยู่เหนือ 3 ดอลลาร์/แกลลอน แต่ผู้ขับขี่จำนวนมากก็จะยังคงเดินทางในช่วงวันหยุด แต่อาจจะเดินทางในระยะทางที่สั้นลงและลดการใช้จ่ายในด้านอื่นๆ
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 12
ศูนย์ข้อมูลคนหายฯ แฉเด็กถูกลักพาตัวกว่า 500 ราย
19:21 น.
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีการจัดประชุม 1 ปี เหตุการณ์ลักพาตัวเด็กกระทุ่มแบน โดยนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า เหตุการณ์เด็กชาย 2 คน ที่อ.กระทุ่มแบน ถูกลักพาตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.49 วันนี้ยังไม่พบตัวเด็ก เพราะกลไก การทำงานของตำรวจและหน่วยที่เกี่ยวข้องยังไม่ดีพอ จากข้อมูลปี 47-49 มีเด็กหายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกปี ส่วนปี 50 จำนวนลดลงเล็กน้อยเล็กน้อย เป้าหมายหลัก คือ เด็กอายุ 11- 13 ปี โดยปัจจัยที่นำไปสู่ปัญหาเด็กหาย คือ ครอบครัวหย่าร้าง พ่อแม่แยกทาง ปัจจุบันคน หายทั่วประเทศ จะมีเด็กหาย 60 % ข้อมูลที่มูลนิธิกระจกเงารับแจ้งมีจำนวนคนหาย 900 คน เป็นเด็กกว่า 500 คน ซึ่งพบว่าเด็กกว่า 100 คน ขณะนี้ยังตามหาตัวไม่เจอ
ส่วนใหญ่ถูก แสวงประโยชน์ทางเพศ และใช้แรงงาน ล่าสุดมีด.ช.อายุ 5 ขวบ อยู่อ.บ้านโพธิ์ จ. ฉะเชิงเทรา ถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนต.ค.50 ครอบครัวยากจนมากแม้แต่ไฟฟ้ายังไม่มีใช้ ดังนั้นในวันเด็กปี 51 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 ม.ค.นี้ มูลนิธิฯ อยากขอให้มีการเปิดพื้นที่สำหรับ เด็กหาย
ในวันที่ 8 ม.ค. มูลนิธิฯ จะไปยื่นข้อเรียกร้องต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อสมท. ขอพื้นที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเด็กหาย จากนั้นในวันที่ 9 ม.ค.จะเดินทางไปยื่นข้อ เรียกร้องต่อพล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. เพื่อขอให้ตำรวจให้ความสำคัญและเร่งรัด ติดตามเด็กชาย 5 ขวบ ที่จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเด็กหายตัวไปขณะวิ่งเล่นแถวโรงเรียนใกล้บ้าน อาจถูกนำไปขายเพื่อถ่ายภาพโป๊ หรือให้ฝรั่งตุ๋ย เพราะเด็กวัยนี้เป็นที่นิยมของฝรั่งต่างชาติ มาก ซึ่งน่ากลัว จึงควรเร่งจัดการปัญหาเด็กหาย จากนั้นในวันที่ 10 ม.ค.มูลนิธิจะออกติดประกาศตามหาเด็กหายในสถานที่จัดงานวันเด็กทุกแห่งในกทม.ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐเร่งผลัก ดันออกกฎหมายคนหายโดยเร็วนายเอกลักษณ์กล่าว
ด้านนพ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาการติดตามหาเด็กหายเหมือนจะว่างเปล่ามาก ทั้งนี้ปัญหา เด็กหายต้องรีบออกค้นหาโดยเร็วต่อเนื่อง ไม่ต้องรอให้ถึง 24 ชม. ซึ่งพ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์ผ่านสภาฯแล้ว กฎหมายนี้จะมีกองทุน ซึ่งสามารถใช้เงินกองทุนใน การติดตามเด็ก ต้องใช้เครือข่ายระดับมืออาชีพจ้างนักสืบเอกชนติดตามเด็กจึงจะได้ผล เพราะรอตำรวจคงไม่พอ และปัญหาเด็กหายเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การค้าทาสยุคใหม่ ต้องหามาตรการชัดเจนในการทำงาน
19:21 น.
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีการจัดประชุม 1 ปี เหตุการณ์ลักพาตัวเด็กกระทุ่มแบน โดยนายเอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ข้อมูลคนหายเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ มูลนิธิกระจกเงา กล่าวว่า เหตุการณ์เด็กชาย 2 คน ที่อ.กระทุ่มแบน ถูกลักพาตัวหายไปตั้งแต่วันที่ 16 ธ.ค.49 วันนี้ยังไม่พบตัวเด็ก เพราะกลไก การทำงานของตำรวจและหน่วยที่เกี่ยวข้องยังไม่ดีพอ จากข้อมูลปี 47-49 มีเด็กหายเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวทุกปี ส่วนปี 50 จำนวนลดลงเล็กน้อยเล็กน้อย เป้าหมายหลัก คือ เด็กอายุ 11- 13 ปี โดยปัจจัยที่นำไปสู่ปัญหาเด็กหาย คือ ครอบครัวหย่าร้าง พ่อแม่แยกทาง ปัจจุบันคน หายทั่วประเทศ จะมีเด็กหาย 60 % ข้อมูลที่มูลนิธิกระจกเงารับแจ้งมีจำนวนคนหาย 900 คน เป็นเด็กกว่า 500 คน ซึ่งพบว่าเด็กกว่า 100 คน ขณะนี้ยังตามหาตัวไม่เจอ
ส่วนใหญ่ถูก แสวงประโยชน์ทางเพศ และใช้แรงงาน ล่าสุดมีด.ช.อายุ 5 ขวบ อยู่อ.บ้านโพธิ์ จ. ฉะเชิงเทรา ถูกลักพาตัวไปเมื่อเดือนต.ค.50 ครอบครัวยากจนมากแม้แต่ไฟฟ้ายังไม่มีใช้ ดังนั้นในวันเด็กปี 51 ซึ่งตรงกับวันที่ 12 ม.ค.นี้ มูลนิธิฯ อยากขอให้มีการเปิดพื้นที่สำหรับ เด็กหาย
ในวันที่ 8 ม.ค. มูลนิธิฯ จะไปยื่นข้อเรียกร้องต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. อสมท. ขอพื้นที่ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเด็กหาย จากนั้นในวันที่ 9 ม.ค.จะเดินทางไปยื่นข้อ เรียกร้องต่อพล.ต.อ.วงกต มณีรินทร์ รองผบ.ตร. เพื่อขอให้ตำรวจให้ความสำคัญและเร่งรัด ติดตามเด็กชาย 5 ขวบ ที่จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเด็กหายตัวไปขณะวิ่งเล่นแถวโรงเรียนใกล้บ้าน อาจถูกนำไปขายเพื่อถ่ายภาพโป๊ หรือให้ฝรั่งตุ๋ย เพราะเด็กวัยนี้เป็นที่นิยมของฝรั่งต่างชาติ มาก ซึ่งน่ากลัว จึงควรเร่งจัดการปัญหาเด็กหาย จากนั้นในวันที่ 10 ม.ค.มูลนิธิจะออกติดประกาศตามหาเด็กหายในสถานที่จัดงานวันเด็กทุกแห่งในกทม.ทั้งนี้อยากให้ภาครัฐเร่งผลัก ดันออกกฎหมายคนหายโดยเร็วนายเอกลักษณ์กล่าว
ด้านนพ.พลเดช ปิ่นประทีป รมช.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาการติดตามหาเด็กหายเหมือนจะว่างเปล่ามาก ทั้งนี้ปัญหา เด็กหายต้องรีบออกค้นหาโดยเร็วต่อเนื่อง ไม่ต้องรอให้ถึง 24 ชม. ซึ่งพ.ร.บ.ป้องกันและ ปราบปรามการค้ามนุษย์ผ่านสภาฯแล้ว กฎหมายนี้จะมีกองทุน ซึ่งสามารถใช้เงินกองทุนใน การติดตามเด็ก ต้องใช้เครือข่ายระดับมืออาชีพจ้างนักสืบเอกชนติดตามเด็กจึงจะได้ผล เพราะรอตำรวจคงไม่พอ และปัญหาเด็กหายเชื่อมโยงกับการค้ามนุษย์ การค้าทาสยุคใหม่ ต้องหามาตรการชัดเจนในการทำงาน
