ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 1
ความฝันแสนงามท่ามกลางควันปืน
เมื่อเร็วๆนี้ได้มีโอกาสไปเสวนาในรายการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่จัดขึ้นในกรุงเทพ ซึ่งมีผลงานการแสดงและกำกับจากชาติต่างๆเข้ามาฉาย หนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมฟื้นอดีตอีกครั้งก็คือ ผีเสื้อและดอกไม้ ภาพยนตร์ชื่อโรแมนติกที่เคยกวาดรางวัลระดับชาติและต่างประเทศ จากฝีไม้ลายมือผู้กำกับชื่อดัง ยุทธนา มุกดาสนิท นั่นเอง น่าภูมิใจที่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่ควรดู
ภาพยนตร์ที่ดีย่อมมีพื้นฐานจากบทประพันธ์ที่ดี ผู้เขียนเรื่องนี้คือ นิพพาน ( นามจริง คือ มกุฎ อรฤดี บรรณาธิการหนุ่มใหญ่แห่งผีเสื้อ อีกหนึ่งสำนักพิมพ์คุณภาพที่ให้ความประณีตในศิลปะการทำหนังสือ) เรียงร้อยเรื่องราวการต่อสู้กับบรรดาเด็กๆชาวมุสลิมในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่ตนคุ้นเคย ดูเหมือนจะเป็นวรรณกรรมไทยเรื่องเดียวที่ตีแผ่ความขัดแย้งของชนชาติในสี่จังหวัดภาคใต้ได้อย่างถึงแก่นโดยผ่านเสี้ยวประสบการณ์ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาบอกกล่าว
เรื่องย่อ ฮูยันเป็นเด็กมุสลิมเกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจน มีพ่อเป็นกรรมกรรถไฟซึ่งกำลังจะตกงาน มีน้องๆอีก 2 คนในความดูแล ฮูยันต้องออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ากระดาษสอบทั้งที่เป็นเด็กที่เรียนเก่ง จากนั้นก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วยวิธีต่างๆ เริ่มแรกจากเดินขายไอติมก็ไปไม่รอด จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในขบวนการกองทัพมดลอบขนข้าวสารข้ามประเทศ ในวัยที่เปรียบเสมือนดอกไม้แรกผลิ ฮูยันกลับต้องเผชิญภยันตรายเสี่ยงภัยต่างๆ ท่ามกลางความขัดแย้ง อาชญากรรมและควันปืนคุกรุ่นในชุมชนที่ยากจนซ้ำซาก
ผู้เข้าร่วมวงเสวนาครั้งนี้มี ยุทธนา มุกดาสนิท นิพพานและนันทขว้าง สิรสุนทร จากกรุงเทพธุรกิจ บทเสวนาที่นำมาสรุปประเด็นเป็นการผสมผสานระหว่างการพูดคุยและบทความสัมภาษณ์ที่ลงในกรุงเทพธุรกิจ เซคชั่นจุดประกาย
ก่อนจะมาเป็น ผีเสื้อและดอกไม้ ฉบับฟิลม์
ก่อนหน้าที่คุณยุทธนาจะมาทำ ผีเสื้อและดอกไม้ ภาพยนตร์เรื่อง น้ำพุ ที่ออกฉายก่อนหน้าได้สร้างรายได้ถล่มทลาย จนทำให้นายทุนสบายใจพอที่จะให้ผู้กำกับคนเดิมสร้างหนังเรื่องไหนก็ได้ หลังจากได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของบทประพันธ์ พร้อมได้รับคำชี้แนะถึงสถานที่ที่เล่าเรื่อง ทีมงานจึงระดมสรรพกำลังเต็มที่ทำวิจัย ศึกษาลงพื้นที่จริงเพื่อสังเกตชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอยู่ร่วมเดือน เฝ้าดูการใช้ชีวิตประจำวัน พิธีกรรมต่างๆและขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามชายแดน มีผู้เขียนบทคือ คุณรัศมี เผ่าเหลืองทอง คอยติดตามรายละเอียดแต่ละบริบทให้สอดคล้องกับบทประพันธ์เดิม เป็นภาพยนตร์ที่ Set On Location ทั้งหมด จึงหมดเงินไปเยอะ ประมาณ 25 ล้าน เมื่อภาพยนตร์ฉายเสร็จก็ได้รายได้ประมาณนั้น เสมอตัว
