จับตาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

จับตาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

จับตาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน
ร้อนตามนโยบายพรรคการเมือง


จับตาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน-หุ้นเพื่อสิ่งแวดล้อม มาตามนโยบายพรรคคการเมือง หลังพรรคใหญ่-เล็กประกาศชูนโยบายเน้นพัฒนาระบบสาธารณูปโภคของประเทศ โดยเฉพาะการวางระบบขนส่งมวลชนทั่วประเทศ เพื่อดูแลชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดีเท่าเทียมกัน พร้อมหนุนการใช้พลังงานทดแทน ช่วยเหลือประชาชนลดผลกระทบจากราคาน้ำมัน และดูแลสิ่งแวดล้อมให้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างแข็งแกร่ง งานนี้ตลาดทุนแจ๊คพอตถูกจับเข้ามาโยงเน้นพัฒนาให้เป็นแหล่งเงินออมแทนการเก็งกำไร และเพิ่มผลประโยชน์ด้านภาษีให้ เอสเอ็มอีที่เข้าจดทะเบียนใหม่ไม่ต้องเสียภาษี 3 ปี วงการฟันธงรอบนี้ไม่ว่าพรรคไหนจะมาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน-หุ้นเกี่ยวเนื่องสิ่งแวดล้อมมาแน่ เหตุเกือบทุกพรรคชูเป็นจุดขายเรียกคะแนนจาก ปชช.
         การประกาศ นโยบายของพรรคการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ในบางประเด็นสะท้อนให้เห็นถึงผลดีที่จะเกิดขึ้นต่อบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์อย่างชัดเจน ทั้งพรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง และพรรคขนาดเล็ก ไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองใหม่ที่รวมเอานักการเมืองเก่าเอาไว้อย่างครบครัน ทำให้หลายฝ่ายหันมาจับตามองหุ้นที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายของพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคที่คาดว่าจะมีโอกาสเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล โดยมองผ่านนโยบายของพรรคที่ประกาศออกมาเพื่อหาเสียงกับประชาชนหลังจากที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ได้ประกาศหมายเลขพรรคการเมืองในการใช้หาเสียงแล้ววานนี้

- กกต. ได้ประกาศหมายเลขพรรคการเมืองในการใช้หาเสียง
         กกต.เปิดรับสมัครส.ส.ระบบสัดส่วนแล้ววันนี้ มีพรรคใหญ่ พรรคเล็กเข้าร่วมในการเลือกตั้ง 23 ธ.ค.นี้รวม 18 พรรค พร้อมจับหมายเลขของแต่ละพรรคที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งแล้วอย่างเป็นทางการ โดย พรรคพลังประชาชนได้หมายเลข 12 พรรคประชาธิปัตย์ได้หมาย 4 ส่วน พรรคเพื่อแผ่นดินได้หมายเลข 1 และพรรคประชาราชได้หมายเลข 9 ขณะที่ชาติไทย ได้ลัคกี้นัมเบอร์ หมายเลข 13 ด้านพลังประชาชนเดินหน้าหาเสียงในพื้นที่ต่างๆอย่างเต็มที่ เพราะมั่นใจจะกวาดส.ส.แบบสัดส่วนได้ถึง 40 ที่นั่ง ในขณะที่เพื่อแผ่นดินมั่นใจคนทั่วประเทศจะเลือกเพื่อแผ่นดิน เพราะมีนโยบายเพื่อประชาชน ในขณะที่ประชาราชพร้อมเป็นมิตรกับทุกพรรคการเมือง แม้จะไม่ส่งผู้สมัครครบทุกพื้นที่
          วานนี้ที่อาคารกีฬาเวชน์ 2 สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง มีการจับเบอร์ของพรรคการเมืองที่ใช้ในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป ในวันที่ 23 ธ.ค. 2550 โดยพรรคพลังประชาชนจับฉลากได้เบอร์ 12, พรรคชาติไทย เบอร์ 13, พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 4, พรรคมัชฌิมาธิปไตย เบอร์ 15, พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เบอร์ 2, พรรคประชาราช เบอร์ 9 และพรรคเพื่อแผ่นดิน เบอร์ 1
            ส่วนพรรคอื่นๆที่เหลือ ได้แก่ พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทยได้หมายเลข 3, พรรคพลังเกษตรกรไทยได้หมายเลข 5, พรรครักษ์เมืองไทยได้หมายเลข 6, พรรคแรงงานได้หมายเลข 7, พรรคเกษตรกรไทยได้หมายเลข 8, พรรคนิติศาสตร์ไทยได้หมายเลข 10, พรรคพัฒนาประชาธิปไตยได้หมายเลข 11, พรรคดำรงไทยได้หมายเลข 14, พรรคชาติสามัคคีได้หมายเลข 16, พรรคความหวังใหม่ได้หมายเลข 17 และพรรคประชากรไทยได้หมายเลข 18
โดยกกต.สรุปรวมมีผู้สมัครรับเลือกตั้งในปี 2550 รวม 18 พรรค และวานนี้มีพรรคการเมืองที่ส่งรายชื่อผู้สมัคร ผู้แทนราษฎร์ แบบสัดส่วนครบทุกพื้นที่ใน 8 กลุ่มจังหวัดมีเพียง 6 พรรค คือ พรรคมัชฌิมาธิปไตย, พรรคชาติไทย, พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา, พรรคเพื่อแผ่นดิน, พรรคพลังประชาชนและพรรคประชาธิปัตย์ ในขณะที่พรรคประชาราชของนายเสนาะ เทียนทองยังไม่สามารถส่งผู้สมัครแบบสัดส่วนได้ครบทุกพื้นที่