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 13
IMF ลดคาดการณ์ศกโลก.ปี 07 ลงสู่ 4.7 %
11:46 น. เนชั่นทันข่าว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยวานนี้ว่า ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2007 ลง 0.50 % หลังจากข้อมูลล่าสุดระบุว่าเศรษฐกิจของจีนและอินเดียมีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้วขยายตัว 4.7 % ลดลงจาก 5.2 % ที่เคยคาดการณ์ไว้รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อเดือนต.ค. และคาดว่า IMF จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับแก้ไขในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการคาดการณ์ใหม่สำหรับปีนี้รวมอยู่ด้วย
IMF ยังระบุว่า ภาวะตกต่ำยาวนานของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐและความผันผวนของตลาดการเงิน รวมทั้งราคาน้ำมันที่แพงมากกำลังส่งผลกระทบมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
จีนและอินเดียมีส่วนอย่างมากต่อการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2007 โดยสัดส่วนการผลิตโลกของจีนในปี 2007 คาดว่าอยู่ที่ 10.9 % ลดลงจาก 15.8 % ในช่วงก่อนหน้านี้ และสัดส่วนของอินเดียลดลงสู่ 4.6 % จาก 6.4 %
การทบทวนดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึง 1 เดือน หลังจากธนาคารโลกได้เปิดเผยข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจของจีนและอินเดียมีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เมื่อวัดจากกำลังซื้อในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ความเท่าเทียมของอำนาจการซื้อ (PPP) แม้หลังการทบทวนดังกล่าว จีนก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และอินเดียเป็นอันดับ 4 IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2002-2006 ลง 0.5 % ด้วย
เจ้าของหงส์ดิ้นหาผู้ลงทุนช่วยเรื่องการเงิน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 มกราคม 2551 16:53 น.
จอร์จ ยิลเลตต์ และ ทอม ฮิคส์ คู่หูเงินหนาชาวสหรัฐฯ เจ้าของ ลิเวอร์พูล ทีมแกร่งในเวที พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เตรียมเจรจากับ จอห์น มิสเคลลี มหาเศรษฐีชาวไอร์แลนด์เหนือ เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาทางด้านการเงิน ตามรายงานจาก เดลี มิร์เรอร์
มิสเคลลี เป็นหนึ่งในสาวก เดอะ คอป ตัวยงและพยายามทุ่มเงิน 250 ล้านปอนด์ (ประมาณ 17,500 ล้านบาท) เพื่อเทกโอเวอร์ถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าถูก ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ ตัดหน้าไปเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งคู่กำลังประสบปัญหา
เพราะทั้ง ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ ยังต้องพยายามหาเงิน 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 21,000 ล้านบาท) มาสร้างสนามแห่งใหม่บริเวณ สแตนลีย์ ปาร์ค ล่าสุด การทำเรื่องขอกู้เงินไปยังธนาคารไม่ได้รับการอนุมัติ ทำให้ต้องพยายามหาทางออกด้วยวิธีอื่นแทน
ตามรายงานยังระบุอีกว่า ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ เจรจากันอยู่ใน นิวยอร์ก เมื่อคืนวันอังคารที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการหาเงินมาสร้างสนามแห่งใหม่ รวมถึงอนาคตของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ เพราะผลงานในสนามไม่สู้ดี แถมไม่ได้รับอนุมัติเงินชอปปิ้ง
11:46 น. เนชั่นทันข่าว
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยวานนี้ว่า ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2007 ลง 0.50 % หลังจากข้อมูลล่าสุดระบุว่าเศรษฐกิจของจีนและอินเดียมีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้
IMF คาดว่าเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้วขยายตัว 4.7 % ลดลงจาก 5.2 % ที่เคยคาดการณ์ไว้รายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกเมื่อเดือนต.ค. และคาดว่า IMF จะเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกฉบับแก้ไขในวันที่ 25 ม.ค.นี้ ซึ่งจะมีการคาดการณ์ใหม่สำหรับปีนี้รวมอยู่ด้วย
IMF ยังระบุว่า ภาวะตกต่ำยาวนานของตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐและความผันผวนของตลาดการเงิน รวมทั้งราคาน้ำมันที่แพงมากกำลังส่งผลกระทบมากขึ้นต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้
จีนและอินเดียมีส่วนอย่างมากต่อการปรับลดการเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2007 โดยสัดส่วนการผลิตโลกของจีนในปี 2007 คาดว่าอยู่ที่ 10.9 % ลดลงจาก 15.8 % ในช่วงก่อนหน้านี้ และสัดส่วนของอินเดียลดลงสู่ 4.6 % จาก 6.4 %
การทบทวนดังกล่าวเกิดขึ้นไม่ถึง 1 เดือน หลังจากธนาคารโลกได้เปิดเผยข้อมูลระบุว่า เศรษฐกิจของจีนและอินเดียมีการขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้เมื่อวัดจากกำลังซื้อในรูปสกุลดอลลาร์สหรัฐ หรือที่เรียกว่า ความเท่าเทียมของอำนาจการซื้อ (PPP) แม้หลังการทบทวนดังกล่าว จีนก็ยังคงเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และอินเดียเป็นอันดับ 4 IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกสำหรับปี 2002-2006 ลง 0.5 % ด้วย
เจ้าของหงส์ดิ้นหาผู้ลงทุนช่วยเรื่องการเงิน
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 9 มกราคม 2551 16:53 น.
