DCF vs. PE
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 1
ถ้าการวัดมูลค่าหุ้นด้วย DCF ออกมา มีค่าต่ำกว่า การวัดด้วย PE (ที่เหมาะสม แบบ ไม่เวอร์จนเกินไป)
เกิดจากเหตุผลอะไรได้บ้างครับ
และในทางกลับกัน เหตุผลก็ กลับกันด้วย ใช่มั้ยครับ
ช่วยสรุปให้หน่อยได้มั้ยครับ
ขอบคุณอาจารย์ทั้งหลายล่วงหน้าครับ
เกิดจากเหตุผลอะไรได้บ้างครับ
และในทางกลับกัน เหตุผลก็ กลับกันด้วย ใช่มั้ยครับ
ช่วยสรุปให้หน่อยได้มั้ยครับ
ขอบคุณอาจารย์ทั้งหลายล่วงหน้าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 2
pe มีปัจจัยแค่กำไรสุทธิที่นำเข้ามาพิจารณา
dcf ใช้ปัจจัยมากกว่า เมื่อรู้ปัจจัยมากกว่า ก็ทำให้รู้ว่าเหตุมาจากอะไรบ้าง
ผมว่ามันไม่มีความสัมพันธ์กันเลยนะในสองวิธีนี้
dcf ใช้ปัจจัยมากกว่า เมื่อรู้ปัจจัยมากกว่า ก็ทำให้รู้ว่าเหตุมาจากอะไรบ้าง
ผมว่ามันไม่มีความสัมพันธ์กันเลยนะในสองวิธีนี้
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 3
อืมมม
เหรอครับ
ผมก็ งง งง
อย่างนี้เปลี่ยนคำถามก็ได้
เมื่อไหร่ที่เหมาะสมที่จะใช้ DCF ในการประเมิณมูลค่าหุ้นมากกว่า
และเมื่อไหร่ที่เหมาะสมที่จะใช้ PE ในการประเมิณมูลค่าหุ้นมากกว่าครับ
พอไหวมั้ยครับ
หรือ ยังไม่ผุดจากตมเลย :oops:
เหรอครับ
ผมก็ งง งง
อย่างนี้เปลี่ยนคำถามก็ได้
เมื่อไหร่ที่เหมาะสมที่จะใช้ DCF ในการประเมิณมูลค่าหุ้นมากกว่า
และเมื่อไหร่ที่เหมาะสมที่จะใช้ PE ในการประเมิณมูลค่าหุ้นมากกว่าครับ
พอไหวมั้ยครับ
หรือ ยังไม่ผุดจากตมเลย :oops:
-
- Verified User
- โพสต์: 1746
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 4
PE จะมีปัญหาว่า PE ที่ได้อาจจะเหมาะสมกับกิจการ หรืออุตสาหกรรมของกิจการ แต่ว่าปัญหาคือ Earning หรือ "E" ที่นำมาคำนวณนั้น เป็นกำไรที่มีคุณภาพแค่ไหน เป็นแค่กำไรในอากาศ หรือกำไรที่จับต้องได้? หาอ่านเรื่องคุณภาพของกำไรในบทความพี่ IH ครับ (ผมจำ link ไม่ได้ แต่คิดว่ามีอยู่ในหน้าแรก TVI)
ส่วน DCF น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า PE หลายเท่าตัว (ส่วนตัวผมมองว่า PE คือการประเมินหุ้นแบบผิวเผินมาก ๆ) แต่ถ้าคุณได้ Fair Value ที่ต่ำ คุณก็ต้องดูว่า คุณเอาตัวเลขอะไรมาคำนวณ หรือค่า discount rate ที่คุณนำมาคำนวณมันมากเกินไปหรือไม่? ถ้ามากเกินไปก็ลด discount rate ซะก็จะได้มูลค่าเหมาะสมที่สูงขึ้น แต่ถ้าคิดว่าตัวเลขต่าง ๆ ok แล้ว ก็อาจต้องยอมรับว่า ค่าที่ได้ก็คือ fair value ของหุ้นตัวนั้นจริง ๆ