จาก น้ำพุ ถึง ผีเสื้อและดอกไม้ ความเหมือนที่แตกต่าง
ทั้งๆที่เป็นเรื่องของวัยรุ่นเหมือนกัน (น้ำพุอาจจะแก่กว่าหน่อย)แต่ตัวละครที่นำเสนอมีวิธีเอาตัวรอดไม่เหมือนกัน น้ำพุอยู่ในสถานการณ์ที่ภัยร้ายรอบตัวมีน้อยกว่า เติบโตในชนชั้นกลาง อยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยในเมืองหลวง มีบ้านเรือนเป็นหลักแหล่ง มีครอบครัวพี่น้อง มีแม่ที่ทำงานหาเงินให้ใช้ได้พอสมควร ได้เรียนหนังสือและทำอะไรได้ตามใจฝัน แต่น้ำพุกลับจบชีวิตด้วยภัยในจิตใจของตัวเอง คือการติดยาเสพติด ขณะที่ฮูยันอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงและด้อยกว่าทุกอย่าง กลับฮึดมานะดิ้นหลุดให้พ้นจากบ่วงอาชญากรรมหวุดหวิด หันกลับมาดำเนินชีวิตปกติตามสถานภาพ
Romantic Realism ความฝันในความจริง
ตัวละคร โรงเรียน บ้านและฉากต่างๆ ตลอดจนเหตุการณ์ที่ดำเนินไปในบทประพันธ์ ล้วนเกิดขึ้นบนพื้นฐานความจริง ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เรื่องราวทั้งหมดไม่มีอยู่ในเขตแดนแคว้นไทย ปัญหาของชนกลุ่มน้อยมุสลิมโดยเฉพาะเยาวชนที่ถูกละเลย ไม่ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับเยาวชนในภาคอื่นๆ หากวิธีการนำเสนอ แทนที่จะโจมตี ก้าวร้าว ปลุกปั่น เหมือนบทประพันธ์หรือภาพยนตร์ปลุกใจ กลับเป็นโทนเรื่องที่นุ่มนวล ผ่านการกรองและนิ่งมาชั่วระยะ เสียดทานลึกๆซุกอารมณ์ขัน ขณะเดียวกันก็แฝงความฝัน ความหวังไว้ ซึ่งจะเห็นชัดยิ่งขึ้นในมิติของภาพยนตร์ที่ถ่ายออกมาในแนว Soft Tone ฟุ้งๆตลอด
20 ปีผ่านพ้น ความจริงยิ่งร้าวลึก
บทประพันธ์เขียนเมื่อประมาณปี 2518 ลงเป็นตอนๆในนิตยสารสตรีสาร ( นิตยสารที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดและเคร่งครัดในการคัดเลือกเรื่องลงยิ่งนัก) และรวมเล่มเมื่อประมาณปี 2521 สร้างเป็นภาพยนตร์ปี 2528 สาระสำคัญของเรื่องราวที่สะท้อนออกตอนนั้น 20 ปีผ่านมา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย (ยกเว้นกองทัพมดที่ไม่มีแล้ว การขนสินค้าข้ามแดนทำอย่างเปิดเผยมากขึ้นโดยการจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ) ซ้ำร้ายยิ่งหนักสาหัสซ้ำเติมลงอีก ตั้งแต่ เรื่องความยากจน การถูกละเลยด้านสาธารณสุขตลอดจนการศึกษาพื้นฐาน การเอาชีวิตรอดท่ามกลางอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประจำวัน ฮูยันรุ่นใหม่ๆเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงจนเห็นเป็นความเคยชิน แล้วจะหาทางหลุดพ้นจากวังวนลวดหนามเหล่านี้ได้อย่างไร จะมีกำลังใจอะไรบ้างที่จะให้พวกเขายึดถือเพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย (มีการแซวกันว่า รัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมา ควรจะดูหนังเรื่องนี้กันบ้าง เหมือนกับที่ดูเรื่องสุริโยทัย นเรศวร )
