จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

สวัสดีครับ เพื่อนชาว VI   มีโอกาสได้เข้าร่วมเสวนาทางจิตวิญญาณ  ไม่รู้จะไปแปะที่ไหนก็ขอมาไว้ที่ห้องนี้แล้ว  เผื่ออ่านสบายๆในวันหยุดสุดสัปดาห์  ใจปลอดโล่ง ไร้ตัวเลขเขียว ๆ แดงๆ หน้าจอมากวนสมาธิ

เนื้อหาของบทความนี้ เป็นการสรุปจากเกาะสนามของกูรูในบรรยากาศล้อมวงเสวนาในหัวข้อ  
จิตวิญญาณของยุคสมัยหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน : ความหวังหรือสิ้นหวัง
จัดโดย  เครือข่ายพุทธิกา/เครือข่ายธรรมโฆษณ์ เมื่อวันศุกร์ที่ 7 นี้เอง
วิทยากร : ผศ.ดร.วีระ สมบูรณ์, รศ.ดร.สุวรรณา สถาอานันท์, นพ.ดร.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์,  พระไพศาล วิสาโล (ผู้ดำเนินรายการ)

เอาล่ะครับ ลองหาเครื่องดื่มเบาๆ  อย่างชาร้อนๆอุ่นๆจิบไปพลาง ก็คงจะหมดถ้วยพอดีครับ  เมื่ออ่านจบ

รูปภาพ

ไม่มีใครลืมเหตุการณ์ที่พลิกประวัติศาสตร์โลกเมื่อวันที่ 11 กันยายน  2001 เมื่อเครื่องบินของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ลำหนึ่งชนตึกแฝดหลังแรกของ World Trade Center  ในมหานครนิวยอร์ค ณ ตอนรุ่งสายในชั่วโมงทำงานของชาวเมืองใหญ่ หลังจากนั้นเพียงไม่กี่นาทีก็มีเครื่องบินโดยสารอีกลำชนเข้ากับตึกแฝดหลังที่ 2  ไฟลุกท่วมตึก  ไม่กี่นาที ตึกสูงตระหง่านอันเป็นสัญญลักษณ์ของมหานครแห่งโลกทุนนิยมอันดับหนึ่ง ก็ค่อยๆทรุดลงมากองกับพื้น เป็นละอองผงฝุ่นคละคลุ้งทั่วทุกตารางนิ้ว  ท่ามกลางสายตาตะลึงงันและช็อคไปทั้งโลก  

ความโกลาหล  มึนงงแต่แรกแปรเป็นความโกรธ เคียดแค้น นี่ย่อมไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาแน่นอน มันคือการก่อการร้ายที่มีแผนเตรียมการล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายถล่มเขย่าขวัญชาวมะกันทั้งประเทศ  ใครเหล่าคือผู้บงการ  ใครเล่าคือผู้กล้าพลีชีพไปกับปฎิบัติการครั้งนี้  ใครเล่าคือเหยื่อเคราะห์แรกที่ถูกดึงเข้าร่วม และใครเล่าคือซากแห่งความรันทดของการก่อวินาศกรรมอันใหญ่หลวงที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

ในวงเสวนามิได้ตั้งวงประเด็นจำเพาะสืบเสาะเรื่องราวความเป็นมาของการก่อการสนั่นโลก แต่มานั่งถกประเด็นในวิถีปุถุชนว่า เกิดอะไรขึ้นกับจิตใจของมนุษย์แม้หลังเหตุการณ์ 11 กันยายนผ่านพ้นไปถึง 6 ปีแล้วก็ตาม
ทุกคนประณามการกระทำที่หยาบช้า แต่ยิ่งประณาม ความรุนแรงก็ยิ่งกระจายไปทั่ว กระทั่งกลายเป็นสงครามความเชื่อระหว่างลัทธิและลามมาถึงใกล้ๆบ้านเรานี้เอง  หลายหน่วยงานพยายามหาหนทางเยียวยา บรรเทาทุกข์ แต่แสงสว่างดูเหมือนช่างริบหรี่ จนพลอยให้ผู้คนในสังคมเริ่มท้อแท้ สิ้นหวัง มีชีวิตแขวนอยู่บนความหวาดหวั่นและระแวง  กระนั้นก็ตามในความมืดมิดก็ยังมีเชื้อรอจุดประทุไฟให้สว่างขึ้นมาอีกได้หากถอดใจออกมาคุยกัน

