บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
-
- Verified User
- โพสต์: 63
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 31
เข้ามาเป็นกำลังใจให้หมอเคนะครับ มีคำสั้นๆง่ายๆ
"จงชอบในสิ่งที่ทำ เพื่อรอเวลาทำในสิ่งที่ชอบ"
ผมคิดว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีเกีรยติ ต้องใช้ความสามารถสูง
ต้องมีความอดทน ต้องมีความเมตตา ที่สำคัญต้องเสียสละ
เพราะฉะนั้นทำต่อไปเถอะครับ
ขอให้เป็นเช่นเดียวกับหมอโฮจุน
เรื่องการเปลี่ยนแนวทางการลงทุนก็แล้วแต่หมอ
แต่ผมว่าจะเล่นแนววีไอ หรือ แนวกราฟก็ต้องศึกษา
"จงชอบในสิ่งที่ทำ เพื่อรอเวลาทำในสิ่งที่ชอบ"
ผมคิดว่าอาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีเกีรยติ ต้องใช้ความสามารถสูง
ต้องมีความอดทน ต้องมีความเมตตา ที่สำคัญต้องเสียสละ
เพราะฉะนั้นทำต่อไปเถอะครับ
ขอให้เป็นเช่นเดียวกับหมอโฮจุน
เรื่องการเปลี่ยนแนวทางการลงทุนก็แล้วแต่หมอ
แต่ผมว่าจะเล่นแนววีไอ หรือ แนวกราฟก็ต้องศึกษา
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 32
เอ.. เยอะยังไงเหรอครับ นึกไม่ออก :?crazyrisk เขียน: เพราะใครก้อชอบงานสบายเงินหนัก หญิงเยอะ
แต่ก็เห็นด้วยกับพี่นริศนะครับ โลเลแล้วรุ่งริ่ง แน่นอน (เด๋วจะหาว่าอ่านไปตั้งเยอะ จับประเด็นได้แต่เรื่องข้างบน ฮ่าๆๆ)
ความจริงเรื่องหัวใจโลเลแล้วเป็นยังไงนี่ พี่หมอเคน่าจะเชี่ยวชาญอยู่แล้วนะครับ :mrgreen:
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 37
Paul และ Peter ทำงานอยู่ในบริษัทเดียวกัน อายุเท่ากัน
ช่วงเวลาทำงานก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก พวกเขามีความขยัน
ตั้งใจในการทำงาน แต่ว่า Peter นั้นทำงานได้ไม่นานนัก
ก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นถึงผู้จัดการแผนก
แต่สำหรับ Paul แล้ว ดูเหมือนทุกคนจะลืมไปว่ามีเขาอยู่ด้วย
จนวันหนึ่ง Paul ซึ่งหมดความอดทนได้เข้ามาขอลาออก
เหตุผลก็คือ เขาได้ทำงานหนัก แต่ไม่เคยประจบประแจง
หรือเป็นคนคุยโวโอ้อวด
เขาจึงไม่เคยอยู่ในสายตาของผู้อำนวยการเลย
เมื่อผู้อำนวยการฟัง Paul พูดจบ เขาทราบว่า Paul
นั้นทำงานหนักจริง แต่เขาขาดคุณสมบัติไปข้อหนึ่ง
ถ้าเขาพูดไปตรงๆ อาจทำให้ Paul ไม่สบายใจ ดังนั้น
เขาจึงคิดวิธีหนึ่งได้ แล้วพูดว่า
"Paul บางทีฉันอาจจะตาลายนะเอาอย่างนี้แล้วกัน
เธอไปที่ตลาดดูว่าที่ตลาดมีอะไรมาขายบ้าง"
Paul รีบไปตลาดแล้วก็กลับมา รายงานผู้อำนวยการว่า
"ผมพบว่ามีชาวนาชราคนหนึ่งลากรถมาขายถั่ว" ผู้อำนวยการถาม
"รถนั้นสามารถบรรทุกถั่วได้หนักกี่กิโล" Paul ก็ขอกลับไปดูใหม่
สักครู่ก็กลับมา รายงานว่า
"รถนั้นบรรทุกถั่วจำนวน 40 กว่าถุง ถุงละประมาณ 20 กิโล"
ผู้อำนวยการจึงถามอีกว่า "กิโลละเท่าไหร่" Paul ก็จะขอกลับไปดูใหม่
แต่ผู้อำนวยการได้เรียกให้เขาหยุดและให้พักผ่อนสักครู่
จากนั้นเขาก็ให้คนไปเรียก Peter มาพบแล้วพูดกับเขาว่า
"คุณ Peter คุณรีบไปตลาดนะดูว่าวันนี้มีอะไรมาขายบ้าง"
ไม่นานนัก Peter ก็กลับมาแจ้งว่า
"ที่ตลาดมีเพียงชาวนาชราคนหนึ่งนำถั่วมาขาย
มีอยู่ประมาณ 40 กว่าถุง รวมแล้ว 800 กว่ากิโล ราคาก็ปานกลาง
และคุณภาพก็ดีด้วย"จากนั้นเขาก็นำตัวอย่างถั่วบางเม็ดให้ผู้อำนวยการดูแล้วพูดต่อว่า
"เย็นนี้เขาจะลากถั่วอีก 1 คันรถมาขายที่ตลาด ราคาก็ใช้ได้ผมเตรียมที่
จะเจอกับชาวนาชราคนนี้อีกครั้งในตอนเย็น"
Paul ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เริ่มหน้าแดง
เขาขอร้องให้ผู้อำนวยการคืนใบลาออกให้กับเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างเขากับ Peter แล้ว
คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นที่จริงแล้วไม่มีเทคนิคอะไร
แต่เขาจะมีความคิดที่ไกลก้าวหน้ากว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
การมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
การที่เราก้มหน้าก้มตาทำงานโดยที่เราไม่มองข้างบนหรือข้างๆเลย
ว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว ดิดแต่จะทำแต่ก้าวไปไม่ถึงไหน
ถ้าเราคิดได้มากขึ้น ละเอียดขึ้นไม่ใช่จะทำให้เราเสียเวลา
แต่จะยิ่งทำให้เรามีทัศนวิสัยที่กว้างไกลยิ่งขึ้น
สามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
และจะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นลอง
คิดดูในช่วงเวลาของชีวิตคุณคิดไปถึงกี่ขั้นแล้ว
-แนวความคิด Paul หรือ Peter ?
เมื่อฉันยังไม่เริ่มทำงาน ฉันคือคนเกียจคร้าน
เมื่อนายยังไม่เริ่มทำงาน เขามีธุระ
เมื่องานของฉันต้องใช้เวลา ฉันกลายเป็นคนเฉื่อยช้า
เมื่อเจ้านายทำงานช้า เขาเป็นผู้ละเอียดรอบคอบ
เมื่อฉันทำงานที่ไม่ได้รับคำสั่ง ฉันก้าวก่ายเกินหน้าที่
เมื่อเจ้านายทำบ้าง มันกลายเป็นความคิดริเริ่ม
เมื่อฉันยืนหยัดคัดค้าน ฉันกลายเป็นไอ้งั่ง
เมื่อเจ้านายเถียง เขากำลังเป็นผู้เข้มแข็ง
เมื่อฉันไม่ระวังมารยาท ฉันคือคนหยาบคาย
เทมื่อเจ้านายไร้มารยาท มันคือบุคลิกของเขา
เมื่อนายเอาใจผู้ใหญ่ ฉันกลายเป็นตลกบริโภค
เมื่อเจ้านายเลียผู้ใหญ่ นั่นคือการมีมนุษยสัมพันธ์
เมื่อฉันทำงานก้าวหน้า มักถูกตักเตือนว่าล้ำเส้น
เมื่อเจ้านายทำงานเอาหน้า ถือว่าเป็นความพากเพียร
เมื่อฉันทำงานพลาด ฉันคือคนสะเพร่า
เมื่อเจ้านายทำผิด เขาถือเป็นประสบการณ์
เมื่อฉันลืมทำบางสิ่ง ฉันเป็นผู้ละทิ้งหน้าที่
เมื่อเจ้านายเผลอเรอ ต้องทำใจว่าเขามีงานล้นมือ
ช่วงเวลาทำงานก็ไม่ต่างกันเท่าใดนัก พวกเขามีความขยัน