ถ้าจะนำมากลับมาทำใหม่จะเสนอประเด็นอะไรบ้าง
คงไม่มีการกลับมาทำอีกแล้ว หากใครจะทำก็สุ่มเสี่ยงกับการถ่ายทำพอสมควร โดยเฉพาะถ้าอยากจะใช้สถานที่จริงๆ เพราะขนาดที่ยังไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ยังเกิดปัญหาความยุ่งยากขณะถ่ายทำ ฉากหนึ่งที่ฮูยันและน้องๆเข้าไปในสุเหร่าเพื่อขอพรศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพ่อซึ่งกำลังนอนป่วยในโรงพยาบาล ฉากถ่ายเกือบเสร็จแล้ว เกิดการมุงล้อมของชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้กองถ่ายเข้ามายุ่มย่ามในสถานที่ต้องห้ามสำหรับคนนอกศาสนา แม้จะอ้อนวอนขอความเห็นใจก็ตาม ในที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย กองถ่ายรีบจัดแจงขนอุปกรณ์ออกไปในที่สุด อันนี้เป็นเรื่องระเบียบของศาสนาซึ่งทุกคนเข้าใจ แต่ปัญหาปัจจุบันคือเรื่องของความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ลามออกไปทุกตารางนิ้วออกนอกสุเหร่า
ผ่านมานับสิบๆปี ตัวละครทั้งหมดป่านนี้เป็นอย่างไร
บทประพันธ์ : ทุกคนน่าจะมีชีวิตอยู่ ดิ้นรนเอาตัวรอดเหมือนชาวบ้านชายแดนธรรมดาๆ อีกทั้งต้องระแวดระวังภัยจากความคลางแคลงใจที่ถูกจุดเชื้อทั้งหลาย
ภาพยนตร์ : นักแสดงนำแต่งงานมีลูก มีครอบครัวไปหมด ยกเว้นผู้ที่เล่นเป็น นาคา (ผู้ร้ายที่กลายเป็นมิตรภายหลัง) ได้ผูกคอฆ่าตัวตายอย่างน่าเสียดาย
อยากจะบอกอะไรสั้นๆหลังจากอ่านหรือชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ
ไม่ว่าจะยากดีมีจนเช่นไร ทุกคนต้องมีความฝัน ความฝันนี่แหละที่จะหล่อเลี้ยงให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ พยุงให้จิตใจใฝ่หาคุณธรรมท่ามกลางความแร้นไร้และหดหู่ทั้งปวง
จบเสวนาวันนั้น ได้หนังสือ ผีเสื้อและดอกไม้ เล่มใหม่พร้อมลายเซ็น คุณนิพพาน และได้เสื้อยืดลายเขียนวิจิตรฝีมืออาจารย์ช่วง มูลพินิจ ซึ่งผลิตสำหรับแฟนผู้ร่วมเสวนาวันผีเสื้อโบยบินและดอกไม้บาน อีกครั้ง
เมื่อเร็วๆนี้ได้มีโอกาสไปเสวนาในรายการเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติที่จัดขึ้นในกรุงเทพ ซึ่งมีผลงานการแสดงและกำกับจากชาติต่างๆเข้ามาฉาย หนึ่งในภาพยนตร์ไทยที่ได้รับเกียรติเข้าร่วมฟื้นอดีตอีกครั้งก็คือ ผีเสื้อและดอกไม้ ภาพยนตร์ชื่อโรแมนติกที่เคยกวาดรางวัลระดับชาติและต่างประเทศ จากฝีไม้ลายมือผู้กำกับชื่อดัง ยุทธนา มุกดาสนิท นั่นเอง น่าภูมิใจที่กาลเวลาได้พิสูจน์แล้วว่า เป็น 1 ใน 100 ภาพยนตร์ไทยที่ควรดู
ภาพยนตร์ที่ดีย่อมมีพื้นฐานจากบทประพันธ์ที่ดี ผู้เขียนเรื่องนี้คือ นิพพาน ( นามจริง คือ มกุฎ อรฤดี บรรณาธิการหนุ่มใหญ่แห่งผีเสื้อ อีกหนึ่งสำนักพิมพ์คุณภาพที่ให้ความประณีตในศิลปะการทำหนังสือ) เรียงร้อยเรื่องราวการต่อสู้กับบรรดาเด็กๆชาวมุสลิมในพื้นที่และสิ่งแวดล้อมที่ตนคุ้นเคย ดูเหมือนจะเป็นวรรณกรรมไทยเรื่องเดียวที่ตีแผ่ความขัดแย้งของชนชาติในสี่จังหวัดภาคใต้ได้อย่างถึงแก่นโดยผ่านเสี้ยวประสบการณ์ของเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาบอกกล่าว