ส่วน DCF น่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่า PE หลายเท่าตัว (ส่วนตัวผมมองว่า PE คือการประเมินหุ้นแบบผิวเผินมาก ๆ) แต่ถ้าคุณได้ Fair Value ที่ต่ำ คุณก็ต้องดูว่า คุณเอาตัวเลขอะไรมาคำนวณ หรือค่า discount rate ที่คุณนำมาคำนวณมันมากเกินไปหรือไม่? ถ้ามากเกินไปก็ลด discount rate ซะก็จะได้มูลค่าเหมาะสมที่สูงขึ้น แต่ถ้าคิดว่าตัวเลขต่าง ๆ ok แล้ว ก็อาจต้องยอมรับว่า ค่าที่ได้ก็คือ fair value ของหุ้นตัวนั้นจริง ๆ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 5
DCF จะใช้ได้ดีมากๆเมื่อเราสามารถคาดการณ์กระแสเงินสดของบริษัทในระยะยาวได้ค่อยข้างใกล้เคียง ซึ่งผมทำไม่ค่อยจะได้เท่าไหร่ .. เลยชอบใช้ PE อยู่เรื่อย นิสัยเสียครับ :lol:
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- bankniti
- Verified User
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 6
ผมเดาว่าคุณ Pn3um0n1a คงจะถามเผื่อหุ้น TNH ใช่ไหมครับ
เคยอ่านเจอมาเหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่าอ่านมาจากไหน (อาจเป็นหนังสือของ ดร.นิเวศน์ หรือไม่ก็ การคำนวณมูลค่าหุ้นของคุณ สุมาอี้) เขาแนะนำว่าธุรกิจในกลุ่มไหนบ้างที่เหมาะกับไม่เหมาะที่จะคิดด้วยวิธี DCF แต่ที่สำคัญคือ "ผมจำไม่ได้เลยว่าธุรกิจอะไรควรคิดวิธีไหน"
ต้องขอโทษจริงๆ ครับ แต่ผมว่าท่านแม่ทัพ สุมาอี้ น่าจะพอให้คำตอบได้บ้าง เดี๋ยวจุดธูปเรียกท่านสักหน่อยแล้วกัน...

เคยอ่านเจอมาเหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่าอ่านมาจากไหน (อาจเป็นหนังสือของ ดร.นิเวศน์ หรือไม่ก็ การคำนวณมูลค่าหุ้นของคุณ สุมาอี้) เขาแนะนำว่าธุรกิจในกลุ่มไหนบ้างที่เหมาะกับไม่เหมาะที่จะคิดด้วยวิธี DCF แต่ที่สำคัญคือ "ผมจำไม่ได้เลยว่าธุรกิจอะไรควรคิดวิธีไหน"

-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 7
ปัญหาของ P/E คือคุณจะรู้ได้ไงว่า มันจะควรเท่ากับเท่าไหร่ ???
ทำไม P/E หุ้นคนละอุตสาหกรรมต้องต่างกัน ??
ทำไม P/E หุ้นอุตสาหกรรมเดียวกันต้องเท่ากัน???
เวลาตลาดกระทิง P/E ต้องสูงๆ ??
ทำไม P/E หุ้นคนละอุตสาหกรรมต้องต่างกัน ??
ทำไม P/E หุ้นอุตสาหกรรมเดียวกันต้องเท่ากัน???
เวลาตลาดกระทิง P/E ต้องสูงๆ ??
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
-
- Verified User
- โพสต์: 1155
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 8
ไม่เหมาะกับ dcf คือbankniti เขียน:ผมเดาว่าคุณ Pn3um0n1a คงจะถามเผื่อหุ้น TNH ใช่ไหมครับ![]()
เคยอ่านเจอมาเหมือนกัน แต่จำไม่ได้ว่าอ่านมาจากไหน (อาจเป็นหนังสือของ ดร.นิเวศน์ หรือไม่ก็ การคำนวณมูลค่าหุ้นของคุณ สุมาอี้) เขาแนะนำว่าธุรกิจในกลุ่มไหนบ้างที่เหมาะกับไม่เหมาะที่จะคิดด้วยวิธี DCF แต่ที่สำคัญคือ "ผมจำไม่ได้เลยว่าธุรกิจอะไรควรคิดวิธีไหน"ต้องขอโทษจริงๆ ครับ แต่ผมว่าท่านแม่ทัพ สุมาอี้ น่าจะพอให้คำตอบได้บ้าง เดี๋ยวจุดธูปเรียกท่านสักหน่อยแล้วกัน...
