โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ลูกไม่ท้อ
Verified User
โพสต์: 421
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อย่างที่ผมเคยเอามาโพสต์ลงกระทู้อยู่ครั้งหนึ่งว่า จากการที่มีการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้น ทำให้แพทย์จะต้องปกป้องตัวเองเพื่อ ไม่ให้โดนฟ้องร้อง แต่สิ่งที่แพทย์ทำ ก็ยิ่งทำให้คนไข้ไม่ไว้ใจมากขึ้น  เช่น แพทย์พยายามจะส่งตรวจมากขึ้น  พยายามจะให้คนไข้นอนโรงพยาบาล  ซึ่งในมุมมองของความเป็นแพทย์เอง ผมไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องเกินเลยอะไรเลย เพราะเราจะต้องคอยระวัง สิ่งที่ไม่คาดฝันที่แม้ว่าในตำราหรือจากประสบการณ์จะเกิดขึ้นแค่เพียงสิบเปอร์เซนต์  แต่ถ้ามันเกิดขึ้นมาจริง เช่นคนไข้ตายหรือพิการ ก็เป็นแพทย์ไม่ใช่หรือที่โดนฟ้องร้อง  
ลองอ่านข้อความนี้จากเว็บของแพทย์ก็จะรู้ดีครับว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่มันนำไปสู่สิ่งที่เป็นโทนที่มันจะเปลี่ยนสังคมไปอีกแบบหนึ่ง
แน่นอนว่า คนไข้ก็อาจจะต้องจ่ายเงินแพงมากขึ้น เพียงเพราะแพทย์ไม่อยากให้เกิดความร้ายแรงกับคนไข้ (พอๆกับกลัวที่จะโดนฟ้องร้องเพราะแพทย์รักษาอะไรผิดพลาดไป)
http://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp ... 1189946540

เพียงแต่ว่า ผมสงสัยว่า โทนสังคมในแนวแบบนี้จะมีผลต่อธุรกิจโรงพยาบาลไปในแนวไหนบ้างหรือเปล่า

(เฮ้อ  แต่จากการอ่านกระทู้ที่ว่า  ทำให้เป้าหมายที่จะละทิ้งอาชีพแพทย์ของผมยิ่งมาเร็วกว่าที่คิดแหะ ตอนแรกคิดว่าน่าจะภายในห้าถึงสิบปีที่จะละทิ้งอาชีพแพทย์  สงสัยว่า ตอนนี้คงจะเร็วกว่าที่คิดแหละ เหอะๆ เบื่อโคตรๆ)
รู้สึกดีๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ผมว่าเราก็ปฏิบัติงานไปตามปกติแหละครับ

แต่พยายามทำให้น้อยลง

อย่ามีอารมณ์ร่วม อย่าหวังดีเกินไป สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม เราทำหน้าที่ของเราคือให้คำแนะนำและรักษาก็พอแล้ว ถ้าเขาไม่ยอมก็ให้เซ็นไว้ยืนยันว่าเราบอกแล้ว (แม้เวลามีคดีทีไร ก็จะบอกว่าหมอผิดอยู่ดี เพราะญาติมักจะบอกว่าตอนที่เราให้ข้อมูล ไม่ได้ให้แบบนี้จึงเซ็นไป)

หาร่มชูชีพให้ชีวิตคือ ทำความดี ไม่ทำสิ่งผิด และมีหุ้นดีๆไว้เลี้ยงตัวในยามที่ต้องเลิกอาชีพนี้ อาจเพราะเบื่อ หรือโดนฟ้องก็ได้ ใครจะไปรู้

อีกหน่อยสงสัยจบหมอแล้วต้องเรียน mba แล้วมาเล่นหุ้นเหมือนวิศวะแล้วมั้ง

(หัวเราะไม่ออก) :(
จงทนอด และอดทน
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 3

โพสต์

อืม

ผมก็กำลัง หาทางออกจาก บ่วงกรรม อันนี้อยู่

เชื่อว่า จะเร็วจะช้า ก็เพราะ กรรมที่ทำไว้

ว่าแต่เข้าเรื่อง

ผมว่า รพ ไม่มีผลหรอกคับ รายได้คงเหมือนๆ เดิม

แต่ที่จะมีผล อาจจะเป็น บริษัทประกันครับ  :wink:
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 4

โพสต์

สงสัยอีกสักหน่อยจะมีสายด่วน รับระบายอารมณ์ หมอ มั๊ง :lol:

เวลาคนจะทำบุญ มักจะมีมารผจญ อยู่เสมอๆครับหมอๆทั้งหลาย
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
kit556
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 272
ผู้ติดตาม: 0

x

โพสต์ที่ 5

โพสต์

trend แบบนี้ สงสัยต้องไปศึกษาว่าบริษัทประกันจะดีขึ้นหรือเปล่า
ไม่งั้นก็บริษัทรับค้าความ หากินกับความเดือดร้อน เวลาคนทะเลาะกัน

... ส่วนผมตั้งใจไว้แล้ว นับถอยหลัง 5 ปี ผมจะเลิกทำบุญวิธีนี้เด็ดขาด
ไม่รู้ทำไมบุญมันหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำนานสักวันบุญหล่นทับ อาจได้ไปนอนคุก
Kritsada
ประจวบ
Verified User
โพสต์: 304
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ตัวเลขของเด็กที่เอนติดหมอทั่วประเทศปีนี้
25%สละสิทธิครับ
เฉพาะที่ศิริราชสละสิทธิ15%
เป็นตัวเลขที่บอกนัยยะอะไรบางอย่างในสังคมไทย
หนักแน่นในแนวทางviพันธ์แท้
แผ่วเบา
Verified User
โพสต์: 391
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 7

โพสต์

trend ของ modern trade เราก็ตามหลังอเมริกา

trend ของ แพทย์ เราก็ตามหลังอเมริกาอีก

ทั้งๆที่เคยอุ่นใจว่าสังคมเรามีความเกื้อกูลกันมากกว่าอเมริกา

แต่กระแสสังคมก็มาถึงเร็วกว่าที่คิด

เรื่องทางการแพทย์นั้น  อเมริกาได้ชื่อว่าใช้งบประมาณสูงมากเมื่อคิดสัดส่วนต่อ GDP  แต่แม้ว่าจะสูงขนาดนั้นก็ไม่ได้ทำให้สุขภาพอเมริกันดีเด่นเหนือชาติอื่นๆ  สวีเดนมีหมอน้อยกว่าเมืองไทยเสียอีก ไปโรงบาลมีโอกาสเจอพยาบาลโดยไม่เจอแพทย์ มากกว่าเรา  แต่สุขภาพเขาก็ไม่ได้ย่ำแย่อะไร

อเมริกาเป็นชาติมหาอำนาจ  ตอนเศรษฐกิจรุ่งๆเรื่องสุขภาพก็ยังมีปัญหา

ไทยเราไล่ตามเขาไปติดๆอย่างนี้  จะมีเงินที่ไหนมาละลาย

ถ้าจะมองในแง่การลงทุน  เทรนด์นี้คงไม่เกิดคุณูปการต่อธุรกิจโรงบาลนัก  แม้แพทย์จะชาร์จค่าตรวจแล็บค่ารักษาเพิ่มขึ้น โรงบาลมีรายได้เพิ่มขึ้นแต่ยอดผู้ป่วยก็จะลดลงตาม

ธุรกิจที่มีแววรุ่งจึงน่าจะเป็นพวกสำนักงานทนายความ

ที่อเมริกานั้น ทนายเป็นอาชีพยอดนิยมที่สร้างรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำเลยทีเดียว
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 8

โพสต์

ถ้าหมอดี เก่ง รักษาแล้วจ่ายยา กินแล้วหาย ก็จบ

แต่โรคร้ายแรง หมอต้องอธิบายให้คนป่วยและญาติเข้าใจ พร้อมเงื่อนไข หมอเป็นคน ไม่ใช่เทวดา และไม่ใช่ยมบาล ที่จะบอกได้ว่าจะอยู่หรือจะตาย

เข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่บางโรงบาลที่ผมเคยโพสต์ เคยถูกฟ้องร้องไป เลยกลายเป็นว่าไม่มีน้ำใจ ไม่มีเมตตา ไม่มีจรรยาบรรณซะงั้น เอาเงินก่อนค่อยรักษา คนโดนรถชนมาจะตายอยู่แล้ว บอกมาได้ขอแปดหมื่นก่อนถึงจะผ่า