จอร์จ ยิลเลตต์ และ ทอม ฮิคส์ คู่หูเงินหนาชาวสหรัฐฯ เจ้าของ ลิเวอร์พูล ทีมแกร่งในเวที พรีเมียร์ชิป อังกฤษ เตรียมเจรจากับ จอห์น มิสเคลลี มหาเศรษฐีชาวไอร์แลนด์เหนือ เพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาทางด้านการเงิน ตามรายงานจาก เดลี มิร์เรอร์
มิสเคลลี เป็นหนึ่งในสาวก เดอะ คอป ตัวยงและพยายามทุ่มเงิน 250 ล้านปอนด์ (ประมาณ 17,500 ล้านบาท) เพื่อเทกโอเวอร์ถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปีที่แล้ว แต่ทว่าถูก ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ ตัดหน้าไปเสียก่อน อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ทั้งคู่กำลังประสบปัญหา
เพราะทั้ง ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ ยังต้องพยายามหาเงิน 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 21,000 ล้านบาท) มาสร้างสนามแห่งใหม่บริเวณ สแตนลีย์ ปาร์ค ล่าสุด การทำเรื่องขอกู้เงินไปยังธนาคารไม่ได้รับการอนุมัติ ทำให้ต้องพยายามหาทางออกด้วยวิธีอื่นแทน
ตามรายงานยังระบุอีกว่า ยิลเลตต์ และ ฮิคส์ เจรจากันอยู่ใน นิวยอร์ก เมื่อคืนวันอังคารที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา เกี่ยวกับการหาเงินมาสร้างสนามแห่งใหม่ รวมถึงอนาคตของกุนซือ ราฟาเอล เบนิเตซ เพราะผลงานในสนามไม่สู้ดี แถมไม่ได้รับอนุมัติเงินชอปปิ้ง
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 14
Tony Blair joins investment bank
Tony Blair has taken a part-time post with US investment bank JP Morgan.
Mr Blair, who stood down as UK prime minister in June last year, has been employed "in a senior advisory capacity", the bank said.
He said he looked forward to advising the bank on the "political and economic changes that globalisation brings".
It is not known how much JP Morgan will pay him, but some estimates say more than $1m (£500,000) a year. The bank said he had a "unique perspective".
It said Mr Blair would advise the firm's chief executive and senior management team, "drawing on his immense international experience to provide the firm with strategic advice and insight on global political issues and emerging trends".
"Our firm will benefit greatly from his knowledge and experience," it said.
Since leaving Number 10, Mr Blair has been an unpaid envoy for the Quartet of Middle East peace negotiators.
Europe presidency
Mr Blair earlier told the Financial Times he planned to take up "a small handful" of similar roles with other companies in different sectors.
"I have always been interested in commerce and the impact of globalisation.
"Nowadays, the intersection between politics and the economy in different parts of the world, including the emerging markets, is very strong."
As an envoy for the Middle East quartet, Mr Blair works on behalf of the US, Russia, the UN and the EU.
In October, Mr Blair was publicly backed by French President Nicolas Sarkozy for the job of president of the European Council - dubbed "president of Europe" - a role which will be created under the terms of the new EU reform treaty.
However, the former prime minister has played down speculation he is to be offered the job, with his spokesman at the time saying Mr Blair is "focusing on his current role in the Middle East".
JP Morgan, one of Wall Street's leading banks, is part of JP Morgan Chase & Co, a global financial services firm with assets of $1.5 trillion (£760bn) and operations in more than 50 countries.
Story from BBC NEWS:
http://news.bbc.co.uk/go/pr/fr/-/2/hi/b ... 180306.stm
Published: 2008/01/10 07:10:34 GMT
© BBC MMVIII
"โทนี่ แบลร์"รับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสเจพีมอร์แกน เชส
15:10 น. เนชั่นทันข่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ของอังกฤษ ได้เข้าร่วมงานกับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค อิงค์ ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโส
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ระบุว่า นายแบลร์จะให้คำปรึกษาในแง่การเมืองโลกแก่ซีอีโอและทีมบริหารอาวุโสของเจพีมอร์แกน เชส โดยเป็นการทำงานแบบพาร์ท-ไทม์ แต่เขาจะมีส่วนร่วมกับบริษัทในการพบปะกับลูกค้ารายสำคัญ
"ผมหวังที่จะให้คำปรึกษาแก่พวกเขาเกี่ยวกับวิธีการในการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองครั้งใหญ่ที่เป็นผลมาจากโลกาภิวัฒน์" นายแบลร์กล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ในลอนดอนรายงานข่าวดังกล่าวครั้งแรกทางเว็บไซต์ โดยระบุว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นตำแหน่งแรกในหลายๆตำแหน่งในภาคเอกชนที่คาดว่านายแบลร์จะเข้ามีส่วนร่วม
นายแบลร์ได้ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในปีที่แล้ว โดยมีนายกอร์ดอน บราวน์ ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของอังกฤษในอิรัก
ทางด้านนายจอห์น เมเจอร์ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านายแบลร์ ก็ได้ร่วมงานกับบริษัทการเงินแห่งหนึ่งของสหรัฐ หลังจากก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ โดยร่วมงานกับบริษัทคาร์ไลล์ กรุ๊ปในปี 1998 ท่ามกลางการผลักดันครั้งใหญ่ของบริษัทในการรุกตลาดยุโรป
Tony Blair has taken a part-time post with US investment bank JP Morgan.
Mr Blair, who stood down as UK prime minister in June last year, has been employed "in a senior advisory capacity", the bank said.
He said he looked forward to advising the bank on the "political and economic changes that globalisation brings".
It is not known how much JP Morgan will pay him, but some estimates say more than $1m (£500,000) a year. The bank said he had a "unique perspective".
It said Mr Blair would advise the firm's chief executive and senior management team, "drawing on his immense international experience to provide the firm with strategic advice and insight on global political issues and emerging trends".
"Our firm will benefit greatly from his knowledge and experience," it said.
Since leaving Number 10, Mr Blair has been an unpaid envoy for the Quartet of Middle East peace negotiators.
Europe presidency
Mr Blair earlier told the Financial Times he planned to take up "a small handful" of similar roles with other companies in different sectors.
"I have always been interested in commerce and the impact of globalisation.
"Nowadays, the intersection between politics and the economy in different parts of the world, including the emerging markets, is very strong."