1. แบงค์ ประกัน การเงิน ให้ใช้ cash flow to equity แทน
2. พวก conglomarate หรือ holding company เพราะถือหุ้นบริษัทเยอะไป ขี้เกียจคิดเลข :oops:
A Cynic Knows the Price of Everything and the Value of Nothing
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-Oscar Wilde, Lady Windemeres Fan
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 9
dcf ใช้สำหรับบริษัทที่สามารถทราบ free cash flow ในระยะยาวๆ ได้
สามารถใช้เป็นราคาที่ควรจะเป็นในระยะยาว
เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นหลายๆปี
การลงทุนเป็นลักษณะ stand alone ตลาดเป็นไงข้าไม่สน
ตัวข้าชีวิตข้า มีค่าเท่าเงินที่บริษัทจะสร้างได้ในอนาคต
ข้อเสีย
คำนวณ free cash flow & terminal value ให้ถูกต้องในระยะยาวได้ยาก
การคำนวณยุ่งยากกว่า
ไม่ได้เอาอารมณ์ของตลาดเข้ามาเกียวข้อง
PE ใช้กำหนดราคาเป้าหมายในระยะสั้น การคำนวณเป็นลักษณะเปรียบเทียบ
คำนวณง่าย และ เข้าใจความหมายได้ง่าย
เอาอารมณ์ของตลาดเข้ามาคิดด้วย
ข้อเสีย
กำหนด pe ที่เหมาะสมได้ยาก (มีหลายแบบให้เลือก เช่นใช้อุตสาหกรรมเดียวกันมาเฉลี่ย หรือ กำหนดเอาตามคุณภาพบริษัท)
ไม่ได้ดูระยะยาว ดูแค่ปีต่อปี
สามารถ mid lead the price ได้ถ้าใช้ pe ของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ถ้าใช้มันทั้งสองอัน แล้วปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานะการณ์น่าจะดีสุดครับ
แต่บอกตรงๆ ผมใช้แต่ pe เป็นหลัก :lol:
สามารถใช้เป็นราคาที่ควรจะเป็นในระยะยาว
เหมาะสำหรับคนที่ลงทุนในหุ้นหลายๆปี
การลงทุนเป็นลักษณะ stand alone ตลาดเป็นไงข้าไม่สน
ตัวข้าชีวิตข้า มีค่าเท่าเงินที่บริษัทจะสร้างได้ในอนาคต
ข้อเสีย
คำนวณ free cash flow & terminal value ให้ถูกต้องในระยะยาวได้ยาก
การคำนวณยุ่งยากกว่า
ไม่ได้เอาอารมณ์ของตลาดเข้ามาเกียวข้อง
PE ใช้กำหนดราคาเป้าหมายในระยะสั้น การคำนวณเป็นลักษณะเปรียบเทียบ
คำนวณง่าย และ เข้าใจความหมายได้ง่าย
เอาอารมณ์ของตลาดเข้ามาคิดด้วย
ข้อเสีย
กำหนด pe ที่เหมาะสมได้ยาก (มีหลายแบบให้เลือก เช่นใช้อุตสาหกรรมเดียวกันมาเฉลี่ย หรือ กำหนดเอาตามคุณภาพบริษัท)
ไม่ได้ดูระยะยาว ดูแค่ปีต่อปี
สามารถ mid lead the price ได้ถ้าใช้ pe ของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ถ้าใช้มันทั้งสองอัน แล้วปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานะการณ์น่าจะดีสุดครับ
แต่บอกตรงๆ ผมใช้แต่ pe เป็นหลัก :lol:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- HI.ผมเอง
- Verified User
- โพสต์: 811
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 10
ตอบเหมือนกำปั้นทุบดินเลยนะ :lol:
ถ้าเข้าใจในกิจการหรือธุรกิจ จะรู้ว่าธุรกินนั้นๆน่าจะใช้อะไรในการประเมินที่น่าจะเหมาะสมครับ
dcf หากจะใช้ค่าการเติบโตของfcfก็ต้องรู้ว่ากิจการกำลังจะทำอะไรในอนาคต หากใช้ค่าในอดีต ก็เสี่ยงน่าดู ปรกติไม่ค่อยใช้วิธีนี้เท่าไหร่ครับ เพราะมองไกลๆไม่ค่อยเห็น :lol:
p/e ก็ต้องดูคุณภาพของeที่กลายเป็นเงินสดจริง การใช้ค่าตัวคูณก็ต้องประเมินจากความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
แสดงว่าต้องเข้าใจในธุรกิจก่อนทั้งนั้น
เคยอ่านการผูกสูตรของ คุณ yoyo ก็น่าสนใจดีครับ หามูลค่าเคร่าๆได้รวดเร็วดี
http://thai-value-investor.blogspot.com ... v-roe.html
หา p/b ได้ จับคูณ กับbookเลย :lol: (วิธีนี้ผมมั่วเกินไปหน่อยมั๊ยครัยคุณyoyo
)
ผมชอบใช้หลายๆอย่าง แล้วเผื่อmargin of safety 15-20%ครับ
ถ้าเข้าใจในกิจการหรือธุรกิจ จะรู้ว่าธุรกินนั้นๆน่าจะใช้อะไรในการประเมินที่น่าจะเหมาะสมครับ
