กีฬามหาวิทยาลัยโลก
-
- Verified User
- โพสต์: 510
- ผู้ติดตาม: 0
กีฬามหาวิทยาลัยโลก
โพสต์ที่ 1
สรุปเหรียญรางวัลกีฬามหาวิทยาลัยโลก ครั้งที่ 24 ภายหลังจบการแข่งขัน เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2550
1. จีน 32 เหรียญทอง 29 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง รวมมี 87 เหรียญ
2. รัสเซีย 28 เหรียญทอง 27 เหรียญเงิน 37 เหรียญทองแดง รวมมี 92 เหรียญ
3. ยูเครน 28 เหรียญทอง 20 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง รวมมี 66 เหรียญ
4. ญี่ปุ่น 19 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 22 เหรียญทองแดง รวมมี 56 เหรียญ
5. เกาหลีใต้ 15 เหรียญทอง 18 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง รวมมี 51 เหรียญ
*6. ไทย 13 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 29 เหรียญ
7. เยอรมนี 11 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 25 เหรียญ
8. สหรัฐอเมริกา 10 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 14 เหรียญทองแดง รวมมี 34 เหรียญ
9. ไต้หวัน 7 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง รวมมี 28 เหรียญ
10. อิตาลี 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 21 เหรียญ
"ประเทศไทยได้รับคำชมเป็นจำนวนมาก ว่าจัดการแข่งขันได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ปัญหาของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ก็พอมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องคนดูน้อย คงต้องถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ดีที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ จะต้องนำไปหารือและเตรียมรับมือเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่ จังหวัดนครราชสีมา"
ผลงานของทัพนักกีฬาไทยที่คว้ามาได้ 13 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 9 เหรียญทองแดง รวม 29 เหรียญ ทำให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะต้องจ่ายเงินอัดฉีดเป็นจำนวนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่ง "รมต.กีฬา" กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า "เท่าไหร่ก็ได้เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
สำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญทองรายการ ม.โลก จะได้รับเงินรางวัลเหรียญทองละ 1 ล้านบาท , เหรียญเงิน 5 แสนบาท และ เหรียญทองแดง 2 แสนบาท
อย่างไรก็ตามจากการที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการปรับลดรางวัลอัดฉีดสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัล จากทุกรายการว่า "บางประเทศเขาไม่ได้มีเงินอัดฉีด ของเราถ้าได้เหรียญทองโอลิมปิกได้ 5 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในลำดับ 3 ของโลก รองจาก สิงคโปร์ที่ให้ทองละ 10 ล้านบาท และอิตาลีที่ให้ 5.4 ล้านบาท คิดว่าคงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาเราก็ให้ทั้งเงิน รวมทั้งงานกับนักกีฬาในหน่วยงานที่พร้อมจะรับพวกเขาอยู่แล้ว"
โดยร้อยโท สุวิทย์ ได้กล่าวต่อว่า "แม้ว่าประเทศเราจะมีงบประมาณไม่มากมายนัก แต่เพื่อความมั่นคงของนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงเพื่อประเทศชาติ เราก็พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน"
1. จีน 32 เหรียญทอง 29 เหรียญเงิน 26 เหรียญทองแดง รวมมี 87 เหรียญ
2. รัสเซีย 28 เหรียญทอง 27 เหรียญเงิน 37 เหรียญทองแดง รวมมี 92 เหรียญ
3. ยูเครน 28 เหรียญทอง 20 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง รวมมี 66 เหรียญ
4. ญี่ปุ่น 19 เหรียญทอง 15 เหรียญเงิน 22 เหรียญทองแดง รวมมี 56 เหรียญ
5. เกาหลีใต้ 15 เหรียญทอง 18 เหรียญเงิน 18 เหรียญทองแดง รวมมี 51 เหรียญ
*6. ไทย 13 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 29 เหรียญ
7. เยอรมนี 11 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 25 เหรียญ
8. สหรัฐอเมริกา 10 เหรียญทอง 10 เหรียญเงิน 14 เหรียญทองแดง รวมมี 34 เหรียญ
9. ไต้หวัน 7 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 12 เหรียญทองแดง รวมมี 28 เหรียญ
10. อิตาลี 6 เหรียญทอง 6 เหรียญเงิน 9 เหรียญทองแดง รวมมี 21 เหรียญ
