แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 362
พรีเมียร์ ลีก นัดที่ 7
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 0 เชลซี
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,663 คน
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
ประตู : 1-0 เตเบซ น.45(+3),2-0 ซาฮา น.89(จุดโทษ)
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=930
แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่มเติมความเศร้าโศกให้เชลซี ด้วยการเอาชนะ
เชลซี ได้ในโรงละครแห่งความฝัน 2 - 0 ในเกมแรกภายใต้การคุมทีมของ อัฟ
ราม แกรนท์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ หลังจากมูรินโญ่ ประกาศลาออกจาก
ตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จุดพลิกพันของเกมเริ่มจากการที่ จอห์น โอบี มิเกล ถูกไล่ออกใน
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก และแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่ง
แรก ตามด้วยการได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม
เกมในวันนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงไม่มีแกรี่ เนวิลล์ และโฮเว่น ฮา
ร์กรีฟส์ ที่เพิ่งหายจากการบาดเจ็บแต่เซอร์ อเล็กซ์ ก็ยังไม่เสี่ยงส่งลงเล่น
เริ่มเกมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็บุกเข้าใส่เร็ว และได้เตะมุมตั้งแต่นาที
แรก ตามด้วยการได้ยิงของเวย์น รูนี่ย์ อีก 1 นาทีถัดมา แต่ลูกยิงสุดสวยของ
เขาก็ถูก ปีเตอร์ เช็ค ปัดไว้ได้
จากนั้นอีก 1 นาที เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้เปิดบอลเข้ากลางให้กับไมเคิล
คาร์ริค โหม่งจากกลางประตู แต่ปีเตอร์ เช็ค ก็ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง
เชลซีได้โอกาสบางในนาทีที่ 8 เมื่อ อังเดร เชฟเชนโก้ ได้โอกาส
ยิงแต่บอลก็เหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 20 เมื่อคริสเตียโน่ โร
นัลโด้ ได้ยิงด้วยขวาจากระยะ 25 หลา แต่จอห์น เทอร์รี่ ก็ใช้ตัวบังไว้ได้ ทำ
ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เตะมุม และจากลูกเตะมุม ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้ยิงอีกครั้ง
และก็ถูก ทัล เบน ฮาอิม สกัดไว้ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ และได้ลูกเตะมุม รวมทั้ง
มีโอกาสทำประตูมากกว่าเชลซี ทั้งโรนัลโด้ และเตเบซ ต่างก็ได้ยิงแต่บอลก็
หลุดออกนอกกรอบไป
นาทีที่ 29 เอสเซียงสกัดบอลพลาดให้บอลหลุดไปเข้าเท้ารูนี่ย์
จ่ายบอลต่อให้กับไรอัน กิ๊กส์ ได้ยิง จากระยะ 6 หลาด้านข้างประตู แต่บอลก็
เหินข้ามคานไป
แต่แล้วในนาทีที่ 31 เชลซี ก็ต้องเหลือตัวผู้เล่นเพียง 10 คนเมื่อ
จอห์น โอบี มิเกล เข้าสกัด ปาทริซ เอฟร่า และเปิดปุ่มสตั๊ดใส่ เอฟร่า ทำให้ผู้
ตัดสินให้ใบแดงแบบไม่เตือนก่อน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ
ในจังหวะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุม และจอห์น เทอร์รี่ สกัดออกมา แต่
สโคลส์ ก็โหม่งบอลกลับเข้าไปให้กับกิ๊กส์ และเปิดต่อให้กับเตเบซที่หน้า
ประตู โหม่งบอลตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ค เข้าไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้น
นำ 1 - 0
เริ่มครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาทีที่ 56 แมนฯ ยูไน
เต็ด ได้ลูกฟรีคิกในระยะ 25 หลา และคาร์ลอส เตเบซ รับหน้าที่ยิงแต่บอลก็
เหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น เกมยังคงเป็นของแมนฯ ยูไนเต็ด และไรอัน
กิ๊กส์ ได้ยิงในนาทีที่ 58 แต่บอลก็เหินข้ามคานไป
นาทีที่ 59 เชลซี เริ่มมีการปรับเกม โดยส่ง กาลู ลงเล่นแทน เชฟ
เชนโก้ นาทีที่ 73 โรนัลโด้ ได้จังหวะลากเลื้อยจากครึ่งสนาม แต่โจ โคล ก็
เข้ามาสกัดอันตรายทำให้ได้ใบเหลืองไป ในขณะที่ข้างสนามเซอร์ อเล็กซ์ ก็
ออกมาโวยวายกับผู้ช่วยผู้ตัดสินว่าควรจะเป็นใบแดง เพราะโจ โคล ทำฟาวล์
อันตราย
จากนั้นอีก 2 นาที เชลซี จึงเปลี่ยนโจ โคล ออกและส่ง เคลาดิโอ
ปิร์ซาร์โร่ ลงเล่นแทน
ทางด้านแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปลี่ยนตัวบ้างในนาทีที่ 78 โดยส่งซา
ฮา ลงเล่นแทนคาร์ลอส เตเบซ
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองเกมบุกได้มากกว่า ในนาทีที่ 82 แมนฯ ยูไน
เต็ด ได้ฟรีคิกในระยะ 25 หลาจากการที่จอห์น เทอร์รี่ ไปทำฟาวล์เวย์น รูนี่ย์
และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็รับหน้าที่ยิงฟรีคิก แต่ปีเตอร์ เช็ค ก็รับไว้ได้
นาทีที่ 88 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ จากจังหวะที่ซาฮา รับบอล
ลงในเขตโทษ ทัล เบน ฮาอิม เข้าสกัดล้มลงในเขตโทษ และซาฮา ก็ลุกขึ้น
มารับหน้าที่สังหารจุดโทษเอง บอลพุ่งเข้ากลางประตูแบบที่ปีเตอร์ เช็ค หมด
สิทธิ์เซฟ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 - 0
จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเหนือเชลซี ได้ใน โอลด์
แทรฟฟอร์ด 2 - 0 เก็บ 3 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในตารางพรีเมียร์ ลีก
ตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อล อยู่ 2 คะแนน (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1,เวส บราวน์ 6 ( น.80),ปาทริซ เอฟร่า 3,ริโอ เฟอร์ดิ
นานด์ 5,เนมานย่า วิดิช 15,ไมเคิล คาร์ริค 16,ไรอัน กิ๊กส์ 11,คริสเตียโน่ โร
นัลโด้ 7,พอล สโคลส์ 18,เวย์น รูนี่ย์ 10 ( น.61),คาร์ลอส เตเบซ 32 (
น.45)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29,จอห์น โอเชีย 22,เชราร์ด ปิเก้ 19,หลุยส์ นานี่ 17,
หลุยส์ ซาฮา 9 ( จุดโทษ น.90) น.79 คาร์ลอส เตเบซ 32
เชลซี
ปีเตอร์ เช็ค 1,ทัล เบน ฮาอิม 22 ,แอชลี่ย์ โคล 3 ,เปาโล แฟร์ไรร่า 20 ,
จอห์น เทอร์รี่ 26 ( น.83),โจ โคล 10 ( น.73),มิคาเอล เอสเซียง 5 ,โคล้ด
มาเกเลเล่ 4 ,ฟลอรองต์ มาลูด้า 15 ,จอห์น โอบี มิเกล 12 ( น.32),อังเดร
เชฟเชนโก้ 7
สำรอง
คาร์โล คูดิชินี่ 23 ,อเล็กซ์ 33 ,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 24 น.69, ฟลอรองต์ มาลู
ด้า 15,ซาโลมง กาลู 21 น.59 ,อังเดร เชฟเชนโก้ 7,เคลาดิโอ ปิร์ซาร์โร่ 14
น.76 ,โจ โคล 10
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
เกมนี้มีจุดเปลี่ยนมากมาย ไม่ว่าเป็น ใบเหลือง,ใบแดงและจุดโทษ โดยเฉพาะ
กรรมการไม่ทันเกมเอาซะเลยคับ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 - 0 เชลซี
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,663 คน
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
ประตู : 1-0 เตเบซ น.45(+3),2-0 ซาฮา น.89(จุดโทษ)
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=930
แมนฯ ยูไนเต็ด เพิ่มเติมความเศร้าโศกให้เชลซี ด้วยการเอาชนะ
เชลซี ได้ในโรงละครแห่งความฝัน 2 - 0 ในเกมแรกภายใต้การคุมทีมของ อัฟ
ราม แกรนท์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ หลังจากมูรินโญ่ ประกาศลาออกจาก
ตำแหน่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
จุดพลิกพันของเกมเริ่มจากการที่ จอห์น โอบี มิเกล ถูกไล่ออกใน
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรก และแมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่ง
แรก ตามด้วยการได้จุดโทษในช่วงท้ายเกม
เกมในวันนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงไม่มีแกรี่ เนวิลล์ และโฮเว่น ฮา
ร์กรีฟส์ ที่เพิ่งหายจากการบาดเจ็บแต่เซอร์ อเล็กซ์ ก็ยังไม่เสี่ยงส่งลงเล่น
เริ่มเกมแมนฯ ยูไนเต็ด ก็บุกเข้าใส่เร็ว และได้เตะมุมตั้งแต่นาที
แรก ตามด้วยการได้ยิงของเวย์น รูนี่ย์ อีก 1 นาทีถัดมา แต่ลูกยิงสุดสวยของ
เขาก็ถูก ปีเตอร์ เช็ค ปัดไว้ได้
จากนั้นอีก 1 นาที เวย์น รูนี่ย์ ก็ได้เปิดบอลเข้ากลางให้กับไมเคิล
คาร์ริค โหม่งจากกลางประตู แต่ปีเตอร์ เช็ค ก็ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง
เชลซีได้โอกาสบางในนาทีที่ 8 เมื่อ อังเดร เชฟเชนโก้ ได้โอกาส
ยิงแต่บอลก็เหินข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสอีกครั้งในนาทีที่ 20 เมื่อคริสเตียโน่ โร
นัลโด้ ได้ยิงด้วยขวาจากระยะ 25 หลา แต่จอห์น เทอร์รี่ ก็ใช้ตัวบังไว้ได้ ทำ
ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ได้เตะมุม และจากลูกเตะมุม ทำให้ เวย์น รูนี่ย์ ได้ยิงอีกครั้ง
และก็ถูก ทัล เบน ฮาอิม สกัดไว้ได้
แมนฯ ยูไนเต็ด ครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ และได้ลูกเตะมุม รวมทั้ง
มีโอกาสทำประตูมากกว่าเชลซี ทั้งโรนัลโด้ และเตเบซ ต่างก็ได้ยิงแต่บอลก็
หลุดออกนอกกรอบไป
นาทีที่ 29 เอสเซียงสกัดบอลพลาดให้บอลหลุดไปเข้าเท้ารูนี่ย์
จ่ายบอลต่อให้กับไรอัน กิ๊กส์ ได้ยิง จากระยะ 6 หลาด้านข้างประตู แต่บอลก็
เหินข้ามคานไป
แต่แล้วในนาทีที่ 31 เชลซี ก็ต้องเหลือตัวผู้เล่นเพียง 10 คนเมื่อ
จอห์น โอบี มิเกล เข้าสกัด ปาทริซ เอฟร่า และเปิดปุ่มสตั๊ดใส่ เอฟร่า ทำให้ผู้
ตัดสินให้ใบแดงแบบไม่เตือนก่อน
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ
ในจังหวะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ลูกเตะมุม และจอห์น เทอร์รี่ สกัดออกมา แต่
สโคลส์ ก็โหม่งบอลกลับเข้าไปให้กับกิ๊กส์ และเปิดต่อให้กับเตเบซที่หน้า
ประตู โหม่งบอลตัดหน้า ปีเตอร์ เช็ค เข้าไปอย่างสวยงาม แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้น
นำ 1 - 0
เริ่มครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัว นาทีที่ 56 แมนฯ ยูไน
เต็ด ได้ลูกฟรีคิกในระยะ 25 หลา และคาร์ลอส เตเบซ รับหน้าที่ยิงแต่บอลก็
เหินข้ามคานไปแบบไม่มีลุ้น เกมยังคงเป็นของแมนฯ ยูไนเต็ด และไรอัน
กิ๊กส์ ได้ยิงในนาทีที่ 58 แต่บอลก็เหินข้ามคานไป
นาทีที่ 59 เชลซี เริ่มมีการปรับเกม โดยส่ง กาลู ลงเล่นแทน เชฟ
เชนโก้ นาทีที่ 73 โรนัลโด้ ได้จังหวะลากเลื้อยจากครึ่งสนาม แต่โจ โคล ก็
เข้ามาสกัดอันตรายทำให้ได้ใบเหลืองไป ในขณะที่ข้างสนามเซอร์ อเล็กซ์ ก็
ออกมาโวยวายกับผู้ช่วยผู้ตัดสินว่าควรจะเป็นใบแดง เพราะโจ โคล ทำฟาวล์
อันตราย
จากนั้นอีก 2 นาที เชลซี จึงเปลี่ยนโจ โคล ออกและส่ง เคลาดิโอ
ปิร์ซาร์โร่ ลงเล่นแทน
ทางด้านแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เปลี่ยนตัวบ้างในนาทีที่ 78 โดยส่งซา
ฮา ลงเล่นแทนคาร์ลอส เตเบซ
แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองเกมบุกได้มากกว่า ในนาทีที่ 82 แมนฯ ยูไน
เต็ด ได้ฟรีคิกในระยะ 25 หลาจากการที่จอห์น เทอร์รี่ ไปทำฟาวล์เวย์น รูนี่ย์
และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็รับหน้าที่ยิงฟรีคิก แต่ปีเตอร์ เช็ค ก็รับไว้ได้
นาทีที่ 88 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้จุดโทษ จากจังหวะที่ซาฮา รับบอล
ลงในเขตโทษ ทัล เบน ฮาอิม เข้าสกัดล้มลงในเขตโทษ และซาฮา ก็ลุกขึ้น
มารับหน้าที่สังหารจุดโทษเอง บอลพุ่งเข้ากลางประตูแบบที่ปีเตอร์ เช็ค หมด
สิทธิ์เซฟ แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 - 0
จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะเหนือเชลซี ได้ใน โอลด์
แทรฟฟอร์ด 2 - 0 เก็บ 3 คะแนน ขึ้นเป็นอันดับที่ 2 ในตารางพรีเมียร์ ลีก
ตามหลังจ่าฝูงอาร์เซน่อล อยู่ 2 คะแนน (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1,เวส บราวน์ 6 ( น.80),ปาทริซ เอฟร่า 3,ริโอ เฟอร์ดิ
นานด์ 5,เนมานย่า วิดิช 15,ไมเคิล คาร์ริค 16,ไรอัน กิ๊กส์ 11,คริสเตียโน่ โร
นัลโด้ 7,พอล สโคลส์ 18,เวย์น รูนี่ย์ 10 ( น.61),คาร์ลอส เตเบซ 32 (
น.45)
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29,จอห์น โอเชีย 22,เชราร์ด ปิเก้ 19,หลุยส์ นานี่ 17,
หลุยส์ ซาฮา 9 ( จุดโทษ น.90) น.79 คาร์ลอส เตเบซ 32
เชลซี
ปีเตอร์ เช็ค 1,ทัล เบน ฮาอิม 22 ,แอชลี่ย์ โคล 3 ,เปาโล แฟร์ไรร่า 20 ,
จอห์น เทอร์รี่ 26 ( น.83),โจ โคล 10 ( น.73),มิคาเอล เอสเซียง 5 ,โคล้ด
มาเกเลเล่ 4 ,ฟลอรองต์ มาลูด้า 15 ,จอห์น โอบี มิเกล 12 ( น.32),อังเดร
เชฟเชนโก้ 7
สำรอง
คาร์โล คูดิชินี่ 23 ,อเล็กซ์ 33 ,ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 24 น.69, ฟลอรองต์ มาลู
ด้า 15,ซาโลมง กาลู 21 น.59 ,อังเดร เชฟเชนโก้ 7,เคลาดิโอ ปิร์ซาร์โร่ 14
น.76 ,โจ โคล 10
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
เกมนี้มีจุดเปลี่ยนมากมาย ไม่ว่าเป็น ใบเหลือง,ใบแดงและจุดโทษ โดยเฉพาะ
กรรมการไม่ทันเกมเอาซะเลยคับ
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 363
เจาะข่าวฮอต : แกรี่ เนวิลล์ "ผมตื่นเต้นมากที่จะกลับมาลงสนาม"
หากจะว่าไปแล้วตลอดช่วงระยะเวลากว่า 10 ปีที่ยิ่งใหญ่ของ แมนเชส
เตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนหนึ่งมาจากการมีนักเตะระดับโลกอย่าง แกรี่ เนวิลล์ แบ็ก
ขวาจอมลุย ที่อยู่รับใช้สโมสรมา ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดจนปัจจุบันอายุอานาปา
เข้าไป 30 กว่าๆ เขาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของ "ปีศาจแดง" เสมอ แม้ช่วงนี้มี
บางครั้งที่เขาจะฟอร์มตกไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นหัวใจในแนวรับของทีมอยู่เสมอ
แม้ในฤดูกาลนี้ "ผีแดง" จะเริ่มต้นได้ไม่ดีมากนัก เพราะเล่นไปได้แค่
5 นัด แพ้ไปแล้ว 1 นัด รั้งอันดับ 8 เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
ฟอร์มไม่สู้ดีมากนัก เกิดจากนัก เตะคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บ หรือไม่ก็ติด
โทษแบน ซึ่ง เนวิลล์ ผู้พี่เชื่อว่าหากได้ผู้เล่นคนสำคัญเหล่านี้กลับมาพร้อม
หน้าพร้อมตา "ปีศาจแดง" ก็ไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีก
ฟลูแบ็ก วัย 32 ปี กล่าวว่า "ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องชนะในเกมกับ
ท็อตแน่ม และ ซันเดอร์แลนด์ (เกมละ 1-0) มันเห็นกันชัดเจนว่าเราไม่ได้เล่น
ด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดในช่วงเปิดฤดูกาล แต่ผมคิดว่ามันมีเหตุผล เรามีปัญหา
บาดเจ็บกับ หลุยส์ ซาฮา , โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ เวย์น รูนี่ย์ ดังนั้น คา
ร์ลอส เตเวซ เลยต้องเล่นกองหน้าคนเดียว"
"เขาเล่น โคปา อเมริกา เดินทางมาที่นี่ และถูกส่งลงสนามทันที
แถมเล่นหน้าคนเดียวด้วย มันเป็นงานยากของเราเมื่อไม่มีกองหน้า 3 คน คุณ
ดูเกมล่าสุด (กับ ซันเดอร์แลนด์) ก็ได้ว่า ตอนที่ หลุยส์ ลงสนาม มันมีความ
แตกต่างกันขนาดไหน และผมคิดว่าด้วยการที่ เวย์น กำลังจะกลับมาในเร็วๆ
นี้ ผมมั่นใจว่า เราจะแกร่งขึ้น เราต้องทำให้มันชัวร์ว่า เราจะไม่ตามหลังกลุ่ม
นำมาก ไปในช่วงนี้"
ขณะเดียวกัน การที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับ จะพ้นโทษ
แบนกลับมาลงสนามในวันเสาร์นี้พบ เอฟเวอร์ตัน แกรี่ มั่นใจเช่นกันว่าเกมรุก
ของทีมจะดุดันขึ้นแน่ "การโดนแบนของ คริสเตียโน่ ทำให้เรามีปัญหาเพิ่ม
ขึ้นอีก แต่ผมคิดว่าเราทั้งหมดจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาในอีกไม่กี่สัปดาห์
ข้างหน้า หวังว่าเราจะยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นไป และกลับมาทำประตูได้ต่อ
เนื่อง อีกครั้ง"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ แกรี่ ที่ไม่ได้ช่วยต้นสังกัดนับตั้งแต่เปิด
ฤดูกาลมา ก็ยอมรับว่าเขาใกล้จะฟิตสมบรูณ์เต็มทีแล้ว แต่คงยังไม่สามารถลง
เล่นในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ที่พบกับ
เชลซี กองหลังทีมชาติอังกฤษ คงฟิตสมบูรณ์พร้อมลงช่วนต้นสังกัดได้
"บางทีผมคงตั้งใจไป ผมตื่นเต้นมากไปหน่อยที่จะกลับมาลงสนาม
และผมรู้สึกถึงอาการเจ็บเล็กน้อยที่ต้นขา ซึ่งมันน่าหงุดหงิดจริงๆหวังจริงๆ ว่า
ใน 1-2 สัปดาห์นี้ผมจะกลับมา ลงเล่นได้ และผมหวังว่าจะได้ลงสนามใน 2
สัปดาห์ เพราะผมบาดเจ็บ และหายไปนาน ผมเลยคิดว่าเกมกับ เอฟเวอร์ตัน
น่าจะเร็วเกินไป ผมคิดว่าบางทีน่าจะเป็นเกมหลังจากนั้นมากกว่า"
ในชีวิตพ่อค้าแข้ง แกรี่ คว้าแชมป์มาได้คบทุกถ้วยในการเล่นให้
แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่เขาขาดอยู่คือเกียรติประวัติระดับชาติกับทีม "สิงโต
คำราม" ซึ่งตอนนี้เขาติดทีมชาติไปแล้ว 85 ครั้ง และหวังจะซิวแชมป์กับทีม
ชาติให้ได้สักครั้ง เพราะการติดธงมากมายคงไม่มีความหมายหากไร้ซึ่งเหรียญ
ชนะเลิศในรายการระดับนานาชาติ
"ถ้าคุณลงเล่นให้ทีมชาติ 25 นัด และได้แชมป์ฟุตบอลโลก การติด
ทีมชาติ 25 นัดของคุณก็จะมีความหมายมากกว่าการติดทีมชาติ 85 นัดของ
ผมเสียอีก ผมถูกดันขึ้นมาเพื่อเป็น แชมป์ในระดับสโมสร ซึ่งพวกเราได้มา
แล้วทุกอย่าง และกับ ทีมชาติอังกฤษ เราจะต้องได้แชมป์อะไรติดมือบ้าง"
"ผมมีความสุขกับการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทำให้ผมได้รับ
ประสบการณ์หลายอย่าง แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือแชมป์ ประเทศของเราอยาก
ได้แชมป์ ผู้เล่นซึ่งเล่นอยู่ในช่วงเวลา เดียวกับผมก็อยากได้แชมป์เช่นกัน แต่
เรายังไม่ดีพอ ผมหวังเพียงว่า ถ้าเราผ่านรอบคัดเลือกไปได้ในคราวนี้
(ฟุตบอลยูโร 2008) เราจะสามารถทำได้เสียที"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
หากจะว่าไปแล้วตลอดช่วงระยะเวลากว่า 10 ปีที่ยิ่งใหญ่ของ แมนเชส
เตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนหนึ่งมาจากการมีนักเตะระดับโลกอย่าง แกรี่ เนวิลล์ แบ็ก
ขวาจอมลุย ที่อยู่รับใช้สโมสรมา ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัดจนปัจจุบันอายุอานาปา
เข้าไป 30 กว่าๆ เขาก็ยังเป็นกำลังสำคัญของ "ปีศาจแดง" เสมอ แม้ช่วงนี้มี
บางครั้งที่เขาจะฟอร์มตกไปบ้าง แต่ก็ยังเป็นหัวใจในแนวรับของทีมอยู่เสมอ
แม้ในฤดูกาลนี้ "ผีแดง" จะเริ่มต้นได้ไม่ดีมากนัก เพราะเล่นไปได้แค่
5 นัด แพ้ไปแล้ว 1 นัด รั้งอันดับ 8 เท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
ฟอร์มไม่สู้ดีมากนัก เกิดจากนัก เตะคนสำคัญมีอาการบาดเจ็บ หรือไม่ก็ติด
โทษแบน ซึ่ง เนวิลล์ ผู้พี่เชื่อว่าหากได้ผู้เล่นคนสำคัญเหล่านี้กลับมาพร้อม
หน้าพร้อมตา "ปีศาจแดง" ก็ไม่ต่างอะไรกับเสือติดปีก
ฟลูแบ็ก วัย 32 ปี กล่าวว่า "ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องชนะในเกมกับ
ท็อตแน่ม และ ซันเดอร์แลนด์ (เกมละ 1-0) มันเห็นกันชัดเจนว่าเราไม่ได้เล่น
ด้วยฟอร์มที่ดีที่สุดในช่วงเปิดฤดูกาล แต่ผมคิดว่ามันมีเหตุผล เรามีปัญหา
บาดเจ็บกับ หลุยส์ ซาฮา , โอเล่ กุนนาร์ โซลชา และ เวย์น รูนี่ย์ ดังนั้น คา
ร์ลอส เตเวซ เลยต้องเล่นกองหน้าคนเดียว"
"เขาเล่น โคปา อเมริกา เดินทางมาที่นี่ และถูกส่งลงสนามทันที
แถมเล่นหน้าคนเดียวด้วย มันเป็นงานยากของเราเมื่อไม่มีกองหน้า 3 คน คุณ
ดูเกมล่าสุด (กับ ซันเดอร์แลนด์) ก็ได้ว่า ตอนที่ หลุยส์ ลงสนาม มันมีความ
แตกต่างกันขนาดไหน และผมคิดว่าด้วยการที่ เวย์น กำลังจะกลับมาในเร็วๆ
นี้ ผมมั่นใจว่า เราจะแกร่งขึ้น เราต้องทำให้มันชัวร์ว่า เราจะไม่ตามหลังกลุ่ม
นำมาก ไปในช่วงนี้"
ขณะเดียวกัน การที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับ จะพ้นโทษ
แบนกลับมาลงสนามในวันเสาร์นี้พบ เอฟเวอร์ตัน แกรี่ มั่นใจเช่นกันว่าเกมรุก
ของทีมจะดุดันขึ้นแน่ "การโดนแบนของ คริสเตียโน่ ทำให้เรามีปัญหาเพิ่ม
ขึ้นอีก แต่ผมคิดว่าเราทั้งหมดจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาในอีกไม่กี่สัปดาห์
ข้างหน้า หวังว่าเราจะยกระดับฟอร์มการเล่นขึ้นไป และกลับมาทำประตูได้ต่อ
เนื่อง อีกครั้ง"
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ แกรี่ ที่ไม่ได้ช่วยต้นสังกัดนับตั้งแต่เปิด
ฤดูกาลมา ก็ยอมรับว่าเขาใกล้จะฟิตสมบรูณ์เต็มทีแล้ว แต่คงยังไม่สามารถลง
เล่นในเกมกับ เอฟเวอร์ตัน ได้ อย่างไรก็ตามคาดว่าในอีก 2 สัปดาห์ที่พบกับ
เชลซี กองหลังทีมชาติอังกฤษ คงฟิตสมบูรณ์พร้อมลงช่วนต้นสังกัดได้
"บางทีผมคงตั้งใจไป ผมตื่นเต้นมากไปหน่อยที่จะกลับมาลงสนาม
และผมรู้สึกถึงอาการเจ็บเล็กน้อยที่ต้นขา ซึ่งมันน่าหงุดหงิดจริงๆหวังจริงๆ ว่า
ใน 1-2 สัปดาห์นี้ผมจะกลับมา ลงเล่นได้ และผมหวังว่าจะได้ลงสนามใน 2
สัปดาห์ เพราะผมบาดเจ็บ และหายไปนาน ผมเลยคิดว่าเกมกับ เอฟเวอร์ตัน
น่าจะเร็วเกินไป ผมคิดว่าบางทีน่าจะเป็นเกมหลังจากนั้นมากกว่า"
ในชีวิตพ่อค้าแข้ง แกรี่ คว้าแชมป์มาได้คบทุกถ้วยในการเล่นให้
แมนฯ ยูไนเต็ด แต่สิ่งที่เขาขาดอยู่คือเกียรติประวัติระดับชาติกับทีม "สิงโต
คำราม" ซึ่งตอนนี้เขาติดทีมชาติไปแล้ว 85 ครั้ง และหวังจะซิวแชมป์กับทีม
ชาติให้ได้สักครั้ง เพราะการติดธงมากมายคงไม่มีความหมายหากไร้ซึ่งเหรียญ
ชนะเลิศในรายการระดับนานาชาติ
"ถ้าคุณลงเล่นให้ทีมชาติ 25 นัด และได้แชมป์ฟุตบอลโลก การติด
ทีมชาติ 25 นัดของคุณก็จะมีความหมายมากกว่าการติดทีมชาติ 85 นัดของ
ผมเสียอีก ผมถูกดันขึ้นมาเพื่อเป็น แชมป์ในระดับสโมสร ซึ่งพวกเราได้มา
แล้วทุกอย่าง และกับ ทีมชาติอังกฤษ เราจะต้องได้แชมป์อะไรติดมือบ้าง"
"ผมมีความสุขกับการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ ซึ่งทำให้ผมได้รับ
ประสบการณ์หลายอย่าง แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่ก็คือแชมป์ ประเทศของเราอยาก
ได้แชมป์ ผู้เล่นซึ่งเล่นอยู่ในช่วงเวลา เดียวกับผมก็อยากได้แชมป์เช่นกัน แต่
เรายังไม่ดีพอ ผมหวังเพียงว่า ถ้าเราผ่านรอบคัดเลือกไปได้ในคราวนี้
(ฟุตบอลยูโร 2008) เราจะสามารถทำได้เสียที"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 364
เจาะข่าวฮอต : ฮาร์กรีฟส์ กับ ความฝันที่เป็นจริง
ทุกทีมย่อมมีนักเตะประเภทปิดทองหลังพระ นักเตะในตำแหน่งนี้อาจ
จะไม่โดดเด่นในสายตาของแฟนบอล แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของประสิทธิภาพ
แล้ว มันจะดูโดดเด่นขึ้นมาทันที และ โอเว่น ลี ฮาร์กรีฟส์ เป็นหนึ่งนักเตะที่ว่า
นี้
"ผมไม่เคยเศร้าเลยสักนิด ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับหนังสือเล่มนึง มี
บทเรียนเกี่ยวกับชีวิตหลายอย่างที่คุณจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมอยู่ที่นั่นมา
10 ปี และเวลานี้มันก็ถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว ผมขึ้นมาจากทีมชุดสำรอง เริ่มต้น
มาจากศูนย์ และก็ได้มีโอกาสซึมซับประสบการณ์อันล้ำค่าบางอย่างที่หาที่
ไหนไม่ได้ ผมคว้าแชมป์มามากมาย และตอนที่นักเตะส่วนใหญ่ย้ายออกจาก
ทีม บาเยิร์น พวกเขามักจะย้ายไปอยู่กับทีมที่ต่ำชั้นกว่า แต่ไม่ใช่ผมแน่ เพราะ
ตัวผมเองมีโอกาสได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่า" ฮาร์กรีฟส์ เปิดใจครั้ง
แรก ภายหลังย้ายออกมาจากถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า
ค่าตัว 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,190 ล้านบาท) ที่ แมนเชสเตอร์ ยู
ไนเต็ด ถอนขนหน้าแข้งของตระกูล เกลเซอร์ มาประเค็นให้กับ บาเยิร์น มิวนิ
ค นั้น น่าจะถือว่าคุ้มค่า เพราะเพียงแค่ผลงานนัดแรกของ ฮาร์กรีฟส์ เจ้าตัวก็
เข้าไปนั่งในใจของแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้
ว่า "ปีศาจแดง" จะแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ก็ตาม
"มันเป็นสโมสรที่ใหญ่โตมโหฬารเอามากๆ แต่มันก็เหมือนกับ บา
เยิร์น มิวนิค อยู่เล็กน้อย ในความรู้สึกของผม เพราะบรรยากาศในทีมมันมี
ความกันเอง" ห้องเครื่องทีมชาติอังกฤษ พูดถึงความประทับใจครั้งแรกที่มีต่อ
แมนฯ ยูไนเต็ด
ในแง่ของฟอร์มการเล่นส่วนบุคคลแล้ว "ฮาร์โก้" กินขาดเพื่อนร่วม
ทีมอื่นๆ ถ้าไม่เชื่อลองเอาไปเปรียบเทียบกับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หรือแม้แต่
ไมเคิ่ล คาร์ริค ดูซิแล้วคุณจะรู้ ดาวเตะวัย 26 กะรัต ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นนักเตะ