เข้าใจปรากฏการณ์ใหม่
ก่อนจะเยียวยาบำบัดความรันทด หดหู่ของมนุษย์  เราควรมาทำความเข้าใจเบื้องต้นถึงปรากฏการณ์ใหม่ๆที่เกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 9/11 แยกแยะเหตุที่เกิดและผลที่ติดตามมา อันนำไปสู่ความหวังในศานติ

1.การแบ่งขั้วที่แสนชัดเจน
ปรากฏการณ์ใครคือมิตร  ใครคือศัตรู ไม่เคยเด่นชัดในประวัติศาสตร์แห่ง มนุษยชาติเหมือนเช่นทุกวันนี้  ผู้นำของสหรัฐอเมริกันถึงกับประกาศชัดว่า If you are not with us, you are against us ว้าว....เลยมีอังกฤษเท่านั้นที่เป็นมหามิตรเอกอุ  ไม่เป็นไรเพราะพี่ใหญ่สามารถประกาศ ลุยลูกเดียว Go it Alone ได้อยู่แล้ว   การจำแนกศัตรูให้ชัดเจนนี้เอง กลายเป็นข้ออ้างและเป้าหมายในการคุกคามอย่างสมเหตุสมผล  แม้ที่จริงจะมีวัตถุประสงค์แฝงเร้นเพื่อครอบครองแหล่งพลังงานสำคัญใต้พิภพ( กรณีสหรัฐอเมริกาบุกอิรักโดยอ้างว่าซัดดัมเป็นแนวร่วมศัตรูตัวยง)

เมื่อสามารถจำแนกศัตรูออกมาเป็นตัวตนเช่นนี้แล้ว ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะโทษเหตุการณ์ทุกอย่างที่บัง เกิดขึ้นว่าเป็นผลพวงจากการกระทำของศัตรูนั่นเอง (Enemies are others  นรกคือคนอื่นๆ  ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่เกี่ยว)   ซึ่งย่อมนำไปสู่การทำสงครามที่(อ้างว่า)ชอบธรรมในท้ายสุด

การแบ่งขั้วศัตรูชัดเจน ยังความหวาดระแวงลิดรอนสิทธิส่วนบุคคลให้กับคนร่วมชาติที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่ยอมปฏิบัติตามกฏระเบียบใหม่ๆเพื่อป้องกันเหตุร้าย   กีดกันและละเมิดขนบวิถีของคนต่างชาติที่สืบเชื้อสายใกล้เคียง (เช่น ห้ามผู้หญิงมุสลิมโพกผ้าคลุมศรีษะและหน้า)รวมไปถึงชาวเอเชียแบบพี่ไทยที่ถูกเหยียดมองว่าให้การพักพิงแก่ผู้ก่อการร้ายไปด้วย  พลอยให้เพิ่มการตรวจตราตามสถานที่สาธารณะเป็นอย่างหวาดระแวง เสียบุคคลากรและค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น ต้องเซ็คอินที่สนามบินก่อนขึ้นเครื่องมากกว่า 2 ชั่วโมงปกติ   ห้ามนำของมีคมและของเหลวขึ้นเครื่อง การเปิดกระเป๋าให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจค้นก่อนจะเข้าสถานที่สำคัญๆหรือโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน

2.   Reality Show เลือดทะลุจอ
ด้วยเทคโนโลยีและอิทธิพลของระบบการสื่อสาร Global Media Network  ทันเหตุการณ์ทั่วทุกมุมโลก สื่อใหญ่ๆได้เข้าไปเจาะสนาม ตั้งกล้อง 24 ชั่วโมงเพื่อนำเสนอเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆมาปรากฏบนหน้าจอเห็นจะจะ  เราจะเห็นภาพความโหดร้ายสดๆเกาะอุ่นๆบนจอสี่เหลี่ยมไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์หรือคอมพิวเตอร์  การยิงสังหารตัวประกันทีละคนๆ โดยมีกำหนดการถ่ายทอดแจ้งประกาศล่วงหน้า   การยิงจรวดพุ่งทำร้ายเป้าหมาย พร้อมเสียงเฮของคนดูนับเคาน์ดาวน์ถอยหลังร่วมไปด้วยอย่างมีส่วนลุ้นระทึก หลายคนสะอิดสะเอียนกับภาพที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังฝืนดูเฝ้าติดตามต่อ จนนานเข้าเกิดความเคยชิน เปิดโทรทัศน์ช่องข่าวทิ้งไว้เพื่อดูว่ามี Reality Show ของสงครามอันใหม่เกิดขึ้นหรือยัง  ระดับของการแสดงจะยิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นเพื่อสยบอำนาจของฝ่ายตรงข้าม

3. การเผชิญหน้าบนศรัทธาของศาสนาและความเชื่อ
ข้อนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่  เป็นวังวนของประวัติศาสตร์อารยธรรมโลกทุกสมัย  แต่มักจะถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อประกอบเหตุผลและศรัทธาในการเข้าห่ำประหัตประหารซึ่งกันและกัน  เช่น ยอมพลีชีพตายในนามของพระเจ้า ขอจบชีวิตในพระหัตถ์ของพระเจ้า  เป็นการนำศาสนามาประทับความถูกต้องและศักดิ์สิทธิ์ก่อนยาตราประกาศสงคราม   แม้ในระดับท้องถิ่นก็หนีไม่พ้น สงครามความเชื่อของ ฮินดูกับอิสลามในประเทศอินเดีย  ฮินดูกับพุทธในศรีลังกา  พุทธกับอิสลามในชายแดนภาคใต้ของไทยเราเอง  หรือแม้แต่พุทธกับพุทธในกลุ่มความเชื่อของลัทธิที่แตกต่างกัน  

ทางออกของความสิ้นหวัง
เมื่อปัญหาไม่สามารถแก้ได้โดยสันติ  ทุกคนจึงหาทางออกในภาวะจำยอมที่สิ้นหวังด้วยตัวเอง
    1. เพิกเฉย ถอยห่าง (Ignorant) มองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างรับรู้แต่ทิ้งระยะห่าง ไม่ขอยุ่งเกี่ยว หันไปหมกมุ่น ทุ่มเทความสนใจกับกิจกรรมอื่นๆแทน   นานๆทีก็เปิดดู Reality Show ว่ายังดำเนินอยู่หรือเปล่า

      2. ต่อต้าน ก้าวร้าว ( Anarchist) เมื่อไม่สามารถปรากฏตนในที่สาธารณะด้วยเหตุผลใดก็ตาม  ก็แสดงแค่อารมณ์ ความรู้สึกที่ไร้เสียง ไร้ตัวตนแทน เช่น การเขียนคำหยาบก่นด่า เคืองแค้น บนกำแพงหรือพื้นถนน  หรือที่นิยมมากพักหลังๆก็คือ การแสดงออกผ่านเว็ปบอร์ดต่างๆ  

     3. บำบัดส่วนตน ( Secularist) จะเรียกว่าเป็นการแสวงหา หรือตัดช่องน้อยเฉพาะตัวก็ได้ เช่น การใช้ธรรมชาติเข้าบำบัดอย่าง SPA โยคะ  การนั่งสมาธิ  การใช้ศิลปะบำบัดแบบ Art  Therapy  มีผลสำรวจว่า หลังเหตุการณ์ 9/11 เครื่องถักนิ้ตติ้งขายดีขึ้นมาก เนื่องจากคุณแม่บ้านทั้งหลายเลือกที่จะอยู่กับบ้านมากขึ้น  และถักไหมพรมเพื่อที่จะไม่ทนทรมาน (Trauma)กับความทรงจำเก่าๆ ซึ่งสลัดไม่หลุด   การบำบัดส่วนตนเป็นกิจกรรมปัจเจก  หากสามารถรวมกลุ่มกันได้ก็จะเกิดการแบ่งปัน ถ่ายทอด รับรู้ความรู้สึก เยียวยาได้ดีกว่าทำคนเดียว  เช่น กรณีสึนามิในบ้านเราเมื่อปลายปี ธันวาคม 2548  ก็มีกลุ่มบำบัดเกิดขึ้นมากมาย  กลุ่มทอผ้าจากญี่ปุ่น ซาอูริ  ได้เข้ามาสอนและตั้งกลุ่มให้แม่บ้าน  เด็กๆที่สูญเสียคนรัก มานั่งล้อมวงทอผ้าด้วยลายของตัวเอง สะท้อนอารมณ์ ความรู้สึกลงไปในผืนผ้านั้นๆ