dcf หากจะใช้ค่าการเติบโตของfcfก็ต้องรู้ว่ากิจการกำลังจะทำอะไรในอนาคต หากใช้ค่าในอดีต ก็เสี่ยงน่าดู ปรกติไม่ค่อยใช้วิธีนี้เท่าไหร่ครับ เพราะมองไกลๆไม่ค่อยเห็น :lol:
p/e ก็ต้องดูคุณภาพของeที่กลายเป็นเงินสดจริง การใช้ค่าตัวคูณก็ต้องประเมินจากความสามารถในการทำกำไรในอนาคต
แสดงว่าต้องเข้าใจในธุรกิจก่อนทั้งนั้น
เคยอ่านการผูกสูตรของ คุณ yoyo ก็น่าสนใจดีครับ หามูลค่าเคร่าๆได้รวดเร็วดี
http://thai-value-investor.blogspot.com ... v-roe.html
หา p/b ได้ จับคูณ กับbookเลย :lol: (วิธีนี้ผมมั่วเกินไปหน่อยมั๊ยครัยคุณyoyo

ผมชอบใช้หลายๆอย่าง แล้วเผื่อmargin of safety 15-20%ครับ
- sirivajj
- Verified User
- โพสต์: 985
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 11
DCF ผมว่า ยุ่งยากในการคาดคะเนกระแสเงินสดในอนาคต
ประมาณว่า ต้องใช้สมมติฐานมาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ถ้าได้ข้อมูลดี
มูลค่าหุ้นที่คำนวณได้น่าจะแม่นยำกว่า
PE คิดง่าย คำนวณง่าย
ปัญหาคือ ระวังอย่าไปติดกับ E ปัจจุบัน หรือ E ที่ผ่านมา
กับอีกตัวคือ บางอุตสาหกรรมหรือ บ. ถึงแม้จะทำ E ได้ดี
แต่ Cash ที่ได้กับต้องไปลงทุนเพิ่มในทรัพย์สิน เช่น เครื่องจักร
ซึ่งมีโอกาสล้าสมัย เสื่อมค่ามาก ทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ในงบดุลนั้น
อาจแฝงเอาความด้อยค่าไว้อยู่มากก็ได้
ต้องพิจารณาอุตสาหกรรมและหุ้นแต่ละตัวไป
อันนี้ ก็ตามความรู้อันน้อยนิดของผมนะครับ
ยังไง รอความเห็น ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นต่อไป

ประมาณว่า ต้องใช้สมมติฐานมาเกี่ยวข้องด้วย
แต่ถ้าได้ข้อมูลดี
มูลค่าหุ้นที่คำนวณได้น่าจะแม่นยำกว่า
PE คิดง่าย คำนวณง่าย
ปัญหาคือ ระวังอย่าไปติดกับ E ปัจจุบัน หรือ E ที่ผ่านมา
กับอีกตัวคือ บางอุตสาหกรรมหรือ บ. ถึงแม้จะทำ E ได้ดี
แต่ Cash ที่ได้กับต้องไปลงทุนเพิ่มในทรัพย์สิน เช่น เครื่องจักร
ซึ่งมีโอกาสล้าสมัย เสื่อมค่ามาก ทำให้ทรัพย์สินที่มีอยู่ในงบดุลนั้น
อาจแฝงเอาความด้อยค่าไว้อยู่มากก็ได้
ต้องพิจารณาอุตสาหกรรมและหุ้นแต่ละตัวไป
อันนี้ ก็ตามความรู้อันน้อยนิดของผมนะครับ

ยังไง รอความเห็น ผู้เชี่ยวชาญท่านอื่นต่อไป

What do you mean.?
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
DCF vs. PE
โพสต์ที่ 14
ลองอ่านตามนี้ครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=27219
ถ้าเรายังคงใช้ P/E มาหาราคาหุ้น
ก็จะเกิดกรณีอย่าง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=27219
ถ้าเรายังคงใช้ P/E มาหาราคาหุ้น
ก็จะเกิดกรณีอย่าง
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=27178มาตรฐานทางบัญชีนั้น แน่นอนว่ามีหลักเกณฑ์บางประการไม่สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่แท้จริง รวมทั้งบางครั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ ซึ่งส่งผลให้ผลการดำเนินงานในงบการเงินผิดเพี้ยนไป
ถ้าการเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์ทางบัญชี มีผลทำให้บริษัท A มีกำไรในงบกำไรขาดทุนเพิ่มขึ้นจากเดิม ทั้งๆที่ผลการดำเนินงานที่แท้จริงยังคงเหมือนเดิมทุกประการ มูลค่ากิจการของบริษัท A ควรเพิ่มขึ้นหรือไม่
หรือในกรณี ประเภท ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 1 บริษัทจะรับรู้กำไรมากขึ้น แต่ถ้าใช้หลักเกณฑ์ 2 บริษัทจะรับรู้กำไรเท่าเดิม มูลค่าบริษัทควรจะขึ้นอยู่กับว่าใช้หลักเกณฑ์บัญชี 1 หรือ 2 หรือไม่
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี