world economic news
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news29/09/07
โพสต์ที่ 121
IMFเลือกอดีต รมต.คลังฝรั่งเศสนั่งเก้าอี้ ผอ.
โดย Post Digital 29 กันยายน 2550 11:24 น.
ไอเอ็มเอฟ มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการคนใหม่ เริ่มงาน 1 พ.ย. นี้
คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟได้เลือกนาย โดมินิกสเต๊าส์ - คาห์น อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสวัย 58 ปี เข้าทำหน้าที่ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟด้วยมติเอกฉันท์ โดยเอาชนะผู้แข่งคนสำคัญคือนาย โจเซฟ โตซอฟสกี้ อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าการธนาคารกลางของสาธารณรัฐเชค ที่รัสเซียเป็นผู้เสนอชื่อ
ทางการฝรั่งเศสเปิดเผยว่า นาย สเต๊าส์ - คาห์น มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการปฏิรูปเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงความน่าเชื่อถือของไอเอ็มเอฟ โดยจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ต่อจากนาย โรดริโก ราโต้ ที่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 2 ปีเนื่องจากปัญหาทางด้านสุขภาพ และมีวาระในตำแหน่งนาน 5 ปี
ภายใต้การตกลงระหว่างชาติมหาอำนาจตะวันตก มีการกำหนดอย่างไม่เป็นทางการว่า ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ จะเป็นชาวยุโรป ส่วนประธานธนาคารโลกนั้น สหรัฐจะเป็นผู้แต่งตั้ง แต่ระบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่เรียกร้องถึงการเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น และต้องการให้กระบวนการแต่งตั้งผู้บริหารองค์กรการเงินระดับโลกมีความโปร่งใสกว่านี้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้หลังปี 2555 เมื่อนาย สเต๊าส์ - คาห์น และนายโรเบิร์ต โซลลิค ซึ่งสหภาพยุโรปได้สนับสนุนให้นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารโลกตามที่สหรัฐเสนอเมื่อต้นปี พ้นจากตำแหน่ง
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=194445
โดย Post Digital 29 กันยายน 2550 11:24 น.
ไอเอ็มเอฟ มีมติเป็นเอกฉันท์เลือก อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการคนใหม่ เริ่มงาน 1 พ.ย. นี้
คณะกรรมการบริหารของกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟได้เลือกนาย โดมินิกสเต๊าส์ - คาห์น อดีตรัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสวัย 58 ปี เข้าทำหน้าที่ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟด้วยมติเอกฉันท์ โดยเอาชนะผู้แข่งคนสำคัญคือนาย โจเซฟ โตซอฟสกี้ อดีตนายกรัฐมนตรีและผู้ว่าการธนาคารกลางของสาธารณรัฐเชค ที่รัสเซียเป็นผู้เสนอชื่อ
ทางการฝรั่งเศสเปิดเผยว่า นาย สเต๊าส์ - คาห์น มีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการปฏิรูปเพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเงิน รวมถึงความน่าเชื่อถือของไอเอ็มเอฟ โดยจะเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ต่อจากนาย โรดริโก ราโต้ ที่ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 2 ปีเนื่องจากปัญหาทางด้านสุขภาพ และมีวาระในตำแหน่งนาน 5 ปี
ภายใต้การตกลงระหว่างชาติมหาอำนาจตะวันตก มีการกำหนดอย่างไม่เป็นทางการว่า ผู้อำนวยการไอเอ็มเอฟ จะเป็นชาวยุโรป ส่วนประธานธนาคารโลกนั้น สหรัฐจะเป็นผู้แต่งตั้ง แต่ระบบนี้ไม่เป็นที่ชื่นชอบของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ที่เรียกร้องถึงการเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น และต้องการให้กระบวนการแต่งตั้งผู้บริหารองค์กรการเงินระดับโลกมีความโปร่งใสกว่านี้ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเรื่องนี้อาจเป็นไปได้หลังปี 2555 เมื่อนาย สเต๊าส์ - คาห์น และนายโรเบิร์ต โซลลิค ซึ่งสหภาพยุโรปได้สนับสนุนให้นั่งเก้าอี้ประธานธนาคารโลกตามที่สหรัฐเสนอเมื่อต้นปี พ้นจากตำแหน่ง
http://www.posttoday.com/breakingnews.php?id=194445
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news29/09/07
โพสต์ที่ 122
กระทรวงพาณิชย์จีนเตรียมแก้ปัญหาเรียกคืนของเล่นรอบล่าสุดอย่างจริงจัง
ทางการจีนจะแก้ไขปัญหาการเรียกคืนของเล่นผลิตในจีนครั้งล่าสุดของห้างค้าปลีก "ทาร์เก็ต" ในสหรัฐ หลังจากที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทาร์เก็ตเรียกคืนของเล่น จากการปนเปื้อนสารตะกั่วในระดับเกินกว่าปกติ การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุมของเล่น 3.5 แสนชิ้นที่ใช้ตราสินค้า "Happy Giddy Gardening Tools" และ "Sunny Patch Children's Chairs" อย่างไรก็ดี จีนย้ำว่า การแก้ไขปัญหาควรอยู่บนพื้นฐานของความจริง และจีนไม่ควรตกเป็นแพะรับบาปอีกรอบ หลังจากที่ ซีอีโอของบริษัทแมทเทล ได้ออกมาขอโทษจีนโดยระบุว่า สินค้าที่เรียกคืนส่วนใหญ่มาจากการออกแบบที่ผิดพลาดและเป็นความผิดของบริษัทเอง
ธนาคารโลกเผยรายงาน อินเดียเป็นผู้นำการปฏิรูปเศรษฐกิจในเอเชียใต้ปีนี้
ประเทศในเอเชียใต้ซึ่งนำโดยอินเดีย มีความก้าวหน้าในการปฏิรูปกฎเกณฑ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีการปฏิรูปรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่อินเดียเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการปฏิรูปการซื้อขายข้ามประเทศ โดยนอกจากจะทำให้การซื้อขายข้ามประเทศเป็นไปอย่างง่ายดายแล้ว อินเดียยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยการขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทั้งบุคคลและธุรกิจ และยังเปิดให้บริการจดทะเบียนหุ้นทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ด้านภูฏานและศรีลังกาเป็นอีกสองประเทศที่รั้งอันดับต้นๆในปีนี้ โดยภูฏานได้ให้การคุ้มครองพื้นฐานกับแรงงานเป็นครั้งแรก
สถาบันวิจัยฮุนไดคาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 51 โต5.1% แม้ดอกเบี้ย-CPI เพิ่ม
สถาบันวิจัยฮุนไดของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้อาจเติบโตที่ระดับ 5.1% ในปีหน้า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงก็ตาม นอกจากนี้ อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเกาหลีใต้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ระดับ 4.5% ในปีหน้า เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานในประเทศที่แข็งแกร่งในปีนี้ แต่ต้นทุนการกู้และ CPI ที่เพิ่มขึ้นจะยังเป็นปัจจัยที่จำกัดไม่ให้อัตราการใช้จ่ายฟื้นตัวขึ้นมากนัก ขณะที่เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้คาดเติบโตที่ระดับ 4.6%
WTO ตั้งก.ก.สอบข้อพิพาทจีน-สหรัฐกรณีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
นางมิยูโกะ ซูดะ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นควรใช้นโยบายทางการเงินแบบป้องกันไว้ก่อนจะเกิดปัญหา แต่ให้ดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันเตือนว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ช้าเกินไปอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน นางซูดะเตือนว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ราคาน้ำมันดิบและต้นทุนวัตถุดิบที่ยังพุ่งสูงขึ้นนั้น จะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ นางซูดะกล่าวว่า แม้วิกฤตการณ์ซับไพรม์ของสหรัฐไมได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการธนาคาร แต่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องจับตาดูการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอย่างใกล้ชิด
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ทางการจีนจะแก้ไขปัญหาการเรียกคืนของเล่นผลิตในจีนครั้งล่าสุดของห้างค้าปลีก "ทาร์เก็ต" ในสหรัฐ หลังจากที่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทาร์เก็ตเรียกคืนของเล่น จากการปนเปื้อนสารตะกั่วในระดับเกินกว่าปกติ การเรียกคืนครั้งนี้ครอบคลุมของเล่น 3.5 แสนชิ้นที่ใช้ตราสินค้า "Happy Giddy Gardening Tools" และ "Sunny Patch Children's Chairs" อย่างไรก็ดี จีนย้ำว่า การแก้ไขปัญหาควรอยู่บนพื้นฐานของความจริง และจีนไม่ควรตกเป็นแพะรับบาปอีกรอบ หลังจากที่ ซีอีโอของบริษัทแมทเทล ได้ออกมาขอโทษจีนโดยระบุว่า สินค้าที่เรียกคืนส่วนใหญ่มาจากการออกแบบที่ผิดพลาดและเป็นความผิดของบริษัทเอง
ธนาคารโลกเผยรายงาน อินเดียเป็นผู้นำการปฏิรูปเศรษฐกิจในเอเชียใต้ปีนี้
ประเทศในเอเชียใต้ซึ่งนำโดยอินเดีย มีความก้าวหน้าในการปฏิรูปกฎเกณฑ์ในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีการปฏิรูปรวดเร็วที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ขณะที่อินเดียเป็นอันดับ 1 ของโลกด้านการปฏิรูปการซื้อขายข้ามประเทศ โดยนอกจากจะทำให้การซื้อขายข้ามประเทศเป็นไปอย่างง่ายดายแล้ว อินเดียยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อด้วยการขยายสินเชื่อให้ครอบคลุมทั้งบุคคลและธุรกิจ และยังเปิดให้บริการจดทะเบียนหุ้นทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย ด้านภูฏานและศรีลังกาเป็นอีกสองประเทศที่รั้งอันดับต้นๆในปีนี้ โดยภูฏานได้ให้การคุ้มครองพื้นฐานกับแรงงานเป็นครั้งแรก
สถาบันวิจัยฮุนไดคาดเศรษฐกิจเกาหลีใต้ปี 51 โต5.1% แม้ดอกเบี้ย-CPI เพิ่ม
สถาบันวิจัยฮุนไดของเกาหลีใต้กล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจของเกาหลีใต้อาจเติบโตที่ระดับ 5.1% ในปีหน้า แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยและดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอตัวลงก็ตาม นอกจากนี้ อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภคในเกาหลีใต้มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วที่ระดับ 4.5% ในปีหน้า เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานในประเทศที่แข็งแกร่งในปีนี้ แต่ต้นทุนการกู้และ CPI ที่เพิ่มขึ้นจะยังเป็นปัจจัยที่จำกัดไม่ให้อัตราการใช้จ่ายฟื้นตัวขึ้นมากนัก ขณะที่เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ในปีนี้คาดเติบโตที่ระดับ 4.6%
WTO ตั้งก.ก.สอบข้อพิพาทจีน-สหรัฐกรณีการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
นางมิยูโกะ ซูดะ คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น กล่าวว่า ญี่ปุ่นควรใช้นโยบายทางการเงินแบบป้องกันไว้ก่อนจะเกิดปัญหา แต่ให้ดำเนินแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันเตือนว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยที่ช้าเกินไปอาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน นางซูดะเตือนว่าภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ราคาน้ำมันดิบและต้นทุนวัตถุดิบที่ยังพุ่งสูงขึ้นนั้น จะส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นรุนแรงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ นางซูดะกล่าวว่า แม้วิกฤตการณ์ซับไพรม์ของสหรัฐไมได้สร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการธนาคาร แต่ญี่ปุ่นจำเป็นต้องจับตาดูการส่งออกสินค้าของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐอย่างใกล้ชิด
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news02/10/07
โพสต์ที่ 123
ตลาดหุ้นสหรัฐฯคึกคัก รับข่าวคาดเฟดลดดอกเบี้ย
Posted on Tuesday, October 02, 2007
ดาวโจนส์ปิดทะลุ 14,087 จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 อย่างภายในวันแรกของเดือนตุลาคม ไม่พียงพุ่งขึ้นซื้อขายสูงสุดระหว่างที่ 14,115 จุดเท่านั้น แต่ยังปิดที่ทะลุ 14,000 จุด มาอยู่ที่ 14,087 จุดอีกด้วย ค่าดัชนีดังกล่าวทำลายสถิติปิดทะลุ 14,000 จุดครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมในปีนี้ สอดรับกับดัชนีหุ้น S&P 500 ปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีนี้เช่นกัน และ Nasdaq ปิดสูงสุดตั้งแต่ 1 ก.พ. 2544 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐ สามารถปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายใน 1 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา
ดาวโจนส์พุ่งชดเชยมูลค่าตลาด 2 ล้านล้านเหรียญที่หายไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ที่สามารถขึ้นมาปิดสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือในรอบ 11 ปี ของอายุตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐฯกว่า 14,000 จุด เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ได้ช่วยเชยมูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่เสียหายไปมากถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นจากการเทขายอย่างถล่มทลายในเดือนก.ค. และส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติร่วงมากกว่า 100 จุดลงไปเกิดขึ้นถึง 14 ครั้งในปีนี้ จากสาเหตุวิกฤตสภาพคล่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สามารถฟื้นตัวเร็วที่สุดกว่า 2 เท่าเทียบในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
นาสแด็คปิดสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง คาด ดาวโจนส์แตะ 14,200 จุดสิ้นปี
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแด็ค สามารถทำสถิติปิดสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่งที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้เช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เริ่มปรับมุมมองการลงทุนใหม่อีกครั้ง คาดหวังว่า ดัชนีหุ้นดังกล่าวจะสามารถขึ้นไปปิดที่ระดับ 14,200 จุด และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อาจปิดที่ระดับ 1,595 จุดในสิ้นปีนี้ สาเหตุสำคัญที่ผลักดันดัชนีหุ้นสำคัญขึ้นสร้างสถิติเป็นประวัติการณ์มาจาก สัญญาณบวกที่มีมากขึ้นกับวิกฤติสภาพคล่องในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในสิ้นเดือนนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
Posted on Tuesday, October 02, 2007
ดาวโจนส์ปิดทะลุ 14,087 จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 อย่างภายในวันแรกของเดือนตุลาคม ไม่พียงพุ่งขึ้นซื้อขายสูงสุดระหว่างที่ 14,115 จุดเท่านั้น แต่ยังปิดที่ทะลุ 14,000 จุด มาอยู่ที่ 14,087 จุดอีกด้วย ค่าดัชนีดังกล่าวทำลายสถิติปิดทะลุ 14,000 จุดครั้งแรกเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมในปีนี้ สอดรับกับดัชนีหุ้น S&P 500 ปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีนี้เช่นกัน และ Nasdaq ปิดสูงสุดตั้งแต่ 1 ก.พ. 2544 ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐ สามารถปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดภายใน 1 วันทำการนับตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา
ดาวโจนส์พุ่งชดเชยมูลค่าตลาด 2 ล้านล้านเหรียญที่หายไปในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับดัชนีหุ้นดาวโจนส์ ที่สามารถขึ้นมาปิดสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หรือในรอบ 11 ปี ของอายุตลาดหุ้นนิวยอร์กสหรัฐฯกว่า 14,000 จุด เมื่อคืนที่ผ่านมานั้น ได้ช่วยเชยมูลค่าตลาดหุ้นนิวยอร์ก ที่เสียหายไปมากถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกิดขึ้นจากการเทขายอย่างถล่มทลายในเดือนก.ค. และส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ทำสถิติร่วงมากกว่า 100 จุดลงไปเกิดขึ้นถึง 14 ครั้งในปีนี้ จากสาเหตุวิกฤตสภาพคล่องที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สามารถฟื้นตัวเร็วที่สุดกว่า 2 เท่าเทียบในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา
นาสแด็คปิดสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่ง คาด ดาวโจนส์แตะ 14,200 จุดสิ้นปี
นอกจากนี้ ดัชนีหุ้นนาสแด็ค สามารถทำสถิติปิดสูงสุดในรอบ 6 ปีครึ่งที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้เช่นเดียวกัน นักวิเคราะห์ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก สหรัฐ เริ่มปรับมุมมองการลงทุนใหม่อีกครั้ง คาดหวังว่า ดัชนีหุ้นดังกล่าวจะสามารถขึ้นไปปิดที่ระดับ 14,200 จุด และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 อาจปิดที่ระดับ 1,595 จุดในสิ้นปีนี้ สาเหตุสำคัญที่ผลักดันดัชนีหุ้นสำคัญขึ้นสร้างสถิติเป็นประวัติการณ์มาจาก สัญญาณบวกที่มีมากขึ้นกับวิกฤติสภาพคล่องในช่วงที่ผ่านมา และแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยระสั้นของธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดในสิ้นเดือนนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news02/10/07
โพสต์ที่ 124
ยักษ์ค้าปลีกของเด็กเล่นสหรัฐปฏิเสธคว่ำบาตรนำเข้าจากจีน
ผู้ค้าปลีกของเด็กเล่นในสหรัฐ ปฏิเสธที่จะมีการคว่ำบาตร การสั่งซื้อของเด็กเล่นที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ หลังมีความจำเป็นต้องเรียกคืนของเด็กเล่นจากเจ้าของยี่ห้อชื่อดังทุกค่ายรวมกันทั้งสิ้น 20 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจาก ของเด็กเล่นที่วางจำหน่ายในตลาดทั่วสหรัฐ มีมากถึง 80% ที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ จากผลสำรวจของกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสหรัฐ ยังคงเป็นกังวลกับของเด็กเล่นที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่ ผู้ค้าปลีกคาดหวังว่าปัญหาอาจไม่เกิดขึ้นอีก
ว่าที่กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ เปรย ต้องปฏิรูปทั้งองค์กร
โดมินิค สเตร้าส์ คาห์น ว่าที่กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ให้สัมภาณ์ว่า ไอเอ็มเอฟ ต้องปฏิรูปทั้งโครงสร้าง และบุคลากรในองค์กรใหม่ทั้งหมด เพื่อพื้นคืนความชัดเจนในการทำงาน และความถูกต้องในการใช้อำนาจบริหารกับบรรดาสมาชิกในไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังต้องตอบสนองต่อประเทศที่ยากจน เพื่อเป็นตัวแทนในการสะท้อนความต้องการของกลุ่มประเทศเหล่านี้ หากต้องการให้ไอเอ็มเอฟอยู่รอดในอนาคต ที่สำคัญ ต้องเป็นเวทีในการระดมความคิดทางเศรษฐกิจโลก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ผู้ค้าปลีกของเด็กเล่นในสหรัฐ ปฏิเสธที่จะมีการคว่ำบาตร การสั่งซื้อของเด็กเล่นที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ หลังมีความจำเป็นต้องเรียกคืนของเด็กเล่นจากเจ้าของยี่ห้อชื่อดังทุกค่ายรวมกันทั้งสิ้น 20 ล้านชิ้นในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจาก ของเด็กเล่นที่วางจำหน่ายในตลาดทั่วสหรัฐ มีมากถึง 80% ที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้ จากผลสำรวจของกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ในสหรัฐ ยังคงเป็นกังวลกับของเด็กเล่นที่ผลิตจากจีนแผ่นดินใหญ่ ในขณะที่ ผู้ค้าปลีกคาดหวังว่าปัญหาอาจไม่เกิดขึ้นอีก
ว่าที่กรรมการผู้จัดการไอเอ็มเอฟ เปรย ต้องปฏิรูปทั้งองค์กร
โดมินิค สเตร้าส์ คาห์น ว่าที่กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ ให้สัมภาณ์ว่า ไอเอ็มเอฟ ต้องปฏิรูปทั้งโครงสร้าง และบุคลากรในองค์กรใหม่ทั้งหมด เพื่อพื้นคืนความชัดเจนในการทำงาน และความถูกต้องในการใช้อำนาจบริหารกับบรรดาสมาชิกในไอเอ็มเอฟ นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟ ยังต้องตอบสนองต่อประเทศที่ยากจน เพื่อเป็นตัวแทนในการสะท้อนความต้องการของกลุ่มประเทศเหล่านี้ หากต้องการให้ไอเอ็มเอฟอยู่รอดในอนาคต ที่สำคัญ ต้องเป็นเวทีในการระดมความคิดทางเศรษฐกิจโลก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news02/10/07
โพสต์ที่ 125
บล.โนมูระคาด BOJ ยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยหลังความเชื่อมั่นธุรกิจญี่ปุ่นทรงตัว
นายยาซูฮิโร่ ทากาฮาชิ นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ ซิเคียวริตี้ส์ ไฟแนนเชียล แอนด์ รีเสิร์ช กล่าวว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ครั้งล่าสุดอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้ ผลการสำรวจครั้งล่าสุดเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในไตรมาสที่ 2 และยังคาดการณ์อีกว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นจะยังปรับตัวลดลงอีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดเงิน
ตลาดหุ้นโตเกียวถกสิงคโปร์หาทางร่วมมือ แต่ยังไม่เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) และ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) อยู่ในระหว่างการหารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือระหว่างกันในอนาคต มาซากิ ซูซูกิ ผู้จัดการทั่วไปสำนักงานตัวแทน TSE ในสิงคโปร์ ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า เนื้อหาของการหารือเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ทางตลาดหุ้นโตเกียวยังคงไม่มีแผนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SGX สูงไปกว่า 5% ที่ถือครองอยู่ในขณะนี้ พร้อมทั้งระบุว่า ไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัดว่าจะตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเมื่อใด
ปักกิ่งลดราคาตั๋วรถไฟใต้ดิน กระตุ้นคนเมืองใช้ขนส่งสาธารณะรับโอลิมปิค
ทางการกรุงปักกิ่งตัดสินใจปรับลดราคาค่าโดยสารรถไฟใต้ดินลง 30% เพื่อกระตุ้นการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยความหวังจะลดการจราจรที่คับคั่ง และปรับปรุงคุณภาพอากาศก่อนการแข่งขันโอลิมปิคในปีหน้า ระบบราคาบัตรโดยสารราคาเดียว ซึ่งหมายความว่าค่าโดยสารเที่ยวเดียวจะเหลือเพียง 2 หยวน จะเริ่มมีผลวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รถไฟใต้ดินสายใหม่ของกรุงปักกิ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการ โดยจะวิ่งผ่านใจกลางเมืองจากทิศเหนือไปทิศใต้ จากการเปิดเผยของรัฐบาลท้องถิ่น กรุงปักกิ่งจะมีรถไฟใต้ดินเพิ่มอีก 3 เส้นทางภายในปีหน้า ซึ่งจะมีเส้นทางรวมยาวถึง 200 กิโลเมตร
จีนเตรียมกวาดล้างเหมืองผิดกม.กว่า 1,000 แห่ง ต้อนรับปักกิ่งเกมส์ปีหน้า
ทางการจีนเตรียมออกคำสั่งปิดเหมืองถ่านหินขนาดเล็กที่ไม่มีใบอนุญาตดำเนินกิจการอย่างน้อย 1,000 แห่ง พร้อมทั้งปลดคนงานเหมือนทั้งหมดก่อนที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจะเปิดฉากขึ้นในปีหน้า ทางการจีนมีคำสั่งให้เจ้าของกิจการเหมืองถ่านหินผิดกฎหมายในกรุงปักกิ่งปิดกิจการในทันที พร้อมทั้งรื้อถอนอุปกรณ์เครื่องมือทั้งหมด และปลดพนักงานภายใน 15 วัน อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงเหตุผลที่ต้องปิดเหมืองถ่านหินผิดกฎหมายก่อนถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นายยาซูฮิโร่ ทากาฮาชิ นักเศรษฐศาสตร์ของโนมูระ ซิเคียวริตี้ส์ ไฟแนนเชียล แอนด์ รีเสิร์ช กล่าวว่า ผลการสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจของบริษัทขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ครั้งล่าสุดอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ธนาคารยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะอันใกล้นี้ ผลการสำรวจครั้งล่าสุดเปิดเผยว่า ความเชื่อมั่นในกลุ่มผู้ผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ยังคงอยู่ในระดับที่ไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับในไตรมาสที่ 2 และยังคาดการณ์อีกว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้ผลิตขนาดใหญ่ของญี่ปุ่นจะยังปรับตัวลดลงอีกในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความผันผวนในตลาดเงิน
ตลาดหุ้นโตเกียวถกสิงคโปร์หาทางร่วมมือ แต่ยังไม่เพิ่มสัดส่วนถือหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) และ ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) อยู่ในระหว่างการหารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือระหว่างกันในอนาคต มาซากิ ซูซูกิ ผู้จัดการทั่วไปสำนักงานตัวแทน TSE ในสิงคโปร์ ได้ปฏิเสธที่จะเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าวว่า เนื้อหาของการหารือเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง ทางตลาดหุ้นโตเกียวยังคงไม่มีแผนเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน SGX สูงไปกว่า 5% ที่ถือครองอยู่ในขณะนี้ พร้อมทั้งระบุว่า ไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัดว่าจะตัดสินใจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเมื่อใด
ปักกิ่งลดราคาตั๋วรถไฟใต้ดิน กระตุ้นคนเมืองใช้ขนส่งสาธารณะรับโอลิมปิค
ทางการกรุงปักกิ่งตัดสินใจปรับลดราคาค่าโดยสารรถไฟใต้ดินลง 30% เพื่อกระตุ้นการใช้บริการขนส่งสาธารณะ ด้วยความหวังจะลดการจราจรที่คับคั่ง และปรับปรุงคุณภาพอากาศก่อนการแข่งขันโอลิมปิคในปีหน้า ระบบราคาบัตรโดยสารราคาเดียว ซึ่งหมายความว่าค่าโดยสารเที่ยวเดียวจะเหลือเพียง 2 หยวน จะเริ่มมีผลวันที่ 7 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่รถไฟใต้ดินสายใหม่ของกรุงปักกิ่งจะเริ่มเปิดดำเนินการ โดยจะวิ่งผ่านใจกลางเมืองจากทิศเหนือไปทิศใต้ จากการเปิดเผยของรัฐบาลท้องถิ่น กรุงปักกิ่งจะมีรถไฟใต้ดินเพิ่มอีก 3 เส้นทางภายในปีหน้า ซึ่งจะมีเส้นทางรวมยาวถึง 200 กิโลเมตร
จีนเตรียมกวาดล้างเหมืองผิดกม.กว่า 1,000 แห่ง ต้อนรับปักกิ่งเกมส์ปีหน้า
ทางการจีนเตรียมออกคำสั่งปิดเหมืองถ่านหินขนาดเล็กที่ไม่มีใบอนุญาตดำเนินกิจการอย่างน้อย 1,000 แห่ง พร้อมทั้งปลดคนงานเหมือนทั้งหมดก่อนที่การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกซึ่งประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจะเปิดฉากขึ้นในปีหน้า ทางการจีนมีคำสั่งให้เจ้าของกิจการเหมืองถ่านหินผิดกฎหมายในกรุงปักกิ่งปิดกิจการในทันที พร้อมทั้งรื้อถอนอุปกรณ์เครื่องมือทั้งหมด และปลดพนักงานภายใน 15 วัน อย่างไรก็ตาม รายงานดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงเหตุผลที่ต้องปิดเหมืองถ่านหินผิดกฎหมายก่อนถึงการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news03/10/07
โพสต์ที่ 126
ตลาดรถยนต์สหรัฐแข่งดุ จีเอ็มและฮอนด้าพุ่ง ฟอร์ด โตโยต้าร่วง
ตลาดรถยนต์สหรัฐเดือนกันยายน พบว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ สามารถเพิ่มยอดขายได้เกือบ 4% ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในสหรัฐ คือ ฟอร์ด อันดับ 3 คือ ไครส์เลอร์ และค่ายรถยนต์ชั้นนำจากเอเชีย คือ โตโยต้า ล้วนมียอดขายลดลงในเดือนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ กลับพุ่งขึ้นถึง 9.4% สาเหตุสำคัญเกิดจาก โครงการส่งเสริมการขายรถยนต์กระบะของค่ายจีเอ็ม ที่สร้างแรงดึงดูดใจได้มากกว่าค่ายอื่นๆ และค่ายฮอนด้า เปิดตัวโฉมใหม่ของรุ่นแอคคอร์ดในตลาดรถยนต์สหรัฐเป็นแห่งแรก
ครัวเรือนเศรษฐีทั่วโลก เพิ่มขึ้น 14% ในปี 2549 ครึ่งหนึ่งในสหรัฐ
บอสตั้น คอนซัลติ้ง กรุ๊ป บริษัทให้บริหารที่ปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐีทั่วโลก พบว่า ในปี 2549 มีจำนวนครัวเรือนที่เข้าขั้นระดับเศรษฐีเพิ่มขึ้น 14% จากปี 2548 ทำให้ครองสัดส่วนความมั่งคั่งทั่วโลกมากถึง 1 ใน 3 หรือราว 33.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ของทั้งหมดที่มีมูลค่าราว 100 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ จำนวนครัวเรือนระดับเศรษฐีมีทั้งหมด 9.6 ล้านครัวเรือน ในจำนวยดังกล่าว มีถึงครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐ และแคนาดา อีก 1 ใน 4 อยู่ในยุโรป และมีเพียง 1 ใน 5 อยู่ในเอเชีย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ตลาดรถยนต์สหรัฐเดือนกันยายน พบว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ สามารถเพิ่มยอดขายได้เกือบ 4% ในขณะที่ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ในสหรัฐ คือ ฟอร์ด อันดับ 3 คือ ไครส์เลอร์ และค่ายรถยนต์ชั้นนำจากเอเชีย คือ โตโยต้า ล้วนมียอดขายลดลงในเดือนดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ยอดขายของฮอนด้า มอเตอร์ กลับพุ่งขึ้นถึง 9.4% สาเหตุสำคัญเกิดจาก โครงการส่งเสริมการขายรถยนต์กระบะของค่ายจีเอ็ม ที่สร้างแรงดึงดูดใจได้มากกว่าค่ายอื่นๆ และค่ายฮอนด้า เปิดตัวโฉมใหม่ของรุ่นแอคคอร์ดในตลาดรถยนต์สหรัฐเป็นแห่งแรก
ครัวเรือนเศรษฐีทั่วโลก เพิ่มขึ้น 14% ในปี 2549 ครึ่งหนึ่งในสหรัฐ
บอสตั้น คอนซัลติ้ง กรุ๊ป บริษัทให้บริหารที่ปรึกษาชั้นนำของโลก เปิดเผยผลสำรวจล่าสุดเกี่ยวกับจำนวนครัวเรือนมหาเศรษฐีทั่วโลก พบว่า ในปี 2549 มีจำนวนครัวเรือนที่เข้าขั้นระดับเศรษฐีเพิ่มขึ้น 14% จากปี 2548 ทำให้ครองสัดส่วนความมั่งคั่งทั่วโลกมากถึง 1 ใน 3 หรือราว 33.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ของทั้งหมดที่มีมูลค่าราว 100 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งนี้ จำนวนครัวเรือนระดับเศรษฐีมีทั้งหมด 9.6 ล้านครัวเรือน ในจำนวยดังกล่าว มีถึงครึ่งหนึ่งอยู่ในสหรัฐ และแคนาดา อีก 1 ใน 4 อยู่ในยุโรป และมีเพียง 1 ใน 5 อยู่ในเอเชีย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news03/10/07
โพสต์ที่ 127
จีนฉลองวันชาติคึกคัก คาดจะมีประชาชน 150 ล้านคนออกเดินทางท่องเที่ยว
ประชาชนชาวจีนหลายล้านคนได้เริ่มฉลองวันชาติของจีนหรือเทศกาลโกลเด้นวี้คที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์นี้ ส่งผลให้สถานีรถไฟและสนามบินต่างๆเต็มไปด้วยประชาชน คาดว่าจะมีประชาชนถึง 150 ล้านคนที่ออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ทางด้านโรงแรมและภัตตาคารต่างๆนั้นก็มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ในย่านพาณิชย์ใจกลางกรุงปักกิ่งก็มีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีประชาชนประมาณ 1.7 ล้านคนเข้ามาเที่ยวในปักกิ่ง สำหรับเซี่ยงไฮ้นั้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 4.2 ล้านคน
เวียดนามเตรียมปล่อย"วีนาแซท"ดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของประเทศ
เวียดนามเตรียมปล่อยดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของประเทศที่ได้ชื่อว่า "วีนาแซท" จะปล่อยสู่วงโคจรวันที่ 28 มีนาคม 2551 และเวียดนาม โพสท์ แอนด์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ กรุ๊ป (VNPT) จะได้รับมอบวันที่ 27 เมษายน 2551 เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ หลังจากที่เริ่มดำเนินการแล้ว ดาวเทียมที่ใช้มูลค่าการลงทุนไปรวม 1.803 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะให้บริการทั้งโทรศัพท์ วิทยุ และโทรทัศน์ ทั่วประเทศโดยไม่มีอุปสรรคด้านภูมิประเทศ สถานีควบคุมดาวเทียมตั้งอยู่ที่ตำบลฮอย ดุค จังหวัด ฮาเทย์ ทางตอนเหนือของประเทศ และสถานีสำรองที่ตำบลเบน คัท ในจังหวัดบินห์ ดอง ทางตอนใต้ของประเทศ
สิงคโปร์จัดสรรเงิน 10 ล้านช่วยบริษัทในประเทศขยายตลาดในละตินอเมริกา
รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมจัดสรรงบประมาณมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยเหลือบริษัทภายในประเทศให้สามารถรุกตลาดละติน-อเมริกาได้เพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้านี้ โครงการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆของสิงคโปร์เรียนรู้และเข้าใจตลาดและผู้ประกอบธุรกิจจากละติน-อเมริกามากขึ้น พร้อมทั้งส่งแรงงานบริษัทสิงคโปร์ไปยังละตินอเมริกา เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการ และการตลาด โครงการดังกล่าวมีชื่อว่าสมาคมธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Fellowship) ซึ่งปัจจุบันมีตลาดเกิดใหม่ในเอเชียกลาง จีน อินเดีย และรัสเซียนั้น จะได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมไปถึงละตินอเมริกา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ประชาชนชาวจีนหลายล้านคนได้เริ่มฉลองวันชาติของจีนหรือเทศกาลโกลเด้นวี้คที่เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันจันทร์นี้ ส่งผลให้สถานีรถไฟและสนามบินต่างๆเต็มไปด้วยประชาชน คาดว่าจะมีประชาชนถึง 150 ล้านคนที่ออกเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ ทางด้านโรงแรมและภัตตาคารต่างๆนั้นก็มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่ในย่านพาณิชย์ใจกลางกรุงปักกิ่งก็มีประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก โดยคาดว่าจะมีประชาชนประมาณ 1.7 ล้านคนเข้ามาเที่ยวในปักกิ่ง สำหรับเซี่ยงไฮ้นั้น คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 4.2 ล้านคน
เวียดนามเตรียมปล่อย"วีนาแซท"ดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของประเทศ
เวียดนามเตรียมปล่อยดาวเทียมสื่อสารดวงแรกของประเทศที่ได้ชื่อว่า "วีนาแซท" จะปล่อยสู่วงโคจรวันที่ 28 มีนาคม 2551 และเวียดนาม โพสท์ แอนด์ เทเลคอมมูนิเคชั่นส์ กรุ๊ป (VNPT) จะได้รับมอบวันที่ 27 เมษายน 2551 เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์เชิงพาณิชย์ หลังจากที่เริ่มดำเนินการแล้ว ดาวเทียมที่ใช้มูลค่าการลงทุนไปรวม 1.803 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ จะให้บริการทั้งโทรศัพท์ วิทยุ และโทรทัศน์ ทั่วประเทศโดยไม่มีอุปสรรคด้านภูมิประเทศ สถานีควบคุมดาวเทียมตั้งอยู่ที่ตำบลฮอย ดุค จังหวัด ฮาเทย์ ทางตอนเหนือของประเทศ และสถานีสำรองที่ตำบลเบน คัท ในจังหวัดบินห์ ดอง ทางตอนใต้ของประเทศ
สิงคโปร์จัดสรรเงิน 10 ล้านช่วยบริษัทในประเทศขยายตลาดในละตินอเมริกา
รัฐบาลสิงคโปร์เตรียมจัดสรรงบประมาณมูลค่า 10 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 6.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อช่วยเหลือบริษัทภายในประเทศให้สามารถรุกตลาดละติน-อเมริกาได้เพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีข้างหน้านี้ โครงการจัดสรรงบประมาณดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยให้บริษัทต่างๆของสิงคโปร์เรียนรู้และเข้าใจตลาดและผู้ประกอบธุรกิจจากละติน-อเมริกามากขึ้น พร้อมทั้งส่งแรงงานบริษัทสิงคโปร์ไปยังละตินอเมริกา เพื่อเข้ารับการฝึกอบรมด้านการบริหารจัดการ และการตลาด โครงการดังกล่าวมีชื่อว่าสมาคมธุรกิจระหว่างประเทศ (International Business Fellowship) ซึ่งปัจจุบันมีตลาดเกิดใหม่ในเอเชียกลาง จีน อินเดีย และรัสเซียนั้น จะได้รับการพัฒนาให้ครอบคลุมไปถึงละตินอเมริกา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news03/10/07
โพสต์ที่ 128
บริษัทต่างชาติลงความเห็นฮ่องกงเป็นเมืองน่าลงทุนที่สุดในเอเชีย
อินเวสท์ ฮ่องกง หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลฮ่องกงพอใจกับผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันนี้ที่ระบุว่า บริษัทต่างชาติและบริษัทจากจีนยังคงมองว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดในทวีปเอเชีย ผลสำรวจดังกล่าวมาจาก "รายงานการศึกษาประจำปีของบริษัทต่างๆในฮ่องกงซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทแม่ที่ตั้งอยู่นอกเกาะฮ่องกง" แนวโน้มการขยายตัวด้านการลงทุนจากต่างประเทศที่แข็งแกร่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการก่อตั้งสำนักงานใหญ่ และสำนักงานประจำภูมิภาคเพิ่มขึ้น 55% แต่ขณะเดียวกันทางหน่วยงานก็มีความกังวลถึงการสร้างปัจจัยอื่นๆที่จำเป็นเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจด้านศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
อินเวสท์ ฮ่องกง หน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลฮ่องกงพอใจกับผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันนี้ที่ระบุว่า บริษัทต่างชาติและบริษัทจากจีนยังคงมองว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่น่าลงทุนมากที่สุดในทวีปเอเชีย ผลสำรวจดังกล่าวมาจาก "รายงานการศึกษาประจำปีของบริษัทต่างๆในฮ่องกงซึ่งเป็นตัวแทนบริษัทแม่ที่ตั้งอยู่นอกเกาะฮ่องกง" แนวโน้มการขยายตัวด้านการลงทุนจากต่างประเทศที่แข็งแกร่งตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการก่อตั้งสำนักงานใหญ่ และสำนักงานประจำภูมิภาคเพิ่มขึ้น 55% แต่ขณะเดียวกันทางหน่วยงานก็มีความกังวลถึงการสร้างปัจจัยอื่นๆที่จำเป็นเพิ่มขึ้นเพื่อทำให้เกิดความมั่นใจด้านศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news03/10/07
โพสต์ที่ 129
กลุ่มค้าปลีกอังกฤษเรียกร้องธ.กลางลดดอกเบี้ย ข่าว 22.00 น.
Posted on Wednesday, October 03, 2007
นายเควิน ฮอว์คกิ้นส์ ผู้อำนวยการทั่วไป กลุ่มบริษัทค้าปลีกของอังกฤษ (BRC) บอกว่า ธนาคารกลางอังกฤษควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประกาศนโยบายวันพรุ่งนี้ เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค หลังจากได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากความกดดันจากเงินเฟ้อได้ปรับลดลงแล้ว โดยขณะนี้ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2 % และคาดว่าในอนาคตจะยังคงลดลงอีก เนื่องจากผู้ปล่อยกู้ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารไว้ที่ 5.75%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
Posted on Wednesday, October 03, 2007
นายเควิน ฮอว์คกิ้นส์ ผู้อำนวยการทั่วไป กลุ่มบริษัทค้าปลีกของอังกฤษ (BRC) บอกว่า ธนาคารกลางอังกฤษควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประกาศนโยบายวันพรุ่งนี้ เพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค หลังจากได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอย่างมาก เนื่องจากความกดดันจากเงินเฟ้อได้ปรับลดลงแล้ว โดยขณะนี้ยังคงต่ำกว่าเป้าหมายที่ 2 % และคาดว่าในอนาคตจะยังคงลดลงอีก เนื่องจากผู้ปล่อยกู้ระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางอังกฤษจะยังคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ธนาคารไว้ที่ 5.75%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news05/10/07
โพสต์ที่ 130
ผู้ว่าเฟดสาขาดัลลัสชี้โลกเผชิญเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากสินค้าเกษตร
นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อ ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุของราคาสินค้าเกษตรเป็นหลัก และภาวะเงินเฟ้อจากราคาสินค้าดังกล่าว อาจเป็นสิ่งที่แบงก์ชาต์ทั่วโลก ไม่จ้องการเห็นแนวโน้มเป็นอย่างนี้ในระยะยาว ทั้งนี้ ชาวเอเชียที่มีฐานะที่ดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ กำลังจับจ่ายใช้สอยกับสินค้าอาหาร และเกษตรอื่นๆเพิ่มสูงมากขึ้น ส่งผลราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้
ผู้ว่าเฟดสาขาดัลลัสชี้เงินเฟ้อมาจากประสิทธิภาพการทำงาน ที่พุ่งขึ้น
ผู้ว่าการเฟดสาขาดัลลัสกล่าวต่อไปอีกว่า ราคาพลังงานต่าง ๆ เช่น น้ำมันดิบ ที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ไม่ได้จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่าตกใจกลัว หรือเป็นแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อเงินเฟ้อเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา เหตุผล คือ หากพิจารณาอย่างรอบคอบจะเห็นว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ไม่ได้มากจากกำลังการผลิตที่จำกัด แต่เกิดจากความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมากมายของภาคเอกชน ที่ต้องการผลิตสินค้ามากขึ้น ด้วยราคาที่ขายได้มากขึ้น จากกำลังซื้อที่พุ่งขึ้น เช่น ในเอเชีย
สหรัฐเรียกคืนของที่ระลึกกว่า 5 แสนชิ้นที่ผลิตจากจีน
คณะกรรมการธิการความปลอดภัยผู้บริโภคสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกเก็บของที่ระลึกประเภทตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียง เช่น พวงกุญแจ สมุดบันทึกวินนี่ เดอะพูห์ และกล่องสีเบบี้ไอน์สไตน์ รวมกันเป็นจำนวนมากกว่า 5 แสนชิ้น ซึ่งพบว่า มีปริมาณสารตะกั่วปนอยู่ในปริมาณสูงกว่ามาตรฐาน ที่สำคัญ ทั้งหมดทำจากจีนแผ่นดินใหญ่ คณะกรรมาธิการดังกล่าว ชี้ว่า บริษัท ดอลลาร์ เจนเนอรัล เมอร์แชนไดซิ่ง อินคอร์ปอเรชั่น ขายพวงกุญแจที่พบปัญหาดังกล่าวมากถึง 1.92 แสนชิ้น ด้วยราคาชิ้นละ 35 บาท
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นายริชาร์ด ฟิชเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาดัลลัส กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกกำลังได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อ ที่กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุของราคาสินค้าเกษตรเป็นหลัก และภาวะเงินเฟ้อจากราคาสินค้าดังกล่าว อาจเป็นสิ่งที่แบงก์ชาต์ทั่วโลก ไม่จ้องการเห็นแนวโน้มเป็นอย่างนี้ในระยะยาว ทั้งนี้ ชาวเอเชียที่มีฐานะที่ดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ กำลังจับจ่ายใช้สอยกับสินค้าอาหาร และเกษตรอื่นๆเพิ่มสูงมากขึ้น ส่งผลราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่องในอนาคตอันใกล้
ผู้ว่าเฟดสาขาดัลลัสชี้เงินเฟ้อมาจากประสิทธิภาพการทำงาน ที่พุ่งขึ้น
ผู้ว่าการเฟดสาขาดัลลัสกล่าวต่อไปอีกว่า ราคาพลังงานต่าง ๆ เช่น น้ำมันดิบ ที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ไม่ได้จัดเป็นปัจจัยเสี่ยงที่น่าตกใจกลัว หรือเป็นแรงกดดันอย่างรุนแรงต่อเงินเฟ้อเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา เหตุผล คือ หากพิจารณาอย่างรอบคอบจะเห็นว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ไม่ได้มากจากกำลังการผลิตที่จำกัด แต่เกิดจากความต้องการในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอย่างมากมายของภาคเอกชน ที่ต้องการผลิตสินค้ามากขึ้น ด้วยราคาที่ขายได้มากขึ้น จากกำลังซื้อที่พุ่งขึ้น เช่น ในเอเชีย
สหรัฐเรียกคืนของที่ระลึกกว่า 5 แสนชิ้นที่ผลิตจากจีน
คณะกรรมการธิการความปลอดภัยผู้บริโภคสหรัฐ เปิดเผยว่า ได้มีการเรียกเก็บของที่ระลึกประเภทตัวการ์ตูนที่มีชื่อเสียง เช่น พวงกุญแจ สมุดบันทึกวินนี่ เดอะพูห์ และกล่องสีเบบี้ไอน์สไตน์ รวมกันเป็นจำนวนมากกว่า 5 แสนชิ้น ซึ่งพบว่า มีปริมาณสารตะกั่วปนอยู่ในปริมาณสูงกว่ามาตรฐาน ที่สำคัญ ทั้งหมดทำจากจีนแผ่นดินใหญ่ คณะกรรมาธิการดังกล่าว ชี้ว่า บริษัท ดอลลาร์ เจนเนอรัล เมอร์แชนไดซิ่ง อินคอร์ปอเรชั่น ขายพวงกุญแจที่พบปัญหาดังกล่าวมากถึง 1.92 แสนชิ้น ด้วยราคาชิ้นละ 35 บาท
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news05/10/07
โพสต์ที่ 131
ไต้หวันเตรียมยกเลิกเกณฑ์กำหนดสัดส่วนการถือหุ้นแบงก์ เปิดโอกาสให้ควบรวมกันมากขึ้น
นางซูซานจาง รองประธานคณะกรรมการ กำกับภาคการเงินไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวัน เตรียมยกเลิกข้อจำกัดการถือหุ้นธนาคาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจการ สร้างความแข็งแกร่ง และขยายขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น โดยมาตรการใหม่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ สามารถถือหุ้นธนาคารได้อย่างเสรี ในขณะที่กฎหมายดังกล่าวในปัจจุบัน ระบุให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ที่สามารถถือหุ้นในธนาคารได้เกินกว่า 25% ปัจจุบันนี้ สถาบันการเงินที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในไต้หวันอย่างเต็มตัว ได้แก่ City Group สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ และ ABN EMBRO
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นางซูซานจาง รองประธานคณะกรรมการ กำกับภาคการเงินไต้หวัน กล่าวว่า ไต้หวัน เตรียมยกเลิกข้อจำกัดการถือหุ้นธนาคาร เพื่อกระตุ้นให้เกิดการควบรวมกิจการ สร้างความแข็งแกร่ง และขยายขีดความสามารถในการแข่งขันให้มากขึ้น โดยมาตรการใหม่จะเปิดโอกาสให้นักลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ สามารถถือหุ้นธนาคารได้อย่างเสรี ในขณะที่กฎหมายดังกล่าวในปัจจุบัน ระบุให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐเท่านั้น ที่สามารถถือหุ้นในธนาคารได้เกินกว่า 25% ปัจจุบันนี้ สถาบันการเงินที่เข้าไปดำเนินธุรกิจในไต้หวันอย่างเต็มตัว ได้แก่ City Group สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ และ ABN EMBRO
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news06/10/07
โพสต์ที่ 132
จุดเปลี่ยนเศรษฐกิจเกาหลี อุตฯพื้นฐานโตแทนอิเล็กทรอนิกส์
ที่ผ่านมา "เกาหลีใต้" ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ปัจจุบันนักลงทุนต่างรู้ดีว่า สินค้าไฮเทคเหล่านี้ไม่ใช่ธุรกิจดาวรุ่งสำหรับเกาหลีอีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากผลกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของบรรดาบริษัทที่อยู่ในธุรกิจนี้
ไม่ว่าจะเป็น "ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์" ที่มีผลกำไรลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว เนื่องจากราคาเมโมรีชิปที่ลดลง รวมถึง "ฮุนได มอเตอร์" ยักษ์รถยนต์แดนกิมจิที่ติดหล่มเนื่องจากค่าเงินวอนของเกาหลีที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น
บิสซิเนส วีก ระบุว่า ขณะที่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในขณะนี้ แต่ธุรกิจที่มาแรงจนถึงขนาดดันให้ดัชนีคอสปีในตลาดหุ้นเกาหลีโตพรวดถึง 34% ในปีนี้ ทั้งที่เกิดปัญหาวิกฤตสินเชื่อในสหรัฐ กลับเป็นอุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย อาทิ โรงงานผลิตเหล็ก ธุรกิจต่อเรือ ปิโตรเคมี และผลิตปล่องไฟสำหรับอุตสาหกรรม ที่ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนและตะวันออกกลาง
ดังจะเห็นได้จากการที่หุ้นในบริษัท "แอลจี เคม" ซึ่งเป็น ผู้ผลิตสินค้าปิโตรเคมี รวมถึงบริษัทพอสโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ส่วนหุ้น "ฮุนได เฮฟวี อินดัสตรี้ส์" ผู้ต่อเรือรายใหญ่ของโลกที่แยกกิจการ จากฮุนได มอเตอร์ไปตั้งแต่ปี 2545 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
เทียบกับหุ้นของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลง 13% ขณะที่หุ้นของฮุนได มอเตอร์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 5% เท่านั้น
"ปาร์ค คยุง มิน" ประธานบริหารกองทุน "ฮันการาม อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์" กล่าวว่า นี่ถึงเวลาที่ต้องลืม ยุคดิจิทัล (digital era) และการตลาดแบบหวือหวาไปได้แล้ว เพราะมันเป็นยุคของจีนและตลาดเกิดใหม่ที่เข้ามาแทนที่
ย้อนกลับไปในยุค 90 อุตสาหกรรมดั้งเดิมของเกาหลี เหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่ในภาวะซบเซา เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังอยู่ในยุคบูมสุดๆ ทำให้บรรดาโรงงานและธุรกิจปิโตรเคมีต่างลงเอยด้วยหนี้สินอีนุงตุงนังจากพิษวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 ขณะที่ไม่มีประเทศใดยอมทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านการผลิต และอุตสาหกรรมพื้นฐานจำนวนมากก็ต้องเผชิญกับภาวะ โอเวอร์ซัพพลาย
สถานการณ์ของเกาหลีในช่วงปี 2541 มีกำลังการผลิตเหล็กเกือบ 50 ล้านตัน มากกว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศถึง 2 เท่า ยิ่งมีการสร้างโรงงานเอทิลีนเพิ่มในเกาหลีอีก 2 แห่ง ยิ่งทำให้ซัพพลายในโลกล้นความต้องการมากขึ้น รวมถึงอู่ต่อเรือของเกาหลีก็สร้างโรงงานเพิ่มในช่วงนั้น ทั้งที่คู่แข่งเผชิญกับภาวะการผลิตล้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนั้นกลับส่งผลดีต่อเกาหลีในปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังเติบโตอย่างร้อนแรง ภาวะโอเวอร์ซัพพลายของสินค้าพื้นฐาน เปลี่ยนเป็นขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้เกาหลีได้รับประโยชน์ เพราะมีความพร้อมในการผลิตเหล็ก เรือขนส่งสินค้า และพลาสติกที่เป็นที่ต้องการในทุกๆ อุตสาหกรรม ตั้งแต่เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ไปจนถึงกันชนของรถยนต์
จนถึงขณะนี้ ทั้งฮุนได เฮฟวี อินดัสตรี้ส์ รวมถึงซัมซุง เฮฟวี อินดัสตรี้ส์ และแดวู ชิพบิลดิ้ง แอนด์ มารีน เอ็นจิเนียริ่ง ผู้ผลิตเรือขนส่งของเกาหลีค้างส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อสะสมมา ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการค้าระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้น ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกเหล็กขยายตัวถึง 26% ส่วนเรือและเครื่องจักรกลหนัก อาทิ รถแทรกเตอร์ปรับผิวดิน มียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 25% และสินค้าปิโตรเคมีเพิ่ม 22%
"คิม แต ฮัน" หัวหน้านักยุทธศาสตร์บริษัท ซัมซุง โททัล ปิโตรเคมีคัล บริษัทในเครือ ซัมซุงที่ร่วมทุนกับบริษัทน้ำมัน "โททัล" ของฝรั่งเศส กล่าวว่า จีนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราพ้นจากภาวะหนี้สิน และเริ่มเข้าสู่วงจรแห่งผลกำไรและการเติบโต
โดยผลกำไรในครึ่งแรกของปีนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 16% อยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าบริษัทเกาหลีจะไม่ได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา เพราะบริษัทหลายแห่งก็ตกอยู่ในสภาพลำบาก และบางแห่งก็ลงเอยด้วยการขายกิจการไปก็มี อาทิ ฮุนได ปิโตรเคมีคัล ที่มีหนี้สินอยู่มากถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์ หลังจากสร้างโรงงานเอทิลีนแห่งใหม่ จนต้องเข้าไปสู่กระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ในปี 2544 ส่วน "ฮันโบ สตีล" ก็ต้องเผชิญกับภาวะล้มละลายในปี 2540 หลังจากมีหนี้สินมากถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์
แต่โชคดีที่โรงงานหลายแห่งเป็นผู้ผลิตสินค้าไฮเทคที่ใครๆ ก็อยากได้ ทำให้ฮันโบถูกบริษัทฮุนได สตีล ซื้อกิจการไปในปี 2547 ด้วยมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์
"คิม ซัง กู" หัวหน้านักกลยุทธ์ธุรกิจจาก "ฮุนได สตีล" ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ในเกาหลี กล่าวว่า วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้กับบริษัทในการซื้อโรงงานที่ทันสมัยมาด้วยราคาที่แสนถูก
ปัจจุบันยอดขายของฮุนได สตีลเพิ่มขึ้น 38% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีมูลค่าราว 4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกโตขึ้น 47% อยู่ที่ 950 ล้านดอลลาร์
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0205
ที่ผ่านมา "เกาหลีใต้" ขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์กลางการผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก แต่ปัจจุบันนักลงทุนต่างรู้ดีว่า สินค้าไฮเทคเหล่านี้ไม่ใช่ธุรกิจดาวรุ่งสำหรับเกาหลีอีกต่อไปแล้ว เมื่อพิจารณาจากผลกำไรที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของบรรดาบริษัทที่อยู่ในธุรกิจนี้
ไม่ว่าจะเป็น "ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์" ที่มีผลกำไรลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว เนื่องจากราคาเมโมรีชิปที่ลดลง รวมถึง "ฮุนได มอเตอร์" ยักษ์รถยนต์แดนกิมจิที่ติดหล่มเนื่องจากค่าเงินวอนของเกาหลีที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ความได้เปรียบในเรื่องต้นทุนการผลิตลดลงเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่างญี่ปุ่น
บิสซิเนส วีก ระบุว่า ขณะที่ธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ต้องเผชิญกับความยากลำบากในขณะนี้ แต่ธุรกิจที่มาแรงจนถึงขนาดดันให้ดัชนีคอสปีในตลาดหุ้นเกาหลีโตพรวดถึง 34% ในปีนี้ ทั้งที่เกิดปัญหาวิกฤตสินเชื่อในสหรัฐ กลับเป็นอุตสาหกรรมหนักทั้งหลาย อาทิ โรงงานผลิตเหล็ก ธุรกิจต่อเรือ ปิโตรเคมี และผลิตปล่องไฟสำหรับอุตสาหกรรม ที่ได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะในจีนและตะวันออกกลาง
ดังจะเห็นได้จากการที่หุ้นในบริษัท "แอลจี เคม" ซึ่งเป็น ผู้ผลิตสินค้าปิโตรเคมี รวมถึงบริษัทพอสโค ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่า ส่วนหุ้น "ฮุนได เฮฟวี อินดัสตรี้ส์" ผู้ต่อเรือรายใหญ่ของโลกที่แยกกิจการ จากฮุนได มอเตอร์ไปตั้งแต่ปี 2545 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
เทียบกับหุ้นของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ที่ลดลง 13% ขณะที่หุ้นของฮุนได มอเตอร์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเพียง 5% เท่านั้น
"ปาร์ค คยุง มิน" ประธานบริหารกองทุน "ฮันการาม อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์" กล่าวว่า นี่ถึงเวลาที่ต้องลืม ยุคดิจิทัล (digital era) และการตลาดแบบหวือหวาไปได้แล้ว เพราะมันเป็นยุคของจีนและตลาดเกิดใหม่ที่เข้ามาแทนที่
ย้อนกลับไปในยุค 90 อุตสาหกรรมดั้งเดิมของเกาหลี เหล่านี้ดูเหมือนจะอยู่ในภาวะซบเซา เมื่อเทียบกับบริษัทเทคโนโลยีที่กำลังอยู่ในยุคบูมสุดๆ ทำให้บรรดาโรงงานและธุรกิจปิโตรเคมีต่างลงเอยด้วยหนี้สินอีนุงตุงนังจากพิษวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงปี 2540 ขณะที่ไม่มีประเทศใดยอมทุ่มเงินจำนวนมากไปกับการก่อสร้างสาธารณูปโภคด้านการผลิต และอุตสาหกรรมพื้นฐานจำนวนมากก็ต้องเผชิญกับภาวะ โอเวอร์ซัพพลาย
สถานการณ์ของเกาหลีในช่วงปี 2541 มีกำลังการผลิตเหล็กเกือบ 50 ล้านตัน มากกว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศถึง 2 เท่า ยิ่งมีการสร้างโรงงานเอทิลีนเพิ่มในเกาหลีอีก 2 แห่ง ยิ่งทำให้ซัพพลายในโลกล้นความต้องการมากขึ้น รวมถึงอู่ต่อเรือของเกาหลีก็สร้างโรงงานเพิ่มในช่วงนั้น ทั้งที่คู่แข่งเผชิญกับภาวะการผลิตล้น
แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนั้นกลับส่งผลดีต่อเกาหลีในปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังเติบโตอย่างร้อนแรง ภาวะโอเวอร์ซัพพลายของสินค้าพื้นฐาน เปลี่ยนเป็นขาดแคลนอย่างหนัก ทำให้เกาหลีได้รับประโยชน์ เพราะมีความพร้อมในการผลิตเหล็ก เรือขนส่งสินค้า และพลาสติกที่เป็นที่ต้องการในทุกๆ อุตสาหกรรม ตั้งแต่เครื่องเล่นเอ็มพี 3 ไปจนถึงกันชนของรถยนต์
จนถึงขณะนี้ ทั้งฮุนได เฮฟวี อินดัสตรี้ส์ รวมถึงซัมซุง เฮฟวี อินดัสตรี้ส์ และแดวู ชิพบิลดิ้ง แอนด์ มารีน เอ็นจิเนียริ่ง ผู้ผลิตเรือขนส่งของเกาหลีค้างส่งสินค้าตามคำสั่งซื้อสะสมมา ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการค้าระหว่างจีนและประเทศอื่นๆ ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้น ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ การส่งออกเหล็กขยายตัวถึง 26% ส่วนเรือและเครื่องจักรกลหนัก อาทิ รถแทรกเตอร์ปรับผิวดิน มียอดส่งออกเพิ่มขึ้น 25% และสินค้าปิโตรเคมีเพิ่ม 22%
"คิม แต ฮัน" หัวหน้านักยุทธศาสตร์บริษัท ซัมซุง โททัล ปิโตรเคมีคัล บริษัทในเครือ ซัมซุงที่ร่วมทุนกับบริษัทน้ำมัน "โททัล" ของฝรั่งเศส กล่าวว่า จีนเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เราพ้นจากภาวะหนี้สิน และเริ่มเข้าสู่วงจรแห่งผลกำไรและการเติบโต
โดยผลกำไรในครึ่งแรกของปีนี้ของบริษัทเพิ่มขึ้น 16% อยู่ที่ 250 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายอยู่ที่ 1.8 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าบริษัทเกาหลีจะไม่ได้รับผลกระทบในช่วงที่ผ่านมา เพราะบริษัทหลายแห่งก็ตกอยู่ในสภาพลำบาก และบางแห่งก็ลงเอยด้วยการขายกิจการไปก็มี อาทิ ฮุนได ปิโตรเคมีคัล ที่มีหนี้สินอยู่มากถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์ หลังจากสร้างโรงงานเอทิลีนแห่งใหม่ จนต้องเข้าไปสู่กระบวนการพิทักษ์ทรัพย์ในปี 2544 ส่วน "ฮันโบ สตีล" ก็ต้องเผชิญกับภาวะล้มละลายในปี 2540 หลังจากมีหนี้สินมากถึง 4.4 พันล้านดอลลาร์
แต่โชคดีที่โรงงานหลายแห่งเป็นผู้ผลิตสินค้าไฮเทคที่ใครๆ ก็อยากได้ ทำให้ฮันโบถูกบริษัทฮุนได สตีล ซื้อกิจการไปในปี 2547 ด้วยมูลค่า 750 ล้านดอลลาร์
"คิม ซัง กู" หัวหน้านักกลยุทธ์ธุรกิจจาก "ฮุนได สตีล" ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 2 ในเกาหลี กล่าวว่า วิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นสร้างโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้กับบริษัทในการซื้อโรงงานที่ทันสมัยมาด้วยราคาที่แสนถูก
ปัจจุบันยอดขายของฮุนได สตีลเพิ่มขึ้น 38% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีมูลค่าราว 4 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกโตขึ้น 47% อยู่ที่ 950 ล้านดอลลาร์
http://matichon.co.th/prachachat/pracha ... ionid=0205
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news08/10/07
โพสต์ที่ 133
'อินเดีย'จะแซง'จีน'เป็นศูนย์อุตฯโลกใน5ปี
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2550 10:03 น.