   4. เผชิญปัญหาแบบมนุษย์นิยม (Humanist) ยอมรับปัญหาและนำมาตั้งวงเสวนาพร้อมหาทางออกด้วยความหวัง บนความเชื่อมั่นในศักยภาพด้านบวกของมนุษย์

กลับไปสู่แก่นแท้คือศาสนา
แม้ไม่ใช่จะเป็นทางออกสุดท้ายสำหรับทุกคน  แต่ไม่มีใครปฏิเสธว่า ศาสนาเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก  ศาสนาเป็นสิ่งเดียวที่ยืนอยู่คงเผ่าพันธุ์มนุษย์มาตลอด  ( อีกสิ่งหนึ่งที่ยืนยาวคู่มนุษย์ด้วยกันกึคือ  เชื้อโรคครับ... ฮา )เราอาจจะมีทางบรรเทาทุกข์อื่นๆเช่น กลุ่ม Secularist ดังที่กล่าวมาแล้ว   แต่ศาสนาเป็นสิ่งที่ทุกคนมีต้นทุนอยู่แล้วในจิตใจ   ตกทอดสั่งสมจากบรรพบุรุษชั่วกัลป์   หากนำมาขัดเกลาอีกนิดให้กระจ่างขึ้น สามารถอธิบายได้แจ่มแจ้งขึ้น   ก็จะเป็นสรรพคุณที่เยียวยาบำบัดโดยไม่ต้องออกไปเสาะซื้อหาที่ไหนเลย

ไม่มีใครปฏิเสธได้  ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนทำความดี  แต่ด้วยกลไกแห่งอำนาจรัฐที่พยายามครอบคลุมเหนือกว่า  ศาสนาจึงถูกตีความกลายเป็นเรื่องวิถีบังคับของคนในชาติ  ทำให้แก่นแท้ของคำสอนบิดเบือนและลางเลือนไป  ศาสนาถูกมองเป็นเรื่องของกฏ ระเบียบ ปฎิบัติ (Regulative)  และรัฐชาติ  มากกว่าเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ การแสวงหา เรียนรู้และแรงบันดาลใจ (Inspirational)  เช่น  การประกาศให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ  ถ้าเราคิดว่า คำสอนของพระพุทธเจ้าคือสิ่งสูงสุดแล้ว ทำไมต้องแขวนหรือหาสถาบันอื่นมารับรองพุทธวจีอีกเล่า   หรือ การกล่าวหาว่าใครไม่ได้นับถือศาสนาพุทธย่อมไม่ใช่คนไทย เป็นต้น

เป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่จะทำอย่างไรให้ทุกศาสนาหันมามาคุยกันได้โดยละทิ้งเรื่อง อัตตา  อภินิหาริย์  ไว้เบื้องหลัง  ปรับระนาบความคิด(น่าจะเป็น Wave Length นะครับ) ให้สามารถโยงใยสื่อสารถึงกันได้  เพื่อให้แตกบรรลุถึงปัญญาฌาณอย่างเคารพในเหตุผลของแต่ละฝ่าย

และนี่แหละคือความหวังของมนุษย์หลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544
ส่วนใครจะนำไปเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ 19 กันยายน 2549 ก็เป็นสิทธิ์ของแต่ละคนครับ

ออกจากห้องประชุมมาเจอตลาดนัดวันศุกร์ที่ยังคลาคล่ำด้วยผู้คน เสียงซื้อขายต่อราคากันระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อยังคึกคัก  ก่อนตลาดจะวายพร้อมกับแสงอาทิตย์สุดท้ายของวัน   เอ...นี่อาจจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการใช้ตลาดนัดเพื่อบำบัดความจนในกระเป๋าของคนไทยขณะนี้ก็ได้

อา...ชาหมดถ้วยหรือยังครับ
Boring Stock Lover
Verified User
โพสต์: 1301
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

แม้ที่จริงจะมีวัตถุประสงค์แฝงเร้นเพื่อครอบครองแหล่งพลังงานสำคัญใต้พิภพ
ไม่ทราบว่า กูรู มีข้อมูลเรื่องนี้มั้ย พยายามดูแต่ไม่เจออะไรจะๆแจ้งๆ เพราะดูแล้วรัฐบาลเสียเงินมหาศาลไปเรื่อยๆ แต่ประโยชน์ที่กลับมายังดูน้อยๆ พวกเอกชนที่ได้เงินเพิ่ม ก็ยังเป็นเงินที่มาจากรัฐบาลตัวเอง ไม่เห็นชัดเจนว่ามาจากที่อื่นๆ