เรื่องย่อ ฮูยันเป็นเด็กมุสลิมเกิดในครอบครัวที่ฐานะยากจน มีพ่อเป็นกรรมกรรถไฟซึ่งกำลังจะตกงาน มีน้องๆอีก 2 คนในความดูแล ฮูยันต้องออกจากโรงเรียนเพราะไม่มีเงินจ่ายค่ากระดาษสอบทั้งที่เป็นเด็กที่เรียนเก่ง จากนั้นก็ต้องดิ้นรนหาเงินมาจุนเจือครอบครัวด้วยวิธีต่างๆ เริ่มแรกจากเดินขายไอติมก็ไปไม่รอด จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในขบวนการกองทัพมดลอบขนข้าวสารข้ามประเทศ ในวัยที่เปรียบเสมือนดอกไม้แรกผลิ ฮูยันกลับต้องเผชิญภยันตรายเสี่ยงภัยต่างๆ ท่ามกลางความขัดแย้ง อาชญากรรมและควันปืนคุกรุ่นในชุมชนที่ยากจนซ้ำซาก
ผู้เข้าร่วมวงเสวนาครั้งนี้มี ยุทธนา มุกดาสนิท นิพพานและนันทขว้าง สิรสุนทร จากกรุงเทพธุรกิจ บทเสวนาที่นำมาสรุปประเด็นเป็นการผสมผสานระหว่างการพูดคุยและบทความสัมภาษณ์ที่ลงในกรุงเทพธุรกิจ เซคชั่นจุดประกาย
ก่อนจะมาเป็น ผีเสื้อและดอกไม้ ฉบับฟิลม์
ก่อนหน้าที่คุณยุทธนาจะมาทำ ผีเสื้อและดอกไม้ ภาพยนตร์เรื่อง น้ำพุ ที่ออกฉายก่อนหน้าได้สร้างรายได้ถล่มทลาย จนทำให้นายทุนสบายใจพอที่จะให้ผู้กำกับคนเดิมสร้างหนังเรื่องไหนก็ได้ หลังจากได้รับคำอนุญาตจากเจ้าของบทประพันธ์ พร้อมได้รับคำชี้แนะถึงสถานที่ที่เล่าเรื่อง ทีมงานจึงระดมสรรพกำลังเต็มที่ทำวิจัย ศึกษาลงพื้นที่จริงเพื่อสังเกตชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านอยู่ร่วมเดือน เฝ้าดูการใช้ชีวิตประจำวัน พิธีกรรมต่างๆและขบวนการลักลอบขนสินค้าข้ามชายแดน มีผู้เขียนบทคือ คุณรัศมี เผ่าเหลืองทอง คอยติดตามรายละเอียดแต่ละบริบทให้สอดคล้องกับบทประพันธ์เดิม เป็นภาพยนตร์ที่ Set On Location ทั้งหมด จึงหมดเงินไปเยอะ ประมาณ 25 ล้าน เมื่อภาพยนตร์ฉายเสร็จก็ได้รายได้ประมาณนั้น เสมอตัว
จาก น้ำพุ ถึง ผีเสื้อและดอกไม้ ความเหมือนที่แตกต่าง
ทั้งๆที่เป็นเรื่องของวัยรุ่นเหมือนกัน (น้ำพุอาจจะแก่กว่าหน่อย)แต่ตัวละครที่นำเสนอมีวิธีเอาตัวรอดไม่เหมือนกัน น้ำพุอยู่ในสถานการณ์ที่ภัยร้ายรอบตัวมีน้อยกว่า เติบโตในชนชั้นกลาง อยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยในเมืองหลวง มีบ้านเรือนเป็นหลักแหล่ง มีครอบครัวพี่น้อง มีแม่ที่ทำงานหาเงินให้ใช้ได้พอสมควร ได้เรียนหนังสือและทำอะไรได้ตามใจฝัน แต่น้ำพุกลับจบชีวิตด้วยภัยในจิตใจของตัวเอง คือการติดยาเสพติด ขณะที่ฮูยันอยู่ในสถานการณ์ที่เสี่ยงและด้อยกว่าทุกอย่าง กลับฮึดมานะดิ้นหลุดให้พ้นจากบ่วงอาชญากรรมหวุดหวิด หันกลับมาดำเนินชีวิตปกติตามสถานภาพ
Romantic Realism ความฝันในความจริง