"ประเทศไทยได้รับคำชมเป็นจำนวนมาก ว่าจัดการแข่งขันได้ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ถือได้ว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี แต่ปัญหาของการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ก็พอมีอยู่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องคนดูน้อย คงต้องถือได้ว่าเป็นบทเรียนที่ดีที่คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ จะต้องนำไปหารือและเตรียมรับมือเพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่ จังหวัดนครราชสีมา"
ผลงานของทัพนักกีฬาไทยที่คว้ามาได้ 13 เหรียญทอง 7 เหรียญเงิน และ 9 เหรียญทองแดง รวม 29 เหรียญ ทำให้กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ จะต้องจ่ายเงินอัดฉีดเป็นจำนวนประมาณ 70 ล้านบาท ซึ่ง "รมต.กีฬา" กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า "เท่าไหร่ก็ได้เราไม่มีปัญหาอยู่แล้ว"
สำหรับนักกีฬาที่ได้เหรียญทองรายการ ม.โลก จะได้รับเงินรางวัลเหรียญทองละ 1 ล้านบาท , เหรียญเงิน 5 แสนบาท และ เหรียญทองแดง 2 แสนบาท
อย่างไรก็ตามจากการที่มีกระแสข่าวว่าอาจจะมีการปรับลดรางวัลอัดฉีดสำหรับนักกีฬาที่คว้าเหรียญรางวัล จากทุกรายการว่า "บางประเทศเขาไม่ได้มีเงินอัดฉีด ของเราถ้าได้เหรียญทองโอลิมปิกได้ 5 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในลำดับ 3 ของโลก รองจาก สิงคโปร์ที่ให้ทองละ 10 ล้านบาท และอิตาลีที่ให้ 5.4 ล้านบาท คิดว่าคงพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาเราก็ให้ทั้งเงิน รวมทั้งงานกับนักกีฬาในหน่วยงานที่พร้อมจะรับพวกเขาอยู่แล้ว"
โดยร้อยโท สุวิทย์ ได้กล่าวต่อว่า "แม้ว่าประเทศเราจะมีงบประมาณไม่มากมายนัก แต่เพื่อความมั่นคงของนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงเพื่อประเทศชาติ เราก็พร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่แน่นอน"
-
- Verified User
- โพสต์: 510
- ผู้ติดตาม: 0
กีฬามหาวิทยาลัยโลก
โพสต์ที่ 2
13 เหรียญทองกับความสำเร็จของนักกีฬาไทย
จากความสำเร็จของทัพปัญญาชนไทยที่สามารถคว้ามาได้ถึง 13 เหรียญทอง ทะลุเป้าหมายซึ่งตั้งเอาไว้ตอนแรกที่ 10 เหรียญ นอกจากนี้ยังมีอีก 7 เหรียญเงิน และ 9 เหรียญทองแดงเป็นของแถม เบ็ดเสร็จนักกีฬาไทยโกยมาทั้งสิ้น 29 เหรียญ ผงาดอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางเหรียญรวมได้อย่างเต็มภาคภูมิก่อนการแข่งขันของหมู่มวลปัญญาชนจะเริ่มต้นขึ้น สมาคมกีฬาต่างๆได้ตั้งเป้าหมายเหรียญทองของตนเองเอาไว้แตกต่างกัน ซึ่งสมาคมที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในทัวร์นาเม้นต์นี้คงหนีไม่พ้น สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยฯ
หลังจากที่จอมเตะจากแดนสยามสามารถเข้าชิงได้ถึง 7 ใน 16 รุ่น และสามารถหยิบเหรียญทองมาได้ถึง 3 ราย ได้แก่ ปฏิวัติ ทองสลับ, แม่น้ำ เชิดเกียรติศักดิ์ และ ชัชวาล ขาวละออ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมฯ ประเมินเอาไว้เต็มที่คงไม่เกิน 2 เหรียญทอง
ผลงานของสมาคมที่ดูจะโดดเด่นเป็นสง่าไม่แพ้กันก็คือ สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ที่สามารถคว้ามาได้ถึง 3 เหรียญทองเช่นกัน แถมยังมีเหรียญทองแดงเป็นน้ำจิ้มอีกถึง 5 เหรียญ ทำให้เป็นสมาคมที่คว้าเหรียญรางวัลให้กับประเทศไทยได้มากที่สุดในกีฬา ม.โลก ครั้งนี้ไม่เพียงเท่านั้นสมาคมแบดมินตันฯยังทำสถิติได้รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติมากที่สุด เพราะเพียงแค่เหรียญทองเดียวจากประเภททีมผสมก็ได้ไปถึง 12 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับ 2 เหรียญทองที่เหลือจาก บุญศักดิ์ พลสนะ ในประเภทชายเดี่ยว และ สุดเขต ประภากมล กับ ภัททพล เงินศรีสุข ในประเภทชายคู่ บวกกับ 5 เหรียญทองแดง เบ็ดเสร็จเฉพาะนักกีฬารับทรัพย์ไปถึง 16.6 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีสมาคมยิงปืนที่ได้มา 1 เหรียญทองจาก รัชฎาภรณ์ เปล่งแสงทอง, ศศิธร หงษ์ประเสริฐ และ ปรมาภรณ์ พงษ์เหล่าขำ ในประเภทปืนยาวท่านอน 50
เมตรทีมหญิง กับอีก 2 เหรียญทองแดง รวมถึงสมาคมเป้าบินฯที่ได้ น้องเจน เจนจิรา ศรีสงคราม สาวน้อยวัย 22 ปี มาคว้าทองในประเภทเป้าบินดับเบิลแทร็ปหญิง และยังมีอีก 2 เหรียญเงินไปฝากสมาคมฯ ก็ถือเป็นผลงานที่ดีเกินคาดของทั้ง 2 สมาคมเช่นกัน เนื่องจากก่อนแข่งทัพแม่นปืนไทยไม่เป็นที่จับตามองมากนักว่าจะเป็นตัวเก็งในการคว้าเหรียญทอง