ผมว่าโรงบาลไหนมีโปรโมชั่นผ่อนจ่ายค่ารักษานะ รวยเละแน่นอน คนรายได้น้อยจะได้กล้าหาโรงบาลเอกชนดีๆ แล้วผ่อนจ่ายกันไป
woody
Verified User
โพสต์: 3763
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ประจวบ เขียน:ตัวเลขของเด็กที่เอนติดหมอทั่วประเทศปีนี้
25%สละสิทธิครับ
เฉพาะที่ศิริราชสละสิทธิ15%
เป็นตัวเลขที่บอกนัยยะอะไรบางอย่างในสังคมไทย
อืม ผมว่าน่าสนใจทีเดียวครับพี่หมอประจวบ แล้วไม่ทราบว่าปีก่อนหน้านี้ซัก 2-3 ปีอัตราสละสิทธิ์เป็นอย่างไรบ้างครับ จริงๆ ผมว่ามันจะดีอีกมากนะครับถ้ามีการ Track กันต่อว่าเด็กที่สละสิทธิ์นั้น สละไปเพื่ออะไร ?
Impossible is Nothing
ภาพประจำตัวสมาชิก
poppo
Verified User
โพสต์: 1356
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 10

โพสต์

แต่สำหรับเพื่อนๆที่เป็นหมอนะครับ ผมไม่อยากให้เลิกเป็นหมอแล้วออกมาลงทุนอย่างเดียวหรอกครับ

ในไทยแพทย์น้อยมากอยู่แล้ว แม้ปัจจุบันนี้ ผู้ป่วยจะไม่เห็นคุณค่าของแพทย์ แต่เราก็ต้องทำต่อไปครับ อย่างน้อยก็เพื่อให้เพื่อนร่วมอาชีพเราไม่เหนื่อยไปกว่านี้

เพียงแต่เราควรรู้จักลงทุน เพื่อให้อีกหน่อย ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ อยู่เวรเกินกำลัง

อาชีพเราเหมือนหมาไล่เนื้อ พอแก่ตัวลง จะให้มาอยู่เวรทุกคืน ผ่าตัดถึงเช้าคงไม่ไหว

เป้าหมายการลงทุนของผม คือให้มีรายได้เพิ่มอีกส่วนหนึ่ง เพื่อที่ว่าในตอนที่เราแก่ตัวลง เราจะไม่ต้องไปทำเอกชนหามรุ่งหามค่ำอีกเท่านั้นแหละ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 11

โพสต์

BHT เขียน:ถ้าหมอดี เก่ง รักษาแล้วจ่ายยา กินแล้วหาย ก็จบ

แต่โรคร้ายแรง หมอต้องอธิบายให้คนป่วยและญาติเข้าใจ พร้อมเงื่อนไข หมอเป็นคน ไม่ใช่เทวดา และไม่ใช่ยมบาล ที่จะบอกได้ว่าจะอยู่หรือจะตาย

เข้าใจทั้งสองฝ่าย แต่บางโรงบาลที่ผมเคยโพสต์ เคยถูกฟ้องร้องไป เลยกลายเป็นว่าไม่มีน้ำใจ ไม่มีเมตตา ไม่มีจรรยาบรรณซะงั้น เอาเงินก่อนค่อยรักษา คนโดนรถชนมาจะตายห่าอยู่แล้ว บอกมาได้ขอแปดหมื่นก่อนถึงจะผ่า
มันไม่ง่ายอย่างนั้นล่ะครับ
ถ้าคุยก็อีกยาวครับ  :wink:
kit556
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 272
ผู้ติดตาม: 0

x

โพสต์ที่ 12

โพสต์

ตกลงนี่มันกระทู้ดัก หมอใช่ใหม ครับ แถมมีกระทู้จาก thaiclinic.com (สนามมวยระหว่างแพทย์ กับ คนไข้) มาโหมโรง

ใครเป็นหมอก็เก็บอาการไม่อยู่หรอกครับ พูดแล้วของขึ้น

... ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้วครับ ใครอยากได้ความสัมพันธ์ แพทย์คนไข้แบบเดิมๆ คงต้องควานหาในชนบทไกลๆ (ไกลมากๆ เพราะเดี๋ยวนี้แม้แต่อำเภอใหญ่หน่อยก็ไม่ให้เกียตรหมอกันแล้ว โขกสับตลอด)

ส่วนในเมืองไม่ต้องพูดถึง ... "Customer is the King" ... หมอทำแทบตาย ตอนป่วยหนักอ้างจริยธรรม ต้องการการรักษาเต็มที่ พอหายป่วยก็เห็นหมอเป็นแค่พ่อค้าขายบริการ ตอนเก็บค่ารักษานี่ไม่ต้องพูดถึง .. ลืมตอนป่วยหนักสนิทเลย ด่าหมอลูกเดียว

------
ว่าแต่ นี่นับเป็น "megatrend" ของ ดร นิเวศน์ ได้ทีเดียวนะครับ
ใครช่วยบอกหน่อยเถอะว่าแบบนี้ ธุรกิจแบบไหนจะได้ประโยชน์
Kritsada
ภาพประจำตัวสมาชิก
gnomeller
Verified User
โพสต์: 425
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 13

โพสต์

ถ้าคิดว่าหมอทุกวันนี้แย่ลง
ถ้าคิดว่าหมอโดนคนไข้สวนได้
ถ้าคิดว่าหมอถูกลดเกียรติ
ถ้าคิดว่าหมอทำงานเหนื่อย
ถ้าคิดว่าหมอรายได้น้อย

ให้ลองมองเปรียบเที่ยบกับ อาชีพอื่นๆด้วยให้มากๆ
หมอยังคงเป็นอาชีพที่ สังคมนับหน้าถือตาอยู่มาก
การเทียบ หมอสมัยก่อน กับ หมอสมัยนี้
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 14

โพสต์

ผมนับถือ อาชีพ หมอมากนะครับ
เป็น อาชีพที่ทำเเล้วได้เเต่บุญ ช่วยเหลือคนตลอด
เคยเจอบางโรงบาลของรัฐ หมอคนเดียวตรวจคนไข้เป็น 100 เห็นเเล้วเหนื่อยเเทน

บางอาชีพทำไป ทั้งๆที่เป็นบาป เช่นพวกทนาย ...

ใครเป็นหมอก็ ขอให้ภูมิใจเถอะครับ .
...

:lol:
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 15

โพสต์

อย่างน้อยๆคิดในแง่ดีเข้าไว้

ผมเคยได้ยินว่า กรมสรรพากร ไม่กล้ายุ่งกับอาชีพสามอาชีพครับ

1หมอ คงเป็นเพราะกลัวโดนแบล็กเมล์คืนในกลุ่มแพทย์ ถ้าคุณสรรไปบีบบังคับมากเกินไป
2ทนายความ เพราะกลัวโดนฟ้องกลับ และไม่อยากยุ่งกับพวกหัวหมอ
3แม่ค้าแผงลอยในตลาดสด คงกลัวทุเรียนหรือปลาร้าปลิวลับหลัง

เข้ามาแก้เครียดครับ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Radio
Verified User
โพสต์: 1296
ผู้ติดตาม: 1

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ผมว่าไม่จริงหรอกครับที่ว่าสรรพกรไม่ยุ่งกับหมอ
เวลาเก็บภาษีไม่เข้าเป้าหมอจะถูกสรรพกรเรียกไปคุยเสมอ
ปีนี้ก็เริ่มถูกเรียกไปคุยแล้ว (หมอ=หมูตัวอ้วน)
  แล้วจะให้เอาเวลาที่ไหนคุยกับคนไข้ ในเมื่อต้องตรวจคนไข้เฉลี่ย
ชั่วโมงละ 15 คน จะจำกัดจำนวณคนไข้ว่าจะตรวจชั่โมงละ 4 คน
(จะได้มีเวลาให้คนไข้คนละ 15 นาที ซี่งไม่มากเกินไป) ก็ทำไม่ได้
ผู้อำนวยการสั่งให้รับคนไข้ไม่อั้น  หมอเหนื่อยตายหรือผิดพลาด
แล้วถูกฟ้องก็ช่างมัน
ภาพประจำตัวสมาชิก
metro
Verified User
โพสต์: 861
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 17

โพสต์

ผมคิดว่าทุกอาชีพที่ได้พบปะคนที่มากหน้าหลายตามีปัญหากันตามมาทั้งนั้นครับ ขึ้นอยู่กับการศึกษา และ สังคมของลูกค้ามากกว่าครับ อย่าไปโทษงานตัวเองเลยครับ เราทำงานของเราให้ดีที่สุดดีกว่าครับ อย่างน้อยมันก็แค่ขนตูดที่ทำให้เราคันก้นเท่านั้นเองครับ พอดึงมันออกไปได้อีกนานครับกว่าที่จะมีขนตูดเส้นใหม่ที่ทำให้เราคันขึ้นมาครับ สู้ๆครับ
kugsanova
Verified User
โพสต์: 9
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 18

โพสต์

อ่านไปอ่านมา

ลืมไปแล้วว่าอ่าน webboard VI

นึกว่าอ่าน thaiclinic อยู่
noooon010
Verified User
โพสต์: 2712
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 19

โพสต์

[quote="gnomeller"]

เท่าที่เห็นรอบตัว เทรนของหมอเปลี่ยนไป จากสมัยก่อน ที่เคยเป็นอาจารย์หมอชื่อดังต้องจองคิวตรวจ จองคิวผ่าตัด เปลี่ยนมาเป็น คุณหมอใจดีที่อธิบายอย่างใจเย็น และบริกการของโรงพยาบาลที่เป็นกันเอง สะดวก สะอาด รวดเร็วมากกว่า
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ

มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม


นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 20

โพสต์

terati20 เขียน:ผมนับถือ อาชีพ หมอมากนะครับ
เป็น อาชีพที่ทำเเล้วได้เเต่บุญ ช่วยเหลือคนตลอด
เคยเจอบางโรงบาลของรัฐ หมอคนเดียวตรวจคนไข้เป็น 100 เห็นเเล้วเหนื่อยเเทน

บางอาชีพทำไป ทั้งๆที่เป็นบาป เช่นพวกทนาย ...

ใครเป็นหมอก็ ขอให้ภูมิใจเถอะครับ .
...

:lol:
8) ทนายดีๆที่ผมรู้จักก็มีครับ
    หมอดีๆก็รู้จักหลายคนเหมือนกัน
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 21

โพสต์

gnomeller เขียน: ถึงยุค generation Y แล้ว !
8) Y นี่วายป่วงหรือวายปราณครับ....แฮ่......
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 22

โพสต์

terati20 เขียน: บางอาชีพทำไป ทั้งๆที่เป็นบาป เช่นพวกทนาย ...
ม่ายเห็นด้วยคร้าบ  :wink:
beammy
Verified User
โพสต์: 3345
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 23

โพสต์

Pn3um0n1a เขียน:
ม่ายเห็นด้วยคร้าบ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ทุกอาชีพสามารถทำได้ทั้งบาปและบุญครับ

ใครจะว่าหมอก็ว่าไป แต่ผมไม่ว่า เพราะผมรักษาตัวเองไม่เป็นครับ 555
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
kit556
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 272
ผู้ติดตาม: 0

x

โพสต์ที่ 25

โพสต์

พวก ทนาย เนี่ยจริงๆแล้วมีประโยชน์กับระบบสังคม เศรษฐกิจแค่ไหนครับ เห็นพวกยิ่งเก่งมากๆ ก็มักถนัดในการทำผิดเป็นถูก ช่วยนายทุนหลบเลี่ยงกฎหมาย

พวกเชี่ยวชาญภาษีมากๆ ก็ ช่วยเจ้านายหลบภาษีจนต้อง ลี้ภัยโดยสุจริต , ส่วนเจ้าตัวเองก็เสียผู้เสียคนตอนแก่

ใครช่วยคิดงานของทนายที่มีประโยชน์กับสังคมให้ฟังหน่อยเถอะครับ นึกไม่ออกจริงๆ
Kritsada
chut
Verified User
โพสต์: 234
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 26

โพสต์

เห็นด้วยกับพี่ poppo ครับ

"เพียงแต่เราควรรู้จักลงทุน เพื่อให้อีกหน่อย ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ อยู่เวรเกินกำลัง

อาชีพเราเหมือนหมาไล่เนื้อ พอแก่ตัวลง จะให้มาอยู่เวรทุกคืน ผ่าตัดถึงเช้าคงไม่ไหว

เป้าหมายการลงทุนของผม คือให้มีรายได้เพิ่มอีกส่วนหนึ่ง เพื่อที่ว่าในตอนที่เราแก่ตัวลง เราจะไม่ต้องไปทำเอกชนหามรุ่งหามค่ำอีกเท่านั้นแหละ"

ผมขอเพิ่มที่ว่า หมอควรกินอยู่อย่างพอเพียง เมื่อใช้จ่ายน้อย ก็จะไม่ต้องดิ้นรนทำงานหามรุ่งหามค่ำมาก เอาเวลาไปออกกำลังบ้าง ความเครียดจะน้อยลงครับ อย่าไปเปรียบเทียบกับอาชีพอื่น ว่าเพื่อนวิศวะ ได้เป็นถึงผู้บริหารแล้ว หรือ เพื่อนที่มาสาย finance ได้โบนัสเป็นหลักล้าน หมอก็ยังคงไปเรื่อยๆในแบบของหมอ คือ ไม่รวย และไม่จน

ก่อนที่จะมาเรียนต่อ ผมทำงานสัปดาห์ละเกือบ 90 ชม.ติดกันเกือบปี (รพ.รัฐครับ ไม่สามารถมีเวลาไปรับงานรพ.เอกชนได้) ตรวจคนไข้วันละ 50-310 คน
ได้ทั้งบุญ(ส่วนมากผมอยู่ประจำ ER ได้ช่วยชีวิตคนก็มาก ช่วยให้รอดจากการเสียแขนเสียขาก็ไม่น้อย) และได้รับรู้ความเหน็ดเหนื่อยในวิชาชีพ(ไม่ว่าจะอดนอน หรือ ทะเลาะกับญาติคนไข้ และ ทั้งสองอย่างพร้อมกัน)นี้เป็นอย่างดี
ถึงได้เป็นจุดเริ่มให้สนใจการลงทุนครับ แต่ก็ยังไม่ได้รังเกียจการเป็นแพทย์นะครับ

ตอบเจ้าของกระทู้ ผมว่า trend นี้ไม่น่าจะมีผลกระทบกับรพ.เอกชนมากนัก
ผลดี : แพทย์สั่งการตรวจเพิ่มเติมมากขึ้น รพ.ได้รายได้เพิ่มขึ้น
ผลเสีย : หากมีกรณีฟ้องร้อง ไม่แน่ใจว่ารพ.เอกชน ต้องมาเป็นจำเลยร่วมด้วยหรือเปล่าครับ
MarginofSafety
Verified User
โพสต์: 5786
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 27

โพสต์

อืม...มิน่า หมอถึงหันมาเป็นนักลงทุนเยอะแยะไปหมด
ผมว่า Mega Trend คงเป็น ThaiVI เต็มไปด้วยหมอ

เป็นหมอมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอครับ

รูปภาพ

ถ้าผมอายุ 80 ปีเหมือนหมอเฉก
อยากตีลังกา เล่นโยคะได้เหมือนท่านจัง
"Winners never quit, and quitters never win."
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 28

โพสต์

ถ้าไม่นับหมอในเว็บนี้

มีกี่คนครับที่รู้ว่า โรงบาลเก็บค่ารักษาเท่าไหร่ เวลาต้องเอ็กซเรย์ รู้มั้ยครับว่าคนป่วยโดนเก็บเงินเท่าไหร่ ถ้าต้องอัลตร้าซาวด์ล่ะ

เวลารักษาสั่งรักษาเต็มที่เพื่อให้หาย แต่ไม่รู้ว่าต้องจ่ายแค่ไหน คนป่วยเลยไม่หาย เพราะเครียดค่ารักษา

อีกอย่างหมอรู้มั้ยครับว่าเขียนสั่งยาไป เภสัชจะจ่ายยาตรงกับที่หมอเขียนมั้ย
ภาพประจำตัวสมาชิก
romee
Verified User
โพสต์: 1850
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 29

โพสต์

เรื่องการสละสิทธิ์ของเด็กนะครับ เป็นหลายคณะครับ

ส่วนใหญ่เพราะค่านิยม และการปลูกฝังของสังคมและครอบครัวอ่ะ ที่ทำให้เด็กเห็นอาชีพหมอเป็นดั่งเทพ

ใครเรียนเก่ง ต้องเป็นหมอ เป็นวิดวะ

หายากจริงๆ ที่คนเรียนเก่งๆมาไปเป็นครูเลยอ่ะ...

ยังไงก็ตาม ผมก็ไม่อยากให้หมอท้อถอย หรือเลิกจากอาชีพหมอครับ อาชีพหมอเป็นอาชีพประเสริฐ ช่วยเหลือคน...
booklover
Verified User
โพสต์: 1061
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 30

โพสต์

คนอื่นไม่รู้นะแต่ผมยังนับถืออาชีพหมอกับครูมากๆเลยครับ

ผมว่าเป็นอาชีพที่มีบุญมาก ได้ช่วยคนมากมาย ได้ให้ความรู้คน

แถมเลี้ยงชีพได้ด้วยน่าภูมิใจออก เวลาเจอหมอเจอครูผมก็ยัง

ยกมือไหว้ทุกครั้งนะครับ :D
โพสต์โพสต์