As an envoy for the Middle East quartet, Mr Blair works on behalf of the US, Russia, the UN and the EU.
In October, Mr Blair was publicly backed by French President Nicolas Sarkozy for the job of president of the European Council - dubbed "president of Europe" - a role which will be created under the terms of the new EU reform treaty.
However, the former prime minister has played down speculation he is to be offered the job, with his spokesman at the time saying Mr Blair is "focusing on his current role in the Middle East".
JP Morgan, one of Wall Street's leading banks, is part of JP Morgan Chase & Co, a global financial services firm with assets of $1.5 trillion (£760bn) and operations in more than 50 countries.
Story from BBC NEWS:
http://news.bbc.co.uk/go/pr/fr/-/2/hi/b ... 180306.stm
Published: 2008/01/10 07:10:34 GMT
© BBC MMVIII
"โทนี่ แบลร์"รับตำแหน่งที่ปรึกษาอาวุโสเจพีมอร์แกน เชส
15:10 น. เนชั่นทันข่าว
อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ของอังกฤษ ได้เข้าร่วมงานกับเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค อิงค์ ในฐานะที่ปรึกษาอาวุโส
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ระบุว่า นายแบลร์จะให้คำปรึกษาในแง่การเมืองโลกแก่ซีอีโอและทีมบริหารอาวุโสของเจพีมอร์แกน เชส โดยเป็นการทำงานแบบพาร์ท-ไทม์ แต่เขาจะมีส่วนร่วมกับบริษัทในการพบปะกับลูกค้ารายสำคัญ
"ผมหวังที่จะให้คำปรึกษาแก่พวกเขาเกี่ยวกับวิธีการในการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเมืองครั้งใหญ่ที่เป็นผลมาจากโลกาภิวัฒน์" นายแบลร์กล่าวในแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ในลอนดอนรายงานข่าวดังกล่าวครั้งแรกทางเว็บไซต์ โดยระบุว่าตำแหน่งดังกล่าวจะเป็นตำแหน่งแรกในหลายๆตำแหน่งในภาคเอกชนที่คาดว่านายแบลร์จะเข้ามีส่วนร่วม
นายแบลร์ได้ก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษในปีที่แล้ว โดยมีนายกอร์ดอน บราวน์ ขึ้นมารับตำแหน่งแทน ท่ามกลางความไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับนโยบายของอังกฤษในอิรัก
ทางด้านนายจอห์น เมเจอร์ ซึ่งเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีก่อนหน้านายแบลร์ ก็ได้ร่วมงานกับบริษัทการเงินแห่งหนึ่งของสหรัฐ หลังจากก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอังกฤษ โดยร่วมงานกับบริษัทคาร์ไลล์ กรุ๊ปในปี 1998 ท่ามกลางการผลักดันครั้งใหญ่ของบริษัทในการรุกตลาดยุโรป
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 15
พระพยอม พบกรุสมบัติของเก่านับล้าน ประกาศหาเจ้าของ!
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2551 11:49 น.
พระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดัง ประกาศหาเจ้าของทรัพย์สินหลายล้านบาท หลังจากที่มีผู้ใจบุญลืมไว้ในเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ หัวเตียง ที่นำบริจาคให้กับวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี
เผยทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ทั้งเงินสด ทอง นาฬิกายี่ห้อดัง รวมถึงระเบิดก็มี ให้เวลา 1 เดือน ไม่มีเจ้าของจะเอาไปบริจาคสร้างโรงเรียน พร้อมเตือน พวกหัวใสที่แอบอ้างจะเป็น เปรต
วานนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น.พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิวัดสวนแก้วได้ออกตระเวนรับบริจาคสิ่งของจากประชาชนผู้ใจบุญในย่านพระโขนง และสุขุมวิท เพื่อนำไปปรับปรุงก่อนที่จะไปขายให้กับประชาชนหาเงินเข้ามูลนิธิ พบหัวเตียงที่ทำจากไม้สักแบบโบราณมีช่องลับไว้เก็บของ ซึ่งมีผู้ใจบุญโทรศัพท์ ให้ไปรับ แต่เจ้าหน้าที่จำไม่ได้ว่าไปรับจุดไหน เพราะขณะนั้นมีเตียงคล้ายๆ กันที่มีผู้บริจาคประมาณ 10 หลัง จากนั้นนำไปกองไว้ที่วัด เมื่อถูกฝนถูกแดดไม้ก็เกิดแตกร้าวขึ้น นายอำนาจ เกื้อรัมย์ เจ้าหน้าที่ของวัด ได้เข้าไปรื้อเพื่อนำเศษไม้ที่อาจจะใช้ประโยชน์ได้ ไปพบเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท สร้อยคอทองคำหนัก ไม่ต่ำกว่า 8-10 บาท และพระเลี่ยมทองอีก 5 องค์ จึงมาแจ้งให้ตนทราบ ทางวัดได้รอให้เจ้าของมารับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครแสดงความจำนงเข้ามา คาดว่า เจ้าของอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวต่อว่า นอกจากรายนี้แล้ว ทางวัดยังพบทรัพย์สินอื่นๆ อีก มีทั้งเงินสดรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท ทองคำอีก 30-40 บาท นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ 1 เรือน พระเครื่องอีกหลายปี๊บ ที่เจ้าของลืมทิ้งไว้ในสิ่งของที่บริจาคให้กับวัด เช่น ตู้ เตียง โดยบางรายเจ้าของนึกได้มาติดต่อขอคืนไปแล้วก็มีมากมาย ที่เหลืออยู่ทางวัดได้นำไปเก็บไว้ที่ธนาคาร โดยจะต้องแบกรับภาระเสียเงินเช่าตู้นิรภัยให้กับธนาคารปีละ 2 พันบาทอีกด้วย นอกจากทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้แล้ว ทางวัดยังพบลูกระเบิด อาทิ เอ็มอาร์ 2 ระเบิดมือ หัวลูกปืน ค ซึ่งเป็นของทหาร หรือตำรวจ ที่นำไปซุกซ่อนแล้วลืมไว้อีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ของวัดได้แจ้งให้กับตำรวจนำไปเก็บแล้วหลายครั้ง จึงอยากจะขอเตือนผู้ใจบุญทั้งหลาย ก่อนที่จะนำสิ่งของมาบริจาคให้กับวัด ควรตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจจะหลง หรือซุกซ่อนอยู่ให้รอบคอบยิ่งขึ้น
เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวต่อว่า ส่วนทรัพย์สินที่เหลืออยู่ขณะนี้ ขอให้ผู้ที่เป็นเจ้าของนำหลักฐานมารับได้ที่วัดสวนแก้ว อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันนี้ หากไม่มีผู้แสดงเป็นเจ้าของจะนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปบริจาคสร้างโรงพยาบาล หรือโรงเรียน โดยทำพิธีกรวดน้ำ ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลผลบุญให้กับเจ้าของทรัพย์สินเหล่านี้ต่อไป นอกจากนี้ ขอเตือนผู้ที่หัวใสแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินเหล่านี้ว่า อย่าทำตัวเป็นเปรตจะตกนรกหมกไหม้
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม ผู้จัดการออนไลน์ 19 กุมภาพันธ์ 2551 11:49 น.