ส่วนสมาคมที่ทำผลงานได้ตามเป้า มีทั้งสมาคมกรีฑากับ 2 เหรียญทองจากลมกรดหนุ่มทั้ง ภิรมย์ อุทัศน์, วัชระ สอนดี, สมโภชน์ สุวรรณรังษี และสิทธิชัย สุวรประทีป ในประเภท 4x100 เมตร และ บัวบาน ผามั่ง ในการแข่งขันพุ่งแหลนหญิง รวมถึง 1 เหรียญเงินจากใต้ฝุ่นสาวใน 4x100 เมตร
ด้านสมาคมกอล์ฟ สามารถคว้า 1 เหรียญทองตามเป้าได้อย่างเหลือเชื่อในการแข่งขันวันสุดท้ายของการดวลวงสวิง จากทีมก้านเหล็กหนุ่มทั้ง 4 ซึ่งประกอบไปด้วย กิรเดช อภิบาลรัตน์, วรุฒ โฉมแฉล้ม, เอกลักษณ์ ไวศยากุลวัย และ วรัณ อิศรภักดี เช่นเดียวกับ เทนนิส ที่รอดตัวหวุดหวิดในวันสุดท้ายของการแข่งขันทั้งในเรื่องของจำนวนผู้ชม และ การพลิกกลับมาชนะคู่แข่งของ เจ้าปิ๊กดนัย อุคมโชค ในนัดชิงฯชายเดี่ยว หลังจากที่ คู่แฝดมหัศจรรย์ สนฉัตร-สรรชัย รติวัฒน์ คว้า 1 เหรียญทองไปคล้องคอก่อนหน้านั้น
ขณะที่ทีมฟุตบอลชาย และ นันทนา คำวงศ์ นักตบลูกเด้งหญิงเดี่ยวของไทยที่ทำได้เพียงเหรียญทองแดง รวมทั้งนักกีฬาคนอื่นๆที่ถึงแม้จะพลาดเหรียญรางวัล แต่ทั้งหมดก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่าในกีฬา ม.โลกครั้งนี้ มีนักกีฬาจากหลายๆ ระดับคละเคล้ากันไป ตั้งแต่ดีกรีทีมชาติไปจนถึงเด็กมหาวิทยาลัยจริงๆ ซึ่งผลงานของนักกีฬาไทยที่โกยเหรียญทองได้ทะลุเป้านั้น มีหลายชนิดกีฬาที่เรากว่าจะได้มาเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ได้แชมป์มาแบบสบายเพราะคู่แข่งห่างชั้นเกินไป ซึ่งหากเป็นอย่างหลังแล้ว ความสำเร็จในกีฬาปัญญาชนครั้งนี้อาจยังไม่ใช่ตัวชี้วัดศักยภาพที่แท้จริงของนักกีฬาไทย
จากความสำเร็จของทัพปัญญาชนไทยที่สามารถคว้ามาได้ถึง 13 เหรียญทอง ทะลุเป้าหมายซึ่งตั้งเอาไว้ตอนแรกที่ 10 เหรียญ นอกจากนี้ยังมีอีก 7 เหรียญเงิน และ 9 เหรียญทองแดงเป็นของแถม เบ็ดเสร็จนักกีฬาไทยโกยมาทั้งสิ้น 29 เหรียญ ผงาดอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางเหรียญรวมได้อย่างเต็มภาคภูมิก่อนการแข่งขันของหมู่มวลปัญญาชนจะเริ่มต้นขึ้น สมาคมกีฬาต่างๆได้ตั้งเป้าหมายเหรียญทองของตนเองเอาไว้แตกต่างกัน ซึ่งสมาคมที่ดูจะประสบความสำเร็จมากที่สุดในทัวร์นาเม้นต์นี้คงหนีไม่พ้น สมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทยฯ
หลังจากที่จอมเตะจากแดนสยามสามารถเข้าชิงได้ถึง 7 ใน 16 รุ่น และสามารถหยิบเหรียญทองมาได้ถึง 3 ราย ได้แก่ ปฏิวัติ ทองสลับ, แม่น้ำ เชิดเกียรติศักดิ์ และ ชัชวาล ขาวละออ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายพิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมฯ ประเมินเอาไว้เต็มที่คงไม่เกิน 2 เหรียญทอง
ผลงานของสมาคมที่ดูจะโดดเด่นเป็นสง่าไม่แพ้กันก็คือ สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ ที่สามารถคว้ามาได้ถึง 3 เหรียญทองเช่นกัน แถมยังมีเหรียญทองแดงเป็นน้ำจิ้มอีกถึง 5 เหรียญ ทำให้เป็นสมาคมที่คว้าเหรียญรางวัลให้กับประเทศไทยได้มากที่สุดในกีฬา ม.โลก ครั้งนี้ไม่เพียงเท่านั้นสมาคมแบดมินตันฯยังทำสถิติได้รับเงินอัดฉีดจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติมากที่สุด เพราะเพียงแค่เหรียญทองเดียวจากประเภททีมผสมก็ได้ไปถึง 12 ล้านบาทแล้ว ซึ่งเมื่อรวมกับ 2 เหรียญทองที่เหลือจาก บุญศักดิ์ พลสนะ ในประเภทชายเดี่ยว และ สุดเขต ประภากมล กับ ภัททพล เงินศรีสุข ในประเภทชายคู่ บวกกับ 5 เหรียญทองแดง เบ็ดเสร็จเฉพาะนักกีฬารับทรัพย์ไปถึง 16.6 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีสมาคมยิงปืนที่ได้มา 1 เหรียญทองจาก รัชฎาภรณ์ เปล่งแสงทอง, ศศิธร หงษ์ประเสริฐ และ ปรมาภรณ์ พงษ์เหล่าขำ ในประเภทปืนยาวท่านอน 50
เมตรทีมหญิง กับอีก 2 เหรียญทองแดง รวมถึงสมาคมเป้าบินฯที่ได้ น้องเจน เจนจิรา ศรีสงคราม สาวน้อยวัย 22 ปี มาคว้าทองในประเภทเป้าบินดับเบิลแทร็ปหญิง และยังมีอีก 2 เหรียญเงินไปฝากสมาคมฯ ก็ถือเป็นผลงานที่ดีเกินคาดของทั้ง 2 สมาคมเช่นกัน เนื่องจากก่อนแข่งทัพแม่นปืนไทยไม่เป็นที่จับตามองมากนักว่าจะเป็นตัวเก็งในการคว้าเหรียญทอง
ส่วนสมาคมที่ทำผลงานได้ตามเป้า มีทั้งสมาคมกรีฑากับ 2 เหรียญทองจากลมกรดหนุ่มทั้ง ภิรมย์ อุทัศน์, วัชระ สอนดี, สมโภชน์ สุวรรณรังษี และสิทธิชัย สุวรประทีป ในประเภท 4x100 เมตร และ บัวบาน ผามั่ง ในการแข่งขันพุ่งแหลนหญิง รวมถึง 1 เหรียญเงินจากใต้ฝุ่นสาวใน 4x100 เมตร
ด้านสมาคมกอล์ฟ สามารถคว้า 1 เหรียญทองตามเป้าได้อย่างเหลือเชื่อในการแข่งขันวันสุดท้ายของการดวลวงสวิง จากทีมก้านเหล็กหนุ่มทั้ง 4 ซึ่งประกอบไปด้วย กิรเดช อภิบาลรัตน์, วรุฒ โฉมแฉล้ม, เอกลักษณ์ ไวศยากุลวัย และ วรัณ อิศรภักดี เช่นเดียวกับ เทนนิส ที่รอดตัวหวุดหวิดในวันสุดท้ายของการแข่งขันทั้งในเรื่องของจำนวนผู้ชม และ การพลิกกลับมาชนะคู่แข่งของ เจ้าปิ๊กดนัย อุคมโชค ในนัดชิงฯชายเดี่ยว หลังจากที่ คู่แฝดมหัศจรรย์ สนฉัตร-สรรชัย รติวัฒน์ คว้า 1 เหรียญทองไปคล้องคอก่อนหน้านั้น
ขณะที่ทีมฟุตบอลชาย และ นันทนา คำวงศ์ นักตบลูกเด้งหญิงเดี่ยวของไทยที่ทำได้เพียงเหรียญทองแดง รวมทั้งนักกีฬาคนอื่นๆที่ถึงแม้จะพลาดเหรียญรางวัล แต่ทั้งหมดก็ถือว่าได้ทำหน้าที่ของตนเองอย่างเต็มที่แล้ว แน่นอนว่าในกีฬา ม.โลกครั้งนี้ มีนักกีฬาจากหลายๆ ระดับคละเคล้ากันไป ตั้งแต่ดีกรีทีมชาติไปจนถึงเด็กมหาวิทยาลัยจริงๆ ซึ่งผลงานของนักกีฬาไทยที่โกยเหรียญทองได้ทะลุเป้านั้น มีหลายชนิดกีฬาที่เรากว่าจะได้มาเล่นเอาเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ได้แชมป์มาแบบสบายเพราะคู่แข่งห่างชั้นเกินไป ซึ่งหากเป็นอย่างหลังแล้ว ความสำเร็จในกีฬาปัญญาชนครั้งนี้อาจยังไม่ใช่ตัวชี้วัดศักยภาพที่แท้จริงของนักกีฬาไทย
-
- Verified User
- โพสต์: 510
- ผู้ติดตาม: 0
กีฬามหาวิทยาลัยโลก
โพสต์ที่ 3
สปิริต ออฟ ยูนิเวอร์ซิเอด
แม้ความสนใจของผู้คนจะจับจ้องอยู่ที่บรรดานักกีฬาจากชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ใครเลยจะรู้ว่ามีอีกหลายชีวิตที่เปรียบดั่งเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นน้อยใหญ่ที่คอยประติดประต่อกันจนเป็นเนื้อเดียวกันให้กับงานมหกรรมกีฬารายการนี้ ที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่รองจากโอลิมปิกเท่านั้น
จอร์จ คิลเลียน ประธานสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก หรือ "ฟิซู" วัย 83 ปี กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างกีฬาโอลิมปิกกับกีฬามหาวิทยาลัยโลกว่า "มักมีคนเรียกกีฬามหาวิทยาลัยโลกว่า โอลิมปิก จูเนียร์ ซึ่งสำหรับผมมันต่างกันแน่นอน เพราะในกีฬามหาวิทยาลัยโลก เรามีนักศึกษามาสมัครเป็นอาสาสมัครจำนวนมาก พวกเขามาทำงานด้วยหัวใจ มาโดยไม่หวังค่าจ้าง มาเพราะอยากมีส่วนร่วมกับกีฬารายการนี้"
จากคำกล่าวดังกล่าวได้รับการขยายผลจาก "น้องผึ้ง" กิตติญา พละศึก นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หนึ่งในผู้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ว่า "ในการสัมภาษณ์เข้าเป็นอาสาสมัครมีการถามเราด้วยว่าหากเราไม่ได้รับค่าตอบแทนกับงานนี้เราจะทำอยู่มั้ย ก็เลยเลือกบอกไปว่าต่อให้ไม่ได้เงินหนูก็จะทำ"
สำหรับหน้าที่ของสาวน้อยรายนี้คือการเป็นทีมอาสาดูแลนักกีฬายิงปืนจากสวิตเซอร์แลนด์ โดย "น้องผึ้ง" กล่าวว่า "หน้าที่คือพานักกีฬาไปกลับสนามแข่งขันเพราะบ้านพักนักกีฬาอยู่รังสิต แต่สนามแข่งขันอยู่ไกลถึงหัวหมาก รวมทั้งยังพานักกีฬาไปเที่ยวชมพื้นที่นอกสนามหลังแข่งขันเสร็จ ก็สนุกดี เพราะเราได้พบปะผู้คนมากมาย"
ส่วนประโยชน์ที่ได้จากการทำงานนี้ "สาวบัญชี" กล่าวว่า "การมาทำงานกับนักกีฬาต่างชาติทำให้ได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษที่เราได้เรียนมา อย่างถ้าเราเรียนไปเรียนไป แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้กับใคร มันก็ไม่รู้ว่าจะเรียนกันไปทำไม คือมันต้องใช้อยู่เสมอ"
ด้าน ประสิทธิ์ เหมเซ็น หนุ่มหน้าคมจากคณะศิลปศาสตร์ ปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่มีนิคเนมเก๋ๆ ให้พี่ๆ สื่อมวลชนเรียกกันว่า "ยู" กล่าวถึงสาเหตุที่นำพาตัวเองเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอาสาสมัครในกีฬามหาวิทยาลัยโลก
"ผมสมัครผ่านมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพราะมีอาจารย์ที่รู้จักกันแนะนำมา ซึ่งก็สมัครเป็นล่าม เพราะผมมีความรู้ทั้งภาษาอังกฤษ และตุรกี ตอนนี้ผมทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกีฬา ม.โลก โดยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจแล้ว บอกได้เลยว่าค่าตอบแทนที่ได้มันไม่ได้มากเลย ต่อให้ไม่ได้เงินผมก็ยังจะทำอยู่ดี" หนุ่มยูยืนยันด้วยสีหน้ามั่นใจ
"หน้าที่หลักของก็คือดูแลสื่อมวลชนทั้งหมด คอยแนะนำ ให้ข้อมูล รายงานผลการแข่งขันในสนามกรีฑาที่ผมประจำอยู่ งานก็สนุกดี ผมได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ที่ประทับใจมากคือ มีผู้ตัดสินในสนามกรีฑาบางคน เดินเข้าไปปลอบใจนักกีฬาที่ไม่สามารถคว้าเหรียญได้ มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนอาจไม่ได้ใส่ใจ แต่การดูแลกัน
ในสนามแข่งขันมันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ"