กลับมาที่หัวข้อนี่ ถ้ามองย้อนกลับไป ดินแดนนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ก่อเกิดศาสนาถึงสามศาสนา สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งสามศาสนานับถือและศรัทธาพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ดินแดนนี้กลับเป็นดินแดนที่อาจพูดว่าไม่เคยสุขสงบเลยตลอดเวลา ทั้งๆที่ต่างก็มีสิ่งเชื่อมโยงสิ่งเดียวกัน ในพระเจ้าองค์เดียวกัน ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เมืองเดียวกัน

ก็เลยไม่รู้ว่าการกลับสู่ศาสนานั้นหมายความเฉพาะ คนไทยในเมืองไทย หรือ คนทั้งโลกที่เกี่ยวข้องกับเหตุที่ว่าไว้
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

นึก ว่า 11 กันยา จะเห็น 780จุด--  :oops:
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
crazyrisk
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 4549
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เมื่อกี๊ มีรายงานข่าว  บอกว่า ก่อนครบ รอบ 5 ปี 11 เดือน 9

มีภาพวิดิโอ ของ โอซามา  อีกแล้วคับ

เหมือนจะบอกให้รู้อะไรบางอย่างง

แต่ดูไม่ทันคับ  ใครได้ดูมา  เล่าให้ฟังด้วยคับ

เสียวจังคับ  จะมีอะไรเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไหมว๊า

(รอให้ขายก่อนได้ไหมอ่ะ)  :)
"Champions aren't made in gyms. Champions are made from something they have deep inside them: A desire, a dream, a vision.
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

แม้ที่จริงจะมีวัตถุประสงค์แฝงเร้นเพื่อครอบครองแหล่งพลังงานสำคัญใต้พิภพ


ไม่ทราบว่า กูรู มีข้อมูลเรื่องนี้มั้ย พยายามดูแต่ไม่เจออะไรจะๆแจ้งๆ เพราะดูแล้วรัฐบาลเสียเงินมหาศาลไปเรื่อยๆ แต่ประโยชน์ที่กลับมายังดูน้อยๆ พวกเอกชนที่ได้เงินเพิ่ม ก็ยังเป็นเงินที่มาจากรัฐบาลตัวเอง ไม่เห็นชัดเจนว่ามาจากที่อื่นๆ
ข้อมูลในมือจริงๆไม่มีครับ  อันนี้เป็นคำพูดจากปากของผู้อภิปราย แต่เคยตุยกับนมือขุดน้ำมันคนไทยประจำบริษัทเชลล์ วึ่งมีภารกิจสำรวจและขุดน้ำมันที่ทะเลเหนือของยุโรป ยืนยันว่า ใต้แผ่นดินของอิรักมีแหล่งน้ำมันจริง เป็นแหล่งที่อยู่ในเมืองเลยทีเดียว  
กลับมาที่หัวข้อนี่ ถ้ามองย้อนกลับไป ดินแดนนี้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ที่ก่อเกิดศาสนาถึงสามศาสนา สิ่งที่น่าสนใจคือ ทั้งสามศาสนานับถือและศรัทธาพระเจ้าองค์เดียวกัน แต่ดินแดนนี้กลับเป็นดินแดนที่อาจพูดว่าไม่เคยสุขสงบเลยตลอดเวลา ทั้งๆที่ต่างก็มีสิ่งเชื่อมโยงสิ่งเดียวกัน ในพระเจ้าองค์เดียวกัน ในเมืองศักดิ์สิทธิ์เมืองเดียวกัน

ก็เลยไม่รู้ว่าการกลับสู่ศาสนานั้นหมายความเฉพาะ คนไทยในเมืองไทย หรือ คนทั้งโลกที่เกี่ยวข้องกับเหตุที่ว่าไว้

การกลับสู่แก่นแท้ของศาสนาเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งที่ใกล้ตัว และสามารถหยิบยกขึ้นมาอธิบายได้ครับ  ในลักษณะของสากล  แต่ในวงเสวเนาเนื่องจากมีท่านหนึ่งที่เก่งกาจเรื่องศาสนาเปรียบเทียบ เลยยกตัวอย่างของพุทธศาสนาขึ้นมา