ที่แย่งบอลได้เก่งที่ซู้ด และเท่าที่เห็นกับตามา 3 นัด มันก็จริงอย่างที่เขาว่า
กัน
แต่กระนั้น คนกำลังฟอร์มพุ่งๆ อยู่แท้ แต่อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ
ต้นขากลับมาถามหาซะอย่างนั้น จนทำให้พวกเราๆ ทั้งหลาย อดเห็นของดี
จาก ฮาร์กรีฟส์ ไล่ตั้งแต่นัดที่ทีมชาติอังกฤษ ลงทำศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่ง
ชาติยุโรป "ยูโร 2008" รอบคัดเลือก กลุ่ม อี ที่ชนะ อิสราเอล และ รัสเซีย 3-
0 เมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงเกมลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปเชือด เอฟเวอร์ตัน
1-0
"ผมไม่เคยเจออาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับ
ผม ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่มันดูราวกับว่าผมคงยังไม่พร้อมที่จะลงเล่นในตอน
นี้ เพราะผมยังไม่ได้ลงซ้อมเลย" ฮาร์กรีฟส์ กล่าว
อดีตห้องเครื่องบาเยิร์น มิวนิค เชื่อว่าปัญหาบาดเจ็บในตอนนี้เกี่ยว
เนื่องกับอาการบาดเจ็บขาหัก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว "มันน่าผิดหวังมาก ผมคิดถึง
ช่วงปรีซีซั่น ตอนนั้นผมได้ลงเล่นหลายเกม และผมก็มีความสุขจริงๆ ซึ่งผม
คิดว่าผมคงจะฟิตทันลงช่วยทีมชาติในเกมกับ อิสราเอล และ รัสเซีย รวมทั้ง
เกมกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จ ผมต้องคอยดูอาการแบบวันต่อวัน
ซึ่งหวังว่าผมคงจะฟิตสมบูรณ์ในสัปดาห์นี้"
ถ้าพูดถึงความสำเร็จแล้ว "ฮาร์โก้" คว้ามาทุกรายการแล้วกับ บา
เยิร์น รวมถึงถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะ
อังกฤษคนที่ 2 ที่คว้าถ้วย "บิ๊กเอียร์" กับสโมสรต่างแดน ภายหลัง สตีฟ แม็ค
มานามาน อดีตนักเตะเรอัล มาดริด ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังว่าเป็น
นักเตะคนแรกที่ทำได้สำเร็จ
ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เริ่มบรรเลงเพลงแข้งกันไปแล้ว ทีนี้เรามา
ดูกันดีกว่าว่า ฮาร์กรีฟส์ พูดเปรียบเทียบทีมใหม่และทีมเก่าของเขาไว้ว่าอย่าง
ไรบ้าง
"ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น ยูไนเต็ด มีมากกว่า บาเยิร์น
ตอนที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซะอีก บาเยิร์น เป็นทีมที่เล่นเกมรับ
และโต้กลับได้ดี ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คล้ายคลึงกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
ทุกรายการนั่นแหละ ซึ่งแต่ละทีมมักจะเน้นปลอดภัยไว้ก่อน และไม่ต้องการ
พลาดพลั้งให้เกิดความพ่ายแพ้ขึ้นมา เพราะมีเกมให้เล่นไม่มากนัก"
"ที่ ยูไนเต็ด เราเน้นเกมรุก, เล่นฟุตบอลสไตล์สวยงาม นั่นเป็นสิ่งที่
เราต้องการจะทำอยู่แล้ว เราจะเล่นฟุตบอลสไตล์สวยงาม และผมก็มั่นใจว่า
เราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรายังไม่สามารถจัดทีมผู้เล่นชุดใหญ่
ได้ก็จริง แต่ผมตื่นเต้นอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้า ตอนที่นักเตะกำลัง
สำคัญของทีาหายจากอาการบาดเจ็บ และพร้อมกลับมาลงสนามอีกครั้งนึง
แล้ว"
"ผมได้พูดคุยกับครอบครัว ตลอดจนเพื่อนฝูงของตัวผมเอง พวก
เขาบอกกับผมว่า ตอนที่พวกเขามองดูที่ขุมกำลังนักเตะของ ยูไนเต็ด ตอนที่
นักเตะทุกคนพร้อมที่จะลงสนามนั้น มันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
ส่วนความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่
สุดในฤดูกาลนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด "ฮาร์โก้" กล่าวว่า "มีหลายทีมเลยทีเดียว
ที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง เพราะพวกเขาต่างก็กว้าน
ซื้อนักเตะมาเสริมทัพกันเป็นว่าเล่น และเป้าหมายสำคัญก็คือ ยูฟ่า แช
มเปี้ยนส์ ลีก ส่วน ยูไนเต็ด ก็มีเป้าหมายอยู่ที่แชมป์เช่นกัน ตอนที่ผมเคยคว้า
แชมป์ร่วมกับ บาเยิร์น ในปี 2001 และตอนที่ ยูไนเต็ด เคยทำได้ (ในปี
1999) มีตัวเต็งแค่ 2-3 ทีมเท่านั้นที่จะคว้าแชมป์มาครอง"
"ที่ บาเยิร์น ต้องผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย และใน
ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันแชมป์ลีกควบคู่ไปด้วย แต่แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ก็
สำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นสิ่งที่แฟนบอลได้เห็นคุณเล่นทุกสัปดาห์ และ
นั่นก็เป็นแชมป์ที่ผมยังไม่เคยสัมผัส ฉะนั้น มันเป็นเป้าหมายสำคัญของผมใน
ฤดูกาลนี้ โดยพยายามช่วยให้ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง ส่วน ยูฟ่า แช
มเปี้ยนส์ ลีก เป็นเป้าหมายรอง แต่คุณย่อมคาดหวังที่จะคว้าแชมป์ทุกรายการ
อยู่แล้ว"
"อย่างไรก็ตามเวลานี้ทุกทีมใน อังกฤษ ต่างก็มีศักยภาพที่จะคว้า
แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง และ ยูไนเต็ด ก็เป็น 1 ในทีมเต็ง ใน
ความคิดของผมตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้คือ แมนฯ ยูไนเต็ด , บาร์เซ
โลน่า , เรอัล มาดริด และแชมป์เก่า เอซี มิลาน แต่อย่างลืมว่ายังมี เชลซี
และ ลิเวอร์พูล ซึ่งพร้อมจะล้มทุกทีมในยุโรป ซึ่งถือว่าโอกาสมันกว้างมาก"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
ทุกทีมย่อมมีนักเตะประเภทปิดทองหลังพระ นักเตะในตำแหน่งนี้อาจ
จะไม่โดดเด่นในสายตาของแฟนบอล แต่ถ้าพูดถึงในแง่ของประสิทธิภาพ
แล้ว มันจะดูโดดเด่นขึ้นมาทันที และ โอเว่น ลี ฮาร์กรีฟส์ เป็นหนึ่งนักเตะที่ว่า
นี้
"ผมไม่เคยเศร้าเลยสักนิด ผมรู้สึกว่ามันเหมือนกับหนังสือเล่มนึง มี
บทเรียนเกี่ยวกับชีวิตหลายอย่างที่คุณจะต้องผ่านมันไปให้ได้ ผมอยู่ที่นั่นมา
10 ปี และเวลานี้มันก็ถึงคราวสิ้นสุดลงแล้ว ผมขึ้นมาจากทีมชุดสำรอง เริ่มต้น
มาจากศูนย์ และก็ได้มีโอกาสซึมซับประสบการณ์อันล้ำค่าบางอย่างที่หาที่
ไหนไม่ได้ ผมคว้าแชมป์มามากมาย และตอนที่นักเตะส่วนใหญ่ย้ายออกจาก
ทีม บาเยิร์น พวกเขามักจะย้ายไปอยู่กับทีมที่ต่ำชั้นกว่า แต่ไม่ใช่ผมแน่ เพราะ
ตัวผมเองมีโอกาสได้ย้ายมาอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่า" ฮาร์กรีฟส์ เปิดใจครั้ง
แรก ภายหลังย้ายออกมาจากถิ่น อัลลิอันซ์ อารีน่า
ค่าตัว 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,190 ล้านบาท) ที่ แมนเชสเตอร์ ยู
ไนเต็ด ถอนขนหน้าแข้งของตระกูล เกลเซอร์ มาประเค็นให้กับ บาเยิร์น มิวนิ
ค นั้น น่าจะถือว่าคุ้มค่า เพราะเพียงแค่ผลงานนัดแรกของ ฮาร์กรีฟส์ เจ้าตัวก็
เข้าไปนั่งในใจของแฟนบอล "เร้ด อาร์มี่" เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้
ว่า "ปีศาจแดง" จะแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1 ก็ตาม
"มันเป็นสโมสรที่ใหญ่โตมโหฬารเอามากๆ แต่มันก็เหมือนกับ บา
เยิร์น มิวนิค อยู่เล็กน้อย ในความรู้สึกของผม เพราะบรรยากาศในทีมมันมี
ความกันเอง" ห้องเครื่องทีมชาติอังกฤษ พูดถึงความประทับใจครั้งแรกที่มีต่อ
แมนฯ ยูไนเต็ด
ในแง่ของฟอร์มการเล่นส่วนบุคคลแล้ว "ฮาร์โก้" กินขาดเพื่อนร่วม
ทีมอื่นๆ ถ้าไม่เชื่อลองเอาไปเปรียบเทียบกับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ หรือแม้แต่
ไมเคิ่ล คาร์ริค ดูซิแล้วคุณจะรู้ ดาวเตะวัย 26 กะรัต ขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นนักเตะ
ที่แย่งบอลได้เก่งที่ซู้ด และเท่าที่เห็นกับตามา 3 นัด มันก็จริงอย่างที่เขาว่า
กัน
แต่กระนั้น คนกำลังฟอร์มพุ่งๆ อยู่แท้ แต่อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ
ต้นขากลับมาถามหาซะอย่างนั้น จนทำให้พวกเราๆ ทั้งหลาย อดเห็นของดี
จาก ฮาร์กรีฟส์ ไล่ตั้งแต่นัดที่ทีมชาติอังกฤษ ลงทำศึก ฟุตบอลชิงแชมป์แห่ง
ชาติยุโรป "ยูโร 2008" รอบคัดเลือก กลุ่ม อี ที่ชนะ อิสราเอล และ รัสเซีย 3-
0 เมื่อสัปดาห์ก่อน รวมถึงเกมลีกที่ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปเชือด เอฟเวอร์ตัน
1-0
"ผมไม่เคยเจออาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน มันเป็นเรื่องใหม่สำหรับ
ผม ผมไม่รู้จะพูดยังไง แต่มันดูราวกับว่าผมคงยังไม่พร้อมที่จะลงเล่นในตอน
นี้ เพราะผมยังไม่ได้ลงซ้อมเลย" ฮาร์กรีฟส์ กล่าว
อดีตห้องเครื่องบาเยิร์น มิวนิค เชื่อว่าปัญหาบาดเจ็บในตอนนี้เกี่ยว
เนื่องกับอาการบาดเจ็บขาหัก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว "มันน่าผิดหวังมาก ผมคิดถึง
ช่วงปรีซีซั่น ตอนนั้นผมได้ลงเล่นหลายเกม และผมก็มีความสุขจริงๆ ซึ่งผม
คิดว่าผมคงจะฟิตทันลงช่วยทีมชาติในเกมกับ อิสราเอล และ รัสเซีย รวมทั้ง
เกมกับ เอฟเวอร์ตัน แต่ผมก็ทำไม่สำเร็จ ผมต้องคอยดูอาการแบบวันต่อวัน
ซึ่งหวังว่าผมคงจะฟิตสมบูรณ์ในสัปดาห์นี้"
ถ้าพูดถึงความสำเร็จแล้ว "ฮาร์โก้" คว้ามาทุกรายการแล้วกับ บา
เยิร์น รวมถึงถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะ
อังกฤษคนที่ 2 ที่คว้าถ้วย "บิ๊กเอียร์" กับสโมสรต่างแดน ภายหลัง สตีฟ แม็ค
มานามาน อดีตนักเตะเรอัล มาดริด ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ลูกหนังว่าเป็น
นักเตะคนแรกที่ทำได้สำเร็จ
ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เริ่มบรรเลงเพลงแข้งกันไปแล้ว ทีนี้เรามา
ดูกันดีกว่าว่า ฮาร์กรีฟส์ พูดเปรียบเทียบทีมใหม่และทีมเก่าของเขาไว้ว่าอย่าง
ไรบ้าง
"ความสามารถเฉพาะตัวของผู้เล่น ยูไนเต็ด มีมากกว่า บาเยิร์น
ตอนที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ซะอีก บาเยิร์น เป็นทีมที่เล่นเกมรับ
และโต้กลับได้ดี ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก คล้ายคลึงกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ
ทุกรายการนั่นแหละ ซึ่งแต่ละทีมมักจะเน้นปลอดภัยไว้ก่อน และไม่ต้องการ
พลาดพลั้งให้เกิดความพ่ายแพ้ขึ้นมา เพราะมีเกมให้เล่นไม่มากนัก"
"ที่ ยูไนเต็ด เราเน้นเกมรุก, เล่นฟุตบอลสไตล์สวยงาม นั่นเป็นสิ่งที่
เราต้องการจะทำอยู่แล้ว เราจะเล่นฟุตบอลสไตล์สวยงาม และผมก็มั่นใจว่า
เราจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน เรายังไม่สามารถจัดทีมผู้เล่นชุดใหญ่
ได้ก็จริง แต่ผมตื่นเต้นอย่างมากเกี่ยวกับอนาคตข้างหน้า ตอนที่นักเตะกำลัง
สำคัญของทีาหายจากอาการบาดเจ็บ และพร้อมกลับมาลงสนามอีกครั้งนึง
แล้ว"
"ผมได้พูดคุยกับครอบครัว ตลอดจนเพื่อนฝูงของตัวผมเอง พวก
เขาบอกกับผมว่า ตอนที่พวกเขามองดูที่ขุมกำลังนักเตะของ ยูไนเต็ด ตอนที่
นักเตะทุกคนพร้อมที่จะลงสนามนั้น มันจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม
ส่วนความเป็นไปได้ในการคว้าแชมป์ฟุตบอลสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่
สุดในฤดูกาลนี้ของ แมนฯ ยูไนเต็ด "ฮาร์โก้" กล่าวว่า "มีหลายทีมเลยทีเดียว
ที่สามารถคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง เพราะพวกเขาต่างก็กว้าน
ซื้อนักเตะมาเสริมทัพกันเป็นว่าเล่น และเป้าหมายสำคัญก็คือ ยูฟ่า แช
มเปี้ยนส์ ลีก ส่วน ยูไนเต็ด ก็มีเป้าหมายอยู่ที่แชมป์เช่นกัน ตอนที่ผมเคยคว้า
แชมป์ร่วมกับ บาเยิร์น ในปี 2001 และตอนที่ ยูไนเต็ด เคยทำได้ (ในปี
1999) มีตัวเต็งแค่ 2-3 ทีมเท่านั้นที่จะคว้าแชมป์มาครอง"
"ที่ บาเยิร์น ต้องผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นอย่างน้อย และใน
ขณะเดียวกันก็ต้องป้องกันแชมป์ลีกควบคู่ไปด้วย แต่แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ก็
สำคัญไม่แพ้กัน เพราะมันเป็นสิ่งที่แฟนบอลได้เห็นคุณเล่นทุกสัปดาห์ และ
นั่นก็เป็นแชมป์ที่ผมยังไม่เคยสัมผัส ฉะนั้น มันเป็นเป้าหมายสำคัญของผมใน
ฤดูกาลนี้ โดยพยายามช่วยให้ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ให้ได้อีกครั้ง ส่วน ยูฟ่า แช
มเปี้ยนส์ ลีก เป็นเป้าหมายรอง แต่คุณย่อมคาดหวังที่จะคว้าแชมป์ทุกรายการ
อยู่แล้ว"
"อย่างไรก็ตามเวลานี้ทุกทีมใน อังกฤษ ต่างก็มีศักยภาพที่จะคว้า
แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง และ ยูไนเต็ด ก็เป็น 1 ในทีมเต็ง ใน
ความคิดของผมตัวเต็งที่จะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้คือ แมนฯ ยูไนเต็ด , บาร์เซ
โลน่า , เรอัล มาดริด และแชมป์เก่า เอซี มิลาน แต่อย่างลืมว่ายังมี เชลซี
และ ลิเวอร์พูล ซึ่งพร้อมจะล้มทุกทีมในยุโรป ซึ่งถือว่าโอกาสมันกว้างมาก"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 365
รายการ คาร์ลิ่ง คัพ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 - 2 โคเวนทรี ซิตี้
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 74,055 คน
ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์
ผู้ทําประตู ไมเคิล มิฟซุด นาที 27,70
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=945
ทีมปีศาจแดง ต้องผิดหวังจากการตกรอบคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อคืนวันพุธที่
ผ่านมา หลังจากพ่ายโคเวนทรี ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด จากการทำประตูของ
ไมเคิล มิฟซุด 2 ประตู ช่วยให้ทีมของ เอียน ดาววี่ เอาชนะทีมนักเตะหนุ่ม
ของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 2 - 0
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้โอกาสนักเตะในทีมชุดใหญ่ได้พักในนัด
นี้และส่งนักเตะดาวรุ่งลงเล่น แต่ทีมที่อ่อนประสบการณ์ของทีมปีศาจแดงก็สู้
การจัดการทีมที่ดีของโคเวนทรี ไม่ได้ ซึ่งถือว่านัดนี้เป็นบทเรียนที่ล้ำค่า
สำหรับนักเตะดาวรุ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว
เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เลือกผู้เล่น 11 คนแรกที่มีอายุเฉลี่ยทั้งทีม
ประมาณ 21 ปี ที่น่าสนใจที่สุดก็คือการลงเล่นนัดแรกในตำแหน่งเซ็นเตอร์
ฮาล์ฟ ของจอนนี่ อีแวนส์ และตำแหน่งฟูลแบ็กของแดนนี่ ซิมป์สัน
"ทีมในคืนนี้จะเต็มได้ด้วยนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ ที่กลับมา
เล่นให้กับเราหลังจากถูกยืมตัวไปเล่นที่อื่นในฤดูกาลที่แล้ว" ผู้จัดการทีม
ปีศาจแดง กล่าวก่อนเริ่มเกม
เกมนี้มีนักเตะดาวรุ่งลงเล่น 8 คนใน 11 คนอีก 3 คนนอกจากนั้นก็
คือ นานี่, แอนเดอร์สัน และจอห์น โอเชีย ซึ่งได้กลับมาลงเล่นเป็นนัดแรกใน
ฤดูกาลนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด มีความมั่นใจในช่วงต้นเกม และเปิดเกมบุกก่อน ทั้ง
ลี มาร์ติน และนานี่ ต่างก็ดูอันตรายกับทีมคู่แข่ง ในขณะที่แอนเดอร์สัน ก็จับ
บอลได้อย่างสวยงาม รวมทั้งเปิดบอลได้ดีด้วย
ในนาทีที่ 17 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสทำประตูจากการเปิดบอล
ของแอนเดอร์สัน ให้กับนานี่ และลากบอลตัดกองหลังของโคเวนทรี เข้าไป
และเปิดต่อให้กับลี มาร์ติน แต่เขาก็วอลเล่ย์บอลหลุดออกนอกกรอบไปอย่าง
น่าเสียดาย
เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวว่าเขาต้องการทดสอบนักเตะของเขา และเขาก็
ได้ทดสอบจริงๆ ในนาทีที่ 27 เมื่อ ไมเคิล ดอยล์ กัปตันทีมโคเวนทรี เปิด
บอลให้กับไมเคิล มิฟซุด ยิงเข้าประตูไป โคเวนทรี ขึ้นนำ 0 - 1
หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที มิฟซุด ก็เกือบทำประตูที่ 2 ให้โคเวนทรี
ได้ เมื่อเขาได้บอลจาก ร็อบบี้ ซิมป์สัน แต่ก็ยิงหลุดออกนอกกรอบไป หมด
ครึ่งแรกโคเวนทรี นำอยู่ 0 - 1
เริ่มครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัว 2 คนโดยส่ง เฟร์เซอร์
แคมป์เบลล์ และเวส บราวน์ ลงเล่นแทนลี มาร์ติน และฟิล บาร์ดสลี่ย์
เกมในครึ่งหลังคล้ายๆ กับครึ่งแรก โดยแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมบุก
ก่อน และเกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 52 เมื่อนานี่ได้ยิงไกล แต่แอนดี้ มาร์แชล
ผู้รักษาประตูโคเวนทรี ก็ป้องกันไว้ได้ จากนั้นแคมป์เบลล์ ก็ได้ยิงแต่บอลก็
ข้ามคานออกไป ตามด้วยลูกยิงของตง ฟางโจว ในอีก 3 นาทีถัดมา แต่ มา
ร์แชลล์ ก็ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง ตามด้วยลูกยิงของไมเคิล คาร์ริค ที่ถูกเปลี่ยน
ลงมาในนาทีที่ 56 แทน อีแวนส์ แต่ลูกยิงของเขาก็หลุดออกนอกกรอบไป
แต่แล้วครึ่งหลังก็เหมือนกับครึ่งแรกไม่มีผิด เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่ม
เกมได้ดีกว่าแต่ทำประตูไม่ได้ ในขณะที่โคเวนทรี ซึ่งไม่ค่อยได้บุก กลับทำ
ประตูที่ 2 ได้ในนาทีที่ 70 เมื่อ มิฟซุด หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย และจ่ายบอลให้
กับ เจย์ แท็บบ์ ก่อนจะรับบอลคืนและยิงผ่านมือ คุสซ์แซค เข้าไป โคเวนทรี
ขึ้นนำ 0 - 2
มิฟซุด เกือบทำแฮตทริกได้ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ คุสซ์แซค
ปัดลูกฟรีคิกของ ดอยล์ ไปเข้าทาง มิฟซุด แต่เขากลับยิงออกนอกกรอบไป
จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายในบ้าน 0 - 2 ต่อโคเวนทรี ซิตี้ ตกรอบ
คาร์ลิ่ง คัพ ไป และหลังจากนี้พวกเขาต้องเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับการไป
เยือนเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ในวันเสาร์ ตามด้วยการไปเยือนโรม่า ในวันอังคารใน
ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29,ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 26,จอนนี่ อีแวนส์ 23,จอห์น โอเชีย
22,เชราร์ด ปิเก้ 19 ( น.75),แดนนี่ ซิมป์สัน 25,คริส อีเกิ้ลส์ 33,ลี มาร์ติน 30
,หลุยส์ นานี่ 17,แอนเดอร์สัน 8,ตง ฟางโจว 21
สำรอง
ทอม ฮีตั้น 38,เวส บราวน์ 6 น.45 ,ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 26,อดัม เอ็คเคอร์สลี่ย์ 40,
ไมเคิล คาร์ริค 16 น.56, จอนนี่ อีแวนส์ 23,เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 39 น.45 ,
ลี มาร์ติน 30
โคเวนทรี ซิตี้
แอนดี้ มาร์แชลล์ 33 ,แกรี่ บอร์โรว์เดล 28 ,อิซัค ออสบอร์น 16 ,เบน
เทอร์เนอร์ 34,เอลลิออตต์ วอร์ด 5 ,ไมเคิล ดอยล์ 8 ,สตีเฟ่น ฮิวจ์ส 6 ,
เจย์ แทบบ์ 21 ,ลีออน เบสต์ 22, ไมเคิล มิฟซุด 17 ( น.27, 70),ร็อบบี้ ซิมป์
สัน 24
สำรอง
ดิมิตริออส คอนสแตนโตปูลอส 1 ,อาร์แยน เดอ ซูว์ 2 ,เดวิด แม็คนามี 18
น.88 ,อิซัค ออสบอร์น 16,เควิน ธอร์นตัน 29 ,เดเล่ อเดโบล่า 9 น.90,
ลีออน เบสต์ 22
...............Red Army Fanclub
ผีแป็กไป 1 ถ้วยซะแล้ว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0 - 2 โคเวนทรี ซิตี้
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 74,055 คน
ผู้ตัดสิน มาร์ค ฮัลซี่ย์
ผู้ทําประตู ไมเคิล มิฟซุด นาที 27,70
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=945
ทีมปีศาจแดง ต้องผิดหวังจากการตกรอบคาร์ลิ่ง คัพ เมื่อคืนวันพุธที่
ผ่านมา หลังจากพ่ายโคเวนทรี ในโอลด์ แทรฟฟอร์ด จากการทำประตูของ
ไมเคิล มิฟซุด 2 ประตู ช่วยให้ทีมของ เอียน ดาววี่ เอาชนะทีมนักเตะหนุ่ม
ของแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ 2 - 0
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้โอกาสนักเตะในทีมชุดใหญ่ได้พักในนัด
นี้และส่งนักเตะดาวรุ่งลงเล่น แต่ทีมที่อ่อนประสบการณ์ของทีมปีศาจแดงก็สู้
การจัดการทีมที่ดีของโคเวนทรี ไม่ได้ ซึ่งถือว่านัดนี้เป็นบทเรียนที่ล้ำค่า
สำหรับนักเตะดาวรุ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว
เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เลือกผู้เล่น 11 คนแรกที่มีอายุเฉลี่ยทั้งทีม
ประมาณ 21 ปี ที่น่าสนใจที่สุดก็คือการลงเล่นนัดแรกในตำแหน่งเซ็นเตอร์
ฮาล์ฟ ของจอนนี่ อีแวนส์ และตำแหน่งฟูลแบ็กของแดนนี่ ซิมป์สัน
"ทีมในคืนนี้จะเต็มได้ด้วยนักเตะอายุน้อยที่มีพรสวรรค์ ที่กลับมา
เล่นให้กับเราหลังจากถูกยืมตัวไปเล่นที่อื่นในฤดูกาลที่แล้ว" ผู้จัดการทีม
ปีศาจแดง กล่าวก่อนเริ่มเกม
เกมนี้มีนักเตะดาวรุ่งลงเล่น 8 คนใน 11 คนอีก 3 คนนอกจากนั้นก็
คือ นานี่, แอนเดอร์สัน และจอห์น โอเชีย ซึ่งได้กลับมาลงเล่นเป็นนัดแรกใน
ฤดูกาลนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด มีความมั่นใจในช่วงต้นเกม และเปิดเกมบุกก่อน ทั้ง
ลี มาร์ติน และนานี่ ต่างก็ดูอันตรายกับทีมคู่แข่ง ในขณะที่แอนเดอร์สัน ก็จับ
บอลได้อย่างสวยงาม รวมทั้งเปิดบอลได้ดีด้วย
ในนาทีที่ 17 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้โอกาสทำประตูจากการเปิดบอล
ของแอนเดอร์สัน ให้กับนานี่ และลากบอลตัดกองหลังของโคเวนทรี เข้าไป
และเปิดต่อให้กับลี มาร์ติน แต่เขาก็วอลเล่ย์บอลหลุดออกนอกกรอบไปอย่าง
น่าเสียดาย
เซอร์ อเล็กซ์ กล่าวว่าเขาต้องการทดสอบนักเตะของเขา และเขาก็
ได้ทดสอบจริงๆ ในนาทีที่ 27 เมื่อ ไมเคิล ดอยล์ กัปตันทีมโคเวนทรี เปิด
บอลให้กับไมเคิล มิฟซุด ยิงเข้าประตูไป โคเวนทรี ขึ้นนำ 0 - 1
หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาที มิฟซุด ก็เกือบทำประตูที่ 2 ให้โคเวนทรี
ได้ เมื่อเขาได้บอลจาก ร็อบบี้ ซิมป์สัน แต่ก็ยิงหลุดออกนอกกรอบไป หมด
ครึ่งแรกโคเวนทรี นำอยู่ 0 - 1
เริ่มครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนตัว 2 คนโดยส่ง เฟร์เซอร์
แคมป์เบลล์ และเวส บราวน์ ลงเล่นแทนลี มาร์ติน และฟิล บาร์ดสลี่ย์
เกมในครึ่งหลังคล้ายๆ กับครึ่งแรก โดยแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมบุก
ก่อน และเกือบตีเสมอได้ในนาทีที่ 52 เมื่อนานี่ได้ยิงไกล แต่แอนดี้ มาร์แชล
ผู้รักษาประตูโคเวนทรี ก็ป้องกันไว้ได้ จากนั้นแคมป์เบลล์ ก็ได้ยิงแต่บอลก็
ข้ามคานออกไป ตามด้วยลูกยิงของตง ฟางโจว ในอีก 3 นาทีถัดมา แต่ มา
ร์แชลล์ ก็ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง ตามด้วยลูกยิงของไมเคิล คาร์ริค ที่ถูกเปลี่ยน
ลงมาในนาทีที่ 56 แทน อีแวนส์ แต่ลูกยิงของเขาก็หลุดออกนอกกรอบไป
แต่แล้วครึ่งหลังก็เหมือนกับครึ่งแรกไม่มีผิด เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เริ่ม
เกมได้ดีกว่าแต่ทำประตูไม่ได้ ในขณะที่โคเวนทรี ซึ่งไม่ค่อยได้บุก กลับทำ
ประตูที่ 2 ได้ในนาทีที่ 70 เมื่อ มิฟซุด หลุดขึ้นมาทางฝั่งซ้าย และจ่ายบอลให้
กับ เจย์ แท็บบ์ ก่อนจะรับบอลคืนและยิงผ่านมือ คุสซ์แซค เข้าไป โคเวนทรี
ขึ้นนำ 0 - 2
มิฟซุด เกือบทำแฮตทริกได้ใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อ คุสซ์แซค
ปัดลูกฟรีคิกของ ดอยล์ ไปเข้าทาง มิฟซุด แต่เขากลับยิงออกนอกกรอบไป
จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ด พ่ายในบ้าน 0 - 2 ต่อโคเวนทรี ซิตี้ ตกรอบ
คาร์ลิ่ง คัพ ไป และหลังจากนี้พวกเขาต้องเตรียมทีมให้พร้อมสำหรับการไป
เยือนเบอร์มิ่งแฮม ซิตี้ ในวันเสาร์ ตามด้วยการไปเยือนโรม่า ในวันอังคารใน
ศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29,ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 26,จอนนี่ อีแวนส์ 23,จอห์น โอเชีย
22,เชราร์ด ปิเก้ 19 ( น.75),แดนนี่ ซิมป์สัน 25,คริส อีเกิ้ลส์ 33,ลี มาร์ติน 30
,หลุยส์ นานี่ 17,แอนเดอร์สัน 8,ตง ฟางโจว 21
สำรอง
ทอม ฮีตั้น 38,เวส บราวน์ 6 น.45 ,ฟิล บาร์ดสลี่ย์ 26,อดัม เอ็คเคอร์สลี่ย์ 40,
ไมเคิล คาร์ริค 16 น.56, จอนนี่ อีแวนส์ 23,เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 39 น.45 ,
ลี มาร์ติน 30
โคเวนทรี ซิตี้
แอนดี้ มาร์แชลล์ 33 ,แกรี่ บอร์โรว์เดล 28 ,อิซัค ออสบอร์น 16 ,เบน
เทอร์เนอร์ 34,เอลลิออตต์ วอร์ด 5 ,ไมเคิล ดอยล์ 8 ,สตีเฟ่น ฮิวจ์ส 6 ,
เจย์ แทบบ์ 21 ,ลีออน เบสต์ 22, ไมเคิล มิฟซุด 17 ( น.27, 70),ร็อบบี้ ซิมป์
สัน 24
สำรอง
ดิมิตริออส คอนสแตนโตปูลอส 1 ,อาร์แยน เดอ ซูว์ 2 ,เดวิด แม็คนามี 18
น.88 ,อิซัค ออสบอร์น 16,เควิน ธอร์นตัน 29 ,เดเล่ อเดโบล่า 9 น.90,
ลีออน เบสต์ 22
...............Red Army Fanclub
ผีแป็กไป 1 ถ้วยซะแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 368
เกือบไม่รอดอีกนัดเเล้วเนี้ย...ผีน้อย
เฮ้อโล่งใจชนะมาได้เเต่ไม่รู้นัดหน้า
จะไปหลอกหมาป่า หรือโดนหมาป่ากัดเอา...