สำหรับ "จิ๊กซอว์" เล็กๆคนสุดท้ายคือ "น้องอุ๊" พิมพร สิริเจริญทรัพย์ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีที่มาเหมือนเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าหน้าที่ที่เธอได้รับคือการเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารว่าง หรือที่ใครบางคนอาจจะเรียกว่า "เด็กเสิร์ฟกาแฟ" สำหรับสื่อมวลชนที่เข้าร่วมรายงานผลการแข่งขัน ตัว "น้องอุ๊" เองยอมรับว่าไม่คาดฝันว่าจะต้องมาทำงานแบบนี้
"ทีแรกที่รู้ว่าตัวเองต้องมาคอยดูแลพี่ๆ สื่อมวลชนด้วยการบริการจัดอาหารว่างให้ก็งงๆ อยู่เหมือนกัน เพราะเราระบุไปว่าอยากทำงานประชาสัมพันธ์ ก็นึกว่าจะให้มาเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด"
"ช่วงแรกก็เคยรู้สึกอิจฉาเพื่อนคนอื่นที่ได้ออกไปดูแลนักกีฬาต่างชาติ แล้วก็มีความคิดวูบเข้ามาว่าอยากเปลี่ยนงาน แต่พอได้มาทำจริงๆ ทุกคนในฝ่ายประชาสัมพันธ์ดูแลเราดีมาก เลยทำให้เราเปลี่ยนใจทำงานมาจนถึงทุกวันนี้"
โดย "น้องอุ๊" ยืนยันว่าแม้จะมีหน้าที่การงานที่ไม่โดดเด่น แต่ก็สร้างความภูมิใจให้กับตัวเองได้ "มันคืองานที่ทุกคนต้องทำ ถ้าได้รับมอบหมายแล้วก็ต้องทำ เราต้องมีความเป็นมืออาชีพ และมันก็เป็นงานที่น่าภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกีฬา ม.โลก ที่สำคัญงานนี้ฝึกให้เรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ให้เรามีความรับผิดชอบ ถาม
ว่าภูมิใจไหม บอกได้เลยว่าภูมิใจมากกับการได้มาทำงานนี้"
ถึงจุดนี้ เชื่อว่าจิ๊กซอว์ทั้ง 3 ชิ้นที่เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของกีฬา ม.โลก คงสร้างความภูมิใจให้กับ จอร์จ คิลเลียน ประธาน "ฟิซู" แล้ว หลังจากที่นายใหญ่ชาวอเมริกันรายนี้เคยกล่าวไว้ว่า "กีฬามหาวิทยาลัยโลกเป็นกีฬาที่จะมีอาสาสมัครมาเก็บจาน มาทำความสะอาด มาร่วมกันทำงานหนักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งก็ถือเป็นความภูมิใจของฟิซูแล้ว"
แม้ความสนใจของผู้คนจะจับจ้องอยู่ที่บรรดานักกีฬาจากชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมการแข่งขัน แต่ใครเลยจะรู้ว่ามีอีกหลายชีวิตที่เปรียบดั่งเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นน้อยใหญ่ที่คอยประติดประต่อกันจนเป็นเนื้อเดียวกันให้กับงานมหกรรมกีฬารายการนี้ ที่ว่ากันว่ายิ่งใหญ่รองจากโอลิมปิกเท่านั้น
จอร์จ คิลเลียน ประธานสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก หรือ "ฟิซู" วัย 83 ปี กล่าวถึงความแตกต่างระหว่างกีฬาโอลิมปิกกับกีฬามหาวิทยาลัยโลกว่า "มักมีคนเรียกกีฬามหาวิทยาลัยโลกว่า โอลิมปิก จูเนียร์ ซึ่งสำหรับผมมันต่างกันแน่นอน เพราะในกีฬามหาวิทยาลัยโลก เรามีนักศึกษามาสมัครเป็นอาสาสมัครจำนวนมาก พวกเขามาทำงานด้วยหัวใจ มาโดยไม่หวังค่าจ้าง มาเพราะอยากมีส่วนร่วมกับกีฬารายการนี้"
จากคำกล่าวดังกล่าวได้รับการขยายผลจาก "น้องผึ้ง" กิตติญา พละศึก นักศึกษาคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 2 ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หนึ่งในผู้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครครั้งนี้ว่า "ในการสัมภาษณ์เข้าเป็นอาสาสมัครมีการถามเราด้วยว่าหากเราไม่ได้รับค่าตอบแทนกับงานนี้เราจะทำอยู่มั้ย ก็เลยเลือกบอกไปว่าต่อให้ไม่ได้เงินหนูก็จะทำ"
สำหรับหน้าที่ของสาวน้อยรายนี้คือการเป็นทีมอาสาดูแลนักกีฬายิงปืนจากสวิตเซอร์แลนด์ โดย "น้องผึ้ง" กล่าวว่า "หน้าที่คือพานักกีฬาไปกลับสนามแข่งขันเพราะบ้านพักนักกีฬาอยู่รังสิต แต่สนามแข่งขันอยู่ไกลถึงหัวหมาก รวมทั้งยังพานักกีฬาไปเที่ยวชมพื้นที่นอกสนามหลังแข่งขันเสร็จ ก็สนุกดี เพราะเราได้พบปะผู้คนมากมาย"
ส่วนประโยชน์ที่ได้จากการทำงานนี้ "สาวบัญชี" กล่าวว่า "การมาทำงานกับนักกีฬาต่างชาติทำให้ได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษที่เราได้เรียนมา อย่างถ้าเราเรียนไปเรียนไป แต่ไม่รู้จะเอาไปใช้กับใคร มันก็ไม่รู้ว่าจะเรียนกันไปทำไม คือมันต้องใช้อยู่เสมอ"
ด้าน ประสิทธิ์ เหมเซ็น หนุ่มหน้าคมจากคณะศิลปศาสตร์ ปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยศรีปทุม ที่มีนิคเนมเก๋ๆ ให้พี่ๆ สื่อมวลชนเรียกกันว่า "ยู" กล่าวถึงสาเหตุที่นำพาตัวเองเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของอาสาสมัครในกีฬามหาวิทยาลัยโลก