ตัวละคร โรงเรียน บ้านและฉากต่างๆ ตลอดจนเหตุการณ์ที่ดำเนินไปในบทประพันธ์ ล้วนเกิดขึ้นบนพื้นฐานความจริง ไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า เรื่องราวทั้งหมดไม่มีอยู่ในเขตแดนแคว้นไทย ปัญหาของชนกลุ่มน้อยมุสลิมโดยเฉพาะเยาวชนที่ถูกละเลย ไม่ได้รับโอกาสอย่างเท่าเทียมกับเยาวชนในภาคอื่นๆ หากวิธีการนำเสนอ แทนที่จะโจมตี ก้าวร้าว ปลุกปั่น เหมือนบทประพันธ์หรือภาพยนตร์ปลุกใจ กลับเป็นโทนเรื่องที่นุ่มนวล ผ่านการกรองและนิ่งมาชั่วระยะ เสียดทานลึกๆซุกอารมณ์ขัน ขณะเดียวกันก็แฝงความฝัน ความหวังไว้ ซึ่งจะเห็นชัดยิ่งขึ้นในมิติของภาพยนตร์ที่ถ่ายออกมาในแนว Soft Tone ฟุ้งๆตลอด
20 ปีผ่านพ้น ความจริงยิ่งร้าวลึก
บทประพันธ์เขียนเมื่อประมาณปี 2518 ลงเป็นตอนๆในนิตยสารสตรีสาร ( นิตยสารที่ขึ้นชื่อว่าเข้มงวดและเคร่งครัดในการคัดเลือกเรื่องลงยิ่งนัก) และรวมเล่มเมื่อประมาณปี 2521 สร้างเป็นภาพยนตร์ปี 2528 สาระสำคัญของเรื่องราวที่สะท้อนออกตอนนั้น 20 ปีผ่านมา ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเลย (ยกเว้นกองทัพมดที่ไม่มีแล้ว การขนสินค้าข้ามแดนทำอย่างเปิดเผยมากขึ้นโดยการจ่ายเงินอย่างเป็นระบบ) ซ้ำร้ายยิ่งหนักสาหัสซ้ำเติมลงอีก ตั้งแต่ เรื่องความยากจน การถูกละเลยด้านสาธารณสุขตลอดจนการศึกษาพื้นฐาน การเอาชีวิตรอดท่ามกลางอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประจำวัน ฮูยันรุ่นใหม่ๆเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความขัดแย้งรุนแรงจนเห็นเป็นความเคยชิน แล้วจะหาทางหลุดพ้นจากวังวนลวดหนามเหล่านี้ได้อย่างไร จะมีกำลังใจอะไรบ้างที่จะให้พวกเขายึดถือเพื่อดำเนินชีวิตอย่างมีคุณค่าและความหมาย (มีการแซวกันว่า รัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมา ควรจะดูหนังเรื่องนี้กันบ้าง เหมือนกับที่ดูเรื่องสุริโยทัย นเรศวร )
ถ้าจะนำมากลับมาทำใหม่จะเสนอประเด็นอะไรบ้าง
คงไม่มีการกลับมาทำอีกแล้ว หากใครจะทำก็สุ่มเสี่ยงกับการถ่ายทำพอสมควร โดยเฉพาะถ้าอยากจะใช้สถานที่จริงๆ เพราะขนาดที่ยังไม่มีความขัดแย้งรุนแรงเมื่อยี่สิบปีก่อน ก็ยังเกิดปัญหาความยุ่งยากขณะถ่ายทำ ฉากหนึ่งที่ฮูยันและน้องๆเข้าไปในสุเหร่าเพื่อขอพรศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองพ่อซึ่งกำลังนอนป่วยในโรงพยาบาล ฉากถ่ายเกือบเสร็จแล้ว เกิดการมุงล้อมของชาวบ้านที่ไม่ต้องการให้กองถ่ายเข้ามายุ่มย่ามในสถานที่ต้องห้ามสำหรับคนนอกศาสนา แม้จะอ้อนวอนขอความเห็นใจก็ตาม ในที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องบานปลาย กองถ่ายรีบจัดแจงขนอุปกรณ์ออกไปในที่สุด อันนี้เป็นเรื่องระเบียบของศาสนาซึ่งทุกคนเข้าใจ แต่ปัญหาปัจจุบันคือเรื่องของความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน ลามออกไปทุกตารางนิ้วออกนอกสุเหร่า
ผ่านมานับสิบๆปี ตัวละครทั้งหมดป่านนี้เป็นอย่างไร
บทประพันธ์ : ทุกคนน่าจะมีชีวิตอยู่ ดิ้นรนเอาตัวรอดเหมือนชาวบ้านชายแดนธรรมดาๆ อีกทั้งต้องระแวดระวังภัยจากความคลางแคลงใจที่ถูกจุดเชื้อทั้งหลาย