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป :lol:
เฮ้อโล่งใจชนะมาได้เเต่ไม่รู้นัดหน้า
จะไปหลอกหมาป่า หรือโดนหมาป่ากัดเอา...
ก็คงต้องลุ้นกันต่อไป :lol:
"Go for a business that any idiot can run - because sooner or later, any idiot probably is going to run it."
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 369
เจาะข่าวฮอต : ซาฮา กับ ความมุ่งมั่นเพื่อพิสูจน์ตนอีกครั้ง
ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านพ้นไปนั้น คงจะทำให้บรรดาสาวก "เร้ด อา
ร์มี่" รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยทีเดียว หลังจากที่ทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไน
เต็ด เก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีก ได้ติดต่อกันถึง 5 นัดเข้าไปแล้ว แถมยังไม่เสีย
แม้แต่ประตูเดียวอีกต่างหาก แม้ว่าอาจจะรู้สึกไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย จากเกมรุกที่
มีจำนวนประตูไม่มากอย่างที่คาดหวังไว้ในตอนแรก ทั้งที่ทีมมีแนวรุก
อันตรายอยู่หลายราย ทั้งหน้าเก่าขาประจำอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์,
เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมถึง คาร์ลอส เตเวซ, นานี่ และ อันแด
ร์สัน 3 แข้งหน้าใหม่อนาคตไกล
แต่เดี๋ยวก่อน...ลืมใครไปอีกคนหรือเปล่า ใช่แล้ว! หลุยส์ ซาฮา กอง
หน้าเลือดน้ำหอมนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ดาวยิงหน้าปลา
ดุกคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงจากสาวก แมนฯ ยูไนเต็ด เท่าที่
ควร นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าตัวมักจะใช้เวลาอยู่ในโรงหมอ มากกว่าจะมาล่า
ตาข่ายช่วยทีม จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความทุ่มเทให้กับทีมมาจนถึง
ปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดี เขาก็ซัดไปแล้วถึง 2 ประตูในซีซั่นนี้ และเป็นประตู
สำคัญทั้ง 2 ลูกอีกด้วย โดยเป็นประตูชัยในเกมเปิดรังเชือด ซันเดอร์แลนด์
น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และลูกจุดโทษย้ำชัย
ช่วยให้ทีมถล่ม เชลซี ทีมเสือลำบาก 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน ซาฮา ก็ออกมาตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ระบุว่า ตัวเขายังไม่ทุ่มเท
ให้กับทีมมากเท่าที่ควร เนื่องจากจะไม่ยอมลงเล่นให้กับทีมเด็ดขาด หาก
สภาพร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยจริง ๆ โดยกล่าวว่า "ใครก็ตามที่บอกว่า
ผมจะไม่อยากลงเล่นจนกว่าร่างกายจะฟิตเต็มร้อยนั้น พวกเขาไม่ได้พูดความ
จริง ผมไม่เคยปฎิเสธที่จะเล่นให้กับทีม อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังคงได้ยินคำ
กล่าวอ้างเรื่องที่ผมไม่มีความทุ่มเท คนที่ตำหนิผมไม่เคยรู้ว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่าน
มา ผมลงเล่นทั้งที่หัวเข่าของผมงอได้ไม่เกิน 90 องศาด้วยซ้ำ"
พร้อมกันนั้น ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ยังยอมรับด้วยว่า ไม่พอใจที่ตัว
เองมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลก่อนน้อยมาก และ
ตั้งใจจะมีส่วนกับความสำเร็จของทีมให้มากขึ้นในซีซั่นนี้
"ผมขอสารภาพว่า ตอนที่ผมรับเหรียญรางวัลของตัวเองนั้น ผมรู้สึก
เศร้ามาก แน่นอนว่า ทุกคนต้องได้รับเครดิตสำหรับการคว้าแชมป์ของเรา แต่
ผมไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองมีส่วนร่วมมากพอในความสำเร็จของเรา ผมถูกลด
โอกาสลงสนามจนได้เล่นเพียงไม่กี่เกม ขณะที่พวกเราฉลองกัน ผมยังคงมี
ความรู้สึกว่างเปล่าอยู่ข้างใน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เป้าหมายของผมในปีนี้
คือการรักษาความฟิตเอาไว้ และแสดงให้ทุกคนได้เห็น หลุยส์ ซาฮา ตัวจริง"
ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมชาวสกอตต์ ก็มั่นใจ
ว่าทัพ "ปีศาจแดง" จะมีโอกาสอันดีเยี่ยมในการคว้าความสำเร็จมาประดับ
บารมีอีกอื้อซ่า ถ้าหากว่า ซาฮา รักษาสภาพความฟิตพร้อมลงสนามได้อย่าง
ต่อเนื่อง เนื่องจากอดีตดาวยิง ฟูแล่ม มีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไปจากดาว
ยิงรายอื่นๆ ของทีมอย่างชัดเจน แถมยังครบเครื่องต้มยำทั้งความเร็ว, ความ
แข็งแกร่ง, การเล่นลูกกลางอากาศ และความสามารถในการทำประตูได้ทั้ง 2
เท้า
บรมกุนซือดีกรี "ทริปเปิ้ลแชมป์" ปี 1999 กล่าวว่า "หลุยส์ เป็นนัก
เตะในประเภทที่แตกต่างไปจากนักเตะคนอื่นๆ ที่ผมมีอยู่ในสโมสรนี้ หากคุณ
พิจารณาจากซีซั่นที่ผ่านมา เขาทำได้ถึง 12 ประตูไปแล้วในตอนที่เขาได้รับ
บาดเจ็บในเดือนธันวาคม ถ้าเขารักษาความฟิตได้ในตอนนั้น เขาอาจทำ
ประตูให้กับเราถึง 30 ลูกก็เป็นได้"
"เขากลับมาลงสนามได้สำเร็จในเกมพบ ซันเดอร์แลนด์ และทำ
ประตูสำคัญให้กับเราได้อีกด้วย รวมถึงยังช่วยพลิกเกมในนัดเจอ สปอร์ติ้ง
เมื่อวันพุธ ในตอนที่ เวย์น รูนี่ย์ เริ่มมีอาการเหนื่อยล้า ถ้า หลุยส์ รักษาความ
ฟิตได้สำเร็จ เราจะมีโอกาสอันยิ่งใหญ่มากๆ ในปีนี้แน่นอน"
นอกจากนี้ "เฟอร์กี้" ยังเปิดเผยว่า ตนเองจะใช้ความระมัดระวัง
อย่างยิ่ง ในการส่ง "น้องดุก" กลับมาลงสนามในทีมชุดใหญ่ เนื่องจากไม่
อยากเร่งให้เจ้าตัวกลับมาลงเล่นเร็วเกินไป หลังจวนเจียนจะกลับมาฟิต
สมบูรณ์เต็มที่ จากที่ต้องพลาดลงสนามเป็นส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของฤดู
กาลก่อน เพราะปัญหาบาดเจ็บหัวเข่า
บรมกุนซือแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กล่าวว่า "เรายังต้องลงเล่น
กันอีกหลายนัด มันเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน และความยุ่งยากเพียงอย่างเดียวที่
จะเกิดในตอนนี้ อาจจะทำให้เราต้องเจอปัญหาใหญ่ในภายหลังได้ไม่ยาก เรา
ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับ ซาฮา เขาได้ลงสนามครึ่งหลัง ในเกมกับ ซัน
เดอร์แลนด์, 30 นาที กับ เอฟเวอร์ตัน และ 20 นาที ในเกมที่โปรตุเกส สิ่งที่
คุณต้องจดจำไว้ก็คือ หลุยส์ ต้องพักยาวมา 8 เดือน และเป้าหมายของเราก็
คือ การที่ได้เขากลับคืนสู่สนามอย่างสบายใจไร้กังวล"
ขณะเดียวกัน ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก๋าของทีม ได้ออกมากล่าวว่า ตน
มองไม่เห็นเหตุผลใด ที่จะทำให้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ต้องมีอัน
หลุดลอยออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากที่ "ปีศาจแดง" เริ่มกลับมา
คืนฟอร์ม หลังออกสตาร์ตได้อย่างน่าผิดหวัง โดย "ปีกพ่อมด" เชื่อว่า เกมรับ
อันเหนียวแน่นของทีม จะเป็นสิ่งที่นำความสำเร็จมาสู่ทีมอีกครั้ง
"เราสามารถก้าวไปได้เรื่อยๆ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะมาถึงครึ่ง
ทางแล้ว หวังว่าเราจะชนะติดต่อกันได้สัก 10-12 เกม เรายังคงลงเล่นโดยไม่
เสียประตู ไม่ว่าจะเป็น 1-0, 2-0 หรือ 5-0 ตราบใดที่เรายังไม่เสียประตู มันก็
เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เราป้องกันแชมป์เอาไว้ได้" "ปีกพ่อมด" ทิ้งท้าย
................หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
ช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านพ้นไปนั้น คงจะทำให้บรรดาสาวก "เร้ด อา
ร์มี่" รู้สึกดีขึ้นเยอะเลยทีเดียว หลังจากที่ทัพ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไน
เต็ด เก็บชัยชนะในพรีเมียร์ลีก ได้ติดต่อกันถึง 5 นัดเข้าไปแล้ว แถมยังไม่เสีย
แม้แต่ประตูเดียวอีกต่างหาก แม้ว่าอาจจะรู้สึกไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย จากเกมรุกที่
มีจำนวนประตูไม่มากอย่างที่คาดหวังไว้ในตอนแรก ทั้งที่ทีมมีแนวรุก
อันตรายอยู่หลายราย ทั้งหน้าเก่าขาประจำอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์,
เวย์น รูนี่ย์ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ รวมถึง คาร์ลอส เตเวซ, นานี่ และ อันแด
ร์สัน 3 แข้งหน้าใหม่อนาคตไกล
แต่เดี๋ยวก่อน...ลืมใครไปอีกคนหรือเปล่า ใช่แล้ว! หลุยส์ ซาฮา กอง
หน้าเลือดน้ำหอมนั่นเอง ซึ่งนั่นก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ดาวยิงหน้าปลา
ดุกคนนี้ ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นที่กล่าวถึงจากสาวก แมนฯ ยูไนเต็ด เท่าที่
ควร นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าตัวมักจะใช้เวลาอยู่ในโรงหมอ มากกว่าจะมาล่า
ตาข่ายช่วยทีม จนทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความทุ่มเทให้กับทีมมาจนถึง
ปัจจุบันนี้ อย่างไรก็ดี เขาก็ซัดไปแล้วถึง 2 ประตูในซีซั่นนี้ และเป็นประตู
สำคัญทั้ง 2 ลูกอีกด้วย โดยเป็นประตูชัยในเกมเปิดรังเชือด ซันเดอร์แลนด์
น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ 1-0 เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา และลูกจุดโทษย้ำชัย
ช่วยให้ทีมถล่ม เชลซี ทีมเสือลำบาก 2-0 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา
ด้าน ซาฮา ก็ออกมาตอบโต้เสียงวิจารณ์ที่ระบุว่า ตัวเขายังไม่ทุ่มเท
ให้กับทีมมากเท่าที่ควร เนื่องจากจะไม่ยอมลงเล่นให้กับทีมเด็ดขาด หาก
สภาพร่างกายไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อยจริง ๆ โดยกล่าวว่า "ใครก็ตามที่บอกว่า
ผมจะไม่อยากลงเล่นจนกว่าร่างกายจะฟิตเต็มร้อยนั้น พวกเขาไม่ได้พูดความ
จริง ผมไม่เคยปฎิเสธที่จะเล่นให้กับทีม อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังคงได้ยินคำ
กล่าวอ้างเรื่องที่ผมไม่มีความทุ่มเท คนที่ตำหนิผมไม่เคยรู้ว่า ช่วง 3 ปีที่ผ่าน
มา ผมลงเล่นทั้งที่หัวเข่าของผมงอได้ไม่เกิน 90 องศาด้วยซ้ำ"
พร้อมกันนั้น ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส ยังยอมรับด้วยว่า ไม่พอใจที่ตัว
เองมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลก่อนน้อยมาก และ
ตั้งใจจะมีส่วนกับความสำเร็จของทีมให้มากขึ้นในซีซั่นนี้
"ผมขอสารภาพว่า ตอนที่ผมรับเหรียญรางวัลของตัวเองนั้น ผมรู้สึก
เศร้ามาก แน่นอนว่า ทุกคนต้องได้รับเครดิตสำหรับการคว้าแชมป์ของเรา แต่
ผมไม่ได้รู้สึกว่า ตัวเองมีส่วนร่วมมากพอในความสำเร็จของเรา ผมถูกลด
โอกาสลงสนามจนได้เล่นเพียงไม่กี่เกม ขณะที่พวกเราฉลองกัน ผมยังคงมี
ความรู้สึกว่างเปล่าอยู่ข้างใน นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เป้าหมายของผมในปีนี้
คือการรักษาความฟิตเอาไว้ และแสดงให้ทุกคนได้เห็น หลุยส์ ซาฮา ตัวจริง"
ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดผู้จัดการทีมชาวสกอตต์ ก็มั่นใจ
ว่าทัพ "ปีศาจแดง" จะมีโอกาสอันดีเยี่ยมในการคว้าความสำเร็จมาประดับ
บารมีอีกอื้อซ่า ถ้าหากว่า ซาฮา รักษาสภาพความฟิตพร้อมลงสนามได้อย่าง
ต่อเนื่อง เนื่องจากอดีตดาวยิง ฟูแล่ม มีคุณสมบัติที่แตกต่างออกไปจากดาว
ยิงรายอื่นๆ ของทีมอย่างชัดเจน แถมยังครบเครื่องต้มยำทั้งความเร็ว, ความ
แข็งแกร่ง, การเล่นลูกกลางอากาศ และความสามารถในการทำประตูได้ทั้ง 2
เท้า
บรมกุนซือดีกรี "ทริปเปิ้ลแชมป์" ปี 1999 กล่าวว่า "หลุยส์ เป็นนัก
เตะในประเภทที่แตกต่างไปจากนักเตะคนอื่นๆ ที่ผมมีอยู่ในสโมสรนี้ หากคุณ
พิจารณาจากซีซั่นที่ผ่านมา เขาทำได้ถึง 12 ประตูไปแล้วในตอนที่เขาได้รับ
บาดเจ็บในเดือนธันวาคม ถ้าเขารักษาความฟิตได้ในตอนนั้น เขาอาจทำ
ประตูให้กับเราถึง 30 ลูกก็เป็นได้"
"เขากลับมาลงสนามได้สำเร็จในเกมพบ ซันเดอร์แลนด์ และทำ
ประตูสำคัญให้กับเราได้อีกด้วย รวมถึงยังช่วยพลิกเกมในนัดเจอ สปอร์ติ้ง
เมื่อวันพุธ ในตอนที่ เวย์น รูนี่ย์ เริ่มมีอาการเหนื่อยล้า ถ้า หลุยส์ รักษาความ
ฟิตได้สำเร็จ เราจะมีโอกาสอันยิ่งใหญ่มากๆ ในปีนี้แน่นอน"
นอกจากนี้ "เฟอร์กี้" ยังเปิดเผยว่า ตนเองจะใช้ความระมัดระวัง
อย่างยิ่ง ในการส่ง "น้องดุก" กลับมาลงสนามในทีมชุดใหญ่ เนื่องจากไม่
อยากเร่งให้เจ้าตัวกลับมาลงเล่นเร็วเกินไป หลังจวนเจียนจะกลับมาฟิต
สมบูรณ์เต็มที่ จากที่ต้องพลาดลงสนามเป็นส่วนใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของฤดู
กาลก่อน เพราะปัญหาบาดเจ็บหัวเข่า
บรมกุนซือแห่งถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กล่าวว่า "เรายังต้องลงเล่น
กันอีกหลายนัด มันเป็นฤดูกาลที่ยาวนาน และความยุ่งยากเพียงอย่างเดียวที่
จะเกิดในตอนนี้ อาจจะทำให้เราต้องเจอปัญหาใหญ่ในภายหลังได้ไม่ยาก เรา
ต้องระมัดระวังเกี่ยวกับ ซาฮา เขาได้ลงสนามครึ่งหลัง ในเกมกับ ซัน
เดอร์แลนด์, 30 นาที กับ เอฟเวอร์ตัน และ 20 นาที ในเกมที่โปรตุเกส สิ่งที่
คุณต้องจดจำไว้ก็คือ หลุยส์ ต้องพักยาวมา 8 เดือน และเป้าหมายของเราก็
คือ การที่ได้เขากลับคืนสู่สนามอย่างสบายใจไร้กังวล"
ขณะเดียวกัน ไรอัน กิ๊กส์ ปีกตัวเก๋าของทีม ได้ออกมากล่าวว่า ตน
มองไม่เห็นเหตุผลใด ที่จะทำให้ตำแหน่งแชมป์พรีเมียร์ลีก ซีซั่นนี้ต้องมีอัน
หลุดลอยออกจากถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หลังจากที่ "ปีศาจแดง" เริ่มกลับมา
คืนฟอร์ม หลังออกสตาร์ตได้อย่างน่าผิดหวัง โดย "ปีกพ่อมด" เชื่อว่า เกมรับ
อันเหนียวแน่นของทีม จะเป็นสิ่งที่นำความสำเร็จมาสู่ทีมอีกครั้ง
"เราสามารถก้าวไปได้เรื่อยๆ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะมาถึงครึ่ง
ทางแล้ว หวังว่าเราจะชนะติดต่อกันได้สัก 10-12 เกม เรายังคงลงเล่นโดยไม่
เสียประตู ไม่ว่าจะเป็น 1-0, 2-0 หรือ 5-0 ตราบใดที่เรายังไม่เสียประตู มันก็
เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้เราป้องกันแชมป์เอาไว้ได้" "ปีกพ่อมด" ทิ้งท้าย
................หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 370
พรีเมียร์ ลีก นัดที่ 8
เบอร์มิ่งแฮม 0-1 แมนฯยูไนเต็ด
สนาม เซนต์ แอนดรูว์ส
ผู้ชม 26,526
ประตู : 0-1 คริสติโน่ โรนัลโด้ น.51
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=963
เกมนี้ป๋าจัดการส่งไมเคิล คาร์ริคมาประจำการเป็นตัวตัดเกมกลาง
สนาม ส่วนแดนหน้าส่ง"หมูพลิ้ว"เวย์น รูนี่ย์และคาร์ลอส เตเบซมาขู่แผงหลัง
ของเบอร์มิ่งแฮม
เปิดฉากมาได้เพียงแค่ นาทีเดียวเท่านั้น ฝั่งเจ้าบ้านได้โอกาส
ทักทายก่อนเมื่อคาเมร่อน เฌโรมฉกบอลได้จาก"หมามุ่ย"พอล สโคลส์ ก่อนที่
จะตัดสินใจซัดเต็มข้อจากระยะ 20 หลาแต่เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ยังไว
ทายาด บินปัดไว้ได้อย่างสวยงาม
ในจังหวะต่อมา เซบาสเตียน ลาร์สสันเปิดลูกเตะมุมมาจากทาง
ด้านซ้าย ฟรองค์ เกอดรู ทะยานโขกเต็มกบาลจากระยะ 12 หลา แต่"น้า
เอ็ด"ยังเซฟไว้ที่เส้นประตูได้อย่างเหลือเชื่อสุดๆ
นาทีที่ 18 กองเชียร์ฝั่งเจ้าบ้านเกือบได้เฮกันอย่างเต็มคราบเมื่อเซ
บาสเตียน ลาร์สสันได้บอลหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังทางด้านกราบขวาก่อนที่จะ
หักเข้ากลางมาให้ แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ตั้งหัวโขกเต็มกบาลจากระยะ 12 หลา
ตรงจุดโทษ ลูกทำท่าว่าจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ทว่าริโอ เฟอร์ดินานด์สวม
วิญญาณฮีโร่เคลียร์ออกจากเส้นประตูไว้ได้แบบหวิดหวุดสุดๆ
แมนฯยูฯมีโอกาสสร้างสรรค์จังหวะทำเกมรุกขึ้นมาบ้าง เมื่อเวส
บราวน์ได้บอลด้านกราบขวา ก่อนที่จะตอกบอลต่อให้คริสติอาโน่ โรนัลโด้ได้
ตะวัดยิงเร็วในระยะ ในกรอบเขตโทษด้านขวาระยะ 12 แต่บอลยังไปติดเซฟ
ของไมค์ เทย์เลอร์ในนาทีที่ 23
นาที 28 ฝั่งเจ้าเยือนเกือบจะได้เริงร่าเต็มอารมณ์ เมื่อเอ็ดวิน ฟาน
เดอร์ ซาร์สะเหร่อออกไปเคลียร์บอลที่ริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ทว่าบอล
กัลบไปติด คาเมร่อน เฌโรม หอก"ลูกโลก"รายนี้ตัดสินใจซัดทันทีจากระยะ
30 หลา วิถีบอลพุ่งตรงกรอบอย่างแน่นอนแต่ทว่าไมเคิล คาร์ริคยังมาตามล้าง
ตามเช็ดเคลียร์สกัดไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
กาโป เด็กเก่ายูเวนตุส ได้โชว์ทักษะอันแพรวพราว หลอกล่อหนี
กองหลังฝั่งแมนฯยูฯก่อนที่จะซัดมุมแคบในนาทีที่ 40 แต่"น้าเอ็ด"นายทวาร
วัยดึกของแมนฯยูฯยังตะปบบอลติดมือได้อย่างไร้กังวล
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรกทั้งสองทีมยังไม่สามารถทะลวงประตู
กันได้ ทำให้เสมอกันไปอย่างสมานฉันท์ 0-0
เปิดฉากในครึ่งหลัง"ป๋าอเล็กซ์"จัดการถอดเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
ออกเพราะมีอาการบาดเจ็บโดยส่ง โทมัสซ์ คุสซ์แซคลงไปแทน
พอเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 51 แมนฯยูฯก็มาทำประตูปลดล็อกคลาย
ความกดดันได้สำเร็จและต้องบอกว่ามาจากจังหวะที่ไม่มีอะไรเลย เมื่อริโอ
เฟอร์ดินานด์วางบอลยาวขึ้นมาข้างหน้า บอลทำท่าว่าฟรองค์ เกอดรูจะสกัด
ได้ไม่ยาก แต่ทว่าคริสติอาโน่ โรนัลโด้ใช้สัญชาตญาณฉกบอลจากเท้าแบ็ค
รายนี้ตรงบริเวณริมกรอบเขตโทษด้านขวาได้สำเร็จ ก่อนที่จะกระชากตัดเข้า
กลาง ล็อกหลบไมค์ เทย์เลอร์นายทวารเบอร์มิ่งแฮมอีกหนึ่งจังหวะ และก็ยิง
เข้าไปอย่างง่ายๆในสไตล์วินนิ่งจากระยะ 6 หลาเท่านั้น แมนฯยูฯขึ้นนำ 1-0
นาที 53 แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์เก็บตกได้บอลยาวจากการโยนของได้
ก่อนที่จะตัดสินใจตะวัดยิงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าโทมัสซ์ คุสซ์แซค ยังตะครุบ
ไว้ได้
ฝั่งเจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นประตูตีเจ๊าในนาทีที่ 62 เมื่อปาทริซ เอวร่า
ไปทำแฮนด์บอลนอกกรอบเขตโทษ แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ดาวเตะ"ลูกโลก"รับ
หน้าครึ่งยิงครึ่งผ่านลูกฟรีคิกจากริมกรอบเขตดทษด้านขวาระยะ 20 หลา
บอลโค้งเฉี่ยวเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 79 แมนฯยูฯเกือบจะได้ประตูขึ้นนำห่างออกไป จากจังหวะที่
เวย์น รูนี่ย์ จิ้มบอลจากทางด้านซ้ายในกรอบเขตโทษใส่พานให้กับคริสติอา
โน่ โรนัลโด้ได้ตะบันแบบไม่ต้องจับตรงบริเวณจุดโทษ แต่ทว่าบอลพุ่งหลุด
เสาสองออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บแกรี่ โอคอนเนอร์มีโอกาสสับไกอีกครั้งจาก
ทางด้านซ้าย แต่ คุสซ์แซค ยังใจนิ่งพอ ตะครุบไว้ได้อย่างไร้ปัญหา
สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากท่านเปา สตีฟ เบนเน็ตต์ แมนฯยูฯบุกมาทุบเบอร์มิ่ง
แฮมถึงถิ่น 1-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ
เบอร์มิ่งแฮม :ไมค์ เทย์เลอร์ 7,สตีเฟ่น เคลลี่ 7,โยฮัน โฌรู 7(ราฟาเอล
ชมิตซ์ 5 น.76),เลียม ริดจ์เวลล์ 7,ฟรองค์ เกอดรู 5,เซบาสเตียน ลาร์สสัน 7,
ฟาบริซ มูอัมบ้า 5(วิลสัน ปาลาซิออส 5 น.70),เมห์ดี้ นาฟตี้ 6(แกรี่ โอคอน
เนอร์ 5 น.84),แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ 7,โอลิวิเย่ร์ กาโป 7,คาเมร่อน เฌโรม 7
สำรองไม่ได้ลงสนาม :ริชาร์ด คิงสัน,นีล แดนน์ส
ใบเหลือง :ฟรองค์ เกอดรู น.9,เมห์ดี้ นาฟตี้ น.61,เซบาสเตียน ลาร์สสัน
น.87
แมนฯ ยูไนเต็ด :เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6(โทมัสซ์ คุสซ์แซค 8 น.46),เวส
บราวน์ 6,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7,เนมานย่า วิดิช 7,ปาทริช เอวร่า 7,คริสติอาโน่
โรนัลโด้ 8,พอล สโคลส์ 6,ไมเคิล คาร์ริค 6,ไรอัน กิ๊กส์ 5(หลุยส์ ซาฮา
น.64),เวย์น รูนี่ย์ 6,คาร์ลอส เตเบซ 6(จอห์น โอเช 5 น.89)
สำรองไม่ได้ลงสนาม :อันแดร์สัน,เคราร์ด ปิเก้
ใบเหลือง :ปาทริช เอวร่า น.62
...............ซอคเกอร์ซัค
ช่วงครึ่งหลังผ่านไปท่านเซอร์เปลี่ยนน้ากิ๊กออกแล้วเอาซาฮาเข้ามานึกภาพ
เองเลยก่อนล่วงหน้าว่าเป็น 3ประสานในแนวหน้ามีซาฮา+รูนีย์+เตเบซ แต่
ไหงเล่นไปเล่นมากลายเป็นรูนีย์,เตเบซ มาไล่บอลแถวกลางสนามหว่า? งง
เบอร์มิ่งแฮม 0-1 แมนฯยูไนเต็ด
สนาม เซนต์ แอนดรูว์ส
ผู้ชม 26,526
ประตู : 0-1 คริสติโน่ โรนัลโด้ น.51
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=963
เกมนี้ป๋าจัดการส่งไมเคิล คาร์ริคมาประจำการเป็นตัวตัดเกมกลาง
สนาม ส่วนแดนหน้าส่ง"หมูพลิ้ว"เวย์น รูนี่ย์และคาร์ลอส เตเบซมาขู่แผงหลัง
ของเบอร์มิ่งแฮม
เปิดฉากมาได้เพียงแค่ นาทีเดียวเท่านั้น ฝั่งเจ้าบ้านได้โอกาส
ทักทายก่อนเมื่อคาเมร่อน เฌโรมฉกบอลได้จาก"หมามุ่ย"พอล สโคลส์ ก่อนที่
จะตัดสินใจซัดเต็มข้อจากระยะ 20 หลาแต่เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ยังไว
ทายาด บินปัดไว้ได้อย่างสวยงาม
ในจังหวะต่อมา เซบาสเตียน ลาร์สสันเปิดลูกเตะมุมมาจากทาง
ด้านซ้าย ฟรองค์ เกอดรู ทะยานโขกเต็มกบาลจากระยะ 12 หลา แต่"น้า
เอ็ด"ยังเซฟไว้ที่เส้นประตูได้อย่างเหลือเชื่อสุดๆ
นาทีที่ 18 กองเชียร์ฝั่งเจ้าบ้านเกือบได้เฮกันอย่างเต็มคราบเมื่อเซ
บาสเตียน ลาร์สสันได้บอลหลุดเข้าไปถึงเส้นหลังทางด้านกราบขวาก่อนที่จะ
หักเข้ากลางมาให้ แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ตั้งหัวโขกเต็มกบาลจากระยะ 12 หลา
ตรงจุดโทษ ลูกทำท่าว่าจะเข้าประตูอยู่แล้ว แต่ทว่าริโอ เฟอร์ดินานด์สวม
วิญญาณฮีโร่เคลียร์ออกจากเส้นประตูไว้ได้แบบหวิดหวุดสุดๆ
แมนฯยูฯมีโอกาสสร้างสรรค์จังหวะทำเกมรุกขึ้นมาบ้าง เมื่อเวส
บราวน์ได้บอลด้านกราบขวา ก่อนที่จะตอกบอลต่อให้คริสติอาโน่ โรนัลโด้ได้
ตะวัดยิงเร็วในระยะ ในกรอบเขตโทษด้านขวาระยะ 12 แต่บอลยังไปติดเซฟ
ของไมค์ เทย์เลอร์ในนาทีที่ 23
นาที 28 ฝั่งเจ้าเยือนเกือบจะได้เริงร่าเต็มอารมณ์ เมื่อเอ็ดวิน ฟาน
เดอร์ ซาร์สะเหร่อออกไปเคลียร์บอลที่ริมกรอบเขตโทษด้านซ้าย แต่ทว่าบอล
กัลบไปติด คาเมร่อน เฌโรม หอก"ลูกโลก"รายนี้ตัดสินใจซัดทันทีจากระยะ
30 หลา วิถีบอลพุ่งตรงกรอบอย่างแน่นอนแต่ทว่าไมเคิล คาร์ริคยังมาตามล้าง
ตามเช็ดเคลียร์สกัดไว้ได้อย่างน่ามหัศจรรย์
กาโป เด็กเก่ายูเวนตุส ได้โชว์ทักษะอันแพรวพราว หลอกล่อหนี
กองหลังฝั่งแมนฯยูฯก่อนที่จะซัดมุมแคบในนาทีที่ 40 แต่"น้าเอ็ด"นายทวาร
วัยดึกของแมนฯยูฯยังตะปบบอลติดมือได้อย่างไร้กังวล
ช่วงเวลาที่เหลือของครึ่งแรกทั้งสองทีมยังไม่สามารถทะลวงประตู
กันได้ ทำให้เสมอกันไปอย่างสมานฉันท์ 0-0
เปิดฉากในครึ่งหลัง"ป๋าอเล็กซ์"จัดการถอดเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์
ออกเพราะมีอาการบาดเจ็บโดยส่ง โทมัสซ์ คุสซ์แซคลงไปแทน
พอเกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 51 แมนฯยูฯก็มาทำประตูปลดล็อกคลาย
ความกดดันได้สำเร็จและต้องบอกว่ามาจากจังหวะที่ไม่มีอะไรเลย เมื่อริโอ
เฟอร์ดินานด์วางบอลยาวขึ้นมาข้างหน้า บอลทำท่าว่าฟรองค์ เกอดรูจะสกัด
ได้ไม่ยาก แต่ทว่าคริสติอาโน่ โรนัลโด้ใช้สัญชาตญาณฉกบอลจากเท้าแบ็ค
รายนี้ตรงบริเวณริมกรอบเขตโทษด้านขวาได้สำเร็จ ก่อนที่จะกระชากตัดเข้า
กลาง ล็อกหลบไมค์ เทย์เลอร์นายทวารเบอร์มิ่งแฮมอีกหนึ่งจังหวะ และก็ยิง
เข้าไปอย่างง่ายๆในสไตล์วินนิ่งจากระยะ 6 หลาเท่านั้น แมนฯยูฯขึ้นนำ 1-0
นาที 53 แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์เก็บตกได้บอลยาวจากการโยนของได้
ก่อนที่จะตัดสินใจตะวัดยิงอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าโทมัสซ์ คุสซ์แซค ยังตะครุบ
ไว้ได้
ฝั่งเจ้าบ้านมีโอกาสลุ้นประตูตีเจ๊าในนาทีที่ 62 เมื่อปาทริซ เอวร่า
ไปทำแฮนด์บอลนอกกรอบเขตโทษ แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ดาวเตะ"ลูกโลก"รับ
หน้าครึ่งยิงครึ่งผ่านลูกฟรีคิกจากริมกรอบเขตดทษด้านขวาระยะ 20 หลา
บอลโค้งเฉี่ยวเสาสองออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 79 แมนฯยูฯเกือบจะได้ประตูขึ้นนำห่างออกไป จากจังหวะที่
เวย์น รูนี่ย์ จิ้มบอลจากทางด้านซ้ายในกรอบเขตโทษใส่พานให้กับคริสติอา
โน่ โรนัลโด้ได้ตะบันแบบไม่ต้องจับตรงบริเวณจุดโทษ แต่ทว่าบอลพุ่งหลุด
เสาสองออกไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บแกรี่ โอคอนเนอร์มีโอกาสสับไกอีกครั้งจาก
ทางด้านซ้าย แต่ คุสซ์แซค ยังใจนิ่งพอ ตะครุบไว้ได้อย่างไร้ปัญหา
สิ้นเสียงนกหวีดยาวจากท่านเปา สตีฟ เบนเน็ตต์ แมนฯยูฯบุกมาทุบเบอร์มิ่ง
แฮมถึงถิ่น 1-0
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ
เบอร์มิ่งแฮม :ไมค์ เทย์เลอร์ 7,สตีเฟ่น เคลลี่ 7,โยฮัน โฌรู 7(ราฟาเอล
ชมิตซ์ 5 น.76),เลียม ริดจ์เวลล์ 7,ฟรองค์ เกอดรู 5,เซบาสเตียน ลาร์สสัน 7,
ฟาบริซ มูอัมบ้า 5(วิลสัน ปาลาซิออส 5 น.70),เมห์ดี้ นาฟตี้ 6(แกรี่ โอคอน
เนอร์ 5 น.84),แกรี่ แม็คเชฟฟรี่ย์ 7,โอลิวิเย่ร์ กาโป 7,คาเมร่อน เฌโรม 7
สำรองไม่ได้ลงสนาม :ริชาร์ด คิงสัน,นีล แดนน์ส
ใบเหลือง :ฟรองค์ เกอดรู น.9,เมห์ดี้ นาฟตี้ น.61,เซบาสเตียน ลาร์สสัน
น.87
แมนฯ ยูไนเต็ด :เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6(โทมัสซ์ คุสซ์แซค 8 น.46),เวส
บราวน์ 6,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7,เนมานย่า วิดิช 7,ปาทริช เอวร่า 7,คริสติอาโน่
โรนัลโด้ 8,พอล สโคลส์ 6,ไมเคิล คาร์ริค 6,ไรอัน กิ๊กส์ 5(หลุยส์ ซาฮา
น.64),เวย์น รูนี่ย์ 6,คาร์ลอส เตเบซ 6(จอห์น โอเช 5 น.89)
สำรองไม่ได้ลงสนาม :อันแดร์สัน,เคราร์ด ปิเก้
ใบเหลือง :ปาทริช เอวร่า น.62
...............ซอคเกอร์ซัค
ช่วงครึ่งหลังผ่านไปท่านเซอร์เปลี่ยนน้ากิ๊กออกแล้วเอาซาฮาเข้ามานึกภาพ
เองเลยก่อนล่วงหน้าว่าเป็น 3ประสานในแนวหน้ามีซาฮา+รูนีย์+เตเบซ แต่
ไหงเล่นไปเล่นมากลายเป็นรูนีย์,เตเบซ มาไล่บอลแถวกลางสนามหว่า? งง
-
- Verified User
- โพสต์: 65
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 371
เเมนยู จะยิ่งใหญ่กว่านี้เเน่ๆ
ถ้าเป็นเเผนการทำทีมของผม..คงต้องเปลี่ยน brown ออกเเน่นอน เอา ปีเก้ ลง ไม่ก็ใครก็ได้ที่เล่นดีกว่านี้ท่าน Brown
ส่วนกองกลางผมของพัก สโคล กับ กิ๊ก ไว้ก่อนเเล้วกัน..form ตกมากเลยช่วงนี้ เเล้วก็สั่งให้MCหัด..ยิงไกลกันมั่ง ฤดูการนี้ไม่กล้ายิงเลย MC เนี้ย..
คนดูก็ลุ้นเหนื่อยใจ.. เเต่คืนนี้น่าจะไปหลอกหมาป่าได้เเน่ๆ รอลุ้นกันดูนะฮิๆๆ
ถ้าเป็นเเผนการทำทีมของผม..คงต้องเปลี่ยน brown ออกเเน่นอน เอา ปีเก้ ลง ไม่ก็ใครก็ได้ที่เล่นดีกว่านี้ท่าน Brown
ส่วนกองกลางผมของพัก สโคล กับ กิ๊ก ไว้ก่อนเเล้วกัน..form ตกมากเลยช่วงนี้ เเล้วก็สั่งให้MCหัด..ยิงไกลกันมั่ง ฤดูการนี้ไม่กล้ายิงเลย MC เนี้ย..
คนดูก็ลุ้นเหนื่อยใจ.. เเต่คืนนี้น่าจะไปหลอกหมาป่าได้เเน่ๆ รอลุ้นกันดูนะฮิๆๆ
"Go for a business that any idiot can run - because sooner or later, any idiot probably is going to run it."
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
"เลือกธุรกิจที่แม้แต่คนโง่ยังสามารถดำเนินงานได้ เพราะไม่ช้าก็เร็ว ไม่แน่ว่าจะมีไอ้โง่ที่ไหนมาดำเนินธุรกิจให้กับบริษัทนั้น"
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 374
UEFA Champions League นัดที่ 2
แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 โรม่า
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู : 1 - 0 เวย์น รูนี่ย์ น.70
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=971
1-0 อีกแล้ว!หมูกดชัยผีย้ำแค้นโรม่า เวย์น รูนี่ย์เปลี่ยนเกมที่ส่อ
แววเสมอกลายเป็นสามแต้มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลังกดเต็มข้อชน
เสาสุดงามย้ำแค้นโรม่าด้วยสกอร์ยอดฮิต 1-0 และทำให้เส้นทางเข้ารอบ
สดใสหลังชนะสองนัดรวดมี 6 แต้มเต็ม
ด้วยความอับอายจากครั้งก่อนทำให้โรม่าดูตั้งใจเล่นเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ช่วงต้นเกม และ "เจ้าชายหมาป่า" ต็อตตี้ ก็ขอยิงอัดเต็มข้อในนาที
ที่ 8 แต่ลูกไปตรงตัวคุสแซ็ครับเข้าซองไม่มีปัญหา
แมนฯ ยูไนเต็ดใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะได้เสียวกับเขาบ้างเป็น
ครั้งแรกเมื่อโรนัลโด้ ได้บอลทางซ้ายก่อนจะเปิดโค้งเข้ามาที่กลางประตูลูก
พุ่งน่ากลัวชนิดที่คูร์ชี่ ต้องโหนปัดออกไปด้วยปลายนิ้วก่อนที่บอลจะมาถึง
จอห์น โอเชที่วิ่งเติมมาแล้ว
นาทีที่ 29 คาร์ริค จ่ายให้หลุยส์ ซาฮา จับบอลก่อนลากหลบเม็กแซ
สและยิงด้วยขวาให้คูร์ชี่ ต้องออกแรงเหนื่อยด้วยการรับบอล 2 จังหวะ
ช่วงที่เหลือของครึ่งแรกทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสนุกโดยโรม่ามี
โอกาสจากลูกยิงฟรีคิกของต็อตตี้ที่อัดเต็มข้อแต่ยังตรงตัวคุสแซ็ค ขณะที่
แมนฯ ยูไนเต็ดน่าจะทำได้จากจังหวะที่รูนี่ย์ ได้บอลเปิดจากนานี่มาได้แม่น
ยำและมีโอกาสง้างวอลเล่ย์เต็มๆแต่วางเท้าไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไป
สุดท้ายจบครึ่งแรกก็เลยยังเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ดดูเหมือนจะเริ่มได้น่ากลัวกว่าบ้าง แต่
โอกาสกลับเป็นทางโรม่าที่น่าจะได้จริงๆเมื่อลูกจ่ายของอาควิลานี่ แฉลบ
เปลี่ยนทางมาถึงชูลี่ ที่ตบเข้ากลางต่อมาถึงต็อตตี้ แต่งบอลหลบเฟอร์
ดินานด์ก่อนอัดด้วยขวาเต็มๆแต่มุมแคบและกดแรงไปทำให้บอลเฉี่ยวคาน
แค่ไม่กี่นิ้ว ต่อด้วยจังหวะยิงไกลของแปร์ร็อตต้าที่ทำเอาแฟนๆในสนาม
ต้องปิดปากด้วยความเสียว
แมนฯ ยูไนเต็ดเจอแบบนี้ก็ต้องพยายามหาโอกาสบ้าง ซึ่งก็ทำได้ดี
ในลูกที่นานี่ โชว์โซโล่ลากเข้าเขตโทษก่อนเปิดด้วยซ้ายลูกไปตกบนคาน
ก่อนที่จะกระดอนออกไป
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก โรม่าก็โต้กลับมาได้น่ากลัว มันชินี่ได้
บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนดึงจังหวะและไหลให้อาควิลานี่วิ่งมาแปเฉี่ยว
เสาออกไป แต่มิดฟิลด์เชิงสูงก็ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้และต้องโดน
เปลี่ยนตัวออกทันที โดยเป็นดาวิด ปิซาร์โร่ที่ได้ลงมาแทน
จากนั้นทั้งสองทีมก็แลกกันพักใหญ่เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แต่สุด
ท้ายก็เป็นเจ้าถิ่นที่ปลดล็อกได้สำเร็จในนาทีที่ 70 เมื่อนานี่ จ่ายให้รู
นี่ย์โชว์เกือกคมด้วยการตวัดตัวยิงหักข้อลูกกระดอนเสาไกลเข้าไปให้
แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1-0
ประตูนี้ยิ่งทำให้เกมสนุกขึ้นเมื่อทั้งสองทีมแลกกันเต็มตัว เตเบซที่
เพิ่งลงมามีจังหวะเลื้อยหลบเด รอสซี่ก่อนอัดเต็มหลังเท้าสุดมันลูกหลุด
กรอบนิดเดียวเท่านั้น
โรม่าเริ่มฮึดกลับมาขึงเกมได้น่ากลัวหลายชุดแต่จังหวะสุดท้ายก็
ขลุกขลิกพลาดไปทั้งหมดแบบน่าเสียดายแทน โดยเฉพาะโอกาสทองก่อน
หมดเวลา 3 นาทีของเมาโร เอสโปซิโต้ ที่ได้ยิงเหน่งๆหลังเพื่อนทำทางมา
ให้สวยแต่กลับซัดเต็มหลังเท้าติดไซด์เฉี่ยวเสาออกไปชนิดเสามีรอยไหม้
ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนพยายามสุดความสามารถที่จะตีเสมอให้
ได้ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จจบเกมจึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปแบบน่า
เจ็บใจอีกครั้งด้วยสกอร์ 1-0 ส่วน "ผีแดง" เก็บได้อีก 3 คะแนนเต็มเข้า
กระเป๋า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัสซ์ คุสแซ็ค 8, จอห์น โอเช 6, เนมันย่า วิดิช 6, ริ
โอ เฟอร์ดินานด์ 8, ปาทริซ เอวร่า 7, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 7, ไมเคิล คาร์ริ
ค 6, พอล สโคลส์ 6, นานี่ 7(ไรอัน กิ๊กส์ น.80) , เวย์น รูนี่ย์ 9*(อันแดร์สัน
น.85) , หลุยส์ ซาฮา 6(คาร์ลอส เตเบซ น.66,8)
ใบเหลือง : -
โรม่า : จานลูก้า คูร์ชี่ 7, ซิซินโญ่ 7, ฟิลิปป์ เม็กแซส 7, ฮวน 8, มักซ์ โต
เน็ตโต้ 6, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ 8, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ 7(ดาวิด ปิซาร์โร่
น.62,6) , ลูโดวิช ชูลี่ 6(เมาโร เอสโปซิโต้ น.80) , ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า
6, อเลสซานโดร มันชินี่ 6(มีร์โก้ วูซินิช น.74,6) , ฟรานเชสโก้ ต็อตตี้ 7
ใบเหลือง : เม็กแซส น.39
ผู้ตัดสิน : มานูเอล เมฆูโต้ กอนซาเลซ (สเปน)
................ซอคเกอร์ซัค
ขนาดหนุโด้แตกเลือดอาบ สาวๆนั่งดูข้างป๋มเค้ายังกรี๊ดเลยบอกว่าหล่อเท่
อีก
แมนฯ ยูไนเต็ด 1-0 โรม่า
สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ประตู : 1 - 0 เวย์น รูนี่ย์ น.70
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=971
1-0 อีกแล้ว!หมูกดชัยผีย้ำแค้นโรม่า เวย์น รูนี่ย์เปลี่ยนเกมที่ส่อ
แววเสมอกลายเป็นสามแต้มของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดหลังกดเต็มข้อชน
เสาสุดงามย้ำแค้นโรม่าด้วยสกอร์ยอดฮิต 1-0 และทำให้เส้นทางเข้ารอบ
สดใสหลังชนะสองนัดรวดมี 6 แต้มเต็ม
ด้วยความอับอายจากครั้งก่อนทำให้โรม่าดูตั้งใจเล่นเป็นพิเศษ
ตั้งแต่ช่วงต้นเกม และ "เจ้าชายหมาป่า" ต็อตตี้ ก็ขอยิงอัดเต็มข้อในนาที
ที่ 8 แต่ลูกไปตรงตัวคุสแซ็ครับเข้าซองไม่มีปัญหา
แมนฯ ยูไนเต็ดใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าจะได้เสียวกับเขาบ้างเป็น
ครั้งแรกเมื่อโรนัลโด้ ได้บอลทางซ้ายก่อนจะเปิดโค้งเข้ามาที่กลางประตูลูก
พุ่งน่ากลัวชนิดที่คูร์ชี่ ต้องโหนปัดออกไปด้วยปลายนิ้วก่อนที่บอลจะมาถึง
จอห์น โอเชที่วิ่งเติมมาแล้ว
นาทีที่ 29 คาร์ริค จ่ายให้หลุยส์ ซาฮา จับบอลก่อนลากหลบเม็กแซ
สและยิงด้วยขวาให้คูร์ชี่ ต้องออกแรงเหนื่อยด้วยการรับบอล 2 จังหวะ
ช่วงที่เหลือของครึ่งแรกทั้งสองทีมสู้กันได้อย่างสนุกโดยโรม่ามี
โอกาสจากลูกยิงฟรีคิกของต็อตตี้ที่อัดเต็มข้อแต่ยังตรงตัวคุสแซ็ค ขณะที่
แมนฯ ยูไนเต็ดน่าจะทำได้จากจังหวะที่รูนี่ย์ ได้บอลเปิดจากนานี่มาได้แม่น
ยำและมีโอกาสง้างวอลเล่ย์เต็มๆแต่วางเท้าไม่ดีบอลเหินข้ามคานออกไป
สุดท้ายจบครึ่งแรกก็เลยยังเสมอกันอยู่ 0-0
เข้าสู่ครึ่งหลังแมนฯ ยูไนเต็ดดูเหมือนจะเริ่มได้น่ากลัวกว่าบ้าง แต่
โอกาสกลับเป็นทางโรม่าที่น่าจะได้จริงๆเมื่อลูกจ่ายของอาควิลานี่ แฉลบ
เปลี่ยนทางมาถึงชูลี่ ที่ตบเข้ากลางต่อมาถึงต็อตตี้ แต่งบอลหลบเฟอร์
ดินานด์ก่อนอัดด้วยขวาเต็มๆแต่มุมแคบและกดแรงไปทำให้บอลเฉี่ยวคาน
แค่ไม่กี่นิ้ว ต่อด้วยจังหวะยิงไกลของแปร์ร็อตต้าที่ทำเอาแฟนๆในสนาม
ต้องปิดปากด้วยความเสียว
แมนฯ ยูไนเต็ดเจอแบบนี้ก็ต้องพยายามหาโอกาสบ้าง ซึ่งก็ทำได้ดี
ในลูกที่นานี่ โชว์โซโล่ลากเข้าเขตโทษก่อนเปิดด้วยซ้ายลูกไปตกบนคาน
ก่อนที่จะกระดอนออกไป
เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก โรม่าก็โต้กลับมาได้น่ากลัว มันชินี่ได้
บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนดึงจังหวะและไหลให้อาควิลานี่วิ่งมาแปเฉี่ยว
เสาออกไป แต่มิดฟิลด์เชิงสูงก็ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะนี้และต้องโดน
เปลี่ยนตัวออกทันที โดยเป็นดาวิด ปิซาร์โร่ที่ได้ลงมาแทน
จากนั้นทั้งสองทีมก็แลกกันพักใหญ่เรียกว่าไม่มีใครยอมใคร แต่สุด
ท้ายก็เป็นเจ้าถิ่นที่ปลดล็อกได้สำเร็จในนาทีที่ 70 เมื่อนานี่ จ่ายให้รู
นี่ย์โชว์เกือกคมด้วยการตวัดตัวยิงหักข้อลูกกระดอนเสาไกลเข้าไปให้
แมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นนำ 1-0
ประตูนี้ยิ่งทำให้เกมสนุกขึ้นเมื่อทั้งสองทีมแลกกันเต็มตัว เตเบซที่
เพิ่งลงมามีจังหวะเลื้อยหลบเด รอสซี่ก่อนอัดเต็มหลังเท้าสุดมันลูกหลุด
กรอบนิดเดียวเท่านั้น
โรม่าเริ่มฮึดกลับมาขึงเกมได้น่ากลัวหลายชุดแต่จังหวะสุดท้ายก็
ขลุกขลิกพลาดไปทั้งหมดแบบน่าเสียดายแทน โดยเฉพาะโอกาสทองก่อน
หมดเวลา 3 นาทีของเมาโร เอสโปซิโต้ ที่ได้ยิงเหน่งๆหลังเพื่อนทำทางมา
ให้สวยแต่กลับซัดเต็มหลังเท้าติดไซด์เฉี่ยวเสาออกไปชนิดเสามีรอยไหม้
ช่วงเวลาที่เหลือทีมเยือนพยายามสุดความสามารถที่จะตีเสมอให้
ได้ แต่ทำอย่างไรก็ไม่สำเร็จจบเกมจึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปแบบน่า
เจ็บใจอีกครั้งด้วยสกอร์ 1-0 ส่วน "ผีแดง" เก็บได้อีก 3 คะแนนเต็มเข้า
กระเป๋า
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : โทมัสซ์ คุสแซ็ค 8, จอห์น โอเช 6, เนมันย่า วิดิช 6, ริ
โอ เฟอร์ดินานด์ 8, ปาทริซ เอวร่า 7, คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 7, ไมเคิล คาร์ริ
ค 6, พอล สโคลส์ 6, นานี่ 7(ไรอัน กิ๊กส์ น.80) , เวย์น รูนี่ย์ 9*(อันแดร์สัน
น.85) , หลุยส์ ซาฮา 6(คาร์ลอส เตเบซ น.66,8)
ใบเหลือง : -
โรม่า : จานลูก้า คูร์ชี่ 7, ซิซินโญ่ 7, ฟิลิปป์ เม็กแซส 7, ฮวน 8, มักซ์ โต
เน็ตโต้ 6, ดานิเอเล่ เด รอสซี่ 8, อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ 7(ดาวิด ปิซาร์โร่
น.62,6) , ลูโดวิช ชูลี่ 6(เมาโร เอสโปซิโต้ น.80) , ซิโมเน่ แปร์ร็อตต้า
6, อเลสซานโดร มันชินี่ 6(มีร์โก้ วูซินิช น.74,6) , ฟรานเชสโก้ ต็อตตี้ 7
ใบเหลือง : เม็กแซส น.39
ผู้ตัดสิน : มานูเอล เมฆูโต้ กอนซาเลซ (สเปน)
................ซอคเกอร์ซัค
ขนาดหนุโด้แตกเลือดอาบ สาวๆนั่งดูข้างป๋มเค้ายังกรี๊ดเลยบอกว่าหล่อเท่
อีก
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 378
เจาะข่าวฮอต : ริโอ เฟอร์ดินานด์
ผมขออยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปจนวันตาย ผลงานในฤดูกาล
นี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ลีก 9 สมัย ออกจะดูฝืดๆ นิด
หน่อยในสายตาของเหล่าสาวก "เร้ด เดวิลส์" โดยในเกมลีก 7 นัดแรกของ
ฤดูกาล พวกเขาชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 7 และเสีย 2 ประตู ซึ่งผิดวิสัย
ทีมที่ขึ้นชื่อว่า เล่นเกมรุกได้ดุดันที่สุดในสหราชอาณาจักร
เม็ดเงินกว่า 50 ล้านปอนด์ แปรเปลี่ยนเป็น 4 นักเตะฝีเท้าดี
ของยุคอย่าง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, นานี่, อันแดร์สัน และ คาร์ลอส เตเวซ ที่
เก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในแบบสัญญายืม
ตัว 2 ปี พร้อมกับมีออปชั่นซื้อขาดจาก เคีย ชูเรียเชียน มหาเศรษฐีชาว
อิหร่าน อีก 20 ล้านปอนด์
มองดูรายชื่อนักเตะข้างต้นนี้ หลายคนอาจส่งเสียงซี้ดซ้าดตามไร
ฟัน พลางคิดในใจว่า ฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตีตราจองแชมป์พรีเมีย
ร์ลีก ตั้งแต่หัววันแน่ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแค่ 3 นัดแรกของ
ฤดูกาล "ปีศาจแดง" เก็บคะแนนได้เพียง 2 แต้มเท่านั้น ไล่ตั้งแต่ เสมอ
เร้ดดิ้ง 0-0, เสมอ พอร์ทสมัธ 1-1 และ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1
ก่อนจะมาฟื้นคืนชีพด้วยการเอาชนะมา 5 นัดรวด โดยแบ่งแยก
เป็นสกอร์ 1-0 ถึง 4 นัด (ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์, ซันเดอร์แลนด์, เอฟเวอร์
ตัน และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้) และ สกอร์ 2-0 เพียงนัดเดียว คือนัดที่ชนะเชล
ซี ในยุคที่ไร้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน
แต่กระนั้นในสายตาของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังค่าตัว
แพงที่สุดของโลก มองว่าสกอร์จุ๋มจิ๋มที่ชนะคู่ต่อสู้นัดละเม็ด ถือว่ายอด
เยี่ยมแล้ว "หากเราชนะทุกเกมจนกระทั่งจบฤดูกาลด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อนั้น
ผมก็คงจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามมันคงจะดีกว่า
นี้ หากแฟนบอลลุกออกจากที่นั่งไปพร้อมกับ 2-3 ประตูสวยๆ ของทีม แต่
เราไม่สนใจหรอกว่าจะยิงได้มากน้อยแค่ไหน ตราบใดเราชนะต่อไป
เรื่อยๆ"
"ผมคิดว่า เราสามารถพัฒนาได้ เรายังคงไม่ได้เล่นฟุตบอลที่
ไหลลื่นอย่างอิสระ ช่วงนี้ เรากำลังเล่นแบบนั้น แต่ยังทำได้ไม่สม่ำเสมอ
เหมือนที่เราอยากจะทำให้ได้ตลอดทั้งเกม มันจะค่อย ๆ ไปถึงตรงนั้นเมื่อ
ผ่านไปแต่ละเกม ผมคิดว่า เราได้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ใน 30
นาทีแรกของเกมกับเชลซี และเราก็แสดงให้เห็นอีกครั้งในการพบกับเบอร์
มิงแฮม หากเราสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นของเราในช่วงเวลานี้ รวมทั้ง
ไม่เสียประตูให้กับคู่แข่ง เราจะทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่"
มันคงจะจริงอย่างที่ กองหลังปากเป็ด ว่าไว้ เพราะหาก แมนฯ ยู
ไนเต็ด ชนะ 1-0 ไปจนจบฤดูกาล แฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" คงมีความสุข
เป็นแน่แท้ เพราะนั่นหมายความว่า จะย้อนรอยคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เชียวนะ
(พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
ถ้าพูดถึงเรื่องฟอร์มการเล่นของ อดีตกองหลัง ลิดส์ ยูไนเต็ด ใน
ฤดูกาลนี้ คงได้รับเสียงชื่นชมอย่างหนาหูแน่นอน เพราะเจ้าตัวผนึกกำลัง
ร่วมกับ "นักฆ่าแห่งเซอร์เบีย" เนมานย่า วิดิช เสมือนกินแค็ปหมูจิ้ม
น้ำพริกหนุ่มยังไงยังงั้นเลย
เพราะ วิดิช จะคอยเป็นตัวชนเบอร์แรก ก่อนที่ เฟอร์ดินานด์ จะ
เป็นตัวซ้อน ซึ่งฟอร์มการเล่นดังกล่าวแม้แต่ สตีฟ บรูซ กุนซือ เบอร์มิ
งแฮม ยังอดชื่นชมไม่ได้เลย "เกมรับของ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งยังกับภูผา
เฟอร์ดินานด์ กับ วิดิช จับคู่เล่นกันได้ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่มันคงไม่เหมาะ
สมถ้าผมจะเอาพวกเขามาเปรียบเทียบผมกับ พัลลี่ (แกรี่ พัลลิสเตอร์) เอา
เป็นว่าให้คนอื่นเป็นคนตัดสินก็แล้วกัน แต่คุณดูก็รู้ว่า พวกเขาเป็นนักเตะที่
สุดยอดจริงๆ"
"วิดิช โดดเด่นมากเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง ลูกโขก
ประตูชัยเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ช่วยพิสูจน์ได้เป็นอย่าง
ดี ความต้องการอยากจะพุ่งโขกลูกบอลของเขามันน่าเหลือเชื่อ ผมจะเซ็ง
มากหากผมยิงได้ไม่ถึง 8 ลูกใน 1 ฤดูกาล"
ในเกมลีกนัดล่าสุดที่เซิ้งแข้งกับ "ตราลูกโลก" เฟอร์ดินานด์
ยอมรับโดยดุษฎีว่า เป็นเกมที่หนักที่สุดในฤดูกาล เพราะกว่าจะเอาชนะได้
ก็เล่นหืดขึ้นคอไปตามๆ กัน "นั่นเป็นหนึ่งในเกมที่หนักที่สุดของเราในฤดู
กาลนี้ แน่นอนว่าเป็นทางร่างกาย เรารู้ดีว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก ผมเคยลง
เล่น 2-3 เกมในสนามแห่งนี้ และพวกเขาก็เป็นคู่แข่งน่ากลัวอยู่เสมอ ผม
ดู เบอร์มิงแฮม เล่นหลายนัดผ่านทางจอทีวี และพวกเขาก็เป็นทีมที่ทำงาน
หนักกันทั้งทีม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งในสิ่งที่พวกเขามี
อยู่ และพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งมากพอที่จะได้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไป"
"ผมลงสนามโดยรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเกมที่ยาก บางครั้งคุณลง
สนาม และคิดว่า ใจน่ะสู้ แต่ร่างกายนี่ซิ มันไม่ไหวจริง อย่างไรก็ตาม พวก
เขาทดสอบเราทุกตำแหน่ง ผมคิดว่าพวกเขาเล่นเกมรับกันได้ดี แต่ในครึ่ง
หลังเรากดดันพวกเขามากขึ้น จบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด แต่ในครึ่งแรก
พวกเขาทำให้เราต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แถมสร้างโอกาส
สวยๆ ได้อีกต่างหาก แต่ยังดีที่พวกเขาไม่สามารถทำประตูกันได้"
หากเลือกได้ ดาวเตะวัย 28 กะรัต ก็ขออยู่กับ "ปีศาจแดง" ไป
จนวันตาย เพราะไม่อยากย้ายไปอยู่กับทีมอื่นที่ต้องการเผชิญหน้ากับนัก
เตะอันตรายอย่าง เตเวซ หรือ เวย์น รูนี่ย์ "ผมจะไม่ยอมย้ายออกไปจาก
สโมสรแห่งนี้เพื่อไปอยู่กับสโมสรแห่งอื่นและลงเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้ง
สองหรอกนะ ผมดวลกับพวกเขามากพอแล้วในระหว่างฝึกซ้อม คาร์ลอส
แข็งแกร่งขึ้นในแต่ละเกม เขาและ รูนี่ย์ มีส่วนที่คล้ายกันตรงที่พวกเขาไม่
กลัวการเข้าบอลหนัก"
"แถมยังทำงานอย่างหนักเพื่อทีมต่างหาก คาร์ลอส ชอบเชื่อม
เกมระหว่างกองกลาง และกองหลัง ถ้าเขาทำแบบนั้น และผ่านยบอลไปให้
กับ เวย์น ได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็จะคายพิษสงออกมาทันที หากคุณส่ง หลุยส์ ซา
ฮา ลงไปเพิ่มในแผงหน้า มันก็อันตรายเช่นกัน ผมคิดว่าเรามีบางอย่างที่สุด
พิเศษจริงๆ หากเราสามารถรักษาสภาพความฟิตของนักเตะทุกคนเอาไว้
ได้ เมื่อนั้นเราก็จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากทีมอื่นๆ"
เมื่อพูดถึงต้นสังกัดของตัวเองไปแล้ว เด็กลูกหม้อ เวสต์แฮม ยูไน
เต็ด ก็อดไม่ได้ที่จะหยอดความเห็นถึงทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไม่แน่ว่าจะได้
ไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" ที่ประเทศ
ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ เพราะเคยหลุดออกจากทีม "สิงโตคำราม"
ของ เควิน คีแกน ชุดทำศึก "ยูโร 2000" ที่ประเทศฮอลแลนด์ และ
เบลเยียม ยิ่งไปกว่านั้นในอีก 4 ปีต่อมา ดาวเตะวัย 28 กะรัต ยังพลาดร่วม
ทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" ลงเล่นศึก "ยูโร 2004" ที่ประเทศโปรตุเกส อีกต่าง
หาก หลังจากลืมตรวจหาสารกระตุ้น อันเป็นผลทำให้ถูกลงโทษแบนถึง 8
เดือนด้วยกัน
"ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุด
ท้าย หากฟ้าไม่เป็นใจ ซึ่งทำให้เราไม่ได้ไปเล่น มันคงจะเป็นหายนะ และก็
เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างสุดๆ สำหรับเรา, แฟนบอล และคนทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตามเราได้เล่นในบ้านตัวเองถึง 3 นัดด้วยกัน จาก 4 เกมที่เหลือ
อยู่ ฉะนั้นเราไม่อาจจะเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว เรามีโอกาสอันดี
รออยู่ตรงหน้าของเราแล้ว"
หาก ทีมชาติอังกฤษ ลอยลำเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ความหวังของ
ริโอ ก็คงจะเป็นจริงซักทีกับการลงเล่นฟุตบอลชิงเจ้ายุโรปเป็นครั้งแรก แต่
ก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีจนกระทั่งจบฤดูกาล อย่าดวงแตกได้รับบาด
เจ็บขึ้นมาแล้วกัน...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
ผมขออยู่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปจนวันตาย ผลงานในฤดูกาล
นี้ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แชมป์พรีเมียร์ลีก 9 สมัย ออกจะดูฝืดๆ นิด
หน่อยในสายตาของเหล่าสาวก "เร้ด เดวิลส์" โดยในเกมลีก 7 นัดแรกของ
ฤดูกาล พวกเขาชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 ยิงได้ 7 และเสีย 2 ประตู ซึ่งผิดวิสัย
ทีมที่ขึ้นชื่อว่า เล่นเกมรุกได้ดุดันที่สุดในสหราชอาณาจักร
เม็ดเงินกว่า 50 ล้านปอนด์ แปรเปลี่ยนเป็น 4 นักเตะฝีเท้าดี
ของยุคอย่าง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, นานี่, อันแดร์สัน และ คาร์ลอส เตเวซ ที่
เก็บกระเป๋าเข้ามาอยู่ภายใต้ชายคา โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในแบบสัญญายืม
ตัว 2 ปี พร้อมกับมีออปชั่นซื้อขาดจาก เคีย ชูเรียเชียน มหาเศรษฐีชาว
อิหร่าน อีก 20 ล้านปอนด์
มองดูรายชื่อนักเตะข้างต้นนี้ หลายคนอาจส่งเสียงซี้ดซ้าดตามไร
ฟัน พลางคิดในใจว่า ฤดูกาลนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตีตราจองแชมป์พรีเมีย
ร์ลีก ตั้งแต่หัววันแน่ แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด เพราะแค่ 3 นัดแรกของ
ฤดูกาล "ปีศาจแดง" เก็บคะแนนได้เพียง 2 แต้มเท่านั้น ไล่ตั้งแต่ เสมอ
เร้ดดิ้ง 0-0, เสมอ พอร์ทสมัธ 1-1 และ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-1
ก่อนจะมาฟื้นคืนชีพด้วยการเอาชนะมา 5 นัดรวด โดยแบ่งแยก
เป็นสกอร์ 1-0 ถึง 4 นัด (ท็อตแน่ม ฮ็อทสปอร์, ซันเดอร์แลนด์, เอฟเวอร์
ตัน และ เบอร์มิงแฮม ซิตี้) และ สกอร์ 2-0 เพียงนัดเดียว คือนัดที่ชนะเชล
ซี ในยุคที่ไร้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุมบังเหียน
แต่กระนั้นในสายตาของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังค่าตัว
แพงที่สุดของโลก มองว่าสกอร์จุ๋มจิ๋มที่ชนะคู่ต่อสู้นัดละเม็ด ถือว่ายอด
เยี่ยมแล้ว "หากเราชนะทุกเกมจนกระทั่งจบฤดูกาลด้วยสกอร์ 1-0 เมื่อนั้น
ผมก็คงจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามมันคงจะดีกว่า
นี้ หากแฟนบอลลุกออกจากที่นั่งไปพร้อมกับ 2-3 ประตูสวยๆ ของทีม แต่
เราไม่สนใจหรอกว่าจะยิงได้มากน้อยแค่ไหน ตราบใดเราชนะต่อไป
เรื่อยๆ"
"ผมคิดว่า เราสามารถพัฒนาได้ เรายังคงไม่ได้เล่นฟุตบอลที่
ไหลลื่นอย่างอิสระ ช่วงนี้ เรากำลังเล่นแบบนั้น แต่ยังทำได้ไม่สม่ำเสมอ
เหมือนที่เราอยากจะทำให้ได้ตลอดทั้งเกม มันจะค่อย ๆ ไปถึงตรงนั้นเมื่อ
ผ่านไปแต่ละเกม ผมคิดว่า เราได้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ดีมาก ๆ ใน 30
นาทีแรกของเกมกับเชลซี และเราก็แสดงให้เห็นอีกครั้งในการพบกับเบอร์
มิงแฮม หากเราสามารถพัฒนาฟอร์มการเล่นของเราในช่วงเวลานี้ รวมทั้ง
ไม่เสียประตูให้กับคู่แข่ง เราจะทำผลงานได้ดีกว่านี้แน่"
มันคงจะจริงอย่างที่ กองหลังปากเป็ด ว่าไว้ เพราะหาก แมนฯ ยู
ไนเต็ด ชนะ 1-0 ไปจนจบฤดูกาล แฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" คงมีความสุข
เป็นแน่แท้ เพราะนั่นหมายความว่า จะย้อนรอยคว้าทริปเปิ้ลแชมป์เชียวนะ
(พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก)
ถ้าพูดถึงเรื่องฟอร์มการเล่นของ อดีตกองหลัง ลิดส์ ยูไนเต็ด ใน
ฤดูกาลนี้ คงได้รับเสียงชื่นชมอย่างหนาหูแน่นอน เพราะเจ้าตัวผนึกกำลัง
ร่วมกับ "นักฆ่าแห่งเซอร์เบีย" เนมานย่า วิดิช เสมือนกินแค็ปหมูจิ้ม
น้ำพริกหนุ่มยังไงยังงั้นเลย
เพราะ วิดิช จะคอยเป็นตัวชนเบอร์แรก ก่อนที่ เฟอร์ดินานด์ จะ
เป็นตัวซ้อน ซึ่งฟอร์มการเล่นดังกล่าวแม้แต่ สตีฟ บรูซ กุนซือ เบอร์มิ
งแฮม ยังอดชื่นชมไม่ได้เลย "เกมรับของ ยูไนเต็ด แข็งแกร่งยังกับภูผา
เฟอร์ดินานด์ กับ วิดิช จับคู่เล่นกันได้ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่มันคงไม่เหมาะ
สมถ้าผมจะเอาพวกเขามาเปรียบเทียบผมกับ พัลลี่ (แกรี่ พัลลิสเตอร์) เอา
เป็นว่าให้คนอื่นเป็นคนตัดสินก็แล้วกัน แต่คุณดูก็รู้ว่า พวกเขาเป็นนักเตะที่
สุดยอดจริงๆ"
"วิดิช โดดเด่นมากเวลาอยู่ในกรอบเขตโทษของคู่แข่ง ลูกโขก
ประตูชัยเกมกับ เอฟเวอร์ตัน เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ช่วยพิสูจน์ได้เป็นอย่าง
ดี ความต้องการอยากจะพุ่งโขกลูกบอลของเขามันน่าเหลือเชื่อ ผมจะเซ็ง
มากหากผมยิงได้ไม่ถึง 8 ลูกใน 1 ฤดูกาล"
ในเกมลีกนัดล่าสุดที่เซิ้งแข้งกับ "ตราลูกโลก" เฟอร์ดินานด์
ยอมรับโดยดุษฎีว่า เป็นเกมที่หนักที่สุดในฤดูกาล เพราะกว่าจะเอาชนะได้
ก็เล่นหืดขึ้นคอไปตามๆ กัน "นั่นเป็นหนึ่งในเกมที่หนักที่สุดของเราในฤดู
กาลนี้ แน่นอนว่าเป็นทางร่างกาย เรารู้ดีว่ามันจะเป็นเกมที่ยาก ผมเคยลง
เล่น 2-3 เกมในสนามแห่งนี้ และพวกเขาก็เป็นคู่แข่งน่ากลัวอยู่เสมอ ผม
ดู เบอร์มิงแฮม เล่นหลายนัดผ่านทางจอทีวี และพวกเขาก็เป็นทีมที่ทำงาน
หนักกันทั้งทีม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเพิ่มความแข็งแกร่งในสิ่งที่พวกเขามี
อยู่ และพวกเขาถือว่าแข็งแกร่งมากพอที่จะได้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไป"
"ผมลงสนามโดยรู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นเกมที่ยาก บางครั้งคุณลง
สนาม และคิดว่า ใจน่ะสู้ แต่ร่างกายนี่ซิ มันไม่ไหวจริง อย่างไรก็ตาม พวก
เขาทดสอบเราทุกตำแหน่ง ผมคิดว่าพวกเขาเล่นเกมรับกันได้ดี แต่ในครึ่ง
หลังเรากดดันพวกเขามากขึ้น จบคุมเกมได้เกือบทั้งหมด แต่ในครึ่งแรก
พวกเขาทำให้เราต้องตกอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างหนัก แถมสร้างโอกาส
สวยๆ ได้อีกต่างหาก แต่ยังดีที่พวกเขาไม่สามารถทำประตูกันได้"
หากเลือกได้ ดาวเตะวัย 28 กะรัต ก็ขออยู่กับ "ปีศาจแดง" ไป
จนวันตาย เพราะไม่อยากย้ายไปอยู่กับทีมอื่นที่ต้องการเผชิญหน้ากับนัก
เตะอันตรายอย่าง เตเวซ หรือ เวย์น รูนี่ย์ "ผมจะไม่ยอมย้ายออกไปจาก
สโมสรแห่งนี้เพื่อไปอยู่กับสโมสรแห่งอื่นและลงเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้ง
สองหรอกนะ ผมดวลกับพวกเขามากพอแล้วในระหว่างฝึกซ้อม คาร์ลอส
แข็งแกร่งขึ้นในแต่ละเกม เขาและ รูนี่ย์ มีส่วนที่คล้ายกันตรงที่พวกเขาไม่
กลัวการเข้าบอลหนัก"
"แถมยังทำงานอย่างหนักเพื่อทีมต่างหาก คาร์ลอส ชอบเชื่อม
เกมระหว่างกองกลาง และกองหลัง ถ้าเขาทำแบบนั้น และผ่านยบอลไปให้
กับ เวย์น ได้สำเร็จ ทั้งคู่ก็จะคายพิษสงออกมาทันที หากคุณส่ง หลุยส์ ซา
ฮา ลงไปเพิ่มในแผงหน้า มันก็อันตรายเช่นกัน ผมคิดว่าเรามีบางอย่างที่สุด
พิเศษจริงๆ หากเราสามารถรักษาสภาพความฟิตของนักเตะทุกคนเอาไว้
ได้ เมื่อนั้นเราก็จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างจากทีมอื่นๆ"
เมื่อพูดถึงต้นสังกัดของตัวเองไปแล้ว เด็กลูกหม้อ เวสต์แฮม ยูไน
เต็ด ก็อดไม่ได้ที่จะหยอดความเห็นถึงทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไม่แน่ว่าจะได้
ไปโชว์ฝีเท้าในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" ที่ประเทศ
ออสเตรีย และสวิตเซอร์แลนด์ เพราะเคยหลุดออกจากทีม "สิงโตคำราม"
ของ เควิน คีแกน ชุดทำศึก "ยูโร 2000" ที่ประเทศฮอลแลนด์ และ
เบลเยียม ยิ่งไปกว่านั้นในอีก 4 ปีต่อมา ดาวเตะวัย 28 กะรัต ยังพลาดร่วม
ทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" ลงเล่นศึก "ยูโร 2004" ที่ประเทศโปรตุเกส อีกต่าง
หาก หลังจากลืมตรวจหาสารกระตุ้น อันเป็นผลทำให้ถูกลงโทษแบนถึง 8
เดือนด้วยกัน
"ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นรอบสุด
ท้าย หากฟ้าไม่เป็นใจ ซึ่งทำให้เราไม่ได้ไปเล่น มันคงจะเป็นหายนะ และก็
เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังอย่างสุดๆ สำหรับเรา, แฟนบอล และคนทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตามเราได้เล่นในบ้านตัวเองถึง 3 นัดด้วยกัน จาก 4 เกมที่เหลือ
อยู่ ฉะนั้นเราไม่อาจจะเรียกร้องอะไรได้มากกว่านี้อีกแล้ว เรามีโอกาสอันดี
รออยู่ตรงหน้าของเราแล้ว"
หาก ทีมชาติอังกฤษ ลอยลำเข้าไปเล่นรอบสุดท้าย ความหวังของ
ริโอ ก็คงจะเป็นจริงซักทีกับการลงเล่นฟุตบอลชิงเจ้ายุโรปเป็นครั้งแรก แต่
ก็ต้องรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีจนกระทั่งจบฤดูกาล อย่าดวงแตกได้รับบาด
เจ็บขึ้นมาแล้วกัน...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 379
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 9
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - วีแกน 0
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ชมในสนาม 75,300 คน
ผู้ทําประตู : เตเบซ นาที 53,โรนัลโด้ นาที 58,76 ,รูนี่ย์ นาที 81
ผู้ตัดสิน ไมค์ ไรลี่ย์
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=995
ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อน
รับการมาเยือน วีแกน ซึ่งไม่ชนะติดต่อกันมา 6 นัดรวดทุกรายการ โดย
เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเจ้าถิ่นจัดทัพให้ เวย์น รูนี่ย์ ยืนเป็นคู่
หัวหอกกับ คาร์ลอส เตเวซ ส่วนแดนกลางยังคงมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ
พอล สโคลส์ เป็นตัวหลัก ส่วนทีมเยือนมี มาร์คัส เบนท์ เป็นกองหน้าตัว
จริง
เปิดฉากขึ้นมา แมนฯยูไนเต็ด พยายามโหมบุกหนัก แต่ทีมเยือน
มีลุ้นก่อนในนาทีที่ 10 จากลูกยิงระยะ 25 หลาของ เจสัน คูมาส
อีก 6 นาทีต่อมา เวย์น รูนี่ย์ ได้บอลจากกลางสนามก่อนยิงด้วย
เท้าขวาตรงกรอบเขตโทษด้านซ้ายทว่าถูก เอ็มเมอร์สัน บอยซ์ เคลียร์ทิ้ง
ไปได้อย่างหวุดหวิด
นาที 21 เฟอร์กูสัน ต้องส่ง อันแดร์สัน ลงมาแทน เนมานย่า วี
ดิช ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บระหว่างเกม
มาถึงนาที 29 ไรอัน กิ๊กส์ โยนบอลมาหน้าประตูให้ โรนัลโด้
โหม่งโล่งๆหน้าประตู แต่ไม่ตรงกรอบก่อนที่ เฟอร์กี้จะส่ง แดนนี่ ซิมป์สัน
ลงมาแทน จอห์น โอเชีย
จากนั้นอีก 3 นาที วีแกนมีโอกาสเสียวบ้าง จากลูกที่ โยซิป
ซโกโก้ ได้ยิงไกลเต็มเท้าระยะ 30 หลาบริเวณ กรอบเขตโทษด้านขวาบอล
พุ่งแรงแต่ โทมัส คุสแช็ค ยังเซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
ในนาที 34 กิ๊กส์ ปีกชาวเวลส์ วอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายฝั่งซ้ายเขต
โทษแบบเน้นๆทว่ายังไม่ผ่านมือ คริส เคิร์กแลนด์ เกมยังคงเป็นเจ้าบ้านที่
ครองบอลและบุกได้มากกว่า นาที 38 โรนัลโด้ ลองสับไกจากกราบซ้าย
ก่อนโดน เคิร์กแลนด์ปัดทิ้งไป
ในช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 45 ทีมผีแดงพลาดโอกาสได้ประตูอีก
ครั้ง เมื่อ เคราร์ด ปิเก้ จ่ายบอลแทงทะลุช่องไปด้านซ้ายเขตโทษให้ เต
เวซ ล็อคบอลหลบแผงหลังวีแกนก่อนยิงเน้นๆบอลโด่งข้ามคานอย่างเหลือ
เชื่อ จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0
กลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลัง นาทีที่ 52 กิ๊กส์ ได้บอลจากการ
สกัดของแนวรับทีมเยือนก่อนซัดระยะเผาขนเหินข้ามคานไปแบบเหลือ
เชื่อ โดยมี คุสแช็ค กระโดดปัดตามแล้วแต่ก็ไม่ถึง
แต่อีก 2 นาทีถัดมา แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮกันลั่น จากจังหวะที่
อันแดร์สัน จ่ายบอลจากกลางสนามไปทางขวาให้ เตเวซ กระชากบอลหนี
คริส เคิร์กแลนด์ ที่ออกมาตัดบอลพลาดก่อนหลอก เควิน คิลบาน เข้าไปยิง
อย่างเหนือชั้นส่งบอลตุงตาข่าย แมนฯยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0
นาที 57 วีแกนเกือนได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เจสัน คูมาส ลากบอล
เข้าไปในกรอบโทษก่อนหลบ พอล สโคลส์ ไปได้แล้วยิงที่เสาแรกลูกเฉียด
เสาออกไปนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูฯ สกอร์ไหลไปเป็น 2-0
จากลูกเตะมุม กิ๊กส์ กึ่งยิงกึ่งเปิดหน้า เคิร์กแลนด์ ปัดมาเข้าทาง โรนัลโด้
ที่ยืนโล่งโหม่งย้อนเสียบใต้คานเข้าไป
นาทีที่ 66 ทีมเยือนแก้เกมด้วยการส่ง อันโตนิโอ บาเลนเซีย ลง
มาแทนที่ ซาโลมอน โอเลมเบ้ และแค่ไม่ถึงนาที บาเลนเซีย จับบอลจังหว
ะแรกก่อนล็อคหลบแผงหลังเข้าไปยิงเต็มข้อแต่ คุสแช็ค ล้มตัวเซฟปัดลูก
ออกหลังไป
เกมเล่นมาถึงนาทีที่ 77 ปิเก้ จ่ายบอลจากกลางสนามไปทาง
ซ้ายให้ รูนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กระชากด้วยสปีดที่เร็วขึ้นมาถึงกรอบ
เขตโทษก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรนัลโด้ วิ่งมาแปเข้าประตูไปอย่างสุดยอด
ทีมผีแดงนำห่างเป็น 3-0
นาที 81 คาร์ลอส เตเวซ ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้วเป็น หลุยส์ นา
นี่ ที่ลงสนามมาแทน ถัดมานาทีเดียว แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูที่สี่ เมื่อ
แดนนี่ ซิมป์สัน โยนบอลจากกราบขวามาหน้าประตูให้ รูนี่ย์ เทกตัวโขกเต็ว
หัวผ่าน เคิร์กแลนด์ เข้าไปตุงตาข่าย เจ้าบ้านทิ้งห่างถึง 4-0
ช่วงท้ายเกม ขุนพลเร้ด เดวิลส์ ยังคงครองเกมบุกหนักต่อเนื่อง
แต่ไม่ได้ประตูเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯยูไนเต็ด ถล่ม วีแกน 4-0
พร้อมกับแซง อาร์เซน่อล ขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราว
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯยูไนเต็ด : โทมัส คุสแช็ค, เคราร์ด ปิเก้,ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมาน
ย่า วีดิช, ปาทริซ เอวร่า,คริสเตียโน่ โรนัลโด้,จอห์น โอเชีย, พอล สโคลส์,
ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์, มาร์โอ เมลคิอ็อตต์, เอ็มเมอสัน บอยซ์, ไตตัส
บรัมเบิ้ล,เควิน คิลบาน,พอล ชาร์เนอร์,ไมเคิ่ล บราวน์,โยซิป ซโกโก้,เจสัน
คูมาส,ซาโลมอน โอเลมเบ้,มาร์คัส เบนท์
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
นัดนี้นัดเดียวเราเสียกําลังพลไป 2 คน ดีนะว่านัดต่อไปเราเล่นอีกทีก็วันที่
20 เลยจะไปเยือนแอสตัน วิลล่า และได้ข่าวว่าเนวิลล์หายเจ็บแล้วภาวนาว่า
ถึงเวลาลงเตะคงเล่นได้กันครบนะครับ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4 - วีแกน 0
สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด
ผู้ชมในสนาม 75,300 คน
ผู้ทําประตู : เตเบซ นาที 53,โรนัลโด้ นาที 58,76 ,รูนี่ย์ นาที 81
ผู้ตัดสิน ไมค์ ไรลี่ย์
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=995
ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อน
รับการมาเยือน วีแกน ซึ่งไม่ชนะติดต่อกันมา 6 นัดรวดทุกรายการ โดย
เกมนี้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือเจ้าถิ่นจัดทัพให้ เวย์น รูนี่ย์ ยืนเป็นคู่
หัวหอกกับ คาร์ลอส เตเวซ ส่วนแดนกลางยังคงมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ
พอล สโคลส์ เป็นตัวหลัก ส่วนทีมเยือนมี มาร์คัส เบนท์ เป็นกองหน้าตัว
จริง
เปิดฉากขึ้นมา แมนฯยูไนเต็ด พยายามโหมบุกหนัก แต่ทีมเยือน
มีลุ้นก่อนในนาทีที่ 10 จากลูกยิงระยะ 25 หลาของ เจสัน คูมาส
อีก 6 นาทีต่อมา เวย์น รูนี่ย์ ได้บอลจากกลางสนามก่อนยิงด้วย
เท้าขวาตรงกรอบเขตโทษด้านซ้ายทว่าถูก เอ็มเมอร์สัน บอยซ์ เคลียร์ทิ้ง
ไปได้อย่างหวุดหวิด
นาที 21 เฟอร์กูสัน ต้องส่ง อันแดร์สัน ลงมาแทน เนมานย่า วี
ดิช ซึ่งมีปัญหาบาดเจ็บระหว่างเกม
มาถึงนาที 29 ไรอัน กิ๊กส์ โยนบอลมาหน้าประตูให้ โรนัลโด้
โหม่งโล่งๆหน้าประตู แต่ไม่ตรงกรอบก่อนที่ เฟอร์กี้จะส่ง แดนนี่ ซิมป์สัน
ลงมาแทน จอห์น โอเชีย
จากนั้นอีก 3 นาที วีแกนมีโอกาสเสียวบ้าง จากลูกที่ โยซิป
ซโกโก้ ได้ยิงไกลเต็มเท้าระยะ 30 หลาบริเวณ กรอบเขตโทษด้านขวาบอล
พุ่งแรงแต่ โทมัส คุสแช็ค ยังเซฟเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
ในนาที 34 กิ๊กส์ ปีกชาวเวลส์ วอลเล่ย์ด้วยเท้าซ้ายฝั่งซ้ายเขต
โทษแบบเน้นๆทว่ายังไม่ผ่านมือ คริส เคิร์กแลนด์ เกมยังคงเป็นเจ้าบ้านที่
ครองบอลและบุกได้มากกว่า นาที 38 โรนัลโด้ ลองสับไกจากกราบซ้าย
ก่อนโดน เคิร์กแลนด์ปัดทิ้งไป
ในช่วงท้ายครึ่งแรกนาที 45 ทีมผีแดงพลาดโอกาสได้ประตูอีก
ครั้ง เมื่อ เคราร์ด ปิเก้ จ่ายบอลแทงทะลุช่องไปด้านซ้ายเขตโทษให้ เต
เวซ ล็อคบอลหลบแผงหลังวีแกนก่อนยิงเน้นๆบอลโด่งข้ามคานอย่างเหลือ
เชื่อ จบครึ่งแรกสกอร์ยัง 0-0
กลับมาเล่นกันใหม่ในครึ่งหลัง นาทีที่ 52 กิ๊กส์ ได้บอลจากการ
สกัดของแนวรับทีมเยือนก่อนซัดระยะเผาขนเหินข้ามคานไปแบบเหลือ
เชื่อ โดยมี คุสแช็ค กระโดดปัดตามแล้วแต่ก็ไม่ถึง
แต่อีก 2 นาทีถัดมา แฟนบอลเจ้าถิ่นได้เฮกันลั่น จากจังหวะที่
อันแดร์สัน จ่ายบอลจากกลางสนามไปทางขวาให้ เตเวซ กระชากบอลหนี
คริส เคิร์กแลนด์ ที่ออกมาตัดบอลพลาดก่อนหลอก เควิน คิลบาน เข้าไปยิง
อย่างเหนือชั้นส่งบอลตุงตาข่าย แมนฯยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0
นาที 57 วีแกนเกือนได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เจสัน คูมาส ลากบอล
เข้าไปในกรอบโทษก่อนหลบ พอล สโคลส์ ไปได้แล้วยิงที่เสาแรกลูกเฉียด
เสาออกไปนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูฯ สกอร์ไหลไปเป็น 2-0
จากลูกเตะมุม กิ๊กส์ กึ่งยิงกึ่งเปิดหน้า เคิร์กแลนด์ ปัดมาเข้าทาง โรนัลโด้
ที่ยืนโล่งโหม่งย้อนเสียบใต้คานเข้าไป
นาทีที่ 66 ทีมเยือนแก้เกมด้วยการส่ง อันโตนิโอ บาเลนเซีย ลง
มาแทนที่ ซาโลมอน โอเลมเบ้ และแค่ไม่ถึงนาที บาเลนเซีย จับบอลจังหว
ะแรกก่อนล็อคหลบแผงหลังเข้าไปยิงเต็มข้อแต่ คุสแช็ค ล้มตัวเซฟปัดลูก
ออกหลังไป
เกมเล่นมาถึงนาทีที่ 77 ปิเก้ จ่ายบอลจากกลางสนามไปทาง
ซ้ายให้ รูนี่ย์ กองหน้าทีมชาติอังกฤษ กระชากด้วยสปีดที่เร็วขึ้นมาถึงกรอบ
เขตโทษก่อนเปิดเข้ากลางให้ โรนัลโด้ วิ่งมาแปเข้าประตูไปอย่างสุดยอด
ทีมผีแดงนำห่างเป็น 3-0
นาที 81 คาร์ลอส เตเวซ ถูกเปลี่ยนตัวออกไปแล้วเป็น หลุยส์ นา
นี่ ที่ลงสนามมาแทน ถัดมานาทีเดียว แมนฯยูไนเต็ดมาได้ประตูที่สี่ เมื่อ
แดนนี่ ซิมป์สัน โยนบอลจากกราบขวามาหน้าประตูให้ รูนี่ย์ เทกตัวโขกเต็ว
หัวผ่าน เคิร์กแลนด์ เข้าไปตุงตาข่าย เจ้าบ้านทิ้งห่างถึง 4-0
ช่วงท้ายเกม ขุนพลเร้ด เดวิลส์ ยังคงครองเกมบุกหนักต่อเนื่อง
แต่ไม่ได้ประตูเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน แมนฯยูไนเต็ด ถล่ม วีแกน 4-0
พร้อมกับแซง อาร์เซน่อล ขึ้นเป็นจ่าฝูงชั่วคราว
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนฯยูไนเต็ด : โทมัส คุสแช็ค, เคราร์ด ปิเก้,ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมาน
ย่า วีดิช, ปาทริซ เอวร่า,คริสเตียโน่ โรนัลโด้,จอห์น โอเชีย, พอล สโคลส์,
ไรอัน กิ๊กส์, เวย์น รูนี่ย์, คาร์ลอส เตเวซ
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์, มาร์โอ เมลคิอ็อตต์, เอ็มเมอสัน บอยซ์, ไตตัส
บรัมเบิ้ล,เควิน คิลบาน,พอล ชาร์เนอร์,ไมเคิ่ล บราวน์,โยซิป ซโกโก้,เจสัน
คูมาส,ซาโลมอน โอเลมเบ้,มาร์คัส เบนท์
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
นัดนี้นัดเดียวเราเสียกําลังพลไป 2 คน ดีนะว่านัดต่อไปเราเล่นอีกทีก็วันที่
20 เลยจะไปเยือนแอสตัน วิลล่า และได้ข่าวว่าเนวิลล์หายเจ็บแล้วภาวนาว่า
ถึงเวลาลงเตะคงเล่นได้กันครบนะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 380
[quote="numyak"]
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์, มาร์โอ เมลคิอ็อตต์, เอ็มเมอสัน บอยซ์, ไตตัส
บรัมเบิ้ล,เควิน คิลบาน,พอล ชาร์เนอร์,ไมเคิ่ล บราวน์,โยซิป ซโกโก้,เจสัน
คูมาส,ซาโลมอน โอเลมเบ้,มาร์คัส เบนท์
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
/quote]
ผมว่า ผู้เล่นวีแกนก็ไม่ใช่ไม่เก่งนะครับ
แต่ละคนแต่ก่อนก็ดังนะครับ
มาร์คัส เบนท์ เนี่ย แต่ก่อนผมก็เชียร์ตอนอยู่ blackburn
เอาเป็นว่า นัดนี้ยินดีกับผีแดงด้วยนะครับ
ขอให้รักษา form ไว้ดีๆนะครับ
(แต่ใน star soccer ฉบับเมื่อวานเขียนซะเวอร์ เหมือนนำห่าง 100 - 0 เลยอ่ะ พูดถึงเกือบทุกหน้า ยิ่งลิเวอร์พูลเสมอแบบหืดจับด้วยเนี่ย..)
วีแกน : คริส เคิร์กแลนด์, มาร์โอ เมลคิอ็อตต์, เอ็มเมอสัน บอยซ์, ไตตัส
บรัมเบิ้ล,เควิน คิลบาน,พอล ชาร์เนอร์,ไมเคิ่ล บราวน์,โยซิป ซโกโก้,เจสัน
คูมาส,ซาโลมอน โอเลมเบ้,มาร์คัส เบนท์
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
/quote]
ผมว่า ผู้เล่นวีแกนก็ไม่ใช่ไม่เก่งนะครับ
แต่ละคนแต่ก่อนก็ดังนะครับ
มาร์คัส เบนท์ เนี่ย แต่ก่อนผมก็เชียร์ตอนอยู่ blackburn
เอาเป็นว่า นัดนี้ยินดีกับผีแดงด้วยนะครับ
ขอให้รักษา form ไว้ดีๆนะครับ
(แต่ใน star soccer ฉบับเมื่อวานเขียนซะเวอร์ เหมือนนำห่าง 100 - 0 เลยอ่ะ พูดถึงเกือบทุกหน้า ยิ่งลิเวอร์พูลเสมอแบบหืดจับด้วยเนี่ย..)
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 381
เจาะข่าวฮอต : อันแดร์สัน
ให้เวลาอันแดร์สัน ในบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คว้าเข้ามาร่วมทัพในฤูกาลนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ อันแดร์สัน หรือ อันแด
ร์สัน หลุยส์ เด อาบรู โอลิเวร่า เพียงคนเดียว เท่านั้น ที่มีปัญหากับการปรับตัว
ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของ "ปีศาจแดง" อยู่พอสมควร ไม่เหมือนกับผู้เล่น
รายอื่นที่ย้ายเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่าง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ นานี่ และ คา
ร์ลอส เตเวซ ที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเล่นร่วมกับเพื่อนใหม่ได้อย่าง
เนียนตา
หลังจากได้ลงประเดิมสนามเป็นตัวจริงใน ศึก พรีเมียร์ลีก เป็นครั้ง
แรกในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ และโชว์ฟอร์มได้ไม่เข้าตานักจนถูก เซอร์ อเล็ก
ซ์ เฟอร์กูสัน ถอดออกจาก สนามในครึ่งหลัง แฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" หลาย
คนคงจะอดคิดไม่ได้ว่า ฤางานนี้ทีมรักของตัวเองจะถูก ปอร์โต้ ย้อมแมวขาย
ซะแล้ว เพราะสิ่งที่ อันแดร์สัน แสดงให้เห็นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดนั้น มันไม่
สมฉายา "นิว โรนัลดินโญ่" เอาเลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงเชื่อว่า อันแดร์สัน จะไม่ล้มเหลว
เหมือนกับ ซูเปอร์สตาร์รุ่นพี่ อย่าง คเลแบร์สัน ซึ่งเป็น ผู้เล่นชาวบราซิเลียน
ที่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนแรกเมื่อปี 2003 อย่างแน่นอน โดยชี้
ว่า สาเหตุที่ "แอนดี้" โชว์ฟอร์มไม่ออกในเกมเชือด ซันเดอร์แลนด์ นั้น เป็น
เพราะเขามีปัญหากับความเร็วของเกม และยังขาดความเข้าใจกับอีก 3 ผู้เล่น
ในแนวรุกอย่าง นานี่ คริส อีเกิ้ลส์ และ คาร์ลอส เตเวซ
ขณะที่ ริวัลโด้ อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ
เออีเค เอเธนส์ ในประเทศกรีซนั้น ก็เชื่อว่า อันแดร์สัน มีพรสวรรค์อันเลอ
เลิศ และมีศักยภาพมากพอที่ จะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
เพียงแต่ทุกฝ่ายต้องให้เวลา และกำลังใจแก่ อดีตดาวเตะเกรมิโอ รวมถึงเปิด
โอกาสให้ เจ้าตัว ได้พัฒนาฝีเท้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สิ่งที่ "เฟอร์กี้" และ ริวัลโด้ พูดเอาไว้เริ่มส่อเค้าให้เห็นว่า น่าจะเป็น
ความจริง เมื่อ เนมันย่า วิดิช ปราการหลังชาวเซิร์บ ถูกอุบัติเหตุลูกหนังเล่น
งานจนเล่นต่อไปไม่ไหวในเกม ถลุง วีแกน แอธเลติก 4-0 ทำให้ อันแดร์สัน มี
โอกาสได้ลงไปวาดลวดลายในโรงละครแห่งความฝัน ตั้งแต่ต้นเกมอีกครั้ง ใน
ช่วงแรก ฟอร์มของ ดาวเตะแซมบ้า อาจจะยังดูกระท่อน กระแท่นไปบ้าง แต่
ในครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน
เมื่อ อันแดร์สัน แสดงให้เห็นถึงความปราดเปรียว เทคนิค และการ
ผ่านบอลที่เด็กแถวบ้านเรียกว่า "มีคลาส" ให้เห็นได้โดยตลอดที่สำคัญหมอมี
ส่วนกับ 3 จาก 4 ประตูที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการประเคนให้ วีแกน ในวันนั้น
โดยเฉพาะจังหวะที่แทงบอลให้ เตเวซ ควบไปลากผ่านแนวรับ "เดอะ ลา
ติกส์" ก่อนจะส่งลูกหนังเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ "อสูรแดง" ทะยานขึ้นนำ 1-0
นั้น หากจะเรียกว่าเป็น "คิลเลอร์ พาส" ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
คาร์ลอส เคยรอซ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคนแนะ
นำให้ เซอร์ อเล็กซ์ ไปอุ้ม อันแดร์สัน มาจาก ปอร์โต้ ดูจะเป็นคนหนึ่งที่โล่ง
ใจที่สุด เมื่อเห็น ดาวเตะทีมชาติบราซิล เริ่มเล่นได้เข้าท่าเข้าทางมากขึ้น
พร้อมทั้งยังได้เอ่ยปากออกมาด้วยว่า เล่นแบบนี้ค่อยเหมือนตอนที่อยู่
โปรตุเกสหน่อย
ในส่วนของตัวผมเองมองว่า อันแดร์สัน เป็นนักเตะที่มีพรสววรค์ และ
เป็นสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แสวงหามาตลอด เขาคือเพลย์เมกเกอร์ ซึ่งสามารถ
พลิกเกมได้ด้วยตัวเอง และมีจุดเด่นที่ความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการวาง
บอลแต่ละครั้งนั้น เรียกว่า ได้เสียเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เราคงจะต้องให้เวลา มิดฟิลด์รายนี้ ได้ปรับตัวกับต้น
สังกัดใหม่ และวิถีชีวิตใหม่ ๆ อีกสักหน่อย เนื่องจากเขาเพิ่งฟื้นจากอาการบาด
เจ็บ แถมยังไม่ค่อยมีโอกาส ได้ลงสนามบ่อยนักด้วย
เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหาก อันแดร์สัน มีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์เต็ม
ที่ และได้รับโอกาสจากเจ้านายมากขึ้น สาวก "เร้ด อาร์มี่" ก็คงจะได้เห็นอะไร
ดี ๆ จาก กองกลางพรสวรรค์รายนี้ อีกมากแน่นอน
นอกจากนี้ ความฝันของ "เฟอร์กี้" ที่อยากจะเห็น ดาวเตะหมายเลข 8
ของเขาก้าวขึ้นไปเป็นหัวใจในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทนที่ พอล
สโคลส์ ซึ่งกำลังโรยราลงทุกวัน ก็คงจะไม่เป็นแค่ฝันกลางวันเช่นเดียวกัน
..............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
ให้เวลาอันแดร์สัน ในบรรดาผู้เล่นหน้าใหม่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
คว้าเข้ามาร่วมทัพในฤูกาลนี้ ดูเหมือนจะมีเพียงแค่ อันแดร์สัน หรือ อันแด
ร์สัน หลุยส์ เด อาบรู โอลิเวร่า เพียงคนเดียว เท่านั้น ที่มีปัญหากับการปรับตัว
ให้เข้ากับสไตล์การเล่นของ "ปีศาจแดง" อยู่พอสมควร ไม่เหมือนกับผู้เล่น
รายอื่นที่ย้ายเข้ามาในเวลาไล่เลี่ยกันอย่าง โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ นานี่ และ คา
ร์ลอส เตเวซ ที่ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเล่นร่วมกับเพื่อนใหม่ได้อย่าง
เนียนตา
หลังจากได้ลงประเดิมสนามเป็นตัวจริงใน ศึก พรีเมียร์ลีก เป็นครั้ง
แรกในเกมกับ ซันเดอร์แลนด์ และโชว์ฟอร์มได้ไม่เข้าตานักจนถูก เซอร์ อเล็ก
ซ์ เฟอร์กูสัน ถอดออกจาก สนามในครึ่งหลัง แฟนบอล "เร้ด เดวิลส์" หลาย
คนคงจะอดคิดไม่ได้ว่า ฤางานนี้ทีมรักของตัวเองจะถูก ปอร์โต้ ย้อมแมวขาย
ซะแล้ว เพราะสิ่งที่ อันแดร์สัน แสดงให้เห็นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดนั้น มันไม่
สมฉายา "นิว โรนัลดินโญ่" เอาเลยจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงเชื่อว่า อันแดร์สัน จะไม่ล้มเหลว
เหมือนกับ ซูเปอร์สตาร์รุ่นพี่ อย่าง คเลแบร์สัน ซึ่งเป็น ผู้เล่นชาวบราซิเลียน
ที่ย้ายมาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นคนแรกเมื่อปี 2003 อย่างแน่นอน โดยชี้
ว่า สาเหตุที่ "แอนดี้" โชว์ฟอร์มไม่ออกในเกมเชือด ซันเดอร์แลนด์ นั้น เป็น
เพราะเขามีปัญหากับความเร็วของเกม และยังขาดความเข้าใจกับอีก 3 ผู้เล่น
ในแนวรุกอย่าง นานี่ คริส อีเกิ้ลส์ และ คาร์ลอส เตเวซ
ขณะที่ ริวัลโด้ อดีตดาวเตะทีมชาติบราซิล ซึ่งปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ
เออีเค เอเธนส์ ในประเทศกรีซนั้น ก็เชื่อว่า อันแดร์สัน มีพรสวรรค์อันเลอ
เลิศ และมีศักยภาพมากพอที่ จะก้าวขึ้นไปเป็นนักเตะผู้ยิ่งใหญ่ได้ในอนาคต
เพียงแต่ทุกฝ่ายต้องให้เวลา และกำลังใจแก่ อดีตดาวเตะเกรมิโอ รวมถึงเปิด
โอกาสให้ เจ้าตัว ได้พัฒนาฝีเท้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
สิ่งที่ "เฟอร์กี้" และ ริวัลโด้ พูดเอาไว้เริ่มส่อเค้าให้เห็นว่า น่าจะเป็น
ความจริง เมื่อ เนมันย่า วิดิช ปราการหลังชาวเซิร์บ ถูกอุบัติเหตุลูกหนังเล่น
งานจนเล่นต่อไปไม่ไหวในเกม ถลุง วีแกน แอธเลติก 4-0 ทำให้ อันแดร์สัน มี
โอกาสได้ลงไปวาดลวดลายในโรงละครแห่งความฝัน ตั้งแต่ต้นเกมอีกครั้ง ใน
ช่วงแรก ฟอร์มของ ดาวเตะแซมบ้า อาจจะยังดูกระท่อน กระแท่นไปบ้าง แต่
ในครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนังคนละม้วน
เมื่อ อันแดร์สัน แสดงให้เห็นถึงความปราดเปรียว เทคนิค และการ
ผ่านบอลที่เด็กแถวบ้านเรียกว่า "มีคลาส" ให้เห็นได้โดยตลอดที่สำคัญหมอมี
ส่วนกับ 3 จาก 4 ประตูที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จัดการประเคนให้ วีแกน ในวันนั้น
โดยเฉพาะจังหวะที่แทงบอลให้ เตเวซ ควบไปลากผ่านแนวรับ "เดอะ ลา
ติกส์" ก่อนจะส่งลูกหนังเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ "อสูรแดง" ทะยานขึ้นนำ 1-0
นั้น หากจะเรียกว่าเป็น "คิลเลอร์ พาส" ก็คงไม่ผิดกติกาแต่อย่างใด
คาร์ลอส เคยรอซ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นคนแนะ
นำให้ เซอร์ อเล็กซ์ ไปอุ้ม อันแดร์สัน มาจาก ปอร์โต้ ดูจะเป็นคนหนึ่งที่โล่ง
ใจที่สุด เมื่อเห็น ดาวเตะทีมชาติบราซิล เริ่มเล่นได้เข้าท่าเข้าทางมากขึ้น
พร้อมทั้งยังได้เอ่ยปากออกมาด้วยว่า เล่นแบบนี้ค่อยเหมือนตอนที่อยู่
โปรตุเกสหน่อย
ในส่วนของตัวผมเองมองว่า อันแดร์สัน เป็นนักเตะที่มีพรสววรค์ และ
เป็นสิ่งที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แสวงหามาตลอด เขาคือเพลย์เมกเกอร์ ซึ่งสามารถ
พลิกเกมได้ด้วยตัวเอง และมีจุดเด่นที่ความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะการวาง
บอลแต่ละครั้งนั้น เรียกว่า ได้เสียเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เราคงจะต้องให้เวลา มิดฟิลด์รายนี้ ได้ปรับตัวกับต้น
สังกัดใหม่ และวิถีชีวิตใหม่ ๆ อีกสักหน่อย เนื่องจากเขาเพิ่งฟื้นจากอาการบาด
เจ็บ แถมยังไม่ค่อยมีโอกาส ได้ลงสนามบ่อยนักด้วย
เชื่อเหลือเกินว่า ถ้าหาก อันแดร์สัน มีสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์เต็ม
ที่ และได้รับโอกาสจากเจ้านายมากขึ้น สาวก "เร้ด อาร์มี่" ก็คงจะได้เห็นอะไร
ดี ๆ จาก กองกลางพรสวรรค์รายนี้ อีกมากแน่นอน
นอกจากนี้ ความฝันของ "เฟอร์กี้" ที่อยากจะเห็น ดาวเตะหมายเลข 8
ของเขาก้าวขึ้นไปเป็นหัวใจในแดนกลางของ แมนฯ ยูไนเต็ด แทนที่ พอล
สโคลส์ ซึ่งกำลังโรยราลงทุกวัน ก็คงจะไม่เป็นแค่ฝันกลางวันเช่นเดียวกัน
..............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 382
เจาะข่าวฮอต : รูนี่ย์
รูนี่ย์ - เอสโตเนีย เจอกันล่ะมันแน่ ทีมชาติอังกฤษ ของ สตีฟ แม็ค
คลาเรน กุนซือรุ่นคุณน้า มีโปรแกรมนัดสำคัญอีก 2 นัดให้ลงเล่นในวันเสาร์
และพุธที่จะถึงนี้ คือในเกมฟุตบอล ชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" รอบ
คัดเลือก กลุ่ม อี ที่พบกับ เอสโตเนีย ที่สนาม นิว เวมบลีย์ และบุกไปเยือน รัส
เซีย ที่สนาม ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม
ความสำคัญของเกมแรก สื่อเมืองผู้ดีไม่ได้ให้ความสำคัญในแง่ของ
ผลการแข่งขันแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อมั่นเต็มที่ว่า "สิงโตคำราม" ขย้ำ สมัน
น้อย เอสโตเนีย ได้แน่ๆ แต่หาก เจาะลึกลงไปแล้ว สื่อเมืองผู้ดีย่อมพุ่งความ
สนใจไปที่ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าร่างตัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นพิเศษ
ภายหลังได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก ผนวกกับติดโทษแบน อัน
เป็นผลทำให้ เอมิล เฮสกี้ กองหน้าสากกะเบือเรียกพี่ ของ วีแกน แอธเลติก
กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง จนหลายฝ่าย ต่างเชียร์ให้ "บรูโน่" จับคู่กับ ไมเคิ่ล โอ
เว่น ดาวยิงนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ลงล่าตาข่ายอย่างถาวรไปเลย
แต่ เฮสกี้ ไปไม่ถึงฝั่งถึงฝันอีกครั้ง เมื่อได้รับบาดเจ็บแบบเดียวกับ รู
นี่ย์ จนเป็นเหตุทำให้หลุดโผ "ทรี ไลออนส์" ชุดล่าสุดไปอย่างน่าเสียดาย
กระนั้นอย่าเสียใจไปเลย เพราะ อังกฤษ ยังมี ดาวเตะวัย 21 กะรัต แห่งถิ่น
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อยู่ทั้งคน
ในวันนี้ รูนี่ย์ ซึ่งยิงประตูไปแล้ว 2 ลูกให้ "ปีศาจแดง" ในฤดูกาลนี้
(เกมพบ โรม่า และ วีแกน) กล่าวถึงความมั่นใจในการกลับมาถล่มตาข่ายในใน
เสื้อสิงโต 3 ตัว อีกครั้งว่า "ตอนที่ ผมลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ เป็นนัด
แรก ผมทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเลยแหละ แต่ในช่วง 2 ปีหลังสุด ผมทำผล
งานได้ไม่ดีอย่างที่ผมเคยทำได้ แน่นอนมันย่อมเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ก่อนที่
เรื่องทุกอย่างจะถูกนำมารวมกัน ผมได้อ่าน และได้ยินเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า
ผมแทบจะยิงประตูไม่ได้เลย ฟอร์มการเล่นในสโมสรของผมก็ถือว่าใช้ได้"
"ผมยิงประตูได้หลายลูก และมันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนที่ผมต้อง
ลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ ผมเล่นไม่ดีอย่างที่ผมเคยเป็น เกมแตกต่างกัน
อย่างสิ้นเชิง มันไม่เคยเกิดขึ้น สำหรับผม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงเป็น
อย่างนั้น ผมพยายามที่จะแก้ไขมันอยู่ ผมต้องทำผลงานให้ดีเพื่อรักษา
ตำแหน่งในทีมของผมเอาไว้ และจะได้เห็นอะไรที่มากกว่านี้จากตัวผม แน่"
"ผมคาดหวังว่าจะเล่นได้ดี ผมรู้ดี หากผมต้องการลงเล่นให้กับบ้าน
เกิดเมืองนอนของผมต่อไป ผมย่อมต้องทำอย่างนั้น โดยเริ่มตั้งแต่เกมในวัน
เสาร์นี้เลย หาก เอมิล กลับมาฟิต สมบูรณ์อีกครั้ง ผู้จัดการทีมคงจะตัดสินใจ
ได้ยากขึ้นว่าจะเลือกใครลงสนาม แต่นั่นก็ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น ที่
จะกลับมาทำผลงานให้ได้ดีอีกครั้งหนึ่ง การหลุดโผทีมชาติไปเป็นระยะ เวลา
นาน และได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ มันรู้สึกเหมือนกับว่า
ผมถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก"
นอกจากนี้การที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาตลอด ทำให้ รูนี่ย์ รู้สึกไม่
ค่อยพอใจเท่าไร เนื่องจากเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูง และไม่
อยากให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวมาก เกินไปนัก "ผมไม่เคยรู้สึกสนุกเลย
จริงๆ กับการตกเป็นเป้าสายตาอยู่ตลอดเวลา ใครต่อใครที่รู้จักผมข้างนอก
สนามจะรู้ดีว่า ผมเกลียดมันเข้าไส้เลยแหละ มันน่าจะเบาๆ งแล้ว ผมเริ่มจะ
อายุ มากขึ้น และรู้สึกว่าผมเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว"
"ผมเป็นคนรักครอบครัว ตอนที่ผมเลิกซ้อม เกือบทุกวันผมจะกลับ
บ้าน และนั่งดูทีวี ผมเป็นคนที่ค่อนข้างน่าเบื่อเลยแหละ ผมมักจะไปหาคุณลุง
คุณป้าของผมอยู่บ่อยๆ มันเป็น กิจวัตรประจำวันของครอบครัวผม ผมเริ่มเล่น
กอล์ฟด้วยเช่นกัน ผมออกรอบมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ผมไม่ใช่นักกอล์ฟที่ดีเลย"
การจับคู่กับ โอเว่น มีหลายคนไม่ค่อยมั่นใจว่าทั้ง 2 คนจะเล่นกันได้
อย่างเข้าขา ซึ่งเรื่องนี้ อดีตดาวยิง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ออกมายืนยันว่า
มั่นใจจะโชว์ฟอร์มคู่กับ รูนี่ย์ ได้ อย่างสุดยอด เพื่อเป็นการปิดปากพวกวิพากษ์
วิจารณ์ในเรื่องนี้ "คนอื่นจะพูดกันว่า เอมิล เฮสกี้ ทำผลงานไว้ดีแค่ไหน และ
น กับ ผม ก็เล่นร่วมกันได้ดีเหมือนกัน ผมจำเกมชนะ อาร์เจนตินา ได้ นั่นเป็น
1 ในไฮไลท์ของการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเลย"
"ที่ศึก ยูโร 2004 เราสลับหน้าที่กัน ผมคอยจ่ายบอลให้เขา ทั้งที่
ปกติเขาคอยป้อนบอลให้ผม หวังว่าเราจะรักษาฟอร์มล่นร่วมกันให้ดีต่อไป ผม
ไม่เห็นเหตุผลที่เราจะทำไม่ได้ ผมไม่ คิดว่าผมขาดหายอะไรไปนับตั้งแต่เจ็บ
มาหลายหน ช่วงหลัง เวย์น ก็เจอปัญหาบาดเจ็บครั้งสองครั้ง แต่เขาก็กำลัง
กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง"
ส่วน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังพันล้านเพื่อนร่วมทัพ "ปีศาจ
แดง" ยอมรับว่ารู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ เด็กเว(ย์)น กลับมาลงล่าตาข่ายให้
กับต้น สังกัด และทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" เพราะจะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน
แดนหน้าเป็นทวีคูณ "เวย์น รูนี่ย์ ที่ฟิต และร้อนแรงคือโบนัสของทุกทีม ซึ่ง
ความจริงที่ว่า เขากลับมาช่วย อังกฤษ ได้อีกครั้งก็ เป็นสุดยอดข่าวดี ผมหวัง
แค่ว่าเขาจะเอาฟอร์มดีๆ ที่ทำได้กับ ยูไนเต็ด ออกมาใช้กับ ทีมชาติอังกฤษ
เพราะเราต้องการเขาจริงๆ ตลอดเกมรอบคัดเลือก 2 นัดหน้า ประตูที่ เวย์น
ทำได้ในเกมกับ โรม่า สุดยอดมาก มันเป็นการจบสกอร์ที่วิเศษ เป็นการยิงเร็ว
ซึ่งหลอกผู้รักษาประตู เขายิงได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่ใช่แค่กับเรา แต่กับ
ทีมชาติด้วย"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
รูนี่ย์ - เอสโตเนีย เจอกันล่ะมันแน่ ทีมชาติอังกฤษ ของ สตีฟ แม็ค
คลาเรน กุนซือรุ่นคุณน้า มีโปรแกรมนัดสำคัญอีก 2 นัดให้ลงเล่นในวันเสาร์
และพุธที่จะถึงนี้ คือในเกมฟุตบอล ชิงแชมป์ แห่งชาติยุโรป "ยูโร 2008" รอบ
คัดเลือก กลุ่ม อี ที่พบกับ เอสโตเนีย ที่สนาม นิว เวมบลีย์ และบุกไปเยือน รัส
เซีย ที่สนาม ลุซนิกี้ สเตเดี้ยม
ความสำคัญของเกมแรก สื่อเมืองผู้ดีไม่ได้ให้ความสำคัญในแง่ของ
ผลการแข่งขันแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อมั่นเต็มที่ว่า "สิงโตคำราม" ขย้ำ สมัน
น้อย เอสโตเนีย ได้แน่ๆ แต่หาก เจาะลึกลงไปแล้ว สื่อเมืองผู้ดีย่อมพุ่งความ
สนใจไปที่ เวย์น รูนี่ย์ กองหน้าร่างตัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นพิเศษ
ภายหลังได้รับบาดเจ็บกระดูกเท้าแตก ผนวกกับติดโทษแบน อัน
เป็นผลทำให้ เอมิล เฮสกี้ กองหน้าสากกะเบือเรียกพี่ ของ วีแกน แอธเลติก
กลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง จนหลายฝ่าย ต่างเชียร์ให้ "บรูโน่" จับคู่กับ ไมเคิ่ล โอ
เว่น ดาวยิงนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ลงล่าตาข่ายอย่างถาวรไปเลย
แต่ เฮสกี้ ไปไม่ถึงฝั่งถึงฝันอีกครั้ง เมื่อได้รับบาดเจ็บแบบเดียวกับ รู
นี่ย์ จนเป็นเหตุทำให้หลุดโผ "ทรี ไลออนส์" ชุดล่าสุดไปอย่างน่าเสียดาย
กระนั้นอย่าเสียใจไปเลย เพราะ อังกฤษ ยังมี ดาวเตะวัย 21 กะรัต แห่งถิ่น
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อยู่ทั้งคน
ในวันนี้ รูนี่ย์ ซึ่งยิงประตูไปแล้ว 2 ลูกให้ "ปีศาจแดง" ในฤดูกาลนี้
(เกมพบ โรม่า และ วีแกน) กล่าวถึงความมั่นใจในการกลับมาถล่มตาข่ายในใน
เสื้อสิงโต 3 ตัว อีกครั้งว่า "ตอนที่ ผมลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ เป็นนัด
แรก ผมทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยมเลยแหละ แต่ในช่วง 2 ปีหลังสุด ผมทำผล
งานได้ไม่ดีอย่างที่ผมเคยทำได้ แน่นอนมันย่อมเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง ก่อนที่
เรื่องทุกอย่างจะถูกนำมารวมกัน ผมได้อ่าน และได้ยินเกี่ยวกับข้อเท็จจริงที่ว่า
ผมแทบจะยิงประตูไม่ได้เลย ฟอร์มการเล่นในสโมสรของผมก็ถือว่าใช้ได้"
"ผมยิงประตูได้หลายลูก และมันก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ตอนที่ผมต้อง
ลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ ผมเล่นไม่ดีอย่างที่ผมเคยเป็น เกมแตกต่างกัน
อย่างสิ้นเชิง มันไม่เคยเกิดขึ้น สำหรับผม ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมมันถึงเป็น
อย่างนั้น ผมพยายามที่จะแก้ไขมันอยู่ ผมต้องทำผลงานให้ดีเพื่อรักษา
ตำแหน่งในทีมของผมเอาไว้ และจะได้เห็นอะไรที่มากกว่านี้จากตัวผม แน่"
"ผมคาดหวังว่าจะเล่นได้ดี ผมรู้ดี หากผมต้องการลงเล่นให้กับบ้าน
เกิดเมืองนอนของผมต่อไป ผมย่อมต้องทำอย่างนั้น โดยเริ่มตั้งแต่เกมในวัน
เสาร์นี้เลย หาก เอมิล กลับมาฟิต สมบูรณ์อีกครั้ง ผู้จัดการทีมคงจะตัดสินใจ
ได้ยากขึ้นว่าจะเลือกใครลงสนาม แต่นั่นก็ทำให้ผมมีความมุ่งมั่นมากยิ่งขึ้น ที่
จะกลับมาทำผลงานให้ได้ดีอีกครั้งหนึ่ง การหลุดโผทีมชาติไปเป็นระยะ เวลา
นาน และได้กลับมาติดทีมชาติอีกครั้งในช่วงสัปดาห์นี้ มันรู้สึกเหมือนกับว่า
ผมถูกเรียกตัวมาติดทีมชาติเป็นครั้งแรก"
นอกจากนี้การที่ต้องตกเป็นเป้าสายตาตลอด ทำให้ รูนี่ย์ รู้สึกไม่
ค่อยพอใจเท่าไร เนื่องจากเขาเป็นคนที่ค่อนข้างจะมีโลกส่วนตัวสูง และไม่
อยากให้ใครมาวุ่นวายกับชีวิตส่วนตัวมาก เกินไปนัก "ผมไม่เคยรู้สึกสนุกเลย
จริงๆ กับการตกเป็นเป้าสายตาอยู่ตลอดเวลา ใครต่อใครที่รู้จักผมข้างนอก
สนามจะรู้ดีว่า ผมเกลียดมันเข้าไส้เลยแหละ มันน่าจะเบาๆ งแล้ว ผมเริ่มจะ
อายุ มากขึ้น และรู้สึกว่าผมเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว"
"ผมเป็นคนรักครอบครัว ตอนที่ผมเลิกซ้อม เกือบทุกวันผมจะกลับ
บ้าน และนั่งดูทีวี ผมเป็นคนที่ค่อนข้างน่าเบื่อเลยแหละ ผมมักจะไปหาคุณลุง
คุณป้าของผมอยู่บ่อยๆ มันเป็น กิจวัตรประจำวันของครอบครัวผม ผมเริ่มเล่น
กอล์ฟด้วยเช่นกัน ผมออกรอบมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ผมไม่ใช่นักกอล์ฟที่ดีเลย"
การจับคู่กับ โอเว่น มีหลายคนไม่ค่อยมั่นใจว่าทั้ง 2 คนจะเล่นกันได้
อย่างเข้าขา ซึ่งเรื่องนี้ อดีตดาวยิง "หงส์แดง" ลิเวอร์พูล ได้ออกมายืนยันว่า
มั่นใจจะโชว์ฟอร์มคู่กับ รูนี่ย์ ได้ อย่างสุดยอด เพื่อเป็นการปิดปากพวกวิพากษ์
วิจารณ์ในเรื่องนี้ "คนอื่นจะพูดกันว่า เอมิล เฮสกี้ ทำผลงานไว้ดีแค่ไหน และ
น กับ ผม ก็เล่นร่วมกันได้ดีเหมือนกัน ผมจำเกมชนะ อาร์เจนตินา ได้ นั่นเป็น
1 ในไฮไลท์ของการเล่นให้ ทีมชาติอังกฤษ ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเลย"
"ที่ศึก ยูโร 2004 เราสลับหน้าที่กัน ผมคอยจ่ายบอลให้เขา ทั้งที่
ปกติเขาคอยป้อนบอลให้ผม หวังว่าเราจะรักษาฟอร์มล่นร่วมกันให้ดีต่อไป ผม
ไม่เห็นเหตุผลที่เราจะทำไม่ได้ ผมไม่ คิดว่าผมขาดหายอะไรไปนับตั้งแต่เจ็บ
มาหลายหน ช่วงหลัง เวย์น ก็เจอปัญหาบาดเจ็บครั้งสองครั้ง แต่เขาก็กำลัง
กลับมาคืนฟอร์มอีกครั้ง"
ส่วน ริโอ เฟอร์ดินานด์ ปราการหลังพันล้านเพื่อนร่วมทัพ "ปีศาจ
แดง" ยอมรับว่ารู้สึกมีความสุขอย่างมากที่ เด็กเว(ย์)น กลับมาลงล่าตาข่ายให้
กับต้น สังกัด และทัพ "ทรี ไลอ้อนส์" เพราะจะยิ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใน
แดนหน้าเป็นทวีคูณ "เวย์น รูนี่ย์ ที่ฟิต และร้อนแรงคือโบนัสของทุกทีม ซึ่ง
ความจริงที่ว่า เขากลับมาช่วย อังกฤษ ได้อีกครั้งก็ เป็นสุดยอดข่าวดี ผมหวัง
แค่ว่าเขาจะเอาฟอร์มดีๆ ที่ทำได้กับ ยูไนเต็ด ออกมาใช้กับ ทีมชาติอังกฤษ
เพราะเราต้องการเขาจริงๆ ตลอดเกมรอบคัดเลือก 2 นัดหน้า ประตูที่ เวย์น
ทำได้ในเกมกับ โรม่า สุดยอดมาก มันเป็นการจบสกอร์ที่วิเศษ เป็นการยิงเร็ว
ซึ่งหลอกผู้รักษาประตู เขายิงได้เท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น ไม่ใช่แค่กับเรา แต่กับ
ทีมชาติด้วย"
...............หนังสือพิมพ์ สยามกีฬา
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 383
ฮือฮาผีงัด7ล้านป.ฉกแข้งปาร์ติซาน
สเตฟาน โยเวติชเจ้าหนูมหัศจรรย์ของปาร์ติซาน เบลเกรดฉายแวว
รุ่งถึงขนาดที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันพร้อมทุ่มเงินถึง 7 ล้านปอนด์ดึงมาร่วม
ชายคาโอลด์แทรฟฟอรืดด้วย
เดอะซันเผยว่าเฟอร์กี้พร้อมลงทุนเพื่ออนาคตเป็นเงิน 7 ล้านปอนด์
เพื่อคว้ากองหน้าดาวรุ่งมอนเตเนโกรวัยเพียง 17 ปีซึ่งแม้จะราคาแพงเกินเด็ก
แต่โยเวติชเป็นนักเตะพรสวรรค์ที่หาตัวจับยากและเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้เปิดซิ
งติดทีมชาติชุดใหญ่พบฮังการีในเกมอุ่นเครื่องมาแล้วด้วย
โยเวติชลงเล่นให้ปาร์ติซานทั้งสิ้น 54 นัดยิงไป 18 ประตูซึ่งรวมทั้ง
6 ประตูในฤดูกาลนี้ด้วย
คลิป http://www.super-goal.info/vdo_clips.ph ... 13&id=3117
..............ซอคเกอร์ซัค
สเตฟาน โยเวติชเจ้าหนูมหัศจรรย์ของปาร์ติซาน เบลเกรดฉายแวว
รุ่งถึงขนาดที่เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันพร้อมทุ่มเงินถึง 7 ล้านปอนด์ดึงมาร่วม
ชายคาโอลด์แทรฟฟอรืดด้วย
เดอะซันเผยว่าเฟอร์กี้พร้อมลงทุนเพื่ออนาคตเป็นเงิน 7 ล้านปอนด์
เพื่อคว้ากองหน้าดาวรุ่งมอนเตเนโกรวัยเพียง 17 ปีซึ่งแม้จะราคาแพงเกินเด็ก
แต่โยเวติชเป็นนักเตะพรสวรรค์ที่หาตัวจับยากและเมื่อฤดูกาลที่แล้วได้เปิดซิ
งติดทีมชาติชุดใหญ่พบฮังการีในเกมอุ่นเครื่องมาแล้วด้วย
โยเวติชลงเล่นให้ปาร์ติซานทั้งสิ้น 54 นัดยิงไป 18 ประตูซึ่งรวมทั้ง
6 ประตูในฤดูกาลนี้ด้วย
คลิป http://www.super-goal.info/vdo_clips.ph ... 13&id=3117
..............ซอคเกอร์ซัค
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 384
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก นัดที่ 10
แอสตัน วิลล่า 1 - 4 แมนฯยู
สนาม วิลล่า พาร์ค
ผู้ชม 42,640
ประตู : 1-0 อักบอนลาฮอร์ น.13,1-1 รูนี่ย์ น.36,1-2 รูนี่ย์ น.44,1-3 เฟอร์ดินานด์ น.45,1-4 กิกส์
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=1042
เกมนี้ป๋าจับคริสติอาโน่ โรนัลโด้นั่งเป็นตัวสำรองหลังกรำศึกหนักจากทีม
ชาติมาแล้วส่งสองแข้งตัวใหม่อย่างนานี่และอันแดร์สันลงเล่นพร้อมกัน
เกมเริ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 4 นาที แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกโทษ 2 จังหวะที่น่าจะ
ตกเป็นที่วิพากษ์จารณ์ ภายหลังเนื่องจากผู้ตัดสินมองว่าเป็นการส่งคืนหลังของ วิ
ลเฟร็ด บูม่า ผู้เล่นวิลล่า แต่นาย ทวารเอามือเซฟ ... เวย์น รูนีย์ ,คาร์ลอส เตเบซ
และ ไรอั้น กิ๊กส์ ยืนประจำการณ์ กิ๊กส์ เขี่ยให้ รูนีย์ ยิง แต่ลูกไปติดกำแพง...ไม่มี
อะไรให้เสียว
รูปเกมช่วงแรกนับว่าน่าจะสนุกเป็นไปแบบผลัดกันบุกเปิดแลกกันไม่ยั้ง
ตั้งแต่ต้นเกม นาทีที่ 9 วิลล่าได้ฟรีคิกมุมกรอบเขตโทษด้านขวาเกือบถึงเส้นหลัง
เมื่ออันแดร์สสัน ทำฟาวล์ แอชลีย์ ยัง แต่จังหวะนี้โดนชกออกมาได้
ทว่าเพียง 3 นาทีให้หลังแฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้เฮลั่นจากจังหวะที่เหมือน
จะไม่มีอะไร เมื่อ แอชลีย์ ยัง เปิดโค้งจากซ้ายเข้าหน้า ประตู ให้ แกเบรียล อักบอน
ลาฮอร์ ขึ้นโหม่งเช็ดลูกเสียบเสา 2 ตุงตาข่าย วิลล่านำ 1-0 นาทีที่ 12
หลังได้ประตูเร็ว วิลล่า ได้ใจใหญ่โหมบุกเป็นระรอกอย่างไม่เกรงศักดิศรี
จากจังหวะที่ทีมเยือนแชป์เก่าที่ยังคงพลาดโอกาสไปเองบ่อยครั้ง รวมถึงเจาะไม่ผ่าน
เกมรับที่เหนียวแน่นของเจ้าบ้าน
นาทีที่ 26 แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเอามือกุมหัวด้วยความเสียดาย เมื่อผี
แดงเล่นเร็วโต้กลับ เวย์น รูนีย์ เปิดเข้าหน้าประตูให้ เตเบซ ได้สับไกจังหวะเดียว
ระยะ 12 หลาลูกพุ่งตรงกรอบ แต่ ทว่า สก็อตต์ คาร์สัน มาบล็อกไว้ทัน ลูก
กระดอนออกหลัง
จนแล้วจนรอด ปราการเหล็กวิลล่าก็เจอรอยรั่ว ในจังหวะที่ไม่น่าจะเสีย
จากความผิดพลาดของแนวรับยกแผงโดยเฉพาะ แซต ไนต์ ที่ตัดบอลไม่ถึง หลังนา
นี่ เปิดเข้ามาจากฝั่งขวา ลูกกลิ้ง เข้าทางตีน รูนีย์ แบบว่าง่ายแปด้วยขวาชิวๆระยะ
แค่ 4 หลา ผีแดงตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 36
พอได้ประตูเรียกความมั่นใจก็เหมือนสถานการณ์ทุกอย่างดูจะง่ายไปซะ
หมดสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด และได้ประตูขึ้นนำก่อนจบครึ่งแรกเพียงนาทีเดียว
เมื่อ เตเบซ ที่กระชากอย่างงามขึ้นมา ด้านซ้าย เปิดเข้ากลางให้ รูนีย์ ที่วิ่งทำทางไว้
เรียบกริ๊บก่อนส่องอย่างใจเย็นระยะ 15 หลา แชมป์เก่าขึ้นนำ 2-1
เกมยังไม่จบใน 45 นาทีแรกสำหรับผีแดงปิดท้ายครึ่งแรกด้วยประตูที่ 3
จากอาการเสียกระบวนของเกมรับ วิลล่า เมื่อผีแดงได้ฟรีคิกเกือบถึงเส้นหลัง กิ๊กส์
เปิดบอมบ์เข้ากลาง เจอร์ราร์ด ปิเก้ ขึ้นโขก คาร์สัน เซฟไว้ทัน แต่ยังมี ริโอ เฟอร์ดิ
นานด์ ที่ตวัดยิงด้วยซ้ายแบบไม่หวังอะไรแต่ลูกไปชนใต้คาน เคร็ก การ์ดเนอร์ สกัด
ไม่พ้น ลูกเข้าไปนอนนิ่งก้นตาข่าย ก่อนผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมด เวลาครึ่งแรก
หลังทดเวลาเจ็บมา 2 นาที
เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้นยังคงไม่มีรายงานเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากทั้ง 2 ทีม ดู
เหมือนว่าทีมเจ้าบ้านจะยังคงงงกับ 3 ประตูที่เสียในครึ่งเวลาแรกขณะที่ ปิศาจแดงก็
ยังคงไม่ยอมผ่อนเกม และเกือบได้ประตูที่ 4 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจาก 3 ประสานเกม
รุก
นาทีที่ 54 เจ้าบ้านพลาดโอกาสตีตืนอย่างน่าเสียดาย จากการกระชากชาว
ขึ้นทางซ้ายของ แกเร็ธ แบร์รี่ ต่อให้ อักบอนลาฮอร์ ฟานเดอร์ ซาร์ ออกมาตะครุบ
บอลพลาด ปล่อยให้ อักบอนลาฮอร์ ได้หลุดโล่งไปถึงเส้นหลัง แต่ยังมี ปิเก้ ตัวสุด
ท้ายของผีแดงที่พุ่งไปดักโคนเสาแรกสกัดไว้ได้อย่างน่าเสียวใส้
นาทีที่ 59 ไนเจล เรโอ โคเกอร์ โดนเหลืองแดง หลังเข้าบอลช้าเสียบตัด
ขา อันแดร์สสัน อย่างน่าเกลียด เกมทำท่าจะยิ่งเดือดขึ้นเล็กน้อย ปิเก้ ที่ดูเหมือนจะมี
ปัญหากับการรับมือความเร็วของ อักบอนลาฮอร์ โดนเตือนเป็นครั้งแรกของเกม
หลังไปดึงกองหน้าวิลล่าจังหวะวิ่งเบียดกัน
แฟนบอลในวิลล่า ปาร์ค โห่ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ ลั่น หลังแจกใบแดงให้
นายทวารคาร์สัน ที่ดึง เตเบซ ซึ่งมีโอกาสทำประตูล้มในกรอบเขตโทษ โดนโพ
รเฟสชันนัล ฟาวล์ ออกไป โอนีล ต้องส่งนายทวารสำรอง สจ๊วร์ต เทย์เลอร์ ลงมา
แทน ซึ่งก็กลายเป็นคนเซฟดับความหวังแฮททริคของ รูนีย์ ผู้รับหน้าที่ยิงจุดโทษ
รูนีย์ พลาดโอกาสทำแฮททริคอีกครั้งในนาทีที่ 71 หลังแปเน้นๆจากจังหวะ
เปิดจากขวาของ เวส บราวน์ ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 72 แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนแรกของเกม โดยส่ง ดา
ร์เร็น เฟล็ตเชอร์ ลงมาแทน เตเบซ โดยมี โรนัลโด้ วิ่งวอร์ม รอเคาะสนิมอยู่ข้าง
สนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำห่างอีกเป็น 4-1 เหนือทีม 9 ตัวของ วิลล่า ใน
นาทีที่ 75 เมื่อ "ปีกขนดก" กิ๊กส์ ชิ่ง 1-2 กับเฟล็ตเชอร์ ก่อนลองชิพนิ่มๆแบบไม่
หวังผล แต่ลูกลอยข้ามหัวนายทวารผู้รักษาประตู เทยเลอร์เข้าไปแบบช่วยไม่ได้ เล่น
เอาแฟนบอลในวิลล่าพาร์คเซ็ง ลุกจากที่นั่งกลับบ้านกันเป็นแถว
ช่วงท้ายเกมผีแดงไม่เร่งเกมมากปล่อยให้วิลล่าได้เสียวจากฟรีคิกทางปีก
ขวาก่อนที่เมลเบิร์กจะโขกเช็ดบางวิ่งออกข้างให้เสียวเล่นๆก่อนปิดเกมเอาชนะไป
แบบไม่ยากเย็นและขยับแซงแมนฯซิตี้ขึ้นมารั่งรองจ่าฝูงตามเดิม
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ
แอสตัน วิลล่า :สกอตต์ คาร์สัน 6 ,โอลอฟ เมลล์เบิร์ก 5,แซต ไนท์ 4(สจ๊วร์ต เท
ย์เลอร์ 7 น.76),มาร์ติน เลาร์เซ่น 5,วิลเฟร็ด บูม่า 6,เคร็ก การ์ดเนอร์ 5(ฌอน มา
โลนีย์ 6 น.53),ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ 5 ,แกเร็ธ แบร์รี่ 6,แอชลี่ย์ ยัง 8 ,ลุค มัวร์ 7
(อิซาห์ ออสบอร์น 6 น.54),กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 7
สำรองไม่ได้ลงสนาม :,เคอร์ติส เดวี่ส์,สติลิยัน เปตรอฟ
ใบเหลือง :ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ น.51,แอชลี่ย์ ยัง น.66
ใบแดง : ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ น.60,สกอตต์ คาร์สัน น.66
แมนฯยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6,เคราร์ด ปิเก้ ,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6,เวส
บราวน์ 7,ปาทริช เอวร่า 7,อันแดร์สัน 6,พอล สโคลส์ 8 (จอห์น โอเช 6 น.77),ไร
อัน กิ๊กส์ 7(คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 7 น.76),นานี่ 8 ,เวย์น รูนี่ย์ 9*,คาร์ลอส เตเบซ 9
(ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ 6 น.73)
สำรองไม่ได้ลงสนาม :โทมัสซ์ คุสซ์แซค,แดนนี่ ซิมป์สัน
ใบเหลือง :พอล สโคลส์ น.39,นานี่ น.89
..............ซอคเกอร์ซัค
ดุฟอร์มเด็กใหม่นัดนี้ผมว่าสอบผ่านหมดนะทั้ง ปิเก้ ,นานี่ ,อันแดร์สัน แต่ก็ต้องดูทั้ง
ฤดูกาลว่าในระยะยาวแล้วจะสามารถทดแทนพวกน้าๆในทีมได้หรือป่าว? เอาใจ
ช่วยเด็กนะก๊าบบบบ...
แอสตัน วิลล่า 1 - 4 แมนฯยู
สนาม วิลล่า พาร์ค
ผู้ชม 42,640
ประตู : 1-0 อักบอนลาฮอร์ น.13,1-1 รูนี่ย์ น.36,1-2 รูนี่ย์ น.44,1-3 เฟอร์ดินานด์ น.45,1-4 กิกส์
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=1042
เกมนี้ป๋าจับคริสติอาโน่ โรนัลโด้นั่งเป็นตัวสำรองหลังกรำศึกหนักจากทีม
ชาติมาแล้วส่งสองแข้งตัวใหม่อย่างนานี่และอันแดร์สันลงเล่นพร้อมกัน
เกมเริ่มขึ้นเพียงไม่ถึง 4 นาที แมนฯ ยูไนเต็ดได้ลูกโทษ 2 จังหวะที่น่าจะ
ตกเป็นที่วิพากษ์จารณ์ ภายหลังเนื่องจากผู้ตัดสินมองว่าเป็นการส่งคืนหลังของ วิ
ลเฟร็ด บูม่า ผู้เล่นวิลล่า แต่นาย ทวารเอามือเซฟ ... เวย์น รูนีย์ ,คาร์ลอส เตเบซ
และ ไรอั้น กิ๊กส์ ยืนประจำการณ์ กิ๊กส์ เขี่ยให้ รูนีย์ ยิง แต่ลูกไปติดกำแพง...ไม่มี
อะไรให้เสียว
รูปเกมช่วงแรกนับว่าน่าจะสนุกเป็นไปแบบผลัดกันบุกเปิดแลกกันไม่ยั้ง
ตั้งแต่ต้นเกม นาทีที่ 9 วิลล่าได้ฟรีคิกมุมกรอบเขตโทษด้านขวาเกือบถึงเส้นหลัง
เมื่ออันแดร์สสัน ทำฟาวล์ แอชลีย์ ยัง แต่จังหวะนี้โดนชกออกมาได้
ทว่าเพียง 3 นาทีให้หลังแฟนบอลเจ้าบ้านก็ได้เฮลั่นจากจังหวะที่เหมือน
จะไม่มีอะไร เมื่อ แอชลีย์ ยัง เปิดโค้งจากซ้ายเข้าหน้า ประตู ให้ แกเบรียล อักบอน
ลาฮอร์ ขึ้นโหม่งเช็ดลูกเสียบเสา 2 ตุงตาข่าย วิลล่านำ 1-0 นาทีที่ 12
หลังได้ประตูเร็ว วิลล่า ได้ใจใหญ่โหมบุกเป็นระรอกอย่างไม่เกรงศักดิศรี
จากจังหวะที่ทีมเยือนแชป์เก่าที่ยังคงพลาดโอกาสไปเองบ่อยครั้ง รวมถึงเจาะไม่ผ่าน
เกมรับที่เหนียวแน่นของเจ้าบ้าน
นาทีที่ 26 แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเอามือกุมหัวด้วยความเสียดาย เมื่อผี
แดงเล่นเร็วโต้กลับ เวย์น รูนีย์ เปิดเข้าหน้าประตูให้ เตเบซ ได้สับไกจังหวะเดียว
ระยะ 12 หลาลูกพุ่งตรงกรอบ แต่ ทว่า สก็อตต์ คาร์สัน มาบล็อกไว้ทัน ลูก
กระดอนออกหลัง
จนแล้วจนรอด ปราการเหล็กวิลล่าก็เจอรอยรั่ว ในจังหวะที่ไม่น่าจะเสีย
จากความผิดพลาดของแนวรับยกแผงโดยเฉพาะ แซต ไนต์ ที่ตัดบอลไม่ถึง หลังนา
นี่ เปิดเข้ามาจากฝั่งขวา ลูกกลิ้ง เข้าทางตีน รูนีย์ แบบว่าง่ายแปด้วยขวาชิวๆระยะ
แค่ 4 หลา ผีแดงตีเสมอ 1-1 นาทีที่ 36
พอได้ประตูเรียกความมั่นใจก็เหมือนสถานการณ์ทุกอย่างดูจะง่ายไปซะ
หมดสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด และได้ประตูขึ้นนำก่อนจบครึ่งแรกเพียงนาทีเดียว
เมื่อ เตเบซ ที่กระชากอย่างงามขึ้นมา ด้านซ้าย เปิดเข้ากลางให้ รูนีย์ ที่วิ่งทำทางไว้
เรียบกริ๊บก่อนส่องอย่างใจเย็นระยะ 15 หลา แชมป์เก่าขึ้นนำ 2-1
เกมยังไม่จบใน 45 นาทีแรกสำหรับผีแดงปิดท้ายครึ่งแรกด้วยประตูที่ 3
จากอาการเสียกระบวนของเกมรับ วิลล่า เมื่อผีแดงได้ฟรีคิกเกือบถึงเส้นหลัง กิ๊กส์
เปิดบอมบ์เข้ากลาง เจอร์ราร์ด ปิเก้ ขึ้นโขก คาร์สัน เซฟไว้ทัน แต่ยังมี ริโอ เฟอร์ดิ
นานด์ ที่ตวัดยิงด้วยซ้ายแบบไม่หวังอะไรแต่ลูกไปชนใต้คาน เคร็ก การ์ดเนอร์ สกัด
ไม่พ้น ลูกเข้าไปนอนนิ่งก้นตาข่าย ก่อนผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมด เวลาครึ่งแรก
หลังทดเวลาเจ็บมา 2 นาที
เกมครึ่งหลังเริ่มขึ้นยังคงไม่มีรายงานเปลี่ยนตัวผู้เล่นจากทั้ง 2 ทีม ดู
เหมือนว่าทีมเจ้าบ้านจะยังคงงงกับ 3 ประตูที่เสียในครึ่งเวลาแรกขณะที่ ปิศาจแดงก็
ยังคงไม่ยอมผ่อนเกม และเกือบได้ประตูที่ 4 ตั้งแต่ต้นครึ่งหลังจาก 3 ประสานเกม
รุก
นาทีที่ 54 เจ้าบ้านพลาดโอกาสตีตืนอย่างน่าเสียดาย จากการกระชากชาว
ขึ้นทางซ้ายของ แกเร็ธ แบร์รี่ ต่อให้ อักบอนลาฮอร์ ฟานเดอร์ ซาร์ ออกมาตะครุบ
บอลพลาด ปล่อยให้ อักบอนลาฮอร์ ได้หลุดโล่งไปถึงเส้นหลัง แต่ยังมี ปิเก้ ตัวสุด
ท้ายของผีแดงที่พุ่งไปดักโคนเสาแรกสกัดไว้ได้อย่างน่าเสียวใส้
นาทีที่ 59 ไนเจล เรโอ โคเกอร์ โดนเหลืองแดง หลังเข้าบอลช้าเสียบตัด
ขา อันแดร์สสัน อย่างน่าเกลียด เกมทำท่าจะยิ่งเดือดขึ้นเล็กน้อย ปิเก้ ที่ดูเหมือนจะมี
ปัญหากับการรับมือความเร็วของ อักบอนลาฮอร์ โดนเตือนเป็นครั้งแรกของเกม
หลังไปดึงกองหน้าวิลล่าจังหวะวิ่งเบียดกัน
แฟนบอลในวิลล่า ปาร์ค โห่ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ ลั่น หลังแจกใบแดงให้
นายทวารคาร์สัน ที่ดึง เตเบซ ซึ่งมีโอกาสทำประตูล้มในกรอบเขตโทษ โดนโพ
รเฟสชันนัล ฟาวล์ ออกไป โอนีล ต้องส่งนายทวารสำรอง สจ๊วร์ต เทย์เลอร์ ลงมา
แทน ซึ่งก็กลายเป็นคนเซฟดับความหวังแฮททริคของ รูนีย์ ผู้รับหน้าที่ยิงจุดโทษ
รูนีย์ พลาดโอกาสทำแฮททริคอีกครั้งในนาทีที่ 71 หลังแปเน้นๆจากจังหวะ
เปิดจากขวาของ เวส บราวน์ ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาทีที่ 72 แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนผู้เล่นเป็นคนแรกของเกม โดยส่ง ดา
ร์เร็น เฟล็ตเชอร์ ลงมาแทน เตเบซ โดยมี โรนัลโด้ วิ่งวอร์ม รอเคาะสนิมอยู่ข้าง
สนาม
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูนำห่างอีกเป็น 4-1 เหนือทีม 9 ตัวของ วิลล่า ใน
นาทีที่ 75 เมื่อ "ปีกขนดก" กิ๊กส์ ชิ่ง 1-2 กับเฟล็ตเชอร์ ก่อนลองชิพนิ่มๆแบบไม่
หวังผล แต่ลูกลอยข้ามหัวนายทวารผู้รักษาประตู เทยเลอร์เข้าไปแบบช่วยไม่ได้ เล่น
เอาแฟนบอลในวิลล่าพาร์คเซ็ง ลุกจากที่นั่งกลับบ้านกันเป็นแถว
ช่วงท้ายเกมผีแดงไม่เร่งเกมมากปล่อยให้วิลล่าได้เสียวจากฟรีคิกทางปีก
ขวาก่อนที่เมลเบิร์กจะโขกเช็ดบางวิ่งออกข้างให้เสียวเล่นๆก่อนปิดเกมเอาชนะไป
แบบไม่ยากเย็นและขยับแซงแมนฯซิตี้ขึ้นมารั่งรองจ่าฝูงตามเดิม
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม/คะแนนความสามารถ
แอสตัน วิลล่า :สกอตต์ คาร์สัน 6 ,โอลอฟ เมลล์เบิร์ก 5,แซต ไนท์ 4(สจ๊วร์ต เท
ย์เลอร์ 7 น.76),มาร์ติน เลาร์เซ่น 5,วิลเฟร็ด บูม่า 6,เคร็ก การ์ดเนอร์ 5(ฌอน มา
โลนีย์ 6 น.53),ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ 5 ,แกเร็ธ แบร์รี่ 6,แอชลี่ย์ ยัง 8 ,ลุค มัวร์ 7
(อิซาห์ ออสบอร์น 6 น.54),กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 7
สำรองไม่ได้ลงสนาม :,เคอร์ติส เดวี่ส์,สติลิยัน เปตรอฟ
ใบเหลือง :ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ น.51,แอชลี่ย์ ยัง น.66
ใบแดง : ไนเจล รีโอ-โคเกอร์ น.60,สกอตต์ คาร์สัน น.66
แมนฯยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6,เคราร์ด ปิเก้ ,ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6,เวส
บราวน์ 7,ปาทริช เอวร่า 7,อันแดร์สัน 6,พอล สโคลส์ 8 (จอห์น โอเช 6 น.77),ไร
อัน กิ๊กส์ 7(คริสติอาโน่ โรนัลโด้ 7 น.76),นานี่ 8 ,เวย์น รูนี่ย์ 9*,คาร์ลอส เตเบซ 9
(ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ 6 น.73)
สำรองไม่ได้ลงสนาม :โทมัสซ์ คุสซ์แซค,แดนนี่ ซิมป์สัน
ใบเหลือง :พอล สโคลส์ น.39,นานี่ น.89
..............ซอคเกอร์ซัค
ดุฟอร์มเด็กใหม่นัดนี้ผมว่าสอบผ่านหมดนะทั้ง ปิเก้ ,นานี่ ,อันแดร์สัน แต่ก็ต้องดูทั้ง
ฤดูกาลว่าในระยะยาวแล้วจะสามารถทดแทนพวกน้าๆในทีมได้หรือป่าว? เอาใจ
ช่วยเด็กนะก๊าบบบบ...
- bsk(มหาชน)
- Verified User
- โพสต์: 3206
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 385
นัดที่ 3 ยูฟ่า เย้..
จบ.ข่าวสั้น
จบ.ข่าวสั้น
- numyak
- Verified User
- โพสต์: 639
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 386
UEFA Champions League นัดที่ 3
ดินาโม เคียฟ 2 - 4 แมนฯ ยูไนเต็ด
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : วิคตอร์ คาสซาย (ฮังการี)
ประตู : 0-1 ริโอ เฟอร์ดินานด์ น.10, 0-2 เวย์น รูนี่ย์ น.18, 1-2 ดิโอโก้
รินคอน น.33, 1-3 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.41, 1-4 คริสติอาโน่ โรนัลโด้
น.68 (จุดโทษ), 2-4 อิสมาแอล บันกูร่า น.78
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=1055
เปิดเกมมา เจ้าโด้จิ๋วก็สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของเจ้าถิ่น
ทันที โดยมีโอกาสกระชากลากเลื้อยกดดันตลอด ทำเอาเคียฟ ตั้งรับกัน
แทบไม่เป็นกระบวนเลย
และแค่นาทีที่ 10 ปราการม่านเหล็กของเคียฟ ก็โดนเจาะรูแรกจน
ได้ เมื่อ"โด้จิ๋ว"ถูกเสียบดิ้นพล่านก่อนเป็นกิ๊กส์ เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่ง
ซ้าย"ให้ริโอ เฟอร์ดินานด์เข้ามาโขกที่จุดนัดพบเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวย
งามให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นทีมเยือนก็ยังคงเดินเครื่องต่อ และในนาทีที่ 18 ก็มา
ได้ประตูที่ 2 อีก และก็เป็นโรนัลโด้ คนเดิมที่กระชากเข้ามาถึงแดนของ
เคียฟ ก่อนไหลต่อให้เวส บราวน์ ที่รอในเขตโทษตบกลับมาให้รูนี่ย์ แปเผา
ขนง่ายๆเข้าไป
โดนไป 2 เม็ด เกมของเคียฟ ก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ เพียงแต่
แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่อนเกมเองและเจ้าถิ่นก็มาโชคดีได้ประตูตีตื้นในนาทีที่
34 จากลูกเตะมุมที่รินคอน ได้โขกเข้าไปตุงตาข่าย ให้สกอร์ตีตื้นมาเป็น
2-1 แล้ว
แต่ประตูนี้ก็ไม่ได้ปลุกความหวังของเคียฟเลย เพราะเมื่อแมนฯ ยู
ไนเต็ด กลับมาตั้งหน้าตั้งตาบุกใหม่แนวรับของเคียฟก็ต้องกระเสือกกระสน
ในการป้องกันประตู ซึ่งสุดท้ายก็ต้านไม่ไหวโดนประตู 3-1 อีกก่อนหมด
ครึ่งแรก 4 นาที เมื่อกิ๊กส์ หลุดมาทางซ้ายก่อนเปิดให้โรนัลโด้ถอยหลังเท
คตัวโขกตัดหน้าตัวประกบบอลย้อยข้ามหัวนายทวารที่ยืนสงบนิ่งเข้าไป
อย่างสวยงามก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ไปก่อน
เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมยังเปิดฉากแลกกันแบบตายเป็นตาย โดยแม้ทาง
เจ้าถิ่นจะโดนทีมเยือนรุกขึ้นมาแต่ละครั้งแทบหัวใจวาย แต่ก็พอได้ลุ้น
คืนบ้างจากลูกที่รินคอน ได้โขกเช็ดหลุดกรอบไปไม่ไกล รวมถึงฟรีคิกของ
คอร์เรีย ที่ปั่นจากระยะ 25 หลาถากเสาไปชนิดเสาไหม้
หลังจากนั้นเกมของเคียฟ ก็กลับมาเล่นได้น่ากลัวขึ้นสมศักดิ์ศรี
เจ้าถิ่น แต่เล่นไปเล่นมาก็มาโดนแมนฯ ยูไนเต็ด สวนกลับตูมเดียวหายอีก
เมื่อมาเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสียเมื่อกาฟรันซิช กระโดดใช้แขนบล็อกลูก
เปิดของเตเบซ ก็เลยโดนโรนัลโด้ สำเร็จไปอีกในนาทีที่ 68
อย่างไรก็ตาม เคียฟยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆมาไล่ตีตื้นเป็น 4-2 ใน
นาทีที่ 79 จากบันกูร่า ก่อนที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนเอาฟาน เดอร์ ซาร์
ออกและให้โทมัสซ์ คุสแซ็คลงมาเฝ้าเสาแทนในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก่อน
ที่จะต้านเกมของเจ้าบ้านได้จนหมดเวลา เก็บ 3 แต้มได้เป็นเกมที่ 3
ติดต่อกันโอกาสเข้ารอบสดใส ส่วนดินาโม เคียฟ อนาคตดับวูบเหลือลุ้น
อย่างมากก็แค่ไปยูฟ่า คัพ เท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ดินาโม เคียฟ : อเล็กซานเดอร์ ชอฟคอฟสกี 5, ติเบริยู จิโออาเน่ 4(วาเลน
ติน เบลเควิช น.45,6) , โกรัน กาฟรานซิช 5, ปาเป้ เดียคฮาเต้ 5, โอเล็ก
เซฟ 6, อตันดา ยุสซุฟ 4, อังเดร เนสมาชนี่ 6, คาร์ลอส คอร์เรีย 6(รุสลา
4(อาร์เตม มิเลฟสกี้ น.45,6)
ใบเหลือง : เดียคฮาเต้ น.31
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7(โทมัสซ์ คุสแซ็ค น.80) , เวส
บราวน์ 8, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8, เนมันย่า วิดิช 7, จอห์น โอเช 7, คริสติอา
โน่ โรนัลโด้ 8, อันแดร์สัน 8*, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 8(แดนนี่
ซิมป์สัน น.80) , เวย์น รูนี่ย์ 8, คาร์ลอส เตเบซ 8(นานี่ น.73,6)
ใบเหลือง : -
..............ซอคเกอร์ซัค
เพื่อนๆเคยสังเกตการเปลี่ยนตัวของป๋าไหมครับ? ทุกครั้งที่เปลี่ยนกองหน้า
ออก ต้องเปลี่ยนเตเบซ ออกทุกครั้งไป แล้วปล่อยรูนี่ย์เล่นจนครบเวลา ผม
พยายามคิดว่า การทําประตู,การครองบอล,การทุ่มเทก็ไม่แตกต่าง แต่ก็คิด
ไม่ออกว่า ทําไม? ใครพอทราบบ้างครับ ส่วนน้ากิ๊กโดยเปลี่ยนตัวเข้าใจว่า
เรื่องอายุ นะ
ดินาโม เคียฟ 2 - 4 แมนฯ ยูไนเต็ด
สนาม : โอลิมปิก สเตเดี้ยม
ผู้ตัดสิน : วิคตอร์ คาสซาย (ฮังการี)
ประตู : 0-1 ริโอ เฟอร์ดินานด์ น.10, 0-2 เวย์น รูนี่ย์ น.18, 1-2 ดิโอโก้
รินคอน น.33, 1-3 คริสติอาโน่ โรนัลโด้ น.41, 1-4 คริสติอาโน่ โรนัลโด้
น.68 (จุดโทษ), 2-4 อิสมาแอล บันกูร่า น.78
คลิป http://www.supersportclip.com/video.php?id=1055
เปิดเกมมา เจ้าโด้จิ๋วก็สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของเจ้าถิ่น
ทันที โดยมีโอกาสกระชากลากเลื้อยกดดันตลอด ทำเอาเคียฟ ตั้งรับกัน
แทบไม่เป็นกระบวนเลย
และแค่นาทีที่ 10 ปราการม่านเหล็กของเคียฟ ก็โดนเจาะรูแรกจน
ได้ เมื่อ"โด้จิ๋ว"ถูกเสียบดิ้นพล่านก่อนเป็นกิ๊กส์ เปิดฟรีคิกจากริมเส้นฝั่ง
ซ้าย"ให้ริโอ เฟอร์ดินานด์เข้ามาโขกที่จุดนัดพบเข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวย
งามให้แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1-0
หลังจากนั้นทีมเยือนก็ยังคงเดินเครื่องต่อ และในนาทีที่ 18 ก็มา
ได้ประตูที่ 2 อีก และก็เป็นโรนัลโด้ คนเดิมที่กระชากเข้ามาถึงแดนของ
เคียฟ ก่อนไหลต่อให้เวส บราวน์ ที่รอในเขตโทษตบกลับมาให้รูนี่ย์ แปเผา
ขนง่ายๆเข้าไป
โดนไป 2 เม็ด เกมของเคียฟ ก็ยังไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่ เพียงแต่
แมนฯ ยูไนเต็ด ผ่อนเกมเองและเจ้าถิ่นก็มาโชคดีได้ประตูตีตื้นในนาทีที่
34 จากลูกเตะมุมที่รินคอน ได้โขกเข้าไปตุงตาข่าย ให้สกอร์ตีตื้นมาเป็น
2-1 แล้ว
แต่ประตูนี้ก็ไม่ได้ปลุกความหวังของเคียฟเลย เพราะเมื่อแมนฯ ยู
ไนเต็ด กลับมาตั้งหน้าตั้งตาบุกใหม่แนวรับของเคียฟก็ต้องกระเสือกกระสน
ในการป้องกันประตู ซึ่งสุดท้ายก็ต้านไม่ไหวโดนประตู 3-1 อีกก่อนหมด
ครึ่งแรก 4 นาที เมื่อกิ๊กส์ หลุดมาทางซ้ายก่อนเปิดให้โรนัลโด้ถอยหลังเท
คตัวโขกตัดหน้าตัวประกบบอลย้อยข้ามหัวนายทวารที่ยืนสงบนิ่งเข้าไป
อย่างสวยงามก่อนที่จะจบครึ่งแรกด้วยสกอร์นี้ไปก่อน
เข้าสู่ครึ่งหลัง เกมยังเปิดฉากแลกกันแบบตายเป็นตาย โดยแม้ทาง
เจ้าถิ่นจะโดนทีมเยือนรุกขึ้นมาแต่ละครั้งแทบหัวใจวาย แต่ก็พอได้ลุ้น
คืนบ้างจากลูกที่รินคอน ได้โขกเช็ดหลุดกรอบไปไม่ไกล รวมถึงฟรีคิกของ
คอร์เรีย ที่ปั่นจากระยะ 25 หลาถากเสาไปชนิดเสาไหม้
หลังจากนั้นเกมของเคียฟ ก็กลับมาเล่นได้น่ากลัวขึ้นสมศักดิ์ศรี
เจ้าถิ่น แต่เล่นไปเล่นมาก็มาโดนแมนฯ ยูไนเต็ด สวนกลับตูมเดียวหายอีก
เมื่อมาเสียจุดโทษแบบไม่น่าเสียเมื่อกาฟรันซิช กระโดดใช้แขนบล็อกลูก
เปิดของเตเบซ ก็เลยโดนโรนัลโด้ สำเร็จไปอีกในนาทีที่ 68
อย่างไรก็ตาม เคียฟยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆมาไล่ตีตื้นเป็น 4-2 ใน
นาทีที่ 79 จากบันกูร่า ก่อนที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะเปลี่ยนเอาฟาน เดอร์ ซาร์
ออกและให้โทมัสซ์ คุสแซ็คลงมาเฝ้าเสาแทนในช่วง 10 นาทีสุดท้าย ก่อน
ที่จะต้านเกมของเจ้าบ้านได้จนหมดเวลา เก็บ 3 แต้มได้เป็นเกมที่ 3
ติดต่อกันโอกาสเข้ารอบสดใส ส่วนดินาโม เคียฟ อนาคตดับวูบเหลือลุ้น
อย่างมากก็แค่ไปยูฟ่า คัพ เท่านั้น
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
ดินาโม เคียฟ : อเล็กซานเดอร์ ชอฟคอฟสกี 5, ติเบริยู จิโออาเน่ 4(วาเลน
ติน เบลเควิช น.45,6) , โกรัน กาฟรานซิช 5, ปาเป้ เดียคฮาเต้ 5, โอเล็ก
เซฟ 6, อตันดา ยุสซุฟ 4, อังเดร เนสมาชนี่ 6, คาร์ลอส คอร์เรีย 6(รุสลา
4(อาร์เตม มิเลฟสกี้ น.45,6)
ใบเหลือง : เดียคฮาเต้ น.31
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7(โทมัสซ์ คุสแซ็ค น.80) , เวส
บราวน์ 8, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 8, เนมันย่า วิดิช 7, จอห์น โอเช 7, คริสติอา
โน่ โรนัลโด้ 8, อันแดร์สัน 8*, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 8(แดนนี่
ซิมป์สัน น.80) , เวย์น รูนี่ย์ 8, คาร์ลอส เตเบซ 8(นานี่ น.73,6)
ใบเหลือง : -
..............ซอคเกอร์ซัค
เพื่อนๆเคยสังเกตการเปลี่ยนตัวของป๋าไหมครับ? ทุกครั้งที่เปลี่ยนกองหน้า
ออก ต้องเปลี่ยนเตเบซ ออกทุกครั้งไป แล้วปล่อยรูนี่ย์เล่นจนครบเวลา ผม
พยายามคิดว่า การทําประตู,การครองบอล,การทุ่มเทก็ไม่แตกต่าง แต่ก็คิด
ไม่ออกว่า ทําไม? ใครพอทราบบ้างครับ ส่วนน้ากิ๊กโดยเปลี่ยนตัวเข้าใจว่า
เรื่องอายุ นะ
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 387
สังเกตุเหมือนกันครับ ผมว่าเตเบซเล่นได้ดีทีเดียว แต่คงเป็นเป้าหมายที่อยากให้ รูนี่ย์เป็นตัวหลักมั้งครับnumyak เขียน: เพื่อนๆเคยสังเกตการเปลี่ยนตัวของป๋าไหมครับ? ทุกครั้งที่เปลี่ยนกองหน้า
ออก ต้องเปลี่ยนเตเบซ ออกทุกครั้งไป แล้วปล่อยรูนี่ย์เล่นจนครบเวลา ผม
พยายามคิดว่า การทําประตู,การครองบอล,การทุ่มเทก็ไม่แตกต่าง แต่ก็คิด
ไม่ออกว่า ทําไม? ใครพอทราบบ้างครับ ส่วนน้ากิ๊กโดยเปลี่ยนตัวเข้าใจว่า
เรื่องอายุ นะ
เตเบซต้องพิสูจน์ ตัวเอง ด้วยจำนวนประตูก่อนมั้งครับ
ถ้าทำได้เหมือนตอนที่อยู่ WestHam ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว
ตำแหน่งของกองหน้าในใจ เฟอร์กี้ อาจจะเปลี่ยนไปก็ได้ครับ
- ก้อนหิน
- Verified User
- โพสต์: 2344
- ผู้ติดตาม: 0
แฟน " ปีศาจแดง " " Man U " เชิญทางนี้..
โพสต์ที่ 389
เค้าอยู่อาเจนติน่า ดีดี พี่ลากเค้ามาอยู่ เทเวศน์ เลยเหรอครับpor_jai เขียน:8) ผมนั่งดูคาลอส เทเวศน์ เล่นแล้ว
รู้แล้วครับทำไม ทำไมนักเตะอาเจนไตน์
ได้นักเตะยอดเยี่ยมของลีกบราซิล
แกไม่ค่อยยึดติดที่จะต้องยิงเองครับ
ส่งให้คนอื่นที่อยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่ายิงเป็นประจำ
ที่อยู่เวสต์แฮมแล้วต้องลากเข้าไปยิงเองบ่อยกว่า
น่าจะเป็นเพราะคู่ขา เซ้นส์ยังไม่ถึงกันมากกว่า
แถวนั้น รถติดไม่เบา เลยนะครับ จะอยู่ได้มั้ยอะ
แวะไปขอลายเซ็นต์ ดีกว่า 8) 8)