เอเอฟพี - อินเดียสามารถที่จะผงาดขึ้นมาท้าทายจีน เพื่อชิงตำแหน่งความเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมของโลก ภายในเวลาเวลา 5 ปีนับจากนี้ไป ในขณะที่แดนมังกรกำลังสูญเสียความได้เปรียบในเรื่องค่าแรงถูก ส่วนแดนภารตะก็กำลังอุดข้อด้อย โดยเฉพาะเรื่องความย่ำแย่ของโครงสร้างพื้นฐาน
เวลานี้จีนยังคงเป็นที่หมายยอดนิยมสำหรับบริษัทต่างๆ ในโลก ในการใช้เป็นฐานเอาต์ซอร์สการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม ขณะที่อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในฐานะแหล่งเอาต์ซอร์สงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, งานแบ็กออฟฟิศด้านการเงิน, และงานบริการลูกค้าต่างๆ ทั้งนี้ตามรายงานชิ้นใหม่ของ แคปเจมินี คอนซัลติ้ง เซอร์วิเซส บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีใหญ่ที่สุดทางแถบยุโรป
ทว่า รอย เลนเดอร์ส รองประธานกรรมการบริหารของ แคปเจมินี และเป็นผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ ระบุว่า มีความสนใจกันอย่างมากมายที่จะโยกย้ายการผลิตทางอุตสาหกรรมไปยังอินเดียมากขึ้น
อันที่จริงแล้ว "อินเดียสามารถท้าทายฐานะของจีนในการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมของโลก ในเวลา 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า" เลนเดอร์บอกโดยอ้างผลสำรวจความเห็นของบริษัทต่างๆ 340 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ติดอันดับ 500 บริษัทอุตสาหกรรมการผลิตใหญ่ที่สุดของโลก ที่จัดทำโดยนิตยสารฟอร์จูน
"สิ่งที่เราทำให้เราประหลาดใจคือ เมื่อเราถามถึงแผนการของพวกเขาใน 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า พวกเขาตอบว่าการเอาต์ซอร์สงานการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม (ไปยังอินเดีย) มีลำดับความสำคัญสูงกว่าการเอาต์ซอร์สงานแบ็กออฟฟิศไปที่นั่นเสียอีก" เลนเดอร์สให้สัมภาษณ์เอเอฟพีทางโทรศัพท์
เขาชี้ว่า ผลการสำรวจบ่งบอกว่า การผลิตทางอุตสาหกรรมกำลังจะกลายเป็นกิจกรรมหมายเลขหนึ่ง ซึ่งบริษัทต่างๆ จะเอาต์ซอร์สไปให้อินเดียทำในระยะไม่กี่ปีต่อจากนี้ไป โดยจะแซงหน้ามีความสำคัญเหนือพวกงานไอทีและงานในกระบวนการทางธุรกิจที่เรียกว่าแบ็กออฟฟิศ ซึ่งแดนภารตะกำลังรับกันเนื้อๆ อยู่ในตอนนี้
ปัจจุบัน จีนมีส่วนแบ่งในการส่งออกสินค้าด้านอุตสาหกรรมของโลกอยู่ถึงกว่า 8% ขณะที่อินเดียยังอยู่ที่เกือบๆ 1% เท่านั้น เรียกว่าเทียบกันไม่ได้เลย แต่เลนเดอร์สบอกว่า ปัจจัยสำคัญที่กำลังขับดันให้การผลิตทางอุตสาหกรรมในแดนภารตะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ก็คือ เรื่องของราคา โดยที่แหล่งอุตสาหกรรมการผลิตหลักๆ ของจีนบางแห่งเวลานี้กำลังมีราคาแพงเกินไปแล้ว
ตัวอย่างเช่น ค่าจ้างในภาคการผลิตทางอุตสาหกรรมของจีนขณะนี้อยู่ที่ราวๆ เดือนละ 250 ถึง 350 ดอลลาร์ แต่ในไทยและส่วนอื่นๆ ของเอเชียเฉลี่ยอยู่แถวๆ เดือนละ 100 ถึง 200 ดอลลาร์ ยิ่งในอินเดียด้วยแล้ว งานตามโรงงานเริ่มต้นกันที่เดือนละ 60 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เลนเดอร์สชี้ว่าสิ่งที่อินเดียจะต้องเร่งปรับปรุงก็คือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทซึ่งสำรวจคราวนี้ที่เป็นพวกเอาซอร์สเอางานด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมไปทำที่แดนภารตะแล้ว มีเกือบครึ่งหนึ่งทีเดียวบ่นพึมถึง การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมและด้านห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)
บรรดานักวิเคราะห์มักยกกรณีของบริษัทฮุนได มอเตอร์ แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งไปสร้างโรงงานรถยนต์มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่เมืองเชนไน ทางภาคใต้ของอินเดีย โดยเปิดดำเนินงานในปี 1998 และปรากฏว่าสามารถส่งออกรถยนต์ได้ปีละนับหมื่นนับแสนคัน นักวิเคราะห์เหล่านี้บอกว่านี่คือตัวอย่างที่อาจจะเป็นอนาคตสำหรับเศรษฐกิจของอินเดีย
ฮุนไดกำลังโยกย้ายฐานการผลิตรถยนต์รุ่นเล็กสุดของตนไปยังอินเดียมากัพกหนึ่งแล้ว เพื่ออาศัยความได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ต่ำกว่า ปัจจุบันบริษัทอื่นๆ ก็เอาอย่างบ้าง
สมาคมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ของอินเดียคาดหมายว่า ทั่วโลกจะเอาต์ซอร์สมาทำชิ้นส่วนอะไหล่กันในแดนภารตะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวสู่ระดับ 5,900 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า และจะทะลุหลัก 20,000 ล้านดอลลาร์ในเวลา 7 ปี
เลนเดอร์สบอกว่า บริษัทต่างๆ ที่บุกเข้าอินเดีย ไม่เพียงคิดเรื่องการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังจับจ้องตลาดภายในประเทศขนาดยักษ์ที่มีพลเมือง 1,100 ล้านคนของแดนภารตะด้วย พร้อมๆ กับที่อินเดียก็กำลังผลักดันปรับปรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานกันอย่างใหญ่โต
"อินเดียกำลังมีการก่อสร้างกันอย่างมากมายอย่างรวดเร็วเหลือเกิน กำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง ดังนั้นจึงน่าจะมีพวกซัปพลายเออร์จำนวนมากไปที่นั่น" เขาคาดหมาย
http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000118825
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2550 10:03 น.
เอเอฟพี - อินเดียสามารถที่จะผงาดขึ้นมาท้าทายจีน เพื่อชิงตำแหน่งความเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมของโลก ภายในเวลาเวลา 5 ปีนับจากนี้ไป ในขณะที่แดนมังกรกำลังสูญเสียความได้เปรียบในเรื่องค่าแรงถูก ส่วนแดนภารตะก็กำลังอุดข้อด้อย โดยเฉพาะเรื่องความย่ำแย่ของโครงสร้างพื้นฐาน
เวลานี้จีนยังคงเป็นที่หมายยอดนิยมสำหรับบริษัทต่างๆ ในโลก ในการใช้เป็นฐานเอาต์ซอร์สการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม ขณะที่อินเดียได้รับความนิยมมากกว่าในฐานะแหล่งเอาต์ซอร์สงานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ, งานแบ็กออฟฟิศด้านการเงิน, และงานบริการลูกค้าต่างๆ ทั้งนี้ตามรายงานชิ้นใหม่ของ แคปเจมินี คอนซัลติ้ง เซอร์วิเซส บริษัทที่ปรึกษาด้านไอทีใหญ่ที่สุดทางแถบยุโรป
ทว่า รอย เลนเดอร์ส รองประธานกรรมการบริหารของ แคปเจมินี และเป็นผู้เขียนรายงานชิ้นนี้ ระบุว่า มีความสนใจกันอย่างมากมายที่จะโยกย้ายการผลิตทางอุตสาหกรรมไปยังอินเดียมากขึ้น
อันที่จริงแล้ว "อินเดียสามารถท้าทายฐานะของจีนในการเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมของโลก ในเวลา 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า" เลนเดอร์บอกโดยอ้างผลสำรวจความเห็นของบริษัทต่างๆ 340 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่ติดอันดับ 500 บริษัทอุตสาหกรรมการผลิตใหญ่ที่สุดของโลก ที่จัดทำโดยนิตยสารฟอร์จูน
"สิ่งที่เราทำให้เราประหลาดใจคือ เมื่อเราถามถึงแผนการของพวกเขาใน 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า พวกเขาตอบว่าการเอาต์ซอร์สงานการผลิตทางด้านอุตสาหกรรม (ไปยังอินเดีย) มีลำดับความสำคัญสูงกว่าการเอาต์ซอร์สงานแบ็กออฟฟิศไปที่นั่นเสียอีก" เลนเดอร์สให้สัมภาษณ์เอเอฟพีทางโทรศัพท์
เขาชี้ว่า ผลการสำรวจบ่งบอกว่า การผลิตทางอุตสาหกรรมกำลังจะกลายเป็นกิจกรรมหมายเลขหนึ่ง ซึ่งบริษัทต่างๆ จะเอาต์ซอร์สไปให้อินเดียทำในระยะไม่กี่ปีต่อจากนี้ไป โดยจะแซงหน้ามีความสำคัญเหนือพวกงานไอทีและงานในกระบวนการทางธุรกิจที่เรียกว่าแบ็กออฟฟิศ ซึ่งแดนภารตะกำลังรับกันเนื้อๆ อยู่ในตอนนี้
ปัจจุบัน จีนมีส่วนแบ่งในการส่งออกสินค้าด้านอุตสาหกรรมของโลกอยู่ถึงกว่า 8% ขณะที่อินเดียยังอยู่ที่เกือบๆ 1% เท่านั้น เรียกว่าเทียบกันไม่ได้เลย แต่เลนเดอร์สบอกว่า ปัจจัยสำคัญที่กำลังขับดันให้การผลิตทางอุตสาหกรรมในแดนภารตะได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ก็คือ เรื่องของราคา โดยที่แหล่งอุตสาหกรรมการผลิตหลักๆ ของจีนบางแห่งเวลานี้กำลังมีราคาแพงเกินไปแล้ว
ตัวอย่างเช่น ค่าจ้างในภาคการผลิตทางอุตสาหกรรมของจีนขณะนี้อยู่ที่ราวๆ เดือนละ 250 ถึง 350 ดอลลาร์ แต่ในไทยและส่วนอื่นๆ ของเอเชียเฉลี่ยอยู่แถวๆ เดือนละ 100 ถึง 200 ดอลลาร์ ยิ่งในอินเดียด้วยแล้ว งานตามโรงงานเริ่มต้นกันที่เดือนละ 60 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เลนเดอร์สชี้ว่าสิ่งที่อินเดียจะต้องเร่งปรับปรุงก็คือเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โดยบริษัทซึ่งสำรวจคราวนี้ที่เป็นพวกเอาซอร์สเอางานด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมไปทำที่แดนภารตะแล้ว มีเกือบครึ่งหนึ่งทีเดียวบ่นพึมถึง การขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านการผลิตทางอุตสาหกรรมและด้านห่วงโซ่อุปทาน (supply chain)
บรรดานักวิเคราะห์มักยกกรณีของบริษัทฮุนได มอเตอร์ แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งไปสร้างโรงงานรถยนต์มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์ ที่เมืองเชนไน ทางภาคใต้ของอินเดีย โดยเปิดดำเนินงานในปี 1998 และปรากฏว่าสามารถส่งออกรถยนต์ได้ปีละนับหมื่นนับแสนคัน นักวิเคราะห์เหล่านี้บอกว่านี่คือตัวอย่างที่อาจจะเป็นอนาคตสำหรับเศรษฐกิจของอินเดีย
ฮุนไดกำลังโยกย้ายฐานการผลิตรถยนต์รุ่นเล็กสุดของตนไปยังอินเดียมากัพกหนึ่งแล้ว เพื่ออาศัยความได้เปรียบเรื่องต้นทุนที่ต่ำกว่า ปัจจุบันบริษัทอื่นๆ ก็เอาอย่างบ้าง
สมาคมผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ของอินเดียคาดหมายว่า ทั่วโลกจะเอาต์ซอร์สมาทำชิ้นส่วนอะไหล่กันในแดนภารตะเพิ่มขึ้น 2 เท่าตัวสู่ระดับ 5,900 ล้านดอลลาร์ในปีหน้า และจะทะลุหลัก 20,000 ล้านดอลลาร์ในเวลา 7 ปี
เลนเดอร์สบอกว่า บริษัทต่างๆ ที่บุกเข้าอินเดีย ไม่เพียงคิดเรื่องการส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศเท่านั้น แต่ยังจับจ้องตลาดภายในประเทศขนาดยักษ์ที่มีพลเมือง 1,100 ล้านคนของแดนภารตะด้วย พร้อมๆ กับที่อินเดียก็กำลังผลักดันปรับปรุงด้านโครงสร้างพื้นฐานกันอย่างใหญ่โต
"อินเดียกำลังมีการก่อสร้างกันอย่างมากมายอย่างรวดเร็วเหลือเกิน กำลังปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของตนเอง ดังนั้นจึงน่าจะมีพวกซัปพลายเออร์จำนวนมากไปที่นั่น" เขาคาดหมาย
http://www.manager.co.th/Around/ViewNew ... 0000118825
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news08/10/07
โพสต์ที่ 134
จีนเผยธุรกิจธนาคารแดนมังกรครึ่งปีแรกทำกำไร 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์
คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนเปิดเผยว่า ธุรกิจธนาคารจีนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 2.68 แสนล้านหยวน หรือ 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราหนี้เสียของธนาคารในจีนปรับตัวลงเหลือ 8.98% ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน สินทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แตะ 48.5 ล้านล้านหยวน เนื่องจากได้รับปัจจัยกระตุ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวในระดับ 2 หลัก
ญี่ปุ่นวอน มหาอำนาจร่วมมือโครงการลดก๊าซเรือนกระจก มุ่งแก้ปัญหาโลกร้อน
นายยาซูโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เรียกร้องให้บรรดาประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ของโลกให้ความร่วมมือในแผนการลดภาวะโลกร้อน พร้อมทั้งชี้ว่าการประสานความร่วมมือระหว่างกันและความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในปี 2593 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังแสดงความหวังที่จะเดินหน้าคิดค้นพลังงานรุ่นใหม่ต่อไปผ่านการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพื่อให้มวลมนุษยชาติสามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หารือการพัฒนาแหล่งน้ำมันร่วมกัน
สื่อมวลชนของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ โดยอ้างถ้อยแถลงของนายควอน โอ-คิวรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ที่ระบุว่า เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ได้เจรจาถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมกันพัฒนาแหล่งน้ำมันในเกาหลีเหนือระหว่างการประชุมสุดยอดของทั้งสองประเทศเมื่อไม่กี่วันมานี้และอาจจะหารือเรื่องนี้อีกในคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจชุดใหม่ของทั้งสองประเทศหลังจากที่การเจรจาของผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่สงครามเกาหลีเป็นต้นมาได้สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนเปิดเผยว่า ธุรกิจธนาคารจีนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรทั้งสิ้น 2.68 แสนล้านหยวน หรือ 3.58 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราหนี้เสียของธนาคารในจีนปรับตัวลงเหลือ 8.98% ในช่วงสิ้นเดือนมิ.ย. ขณะเดียวกัน สินทรัพย์ทั้งหมดของธนาคารเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่า แตะ 48.5 ล้านล้านหยวน เนื่องจากได้รับปัจจัยกระตุ้นจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศที่ขยายตัวในระดับ 2 หลัก
ญี่ปุ่นวอน มหาอำนาจร่วมมือโครงการลดก๊าซเรือนกระจก มุ่งแก้ปัญหาโลกร้อน
นายยาซูโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น เรียกร้องให้บรรดาประเทศผู้ปล่อยก๊าซเรือนกระจกรายใหญ่ของโลกให้ความร่วมมือในแผนการลดภาวะโลกร้อน พร้อมทั้งชี้ว่าการประสานความร่วมมือระหว่างกันและความก้าวหน้าด้านวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ภายในปี 2593 นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นยังแสดงความหวังที่จะเดินหน้าคิดค้นพลังงานรุ่นใหม่ต่อไปผ่านการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์และเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพื่อให้มวลมนุษยชาติสามารถดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างยั่งยืน
เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้หารือการพัฒนาแหล่งน้ำมันร่วมกัน
สื่อมวลชนของเกาหลีใต้รายงานวันนี้ โดยอ้างถ้อยแถลงของนายควอน โอ-คิวรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ที่ระบุว่า เกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ได้เจรจาถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมกันพัฒนาแหล่งน้ำมันในเกาหลีเหนือระหว่างการประชุมสุดยอดของทั้งสองประเทศเมื่อไม่กี่วันมานี้และอาจจะหารือเรื่องนี้อีกในคณะกรรมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจชุดใหม่ของทั้งสองประเทศหลังจากที่การเจรจาของผู้นำเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 นับตั้งแต่สงครามเกาหลีเป็นต้นมาได้สิ้นสุดลงเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news10/10/07
โพสต์ที่ 135
ตลาดหุ้นสหรัฐคึกคักทำลายสถิติเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 1 เดือน
Posted on Wednesday, October 10, 2007
ดาวโจนส์ปิดทะลุ 14,164 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 2 เดือนนี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 อย่าง นับเป็นครั้งที่ 2 ในเดือน ต.ค. ไม่เพียงพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างที่ 14,166 จุดเท่านั้น แต่ยังปิดที่ทะลุ 14,100 จุด มาอยู่ที่ 14,164 จุดอีกด้วย สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ที่ 1,565.26 จุด ก่อนอ่อนตัวลงเล็กน้อย ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนีหุ้นนาสแด็คปิดสูงสุดตั้งแต่ 1 ก.พ. 2544 หรือในรอบ 6 ปีครึ่ง ครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ที่ 2,803 จุด โดย ดัชนีหุ้นสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดใน 1 วันทำการตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา
9 ตุลาคม 2550 ครบรอบ 5 ปี ภาวะกระทิงดัชนีหุ้น S&P 500
ในวันที่ 9 ตุลาคมตามเวลาในสหรัฐ หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา นับเป็นวันครบรอบภาวะกระทิงที่มีความต่อเนื่อง และยาวนานมากที่สุดเป็นปีที่ 5 โดย S&P เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้น S&P 500 ขยายตัวต่อเนื่องถึง 4 ปีติดต่อกัน คิดเป็นเกือบ 2 เท่านับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม ปี 2002 หรือในปี 2545 ซึ่งมีระดับดัชนีหุ้นดังกล่าวตกต่ำลงเหลือเพียง 776.76 จุด นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานอย่างน้อย 10% ขึ้นไป ติดต่อกันถึง 20 ไตรมาส หรือ 60 เดือน