ภาพยนตร์ : นักแสดงนำแต่งงานมีลูก มีครอบครัวไปหมด ยกเว้นผู้ที่เล่นเป็น นาคา (ผู้ร้ายที่กลายเป็นมิตรภายหลัง) ได้ผูกคอฆ่าตัวตายอย่างน่าเสียดาย
อยากจะบอกอะไรสั้นๆหลังจากอ่านหรือชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ
ไม่ว่าจะยากดีมีจนเช่นไร ทุกคนต้องมีความฝัน ความฝันนี่แหละที่จะหล่อเลี้ยงให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ พยุงให้จิตใจใฝ่หาคุณธรรมท่ามกลางความแร้นไร้และหดหู่ทั้งปวง
จบเสวนาวันนั้น ได้หนังสือ ผีเสื้อและดอกไม้ เล่มใหม่พร้อมลายเซ็น คุณนิพพาน และได้เสื้อยืดลายเขียนวิจิตรฝีมืออาจารย์ช่วง มูลพินิจ ซึ่งผลิตสำหรับแฟนผู้ร่วมเสวนาวันผีเสื้อโบยบินและดอกไม้บาน อีกครั้ง
-
- Verified User
- โพสต์: 7
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 2
ผมเคยอ่านหนังสือเรื่องนี้เป็นหนังสือนอกเวลา ผมจำได้เลยครับว่า ผีเสื้อและดอกไม้ เป็นหนังสือไม่กี่เล่มที่ผมอ่านจบ น่าเสียดายที่ผมไม่ได้ดูภาพยนตร์(เพิ่งไม่กี่ขอบในตอนนั้น) นี่ก็เพิ่งรู้ว่าเค้าสร้างเป็นภาพยนตร์ ตอนนี้คงหาดูได้ยากแล้ว คงต้องกลับมาคนตู้หนังสือเพื่อนำมาอ่านอีกครั้ง :)
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 4
[quote="121"]แหม....ว่าแล้วก็อยากอ่านหนังสือเรื่องนี้อีกสักครั้ง
ถ้าจำไม่ผิดผมว่าหนังไม่ประทับใจผมเท่าไร
หรือไงนะเนี่ย...อืมม์
ถ้าจำไม่ผิดผมว่าหนังไม่ประทับใจผมเท่าไร
หรือไงนะเนี่ย...อืมม์
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 6
สงสัยรสนิยมดูหนังจะใกล้เคียงกันนะครับ คุณ 121
จำได้ว่าดู "ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น"
ยุคที่คุณ จตุพล ภูอภิรมย์ เล่น (เสียชีวิตไปแล้ว) ชอบมาก
เป็นหนังที่ได้รางวัลมากมาย ก่อนจะเข้าโรงฉาย
ตอนนั้นได้ยินชื่อก็แปลกใจครามครัน
หนังอะไร(ฟะ) ชื่อโคตรเชยเลย แต่ได้รางวัลเยอะแยะ
พอไปดูถึงประจักษ์ซึ้งในความงดงามของหนัง
แม้ว่าคนขับแทกซี่จะหล่อมากเกินซะหน่อย
ชอบลีลาและภาษาหนังมาก
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ท่านมุ้ยสามารถสร้างได้ดีกว่าต้นเรื่อง
ชอบฉากสุดท้าย ที่ทองพูนบุกเข้าอู่แท๊กซี่เพื่อตามแท๊กซี่ของตัวเองที่ถูกจี้และขโมยไป
แต่ในที่สุดก็หาไม่เจอถูกคุมตัวเข้าห้องขังฐานบุกรุกยามวิกาล
และแล้วกล้องก็แพนมาที่เศษป้าย กท. แท๊กซี่ ที่กองพะเนินท่ามกลางเศษเหล็กทั้งปวง
โอ้โฮ...แค่นี้ก็เล่าเรื่องแท๊กซี่หายได้หมดเลยทีเดียว
จำได้ว่าดู "ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น"
ยุคที่คุณ จตุพล ภูอภิรมย์ เล่น (เสียชีวิตไปแล้ว) ชอบมาก
เป็นหนังที่ได้รางวัลมากมาย ก่อนจะเข้าโรงฉาย
ตอนนั้นได้ยินชื่อก็แปลกใจครามครัน
หนังอะไร(ฟะ) ชื่อโคตรเชยเลย แต่ได้รางวัลเยอะแยะ
พอไปดูถึงประจักษ์ซึ้งในความงดงามของหนัง
แม้ว่าคนขับแทกซี่จะหล่อมากเกินซะหน่อย
ชอบลีลาและภาษาหนังมาก
เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ท่านมุ้ยสามารถสร้างได้ดีกว่าต้นเรื่อง