"ผมสมัครผ่านมหาวิทยาลัยศรีปทุม เพราะมีอาจารย์ที่รู้จักกันแนะนำมา ซึ่งก็สมัครเป็นล่าม เพราะผมมีความรู้ทั้งภาษาอังกฤษ และตุรกี ตอนนี้ผมทำหน้าที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกีฬา ม.โลก โดยได้มีโอกาสทำงานร่วมกับสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจแล้ว บอกได้เลยว่าค่าตอบแทนที่ได้มันไม่ได้มากเลย ต่อให้ไม่ได้เงินผมก็ยังจะทำอยู่ดี" หนุ่มยูยืนยันด้วยสีหน้ามั่นใจ
"หน้าที่หลักของก็คือดูแลสื่อมวลชนทั้งหมด คอยแนะนำ ให้ข้อมูล รายงานผลการแข่งขันในสนามกรีฑาที่ผมประจำอยู่ งานก็สนุกดี ผมได้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง ที่ประทับใจมากคือ มีผู้ตัดสินในสนามกรีฑาบางคน เดินเข้าไปปลอบใจนักกีฬาที่ไม่สามารถคว้าเหรียญได้ มันเป็นเรื่องเล็กๆ ที่หลายคนอาจไม่ได้ใส่ใจ แต่การดูแลกัน
ในสนามแข่งขันมันเป็นเรื่องที่น่าประทับใจ"
สำหรับ "จิ๊กซอว์" เล็กๆคนสุดท้ายคือ "น้องอุ๊" พิมพร สิริเจริญทรัพย์ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ปีที่ 2 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งมีที่มาเหมือนเพื่อนอาสาสมัครคนอื่นๆ เพียงแต่ว่าหน้าที่ที่เธอได้รับคือการเป็นผู้ดูแลเรื่องอาหารว่าง หรือที่ใครบางคนอาจจะเรียกว่า "เด็กเสิร์ฟกาแฟ" สำหรับสื่อมวลชนที่เข้าร่วมรายงานผลการแข่งขัน ตัว "น้องอุ๊" เองยอมรับว่าไม่คาดฝันว่าจะต้องมาทำงานแบบนี้
"ทีแรกที่รู้ว่าตัวเองต้องมาคอยดูแลพี่ๆ สื่อมวลชนด้วยการบริการจัดอาหารว่างให้ก็งงๆ อยู่เหมือนกัน เพราะเราระบุไปว่าอยากทำงานประชาสัมพันธ์ ก็นึกว่าจะให้มาเป็นฝ่ายประชาสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่อย่างที่คิด"
"ช่วงแรกก็เคยรู้สึกอิจฉาเพื่อนคนอื่นที่ได้ออกไปดูแลนักกีฬาต่างชาติ แล้วก็มีความคิดวูบเข้ามาว่าอยากเปลี่ยนงาน แต่พอได้มาทำจริงๆ ทุกคนในฝ่ายประชาสัมพันธ์ดูแลเราดีมาก เลยทำให้เราเปลี่ยนใจทำงานมาจนถึงทุกวันนี้"
โดย "น้องอุ๊" ยืนยันว่าแม้จะมีหน้าที่การงานที่ไม่โดดเด่น แต่ก็สร้างความภูมิใจให้กับตัวเองได้ "มันคืองานที่ทุกคนต้องทำ ถ้าได้รับมอบหมายแล้วก็ต้องทำ เราต้องมีความเป็นมืออาชีพ และมันก็เป็นงานที่น่าภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกีฬา ม.โลก ที่สำคัญงานนี้ฝึกให้เรามีความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ให้เรามีความรับผิดชอบ ถาม
ว่าภูมิใจไหม บอกได้เลยว่าภูมิใจมากกับการได้มาทำงานนี้"
ถึงจุดนี้ เชื่อว่าจิ๊กซอว์ทั้ง 3 ชิ้นที่เป็นส่วนประกอบเล็กๆ ของกีฬา ม.โลก คงสร้างความภูมิใจให้กับ จอร์จ คิลเลียน ประธาน "ฟิซู" แล้ว หลังจากที่นายใหญ่ชาวอเมริกันรายนี้เคยกล่าวไว้ว่า "กีฬามหาวิทยาลัยโลกเป็นกีฬาที่จะมีอาสาสมัครมาเก็บจาน มาทำความสะอาด มาร่วมกันทำงานหนักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งก็ถือเป็นความภูมิใจของฟิซูแล้ว"
-
- Verified User
- โพสต์: 510
- ผู้ติดตาม: 0
กีฬามหาวิทยาลัยโลก
โพสต์ที่ 4
ประกาศผลสอบ "บางกอกยูนิเวอร์ซิเอด"
หากจะลองให้ประเมินผลงานการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 24 คงต้องเริ่มนับกันตั้งแต่วันเริ่มต้นแห่งอุบัติการณ์ครั้งนี้ ในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการแสดงแสงสีเสียงครั้งใหญ่ในพิธีเปิด ณ ราชมังคลาสเตเดียม ซึ่งนับว่ายิ่งใหญ่
สมราคาคุยของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานฝ่ายพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน
โดยพิธีเปิด-ปิด ครั้งนี้มีการหยิบเอาเนื้อหาเชิดชูพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวฯ ในด้านต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อคนไทย มาเป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง รวมทั้งยังมีการแสดงบนพื้นราบที่สวยงามอลังการ อีกทั้งยังมีการระดมนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมนับ 10,000 ชีวิต จากกว่า 150 ประเทศทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วม แม้จะยืดยาดเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็นับว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการแข่งขันในครั้งต่อไป
ส่วนการประชาสัมพันธ์ที่ทำท่าจะอืดๆไปบ้างก่อนการแข่งขัน ปรากฏว่าโค้งสุดท้ายบริษัทอาร์เอสฯ เร่งเครื่องกลับมาได้อย่างน่าชมเชยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทเจรจาไกล่เกลี่ยศึกมวยหมู่ระหว่างทีมฟุตบอลไทยกับเม็กซิโกรวมทั้งการจัดแถลงข่าวหลังจากนั้น ทำได้เงียบเชียบเรียบร้อย รับรองว่าถ้าไม่ได้มืออาชีพมีหวัง