ในวงเสวนามีผู้หนึ่งยกมือถามว่า  ท่ามกลางความคลอนแคลนในศรัทธาพุทธศาสนาที่เราต้องแหวกว่ายกระแสจตุคาม หรือแม้แต่ระอากับคำพูดว่าพลีชีพเพื่อพระเจ้า จะมีหนทางใดมั้ยที่เราจะหลุดออกจากกรอบของศาสนาหรือลัทธิความเชื่อไปเลย

ผู้อภิปรายตอบว่า มีครับ  กิจกรรมรวมกลุ่มหลายแห่งขณะนี้พยายามนำตนให้หลุดพ้นจากรูปแบบ ขนบของศาสนา (Format) แต่รักษาเพียงแค่ จิตวิญญาณ (Soul) เท่านั้น เช่น แทนที่จะนั่งกลุ่มสวดมนต์ก็ลุกขึ้นมากวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาแทนด้วยจิตใจสงบๆและเอิบเอิ่มทุกครั้งที่ไม้กวาดลากใบไม้อีกหนึ่งใบเข้ามากองไว้  แค่นี้ เราก็มีความสุขเล็กๆ พร้อมจะเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้
ShexShy
Verified User
โพสต์: 577
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 6

โพสต์

กูรูขอบสนาม เขียน:แทนที่จะนั่งกลุ่มสวดมนต์ก็ลุกขึ้นมากวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาแทนด้วยจิตใจสงบๆและเอิบเอิ่มทุกครั้งที่ไม้กวาดลากใบไม้อีกหนึ่งใบเข้ามากองไว้  แค่นี้ เราก็มีความสุขเล็กๆ พร้อมจะเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้
ผมชอบนะ ... ช่วงเวลานั่นล่ะ เป็นเวลาที่มีความสุขที่สุด

ผมคิดว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของ ศาสนาเลย แต่เป็นเรื่องจริง ของธรรมชาติที่มีอยู่

เวลาเราทำงาน ด้วยความสงบ ตั้งใจ และมีสมาธิ ... มันก็มีความสุขดีนะ  :o
กูรูขอบสนาม
Verified User
โพสต์: 987
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 7

โพสต์

ผู้อภิปรายตอบว่า มีครับ  กิจกรรมรวมกลุ่มหลายแห่งขณะนี้พยายามนำตนให้หลุดพ้นจากรูปแบบ ขนบของศาสนา (Format) แต่รักษาเพียงแค่ จิตวิญญาณ (Soul) เท่านั้น เช่น แทนที่จะนั่งกลุ่มสวดมนต์ก็ลุกขึ้นมากวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาแทนด้วยจิตใจสงบๆและเอิบเอิ่มทุกครั้งที่ไม้กวาดลากใบไม้อีกหนึ่งใบเข้ามากองไว้  แค่นี้ เราก็มีความสุขเล็กๆ พร้อมจะเผื่อแผ่ให้คนอื่นได้

ตัวอย่างกิจกรรมอีกอย่างซึ่งนึกคิดได้ว่าน่าจะเข้าข่ายนี้ก็คือ เครือข่ายจิตอาสาสร้างบ้านดิน  ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มข้ามพรมแดน จาก บ้านดินแบบ Adobe ในเม็กซิกัน มาถึง บ้านดินมูลโคลนของอินเดีย และบ้านดินของไทย  เป็นกลุ่มพลังที่ศึกษาถึงขนบวัฒนธรรมการสร้างบ้านดินแต่ละภูมิภาคซึ่งมีความแตกต่างด้านมิติความเชื่อและการศึกษาถึงสภาพธรณีวิทยา  เครือข่ายนำภูมิความรู้มาเจือจานและถ่ายทอดเพื่อให้การสร้างบ้าน 1 หลังสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง

หลุดพ้นจากกรอบเดิมๆของระนาบศาสนาที่ต่างกัน สู่การรวมกลุ่มดำเนินกิจกรรมข้ามเชื้อชาติและพรมแดน
ภาพประจำตัวสมาชิก
ปรัชญา
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 18252
ผู้ติดตาม: 0

จิตวิกฤตหลัง 11 กันยายน

โพสต์ที่ 8

โพสต์

:P   อ่านซะเพลิน  อิอิ
โพสต์โพสต์