ชอบฉากสุดท้าย ที่ทองพูนบุกเข้าอู่แท๊กซี่เพื่อตามแท๊กซี่ของตัวเองที่ถูกจี้และขโมยไป
แต่ในที่สุดก็หาไม่เจอถูกคุมตัวเข้าห้องขังฐานบุกรุกยามวิกาล
และแล้วกล้องก็แพนมาที่เศษป้าย กท. แท๊กซี่ ที่กองพะเนินท่ามกลางเศษเหล็กทั้งปวง
โอ้โฮ...แค่นี้ก็เล่าเรื่องแท๊กซี่หายได้หมดเลยทีเดียว
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 7
พอพูดเรื่องหนัง
ก็อยากจะทำหนังเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคนหาย
คล้ายๆเรื่อง Missing ที่เคยโด่งดัง
นักข่าวเข้าไปทำข่าวในประเทศละตินอเมริกา แล้วไม่กลับมาบ้าน
ทำให้พ่อต้องออกตามหา จนรู้ว่า ร่างของลูกถูกโบกกับซีเมนต์ที่ผนังกำแพง
รู้เพราะกำแพงอืดออกมาพร้อมกับมีหนอนตัวเล็กๆยั้วเยี้ย
แต่เรื่องที่กูรูอยากจะทำเป็นเรื่องของคนไทยนี่แหละครับ
พ่อ-แม่ ตามหาลูกชายที่หายไปตอนเกิดเหตุโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ในธรรมศาสตร์
และช็อค เมื่อได้เห็นภาพสุดท้ายของลูกชายที่ถูกทารุณกรรมจนจำไม่ได้
กว่า 25 ปีที่ตามมา ก็ยังไม่พบร่างที่จะนำไปประกอบพิธีครั้งสุดท้าย
เออ..ได้แต่ฝันเฟื่องไป มีใครจะให้ทำมั้ยหนอ แค่ขอเขียนบท หรือทำเป็นบทละครก็ยังดี
อีกเรื่องหนึ่ง ดีลยิ่งใหญ่แห่งทศวรรษ
ที่มีคนในวงการยอมเปลืองตัว เปลืองอาชีพออกมาเขียนชำแหละเป็นข้อๆ
คล้ายๆกับ Deep Throat ในเรื่อง All the President's Men
ก็อยากจะทำหนังเรื่องหนึ่งเกี่ยวกับคนหาย
คล้ายๆเรื่อง Missing ที่เคยโด่งดัง
นักข่าวเข้าไปทำข่าวในประเทศละตินอเมริกา แล้วไม่กลับมาบ้าน
ทำให้พ่อต้องออกตามหา จนรู้ว่า ร่างของลูกถูกโบกกับซีเมนต์ที่ผนังกำแพง
รู้เพราะกำแพงอืดออกมาพร้อมกับมีหนอนตัวเล็กๆยั้วเยี้ย
แต่เรื่องที่กูรูอยากจะทำเป็นเรื่องของคนไทยนี่แหละครับ
พ่อ-แม่ ตามหาลูกชายที่หายไปตอนเกิดเหตุโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่ในธรรมศาสตร์
และช็อค เมื่อได้เห็นภาพสุดท้ายของลูกชายที่ถูกทารุณกรรมจนจำไม่ได้
กว่า 25 ปีที่ตามมา ก็ยังไม่พบร่างที่จะนำไปประกอบพิธีครั้งสุดท้าย
เออ..ได้แต่ฝันเฟื่องไป มีใครจะให้ทำมั้ยหนอ แค่ขอเขียนบท หรือทำเป็นบทละครก็ยังดี
อีกเรื่องหนึ่ง ดีลยิ่งใหญ่แห่งทศวรรษ
ที่มีคนในวงการยอมเปลืองตัว เปลืองอาชีพออกมาเขียนชำแหละเป็นข้อๆ
คล้ายๆกับ Deep Throat ในเรื่อง All the President's Men
-
- Verified User
- โพสต์: 843
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 8
ขอสารภาพก่อนว่า ตอนหนังพวกนี้ดังผมยังเป็นเด็ก
มาได้รับรู้เอาทีหลัง
ทองพูน นี่ จำได้อยู่นิดเดียวตอนท้าย...ยังไงนะ...เอ๊..
พระเอกถือท่อนอะไรจะไปทุบ ไรหว่า
น้ำพุ...ก็ถูกโ รงเรียนเกณฑ์ไปดู จึงจำอะไรไม่ได้เลย
หนังสือก็ไม่เห็นสนุก จดหมายอะไรก็ไม่รู้
มาบังคับให้อ่านทำไมวะ
แต่ ผีเสื้อดอกไม้ เป็นหนังสือที่งามเล่มนึง ยามคนึงถึง

มาได้รับรู้เอาทีหลัง
ทองพูน นี่ จำได้อยู่นิดเดียวตอนท้าย...ยังไงนะ...เอ๊..