บันทึกเฟด ชี้ นโยบายการเงินขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจอนาคต
สาเหตุสำคัญมาจาก การเปิดเผย รายละเอียดของบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 กันยายน เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเฟดระบุว่า การตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมุมมองด้านเศรษฐกิจ จะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวจากปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยอื่นๆอย่างไร นอกจากนี้ บันทึกดังกล่าว ยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความคาดหวังที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องนั้นของเฟด ไม่ได้มีอะไรที่ยืนยันเช่นนั้น
บันทึกเฟด ชี้ ลดดอกเบี้ยเป็นเอกภัณฑ์ การใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บันทึกการประชุมดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า คณะกรรมการทุกคนมีความคิดเห็น และมติที่เป็นเอกฉันฑ์ ที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงมากถึง 0.5% ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินมาตรการที่มีความระมัดระวังอย่างสูง ด้านภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ คณะกรรมการทุกคนมั่นใจว่าสามารถควบคุมอยู่ในเป้าหมายได้ ที่ประชุมสรุปเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกัน จะขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่งผลให้การขยายการลงทุนของภาคเอกชนในสหรัฐ จะยังคงมีการขยายตัวที่ดีต่อไป
ผู้ว่าเฟด สาขาซานฟรานซิสโกย้ำ ลดดอกเบี้ย 0.5% เป็นมาตรการเชิงรุก
นางเจนเน็ท เยลเล็น ผู้ว่าการแบงก์ชาติสหรัฐ หรือเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นมากถึง 0.5% เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการใช้มาตรการเชิงรุก และเป็นนโยบายก้าวไปข้างหน้า เพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และขอยืนยันว่า ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างเร่งรีบ หรือมีการเข้าใจกันว่า เป็นการตัดสินใจหลังได้ตัวเลขเศรษฐกิจในวันนั้นแต่อย่างใด ผู้ว่าการเฟดสาขาซานฟรานซิสโก เชื่อว่า การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.5% เนื่องจากไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ เพราะควบคุมได้
ผู้ว่าเฟด สาขาดัลลัส เผย จ้างงานสูงขึ้น ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยง
นายวิลเลี่ยม พูล ผู้ว่าการแบงก์ชาติสหรัฐ หรือเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งประกาศไปเมื่อวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนสิงหาคมอย่างเป็นทางการนั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อกดดันเศรษฐกิจสหรัฐอย่างที่หลายคนกำลังมองในทิศทางดังกล่าว วิลเลี่ยม พูล เน้นว่า สิ่งที่เฟดทำในขณะนี้ คือ ต้องการฟื้นความเชื่อมั่น นำไปสู่การกระตุ้นธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ หลักทรัพย์ แต่มูลค่าจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดทุนเป็นหลัก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
Posted on Wednesday, October 10, 2007
ดาวโจนส์ปิดทะลุ 14,164 จุด สูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งที่ 2 เดือนนี้
ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 2 อย่าง นับเป็นครั้งที่ 2 ในเดือน ต.ค. ไม่เพียงพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างที่ 14,166 จุดเท่านั้น แต่ยังปิดที่ทะลุ 14,100 จุด มาอยู่ที่ 14,164 จุดอีกด้วย สอดรับกับดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 พุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันเป็นประวัติการณ์ที่ 1,565.26 จุด ก่อนอ่อนตัวลงเล็กน้อย ปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และดัชนีหุ้นนาสแด็คปิดสูงสุดตั้งแต่ 1 ก.พ. 2544 หรือในรอบ 6 ปีครึ่ง ครั้งที่ 2 ในเดือนนี้ที่ 2,803 จุด โดย ดัชนีหุ้นสำคัญในตลาดหุ้นสหรัฐ ปิดเพิ่มขึ้นมากที่สุดใน 1 วันทำการตั้งแต่วันที่ 18 ก.ย. ที่ผ่านมา
9 ตุลาคม 2550 ครบรอบ 5 ปี ภาวะกระทิงดัชนีหุ้น S&P 500
ในวันที่ 9 ตุลาคมตามเวลาในสหรัฐ หรือเมื่อคืนที่ผ่านมา นับเป็นวันครบรอบภาวะกระทิงที่มีความต่อเนื่อง และยาวนานมากที่สุดเป็นปีที่ 5 โดย S&P เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้น S&P 500 ขยายตัวต่อเนื่องถึง 4 ปีติดต่อกัน คิดเป็นเกือบ 2 เท่านับตั้งแต่วันที่ 9 ตุลาคม ปี 2002 หรือในปี 2545 ซึ่งมีระดับดัชนีหุ้นดังกล่าวตกต่ำลงเหลือเพียง 776.76 จุด นอกจากนี้ บริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 สามารถทำกำไรจากการดำเนินงานอย่างน้อย 10% ขึ้นไป ติดต่อกันถึง 20 ไตรมาส หรือ 60 เดือน
บันทึกเฟด ชี้ นโยบายการเงินขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจอนาคต
สาเหตุสำคัญมาจาก การเปิดเผย รายละเอียดของบันทึกการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ในการประชุมเมื่อวันที่ 18 กันยายน เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเฟดระบุว่า การตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมุมมองด้านเศรษฐกิจ จะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวจากปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และปัจจัยอื่นๆอย่างไร นอกจากนี้ บันทึกดังกล่าว ยังส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ความคาดหวังที่จะเห็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องนั้นของเฟด ไม่ได้มีอะไรที่ยืนยันเช่นนั้น
บันทึกเฟด ชี้ ลดดอกเบี้ยเป็นเอกภัณฑ์ การใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ บันทึกการประชุมดังกล่าว ระบุชัดเจนว่า คณะกรรมการทุกคนมีความคิดเห็น และมติที่เป็นเอกฉันฑ์ ที่จะต้องปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงมากถึง 0.5% ซึ่งถือว่าเป็นการดำเนินมาตรการที่มีความระมัดระวังอย่างสูง ด้านภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ คณะกรรมการทุกคนมั่นใจว่าสามารถควบคุมอยู่ในเป้าหมายได้ ที่ประชุมสรุปเพิ่มเติมว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกัน จะขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ส่งผลให้การขยายการลงทุนของภาคเอกชนในสหรัฐ จะยังคงมีการขยายตัวที่ดีต่อไป
ผู้ว่าเฟด สาขาซานฟรานซิสโกย้ำ ลดดอกเบี้ย 0.5% เป็นมาตรการเชิงรุก
นางเจนเน็ท เยลเล็น ผู้ว่าการแบงก์ชาติสหรัฐ หรือเฟด สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นมากถึง 0.5% เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมานั้น เป็นการใช้มาตรการเชิงรุก และเป็นนโยบายก้าวไปข้างหน้า เพื่อป้องกันภาวะเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และขอยืนยันว่า ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างเร่งรีบ หรือมีการเข้าใจกันว่า เป็นการตัดสินใจหลังได้ตัวเลขเศรษฐกิจในวันนั้นแต่อย่างใด ผู้ว่าการเฟดสาขาซานฟรานซิสโก เชื่อว่า การปรับลดดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 0.5% เนื่องจากไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อ เพราะควบคุมได้
ผู้ว่าเฟด สาขาดัลลัส เผย จ้างงานสูงขึ้น ไม่เป็นปัจจัยเสี่ยง
นายวิลเลี่ยม พูล ผู้ว่าการแบงก์ชาติสหรัฐ หรือเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานที่เพิ่มสูงขึ้นในเดือนกันยายน ซึ่งประกาศไปเมื่อวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมถึงการปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนสิงหาคมอย่างเป็นทางการนั้น ไม่ได้เป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อกดดันเศรษฐกิจสหรัฐอย่างที่หลายคนกำลังมองในทิศทางดังกล่าว วิลเลี่ยม พูล เน้นว่า สิ่งที่เฟดทำในขณะนี้ คือ ต้องการฟื้นความเชื่อมั่น นำไปสู่การกระตุ้นธุรกรรมการซื้อขายสินทรัพย์ หลักทรัพย์ แต่มูลค่าจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับกลไกตลาดทุนเป็นหลัก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news10/10/07
โพสต์ที่ 136
S&P ชี้เศรษฐกิจโลกปีนี้ขยายตัว 3.6% สหรัฐเหลือ 2% ถึงปีหน้า
นายเดวิท ไวส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทจัดอันดับ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะขยายตัวที่ระดับ 3.6% และจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 3.5% ปี 2008 หรือปี 2551 โดยเศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวลงเหลือเพียง 2% ทั้งในปีนี้ และปีหน้า ซึ่งลดต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา ที่ขยายตัวมากถึง 2.9% สาเหตุที่เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง มากจากเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ ที่ได้รับแรงบวกจากการใช้จ่ายในประเทศ และการส่งออก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นายเดวิท ไวส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ บริษัทจัดอันดับ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ กล่าวว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้ จะขยายตัวที่ระดับ 3.6% และจะชะลอตัวลงเหลือเพียง 3.5% ปี 2008 หรือปี 2551 โดยเศรษฐกิจสหรัฐ ชะลอตัวลงเหลือเพียง 2% ทั้งในปีนี้ และปีหน้า ซึ่งลดต่ำกว่าในปีที่ผ่านมา ที่ขยายตัวมากถึง 2.9% สาเหตุที่เศรษฐกิจโลกยังขยายตัวได้ แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง มากจากเศรษฐกิจในประเทศเกิดใหม่ ที่ได้รับแรงบวกจากการใช้จ่ายในประเทศ และการส่งออก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news10/10/07
โพสต์ที่ 137
OECD หนุนอินเดียปฏิรูปศก.มุ่งพัฒนาตลาดแรงงาน ตลาดเงิน ระบบสาธารณูปโภค
องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวถึงผลสำรวจที่เผยแพร่ว่า อินเดียจำเป็นต้องให้ความสำคัญด้านการพัฒนาตลาดแรงงาน ตลาดเงิน และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในการดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศครั้งต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ที่ระดับ 10% ในปี 2554 ได้แน่นอน หากอินเดียยังคงดำเนินนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ OECD ได้เรียกร้องให้อินเดียปฏิรูปนโยบายจัดเก็บภาษี และลดอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
จีนเร่งออกใบอนุญาตให้บ.ผลิตอาหารเพื่อคลายกังวลด้านความปลอดภัยทั่วโลก
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตอาหารเกือบ 80% ของจีนได้รับใบอนุญาตการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรเทาความวิตกกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน ตัวเลขจากรัฐบาลล่าสุดเปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตอาหารที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 80% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติในปี 2546 ที่มีบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตน้อยกว่า 25% ของบริษัทผู้ผลิตอาหารกว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศ รองนายกรัฐมนตรี อู๋ อี่ ของจีนได้ชี้แจงโครงการรณรงค์ดังกล่าวว่า เป็นเหมือน "สงครามพิเศษ" ที่ทำหน้าที่ปกป้องสินค้าภายใต้ตราสินค้าของจีน และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ
ฟิทช์ชี้อุตสาหกรรมเหล็กรัสเซียแกร่ง สามารถแข่งขันกับจีนได้
ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตเหล็กของรัสเซียยังมีสถานภาพที่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการแข่งขันจากบรรดาผู้ส่งออกเหล็กของจีนได้ เนื่องจากรัสเซียมีแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญในประเทศ อาทิ สินแร่เหล็กและถ่านหินโค้กเป็นจำนวนมาก ขณะที่จีนจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวกว่า 50% นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตเหล็กของจีนยังมีลักษณะการดำเนินงานที่กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งภาวะดังกล่าวจะทำให้ผู้ส่งออกเหล็กของจีนขาดอำนาจต่อรองกับบรรดาซัพพลายเออร์ด้านวัตถุดิบรายใหญ่ ๆ
รัฐบาลญี่ปุ่นกังวลเอกชนคุยข้อตกลงการค้าญี่ปุ่น-อียู อาจกระทบเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการศึกษาและวิจัยของกลุ่มผู้นำทางธุรกิจของญี่ปุ่นและยุโรป เพื่อที่จะหาวิธีเปิดเสรีการค้าระหว่างญี่ปุ่นและประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวยังอาจกระตุ้นให้สหรัฐกดดันญี่ปุ่นให้เปิดตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากขึ้น และถ้ามีการเปิดการค้าเสรีมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรซึ่งนำเข้าจากสหรัฐก็จะมีมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรของญี่ปุ่นมากกว่าผลกระทบที่สหภาพยุโรปจะได้รับ
องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) กล่าวถึงผลสำรวจที่เผยแพร่ว่า อินเดียจำเป็นต้องให้ความสำคัญด้านการพัฒนาตลาดแรงงาน ตลาดเงิน และระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานในการดำเนินนโยบายปฏิรูปประเทศครั้งต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น ผลสำรวจดังกล่าวยังระบุด้วยว่า รัฐบาลจะสามารถบรรลุเป้าหมายการขยายตัวของ GDP ที่ระดับ 10% ในปี 2554 ได้แน่นอน หากอินเดียยังคงดำเนินนโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ OECD ได้เรียกร้องให้อินเดียปฏิรูปนโยบายจัดเก็บภาษี และลดอุปสรรคด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
จีนเร่งออกใบอนุญาตให้บ.ผลิตอาหารเพื่อคลายกังวลด้านความปลอดภัยทั่วโลก
หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่รายงานว่า บริษัทผู้ผลิตอาหารเกือบ 80% ของจีนได้รับใบอนุญาตการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการบรรเทาความวิตกกังวลทั่วโลกเกี่ยวกับความปลอดภัยของสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน ตัวเลขจากรัฐบาลล่าสุดเปิดเผยว่า ขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตอาหารที่ได้รับใบอนุญาตแล้ว 80% เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติในปี 2546 ที่มีบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตน้อยกว่า 25% ของบริษัทผู้ผลิตอาหารกว่า 60,000 แห่งทั่วประเทศ รองนายกรัฐมนตรี อู๋ อี่ ของจีนได้ชี้แจงโครงการรณรงค์ดังกล่าวว่า เป็นเหมือน "สงครามพิเศษ" ที่ทำหน้าที่ปกป้องสินค้าภายใต้ตราสินค้าของจีน และรักษาภาพลักษณ์ของประเทศ
ฟิทช์ชี้อุตสาหกรรมเหล็กรัสเซียแกร่ง สามารถแข่งขันกับจีนได้
ฟิทช์ เรทติ้งส์ เปิดเผยว่า บริษัทผู้ผลิตเหล็กของรัสเซียยังมีสถานภาพที่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับการแข่งขันจากบรรดาผู้ส่งออกเหล็กของจีนได้ เนื่องจากรัสเซียมีแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญในประเทศ อาทิ สินแร่เหล็กและถ่านหินโค้กเป็นจำนวนมาก ขณะที่จีนจำเป็นต้องนำเข้าวัตถุดิบดังกล่าวกว่า 50% นอกจากนี้ กลุ่มผู้ผลิตเหล็กของจีนยังมีลักษณะการดำเนินงานที่กระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งภาวะดังกล่าวจะทำให้ผู้ส่งออกเหล็กของจีนขาดอำนาจต่อรองกับบรรดาซัพพลายเออร์ด้านวัตถุดิบรายใหญ่ ๆ
รัฐบาลญี่ปุ่นกังวลเอกชนคุยข้อตกลงการค้าญี่ปุ่น-อียู อาจกระทบเศรษฐกิจ
รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรญี่ปุ่น แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับการศึกษาและวิจัยของกลุ่มผู้นำทางธุรกิจของญี่ปุ่นและยุโรป เพื่อที่จะหาวิธีเปิดเสรีการค้าระหว่างญี่ปุ่นและประเทศต่างๆในสหภาพยุโรป นอกจากนั้นการกระทำดังกล่าวยังอาจกระตุ้นให้สหรัฐกดดันญี่ปุ่นให้เปิดตลาดผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากขึ้น และถ้ามีการเปิดการค้าเสรีมากขึ้น ผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรซึ่งนำเข้าจากสหรัฐก็จะมีมากขึ้นจนส่งผลกระทบต่อภาคการเกษตรของญี่ปุ่นมากกว่าผลกระทบที่สหภาพยุโรปจะได้รับ
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news11/10/07
โพสต์ที่ 138
IMF ชี้ตั้งสำรองไม่ช่วยแก้ปัญหาเงินแข็งค่า - ข่าว 18.00 น.
Posted on Thursday, October 11, 2007
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เปิดเผยในรายงานมุมมองเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เกี่ยวกับการใช้นโยบายการเงิน เพื่อบริหารจัดการเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ ของบรรดาผู้กำกับนโยบายทางการเงินในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่พบว่า การใช้นโยบายต่าง ๆ เข้าไปแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่มีต่อเนื่องในปัจจุบัน และจะเพิ่มสูงมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้การใช้นโยบายที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว กลับกลายเป็นผลเสียต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างรุนแรง เมื่อกระแสการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากต่างชาติถึงจุดอิ่มตัว
รายงานฉบับดังกล่าวได้สรุปเพิ่มเติมว่า มีผลพิสูจน์ที่ไม่ชัดเจนว่า การดำเนินนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากต่างชาติ หรือนโยบายการตั้งสำรองเงินทุนบางส่วนที่เข้าไปในประเทศ จะสามารถควบคุมค่าเงินในประเทศนั้นไม่ให้แข็งค่า หรืออาจจะแข็งค่าในกรอบแคบ ๆ
ทั้งนี้ IMF ย้ำเพิ่มเติมในรายงานอีกว่า นโยบายควบคุมเงินทุนไม่สามารถลดความผันผวนด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในประเทศลงได้อย่างที่คิดไว้ โดยรายงานมุมมองเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) จะเปิดเผยอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
Posted on Thursday, October 11, 2007
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เปิดเผยในรายงานมุมมองเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เกี่ยวกับการใช้นโยบายการเงิน เพื่อบริหารจัดการเงินทุนเคลื่อนย้ายจากต่างประเทศ ของบรรดาผู้กำกับนโยบายทางการเงินในแต่ละประเทศ โดยเฉพาะประเทศเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่พบว่า การใช้นโยบายต่าง ๆ เข้าไปแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้นนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างสมบูรณ์แบบ ท่ามกลางกระแสการเคลื่อนย้ายเงินทุนที่มีต่อเนื่องในปัจจุบัน และจะเพิ่มสูงมากขึ้นในอนาคต นอกจากนี้การใช้นโยบายที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว กลับกลายเป็นผลเสียต่อการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจระดับมหภาคอย่างรุนแรง เมื่อกระแสการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนจากต่างชาติถึงจุดอิ่มตัว
รายงานฉบับดังกล่าวได้สรุปเพิ่มเติมว่า มีผลพิสูจน์ที่ไม่ชัดเจนว่า การดำเนินนโยบายควบคุมการเคลื่อนย้ายเงินทุนจากต่างชาติ หรือนโยบายการตั้งสำรองเงินทุนบางส่วนที่เข้าไปในประเทศ จะสามารถควบคุมค่าเงินในประเทศนั้นไม่ให้แข็งค่า หรืออาจจะแข็งค่าในกรอบแคบ ๆ
ทั้งนี้ IMF ย้ำเพิ่มเติมในรายงานอีกว่า นโยบายควบคุมเงินทุนไม่สามารถลดความผันผวนด้านเศรษฐกิจระดับมหภาค ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของเงินทุนจากต่างชาติที่เข้ามาในประเทศลงได้อย่างที่คิดไว้ โดยรายงานมุมมองเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) จะเปิดเผยอย่างเต็มรูปแบบในวันที่ 17 ตุลาคมนี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news11/10/07
โพสต์ที่ 139
จีนประกาศลดภาษีนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า จาก 17% เหลือ 13% ปรับดุลการค้า มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 13 กย.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, October 11, 2007
กระทรวงการคลังจีนประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้วว่า ได้ปรับลดภาษีนำเข้าเครื่องเล่นและอัดเทป เครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี ฟลอปปี้ดิสก์ จาก 17% เหลือ 13% ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจีน ระบุว่า ทางการจีนพยายามลดอัตราเงินเฟ้อ และปรับดุลการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการลดภาษีครั้งนี้อาจทำให้จีนสูญเสียรายได้จากภาษีถึง 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขล่าสุด ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.41 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการเกินดุลการค้าของจีน เป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มปริมาณทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมียอดเกินดุล 24,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 32.8% แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่ายอดเกินดุลในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ 48.1%
ขณะที่ นายเฉิน จี๋ จวิน นักวิเคราะห์อาวุโสของซิติก ซิเคียวริตี้ส์ในปักกิ่ง มีความเห็นเช่นเดียวกัน โดยบอกว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีการขาดดุลการค้ากับจีน ช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ และปรับฐานะการเกินดุลการชำระเงินระหว่างประเทศลงมา
ทั้งนี้ จีนมีการนำเข้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องเล่นและอัดเทป เครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี ฟลอปปี้ดิสก์ ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทั้งสิ้น 30.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 80% จากปีก่อนหน้า
มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - [email protected]
http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Thursday, October 11, 2007
กระทรวงการคลังจีนประกาศบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการแล้วว่า ได้ปรับลดภาษีนำเข้าเครื่องเล่นและอัดเทป เครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี ฟลอปปี้ดิสก์ จาก 17% เหลือ 13% ให้มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังจีน ระบุว่า ทางการจีนพยายามลดอัตราเงินเฟ้อ และปรับดุลการชำระเงินระหว่างประเทศให้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยการลดภาษีครั้งนี้อาจทำให้จีนสูญเสียรายได้จากภาษีถึง 1.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับตัวเลขล่าสุด ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศสูงถึง 1.41 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการเกินดุลการค้าของจีน เป็นตัวการสำคัญที่เพิ่มปริมาณทุนสำรองระหว่างประเทศของจีน โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จีนมียอดเกินดุล 24,980 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นราว 32.8% แต่เป็นอัตราการเติบโตที่ต่ำกว่ายอดเกินดุลในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ 48.1%
ขณะที่ นายเฉิน จี๋ จวิน นักวิเคราะห์อาวุโสของซิติก ซิเคียวริตี้ส์ในปักกิ่ง มีความเห็นเช่นเดียวกัน โดยบอกว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ น่าจะช่วยกระตุ้นการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศพัฒนาแล้ว ที่มีการขาดดุลการค้ากับจีน ช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ และปรับฐานะการเกินดุลการชำระเงินระหว่างประเทศลงมา
ทั้งนี้ จีนมีการนำเข้าสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทเครื่องเล่นและอัดเทป เครื่องเล่นวีซีดี และดีวีดี ฟลอปปี้ดิสก์ ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าทั้งสิ้น 30.79 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเกือบ 80% จากปีก่อนหน้า
มันนี่ ชาเนล - วรนนท์ อัศวพิริยานนท์
โทรศัพท์ - 02- 229 - 2000 ต่อ 2616
อีเมล - [email protected]
http://www.moneychannel.co.th/BreakingN ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news11/10/07
โพสต์ที่ 140
คนงานไครส์เลอร์ ยุติประท้วงหยุดงานนาน 6 ชั่วโมง
สหภาพแรงงานยานยนต์แห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับ บริษัท ไครส์เลอร์ ยักษ์ใหญ่ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ในสหรัฐฯ ได้แล้ว ส่งผลให้การประท้วงหยุดงานของพนักงานในบริษัทดังกล่าวที่ยาวนานถึง 6 ชั่วโมงสิ้นสุดลง สำหรับข้อตกลงชั่วคราวนั้น ประธานสหภาพแรงงาน ต้องการให้รับประกันตำแหน่งการทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อพนักงาน ซึ่งจะต้องระดมทุนผ่านพนักงานเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น
โบอิ้ง ส่งมอบรุ่น ดรีมไลเนอร์ 787 ช้าอีก 6 เดือน
บริษัท โบอิ้ง ผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำของสหรัฐฯและของโลก ต้องประสบปัญหาการจัดส่งเครื่องบินรุ่นล่าสุด ดรีมไลเนอร์ 787 โดยลูกค้าสายการบินต่างๆ จะได้รับมอบรุ่นดังกล่าวช้าออกไปถึง 6 เดือน คาดว่าเครื่องลำแรกจะส่งมอบได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2551 แทนที่จะส่งมอบได้ในเดือนพฤษภาคมตามกำหนดการเดิม สาเหตุสำคัญมาจากชิ้นส่วนในการผลิตขาดแคลน ส่งผลต่อการประกอบเครื่องรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้ โบอิ้ง รุ่นดรีมไลเนอร์ ประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
สหภาพแรงงานยานยนต์แห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า สามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวกับ บริษัท ไครส์เลอร์ ยักษ์ใหญ่ผลิตรถยนต์อันดับ 3 ในสหรัฐฯ ได้แล้ว ส่งผลให้การประท้วงหยุดงานของพนักงานในบริษัทดังกล่าวที่ยาวนานถึง 6 ชั่วโมงสิ้นสุดลง สำหรับข้อตกลงชั่วคราวนั้น ประธานสหภาพแรงงาน ต้องการให้รับประกันตำแหน่งการทำงาน เพื่อแลกเปลี่ยนกับการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อพนักงาน ซึ่งจะต้องระดมทุนผ่านพนักงานเป็นสัดส่วนที่มากขึ้น
โบอิ้ง ส่งมอบรุ่น ดรีมไลเนอร์ 787 ช้าอีก 6 เดือน
บริษัท โบอิ้ง ผู้ผลิตอากาศยานชั้นนำของสหรัฐฯและของโลก ต้องประสบปัญหาการจัดส่งเครื่องบินรุ่นล่าสุด ดรีมไลเนอร์ 787 โดยลูกค้าสายการบินต่างๆ จะได้รับมอบรุ่นดังกล่าวช้าออกไปถึง 6 เดือน คาดว่าเครื่องลำแรกจะส่งมอบได้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนปี 2551 แทนที่จะส่งมอบได้ในเดือนพฤษภาคมตามกำหนดการเดิม สาเหตุสำคัญมาจากชิ้นส่วนในการผลิตขาดแคลน ส่งผลต่อการประกอบเครื่องรุ่นดังกล่าว ทั้งนี้ โบอิ้ง รุ่นดรีมไลเนอร์ ประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงถึง 1.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 4.2 ล้านล้านบาท
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news11/10/07
โพสต์ที่ 141
รัฐบาลเวียดนามเสนอเงินกู้อัตราพิเศษแก่ผู้ส่งออกสินค้า 25 รายการ
รัฐบาลเวียดนามได้เสนอเงื่อนไขด้านเงินกู้เป็นกรณีพิเศษให้แก่กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าจำนวน 25 รายการ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นภาคการส่งออกของประเทศ สินค้าที่ได้รับสิทธิในเงื่อนไขพิเศษนี้เช่น ถั่วลิสง กาแฟ ชา พริกไทย ฯลฯ ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ สามารถยื่นเรื่องขอเงินกู้ขั้นสูงสุดที่ 85% ของมูลค่าสัญญาส่งออกสินค้าในรอบ 12 เดือน
ออสเตรเลียไฟเขียว"เชฟรอน-เชลล์"สร้างโรงงานก๊าซธรรมชาติบนเขตอนุรักษ์
รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจเปิดทางให้กลุ่มพันธมิตรร่วมทุน เช่น เชฟรอน เอ็กซอนโมบิล และ รอยัล ดัชต์ เชลล์ เข้าสร้างโรงงานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บนเกาะบาร์โรว์ ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ตั้งอยู่ห่างจากออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 70 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนาโครงการเห็นพ้องที่จะอุดหนุนโครงการมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปกป้องเต่าและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ ต่อไป
นายกฯมาเลเซียเผยโฟล์คสวาเกนกำลังหารือเข้าซื้อหุ้นในบ.โปรตอน
นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียกล่าวว่า โฟล์คสวาเกน บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีกำลังเตรียมร่วมลงทุนในบริษัทโปรตอนของรัฐบาลมาเลเซีย โดยเบื้องต้น โฟล์คสวาเกนบรรลุข้อตกลงกับโปรตอนว่า โฟล์คสวาเกนจะเข้าถือหุ้นในโปรตอนอย่างน้อย 20% ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกนหวังว่าจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านความร่วมมือในครั้งนี้
จีนสุดทนถูกโจมตีฝ่ายเดียว ออกโรงโต้สินค้าสหรัฐฯมีตำหนิ-เป็นอันตราย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้กล่าวโต้ตอบสหรัฐฯที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยของสินค้าจีน โดยกล่าวว่า เกือบ 2% ของสินค้าสหรัฐฯที่ส่งออกไปยังประเทศจีนนั้น เป็นสินค้าที่มีตำหนิ ทั้งนี้ โฆษกของนางซูซาน ชว็อป หัวหน้าผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่สื่อมวลชนของจีนพยายามโจมตีสหรัฐเรื่องคุณภาพสินค้านั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์
ฮ่องกงจะลดภาษีเงินได้และภาษีเงินเดือน เพื่อเตรียมตัวเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเอเชีย
ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กล่าวในระหว่างการเปิดเผยนโยบายรายปีว่า ฮ่องกงจะลดภาษีเงินได้และภาษีเงินเดือน เพื่อเตรียมตัวเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ภาษีเงินได้จะลดลงเหลือ 16.5% จากเดิมที่ 17.5% ในขณะที่ภาษีเงินเดือนจะลดลงเหลือ 15% จากเดิมที่ 16% โดยจะมีผลบังคับใช้ในปีงบประมาณสิ้นสุดที่เดือนมี.ค.2552 เป็นต้นไป
ดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งสูงสุดในรอบ 10ปี หลังธ.กลางสิงคโปร์ปล่อยเงินแข็งค่า
ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางสิงคโปร์แถลงนโยบายการเงินว่า ธนาคารจะดำเนินนโยบายปล่อยให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เพื่อสกัดแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยว่า จะปล่อยให้ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ทยอยแข็งค่าขึ้น และจะปรับเพิ่มนโยบายขยายแบนด์เงินดอลลาร์สิงคโปร์เพิ่มมากขึ้นด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
รัฐบาลเวียดนามได้เสนอเงื่อนไขด้านเงินกู้เป็นกรณีพิเศษให้แก่กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าจำนวน 25 รายการ โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะกระตุ้นภาคการส่งออกของประเทศ สินค้าที่ได้รับสิทธิในเงื่อนไขพิเศษนี้เช่น ถั่วลิสง กาแฟ ชา พริกไทย ฯลฯ ทั้งนี้ บริษัทต่าง ๆ สามารถยื่นเรื่องขอเงินกู้ขั้นสูงสุดที่ 85% ของมูลค่าสัญญาส่งออกสินค้าในรอบ 12 เดือน
ออสเตรเลียไฟเขียว"เชฟรอน-เชลล์"สร้างโรงงานก๊าซธรรมชาติบนเขตอนุรักษ์
รัฐบาลออสเตรเลียตัดสินใจเปิดทางให้กลุ่มพันธมิตรร่วมทุน เช่น เชฟรอน เอ็กซอนโมบิล และ รอยัล ดัชต์ เชลล์ เข้าสร้างโรงงานก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) บนเกาะบาร์โรว์ ซึ่งเป็นเขตอนุรักษ์ตั้งอยู่ห่างจากออสเตรเลียไปทางตะวันตกราว 70 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม ผู้พัฒนาโครงการเห็นพ้องที่จะอุดหนุนโครงการมูลค่า 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อปกป้องเต่าและสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อื่นๆ ต่อไป
นายกฯมาเลเซียเผยโฟล์คสวาเกนกำลังหารือเข้าซื้อหุ้นในบ.โปรตอน
นายกรัฐมนตรีของมาเลเซียกล่าวว่า โฟล์คสวาเกน บริษัทผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากเยอรมนีกำลังเตรียมร่วมลงทุนในบริษัทโปรตอนของรัฐบาลมาเลเซีย โดยเบื้องต้น โฟล์คสวาเกนบรรลุข้อตกลงกับโปรตอนว่า โฟล์คสวาเกนจะเข้าถือหุ้นในโปรตอนอย่างน้อย 20% ทั้งนี้ โฟล์คสวาเกนหวังว่าจะสามารถสร้างความแข็งแกร่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ผ่านความร่วมมือในครั้งนี้
จีนสุดทนถูกโจมตีฝ่ายเดียว ออกโรงโต้สินค้าสหรัฐฯมีตำหนิ-เป็นอันตราย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนได้กล่าวโต้ตอบสหรัฐฯที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความปลอดภัยของสินค้าจีน โดยกล่าวว่า เกือบ 2% ของสินค้าสหรัฐฯที่ส่งออกไปยังประเทศจีนนั้น เป็นสินค้าที่มีตำหนิ ทั้งนี้ โฆษกของนางซูซาน ชว็อป หัวหน้าผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ กล่าวว่า การที่สื่อมวลชนของจีนพยายามโจมตีสหรัฐเรื่องคุณภาพสินค้านั้น ถือเป็นการกระทำที่ไม่สร้างสรรค์
ฮ่องกงจะลดภาษีเงินได้และภาษีเงินเดือน เพื่อเตรียมตัวเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเอเชีย
ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกง กล่าวในระหว่างการเปิดเผยนโยบายรายปีว่า ฮ่องกงจะลดภาษีเงินได้และภาษีเงินเดือน เพื่อเตรียมตัวเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคเอเชีย ทั้งนี้ ภาษีเงินได้จะลดลงเหลือ 16.5% จากเดิมที่ 17.5% ในขณะที่ภาษีเงินเดือนจะลดลงเหลือ 15% จากเดิมที่ 16% โดยจะมีผลบังคับใช้ในปีงบประมาณสิ้นสุดที่เดือนมี.ค.2552 เป็นต้นไป
ดอลลาร์สิงคโปร์พุ่งสูงสุดในรอบ 10ปี หลังธ.กลางสิงคโปร์ปล่อยเงินแข็งค่า
ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์เคลื่อนไหวแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี เมื่อเทียบกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ธนาคารกลางสิงคโปร์แถลงนโยบายการเงินว่า ธนาคารจะดำเนินนโยบายปล่อยให้ค่าเงินแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย เพื่อสกัดแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยว่า จะปล่อยให้ค่าเงินดอลลาร์สิงคโปร์ทยอยแข็งค่าขึ้น และจะปรับเพิ่มนโยบายขยายแบนด์เงินดอลลาร์สิงคโปร์เพิ่มมากขึ้นด้วย
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news12/10/07
โพสต์ที่ 142
สายการบินทั่วโลก ชี้ โบอิ้งส่งดรีมไลเนอร์ช้า ไม่กระทบธุรกิจ
สายการบินชั้นนำของโลกหลายแห่ง เช่น บริติช แอร์เวย์ ออลนิปปอนแอร์เวย์ แควนตัสแอร์ไลน์ เวียดนามแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง รุ่น ดรีมไลเนอร์ 787 เปิดเผยว่า ไม่ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจการบินมากนัก หลังโบอิ้งยอมรับว่า ต้องจัดส่งเครื่องรุ่นดังกล่าวล่าช้าออกไปอีก 6 เดือน อย่างไรก็ตาม บรรดาสายการบินชั้นนำเหล่านี้ ต้องประกาศเรียกค่าปรับจากโบอิ้ง ทั้งนี้ รุ่นดรีมไลเนอร์ 787 กลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ด้วยยอดสั่งซื้อมากถึง 700 รายการในขณะนี้
บริษัทน้ำมันชั้นนำในอังกฤษรื้อโครงสร้างครั้งใหญ่ กู้กำไรกลับคืน
นายโทนี่ เฮย์วาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีพี ผู้ผลิตน้ำมันสัญชาติอังกฤษยักษ์ใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัท บีพี ตัดสินใจปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อสร้างความแข้งแกร่งในดำเนินธุรกิจพลังงานไม่ให้ล้าหลัง ในแง่ระดับบริหาร มีการปรับลดระดับการบริหารลง มีการปรับใช้กระบวนการทำงานสำรวจ และผลิตก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง และลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่สูงเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ทั้งนี้ แผนการปรับปรุงทั้งบริษัท บีพี ใช้เวลาในการคิดนานกว่า 6 เดือน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
สายการบินชั้นนำของโลกหลายแห่ง เช่น บริติช แอร์เวย์ ออลนิปปอนแอร์เวย์ แควนตัสแอร์ไลน์ เวียดนามแอร์ไลน์ ซึ่งเป็นผู้สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง รุ่น ดรีมไลเนอร์ 787 เปิดเผยว่า ไม่ได้รับผลกระทบในการดำเนินธุรกิจการบินมากนัก หลังโบอิ้งยอมรับว่า ต้องจัดส่งเครื่องรุ่นดังกล่าวล่าช้าออกไปอีก 6 เดือน อย่างไรก็ตาม บรรดาสายการบินชั้นนำเหล่านี้ ต้องประกาศเรียกค่าปรับจากโบอิ้ง ทั้งนี้ รุ่นดรีมไลเนอร์ 787 กลายเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ ด้วยยอดสั่งซื้อมากถึง 700 รายการในขณะนี้
บริษัทน้ำมันชั้นนำในอังกฤษรื้อโครงสร้างครั้งใหญ่ กู้กำไรกลับคืน
นายโทนี่ เฮย์วาร์ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีพี ผู้ผลิตน้ำมันสัญชาติอังกฤษยักษ์ใหญ่ เปิดเผยว่า บริษัท บีพี ตัดสินใจปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ที่สุด เพื่อสร้างความแข้งแกร่งในดำเนินธุรกิจพลังงานไม่ให้ล้าหลัง ในแง่ระดับบริหาร มีการปรับลดระดับการบริหารลง มีการปรับใช้กระบวนการทำงานสำรวจ และผลิตก๊าซธรรมชาติ และน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง และลดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่สูงเกินกว่าที่จะยอมรับได้ ทั้งนี้ แผนการปรับปรุงทั้งบริษัท บีพี ใช้เวลาในการคิดนานกว่า 6 เดือน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news12/10/07
โพสต์ที่ 143
รัสเซียอนุมัติโครงการท่อส่งก๊าซจีน-รัสเซีย เล็งสร้างปีหน้า
รัฐบาลรัสเซียอนุมัติโครงการสร้างท่อส่งก๊าซเชื่อมแหล่งก๊าซในไซบีเรียตะวันตก กับเขตซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยจะเริ่มก่อสร้างในต้นปีหน้า ส่วนเส้นทางท่อส่งก๊าซที่แน่ชัดนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยรัฐบาลจีนและรัสเซียได้ลงนามข้อตกลงขั้นต้นเมื่อปีก่อน เพื่อสร้างท่อส่งก๊าซข้ามพรมแดน 2 สายในพื้นที่ตะวันออกและตะวันตกโดยมีกระแสคาดการณ์กันว่า ค่าก่อสร้างท่อส่งก๊าซสายตะวันตกจะต้องใช้เงินลงทุนถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะจัดส่งก๊าซได้ 3-4 หมื่นลูกบาศก์เมตรทันทีที่สร้างเสร็จ
ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิมที่ 5.0% ตามคาดการณ์
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นประจำเดือนต.ค.ไว้ในระดับเดิมที่ 5.0% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังคงต้องรอการประเมินว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งก่อนหน้านี้ได้ส่งผลให้มีการระบายสภาพคล่องตามที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็กำลังจับตาภาวะเงินเฟ้อควบคู่กับไปด้วย
EU กังวลข้อตกลงตรวจสอบการนำเข้าสิ่งทอกับจีน หวั่นประเทศสมาชิกรับภาระหนัก
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกจากยุโรปแสดงความพอใจแต่ยังคงวิตกต่อข้อตกลงสิ่งทอฉบับใหม่ระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และจีนที่กำหนดให้มีการใช้ระบบตรวจสอบและติดตามในปีหน้า แทนการใช้ระบบโควต้านำเข้าสิ่งทอของจีนที่กำลังจะหมดอายุลงในปลายปีนี้ ทั้งนี้ การทำข้อตกลงใหม่ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ EUและจีนเคยประกาศทำสงครามสิ่งทอต่อกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ให้กำหนดโควตาส่งออกสิ่งทอจากจีนไปยังอียู โดยข้อตกลงดังกล่าวจะหมดอายุลงในปลายปีนี้
BOJ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ตามคาด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า BOJ จะตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อตึงตัวอันเป็นผลมากจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (Subprime Mortgage Loan) ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ของนายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ผู้ว่าการ BOJ ที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐและผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น อีกทั้งคาดว่า BOJ จะติดตามผลการประชุมรมว.คลังกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
รัฐบาลรัสเซียอนุมัติโครงการสร้างท่อส่งก๊าซเชื่อมแหล่งก๊าซในไซบีเรียตะวันตก กับเขตซินเจียงทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน โดยจะเริ่มก่อสร้างในต้นปีหน้า ส่วนเส้นทางท่อส่งก๊าซที่แน่ชัดนั้นยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา โดยรัฐบาลจีนและรัสเซียได้ลงนามข้อตกลงขั้นต้นเมื่อปีก่อน เพื่อสร้างท่อส่งก๊าซข้ามพรมแดน 2 สายในพื้นที่ตะวันออกและตะวันตกโดยมีกระแสคาดการณ์กันว่า ค่าก่อสร้างท่อส่งก๊าซสายตะวันตกจะต้องใช้เงินลงทุนถึง 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และจะจัดส่งก๊าซได้ 3-4 หมื่นลูกบาศก์เมตรทันทีที่สร้างเสร็จ
ธ.กลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระดับเดิมที่ 5.0% ตามคาดการณ์
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นประจำเดือนต.ค.ไว้ในระดับเดิมที่ 5.0% เป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยการประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้บ่งชี้ว่า ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังคงต้องรอการประเมินว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งก่อนหน้านี้ได้ส่งผลให้มีการระบายสภาพคล่องตามที่ธนาคารกลางตั้งเป้าไว้หรือไม่ ขณะเดียวกันก็กำลังจับตาภาวะเงินเฟ้อควบคู่กับไปด้วย
EU กังวลข้อตกลงตรวจสอบการนำเข้าสิ่งทอกับจีน หวั่นประเทศสมาชิกรับภาระหนัก
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกจากยุโรปแสดงความพอใจแต่ยังคงวิตกต่อข้อตกลงสิ่งทอฉบับใหม่ระหว่างสหภาพยุโรป (EU) และจีนที่กำหนดให้มีการใช้ระบบตรวจสอบและติดตามในปีหน้า แทนการใช้ระบบโควต้านำเข้าสิ่งทอของจีนที่กำลังจะหมดอายุลงในปลายปีนี้ ทั้งนี้ การทำข้อตกลงใหม่ครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่ EUและจีนเคยประกาศทำสงครามสิ่งทอต่อกัน ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงเมื่อเดือนมิถุนายน 2548 ให้กำหนดโควตาส่งออกสิ่งทอจากจีนไปยังอียู โดยข้อตกลงดังกล่าวจะหมดอายุลงในปลายปีนี้
BOJ ตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ตามคาด
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติด้วยคะแนนเสียง 8 ต่อ 1 ให้ตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 0.5% ซึ่งสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยก่อนหน้านี้นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่า BOJ จะตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม เนื่องจากเกิดวิกฤตการณ์สินเชื่อตึงตัวอันเป็นผลมากจากปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดปล่อยกู้จำนองให้กับลูกหนี้ที่ขาดความน่าเชื่อถือ (Subprime Mortgage Loan) ในสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาดูแถลงการณ์ของนายโตชิฮิโกะ ฟูกูอิ ผู้ว่าการ BOJ ที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐและผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่น อีกทั้งคาดว่า BOJ จะติดตามผลการประชุมรมว.คลังกลุ่มประเทศ G7 ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้าและการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ ในวันที่ 30-31 ต.ค.นี้
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news12/10/07
โพสต์ที่ 144
จีนเตรียมต้อนรับผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่ - ข่าว 18.00 น.
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, October 12, 2007
นายโจ ซี ฉวน กำลังจะต้องลงจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ในสัปดาห์หน้า ภายหลังสิ้นสุดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ประจำปี ซึ่งได้รับการคาดหมายว่า จะได้รับมอบหมายงานด้านเศรษฐกิจใหม่ ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ที่จะก้าวขึ้นเพื่อสืบทอดการบริหารต่อไป ได้รับการคาดการณ์ว่า งานที่ท้าทายและสร้างแรงกดดันในอนาคตมากขึ้น คือ การบริหารนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้การบริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเป็นเวลาถึง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีนี้นายโจ ซี ฉวน ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 5 ครั้งด้วยกัน แต่ไม่สามารถชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนได้
ล่าสุด การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ยังคงพุ่งขึ้นไปถึง 11.9% ซึ่งกลายเป็นอัตราการขยายตัวรายไตรมาสที่มากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การใช้มาตรการอื่น ๆ ของนายโจ ซี ฉวน ที่ต้องการแทรกแซงค่าเงินหยวนไม่ให้แข็งเกินไป ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องในระบบเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างมากมาย
ทั้งนี้ นายโจ ซี ฉวน วัย 59 ปีในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่ครบอายุเกษียณที่กำหนดไว้ที่ 65 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญกับการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจีน เมื่อตัดสินใจยกเลิกการผูกติดค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกรกฏาคมเมื่อปี 2548 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้เงินหยวนจีนแข็งค่าขึ้น 8.1%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
--------------------------------------------------------------------------------
Posted on Friday, October 12, 2007
นายโจ ซี ฉวน กำลังจะต้องลงจากตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ในสัปดาห์หน้า ภายหลังสิ้นสุดการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ประจำปี ซึ่งได้รับการคาดหมายว่า จะได้รับมอบหมายงานด้านเศรษฐกิจใหม่ ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่ที่จะก้าวขึ้นเพื่อสืบทอดการบริหารต่อไป ได้รับการคาดการณ์ว่า งานที่ท้าทายและสร้างแรงกดดันในอนาคตมากขึ้น คือ การบริหารนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน ภายใต้การบริหารงานในตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเป็นเวลาถึง 5 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในปีนี้นายโจ ซี ฉวน ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นถึง 5 ครั้งด้วยกัน แต่ไม่สามารถชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจจีนได้
ล่าสุด การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ยังคงพุ่งขึ้นไปถึง 11.9% ซึ่งกลายเป็นอัตราการขยายตัวรายไตรมาสที่มากที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้การใช้มาตรการอื่น ๆ ของนายโจ ซี ฉวน ที่ต้องการแทรกแซงค่าเงินหยวนไม่ให้แข็งเกินไป ส่งผลให้เกิดสภาพคล่องในระบบเพิ่มสูงมากขึ้นอย่างมากมาย
ทั้งนี้ นายโจ ซี ฉวน วัย 59 ปีในปัจจุบัน ซึ่งยังไม่ครบอายุเกษียณที่กำหนดไว้ที่ 65 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าสำคัญกับการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนจีน เมื่อตัดสินใจยกเลิกการผูกติดค่าเงินหยวนกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนกรกฏาคมเมื่อปี 2548 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และจนถึงขณะนี้เงินหยวนจีนแข็งค่าขึ้น 8.1%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mon ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news13/10/07
โพสต์ที่ 145
เวิลด์แบงก์เล็งตั้งกองทุนในตลาดเกิดใหม่ เน้นลงทุนในพันธบัตรอิงสกุลเงินท้องถิ่น
ธนาคารโลกชูแนวคิดใหม่กระตุ้นตลาดทุนในประเทศกำลังพัฒนา ภายในต้นปีหน้าเตรียมออกกองทุนใหม่ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อ้างอิงสกุลเงินท้องถิ่นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯใน 15-20 ประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มให้ได้เป็น 40 ประเทศในอีก 5 ปี มุ่งกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนครึ่ง-ครึ่งระหว่างกองทุนในภาครัฐบาลและกองทุนเอกชน
นายโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกเผยแผนการจัดตั้งกองทุนตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมูลค่ากองทุน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดทุนภายในประเทศเหล่านั้นด้วยการเข้าไปลงทุนในพันธบัตรที่อิงกับสกุลเงินท้องถิ่นที่ออกโดยประเทศกำลังพัฒนาโดยมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
กองทุนดังกล่าวหรือมีชื่อว่ากองทุนพันธบัตรอิงสกุลเงินท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก หรือเจมล็อก (Gemloc: The Global Emerging Markets Local Currency Bond Fund) ได้รับการดูแลด้านการวางโครงสร้างพื้นฐานของการดำเนินการจากธนาคารเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระหว่างประเทศ (ไอบีอาร์ดี) ซึ่งมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศต่างๆ ให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่นพัฒนาการเข้าถึงตลาด ปรับปรุงคุณภาพสัญญาในการนำไปใช้ทางกฎหมายและปรับปรุงด้านกฎ ระเบียบ
http://www.thannews.th.com/detialnews.p ... issue=2260
ธนาคารโลกชูแนวคิดใหม่กระตุ้นตลาดทุนในประเทศกำลังพัฒนา ภายในต้นปีหน้าเตรียมออกกองทุนใหม่ที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่อ้างอิงสกุลเงินท้องถิ่นมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯใน 15-20 ประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มให้ได้เป็น 40 ประเทศในอีก 5 ปี มุ่งกลุ่มเป้าหมายผู้ลงทุนครึ่ง-ครึ่งระหว่างกองทุนในภาครัฐบาลและกองทุนเอกชน
นายโรเบิร์ต โซลลิค ประธานธนาคารโลกเผยแผนการจัดตั้งกองทุนตราสารหนี้ในตลาดเกิดใหม่ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมูลค่ากองทุน 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายช่วยกระตุ้นการเติบโตของตลาดทุนภายในประเทศเหล่านั้นด้วยการเข้าไปลงทุนในพันธบัตรที่อิงกับสกุลเงินท้องถิ่นที่ออกโดยประเทศกำลังพัฒนาโดยมีมูลค่าไม่น้อยกว่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
กองทุนดังกล่าวหรือมีชื่อว่ากองทุนพันธบัตรอิงสกุลเงินท้องถิ่นในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก หรือเจมล็อก (Gemloc: The Global Emerging Markets Local Currency Bond Fund) ได้รับการดูแลด้านการวางโครงสร้างพื้นฐานของการดำเนินการจากธนาคารเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระหว่างประเทศ (ไอบีอาร์ดี) ซึ่งมีบทบาทในการให้ความช่วยเหลือทางเทคนิคแก่ประเทศต่างๆ ให้ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนด เช่นพัฒนาการเข้าถึงตลาด ปรับปรุงคุณภาพสัญญาในการนำไปใช้ทางกฎหมายและปรับปรุงด้านกฎ ระเบียบ
http://www.thannews.th.com/detialnews.p ... issue=2260
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news15/10/07
โพสต์ที่ 146
ธ.กลางญี่ปุ่นชี้ภาวะศก.โลกยังเผชิญความไม่แน่นอนสูง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 ตุลาคม 2550 12:55 น.
วันนี้(15 ต.ค.) นายโตชิฮิโกะ ฟูคูอิ ผู้ว่าการธนาคารชาติญี่ปุ่นหรือบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มไม่แน่นอนหลังเกิดเหตุวุ่นวายในตลาดการเงินเมื่อไม่นานมานี้และเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว
นายฟูคูอิ กล่าวปาฐกถาต่อที่ประชุมผู้จัดการสาขาของบีโอเจว่า บีโอเจจะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของตลาดโลกอย่างใกล้ชิด แม้ว่าผลกระทบจากปัญหาตลาดซับไพรม์ของสหรัฐไม่มีท่าทีจะสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินของญี่ปุ่นในขณะนี้ก็ตาม นายฟูคูอิ ถือโอกาสนี้ย้ำทัศนะของบีโอเจด้วยว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวอย่างช้า ๆ และกำลังจะเข้าสู่ภาวะของการขยายตัวอย่างยั่งยืน
บีโอเจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.5 เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นอัตราที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เพราะต้องการรอดูให้ชัดเจนว่า ปัญหาวุ่นวายในตลาดเงินสงบลงแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดคาดการณ์แตกต่างกันว่า บีโอเจจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าเมื่อใด นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าจะขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่บางคนคาดว่าจะขึ้นในเดือนธันวาคม
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000121990
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 ตุลาคม 2550 12:55 น.
วันนี้(15 ต.ค.) นายโตชิฮิโกะ ฟูคูอิ ผู้ว่าการธนาคารชาติญี่ปุ่นหรือบีโอเจระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังคงมีแนวโน้มไม่แน่นอนหลังเกิดเหตุวุ่นวายในตลาดการเงินเมื่อไม่นานมานี้และเศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญาณชะลอตัว
นายฟูคูอิ กล่าวปาฐกถาต่อที่ประชุมผู้จัดการสาขาของบีโอเจว่า บีโอเจจะต้องจับตาดูความเคลื่อนไหวของตลาดโลกอย่างใกล้ชิด แม้ว่าผลกระทบจากปัญหาตลาดซับไพรม์ของสหรัฐไม่มีท่าทีจะสร้างความเสียหายต่อระบบการเงินของญี่ปุ่นในขณะนี้ก็ตาม นายฟูคูอิ ถือโอกาสนี้ย้ำทัศนะของบีโอเจด้วยว่า เศรษฐกิจของญี่ปุ่นขยายตัวอย่างช้า ๆ และกำลังจะเข้าสู่ภาวะของการขยายตัวอย่างยั่งยืน
บีโอเจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ร้อยละ 0.5 เมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นอัตราที่ประกาศใช้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ เพราะต้องการรอดูให้ชัดเจนว่า ปัญหาวุ่นวายในตลาดเงินสงบลงแล้ว อย่างไรก็ดี ตลาดคาดการณ์แตกต่างกันว่า บีโอเจจะขึ้นดอกเบี้ยครั้งหน้าเมื่อใด นักวิเคราะห์บางคนคาดว่าจะขึ้นในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่บางคนคาดว่าจะขึ้นในเดือนธันวาคม
http://www.manager.co.th/StockMarket/Vi ... 0000121990
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news15/10/07
โพสต์ที่ 147
เชื่อตลาดหุ้นเวียดนามจะพุ่งแตะ 2 พันจุดภายใน 3 ปีหน้า
ธนาคารกลางเวียดนาม คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม (VN- Index) จะพุ่งแตะ 2 พันจุดภายในปี 2553 หลังจากที่ดัชนีวิ่งขึ้นเมื่อวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายนที่ 1,046.86 จุด ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดของเดือน นอกจากนี้ เวียดนามจะแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้นภายในปี 2553 รวมทั้งมุ่งเน้นการปรับปรุงตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซิตี้ และยกระดับศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ฮานอยเป็นตลาดซื้อขายหุ้นและพันธบัตรโดยใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ (OTC Market) ในอนาคต
ขุนคลังฮ่องกงคาดเกินดุลการค้าปี 2550 แตะ 6.45 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง
นายจอห์น ซัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของฮ่องกงในปีงบประมาณปัจจุบันจะสูงแตะ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 6.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดันโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ 10 โครงการ และคาดว่าจะมีตำแหน่งงานใหม่ราว 250,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีงานทำและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ นายจอห์นยังได้พูดถึงภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงในช่วงนี้ว่า นักลงทุนควรระมัดระวังก่อนการตัดสินใจใด ๆ เนื่องจากราคาหุ้นสามารถออกได้ทั้งทิศทางขาลงและขาขึ้น
แบงก์ชาติจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% มีผล 25 ต.ค.
ธนาคารกลางจีนออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์เมื่อวันเสาร์ว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นสัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ต้องกันสำรองสภาพคล่อง13 % ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวซึ่งมีขึ้นเพียง 1 วันหลังมีการเปิดเผยตัวเลขปริมาณเงินและอัตราการปล่อยกู้ในระบบที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งนั้น มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเข้มงวดต่อการจัดการด้านสภาพคล่องในระบบธนาคาร และป้องกันมิให้ปริมาณเงินและสินเชื่อขยายตัวเร็วเกินไป
จีนเรียกผู้ผลิตของเล่นกว่าพันคนร่วมฝึกอบรมด้านคุณภาพสินค้าส่งออก
ผู้ผลิตสินค้าของเล่นในจีนมากกว่า 1 พันคนเข้าร่วมการฝึกอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าส่งออกระหว่างวันที่ 11-12 ต.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลจีนที่จะสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของเล่นที่ผลิตในจีน ทั้งนี้ ผู้ผลิตสินค้าจากทั่วประเทศอาทิ กวางตุ้ง เจ้อเจียง และฮ่องกง ได้เข้าร่วมในการอบรมครั้งนี้ ซึ่งได้สอนถึงการรับมือกับปัญหาระดับตะกั่วและการออกแบบที่ผิดพลาด โดยในปัจจุบันจีนเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่สุดของโลก เมื่อปีที่แล้วจีนส่งออกของเล่น 2.2 หมื่นล้านชิ้น หรือคิดเป็น 60% ของผลิตภัณฑ์ของเล่นทั่วโลก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ธนาคารกลางเวียดนาม คาดการณ์ว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เวียดนาม (VN- Index) จะพุ่งแตะ 2 พันจุดภายในปี 2553 หลังจากที่ดัชนีวิ่งขึ้นเมื่อวันทำการสุดท้ายของเดือนกันยายนที่ 1,046.86 จุด ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดของเดือน นอกจากนี้ เวียดนามจะแยกตลาดพันธบัตรออกจากตลาดหุ้นภายในปี 2553 รวมทั้งมุ่งเน้นการปรับปรุงตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ ซิตี้ และยกระดับศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ฮานอยเป็นตลาดซื้อขายหุ้นและพันธบัตรโดยใช้โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์ (OTC Market) ในอนาคต
ขุนคลังฮ่องกงคาดเกินดุลการค้าปี 2550 แตะ 6.45 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง
นายจอห์น ซัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเขตปกครองพิเศษฮ่องกง เปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของฮ่องกงในปีงบประมาณปัจจุบันจะสูงแตะ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 6.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ รัฐบาลจะผลักดันโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานขนาดใหญ่ 10 โครงการ และคาดว่าจะมีตำแหน่งงานใหม่ราว 250,000 ตำแหน่ง ซึ่งจะช่วยให้ประชาชนมีงานทำและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น นอกจากนี้ นายจอห์นยังได้พูดถึงภาวะตลาดหุ้นฮ่องกงในช่วงนี้ว่า นักลงทุนควรระมัดระวังก่อนการตัดสินใจใด ๆ เนื่องจากราคาหุ้นสามารถออกได้ทั้งทิศทางขาลงและขาขึ้น
แบงก์ชาติจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนกันสำรองของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% มีผล 25 ต.ค.
ธนาคารกลางจีนออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์เมื่อวันเสาร์ว่า ธนาคารกลางจะปรับขึ้นสัดส่วนการกันสำรองสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์อีก 0.5% โดยจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ต.ค. ซึ่งส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ต้องกันสำรองสภาพคล่อง13 % ทั้งนี้ ธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวซึ่งมีขึ้นเพียง 1 วันหลังมีการเปิดเผยตัวเลขปริมาณเงินและอัตราการปล่อยกู้ในระบบที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งนั้น มีเป้าหมายที่จะเพิ่มความเข้มงวดต่อการจัดการด้านสภาพคล่องในระบบธนาคาร และป้องกันมิให้ปริมาณเงินและสินเชื่อขยายตัวเร็วเกินไป
จีนเรียกผู้ผลิตของเล่นกว่าพันคนร่วมฝึกอบรมด้านคุณภาพสินค้าส่งออก
ผู้ผลิตสินค้าของเล่นในจีนมากกว่า 1 พันคนเข้าร่วมการฝึกอบรมด้านคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าส่งออกระหว่างวันที่ 11-12 ต.ค. ที่ผ่านมา นับเป็นความพยายามครั้งล่าสุดของรัฐบาลจีนที่จะสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของเล่นที่ผลิตในจีน ทั้งนี้ ผู้ผลิตสินค้าจากทั่วประเทศอาทิ กวางตุ้ง เจ้อเจียง และฮ่องกง ได้เข้าร่วมในการอบรมครั้งนี้ ซึ่งได้สอนถึงการรับมือกับปัญหาระดับตะกั่วและการออกแบบที่ผิดพลาด โดยในปัจจุบันจีนเป็นผู้ผลิตของเล่นรายใหญ่สุดของโลก เมื่อปีที่แล้วจีนส่งออกของเล่น 2.2 หมื่นล้านชิ้น หรือคิดเป็น 60% ของผลิตภัณฑ์ของเล่นทั่วโลก
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news17/10/07
โพสต์ที่ 148
ญี่ปุ่นระงับเงินช่วยเหลือพม่า ตอบโต้กรณีทหารยิงนักข่าวญี่ปุ่นเสียชีวิต
รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจยกเลิกการให้เงินช่วยเหลือพม่าเป็นมูลค่ากว่า 522 ล้านเยน หลังจากที่กองกำลังทหารพม่ายิงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตในระหว่างการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสันติเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจำนวนเงินช่วยเหลือของญี่ปุ่นที่ส่งไปยังพม่ามียอดรวมอยู่ที่ 1.353 พันล้านเยน ในปีงบประมาณสิ้นสุด ณ มี.ค.2550 ซึ่งก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกำหนดบทลงโทษต่อพม่า ที่คาดว่ารัฐบาลทหารพม่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากยังคงมีการสนับสนุนจากจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของพม่า
จีนแนะตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดกว้างรับจดทะเบียนบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ
หน่วยงานด้านการกำกับดูแลของจีนมองว่า ตลาดหุ้นฮ่องกงควรจะริเริ่มเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดการสนับสนุนกลไกในการจดทะเบียนขององค์กรที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ โดยจีนเองกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดการเงินฮ่องกงเองก็ควรจะปรับปรุงกลไกต่างๆก่อนที่จะการจดทะเบียนจะมีความคืบหน้ามากไปกว่านี้ โดยบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของนั้นมีอิสระในการจดทะเบียนในตลาดหุ้นใด ๆ ก็ได้ และการตัดสินใจที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นใด ๆ นั้นไม่จำเป็นต้องมาจากการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ ซึ่งการตัดสินใจในท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวบริษัทเอง
เกาหลีใต้-อียูเปิดการเจรจาการค้าเสรีรอบใหม่ หวังบรรลุข้อตกลงสิ้นปีนี้
เกาหลีใต้และสหภาพยุโรป (EU) เริ่มเปิดเจรจาการค้าเสรีรอบใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีในช่วงสิ้นปีนี้ โดยกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่า การประชุมการค้าเสรีรอบที่ 4 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ ได้มุ่งที่ประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับการลดการเรียกเก็บภาษีในสินค้าประเภทรถยนต์ รวมถึงสินค้าและการบริการอื่นๆ- ทั้งนี้ นายคิม ฮัน-ซู หัวหน้าเจรจาของเกาหลีใต้กล่าวว่า อุปสรรคสำคัญในการเจรจากับประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศในครั้งนี้ก็คือการลดการเรียกเก็บภาษีในการซื้อค้ายานยนต์
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีนเผยยอดขายรถยนต์เดือนม.ค.-ก.ย.ปี 50 เพิ่ม 24%
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเปิดเยว่า ยอดขายรถยนต์โดยสารของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 24% เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการรถยนต์ซีดานที่เพิ่มขึ้น โดยยอดขายรถยนต์โดยสารในประเทศจีน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ซีดาน รถยนต์ SUV, MPV และรถตู้ขนาดใหญ่ ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.2550 แตะระดับ 4.58 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากสถิติในปีก่อนหน้านี้ 23.84% ยอดขายรถยนต์ซีดานปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.76% แตะระดับ 3.44 ล้านคัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
รัฐบาลญี่ปุ่นตัดสินใจยกเลิกการให้เงินช่วยเหลือพม่าเป็นมูลค่ากว่า 522 ล้านเยน หลังจากที่กองกำลังทหารพม่ายิงผู้สื่อข่าวชาวญี่ปุ่นเสียชีวิตในระหว่างการกวาดล้างกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงอย่างสันติเมื่อเดือนที่แล้ว โดยจำนวนเงินช่วยเหลือของญี่ปุ่นที่ส่งไปยังพม่ามียอดรวมอยู่ที่ 1.353 พันล้านเยน ในปีงบประมาณสิ้นสุด ณ มี.ค.2550 ซึ่งก่อนหน้านี้ ญี่ปุ่นได้ออกมาแสดงความกังวลเกี่ยวกับการกำหนดบทลงโทษต่อพม่า ที่คาดว่ารัฐบาลทหารพม่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากยังคงมีการสนับสนุนจากจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรที่สำคัญของพม่า
จีนแนะตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดกว้างรับจดทะเบียนบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ
หน่วยงานด้านการกำกับดูแลของจีนมองว่า ตลาดหุ้นฮ่องกงควรจะริเริ่มเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิดการสนับสนุนกลไกในการจดทะเบียนขององค์กรที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของ โดยจีนเองกำลังดำเนินการอย่างต่อเนื่องให้กับบริษัทที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง และตลาดการเงินฮ่องกงเองก็ควรจะปรับปรุงกลไกต่างๆก่อนที่จะการจดทะเบียนจะมีความคืบหน้ามากไปกว่านี้ โดยบริษัทที่รัฐบาลจีนเป็นเจ้าของนั้นมีอิสระในการจดทะเบียนในตลาดหุ้นใด ๆ ก็ได้ และการตัดสินใจที่จะจดทะเบียนในตลาดหุ้นใด ๆ นั้นไม่จำเป็นต้องมาจากการตัดสินใจของคณะกรรมการฯ ซึ่งการตัดสินใจในท้ายที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับตัวบริษัทเอง
เกาหลีใต้-อียูเปิดการเจรจาการค้าเสรีรอบใหม่ หวังบรรลุข้อตกลงสิ้นปีนี้
เกาหลีใต้และสหภาพยุโรป (EU) เริ่มเปิดเจรจาการค้าเสรีรอบใหม่อีกครั้ง ท่ามกลางความหวังที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะได้ลงนามข้อตกลงการค้าเสรีในช่วงสิ้นปีนี้ โดยกระทรวงต่างประเทศของเกาหลีใต้กล่าวว่า การประชุมการค้าเสรีรอบที่ 4 ซึ่งจะสิ้นสุดในวันศุกร์นี้ ได้มุ่งที่ประเด็นข้อโต้เถียงเกี่ยวกับการลดการเรียกเก็บภาษีในสินค้าประเภทรถยนต์ รวมถึงสินค้าและการบริการอื่นๆ- ทั้งนี้ นายคิม ฮัน-ซู หัวหน้าเจรจาของเกาหลีใต้กล่าวว่า อุปสรรคสำคัญในการเจรจากับประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศในครั้งนี้ก็คือการลดการเรียกเก็บภาษีในการซื้อค้ายานยนต์
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์จีนเผยยอดขายรถยนต์เดือนม.ค.-ก.ย.ปี 50 เพิ่ม 24%
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของจีนเปิดเยว่า ยอดขายรถยนต์โดยสารของจีนในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2550 ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 24% เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการรถยนต์ซีดานที่เพิ่มขึ้น โดยยอดขายรถยนต์โดยสารในประเทศจีน ซึ่งรวมถึงรถยนต์ซีดาน รถยนต์ SUV, MPV และรถตู้ขนาดใหญ่ ในช่วงเดือนม.ค.-ก.ย.2550 แตะระดับ 4.58 ล้านคัน เพิ่มขึ้นจากสถิติในปีก่อนหน้านี้ 23.84% ยอดขายรถยนต์ซีดานปรับตัวเพิ่มขึ้น 25.76% แตะระดับ 3.44 ล้านคัน
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news18/10/07
โพสต์ที่ 149
อลัน กรีนสแปน ชี้เงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าไม่เป็นอันตราย
นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ให้สัมภาษณ์ประชุมทางไกลไปยังกรุงปราก กล่าวว่า ไม่มีสัญญาณอันตรายใด ๆ เกี่ยวกับเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญทั่วโลก นอกจากนี้ ยังคงย้ำว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยมีมากที่สุดไม่เกิน 50% อดีตประธานเฟดวัย 81 ปี กล่าวว่า ความท้าทายของสหรัฐในขณะนี้ และอนาคต คือ ภาวะเงินเฟ้อ มากกว่าการอ่อนค่าลงของเงินเหรียญสหรัฐ พร้อมชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้ ขึ้นอยู่กับอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐเป็นหลัก
ไอเอ็มเอฟ เผย เงินเหรียญหรัฐ และปอนด์สเตอริงแข็งค่าเกินจริง
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐในปัจจุบันมีค่าสูงเกินความเป็นจริง เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ หากพิจารณาเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง 4% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญยูโร ไม่เพียงเท่านั้น ค่าเงินปอนด์สเตอริงของอังกฤษ ก็มีค่าสูงเกินจริง ในขณะที่ไอเอ็มเอฟ มองว่า ค่าเงินหยวนจีน และเงินเยนญี่ปุ่น กลับมีค่าอ่อนกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ เรียกร้องให้จีนต้องผ่อนคลายค่าเงินหยวนตามกลไกตลาดมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ไอเอ็มเอฟ ชี้ เศรษฐกิจโลกปี 2551 ชะลอตัวเหลือ 4.75%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจโลก ปี 2008 หรือ 2551 อย่างเต็มรูปแบบเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะชะลอตัวเหลือเพียง 4.75% ลดลงจากปีนี้ที่ระดับที่คาดการณ์ไว้ของปีนี้ที่ 5.2% โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐ จะชะลอตัวลงในปีหน้า คาดว่าต่ำกว่า 2% ลงมาเหลือเพียง 1.9% เหตุจาก วิกฤติสภาพคล่อง และความไม่สมดุลย์ของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หรืออีเมิร์จจิ้งมาร์เก็ต จะมีอัตราการขยายตัวที่โดดเด่นกว่าประเทศในกลุ่มตะวันตก
ไอเอ็มเอฟ ชี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว ช่วยเศรษฐกิจโลกปีนี้มากที่สุด
ไอเอ็มเอฟ ชี้ว่า ในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มูลค่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มากที่สุด ในขณะที่มูลค่าเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกตลอดกาล ยังเป็นของสหรัฐ หากมองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะมาจาก 3 ชาติสำคัญ ได้แก่ จีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟ มองว่า การที่เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่า 3.5% ในปีหน้านั้น มีโอกาสเพียง 16% เท่านั้น ท่ามกลางวิกฤติสภาพคล่องทั่วโลก ยังคงมีต่อเนื่องในปีหน้า
ไอเอ็มเอฟ ชี้ 3 ปัจจัยเสียง อาจฉุดเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ปี 2551
ไอเอ็มเอฟ มอง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในปี 2008 หรือ 2551 ไว้ว่า วิกฤติสินเชื่อในระบบการเงิน อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐล่าช้าออกไป กระทบต่อการลงทุน และการใช้จ่าย นอกจากนี้ แรงกดดันเงินเฟ้อ มากจากราคาสินค้าเกษตร และราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูงต่อไป และปัจจัยลบสุดท้าย ได้แก่ ความไม่สมดุลย์ของเศรษฐกิจโลก ที่เกิดขึ้นจากปัญหาการขาดดุลการค้า และดุลงบประมาณของสหรัฐ กับทุกประเทศทั่วโลก ที่ยังคงเรื้อรังต่อไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
นายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟด ให้สัมภาษณ์ประชุมทางไกลไปยังกรุงปราก กล่าวว่า ไม่มีสัญญาณอันตรายใด ๆ เกี่ยวกับเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญทั่วโลก นอกจากนี้ ยังคงย้ำว่า โอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะถดถอยมีมากที่สุดไม่เกิน 50% อดีตประธานเฟดวัย 81 ปี กล่าวว่า ความท้าทายของสหรัฐในขณะนี้ และอนาคต คือ ภาวะเงินเฟ้อ มากกว่าการอ่อนค่าลงของเงินเหรียญสหรัฐ พร้อมชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวได้ ขึ้นอยู่กับอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐเป็นหลัก
ไอเอ็มเอฟ เผย เงินเหรียญหรัฐ และปอนด์สเตอริงแข็งค่าเกินจริง
ด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐในปัจจุบันมีค่าสูงเกินความเป็นจริง เมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญ หากพิจารณาเฉพาะในเดือนกันยายนที่ผ่านมา พบว่า ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าลง 4% เมื่อเทียบกับเงินเหรียญยูโร ไม่เพียงเท่านั้น ค่าเงินปอนด์สเตอริงของอังกฤษ ก็มีค่าสูงเกินจริง ในขณะที่ไอเอ็มเอฟ มองว่า ค่าเงินหยวนจีน และเงินเยนญี่ปุ่น กลับมีค่าอ่อนกว่าความเป็นจริง ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟ เรียกร้องให้จีนต้องผ่อนคลายค่าเงินหยวนตามกลไกตลาดมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
ไอเอ็มเอฟ ชี้ เศรษฐกิจโลกปี 2551 ชะลอตัวเหลือ 4.75%
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยรายงานเศรษฐกิจโลก ปี 2008 หรือ 2551 อย่างเต็มรูปแบบเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้าจะชะลอตัวเหลือเพียง 4.75% ลดลงจากปีนี้ที่ระดับที่คาดการณ์ไว้ของปีนี้ที่ 5.2% โดยเฉพาะเศรษฐกิจสหรัฐ จะชะลอตัวลงในปีหน้า คาดว่าต่ำกว่า 2% ลงมาเหลือเพียง 1.9% เหตุจาก วิกฤติสภาพคล่อง และความไม่สมดุลย์ของเศรษฐกิจโลก ในขณะที่เศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ หรืออีเมิร์จจิ้งมาร์เก็ต จะมีอัตราการขยายตัวที่โดดเด่นกว่าประเทศในกลุ่มตะวันตก
ไอเอ็มเอฟ ชี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว ช่วยเศรษฐกิจโลกปีนี้มากที่สุด
ไอเอ็มเอฟ ชี้ว่า ในปีนี้ นับเป็นครั้งแรกที่มูลค่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่ มีผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้มากที่สุด ในขณะที่มูลค่าเศรษฐกิจอันดับ 1 ของโลกตลอดกาล ยังเป็นของสหรัฐ หากมองในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกจะมาจาก 3 ชาติสำคัญ ได้แก่ จีนแผ่นดินใหญ่ อินเดีย และรัสเซีย อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟ มองว่า การที่เศรษฐกิจโลกจะขยายตัวต่ำกว่า 3.5% ในปีหน้านั้น มีโอกาสเพียง 16% เท่านั้น ท่ามกลางวิกฤติสภาพคล่องทั่วโลก ยังคงมีต่อเนื่องในปีหน้า
ไอเอ็มเอฟ ชี้ 3 ปัจจัยเสียง อาจฉุดเศรษฐกิจประเทศเกิดใหม่ปี 2551
ไอเอ็มเอฟ มอง ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ในปี 2008 หรือ 2551 ไว้ว่า วิกฤติสินเชื่อในระบบการเงิน อาจส่งผลให้การฟื้นตัวของอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐล่าช้าออกไป กระทบต่อการลงทุน และการใช้จ่าย นอกจากนี้ แรงกดดันเงินเฟ้อ มากจากราคาสินค้าเกษตร และราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับสูงต่อไป และปัจจัยลบสุดท้าย ได้แก่ ความไม่สมดุลย์ของเศรษฐกิจโลก ที่เกิดขึ้นจากปัญหาการขาดดุลการค้า และดุลงบประมาณของสหรัฐ กับทุกประเทศทั่วโลก ที่ยังคงเรื้อรังต่อไป
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
-
- Verified User
- โพสต์: 7514
- ผู้ติดตาม: 0
news18/10/07
โพสต์ที่ 150
แบงก์ชาติบราซิล ตรึงดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 2 ปี หลังเศรษฐกิจพุ่งสูง
ธนาคารกลางบราซิล ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ระดับ 11.25% จากระดับสูงสุดที่ 19.75% ในเดือนกันยายน ปี 2005 หรือในปี 2548 สาเหตุสำคัญเกิดจาก เศรษฐกิจบราซิล ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา ได้ขยายตัวเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินเฟ้อในบราซิล ขยับเพิ่มสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ที่ 2.96% มาอยู่ที่ 4.15% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของแบงก์ชาติบราซิลที่วางไว้ระดับ 4.5%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx
ธนาคารกลางบราซิล ประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยอยู่ที่ระดับ 11.25% จากระดับสูงสุดที่ 19.75% ในเดือนกันยายน ปี 2005 หรือในปี 2548 สาเหตุสำคัญเกิดจาก เศรษฐกิจบราซิล ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในละตินอเมริกา ได้ขยายตัวเพิ่มสูงมากขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ เงินเฟ้อในบราซิล ขยับเพิ่มสูงขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 8 ปี ที่ 2.96% มาอยู่ที่ 4.15% เมื่อเดือนที่ผ่านมา ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของแบงก์ชาติบราซิลที่วางไว้ระดับ 4.5%
http://www.moneychannel.co.th/Menu6/Mor ... fault.aspx