พระพยอม กัลยาโณ พระนักเทศน์ชื่อดัง ประกาศหาเจ้าของทรัพย์สินหลายล้านบาท หลังจากที่มีผู้ใจบุญลืมไว้ในเฟอร์นิเจอร์ เช่น ตู้ หัวเตียง ที่นำบริจาคให้กับวัดสวนแก้ว จ.นนทบุรี
เผยทรัพย์สินมูลค่ามหาศาล ทั้งเงินสด ทอง นาฬิกายี่ห้อดัง รวมถึงระเบิดก็มี ให้เวลา 1 เดือน ไม่มีเจ้าของจะเอาไปบริจาคสร้างโรงเรียน พร้อมเตือน พวกหัวใสที่แอบอ้างจะเป็น เปรต
วานนี้ (19 ก.พ.) เมื่อเวลา 17.00 น.พระราชธรรมนิเทศ หรือ พระพยอม กัลยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว ประธานมูลนิธิวัดสวนแก้ว เปิดเผยว่า เมื่อประมาณ 2 ปี หลังจากที่เจ้าหน้าที่ของมูลนิธิวัดสวนแก้วได้ออกตระเวนรับบริจาคสิ่งของจากประชาชนผู้ใจบุญในย่านพระโขนง และสุขุมวิท เพื่อนำไปปรับปรุงก่อนที่จะไปขายให้กับประชาชนหาเงินเข้ามูลนิธิ พบหัวเตียงที่ทำจากไม้สักแบบโบราณมีช่องลับไว้เก็บของ ซึ่งมีผู้ใจบุญโทรศัพท์ ให้ไปรับ แต่เจ้าหน้าที่จำไม่ได้ว่าไปรับจุดไหน เพราะขณะนั้นมีเตียงคล้ายๆ กันที่มีผู้บริจาคประมาณ 10 หลัง จากนั้นนำไปกองไว้ที่วัด เมื่อถูกฝนถูกแดดไม้ก็เกิดแตกร้าวขึ้น นายอำนาจ เกื้อรัมย์ เจ้าหน้าที่ของวัด ได้เข้าไปรื้อเพื่อนำเศษไม้ที่อาจจะใช้ประโยชน์ได้ ไปพบเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท สร้อยคอทองคำหนัก ไม่ต่ำกว่า 8-10 บาท และพระเลี่ยมทองอีก 5 องค์ จึงมาแจ้งให้ตนทราบ ทางวัดได้รอให้เจ้าของมารับ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครแสดงความจำนงเข้ามา คาดว่า เจ้าของอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว
เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวต่อว่า นอกจากรายนี้แล้ว ทางวัดยังพบทรัพย์สินอื่นๆ อีก มีทั้งเงินสดรวมแล้วประมาณ 3 ล้านบาท ทองคำอีก 30-40 บาท นาฬิกายี่ห้อโรเล็กซ์ 1 เรือน พระเครื่องอีกหลายปี๊บ ที่เจ้าของลืมทิ้งไว้ในสิ่งของที่บริจาคให้กับวัด เช่น ตู้ เตียง โดยบางรายเจ้าของนึกได้มาติดต่อขอคืนไปแล้วก็มีมากมาย ที่เหลืออยู่ทางวัดได้นำไปเก็บไว้ที่ธนาคาร โดยจะต้องแบกรับภาระเสียเงินเช่าตู้นิรภัยให้กับธนาคารปีละ 2 พันบาทอีกด้วย นอกจากทรัพย์สินต่างๆ เหล่านี้แล้ว ทางวัดยังพบลูกระเบิด อาทิ เอ็มอาร์ 2 ระเบิดมือ หัวลูกปืน ค ซึ่งเป็นของทหาร หรือตำรวจ ที่นำไปซุกซ่อนแล้วลืมไว้อีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ของวัดได้แจ้งให้กับตำรวจนำไปเก็บแล้วหลายครั้ง จึงอยากจะขอเตือนผู้ใจบุญทั้งหลาย ก่อนที่จะนำสิ่งของมาบริจาคให้กับวัด ควรตรวจสอบทรัพย์สินที่อาจจะหลง หรือซุกซ่อนอยู่ให้รอบคอบยิ่งขึ้น
เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวต่อว่า ส่วนทรัพย์สินที่เหลืออยู่ขณะนี้ ขอให้ผู้ที่เป็นเจ้าของนำหลักฐานมารับได้ที่วัดสวนแก้ว อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้ภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันนี้ หากไม่มีผู้แสดงเป็นเจ้าของจะนำทรัพย์สินเหล่านี้ไปบริจาคสร้างโรงพยาบาล หรือโรงเรียน โดยทำพิธีกรวดน้ำ ถวายสังฆทาน อุทิศส่วนกุศลผลบุญให้กับเจ้าของทรัพย์สินเหล่านี้ต่อไป นอกจากนี้ ขอเตือนผู้ที่หัวใสแอบอ้างว่าเป็นเจ้าของทรัพย์สินเหล่านี้ว่า อย่าทำตัวเป็นเปรตจะตกนรกหมกไหม้
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 16
บทเรียนจาก The Great Depression
14 เมษายน พ.ศ. 2551 00:00:00
วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เมื่อกล่าวถึงเศรษฐกิจตกต่ำในโลกนี้ คงไม่มีครั้งใดที่รุนแรงยิ่งไปกว่า The Great Depression ในช่วงปี 1929-1939 การศึกษาถึงประวัติศาสตร์ก็จะช่วยเป็นบทเรียนให้เราระมัดระวังไม่ให้เกิดซ้ำรอยขึ้นในอนาคต The Great Depression ทำให้ความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบในวงกว้างไปถึงสังคมและการเมือง เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ.1914-1918) ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามในฐานะประเทศที่ทำให้สงครามยุติ และเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่กับประเทศในยุโรปที่บอบช้ำจากการทำสงคราม ผู้ที่บอบช้ำสูงสุดคือ เยอรมนี (ยังรวมเป็นประเทศเดียวกันอยู่) และประเทศผู้แพ้สงครามอื่นๆ เพราะผู้แพ้สงคราม นอกจากจะต้องฟื้นฟูประเทศแล้ว ยังต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามอีกด้วย
Great Depression เริ่มในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ประมาณไตรมาสที่สองของ ค.ศ.1929 แต่คนส่วนใหญ่จะถือเอาวันที่ 24 ตุลาคม 1929 ซึ่งตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาได้ตกลงอย่างหนัก เป็นจุดเริ่มต้นของ Great Depression ห้าวันหลังจากนั้น ธนาคารต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มเรียกคืนสินเชื่อ ประมาณกันว่ามูลค่าตลาดหดหายไปถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนเดียว และตกต่ำต่อเนื่องไปอีก 3 ปี จนในปี 1932 มูลค่าตลาดลดลงเหลือ 20% ของปี 1929 เลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นคือการขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐ ผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่ายเงิน สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ บริษัทต่างๆ ต้องลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ในเดือนมีนาคม 1930 มีคนตกงานเพิ่มกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งเมื่อรวมกับ 1.5 ล้านคนที่ตกงานมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 1929 แล้ว ก็ทำให้สถานการณ์แย่ลง โดยในปี 1933 ธนาคาร 11,000 แห่งจากจำนวน 25,000 แห่งที่มีอยู่ ต้องปิดตัวลง ในปี 1931 มีการออกกฎหมายให้เงินโบนัสแก่ทหารผ่านศึก ซึ่งประธานาธิบดีฮูเวอร์ไม่เห็นด้วยเพราะต้องใช้เงินถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ในการจ่าย เหตุการณ์แย่ขึ้นจนเกิดจลาจลอาหาร คือมีการทุบกระจกเข้าไปแย่งชิงอาหารจากร้านขายของชำ และเจ้าของร้านถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ตำรวจก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เมื่องานหายาก ก็เริ่มตั้งข้อรังเกียจและกีดกันแรงงานต่างชาติ บางส่วนถูกส่งกลับประเทศ คนงานในหลายๆ อุตสาหกรรมก่อการประท้วง สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คนจำนวนมากต้องพึ่งเงินช่วยเหลือจากรัฐ รัฐบาลต้องออกมาอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสถาบันการเงิน ผ่านองค์กรตั้งใหม่คือ Reconstruction Finance Corporation
จนกระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 1932 และประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสท์เวลท์ ได้รับเลือก มีการออกกฎหมายฉุกเฉินเกี่ยวกับสถาบันการเงิน และกฎหมายที่เรียกว่า Glass-Steagall Act ปฏิรูประบบแยกธนาคารพาณิชย์ออกจากธนาคารเพื่อการลงทุน (investment banking) และเกิดสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้น และกว่า 2 ใน 3 ของสถาบันการเงินที่ปิดตัวไป กลับมาเปิดใหม่ กลุ่มทหารผ่านศึกก็ยังประท้วงและเรียกร้องเงินโบนัสเป็นระยะๆ มีการปฏิรูปทางการเกษตร ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตสูงขึ้น ประธานาธิบดีรูสท์เวลท์ ได้สัญญากับประชาชนว่ารัฐจะอัดฉีดงบประมาณโดยการสร้างงาน ซึ่งเรียกกันว่า "New Deal" โดยรัฐได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซมทางหลวงทั่วประเทศ ทำความสะอาดถนน ทาสีที่ทำการไปรษณีย์ใหม่ สร้างเขื่อนฮูเวอร์ เป็นต้น เรียกได้ว่ารัฐต้องรับบทหนักในการช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ ประมาณกันว่าก่อนที่จะมี "นิวดีล" นี้ จำนวนคนว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นไปถึง 12-15 ล้านคน หรือ 25-30% ของคนที่อยู่ในแรงงานเลยทีเดียว และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ตกต่ำเหลือเพียง 54% ของช่วงก่อนเกิด Great depression
สำหรับในยุโรป เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ของยุโรป เมื่อประสบปัญหาในบ้านของตน เงินให้กู้ยืมต่างๆ ก็หยุดไป ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปตกต่ำเช่นกัน โดยอัตราการว่างงานในเยอรมนีเพิ่มเป็น 25% ของแรงงานทั้งหมดในปี 1932 กล่าวกันว่าการอัดฉีดเงินของภาครัฐเหล่านี้ ช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจทรุดลงได้เท่านั้น โดยรายได้ต่อหัวของชาวอเมริกันในปี 1939 ไม่ได้สูงกว่าปี 1929 เลย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ก็ยังโต้แย้งกันไม่จบว่าสรุปแล้วรัฐควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรหรือไม่ บ้างก็ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามา เช่น มาดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ย เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนของภาครัฐ บ้างก็ว่าต้องปล่อยให้เอกชนดูแลกันเอง ปรับตัวเอง
หลังจาก The Great Depression รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ปัญหาค้างคายาวนาน จนผู้บริโภคขาดความมั่นใจในอนาคตของตนเอง ในช่วงนั้น เมื่อเศรษฐกิจในบ้านมีปัญหา ทุกประเทศต่างก็พยายามปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าให้สูงขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงอย่างมาก นี่คือสิ่งที่จอร์จ โซรอส กลัวว่าจะเกิดขึ้นค่ะ กลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะตั้งกำแพงภาษีขึ้นมาปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่หากมองกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถึงจะตั้งก็คงตั้งไม่ได้มาก เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงของการลดกำแพงภาษีของกลุ่มการค้าต่างๆ เพื่อให้การค้าของโลกเป็นไปได้อย่างเสรีขึ้น เศรษฐกิจตกต่ำของโลกนี้เอง ที่เป็นชนวนทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง และความตกต่ำทางเศรษฐกิจของ The Great Depression นี้ สิ้นสุดลงจริงๆ ก็เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง จำนวนคนว่างงานลดลง เพราะส่วนหนึ่งต้องเข้าสู่การเป็นทหาร และส่วนหนึ่งเข้าสู่การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์
สรุปแล้ว "ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเศรษฐกิจของโลกสมัยใหม่ ที่ใช้เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หากผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจ เศรษฐกิจก็ฟื้นยาก แบบที่เกิดขึ้นในช่วง The Great Depression หรือแบบที่ประเทศญี่ปุ่นประสบเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา หากรัฐบาลใดทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็ว เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวเร็วค่ะ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปลายสมัยของประธานาธิบดีบุชแล้ว คนอเมริกันจึงต้องคอยลุ้นดูว่าประธานาธิบดีคนใหม่ จะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาหรือไม่
14 เมษายน พ.ศ. 2551 00:00:00
วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เมื่อกล่าวถึงเศรษฐกิจตกต่ำในโลกนี้ คงไม่มีครั้งใดที่รุนแรงยิ่งไปกว่า The Great Depression ในช่วงปี 1929-1939 การศึกษาถึงประวัติศาสตร์ก็จะช่วยเป็นบทเรียนให้เราระมัดระวังไม่ให้เกิดซ้ำรอยขึ้นในอนาคต The Great Depression ทำให้ความตกต่ำทางเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบในวงกว้างไปถึงสังคมและการเมือง เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมาก ช่วงนั้นเป็นช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง (ค.ศ.1914-1918) ประเทศสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงครามในฐานะประเทศที่ทำให้สงครามยุติ และเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่กับประเทศในยุโรปที่บอบช้ำจากการทำสงคราม ผู้ที่บอบช้ำสูงสุดคือ เยอรมนี (ยังรวมเป็นประเทศเดียวกันอยู่) และประเทศผู้แพ้สงครามอื่นๆ เพราะผู้แพ้สงคราม นอกจากจะต้องฟื้นฟูประเทศแล้ว ยังต้องชดใช้ค่าปฏิกรรมสงครามอีกด้วย
Great Depression เริ่มในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ประมาณไตรมาสที่สองของ ค.ศ.1929 แต่คนส่วนใหญ่จะถือเอาวันที่ 24 ตุลาคม 1929 ซึ่งตลาดหุ้นของสหรัฐอเมริกาได้ตกลงอย่างหนัก เป็นจุดเริ่มต้นของ Great Depression ห้าวันหลังจากนั้น ธนาคารต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มเรียกคืนสินเชื่อ ประมาณกันว่ามูลค่าตลาดหดหายไปถึง 30,000 ล้านดอลลาร์ในเดือนเดียว และตกต่ำต่อเนื่องไปอีก 3 ปี จนในปี 1932 มูลค่าตลาดลดลงเหลือ 20% ของปี 1929 เลยทีเดียว สิ่งที่ทำให้เหตุการณ์เลวร้ายยิ่งขึ้นคือการขาดความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของสหรัฐ ผู้บริโภคไม่กล้าใช้จ่ายเงิน สถาบันการเงินไม่กล้าปล่อยสินเชื่อ บริษัทต่างๆ ต้องลดกำลังการผลิต ส่งผลให้ในเดือนมีนาคม 1930 มีคนตกงานเพิ่มกว่า 1.7 ล้านคน ซึ่งเมื่อรวมกับ 1.5 ล้านคนที่ตกงานมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 1929 แล้ว ก็ทำให้สถานการณ์แย่ลง โดยในปี 1933 ธนาคาร 11,000 แห่งจากจำนวน 25,000 แห่งที่มีอยู่ ต้องปิดตัวลง ในปี 1931 มีการออกกฎหมายให้เงินโบนัสแก่ทหารผ่านศึก ซึ่งประธานาธิบดีฮูเวอร์ไม่เห็นด้วยเพราะต้องใช้เงินถึง 4,000 ล้านดอลลาร์ในการจ่าย เหตุการณ์แย่ขึ้นจนเกิดจลาจลอาหาร คือมีการทุบกระจกเข้าไปแย่งชิงอาหารจากร้านขายของชำ และเจ้าของร้านถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ แต่ตำรวจก็ควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ เมื่องานหายาก ก็เริ่มตั้งข้อรังเกียจและกีดกันแรงงานต่างชาติ บางส่วนถูกส่งกลับประเทศ คนงานในหลายๆ อุตสาหกรรมก่อการประท้วง สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น คนจำนวนมากต้องพึ่งเงินช่วยเหลือจากรัฐ รัฐบาลต้องออกมาอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบสถาบันการเงิน ผ่านองค์กรตั้งใหม่คือ Reconstruction Finance Corporation
จนกระทั่งมีการเลือกตั้งใหม่ในปี 1932 และประธานาธิบดี แฟรงคลิน ดี รูสท์เวลท์ ได้รับเลือก มีการออกกฎหมายฉุกเฉินเกี่ยวกับสถาบันการเงิน และกฎหมายที่เรียกว่า Glass-Steagall Act ปฏิรูประบบแยกธนาคารพาณิชย์ออกจากธนาคารเพื่อการลงทุน (investment banking) และเกิดสถาบันคุ้มครองเงินฝากขึ้น และกว่า 2 ใน 3 ของสถาบันการเงินที่ปิดตัวไป กลับมาเปิดใหม่ กลุ่มทหารผ่านศึกก็ยังประท้วงและเรียกร้องเงินโบนัสเป็นระยะๆ มีการปฏิรูปทางการเกษตร ช่วยฟื้นฟูสภาพดิน ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตสูงขึ้น ประธานาธิบดีรูสท์เวลท์ ได้สัญญากับประชาชนว่ารัฐจะอัดฉีดงบประมาณโดยการสร้างงาน ซึ่งเรียกกันว่า "New Deal" โดยรัฐได้ใช้งบประมาณจำนวนมากในการซ่อมแซมทางหลวงทั่วประเทศ ทำความสะอาดถนน ทาสีที่ทำการไปรษณีย์ใหม่ สร้างเขื่อนฮูเวอร์ เป็นต้น เรียกได้ว่ารัฐต้องรับบทหนักในการช่วยฟื้นฟูสภาพเศรษฐกิจ ประมาณกันว่าก่อนที่จะมี "นิวดีล" นี้ จำนวนคนว่างงานในสหรัฐเพิ่มขึ้นไปถึง 12-15 ล้านคน หรือ 25-30% ของคนที่อยู่ในแรงงานเลยทีเดียว และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมก็ตกต่ำเหลือเพียง 54% ของช่วงก่อนเกิด Great depression
สำหรับในยุโรป เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นผู้ให้กู้รายใหญ่ของยุโรป เมื่อประสบปัญหาในบ้านของตน เงินให้กู้ยืมต่างๆ ก็หยุดไป ทำให้เศรษฐกิจของประเทศในยุโรปตกต่ำเช่นกัน โดยอัตราการว่างงานในเยอรมนีเพิ่มเป็น 25% ของแรงงานทั้งหมดในปี 1932 กล่าวกันว่าการอัดฉีดเงินของภาครัฐเหล่านี้ ช่วยพยุงไม่ให้เศรษฐกิจทรุดลงได้เท่านั้น โดยรายได้ต่อหัวของชาวอเมริกันในปี 1939 ไม่ได้สูงกว่าปี 1929 เลย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์ก็ยังโต้แย้งกันไม่จบว่าสรุปแล้วรัฐควรจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการจัดสรรทรัพยากรหรือไม่ บ้างก็ว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเข้ามา เช่น มาดูแลเรื่องอัตราดอกเบี้ย เรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนของภาครัฐ บ้างก็ว่าต้องปล่อยให้เอกชนดูแลกันเอง ปรับตัวเอง
หลังจาก The Great Depression รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้เข้ามามีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจมากขึ้น รวมถึงเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาแต่เนิ่นๆ ไม่ปล่อยให้ปัญหาค้างคายาวนาน จนผู้บริโภคขาดความมั่นใจในอนาคตของตนเอง ในช่วงนั้น เมื่อเศรษฐกิจในบ้านมีปัญหา ทุกประเทศต่างก็พยายามปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศด้วยการตั้งกำแพงภาษีนำเข้าให้สูงขึ้น ซึ่งทำให้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศลดลงอย่างมาก นี่คือสิ่งที่จอร์จ โซรอส กลัวว่าจะเกิดขึ้นค่ะ กลัวว่าสหรัฐอเมริกาจะตั้งกำแพงภาษีขึ้นมาปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่หากมองกันอย่างถี่ถ้วนแล้ว ถึงจะตั้งก็คงตั้งไม่ได้มาก เพราะในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงของการลดกำแพงภาษีของกลุ่มการค้าต่างๆ เพื่อให้การค้าของโลกเป็นไปได้อย่างเสรีขึ้น เศรษฐกิจตกต่ำของโลกนี้เอง ที่เป็นชนวนทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่สอง และความตกต่ำทางเศรษฐกิจของ The Great Depression นี้ สิ้นสุดลงจริงๆ ก็เพราะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง จำนวนคนว่างงานลดลง เพราะส่วนหนึ่งต้องเข้าสู่การเป็นทหาร และส่วนหนึ่งเข้าสู่การผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์
สรุปแล้ว "ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเศรษฐกิจของโลกสมัยใหม่ ที่ใช้เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยน หากผู้บริโภคไม่มีความมั่นใจ เศรษฐกิจก็ฟื้นยาก แบบที่เกิดขึ้นในช่วง The Great Depression หรือแบบที่ประเทศญี่ปุ่นประสบเป็นเวลากว่าหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา หากรัฐบาลใดทำให้ความเชื่อมั่นกลับมาได้เร็ว เศรษฐกิจก็จะฟื้นตัวเร็วค่ะ และเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงปลายสมัยของประธานาธิบดีบุชแล้ว คนอเมริกันจึงต้องคอยลุ้นดูว่าประธานาธิบดีคนใหม่ จะช่วยให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาหรือไม่
Rabbit VS. Turtle
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 1841
- ผู้ติดตาม: 0
ข่าว-บทความภาษาไทยที่น่าสนใจ
โพสต์ที่ 18
สถาบันวิจัยสัตว์น้ำพบวาฬ กิน ขยะ1.5กก.เกยตื้นตายหาดป่าตอง
17:29 น. เนชั่นทันข่าว
น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล จากกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน (ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดย เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 07:00 น. ของวันที่ 4 มิ.ย. ได้รับแจ้งจากนักข่าวและชาวบ้านบริเวณร้านอาหารเสวย หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อว่าพบวาฬเกยตื้น จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นนายสัตวแพทย์สนธยา มานะวัฒนา กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก และทีมงาน พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้ช่วยกันนำวาฬออกไปในที่ลึก
จากนั้นยังกลับมาเกยตื้นอีก จึงได้ตัดสินใจนำวาฬกลับไปที่อนุบาลของสถาบันวิจัยฯ โดยได้ฉีดยาซึมและฉีดยากันช็อคให้ในขณะขนย้าย เนื่องจากว่าพบบาดแผลภายนอกจำนวนมาก และวาฬมีอาการดิ้นมาก ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และเพื่อเป็นการยืนยันการตาย จึงได้นำวาฬลงในบ่ออนุบาล แต่ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และหัวใจหยุดเต้นแล้ว
จากนั้น นายสัตวแพทย์สนธยา จึงได้ทำการชันสูตรซากพบว่าเป็นวาฬหัวทุยแคระ (Dwarf Sperm whale; Kogia simus) มีความยาวลำตัว 2.05 เมตร น้ำหนัก 98 กิโลกรัม เพศเมีย ยังไม่โตเต็มวัย ไม่มีอาการป่วย พบรอยช้ำเลือดในผนังกระเพาะทั่วไป และแผลอักเสบทั่วไป ในกระเพาะพบขยะเป็นจำนวนมาก เช่น ถุงดำ ถุงหิ้ว ซองแยมโรล ฝาพลาสติกของกล่องน้ำผลไม้ เชือก และ Jaw หมึก มีน้ำหนักประมาณ 1.6 กิโลกรัม ซึ่งทำให้วาฬไม่สามารถย่อยและขับถ่ายออกมาได้ สาเหตุการตายจึงคาดว่าน่าจะเกิดจากขยะดังกล่าว
17:29 น. เนชั่นทันข่าว
น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล จากกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน (ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดย เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 07:00 น. ของวันที่ 4 มิ.ย. ได้รับแจ้งจากนักข่าวและชาวบ้านบริเวณร้านอาหารเสวย หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต เมื่อว่าพบวาฬเกยตื้น จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบบริเวณดังกล่าว เบื้องต้นนายสัตวแพทย์สนธยา มานะวัฒนา กลุ่มสัตว์ทะเลหายาก และทีมงาน พร้อมด้วยชาวบ้าน ได้ช่วยกันนำวาฬออกไปในที่ลึก
จากนั้นยังกลับมาเกยตื้นอีก จึงได้ตัดสินใจนำวาฬกลับไปที่อนุบาลของสถาบันวิจัยฯ โดยได้ฉีดยาซึมและฉีดยากันช็อคให้ในขณะขนย้าย เนื่องจากว่าพบบาดแผลภายนอกจำนวนมาก และวาฬมีอาการดิ้นมาก ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา และเพื่อเป็นการยืนยันการตาย จึงได้นำวาฬลงในบ่ออนุบาล แต่ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ และหัวใจหยุดเต้นแล้ว
จากนั้น นายสัตวแพทย์สนธยา จึงได้ทำการชันสูตรซากพบว่าเป็นวาฬหัวทุยแคระ (Dwarf Sperm whale; Kogia simus) มีความยาวลำตัว 2.05 เมตร น้ำหนัก 98 กิโลกรัม เพศเมีย ยังไม่โตเต็มวัย ไม่มีอาการป่วย พบรอยช้ำเลือดในผนังกระเพาะทั่วไป และแผลอักเสบทั่วไป ในกระเพาะพบขยะเป็นจำนวนมาก เช่น ถุงดำ ถุงหิ้ว ซองแยมโรล ฝาพลาสติกของกล่องน้ำผลไม้ เชือก และ Jaw หมึก มีน้ำหนักประมาณ 1.6 กิโลกรัม ซึ่งทำให้วาฬไม่สามารถย่อยและขับถ่ายออกมาได้ สาเหตุการตายจึงคาดว่าน่าจะเกิดจากขยะดังกล่าว
Rabbit VS. Turtle