พระเอกถือท่อนอะไรจะไปทุบ ไรหว่า
น้ำพุ...ก็ถูกโ รงเรียนเกณฑ์ไปดู จึงจำอะไรไม่ได้เลย
หนังสือก็ไม่เห็นสนุก จดหมายอะไรก็ไม่รู้
มาบังคับให้อ่านทำไมวะ

แต่ ผีเสื้อดอกไม้ เป็นหนังสือที่งามเล่มนึง ยามคนึงถึง
-
- Verified User
- โพสต์: 391
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 9
ฮ่า ๆ ๆ ๆกูรูขอบสนาม เขียน:สงสัยรสนิยมดูหนังจะใกล้เคียงกันนะครับ คุณ 121
จำได้ว่าดู "ทองพูน โคกโพ ราษฎรเต็มขั้น"
ยุคที่คุณ จตุพล ภูอภิรมย์ เล่น (เสียชีวิตไปแล้ว) ชอบมาก
เป็นหนังที่ได้รางวัลมากมาย ก่อนจะเข้าโรงฉาย
แปลว่าอายุพอๆกัน
ตอนนี้ผมจะ 40 แล้วนะ อิอิ
ว่าแต่ได้ดู"วัยอลวน"ไหมครับ
จำได้ว่า ไพโรจน์ สังวรบุตร กับ ลลนา นามสกุลจำไม่ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 10
ไม่ได้ดูในโรงภาพยนตร์ครับฮ่า ๆ ๆ ๆ
แปลว่าอายุพอๆกัน
ตอนนี้ผมจะ 40 แล้วนะ อิอิ
ว่าแต่ได้ดู"วัยอลวน"ไหมครับ
จำได้ว่า ไพโรจน์ สังวรบุตร กับ ลลนา นามสกุลจำไม่ได้
เพราะตอนนั้นเหตุการณ์บ้านเมืองไม่ปกติ
เพิ่งจบโศกนาฎกรรมหลัง 6 ตุลาคมใหม่ๆ
ยังเด็กอยู่ ที่บ้านไม่ยินยอมให้ออกนอกบ้าน
เดี๋ยวกลัวเกิดอาการเดือดขึ้นมา เตลิดออกนอกเมืองไป :evil:
นี่เองคือสาเหตุที่ภาพยนตร์เรื่อง "วัยอลวน" จึงดังเป็นพลุ
เพราะทุกคนเครียดและมึนงงกับอาการช็อตทางบ้านเมือง
และไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร
เข้าโรงหนังดูอะไรสนุกๆยั่วหัวเราะดีกว่า
พระเอกก็ดำดี ผอมชะลูด (ไพโรจน์ สังวริบุตร) มาจากไหนไม่รู้
นางเอก ลลนา สุลาวัลย์ ก็น่ารักดี
ตั๋ม กับ โอ๋ เลยกลายเป็นคู่ขวัญรายใหม่ บรรเจิดจนต้องมีต่อภาค 2 และ 3
มิหนำซ้ำพลอยให้เพลง สุขาอยู่หนใด ดังเป็นพลุ
จำได้มั้ยครับ "..พบกันที่อินทรา...ลลนางามสมใจ"
เออ..หรือกูรูจำได้อยู่คนเดียว :roll:
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
ผีเสื้อและดอกไม้ จากหนังสือสู่ฟิลม์
โพสต์ที่ 14
อย่างไรไม่ทราบ121 เขียน:กลับมาทำเป็นละครอีกครั้งทาง ไทยทีวี
ผมยังไม่ได้ดู แต่เห็นแว๊บๆ..
ตัวละครดูไม่เข้ากับบทเท่าไรนัก
ตัวพ่อก็หน้าจีน เป็นต้น
ตัวละครทำไมหน้าขาวไปหมดเลย
ดูแล้ว ง่า...จนปลอมๆอะ
ข้อเสียเปรียบของละครเรื่องนี้ก็คือ
สมัยเป็นหนังฟิล์มทำได้ดี
เลยถูกเปรียบเทียบ

แต่ก็รอดูไปเรื่อยๆ(ถ้าเปิดเจอ)
จบเรื่องนี้แล้ว แว่วว่าจะมีเรื่องใหม่
"แสงดาวแห่งศรัทธา"
ประวัติของนายแพทย์ สงวน แห่งสำนักงานประกันสุขภาพ
ที่เสียชีวิตไปแล้ว
ไม่รู้จะทำได้ดีแค่ไหน
ชีวิตเกิดและตายเพียงอย่างละหน ส่วนที่เหลือตรงกลางต้องค้นพบเอง