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกจะเละเทะยิ่งไปกว่านี้
สำหรับด้านที่น่าผิดหวังก็คือเรื่องของยอดผู้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันครั้งนี้ โดยมีการจำหน่ายบัตรได้เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าการจัดสนามแข่งขันที่ไม่เอื้อต่อการเดินทางของแฟนกีฬา ซึ่ง ดร.สุเมธ แย้มนุ่น รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก กล่าวยอมรับในเรื่องนี้ว่า
"พื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อาจจะไกลเกินไปสำหรับแฟนกีฬา แต่ก็คงหาสถานที่พร้อมกว่านี้ไม่ได้ เราจึงมีการจัดให้มีการแข่งขันกระจายในหลายส่วนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการแข่งขันหลายชนิดที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก สำหรับแฟนกีฬาที่สะดวกในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงสนามอื่นๆ"
อีกเรื่องคือการจราจรที่เป็นปัญหาพบมากในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งนี้ โดยตัวอย่างที่พบคือ พื้นที่เมืองทองธานี ที่มีการแข่งขันกันหลายชนิดกีฬา ทั้งยิมนาสติก, เทเบิลเทนนิส รวมถึง เทนนิส และฟันดาบ แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งเส้นทางบนถนนแจ้งวัฒนะ อันถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพื้นที่ดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพาน ส่งผลให้การจราจรค่อนข้างติดขัดอย่างหนักในช่วงเวลาเร่งด่วนการรักษาความปลอดภัย แม้จะเข้มงวดและสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชม และผู้สื่อข่าวเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการแบบเข้มข้นนี้ได้สร้างความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาจากต่างชาติเป็นอันมาก สำหรับในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นั้นมีการระดมเจ้าหน้าที่จำนวนมากลงพื้นที่รักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมง
แม้จะมีข้อบกพร่องในหลายจุด แต่ จอร์จ คิลเลียน ประธานสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก หรือ "ฟิซู" ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ในการแข่งขันครั้งนี้มี 152 ประเทศเข้าร่วม จำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่รวมกัน 9,006 คน นับว่ามากที่สุดตั้งแต่เคยจัดการแข่งขันรายการนี้มา เรารู้ดีว่าไม่มีการจัดกีฬาชนิดไหน รายการใดที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่เราได้เจอในกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก"
จากนั้น ประธานฟิซู ยังได้กล่าวต่อไปว่า "เรื่องมาตรฐานการแข่งขันก็นับว่าอยู่ในระดับสูงในหลายชนิดกีฬา เราได้เห็นนักว่ายน้ำทำลายสถิติถึง 24 รายการ นับว่าเป็นการแข่งขันที่มีนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลกเข้าร่วมแข่งขัน"
"ปัญหาที่เราเจอมันเหมือนกับคนที่มีอาการสะอึก ซึ่งก็เกิดขึ้นเป็นระยะ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรใหญ่หลวง และผมก็พอใจกับการแข่งขันครั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับกีฬามหาวิทยาลัยโลก ต้องยอมรับว่าเราจะนำปัญหาที่พบไปแก้ไขในการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปที่กรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งได้ส่งรองนายกรัฐมนตรีมาดูงาน และเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทย"
นอกจากนี้ "มิสเตอร์ฟิซู" ยังได้กล่าวยกย่องไทยว่ามีดีพอที่จะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย "บอกตามตรงเลยว่าความสามารถของประเทศไทยในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกนั้นทาง ฟิซู พอใจมาก ส่วนตัวผมไม่เห็นว่าอะไรจะเป็นอุปสรรคในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของไทย ถ้าหากรัฐบาลสนับสนุน แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกีฬาระดับนั้นคือเรื่องงบประมาณจำนวนมหาศาล ถ้าไทยมีในสิ่งนั้น ผมก็เชื่อว่าคงไม่เป็นปัญหาอะไร"
ถือว่าผลประเมินการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกของประเทศไทยในสายตาของ "มิสเตอร์ฟิซู" นั้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว คงต้องมารอดูกันว่าผลงานทั้งหมดที่เกิดขึ้น จะส่งผลให้ประเทศขวานทองพอจะมีสิทธิ์ฝันถึงการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในอนาคตหรือไม่?
เรื่องโดย ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?N ... 0000097652
หากจะลองให้ประเมินผลงานการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งที่ 24 คงต้องเริ่มนับกันตั้งแต่วันเริ่มต้นแห่งอุบัติการณ์ครั้งนี้ ในวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา มีการแสดงแสงสีเสียงครั้งใหญ่ในพิธีเปิด ณ ราชมังคลาสเตเดียม ซึ่งนับว่ายิ่งใหญ่
สมราคาคุยของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานฝ่ายพิธีเปิด-ปิดการแข่งขัน
โดยพิธีเปิด-ปิด ครั้งนี้มีการหยิบเอาเนื้อหาเชิดชูพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระ
เจ้าอยู่หัวฯ ในด้านต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อคนไทย มาเป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง รวมทั้งยังมีการแสดงบนพื้นราบที่สวยงามอลังการ อีกทั้งยังมีการระดมนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมนับ 10,000 ชีวิต จากกว่า 150 ประเทศทั่วโลกเข้ามามีส่วนร่วม แม้จะยืดยาดเกินกว่าที่ควรจะเป็น แต่ก็นับว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดการแข่งขันในครั้งต่อไป
ส่วนการประชาสัมพันธ์ที่ทำท่าจะอืดๆไปบ้างก่อนการแข่งขัน ปรากฏว่าโค้งสุดท้ายบริษัทอาร์เอสฯ เร่งเครื่องกลับมาได้อย่างน่าชมเชยเหมือนกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทเจรจาไกล่เกลี่ยศึกมวยหมู่ระหว่างทีมฟุตบอลไทยกับเม็กซิโกรวมทั้งการจัดแถลงข่าวหลังจากนั้น ทำได้เงียบเชียบเรียบร้อย รับรองว่าถ้าไม่ได้มืออาชีพมีหวัง
ภาพที่ปรากฏต่อสายตาชาวโลกจะเละเทะยิ่งไปกว่านี้
สำหรับด้านที่น่าผิดหวังก็คือเรื่องของยอดผู้ซื้อบัตรเข้าชมการแข่งขันครั้งนี้ โดยมีการจำหน่ายบัตรได้เพียง 2 ล้านบาทเท่านั้น คงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าการจัดสนามแข่งขันที่ไม่เอื้อต่อการเดินทางของแฟนกีฬา ซึ่ง ดร.สุเมธ แย้มนุ่น รองเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานบริหารการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลก กล่าวยอมรับในเรื่องนี้ว่า
"พื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อาจจะไกลเกินไปสำหรับแฟนกีฬา แต่ก็คงหาสถานที่พร้อมกว่านี้ไม่ได้ เราจึงมีการจัดให้มีการแข่งขันกระจายในหลายส่วนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีการแข่งขันหลายชนิดที่อินดอร์สเตเดียม หัวหมาก สำหรับแฟนกีฬาที่สะดวกในพื้นที่ดังกล่าว รวมถึงสนามอื่นๆ"
อีกเรื่องคือการจราจรที่เป็นปัญหาพบมากในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งนี้ โดยตัวอย่างที่พบคือ พื้นที่เมืองทองธานี ที่มีการแข่งขันกันหลายชนิดกีฬา ทั้งยิมนาสติก, เทเบิลเทนนิส รวมถึง เทนนิส และฟันดาบ แต่กลับไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ซึ่งเส้นทางบนถนนแจ้งวัฒนะ อันถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของพื้นที่ดังกล่าวก็อยู่ระหว่างการก่อสร้างสะพาน ส่งผลให้การจราจรค่อนข้างติดขัดอย่างหนักในช่วงเวลาเร่งด่วนการรักษาความปลอดภัย แม้จะเข้มงวดและสร้างความอึดอัดให้กับผู้ชม และผู้สื่อข่าวเป็นจำนวนมาก แต่ก็ต้องยอมรับว่ามาตรการแบบเข้มข้นนี้ได้สร้างความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ และนักกีฬาจากต่างชาติเป็นอันมาก สำหรับในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นั้นมีการระดมเจ้าหน้าที่จำนวนมากลงพื้นที่รักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันตลอด 24 ชั่วโมง
แม้จะมีข้อบกพร่องในหลายจุด แต่ จอร์จ คิลเลียน ประธานสหพันธ์กีฬามหาวิทยาลัยโลก หรือ "ฟิซู" ได้กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ในการแข่งขันครั้งนี้มี 152 ประเทศเข้าร่วม จำนวนนักกีฬาและเจ้าหน้าที่รวมกัน 9,006 คน นับว่ามากที่สุดตั้งแต่เคยจัดการแข่งขันรายการนี้มา เรารู้ดีว่าไม่มีการจัดกีฬาชนิดไหน รายการใดที่จะสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมด ซึ่งปัญหาทั้งหมดที่เราได้เจอในกีฬามหาวิทยาลัยโลกครั้งนี้ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก"
จากนั้น ประธานฟิซู ยังได้กล่าวต่อไปว่า "เรื่องมาตรฐานการแข่งขันก็นับว่าอยู่ในระดับสูงในหลายชนิดกีฬา เราได้เห็นนักว่ายน้ำทำลายสถิติถึง 24 รายการ นับว่าเป็นการแข่งขันที่มีนักว่ายน้ำที่ดีที่สุดในโลกเข้าร่วมแข่งขัน"
"ปัญหาที่เราเจอมันเหมือนกับคนที่มีอาการสะอึก ซึ่งก็เกิดขึ้นเป็นระยะ แต่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรใหญ่หลวง และผมก็พอใจกับการแข่งขันครั้งนี้ รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับกีฬามหาวิทยาลัยโลก ต้องยอมรับว่าเราจะนำปัญหาที่พบไปแก้ไขในการเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปที่กรุงเบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งได้ส่งรองนายกรัฐมนตรีมาดูงาน และเตรียมความพร้อมที่ประเทศไทย"
นอกจากนี้ "มิสเตอร์ฟิซู" ยังได้กล่าวยกย่องไทยว่ามีดีพอที่จะเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาโอลิมปิกอีกด้วย "บอกตามตรงเลยว่าความสามารถของประเทศไทยในการจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยโลกนั้นทาง ฟิซู พอใจมาก ส่วนตัวผมไม่เห็นว่าอะไรจะเป็นอุปสรรคในการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของไทย ถ้าหากรัฐบาลสนับสนุน แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกีฬาระดับนั้นคือเรื่องงบประมาณจำนวนมหาศาล ถ้าไทยมีในสิ่งนั้น ผมก็เชื่อว่าคงไม่เป็นปัญหาอะไร"
ถือว่าผลประเมินการจัดกีฬามหาวิทยาลัยโลกของประเทศไทยในสายตาของ "มิสเตอร์ฟิซู" นั้นอยู่ในระดับที่น่าพอใจทีเดียว คงต้องมารอดูกันว่าผลงานทั้งหมดที่เกิดขึ้น จะส่งผลให้ประเทศขวานทองพอจะมีสิทธิ์ฝันถึงการเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกในอนาคตหรือไม่?
เรื่องโดย ทีมข่าวกีฬาผู้จัดการรายวันhttp://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?N ... 0000097652