ตั้งใจในการทำงาน แต่ว่า Peter นั้นทำงานได้ไม่นานนัก
ก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเรื่อยๆ จนได้เป็นถึงผู้จัดการแผนก
แต่สำหรับ Paul แล้ว ดูเหมือนทุกคนจะลืมไปว่ามีเขาอยู่ด้วย
จนวันหนึ่ง Paul ซึ่งหมดความอดทนได้เข้ามาขอลาออก
เหตุผลก็คือ เขาได้ทำงานหนัก แต่ไม่เคยประจบประแจง
หรือเป็นคนคุยโวโอ้อวด
เขาจึงไม่เคยอยู่ในสายตาของผู้อำนวยการเลย
เมื่อผู้อำนวยการฟัง Paul พูดจบ เขาทราบว่า Paul
นั้นทำงานหนักจริง แต่เขาขาดคุณสมบัติไปข้อหนึ่ง
ถ้าเขาพูดไปตรงๆ อาจทำให้ Paul ไม่สบายใจ ดังนั้น
เขาจึงคิดวิธีหนึ่งได้ แล้วพูดว่า
"Paul บางทีฉันอาจจะตาลายนะเอาอย่างนี้แล้วกัน
เธอไปที่ตลาดดูว่าที่ตลาดมีอะไรมาขายบ้าง"
Paul รีบไปตลาดแล้วก็กลับมา รายงานผู้อำนวยการว่า
"ผมพบว่ามีชาวนาชราคนหนึ่งลากรถมาขายถั่ว" ผู้อำนวยการถาม
"รถนั้นสามารถบรรทุกถั่วได้หนักกี่กิโล" Paul ก็ขอกลับไปดูใหม่
สักครู่ก็กลับมา รายงานว่า
"รถนั้นบรรทุกถั่วจำนวน 40 กว่าถุง ถุงละประมาณ 20 กิโล"
ผู้อำนวยการจึงถามอีกว่า "กิโลละเท่าไหร่" Paul ก็จะขอกลับไปดูใหม่
แต่ผู้อำนวยการได้เรียกให้เขาหยุดและให้พักผ่อนสักครู่
จากนั้นเขาก็ให้คนไปเรียก Peter มาพบแล้วพูดกับเขาว่า
"คุณ Peter คุณรีบไปตลาดนะดูว่าวันนี้มีอะไรมาขายบ้าง"
ไม่นานนัก Peter ก็กลับมาแจ้งว่า
"ที่ตลาดมีเพียงชาวนาชราคนหนึ่งนำถั่วมาขาย
มีอยู่ประมาณ 40 กว่าถุง รวมแล้ว 800 กว่ากิโล ราคาก็ปานกลาง
และคุณภาพก็ดีด้วย"จากนั้นเขาก็นำตัวอย่างถั่วบางเม็ดให้ผู้อำนวยการดูแล้วพูดต่อว่า
"เย็นนี้เขาจะลากถั่วอีก 1 คันรถมาขายที่ตลาด ราคาก็ใช้ได้ผมเตรียมที่
จะเจอกับชาวนาชราคนนี้อีกครั้งในตอนเย็น"
Paul ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ เริ่มหน้าแดง
เขาขอร้องให้ผู้อำนวยการคืนใบลาออกให้กับเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างเขากับ Peter แล้ว
คนที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นที่จริงแล้วไม่มีเทคนิคอะไร
แต่เขาจะมีความคิดที่ไกลก้าวหน้ากว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
การมีความคิดที่ก้าวไกลกว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ
การที่เราก้มหน้าก้มตาทำงานโดยที่เราไม่มองข้างบนหรือข้างๆเลย
ว่าเขาไปถึงไหนกันแล้ว ดิดแต่จะทำแต่ก้าวไปไม่ถึงไหน
ถ้าเราคิดได้มากขึ้น ละเอียดขึ้นไม่ใช่จะทำให้เราเสียเวลา
แต่จะยิ่งทำให้เรามีทัศนวิสัยที่กว้างไกลยิ่งขึ้น
สามารถเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้อย่างรวดเร็ว
และจะทำให้เราเข้าใกล้เป้าหมายของความสำเร็จได้เร็วยิ่งขึ้นลอง
คิดดูในช่วงเวลาของชีวิตคุณคิดไปถึงกี่ขั้นแล้ว
-แนวความคิด Paul หรือ Peter ?
เมื่อฉันยังไม่เริ่มทำงาน ฉันคือคนเกียจคร้าน
เมื่อนายยังไม่เริ่มทำงาน เขามีธุระ
เมื่องานของฉันต้องใช้เวลา ฉันกลายเป็นคนเฉื่อยช้า
เมื่อเจ้านายทำงานช้า เขาเป็นผู้ละเอียดรอบคอบ
เมื่อฉันทำงานที่ไม่ได้รับคำสั่ง ฉันก้าวก่ายเกินหน้าที่
เมื่อเจ้านายทำบ้าง มันกลายเป็นความคิดริเริ่ม
เมื่อฉันยืนหยัดคัดค้าน ฉันกลายเป็นไอ้งั่ง
เมื่อเจ้านายเถียง เขากำลังเป็นผู้เข้มแข็ง
เมื่อฉันไม่ระวังมารยาท ฉันคือคนหยาบคาย
เทมื่อเจ้านายไร้มารยาท มันคือบุคลิกของเขา
เมื่อนายเอาใจผู้ใหญ่ ฉันกลายเป็นตลกบริโภค
เมื่อเจ้านายเลียผู้ใหญ่ นั่นคือการมีมนุษยสัมพันธ์
เมื่อฉันทำงานก้าวหน้า มักถูกตักเตือนว่าล้ำเส้น
เมื่อเจ้านายทำงานเอาหน้า ถือว่าเป็นความพากเพียร
เมื่อฉันทำงานพลาด ฉันคือคนสะเพร่า
เมื่อเจ้านายทำผิด เขาถือเป็นประสบการณ์
เมื่อฉันลืมทำบางสิ่ง ฉันเป็นผู้ละทิ้งหน้าที่
เมื่อเจ้านายเผลอเรอ ต้องทำใจว่าเขามีงานล้นมือ
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
-
- Verified User
- โพสต์: 656
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 38
ผมเสนอว่า น้องไม่ควรตั้งข้อแม้และข้อจำกัดให้ชีวิตมากไป หาได้ง่ายหรือครับ งานที่ไม่หนัก เงินดี และ "หญิงเยอะ"
ทำไปตามใจรักเถิดครับ อย่าเอาสิ่งตอบแทนพวกนี้มาเป็นข้อแม้มากเลย งานของเราสาขาไหนๆก็ไม่อดหรอก เงิน ลาภยศ และสิ่งต่างๆที่ต้องการจะตามมาเองหากเราทำงานอย่างศรัทธา และทุ่มเทกับงานที่ทำ ตอนนี้ผม happy ดีกับงานหนักในที่ๆไม่มีความพร้อมสำหรับการทำงานเลย และกำลังพยายามทำให้มันพร้อมขึ้นอยู่ งานแยะขนาดไม่ค่อยได้ตามหุ้นเลย พอร์ตไม่ขยับ มาร์บ่นแล้วบ่นอีก ค่าตอบแทนก็ไม่มากมาย OT ตัดมดลูกเคสละ 800 ผ่าคลอดเคสละ 400 คลอดแบบผิดปกติ 200 คลอดปกติไม่มีค่าตอบแทน อยู่เวรได้ตั้งคืนละ 800 หรือ 1200 แน่ะ
สิ่งมีค่ากว่าเงินที่ได้รับคือผมรู้วาได้สิงที่ถูกต้องแล้ว ตั้งหลายชีวิตออกมาดูโลกอย่างปลอดภัยเพราะเรานะนี่ แถมอีกตั้งหลายคนหายปวดท้อง หายตกเลือด รึรอดชีวิตจากเรา
ถ้าวันนึงอยากได้เงินมากๆ ก็เปิดร้าน รับพิเศษ ก็ไม่เห็นจะผิด รายได้ก็น่าจะเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว รายได้ที่น้องเคยบอกว่าอยากได้ สบายใจได้เลยครับว่าชิวๆ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
อ้อ สุดท้ายขอขัดนิดนะ หมอกระดูก เรอะ "หญิงเยอะ"
ใครจะมี "หญิง" ที่ "ผ่านมือ" เยอะเท่าหมอสูติครับ เพียงแต่ส่วนใหญ่ท้อง ไม่ก็แก่แล้ว แค่นั้นเอ๊ง อิอิ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
ทำไปตามใจรักเถิดครับ อย่าเอาสิ่งตอบแทนพวกนี้มาเป็นข้อแม้มากเลย งานของเราสาขาไหนๆก็ไม่อดหรอก เงิน ลาภยศ และสิ่งต่างๆที่ต้องการจะตามมาเองหากเราทำงานอย่างศรัทธา และทุ่มเทกับงานที่ทำ ตอนนี้ผม happy ดีกับงานหนักในที่ๆไม่มีความพร้อมสำหรับการทำงานเลย และกำลังพยายามทำให้มันพร้อมขึ้นอยู่ งานแยะขนาดไม่ค่อยได้ตามหุ้นเลย พอร์ตไม่ขยับ มาร์บ่นแล้วบ่นอีก ค่าตอบแทนก็ไม่มากมาย OT ตัดมดลูกเคสละ 800 ผ่าคลอดเคสละ 400 คลอดแบบผิดปกติ 200 คลอดปกติไม่มีค่าตอบแทน อยู่เวรได้ตั้งคืนละ 800 หรือ 1200 แน่ะ
สิ่งมีค่ากว่าเงินที่ได้รับคือผมรู้วาได้สิงที่ถูกต้องแล้ว ตั้งหลายชีวิตออกมาดูโลกอย่างปลอดภัยเพราะเรานะนี่ แถมอีกตั้งหลายคนหายปวดท้อง หายตกเลือด รึรอดชีวิตจากเรา
ถ้าวันนึงอยากได้เงินมากๆ ก็เปิดร้าน รับพิเศษ ก็ไม่เห็นจะผิด รายได้ก็น่าจะเพิ่มอีกเป็นเท่าตัว รายได้ที่น้องเคยบอกว่าอยากได้ สบายใจได้เลยครับว่าชิวๆ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
อ้อ สุดท้ายขอขัดนิดนะ หมอกระดูก เรอะ "หญิงเยอะ"
ใครจะมี "หญิง" ที่ "ผ่านมือ" เยอะเท่าหมอสูติครับ เพียงแต่ส่วนใหญ่ท้อง ไม่ก็แก่แล้ว แค่นั้นเอ๊ง อิอิ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 39
moonkiss เขียน:
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
อ้อ สุดท้ายขอขัดนิดนะ หมอกระดูก เรอะ "หญิงเยอะ"
ใครจะมี "หญิง" ที่ "ผ่านมือ" เยอะเท่าหมอสูติครับ เพียงแต่ส่วนใหญ่ท้อง ไม่ก็แก่แล้ว แค่นั้นเอ๊ง อิอิ
:lol: :lol: :lol: :lol: :lol:
อันนี้ท่าจะจริงคับ
ฟังความคิดพี่ หมอ ก้องทีไร แล้วรู้สึกได้อะไรดีๆกลับมาทุกทีคับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
- crazyrisk
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 4549
- ผู้ติดตาม: 0
บ่อยไหมคับที่คิดว่างานที่คุณทำ มันไม่ใช่สำหรับคุณ
โพสต์ที่ 40
วันก่อนได้ คำดีๆจากพี่เจ๋ง ก้อเลยเอามาเผื่อแผ่ ญาติมิตรหน่อยดีกว่า
แกบอกว่า แทนที่เราจะเลือกงาน โดย ตัดสินใจจาก option นู่นๆนี่ๆ
ว่า ได้เงินเยอะไหม ให้ตัดสินใจจากใช้หัวใจ แทนใช้หัวสมอง
บางครั้งเราก้อใช้สมองทำงานมากไป ต้องปล่อยให้หัวใจทำงานซะบ้าง
ผมก้อแย้งว่า เราจะไปรู้ได้ไงว่า เราชอบอะไร
พี่เขาก้อเลยบอกว่า
ลองใช้หลักธรรมะ ข้อ "ฉันทะ" สิ
คือให้คิดซะว่า งานที่ทำ จะทำให้ไม่มีเงินใช้ต่อไปอีก
อย่างน้อย 10 ปี เนี่ย จะเลือกทำงานอะไร
ถ้าเลือกได้ ก้อจะเิิกิด วิริยะ ขึ้นมาต่อ...
ผมก้อปิ๊งเลยคับ...
ขอบคุณพี่เจ๋งครับ
แกบอกว่า แทนที่เราจะเลือกงาน โดย ตัดสินใจจาก option นู่นๆนี่ๆ
ว่า ได้เงินเยอะไหม ให้ตัดสินใจจากใช้หัวใจ แทนใช้หัวสมอง
บางครั้งเราก้อใช้สมองทำงานมากไป ต้องปล่อยให้หัวใจทำงานซะบ้าง
ผมก้อแย้งว่า เราจะไปรู้ได้ไงว่า เราชอบอะไร
พี่เขาก้อเลยบอกว่า
ลองใช้หลักธรรมะ ข้อ "ฉันทะ" สิ
คือให้คิดซะว่า งานที่ทำ จะทำให้ไม่มีเงินใช้ต่อไปอีก
อย่างน้อย 10 ปี เนี่ย จะเลือกทำงานอะไร
ถ้าเลือกได้ ก้อจะเิิกิด วิริยะ ขึ้นมาต่อ...
ผมก้อปิ๊งเลยคับ...
ขอบคุณพี่เจ๋งครับ
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.