- "สมัคร" เชื่อพรรคพลังประชาชนกวาด ส.ส.ได้เกิน 40 คน
            นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชน เปิดเผยภายหลังการจับสลากเลือกเบอร์ที่จะใช้ในการหาเสียงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นการทั่วไป ในวันที่ 23 ธันวาคม 2550 นี้ โดยระบุว่า ได้เบอร์อะไรก็ไม่สำคัญ ไม่เป็นปัญหาในการหาเสียงเลือกตั้ง เชื่อประชาชนตั้งใจจะเลือกพรรคพลังประชาชนได้เบอร์ใด ประชาชนก็จำได้ พร้อมมั่นใจเบอร์ 12 ของพรรคพลังประชาชนกวาดที่นั่ง ส.ส. ได้เกินครึ่งหนึ่งเกิน 40 คนอย่างแน่นอน และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้
           พร้อมกันนี้ มั่นใจว่าประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชนชนคือผู้ที่ไม่ชอบการปฏิวัติรัฐประหารเช่นเดียวกับพรรคฯ
           'เบอร์ 12 แล้วเป็นยังไง ไม่เห็นมีใครเดือดร้อน ใครๆ ก็รู้ถ้าเขาจะเลือกเรา เบอร์อะไรก็จำได้ ได้เบอร์นี้ ก็ไม่มีนัยอะไร ไม่ยากถ้าฐานเสียงเราก็บอกไปเลย รู้จักไหมเบอร์ 1 โหล ไม่กลัวหรอก เราได้เกินครึ่ง เกิน 40 คนแน่ เพราะคนที่เลือกพรรคเราเป็นพวกไม่ชอบปฏิวัติ เราก็ไม่ชอบปฏิวัติ และก็มั่นใจว่าประชาชนไม่ชอบพรรคการเมืองที่กอดแข้งกอดขา พวกปฏิวัติ วันนี้เรามีรัฐธรรมนูญแล้ว ประชาชนก็ควรวินิจฉัยได้' นายสมัคร กล่าว
           ในขณะที่นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เลขาธิการพรรคพลังประชาชน เปิดเผยว่า หลังจากได้หมายเลขที่ใช้ในการเลือกตั้งแล้วพรรคฯจะเริ่มปราศัยย่อยชุมชน หมู่บ้าน ปราศัยกลางในระดับจังหวัดที่แกนนำของพรรคจะเดินทางลงไป ส่วนปราศัยใหญ่จะเริ่มตั้งแต่วันศุกร์ที่ 16 พ.ย.นี้ โดยจะขอใช้พื้นที่สนามหลวงและวางแผนล่วงหน้าไปปราศัยอีกครั้งในวันที่ 21 ธันวาคม 2550 ซึ่งขณะนี้รอการอนุญาตให้ใช้พื้นที่จาก กทม.อยู่ในส่วนของภูมิภาคอาจมีการปราศัยใหญ่เฉพาะพื้นที่ 4-5 ครั้ง โดยจะเน้นพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

- พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้ หมายเลข 2 ชูนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน
           พลเอกเชษฐา ฐานะจาโร หัวหน้าพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เปิดเผยภายหลังจับสลากหมายเลขหาเสียงการเลือกตั้ง ส.ส. เป็นการทั่วไปแบบสัดส่วน ได้หมายเลข 2 ว่า เป็นหมายเลขที่ง่ายต่อการหาเสียง ถึงจะไม่ใช่เลข 3 ตามที่คาดหวังไว้ แต่ก็ยังรู้สึกดีใจ ซึ่งพรรคจะเริ่มหาเสียงที่เน้นนโยบายไม่แบ่งฝ่าย ตั้งใจจริงทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งพื้นที่กลุ่ม 5 ที่ตนเองลงสมัคร ส.ส. ก็เชื่อว่าจะได้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 3 ที่นั่ง
          ด้านนายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าวว่า ปัญหาปากท้องของประชาชนถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งพรรคก็มีทีมเศรษฐกิจที่เคยแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเมื่อปี 2540 จึงเชื่อว่าประชาชนจะมีความมั่นใจ ดังนั้นจึงอยู่ที่ประชาชนว่าจะมีความมั่นใจ และเลือกสมาชิกพรรคของตนมากเพียงใด

- ประกาศ นโยบาย ศก.เน้นขาดดุลงบประมาณต่อกัน 3 ปี หวังดึงเงิน 6 แสนลบ.กระตุ้นศก.
            ด้านนายเกษมสันต์ วีรกุล ตัวแทนพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา กล่าววิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจ ว่า พรรครวมใจไทยฯมีนโยบายหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจ ด้วยการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุลงบประมาณจำนวน 2-2.5% ต่อจีดีพีเป็นระยะเวลา 3 ปีต่อกัน เพื่อจะใช้เงินจำนวน 600,000 ล้านบาท ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และจะผลักดันให้จีดีพีของประเทศเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% และดูแลไม่ให้อัตราเงินเฟ้อของประเทศสูงเกิน 3% รวมทั้งดูแลไม่ให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีเกิน 40%
            สำหรับภาคเกษตรกรนั้น พรรคมีนโยบายที่จะพักชำระหนี้ให้กับเกษตรกรเป็นระยะเวลา 3 ปี รวมทั้งมีการลดดอกเบี้ยให้ด้วย นอกจากนี้หากเกษตรกรรายใดใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 100 บาทต่อเดือน จะไม่เก็บค่าใช้จ่ายทั้งหมด ส่วนนโยบายในการดูแลมนุยษ์เงินเดือนนั้น หากรรายใดมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 240,000 บาท ไม่ต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในขณะที่ภาษีการเลี้ยงดูบุพการีนั้น จะเพิ่มสัดส่วนการหักค่าลดหย่อนให้จาก 30,000 บาท เป็น 50,000 บาท ต่อปี เพิ่มค่าเลี้ยงดูบุตรเป็น 5,000 บาท ต่อคน โดยไม่จำกัดจำนวนบุตรเหมือนที่ผ่านมา และเพิ่มวงเงินค่าใช้จ่ายเหมา จาก 60,000 บาท เป็น 100,000 บาทต่อปี
          นอกจากนี้ยังจะดูแลในส่วนของผู้ประกอบการ โดยเอสเอ็มอีที่เข้าจดทะเบียนใหม่จะได้รับการยกเว้นภาษีเป็นระยะเวลา 3 ปี ในขณะที่เอสเอ็มอีเดิม หากมีกำไรต่อปีไม่เกิน 3 ล้านบาท จะยกเว้นภาษีนิติบุคคลให้ รวมทั้งจะมีการดูแลระบบภาษีเพื่อสนับสนุนกองทุนเพื่อการวิจัยและการพัฒนา(R&D)
          จะเห็นได้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวเนื่องกับตลาดทุนของพรรครวมใจไทยชาติพัฒนาจะมุ่ง ผลักดันธุรกิจเอสเอ็มอีที่มีคุณภาพเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะทำให้ความต้องการเข้าสู่ตลาดทุนของบริษัทที่มีศักยภาพมีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อบริษัทหลักทรัพย์ที่มีธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการเข้าจดทะเบียนในตลาดฯของบริษัทต่างๆ

- มัชฌิมาธิปไตย ได้หมายเลข 15
            นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ว่าที่หัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตย เปิดเผยภายหลังจับสลากเลือกหมายเลขใช้ในการรับสมัครเลือกตั้ง ซึ่งพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้หมายเลขที่ 15 โดยระบุว่า ไม่กังวลว่าหมายเลขมากจะทำให้ยากลำบากต่อการหาเสียงประชาชนเพราะไม่ว่าเลขอะไรก็จะต้องทำให้เป็นเลขยอดนิยมของประชาชนให้ได้
           หลังจากนี้พรรคมัชฌิมาธิปไตยจะหาเสียงประชาชนอย่างจริงจัง และที่ผ่านมาก็ลงพื้นที่พบปะประชาชนตามปกติอยู่แล้ว
           ส่วนเรื่องของเอกสารที่ยังขาดความเรียบร้อยจนทำให้ไม่สามารถเป็นหัวหน้าพรรคมัชฌิมาธิปไตยได้อย่างเต็มตัวนั้น นายประชัย ระบุว่าจะหารือในที่ประชุมพรรคฯวันอาทิตย์ที่ 11 พ.ย.นี้ อีกครั้งหนึ่งและคงได้ความชัดเจน

- 'ประชัย' ชูนโยบายดูแลปชช.ตั้งแต่เกิดจนตาย
           โดยก่อนหน้านี้ นายประชัย เลี่ยวไพรัตน์ ตัวแทนจากพรรคมัชฌิมาธิปไตย กล่าวแถลงนโยบายของพรรคว่าทุกอย่างจะเป็นไปในทางสายกลางโดยพรรคมีนโยบายที่จะจัด
ตั้งรัฐสวัสดิการขึ้นมา เพื่อดูแลประชาชนตั้งแต่อยู่ในท้องจนกระทั่งถึงวันตายไม่ว่าจะเป็นนโยบายรักษาฟรีทุกโรค มีค่าเลี้ยงดูสำหรับคนแก่ 1,500 บาทต่อเดือน คนไทยจะได้เรียนฟรีตั้งแต่อนุบาลจนถึงปริญญาตรี โดยอนุบาลถึงมัธยมรัฐจะสนับสนุนเงิน 15,000 บาทต่อคนต่อปี สว่นระดับมหาวิทยาลัย 30,000 บาทต่อคนต่อปี เพื่อใช้เป็นค่าบำรุงการศึกษาและซื้อุปกรณ์การเรียน
           ในส่วนของที่อยู่อาศัยจะสร้างอพาร์ทเมนท์คุณภาพดีราคาย่อมเยาให้ผ่อนซื้อระยะยาวดอกเบี้ยถูก มีการปรับขึ้นเงินเดือนให้ข้าราชการเพื่อปราบปรามการทุจริตคอรัปชั่น
ขณะเดียวกันในส่วนของสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรัฐบาลจะเป็นผู้ลงทุนเอง เพราะหากเปิดให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนย่อมหวังแต่กำไรซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือนร้อนได้ ซึ่งทั้งหมดนี้คาดว่าจะใช้เงินทั้งสิ้นประมาณกว่า 4 แสนล้านบาท
          ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคมัชฌิมาธิปไตยจะส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง เพราะมุ่งเน้นการสร้างสาธารณูปโภคให้กับประชาชน

- พรรคเพื่อแผ่นดิน ได้หมายเลข 1
          นายสุวิทย์ คุณกิตติ หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยภายหลังจับสลากเลือกหมายเลขใช้ในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยพรรคเพื่อแผ่นดินได้หมายเลข 1 โดยระบุว่าหมายเลข 1 ถือเป็นเลขที่ดี เพราะพรรคคิดดีทำดีมาตั้งแต่ต้น การได้หมายเลขที่ดีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
           ส่วนการได้หมายเลข 1 นั้นจะทำให้การได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีใกล้ขึ้นมาหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นสำคัญเพราะพรรคเพื่อแผ่นดินมีนโยบายที่เน้นการทำงานเพื่อประชาชนและจะทำงานอย่างเต็มที่
          'มั่นใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ไม่เฉพาะพื้นที่ใด พื้นที่หนึ่งสนับสนุนการทำงานของเพื่อแผ่นดินและเลือกพรรคเพื่อแผ่นดินเข้ามาทำงานอย่างแน่นอน' นายสุวิทย์ กล่าว

- ขายฝัน ดันนโยบายปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบหนุนตลาดทุนเป็นแหล่งเงินออมของปชช. แทนการเก็งกำไร
           ด้านนายจิรายุ วสุรัตน์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อแผ่นดิน เปิดเผยว่า ปรัชญาในการแก้ไขระบบเศรษฐกิจของพรรคในการพัฒนาประเทศมี 3 ประเด็น คือ 1.จะไม่นำนโยบายอนาคตมาขายล่วงหน้า แต่จะนำความก้าวหน้ามาสู่อนาคต 2.มุ่งรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจเพื่อให้พัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน และ3.รักษาวินัยการเงิน-การคลัง
           โดยในส่วนนโยบายเศรษฐกิจมหภาค มองว่าการใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ มีความจำเป็นมากแต่จะต้องคำนึงถึงวินัยเป็นเรื่องสำคัญ โดยพรรคจะให้ความสำคัญ
ในเรื่องการปรับโครงสร้างภาษีให้เหมาะสม เพื่อจูงใจในการดำเนินการและสนับสนุน การประกอบธุรกิจ เนื่องจากปัจจุบันนี้ระบบภาษีของประเทศมีความซับซ้อน และฐานภาษีบางประเภทก็สูงเกินความเหมาะสม จนเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ
          นอกจากนี้ ทางพรรคยังมีนโยบายในการพัฒนาตลาดทุนให้เป็นตลาดที่เป็นทางเลือกในการออมของประชาชนไม่ใช่ตอบสนองเพียงแค่เก็งกำไร ซึ่งเชื่อว่าหากตลาดทุน สามารถพัฒนาเป็นแหล่งเงินออมได้ ก็จะทำให้ตลาดเติบโตได้ โดยพรรคมองว่าตลาดทุนมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นทุนในประเทศและต่างประเทศเพราะฉะนั้นจะไม่ให้เกิดมาตรการใด ๆ ในการสกัดกั้นการไหลเข้าของเงินทุนมาลงทุนในตลาดทุนอย่างแน่นอน
          นายจิรายุ กล่าวว่า พรรคยังให้ความสำคัญในการพัฒนาความสามารถทางการแข่งขันโดยจะเน้นในการพัฒนาบุคลลากรให้ตรงกับความต้องการของตลาด สนับสนุนเอสเอ็มอี
โดยการตั้งกองทุนร่วมทุนในรูปแบบเป็นกองทุนพิเศษเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรวมไปถึงให้เอกชนมีโอกาสหาแหล่ง หรือตลาดส่งออกใหม่ๆ เพื่อหนุนการส่งออกของประเทศตลอดจนจะมีการตั้งกองทุนหมู่บ้าน 1 ล้านบาท 3 ล้านบาท และ 5 ล้านบาท เพื่อป้องกันการกู้เงินนอกระบบ
          จะเห็นว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของพรรคเพื่อแผ่นดินเน้นปรับบทบาทตลาดทุนให้เป็นแหล่งเงินออม หนุนเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้าตลาดทุนไทย สะท้อนให้เห็นว่าถ้านโยบายดังกล่าวเป็นจริงจะทำให้กลุ่มหลักทรัพย์และหุ้นพื้นฐานดีได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนการลงทุนในหุ้นพื้นฐานเพื่อเป็นแหล่งเงินออม ของพรรคการเมืองนี้

- ชาติไทยได้ลัคกี้ นัมเบอร์
             ส่วนนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย เปิดเผยภายหลังจับสลากเลือกหมายเลขใช้ในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยพรรคชาติไทยได้หมายเลข 13 โดยระบุว่า ความคาดหวังจากผลการเลือกตั้งคงยังบอกไม่ได้ หลังจากนี้ต้องเตรียมเรื่องของการสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตก่อน ซึ่งได้วางตัวผู้สมัครไว้พร้อมแล้ว โดยพรรคไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งครบทุกเขต แต่จะส่งเป็นบางส่วน บางพื้นที่เท่านั้น ส่วนแผนในการหาเสียงของพรรคได้มีการจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าและพร้อมที่จะดำเนินการแล้ว

- ชูนโยบายพัฒนาชนบทควบคู่สังคมเมือง เน้นเพิ่มรายได้ สร้างการลงทุน
             นายกร ทัพพะรังสี ตัวแทนพรรคชาติไทย กล่าววิสัยทัศน์ทางด้านเศรษฐกิจ ว่าพรรคชาติไทยจะเน้นที่การดูแลประชาชนทั้งประเทศอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งจะไม่ให้ความสำคัญเฉพาะคนในสังคมเมืองแต่จะดูแลถึงประชาชนชนบทด้วย และจะไม่มั่งเน้นที่ตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่จะให้การช่วยเหลือประชาชนให้มีชีวิตความเป็นอยู่ ที่หมายถึง รายได้ที่เพิ่มสูงขึ้น
           อย่างไรก็ตามในภาครวมของเศรษฐกิจนั้น จะให้ความสำคัญกับการลงทุนที่ลงไปสู่ชนบทได้ด้วย ซึ่งจะเน้นการให้องค์กรนิติบุคคลเป็นศูนย์กลางซึ่งจะใช้สหกรณ์เป็นองค์กรกลางในการพัฒนาการลงทุนในชนบทซึ่งจะมีการบรรจุเรื่องเหล่านี้เป็นนโยบายของประเทศ สำหรับสังคมเมืองจะให้มีการสร้างกลไกในการระดมทุนให้มากขึ้น โดยจะสนับสนุนให้บลจ. และบจ.ไทย มีความแข็งแรงมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เพื่อข้อเสนอทางด้านการลงทุนที่ดีขึ้น
            'หัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้า ต้องคิดถึงทุกส่วนไม่ใช่แต่สังคมเมืองเพียงอย่างเดียวแต่จะต้องมุ่งเน้นไปที่ภาคชนบทให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้วย'นายกรกล่าว
            นโยบายของพรรคชาติไทยส่วนหนึ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับตลาดทุนและบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อผลประโยชน์ของนักลงทุน ซึ่งแม้นโยบายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจและตลาดทุนยังไม่ชัดเจนนักแต่ก็ชี้ให้เห็นว่าเป็นส่วนหนึ่งที่พรรคจะให้ความสำคัญหากได้เข้ามาร่วมจัดตั้งรัฐบาลและหากมีบทบาทในการบริหารประเทศ

-พรรคประชาราช ได้หมายเลข 9 ประกาศ
           นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เปิดเผยภายหลังจับสลากเลือกหมายเลขใช้ในการรับสมัครเลือกตั้ง โดยพรรคประชาราชได้หมายเลข 9 โดยระบุว่า พรรคฯได้ส่งผู้สมัครแบบสัดส่วนครบทั้ง 8 เขต ส่วนแบบเขตได้วางตัวไว้บ้างแล้ว การจับสลากได้หมายเลข 9 ของพรรคฯถือเป็นเลขมงคล ตรงกับปีมงคลในรัชกาลปัจจุบัน เชื่อว่าทำให้การหาเสียงของพรรคง่ายขึ้น ซึ่งนโยบายจะเน้นนโยบายตามรอยพ่อหลวง เรื่องการฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อคืนจุดแข็งให้ประเทศและเน้นการพัฒนาอาชีพหลักของคนไทย คุณภาพชีวิตของเกษตรกร ทำให้ประเทศไทยสมเป็นประเทศเกษตรกรรมอย่างแท้จริง โดยเกษตรกรไม่ยากจน
          ในส่วนของการรวมกลุ่มหรือจับขั้วทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นๆนั้น นายเสนาะระบุว่า ไม่รังเกียจพรรคการเมืองใดและพร้อมเสมอหากพรรคการเมืองจะชักชวนไปร่วมรับประทานอาหาร และหารือทิศทางการเมือง วันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอธิปไตยของประเทศไทย พรรคการเมืองที่มาร่วมสมัครรับเลือกตั้งในวันนี้ทั้ง 18 พรรคถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ถือเป็นผู้เริ่มต้นในการปูผ้าขาวประชาธิปไตยจึงไม่ให้ความรังเกียจพรรคใดแม้แต่พลังประชาชน
          พร้อมกล่าวว่า จะมุ่งเน้นนโยบายพรรคตามรอยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะฟื้นฟูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่สูญเสียไปและจะนำมาซึ่งจุดแข็งให้ได้ และหากปล่อยไปอย่างนี้จะทำให้เกิดความเดือดร้อนต่อประเทศได้
          การประกาศนโยบายของพรรคประชาราช ส่วนหนึ่งจะชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการด้านธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมของประเทศจะได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้

- พรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 4 ลั่น พร้อมทุ่มงบ 7.5 แสนลบ.สร้างโครงสร้างพื้นฐาน
            ในการจับสลากหมายเลขพรรคเพื่อใช้ในการหาเสียงในการเลือกตั้งครั้งที่จะถึงนี้ พรรคประชาธิปัตย์ ได้เบอร์ 4 โดยนายกนก วงศ์ตระหง่าน ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันนี้พรรคพบว่าปัญหาของประเทศที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจมีอยู่ 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ภาคชนบทมีรายได้ต่ำเกินไป มีหนี้เป็นจำนวนมาก 2.ประชาชนประสบปัญหาค่าครองชีพสูง รายจ่ายมากกว่ารายได้ และ3.เศรษฐกิจของประเทศชะงักงัน เพราะขาดความมั่นใจเพราะฉะนั้นพรรคจะทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น และเศรษฐกิจจะต้องเดินไปข้างหน้า โดยปชป.มีนโยบายเศรษฐกิจทีสำคัญ 3 ประเด็นที่จะเร่งดำเนินการ คือ
          1.ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท ให้เกษตรกรมีรายได้มากขึ้น มีความมั่งคงในชีวิต โดยจะหาแหล่งน้ำ ขยายพื้นที่ชลประทาน 1 เท่าตัว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากน้ำถือเป็นส่วนสำคัญในการประกอบอาชีพ นอกเหนือจากนี้จะมีการประกันภัยพืชผลให้กับเกษตรกร แก้ปัญหาหนี้สินเดิมให้หมดไป และจะไม่ให้มีหนี้ใหม่เกิดขึ้น ตลอดจนจะมีการประกันภัยพืชผลเพื่อผลิตเอทานอลด้วย
          2.จะเร่งลดค่าใช้จ่ายและค่าครองชีพของประชาชน เพื่อปลดเปลื้องภาระของประชาชนให้ลดลง และ3.จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศเพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปข้างหน้า ซึ่งพรรคจะใช้เงินลงทุน 7.5 แสนล้านบาทในการลงทุนระบบน้ำของประเทศทั้งระบบ ลงทุนรถไฟรางคู่และระบบขนส่งมวลชนทั้งระบบ นอกเหนือจากนี้จะมีการสร้างท่าเรือน้ำลึกฝั่งทะเลอันดามัน เพื่อเชื่อมโยงการค้าในภูมิภาคและในต่างประเทศ
         จะเห็นได้ว่านโยบายด้านเศรษฐกิจของประชาธิปัตย์ค่อนข้างชัดเจน ในเรื่องการสนับสนุนการก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคทั่วประเทศ โดยเฉพาะระบบขนส่งขนาดใหญ่ รวมทั้งการสนับสนุนปลูกพืชที่ใช้ในการผลิตเอทานอล ซึ่งหมายถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพลังงานทดแทนจะได้รับประโยชน์ ดังนั้น หุ้นที่จะได้รับผลดีหากประชาธิปัตย์ได้เข้ามาบริหารประเทศที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้ คือ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งหุ้นในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างเอทานอล และพลังงานทดแทนอื่นๆ

- วงการฟันธง เลือกตั้งจบได้รัฐบาลใหม่ หุ้นรับเหมา-หุ้นพื้นฐานดีมาแน่ ไม่นับรวมหุ้นอื่นที่จะฟื้นตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ
           นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ถ้ามองผ่านนโยบายของพรรคการเมืองในช่วงนี้ ทำให้เห็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์หลังการฟอร์มทีมรัฐบาลใหม่อย่างชัดเจนหลายกลุ่ม ที่เห็นได้ชัดก็คือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง โดยเฉพาะ 3 ตัวหลัก คือ CK-STEC-ITD รวมทั้งหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับการก่อสร้างทั้งระบบ อาทิ หุ้นฐานรากอย่าง PYLON-SEAFCO เนื่องจากจะเห็นว่าทุกพรรคการเมืองจะมุ่งสร้างระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะระบบขนส่งมวลชนให้เข้มแข็งและกระจายจากกลางใจเมืองสู่ส่วนภูมิภาค และเชื่อมโยงกับต่างประเทศ ในขณะเดียวกันเชื่อว่าการประกาศนโยบายทุ่มงบประมาณเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับประโยชน์ทั้งระบบ ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการในเกือบทุกกลุ่มธุรกิจ
           รวมทั้งนโยบายการสนับสนุนพลังงานทดแทนก็จะเป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการด้านธุรกิจพลังงานทดแทนโดยตรง โดยเฉพาะในกลุ่มเอทานอล ดังนั้น หุ้นในกลุ่มเหล่านี้จึงน่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งหลังการประกาศนโยบายของแต่ละพรรคการเมืองแล้ว

- บล.บัวหลวง แนะลุยหุ้นรับเหมาฯ-บันเทิง-นิคมฯ รับเลือกตั้ง
           นายเผดิมภพ สงเคราะห์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ BLS กล่าวในงานสัมมนาแห่งหนึ่งว่าคาดการณ์หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการเลือกตั้ง น่าจะเป็นหุ้นที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน และดันราคาให้ปรับเพิ่มขึ้นได้ซึ่งมองว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง บันเทิง และนิคมอุตสาหกรรม เป็นหุ้นดาวเด่น โดย ITD, CK และ STEC ถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจ เนื่องจากคาดว่านักลงทุนจะเข้ามาเก็งกำไรก่อนการเลือกตั้งรับข่าวการเปิดประมูลงานโครงการใหม่ๆ หลังการเลือกตั้ง ขณะที่หุ้นในกลุ่มบันเทิงอย่าง MCOT ก็น่าจะได้ประโยชน์จากเม็ดเงินโฆษณา ที่มีมากขึ้นเช่นเดียวกันกับหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรมที่น่าจะมีการเก็งกำไรเข้ามาจากความมั่นใจผู้บริโภคที่เข้ามาลงทุนมาก
ขึ้น โดยหุ้นเด่นได้แก่ ROJANA และ TICON
           อย่างไรก็ตาม หุ้นที่น่าสนใจหลังการเลือกตั้งมองว่าเป็นหุ้นในกลุ่มสื่อสาร โดยเฉพาะ ADVANC, DTAC และ SAMART นอกจากนี้ หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ก็น่าสนใจ เนื่องจากราคาสินค้าดังกล่าวในตลาดโลกยังอยู่ในระดับที่สูง โดยหุ้นเด่นแนะนำ PTT, BANPU, PTTCH, TOP และ TSTH
pak
Verified User
โพสต์: 5659
ผู้ติดตาม: 0

Re: จับตาหุ้นรับเหมา-พลังงานทดแทน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ภาษีรถยนต์ใหม่จ่อครม.เลิกภาษีอี20-เก็บตามไอเสียคลังชงเริ่มบังคับใช้ปี2558 [ ทันหุ้น, 02 กันยายน 2555 ]


คลังเล็งชงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่เข้า ครม. เลิกให้ส่วนลดภาษีแก๊สโซฮอล์ หันไปคิดตามการปล่อยไอเสียแทน

แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 4 กันยายนนี้ ทางกระทรวงการคลังจะเสนอปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ให้ ครม.พิจารณา เป็นการจัดกลุ่มให้เหมาะสม แยกตามการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยจะไม่แยกเป็นการใช้น้ำมัน อาทิ อี10 และอี20 เพราะไม่
ต้องการให้เอาเทคนิคมาเป็นตัวกำหนด แต่จะดูจากการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า เพราะที่ผ่านมาได้ลดภาษีรถยนต์ให้กับรถยนต์สามารถเติมอี20 ได้ แต่ผู้ที่ใช้ก็ไปเติมอี10 ทางกระทรวงการคลังถือว่าไม่ยุติธรรม เนื่องจากไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ส่งเสริมให้ใช้พลังงานทดแทน แต่จะไปได้ประโยชน์ในเรื่องของราคารถยนต์ต่ำกว่ารุ่นปกติที่ไม่สามารถเติมแก๊สโซฮอล์ อี10 อี20 ได้ แต่การกำหนดตามการปล่อยไอเสียจะช่วยลดมลพิษ เพราะนับวันปริมาณรถยนต์จะเพิ่มมากขึ้น

แหล่งข่าวกล่าวว่า ทางกรมสรรพสามิตเสนอโครงสร้างภาษีใหม่มาให้กระทรวงการคลังเพื่อนำเข้า ครม.ตั้งแต่เมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมาแล้ว แต่นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งชะลอไว้เนื่องจากมองว่าภาคอุตสาหกรรมยานยนต์เพิ่งจะฟื้นจากปัญหาน้ำท่วม ได้ลงทุนวางเครื่องจักรสายการผลิตใหม่ และรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนรถยนต์คันแรกเพื่อกระตุ้นภาคยานยนต์ หากรัฐบาลไปออกมาตรการใดเพิ่มเติมจนต้องปรับระบบไลน์การผลิตใหม่ พิจารณาดูแล้วคงเกิดปัญหาให้แก่ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ดังนั้น คงยังไม่เสนอให้ที่ประชุม ครม.พิจารณาในช่วงนี้ เพราะจะเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ภาคเอกชน แต่ล่าสุดได้มีการหารือเหตุผลร่วมกันแล้ว

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า กรมสรรพสามิตได้ศึกษาแนวทางการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตรถยนต์ตามปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เบื้องต้นกำหนดหากปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 150 กรัม/กม. จะเสียภาษีเท่าเดิม แต่หากปล่อยเกินกว่านี้จะเสียภาษีเพิ่มอีก 5% โดยทางกรมสรรพสามิตจะเสนอให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2558 เป็นต้นไป เพื่อให้ค่ายรถยนต์ได้มีเวลาเตรียมตัวประมาณ 3 ปี

นายทนุศักดิ์ กล่าวว่า ตนเห็นชอบในหลักการ แต่ภาคอุตสาหกรรมรถยนต์ยังมีเวลาเตรียมตัว ส่วนจะนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับที่ประชุม ครม. ดังนั้นจึงไม่เป็นที่น่าวิตกกังวลของนักลงทุนแต่อย่างใด


ที่มา-มติชน ฉบับวันที่ 3 ก.ย. 2555 (กรอบบ่าย)
"แม้การลงทุนจะมีความเสี่ยง แต่มันก็มีความฝันปะปนด้วยอยู่เสมอ..."
โพสต์โพสต์