คอนเสิร์ตรินใจ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 1
คืนวันเสาร์ถ้าไม่ง่วงเสียก่อน ก็คงจะต้องเกาะจอโทรทัศน์ ถ่างตาดูบรรดา AF 4 ทั้งหลายที่จะมาโชว์พลังน้ำเสียง นักร้องหญิงหลายคนทีเดียวที่ส่อแววรุ่งทั้งลีลา น้ำเสียงและลูกคอ แม้จะอดเสียดายไม่ได้ว่าเธอคงไปไม่ถึงดวงดาวแน่นอนหากมาตรฐานการโหวตยังคงชื่นชอบหน้าตาน่ารักเป็นหลัก แต่รับรอง ถ้าเธอไม่ถอดใจไป เราอาจจะมีโอกาสได้ดูละครเพลงดีๆที่มีนักร้องคุณภาพอย่าง Miss Saigon หรือสาวเครือฟ้า คืนนี้คอยฟังเพลงปราบเซียนที่ต้องโหนเสียงอย่าง Hero All I ask of You Perhaps Love ไปก่อนแล้วกัน
เกริ่นหัวข้อไว้เป็นคอนเสิร์ตรินใจ หมายถึงคอนเสิร์ตที่หลังจากจบการแสดงแล้ว คนฟังยังอิ่มเอิบซึมซาบ กับบรรยากาศ การแสดงและบทเพลง บางครั้งถึงกับบำบัดจิตใจให้ปลอดโล่ง บรรเทาความขุ่นหมองให้เจือจาง และละลายไปในที่สุด เหลือเพียงความทรงจำเบาบางที่เราเลือกจะจำเป็นครั้งคราวหรือลืมมันไปเสียให้หมด
อะหา ก่อนจะเล่าเรื่องคอนเสิร์ตรินใจ ต้องขอเล่าเรื่องคอนเสิร์ตหนีตายก่อน เมื่อครั้งที่วงดนตรีคาราบาวประกาศจัดคอนเสิร์ต Made In Thailand ที่เวลโลโดม หัวหมาก หลายสิบปีโน้นสมัยที่กูรูยังเป็นวัยรุ่นตอนปลายๆ
ก่อนหน้านั้น คาราบาวก็มีคอนเสิร์ตเปิดอัลบัมอยู่เนืองๆ ตั้งแต่ชุดแรกเป็นต้นมา เนื่องจากสไตล์ดนตรีออกเป็นแนวร็อคกลายๆที่สุดเร่งเร้า หนีไม่พ้นต้องมีการลุกเต้นของบรรดาฮาร์คคอร์พันธุ์แท้ซึ่งจะปรากฏตัวทุกครั้งหน้าเวที สร้างความชอบ -ไม่ชอบแก่คนดูกลุ่มอื่นๆ และหนีไม่พ้นที่จะต้องมีการยกพวกตีกันก่อนคอนเสิร์ตเลิก ฉะนั้นแทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วว่า คาราบาวยกวงไปเล่นที่ไหน ต้องมีตำรวจตามไปอีกโขยง ไม่ใช่ไปจับผิดหรือเซ็นเซอร์เพลงที่ร้อง แต่ไปปรามพวก อินสุดๆจนไม่สามารถสลัดความเมามันออกไปได้ เผลอๆยังสลัดเหวี่ยงหมัดไปถูกคนรอบข้างเสียอีก
คอนเสิร์ต Made In Thailand ก็เช่นกัน คณะผู้จัดเล็งเห็นปัญหานี้แต่ต้น อุตส่าห์หาสถานที่กลางแจ้งจัดดนตรี เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้หาทางรอดได้ ไม่แออัดหรือเหยียบกันตายเช่นในสถานที่ปิด กำหนดการทุกครั้งเตรียมพร้อมอย่างเหนียวแน่น ประตูเปิดให้เข้าตั้งแต่ 4 โมงเย็น เพื่อรอการขึ้นเวทีของบรรดานักดนตรีเมื่อยามฟ้าโพล้เพล้ 6 โมงเย็น ทุกคนยอมเสียเงินซื้อบัตรมานั่งรอศิลปินคนโปรดบนพื้นซิเมนต์แข็งๆ ท่ามกลางคนดูที่ทยอยเดินขวักไขว่เข้ามาทุกระยะๆ จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่แฟนๆคาราบาวรอคอย เมื่อกลุ่มศิลปินคนดังขี้นเวที เปิดเพลงแรกด้วย มนต์เพลงคาราบาว เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหวทั่วเวลโลโดม แม้จะมีพวกฮาร์คคอร์เริ่มแสดงอาการเต้นเมามัน แต่สถานการณ์ทุกอย่างก็น่าจะควบคุมได้
กระทั่งมาถึงเพลง ลูกแก้ว ซึ่งเป็นเพลงที่ 4 และเพลงสุดท้ายของวันนั้น เกิดปรากฏการณ์ไม่พอใจกันในกลุ่มคนดูถึงกับมีการขว้างขวดน้ำอัดลมขนาดหนึ่งลิตรลอยลงมาจากอัฒจรรย์ แค่นี้แหละ ทุกคนแตกฮือ เมื่อกลุ่มหนึ่งหนีกระเซิง กลุ่มที่เหลือไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็กระเจิงตามไปทอดๆ จนในที่สุด ผู้จัดประกาศหยุดคอนเสิร์ตไว้เพียงแค่นี้ ขอให้คนชมแยกย้ายกลับบ้านทันที
แล้วคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประชาสัมพันธ์นานนับเดือนก็จบลงด้วยเพลง 4 เพลง พร้อมความเสียหายยับเยินของสนามเวลโลโดม ไม่ต้องพูดถึงรถเก๋งที่จอดใต้อาคารนับสิบๆ ซึ่งถูกประทับรอยเหยียบหนีตายจากคนดูเป็นร้อยที่ไต่และกระโดดลงมาเอาตัวรอด เพราะไม่สามารถหนีออกทางประตูปกติได้
ผลจากคอนเสิร์ตหนีตายครั้งนั้น ทำให้ผู้จัดโต้โผใหญ่ถึงกับช็อต ไม่เป็นผู้เป็นคน เข้าโรงพยาบาลรับการบำบัดอยู่เป็นปี จนขยาดไม่กล้าจัดคอนเสิร์ตอีกเลย
เอาล่ะ เปลี่ยนจากคอนเสิร์ตหนีตายมาคอนเสิร์ตรินใจตามหัวข้อเสียที หลายคนคงมีความทรงจำดีๆของคอนเสิร์ตรินใจพอสมควร กูรูเองก็มีอยู่หลายเวทีเช่นกัน และมีอยู่เวทีหนึ่งที่ยังเรียงร้อยเรื่องราวความรู้สึกปริ่มๆ เหมือนน้ำใสที่ไหลรินจนถึงเดี๋ยวนี้
คอนเสิร์ต Forget Me Not ที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดร่วมกับองค์การ Unicef เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสทั่วโลก จัด 2 รอบ ตอนบ่ายและเย็นที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Hi- Light ของงานไม่ได้อยู่ที่องค์กรเอกชนต่างๆที่ส่งการแสดงเข้าร่วม ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรชื่อดังอย่างคุณจันทรา ชัยนาม ที่ยอมเสียสละค่าตัวทั้งหมดเพื่อร่วมอุทิศให้กับงานกุศลครั้งนี้ แต่อยู่ที่วงดนตรีคนคุ้นเคยที่จากไกลไปสัญจรตามป่าเขาต่างแดน เพิ่งเดินทางกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินไทยอีกครั้ง นั่นก็คือ วงคาราวาน (บางคนกล่าวว่านี่คือ The Return of Caravan แข่งกับภาพยนตร์ชุด Star War ตอน The Return of Jedi ที่กำลังโด่งดังขณะนั้น)
เป็นครั้งแรกที่ Caravan ได้กลับขึ้นเวทีในเมืองไทยอีกครั้ง หลังผ่านพ้นยุค ลุกขึ้นสู้ สู่ บาดแผลจากวนา
เพียงแค่ประกาศว่า คาราวานคืนรังเท่านั้น บัตรคอนเสิร์ตขายเกลี้ยงหมดในสัปดาห์แรก จนคณะผู้จัดเองก็คาดไม่ถึง มองหน้าตาคนซื้อบัตรก็ไม่ใช่วัยรุ่น วัยร็อคหรือเด็กแนวที่ไหน ผู้ใหญ่วัยทำงานปกติ ทั้งรุ่นแรกและแรกรุ่น ทุกคนพร้อมใจกันมาก่อนเวลา คุยทักทายระหว่างกันเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานก่อนจะเข้าไปคอยนาทีสำคัญอยู่ในหอประชุมใหญ่ สิ้นเสียงคำประกาศของพิธีกร ขอเชิญพบกับวงคาราวาน บรรยากาศคนดูเงียบกริบ เหมือนจะรอคอยอะไรบางอย่างที่ปะทุขึ้นมา เมื่อเสียงเพลง คืนรัง ดังขึ้น
โอ้ยอดรักฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไศล จากใบไม้ หลากสีสัน
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง......
หลายคนจ้องเวทีเขม็งให้แน่ใจว่าคาราวานกลับมาแล้วจริงๆ หลายคนก้มหน้านิ่งซ่อนอารมณ์ หลายคนสะอื้นไห้ออกมา ไม่ปิดปังความตื้นตันใจอีกต่อไปแล้ว และอีกหลายๆคนร่ำไห้อยู่ในใจ บางคนร่ำไห้ที่เพื่อนกลุ่มหนึ่งได้กลับบ้าน บางคนร่ำไห้เพราะได้เยียวยาบาดแผลลึกๆอยู่ในใจ
เพราะคาราวานคือประสบการณ์แห่งยุคสมัยของคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ร่วมชะตากรรม ต่อสู้กับความเชื่อและอุดมการณ์ด้วยกัน มันคือความอาดูรสูญสิ้นหลังจากคืนวันอันเลวร้ายผ่านพ้น ฉากชีวิตแต่ละคนที่เคยแตกกระจัดกระจาย แต่วันนี้ วินาทีนี้ กำลังจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอีกครั้ง
นานมาแล้ว เราจากกัน โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก
ดังทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดังภูสูงที่สูงสุดสอย ....
จากเพลงแรกสู่เพลงที่สอง สาม สี่และต่อๆไป ยิ่งดึก เรื่องเล่าต่างๆก็พรั่งพรูออกมามากขึ้น เสียงหัวเราะเคอะเขินสลับเป็นระยะๆกับเพลงเก่าๆท่วงทำนองเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น เปิปข้าว คนกับควาย และบทเพลงใหม่ๆที่แต่งไว้ระหว่างเดินทัพไกล อย่างเช่น
กองเกวียนคนทุกข์ในยุคจักรกล สองขาดั้นด้นใต้โค้งฟ้าคราม
กำเนิดในยามพระเจ้าหลับใหล ภายใต้แสงฟ้าฟืนไม้บง...
คาราวานคืนนั้นเล่นได้ไม่เต็มที่นัก ด้วยความห่างร้างจากเวทีเมืองไปนาน แต่แทบไม่มีใครจะใส่ใจข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ บทเพลงที่ขับขานยลยินได้รินหลั่งชโลมใจ สมานบาดแผลแห่งยุคสมัยซึ่งที่ผ่านมามีเพียงวันและเวลาเท่านั้นทำหน้าที่ช้าๆอย่างซื่อสัตย์
จบคอนเสิร์ต เดินออกมา ไม่กล้ามองหน้าใคร ดูเหมือนแต่ละคนจะก้มหน้าหลบๆ ไม่ยอมสบตากัน แม้บรรยากาศจะเนืองแน่นไม่แพ้ตอนเข้า แต่อารมณ์ที่คุกรุ่นกลับคลายและเบาบางลง เหมือนได้ทิ้งความหนักอึ้งที่ติดค้างในใจอยู่ในคอนเสิร์ต Forget Me Not ไปแล้ว คอนเสิร์ตเติมเต็มความโหยหาที่ขาดหายไปนานแสนนาน
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง
ใครบางคนยังพึมพำเนื้อเพลงนอกคอนเสิร์ต ขณะเดินทอดน่องต่อรถเมล์หน้าท้องสนามหลวงของกลางดึกคืนนั้น
เพื่อนๆล่ะมีคอนเสิร์ตรินใจมาเล่ากันฟังบ้างมั้ย
เกริ่นหัวข้อไว้เป็นคอนเสิร์ตรินใจ หมายถึงคอนเสิร์ตที่หลังจากจบการแสดงแล้ว คนฟังยังอิ่มเอิบซึมซาบ กับบรรยากาศ การแสดงและบทเพลง บางครั้งถึงกับบำบัดจิตใจให้ปลอดโล่ง บรรเทาความขุ่นหมองให้เจือจาง และละลายไปในที่สุด เหลือเพียงความทรงจำเบาบางที่เราเลือกจะจำเป็นครั้งคราวหรือลืมมันไปเสียให้หมด
อะหา ก่อนจะเล่าเรื่องคอนเสิร์ตรินใจ ต้องขอเล่าเรื่องคอนเสิร์ตหนีตายก่อน เมื่อครั้งที่วงดนตรีคาราบาวประกาศจัดคอนเสิร์ต Made In Thailand ที่เวลโลโดม หัวหมาก หลายสิบปีโน้นสมัยที่กูรูยังเป็นวัยรุ่นตอนปลายๆ
ก่อนหน้านั้น คาราบาวก็มีคอนเสิร์ตเปิดอัลบัมอยู่เนืองๆ ตั้งแต่ชุดแรกเป็นต้นมา เนื่องจากสไตล์ดนตรีออกเป็นแนวร็อคกลายๆที่สุดเร่งเร้า หนีไม่พ้นต้องมีการลุกเต้นของบรรดาฮาร์คคอร์พันธุ์แท้ซึ่งจะปรากฏตัวทุกครั้งหน้าเวที สร้างความชอบ -ไม่ชอบแก่คนดูกลุ่มอื่นๆ และหนีไม่พ้นที่จะต้องมีการยกพวกตีกันก่อนคอนเสิร์ตเลิก ฉะนั้นแทบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้วว่า คาราบาวยกวงไปเล่นที่ไหน ต้องมีตำรวจตามไปอีกโขยง ไม่ใช่ไปจับผิดหรือเซ็นเซอร์เพลงที่ร้อง แต่ไปปรามพวก อินสุดๆจนไม่สามารถสลัดความเมามันออกไปได้ เผลอๆยังสลัดเหวี่ยงหมัดไปถูกคนรอบข้างเสียอีก
คอนเสิร์ต Made In Thailand ก็เช่นกัน คณะผู้จัดเล็งเห็นปัญหานี้แต่ต้น อุตส่าห์หาสถานที่กลางแจ้งจัดดนตรี เผื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้หาทางรอดได้ ไม่แออัดหรือเหยียบกันตายเช่นในสถานที่ปิด กำหนดการทุกครั้งเตรียมพร้อมอย่างเหนียวแน่น ประตูเปิดให้เข้าตั้งแต่ 4 โมงเย็น เพื่อรอการขึ้นเวทีของบรรดานักดนตรีเมื่อยามฟ้าโพล้เพล้ 6 โมงเย็น ทุกคนยอมเสียเงินซื้อบัตรมานั่งรอศิลปินคนโปรดบนพื้นซิเมนต์แข็งๆ ท่ามกลางคนดูที่ทยอยเดินขวักไขว่เข้ามาทุกระยะๆ จนในที่สุดก็ถึงเวลาที่แฟนๆคาราบาวรอคอย เมื่อกลุ่มศิลปินคนดังขี้นเวที เปิดเพลงแรกด้วย มนต์เพลงคาราบาว เรียกเสียงกรี๊ดดังสนั่นหวั่นไหวทั่วเวลโลโดม แม้จะมีพวกฮาร์คคอร์เริ่มแสดงอาการเต้นเมามัน แต่สถานการณ์ทุกอย่างก็น่าจะควบคุมได้
กระทั่งมาถึงเพลง ลูกแก้ว ซึ่งเป็นเพลงที่ 4 และเพลงสุดท้ายของวันนั้น เกิดปรากฏการณ์ไม่พอใจกันในกลุ่มคนดูถึงกับมีการขว้างขวดน้ำอัดลมขนาดหนึ่งลิตรลอยลงมาจากอัฒจรรย์ แค่นี้แหละ ทุกคนแตกฮือ เมื่อกลุ่มหนึ่งหนีกระเซิง กลุ่มที่เหลือไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็กระเจิงตามไปทอดๆ จนในที่สุด ผู้จัดประกาศหยุดคอนเสิร์ตไว้เพียงแค่นี้ ขอให้คนชมแยกย้ายกลับบ้านทันที
แล้วคอนเสิร์ตที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ประชาสัมพันธ์นานนับเดือนก็จบลงด้วยเพลง 4 เพลง พร้อมความเสียหายยับเยินของสนามเวลโลโดม ไม่ต้องพูดถึงรถเก๋งที่จอดใต้อาคารนับสิบๆ ซึ่งถูกประทับรอยเหยียบหนีตายจากคนดูเป็นร้อยที่ไต่และกระโดดลงมาเอาตัวรอด เพราะไม่สามารถหนีออกทางประตูปกติได้
ผลจากคอนเสิร์ตหนีตายครั้งนั้น ทำให้ผู้จัดโต้โผใหญ่ถึงกับช็อต ไม่เป็นผู้เป็นคน เข้าโรงพยาบาลรับการบำบัดอยู่เป็นปี จนขยาดไม่กล้าจัดคอนเสิร์ตอีกเลย
เอาล่ะ เปลี่ยนจากคอนเสิร์ตหนีตายมาคอนเสิร์ตรินใจตามหัวข้อเสียที หลายคนคงมีความทรงจำดีๆของคอนเสิร์ตรินใจพอสมควร กูรูเองก็มีอยู่หลายเวทีเช่นกัน และมีอยู่เวทีหนึ่งที่ยังเรียงร้อยเรื่องราวความรู้สึกปริ่มๆ เหมือนน้ำใสที่ไหลรินจนถึงเดี๋ยวนี้
คอนเสิร์ต Forget Me Not ที่หนังสือพิมพ์มติชนจัดร่วมกับองค์การ Unicef เพื่อระดมทุนช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสทั่วโลก จัด 2 รอบ ตอนบ่ายและเย็นที่หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ Hi- Light ของงานไม่ได้อยู่ที่องค์กรเอกชนต่างๆที่ส่งการแสดงเข้าร่วม ไม่ได้อยู่ที่พิธีกรชื่อดังอย่างคุณจันทรา ชัยนาม ที่ยอมเสียสละค่าตัวทั้งหมดเพื่อร่วมอุทิศให้กับงานกุศลครั้งนี้ แต่อยู่ที่วงดนตรีคนคุ้นเคยที่จากไกลไปสัญจรตามป่าเขาต่างแดน เพิ่งเดินทางกลับสู่อ้อมอกแผ่นดินไทยอีกครั้ง นั่นก็คือ วงคาราวาน (บางคนกล่าวว่านี่คือ The Return of Caravan แข่งกับภาพยนตร์ชุด Star War ตอน The Return of Jedi ที่กำลังโด่งดังขณะนั้น)
เป็นครั้งแรกที่ Caravan ได้กลับขึ้นเวทีในเมืองไทยอีกครั้ง หลังผ่านพ้นยุค ลุกขึ้นสู้ สู่ บาดแผลจากวนา
เพียงแค่ประกาศว่า คาราวานคืนรังเท่านั้น บัตรคอนเสิร์ตขายเกลี้ยงหมดในสัปดาห์แรก จนคณะผู้จัดเองก็คาดไม่ถึง มองหน้าตาคนซื้อบัตรก็ไม่ใช่วัยรุ่น วัยร็อคหรือเด็กแนวที่ไหน ผู้ใหญ่วัยทำงานปกติ ทั้งรุ่นแรกและแรกรุ่น ทุกคนพร้อมใจกันมาก่อนเวลา คุยทักทายระหว่างกันเหมือนเจอเพื่อนเก่าที่หายไปนานก่อนจะเข้าไปคอยนาทีสำคัญอยู่ในหอประชุมใหญ่ สิ้นเสียงคำประกาศของพิธีกร ขอเชิญพบกับวงคาราวาน บรรยากาศคนดูเงียบกริบ เหมือนจะรอคอยอะไรบางอย่างที่ปะทุขึ้นมา เมื่อเสียงเพลง คืนรัง ดังขึ้น
โอ้ยอดรักฉันกลับมา จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไศล จากใบไม้ หลากสีสัน
ฉันเหนื่อย ฉันเพลีย ฉันหวัง......
หลายคนจ้องเวทีเขม็งให้แน่ใจว่าคาราวานกลับมาแล้วจริงๆ หลายคนก้มหน้านิ่งซ่อนอารมณ์ หลายคนสะอื้นไห้ออกมา ไม่ปิดปังความตื้นตันใจอีกต่อไปแล้ว และอีกหลายๆคนร่ำไห้อยู่ในใจ บางคนร่ำไห้ที่เพื่อนกลุ่มหนึ่งได้กลับบ้าน บางคนร่ำไห้เพราะได้เยียวยาบาดแผลลึกๆอยู่ในใจ
เพราะคาราวานคือประสบการณ์แห่งยุคสมัยของคนหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งที่ร่วมชะตากรรม ต่อสู้กับความเชื่อและอุดมการณ์ด้วยกัน มันคือความอาดูรสูญสิ้นหลังจากคืนวันอันเลวร้ายผ่านพ้น ฉากชีวิตแต่ละคนที่เคยแตกกระจัดกระจาย แต่วันนี้ วินาทีนี้ กำลังจะเชื่อมต่อเข้าด้วยกันอีกครั้ง
นานมาแล้ว เราจากกัน โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก
ดังทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก ดังภูสูงที่สูงสุดสอย ....
จากเพลงแรกสู่เพลงที่สอง สาม สี่และต่อๆไป ยิ่งดึก เรื่องเล่าต่างๆก็พรั่งพรูออกมามากขึ้น เสียงหัวเราะเคอะเขินสลับเป็นระยะๆกับเพลงเก่าๆท่วงทำนองเดิมๆ ไม่ว่าจะเป็น เปิปข้าว คนกับควาย และบทเพลงใหม่ๆที่แต่งไว้ระหว่างเดินทัพไกล อย่างเช่น
กองเกวียนคนทุกข์ในยุคจักรกล สองขาดั้นด้นใต้โค้งฟ้าคราม
กำเนิดในยามพระเจ้าหลับใหล ภายใต้แสงฟ้าฟืนไม้บง...
คาราวานคืนนั้นเล่นได้ไม่เต็มที่นัก ด้วยความห่างร้างจากเวทีเมืองไปนาน แต่แทบไม่มีใครจะใส่ใจข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ บทเพลงที่ขับขานยลยินได้รินหลั่งชโลมใจ สมานบาดแผลแห่งยุคสมัยซึ่งที่ผ่านมามีเพียงวันและเวลาเท่านั้นทำหน้าที่ช้าๆอย่างซื่อสัตย์
จบคอนเสิร์ต เดินออกมา ไม่กล้ามองหน้าใคร ดูเหมือนแต่ละคนจะก้มหน้าหลบๆ ไม่ยอมสบตากัน แม้บรรยากาศจะเนืองแน่นไม่แพ้ตอนเข้า แต่อารมณ์ที่คุกรุ่นกลับคลายและเบาบางลง เหมือนได้ทิ้งความหนักอึ้งที่ติดค้างในใจอยู่ในคอนเสิร์ต Forget Me Not ไปแล้ว คอนเสิร์ตเติมเต็มความโหยหาที่ขาดหายไปนานแสนนาน
โอ้ยอดรัก ฉันกลับมา ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง
ใครบางคนยังพึมพำเนื้อเพลงนอกคอนเสิร์ต ขณะเดินทอดน่องต่อรถเมล์หน้าท้องสนามหลวงของกลางดึกคืนนั้น
เพื่อนๆล่ะมีคอนเสิร์ตรินใจมาเล่ากันฟังบ้างมั้ย
-
- Verified User
- โพสต์: 1961
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 2
มาทักทายแฟนคารางานด้วยคนครับ
ไม่เคยไปดู concert สักครั้งเลยครับ
ประทับที่สุด...ใกล้เคียงรินมจนะครับ
พงสิทธิ์ คัมภีร์ เล่นที่ Picasso เป็นพัฟ เล็ก ๆแถวถนนรามคำแหง
ตอนั้นเป็นเดือน มิถุนายน ปี 2531 ตอนนั้นพงสิทธิ์เค้ายังไม่ค่อยดัง ไว้ผมยาว ร้องแต่คาราวาน แต่เสียงเค้าเพราะจริงๆ ครับ ตาเศร้า ๆ แววตาเป็นคนช่างฝัน แววตาอย่างนี้อีกคนที่ผมเคยเห็นเป็นแววตาของคุณทมยันตีครับ
ร้องถั่งโถมด้วย ผมชอบสุดก็แสงดาวแห่งศัทธาครับ
ยังชอบอยู่จนทุกวันนี้ เพลงที่ฟังแล้วน้ำตาจะไหลทุกทีก็มีเพลงนี้
กับน้ำตาแสงใต้ ของท่านสง่า อารัมภีร์
ติดมาฝากด้วยครับ
เพื่อนๆ สนิท เจอหน้าจะชอบแกล้ง ถ้าร้องเพลงนีทีไร ผมน้ำตาไหลเลย
ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรเหมือนกันครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับพี่
http://www.sa.ku.ac.th/sakuoke/0012mid.html
ไม่เคยไปดู concert สักครั้งเลยครับ
ประทับที่สุด...ใกล้เคียงรินมจนะครับ
พงสิทธิ์ คัมภีร์ เล่นที่ Picasso เป็นพัฟ เล็ก ๆแถวถนนรามคำแหง
ตอนั้นเป็นเดือน มิถุนายน ปี 2531 ตอนนั้นพงสิทธิ์เค้ายังไม่ค่อยดัง ไว้ผมยาว ร้องแต่คาราวาน แต่เสียงเค้าเพราะจริงๆ ครับ ตาเศร้า ๆ แววตาเป็นคนช่างฝัน แววตาอย่างนี้อีกคนที่ผมเคยเห็นเป็นแววตาของคุณทมยันตีครับ
ร้องถั่งโถมด้วย ผมชอบสุดก็แสงดาวแห่งศัทธาครับ
ยังชอบอยู่จนทุกวันนี้ เพลงที่ฟังแล้วน้ำตาจะไหลทุกทีก็มีเพลงนี้
กับน้ำตาแสงใต้ ของท่านสง่า อารัมภีร์
ติดมาฝากด้วยครับ
เพื่อนๆ สนิท เจอหน้าจะชอบแกล้ง ถ้าร้องเพลงนีทีไร ผมน้ำตาไหลเลย
ไม่ทราบเป็นเพราะอะไรเหมือนกันครับ
ราตรีสวัสดิ์ครับพี่
http://www.sa.ku.ac.th/sakuoke/0012mid.html
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 4
ไม่คอยได้ดูคอนเสิร์ตเลยครับ
จำได้ว่าชีวิตนี้ได้ดูแค่ครั้งเดียวของไมโคร
แต่ถ้าเป็นเพลงนี่พอมีครับที่ทำเอาน้ำตารินในใจ
เพลงที่แค่ฟังอินโทร อารมณ์ก็สะดุดกึก
ฟังไปเรื่อยๆนี่ น้ำตาไหลได้เลย
ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงที่เกี่ยวกับการจากลา
แม่ ของแฮมเมอร์ ฟังแล้วอยากกลับไปกราบตักแม่ครับ
เพลงให้กำลังใจเพื่อสร้างสังคมในอุดมคติ
หวังดี ของศุ บุญเลี้ยง
ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอนไปอบรมกลุ่มพัฒนาบุคลิคภาพร่วมกับเพื่อนๆ ฟังแล้วใจจะขาดรอนๆ ทีเดียว
ส่วนความทรงจำจากยุค แสวงหา ผมเกิดไม่ทันไม่ยุคนั้น ได้รับรู้เพียงผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอดกันมา จำได้ว่าสิบกว่าปีก่อนตอนเรียนมหาลัย ผมหมกมุ่นกับหนังสือรุ่นเก่าๆ เหลืองๆที่จัดพิมพ์มานานแล้ว ได้รู้จัก เพลงเถื่อนแห่งสถาบับ จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย คุณภาพชีวิตจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน เรื่องราวของประธานาธิบดีไนจีเรียที่พูดกับนักเรียนทุน
อ่านแล้วโอโห...ถ้าเกิดทันสมัยนั้นผมคงเข้าป่า หรือเป็นบุปฝาชนไปแล้ว ใครที่ผ่านยุคนั้นมา คงไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต แม้จะมีเรื่องราวที่เลวร้าย แต่ผมว่ามันเป็นความงดงาม ที่คนหนุ่มคนสาวพยายามสร้างสังคมที่ดี ต่างกับเดี๋ยวนี้ที่นักศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของทุนนิยมไปแล้ว
เฮ่อ คิดถึงเพลงมหาลัยเพลงนึงครับ...
ลาก่อนอำลาฟากฟ้าศรีตรัง...
มวลชนยังเรียกหาจากป่าดอย...
ข้าวกล้าในนายังเฝ้าคอย...
ร่วมสร้างทางเดินทางของชาวนา...
ชนชั้นแรงงานยังต้องการโข...
ตะโกนกู่ร้องเรียกดังก้องฟ้า...
คอยเธอ คอยเธอ ใหก้าวเข้ามา...
...
...
ส่วน คืนรัง ที่คุณกูรูนำมาฝาก (คลิ๊คที่ลูกศร play) คนในยุคนั้นถ้าฟังเพลงนี้แล้วไม่รู้สึกอะไร คงเป็นเรื่องแปลก....
โอ้ ... ยอดรักฉันกลับมา
จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไสล ...
จากดอกไม้หลากสีสัน
ฉัน...เหนื่อย...
ฉัน...เพลีย..
ฉัน...หวัง
ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้
ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง
ฝากดวงตาและความมุ่งหวัง
อย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก
ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย
โอ้..ยอดรัก
ฉันกลับมา
ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง....
อีกเพลงที่ผมชอบมาก ยิ้มกลางสายฝน
เย็นฝนพรำพรั่งพรูสู่พฤกษา....
..พรมไม้ป่าสดใสในวสันต์
หัวใจเราฉ่ำชื่นเช่นดังคืนวัน.
...ฝันและใฝ่โลกใหม่ต้องเป็นของเรา
ยามฝนหลั่งเมฆบังบดทิวเขา...
ยามเห็นเจ้าเปียกปอนตอนใกล้สาง
พบคนจริงยิ่งยงคู่คงเส้นทาง.
เห็นผู้สร้างความทรงจำมิเลือนจากใจ
ยืนหยัดทนงคู่คงเส้นทางยืดเยื้อ
ยิ้มเพื่อความฝันใกล้บรรลุชัย
ยามเห็นหน้าต้องตาสื่อความหมาย
จับมือทักทายส่งยิ้มกลางสายฝน
พบความจริงยิ่งหมายมั่นในกมล
หนทางสู้สู่ชัยมิไกลจากเรา
จำได้ว่าชีวิตนี้ได้ดูแค่ครั้งเดียวของไมโคร
แต่ถ้าเป็นเพลงนี่พอมีครับที่ทำเอาน้ำตารินในใจ
เพลงที่แค่ฟังอินโทร อารมณ์ก็สะดุดกึก
ฟังไปเรื่อยๆนี่ น้ำตาไหลได้เลย
ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงที่เกี่ยวกับการจากลา
แม่ ของแฮมเมอร์ ฟังแล้วอยากกลับไปกราบตักแม่ครับ

เพลงให้กำลังใจเพื่อสร้างสังคมในอุดมคติ
หวังดี ของศุ บุญเลี้ยง
ผมฟังเพลงนี้ครั้งแรกตอนไปอบรมกลุ่มพัฒนาบุคลิคภาพร่วมกับเพื่อนๆ ฟังแล้วใจจะขาดรอนๆ ทีเดียว
ส่วนความทรงจำจากยุค แสวงหา ผมเกิดไม่ทันไม่ยุคนั้น ได้รับรู้เพียงผ่านตัวหนังสือที่ถ่ายทอดกันมา จำได้ว่าสิบกว่าปีก่อนตอนเรียนมหาลัย ผมหมกมุ่นกับหนังสือรุ่นเก่าๆ เหลืองๆที่จัดพิมพ์มานานแล้ว ได้รู้จัก เพลงเถื่อนแห่งสถาบับ จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย คุณภาพชีวิตจากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน เรื่องราวของประธานาธิบดีไนจีเรียที่พูดกับนักเรียนทุน
อ่านแล้วโอโห...ถ้าเกิดทันสมัยนั้นผมคงเข้าป่า หรือเป็นบุปฝาชนไปแล้ว ใครที่ผ่านยุคนั้นมา คงไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต แม้จะมีเรื่องราวที่เลวร้าย แต่ผมว่ามันเป็นความงดงาม ที่คนหนุ่มคนสาวพยายามสร้างสังคมที่ดี ต่างกับเดี๋ยวนี้ที่นักศึกษาเป็นส่วนหนึ่งของทุนนิยมไปแล้ว
เฮ่อ คิดถึงเพลงมหาลัยเพลงนึงครับ...
ลาก่อนอำลาฟากฟ้าศรีตรัง...
มวลชนยังเรียกหาจากป่าดอย...
ข้าวกล้าในนายังเฝ้าคอย...
ร่วมสร้างทางเดินทางของชาวนา...
ชนชั้นแรงงานยังต้องการโข...
ตะโกนกู่ร้องเรียกดังก้องฟ้า...
คอยเธอ คอยเธอ ใหก้าวเข้ามา...
...
...
ส่วน คืนรัง ที่คุณกูรูนำมาฝาก (คลิ๊คที่ลูกศร play) คนในยุคนั้นถ้าฟังเพลงนี้แล้วไม่รู้สึกอะไร คงเป็นเรื่องแปลก....
โอ้ ... ยอดรักฉันกลับมา
จากขอบฟ้าที่ไกลแสนไกล
จากโคนรุ้งที่เนินไสล ...
จากดอกไม้หลากสีสัน
ฉัน...เหนื่อย...
ฉัน...เพลีย..
ฉัน...หวัง
ฝากชีวิตให้เธอเก็บไว้
ฝากดวงใจให้นอนแนบรัง
ฝากดวงตาและความมุ่งหวัง
อย่าชิงชังฉันเลยยอดรัก
นานมาแล้ว เราจากกัน
โอ้คืนวันนั้นแสนหน่วงหนัก
ดั่งทุ่งแล้งที่ไร้เพิงพัก
ดั่งภูสูงที่สูงสุดสอย
โอ้..ยอดรัก
ฉันกลับมา
ดั่งชีวาที่เคยล่องลอย
มาบัดนี้ที่เราเฝ้าคอย
เจ้านกน้อยโผคืนสู่รัง....
อีกเพลงที่ผมชอบมาก ยิ้มกลางสายฝน
เย็นฝนพรำพรั่งพรูสู่พฤกษา....
..พรมไม้ป่าสดใสในวสันต์
หัวใจเราฉ่ำชื่นเช่นดังคืนวัน.
...ฝันและใฝ่โลกใหม่ต้องเป็นของเรา
ยามฝนหลั่งเมฆบังบดทิวเขา...
ยามเห็นเจ้าเปียกปอนตอนใกล้สาง
พบคนจริงยิ่งยงคู่คงเส้นทาง.
เห็นผู้สร้างความทรงจำมิเลือนจากใจ
ยืนหยัดทนงคู่คงเส้นทางยืดเยื้อ
ยิ้มเพื่อความฝันใกล้บรรลุชัย
ยามเห็นหน้าต้องตาสื่อความหมาย
จับมือทักทายส่งยิ้มกลางสายฝน
พบความจริงยิ่งหมายมั่นในกมล
หนทางสู้สู่ชัยมิไกลจากเรา
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 5
คอนเสิร์ต คาราวานคืนรัง เป็นคอนเสิร์ตที่ นักร้องแทบไม่พูดอะไรเลย คนฟังก็น้ำตาไหล จำได้ว่าตอนนั้นอยู่มัธยมเอง ไม่รู้จักคาราวาน แต่รู้ว่าเป็นกลุ่มนักศึกษาที่เข้าป่า เพลงที่ร้องบวกกับเสียงดนตรี acoustic ทั้งพิณ ไวโอลิน และกีตาร์ มันกินใจจริงๆ ดูแล้วก็นึกถึงเรื่องที่อ่านมา ฟังมา รวมถึงบรรยากาศที่ธรรมศาสตร์ ที่ยังมีคนชี้ให้เห็นร่องรอยของกระสุนปืนตามอาคารตึกเรียนต่างๆ
ขอมอบดอกไม้ในสวน
นี้เพื่อมวลประชา
จะอยู่แห่งไหนจะใกล้จะไกล
จนสุดขอบฟ้า
ขอมอบความหวัง
ดั่งดอกไม้ผลิ
สดไสวอาณา
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นกำลังใจให้เธอ
เป็นสิ่งเสนอให้มา
ดวงตะวันทอแสง
มิถอยแรงอัปรา
เป็นเปลวไฟที่ไหม้นาน
เป็นสายธารที่ชุ่มป่า
เป็นแผ่นฟ้าทานทน
* ขอมอบดอกไม้ในสวน
ให้หอมอบอวลสู่ชน
จงสบสิ่งหวังให้สมตั้งใจใ
ห้คลายหมองหม่น
ก้าวต่อไปตราบชีวิตสุด
ดุจกระแสชล
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นสิ่งเสนอให้คน ๆๆๆ
*(ซ้ำ)
ขอมอบดอกไม้ในสวน
นี้เพื่อมวลประชา
จะอยู่แห่งไหนจะใกล้จะไกล
จนสุดขอบฟ้า
ขอมอบความหวัง
ดั่งดอกไม้ผลิ
สดไสวอาณา
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นกำลังใจให้เธอ
เป็นสิ่งเสนอให้มา
ดวงตะวันทอแสง
มิถอยแรงอัปรา
เป็นเปลวไฟที่ไหม้นาน
เป็นสายธารที่ชุ่มป่า
เป็นแผ่นฟ้าทานทน
* ขอมอบดอกไม้ในสวน
ให้หอมอบอวลสู่ชน
จงสบสิ่งหวังให้สมตั้งใจใ
ห้คลายหมองหม่น
ก้าวต่อไปตราบชีวิตสุด
ดุจกระแสชล
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นกำลังใจให้คุณ
เป็นสิ่งเสนอให้คน ๆๆๆ
*(ซ้ำ)
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 6
คุณลูกอีศาน
ได้เปิดฟัง คืนรัง อีกครั้ง อึ้งและซึมไปนานพอควร เพราะมากครับ
บอกกับตัวเองว่าชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป เก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆของคืนวันก่อนๆไว้ปลอบประโลมยามเราสิ้นหวัง หรือเหนื่อยล้า
เผอิญกูรูทำ Link ไม่เป็น แต่ชอบเพลงฝรั่งอีกเพลง (นอกจากแสงดาวแห่งศรัทธา ทะเลชีวิต) คือ Carry On Till Tomorrow ของ วง Badfinger
In younger days, I told myself my life would be my own
And I'd leave the place where sunshine never shone
For my life's too short for waiting when I see the rising sun
Then I know again that I must carry on
Carry on till tomorow, there's no reason to look back
Carry on, carry on, carry on
Beyond the shadows of the clouds and onward to the sky
Carry on till I find the rainbow's end
For my life's too short for waiting when I see the rising sun
Then I know again that I must carry on
Carry on till tomorow, there's no reason to look back
Carry on, carry on, carry on
ได้เปิดฟัง คืนรัง อีกครั้ง อึ้งและซึมไปนานพอควร เพราะมากครับ
บอกกับตัวเองว่าชีวิตต้องเดินหน้าต่อไป เก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆของคืนวันก่อนๆไว้ปลอบประโลมยามเราสิ้นหวัง หรือเหนื่อยล้า
เผอิญกูรูทำ Link ไม่เป็น แต่ชอบเพลงฝรั่งอีกเพลง (นอกจากแสงดาวแห่งศรัทธา ทะเลชีวิต) คือ Carry On Till Tomorrow ของ วง Badfinger
In younger days, I told myself my life would be my own
And I'd leave the place where sunshine never shone
For my life's too short for waiting when I see the rising sun
Then I know again that I must carry on
Carry on till tomorow, there's no reason to look back
Carry on, carry on, carry on
Beyond the shadows of the clouds and onward to the sky
Carry on till I find the rainbow's end
For my life's too short for waiting when I see the rising sun
Then I know again that I must carry on
Carry on till tomorow, there's no reason to look back
Carry on, carry on, carry on
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 7
คุณลูกอิสาน
ประทานโทษครับ เขียนชื่อผิด ชอบจำคำสะกดแบบเก่าตามบทกลอนของนายผี
" อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดหนอ"
ประทานโทษครับ เขียนชื่อผิด ชอบจำคำสะกดแบบเก่าตามบทกลอนของนายผี
" อีศานนับแสนแสน สิจะพ่ายผู้ใดหนอ"
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 8
เพลง แสงดาวแห่งศรัทธา นี่มาทราบตอนหลังว่า คุณเพ็ญศรีพุ่มชูศรีก็มีการนำมาขับร้องด้วย
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 9
ถูกต้องครับBoring Stock Lover เขียน:เพลง แสงดาวแห่งศรัทธา นี่มาทราบตอนหลังว่า คุณเพ็ญศรีพุ่มชูศรีก็มีการนำมาขับร้องด้วย
เพลงแสงดาวแห่งศรัทธาเป็น Open Source เหมือนกับเพลง เดือนเพ็ญ ที่วงดนตรีแทบทุกวงจะนำไปร้องในเวอร์ชั่นของตัวเอง คุณเพ็ญศรี พุ่มชูศรีเป็นท่านหนึ่งที่ร้องเพลงนี้ได้หวานนุ่มนวลมาก เป็นเพลงจบของคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ทุกครั้ง เพราะทุกคนร้องกันได้ แม้คนที่ร้องเพี้ยน(อย่างกูรู)ก็ฟังไพเราะได้ เนื่องจากคนหมู่มากกลบเสียงเพี้ยนๆได้หมด เนื้อร้องของเพลงก็สามารถตีความได้หลายระดับ จะฟังเป็นเพลงหวานชมธรรรมชาติ(ชมฟ้าพร่างพราย) เพลงรักโรแมนติค( ส่งผ่านความคิดถึงผ่านแสงดาว) หรือเพลงปฏิวัติ
เอ..ไม่รู้ว่าพวก AF จะเอาเพลงนี้ไปร้องบ้างหรือเปล่า
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 10
แสงดาวแห่งศรัทธา ขับร้องโดยคุณเพ็ญศรี
เพลงดอกไม้ให้คุณ พี่หงา ได้เขียนเนื้อร้องหลังจากไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น โดยเพลงต้นฉบับเป็นเพลงญี่ปุ่น พี่แจ้ก็นำไปร้อง และยังมีนักร้องอีกหลายคน
เพลงดอกไม้ให้คุณ พี่หงา ได้เขียนเนื้อร้องหลังจากไปทัวร์คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น โดยเพลงต้นฉบับเป็นเพลงญี่ปุ่น พี่แจ้ก็นำไปร้อง และยังมีนักร้องอีกหลายคน
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 12
คุณลูกอิสาน (เขียนไม่ผิดแล้ว)
ขอบคุณมาก ดีใจที่ได้เจอคนที่ชอบเพลงคอเดียวกัน
จริงๆแล้วก็ชอบเพลงสไตล์อื่นๆด้วย แต่ถ้าแนวเพื่อชีวิตจะชอบ "คาราวาน" มากที่สุด เพราะมีความเป็นพื้นบ้าน มีความดิบเล็กน้อย ภาษาเพลงที่สละสลวย โดยเฉพาะเพลง "คืนรัง" ซึ่งแต่งตอนถูกโอบตีจนค่ายแตกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เป็นวงดนตรีที่ถูกนำเรื่องราวมาวิเคราะห์และอ้างอิงเป็นหัวข้องานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทหลายฉบับทีเดียว
วงอื่นๆอย่าง กรรมาชน ก็ชอบครับ ตอนออกมาเล่นครั้งแรกที่ธรรมศาสตร์ (อีกเช่นกัน) ก็ไปดู ทั้งๆที่เป็นตั๋วยืน 200 บาท ยืนตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 4 ทุ่มตอนหลังยืนไม่ไหว เพราะเครื่องดนตรีไฟฟ้าต้องจูนเครื่องนานมาก ( เฉพาะจูนเครื่องอย่างเดียวเกือบชั่วโมง)เลยออกไปกินข้าวที่ลานเทแทน แล้วค่อยมาซื้อเทปเพลงวันหลัง
นอกนั้นก็ชอบอย่าง กงล้อ (ธรรมศาสตร์) โคมฉาย ( รามคำแหง) ต้นกล้า (วงดนตรีไทยธรรมศาสตร์)
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมหายเงียบรวมทั้งดนตรีด้วย 2-3ปีให้หลังก็ค่อยมีวงใหม่ๆตามมหาวิทยาลัย เบิกโรงด้วยเพลงหวานๆอย่าง
ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน ซึ่งได้กลายเป็นเพลงรับน้่องของแทบทุกสถาบันไปแล้ว ( เห็นมาเปิดในเวทีประกวดนางสาวไทยด้วย ไม่รู้ว่าคนจัดรู้ที่มาของเพลงนี้หรือเปล่า หึ หึ)
ส่วนยุคหลังๆเช่น Hammer พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ไม่ค่อยได้ติดตามแล้ว เพราะขาดช่วงไป
อย่างไรก็ดีเมื่อมีการรวมพลดูคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์เหล่านี้ก็พยายามไปร่วมด้วย เพราะคงจะจัดอีกไม่กี่ครั้งเท่านั้น พอหมดยุคนี้ก็ไม่มีแล้ว อย่างคอนเสิร์ตจิตร ภูมิศักดิ์ ที่บัตรราคาค่อนข้างสูง (500 -1000)และถูกจองอย่างรวดเร็ว ( แต่ก็หาทางไปดูจนได้ ด้วยการเขียนบทความแลกกับบัตรอภินันทนาการของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง)
ตอนแรกที่เขียนหัวข้อ คอนเสิร์ตรินใจ ขึ้นมา ก็เพราะเห็นภาพบรรดา Fan Club ใน AF ร้องไห้ยกใหญ่เมื่อนักร้องที่ตัวเองชื่นชอบถูกโหวตออก เลยคิดว่าเด็กสมัยนี้ฟูมฟายเกินเหตุหรือเปล่า ก็เลยย้อนนึกสมัยตัวเองแม้บริบทของความฟูมฟาย (ที่น้อยกว่า)จะต่างกันลิบลับ แต่มันก็คืออารมณ์ร่วมในสถานการณ์แห่งความจริงเช่นเดียวกัน (Moment of Truth) ก็พอจะเข้าใจได้บ้าง ..แต่ไม่ทั้งหมด
อารมณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ เห็นที ผู้ใหญ่ในบ้านเราคงต้องหาทางเสริมความแข็งแกร่งกันบ้างล่ะ
ขอบคุณมาก ดีใจที่ได้เจอคนที่ชอบเพลงคอเดียวกัน
จริงๆแล้วก็ชอบเพลงสไตล์อื่นๆด้วย แต่ถ้าแนวเพื่อชีวิตจะชอบ "คาราวาน" มากที่สุด เพราะมีความเป็นพื้นบ้าน มีความดิบเล็กน้อย ภาษาเพลงที่สละสลวย โดยเฉพาะเพลง "คืนรัง" ซึ่งแต่งตอนถูกโอบตีจนค่ายแตกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา เป็นวงดนตรีที่ถูกนำเรื่องราวมาวิเคราะห์และอ้างอิงเป็นหัวข้องานวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาโทหลายฉบับทีเดียว
วงอื่นๆอย่าง กรรมาชน ก็ชอบครับ ตอนออกมาเล่นครั้งแรกที่ธรรมศาสตร์ (อีกเช่นกัน) ก็ไปดู ทั้งๆที่เป็นตั๋วยืน 200 บาท ยืนตั้งแต่ 1 ทุ่มถึง 4 ทุ่มตอนหลังยืนไม่ไหว เพราะเครื่องดนตรีไฟฟ้าต้องจูนเครื่องนานมาก ( เฉพาะจูนเครื่องอย่างเดียวเกือบชั่วโมง)เลยออกไปกินข้าวที่ลานเทแทน แล้วค่อยมาซื้อเทปเพลงวันหลัง
นอกนั้นก็ชอบอย่าง กงล้อ (ธรรมศาสตร์) โคมฉาย ( รามคำแหง) ต้นกล้า (วงดนตรีไทยธรรมศาสตร์)
หลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 กิจกรรมหายเงียบรวมทั้งดนตรีด้วย 2-3ปีให้หลังก็ค่อยมีวงใหม่ๆตามมหาวิทยาลัย เบิกโรงด้วยเพลงหวานๆอย่าง
ดอกไม้ ดอกไม้จะบาน ซึ่งได้กลายเป็นเพลงรับน้่องของแทบทุกสถาบันไปแล้ว ( เห็นมาเปิดในเวทีประกวดนางสาวไทยด้วย ไม่รู้ว่าคนจัดรู้ที่มาของเพลงนี้หรือเปล่า หึ หึ)
ส่วนยุคหลังๆเช่น Hammer พงษ์สิทธิ์ คัมภีร์ ไม่ค่อยได้ติดตามแล้ว เพราะขาดช่วงไป
อย่างไรก็ดีเมื่อมีการรวมพลดูคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์เหล่านี้ก็พยายามไปร่วมด้วย เพราะคงจะจัดอีกไม่กี่ครั้งเท่านั้น พอหมดยุคนี้ก็ไม่มีแล้ว อย่างคอนเสิร์ตจิตร ภูมิศักดิ์ ที่บัตรราคาค่อนข้างสูง (500 -1000)และถูกจองอย่างรวดเร็ว ( แต่ก็หาทางไปดูจนได้ ด้วยการเขียนบทความแลกกับบัตรอภินันทนาการของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง)
ตอนแรกที่เขียนหัวข้อ คอนเสิร์ตรินใจ ขึ้นมา ก็เพราะเห็นภาพบรรดา Fan Club ใน AF ร้องไห้ยกใหญ่เมื่อนักร้องที่ตัวเองชื่นชอบถูกโหวตออก เลยคิดว่าเด็กสมัยนี้ฟูมฟายเกินเหตุหรือเปล่า ก็เลยย้อนนึกสมัยตัวเองแม้บริบทของความฟูมฟาย (ที่น้อยกว่า)จะต่างกันลิบลับ แต่มันก็คืออารมณ์ร่วมในสถานการณ์แห่งความจริงเช่นเดียวกัน (Moment of Truth) ก็พอจะเข้าใจได้บ้าง ..แต่ไม่ทั้งหมด
อารมณ์ที่เปราะบางเช่นนี้ เห็นที ผู้ใหญ่ในบ้านเราคงต้องหาทางเสริมความแข็งแกร่งกันบ้างล่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 185
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 13
วงคาราวานเพลงช้าๆ นี่ฟังแล้วเพราะและมีพลังมากครับ
พายุฟ้า ครืนข่ม คุกคาม
เดือน ลับยาม แผ่นดิน มืดมน
ดาว ศรัทธา ยังส่องแสง เบื้องบน
ปลุก หัวใจ ปลุกคนอยู่ มิวาย
ส่วนน้าหมูนี่ตอนแสดงสด มักจะมีการพูดจาสนุกๆเสมอ แต่พอตอนร้องเพลงนี่ พลังออกมาเลยครับ หัวใจของดนตรีคือการสื่อสารอารมณ์
พายุฟ้า ครืนข่ม คุกคาม
เดือน ลับยาม แผ่นดิน มืดมน
ดาว ศรัทธา ยังส่องแสง เบื้องบน
ปลุก หัวใจ ปลุกคนอยู่ มิวาย
ส่วนน้าหมูนี่ตอนแสดงสด มักจะมีการพูดจาสนุกๆเสมอ แต่พอตอนร้องเพลงนี่ พลังออกมาเลยครับ หัวใจของดนตรีคือการสื่อสารอารมณ์
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 14
[quote="กูรูขอบสนาม"]ตอนแรกที่เขียนหัวข้อ คอนเสิร์ตรินใจ ขึ้นมา ก็เพราะเห็นภาพบรรดา Fan Club ใน AF ร้องไห้ยกใหญ่เมื่อนักร้องที่ตัวเองชื่นชอบถูกโหวตออก เลยคิดว่าเด็กสมัยนี้ฟูมฟายเกินเหตุหรือเปล่า
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
สำหรับคอแจ๊ซ
โพสต์ที่ 15
ถ้าคุณลูกอิสานหรือใครชอบ แจ๊ซประเภท Fusion หรือ Modern Jazz หน่อย ลองเปิดไปที่ :lol:
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... er&group=5
เขาจะ Up date เพลง Jazz ให้แทบทุกวันครับ
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... er&group=5
เขาจะ Up date เพลง Jazz ให้แทบทุกวันครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 16
8) ผมน่ะโตทันฟังพี่หงา กับวงมาเล่นที่มหาลัยบ่อยๆ
เล่นแบบดูฟรีด้วยนะ
แต่รู้สึกว่าฟังแล้วไม่ชอบ
ไม่เคยยืนฟังจนจบเพลงซักครั้ง
ทั้งๆที่นั่นนะถ้าเป็นวีไอ ก็ระดับวีไอในตำนานนั่นเทียว
เรื่องเพื่อชีวิตนี่ผมหยาบมากๆ ไม่สัมผัสเลย
ไม่มีตัง ตังหมด ก็ไปแบมือขอแม่
ไม่รู้เรื่องราวการต่อสู้ของใครเขาหรอกครับ
ที่คณะนี่ถูกตอนเรื่องกิจกรรมมาตั้งแต่ปี16แล้ว
ตอนเขาซัดกันที่ธรรมศาสตร์ 6ตค19.
จนเพื่อนเข้าป่ากันไปรอบสองเยอะแยะ
ผมก็ยังไม่เข้าใจ มันเข้าไปลำบากกันทำไมหนอ..แย่มากครับ
เล่นแบบดูฟรีด้วยนะ
แต่รู้สึกว่าฟังแล้วไม่ชอบ
ไม่เคยยืนฟังจนจบเพลงซักครั้ง
ทั้งๆที่นั่นนะถ้าเป็นวีไอ ก็ระดับวีไอในตำนานนั่นเทียว
เรื่องเพื่อชีวิตนี่ผมหยาบมากๆ ไม่สัมผัสเลย
ไม่มีตัง ตังหมด ก็ไปแบมือขอแม่
ไม่รู้เรื่องราวการต่อสู้ของใครเขาหรอกครับ
ที่คณะนี่ถูกตอนเรื่องกิจกรรมมาตั้งแต่ปี16แล้ว
ตอนเขาซัดกันที่ธรรมศาสตร์ 6ตค19.
จนเพื่อนเข้าป่ากันไปรอบสองเยอะแยะ
ผมก็ยังไม่เข้าใจ มันเข้าไปลำบากกันทำไมหนอ..แย่มากครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 17
ไม่แปลกหรอกครับ คุณพี่พอใจ
เพราะโลกมีพื้นที่ให้คนทุกประเภทยืนอยู่และสูดลมหายใจได้เต็มปอดเท่าๆกัน ไม่ว่าจะเพื่อชีวิตของคนหมู่มาก เพื่อชีวิตของฉัน หรือไม่รู้จะเพื่ออะไร
กรวด หิน ดิน ทราย มีความสำคัญพอๆกับ เพชร ทอง น้ำมัน และถ่านหิน (อันหลังนี้ชักจะแพงขึ้นทุกวัน ไม่กล้ามอง) ถึงประกอบเป็นโลกแกนเบี้ยวๆใบนี้ (แกนโลกทำมุม 23 1/2 องศา)
หมุนรอบๆตัวเอง ให้ชาวโลกได้รับรู้ว่ามีกลางวัน และ กลางคืนสลับไป
มีฤดูร้อน ฝนและหนาว ( ถ้าเป็นประเทศในเขตอุ่นก็เป็น ใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วงและหนาว)
มีวันที่ดวงอาทิตย์ส่องตั้งฉากให้กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน (กลางเดือนมีนาคมและกันยายน)
และมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่โลกให้เรา
รักโลกจังเลย
อยากทำอะไรให้โลกบ้างแล้วล่ะ
เพราะโลกมีพื้นที่ให้คนทุกประเภทยืนอยู่และสูดลมหายใจได้เต็มปอดเท่าๆกัน ไม่ว่าจะเพื่อชีวิตของคนหมู่มาก เพื่อชีวิตของฉัน หรือไม่รู้จะเพื่ออะไร
กรวด หิน ดิน ทราย มีความสำคัญพอๆกับ เพชร ทอง น้ำมัน และถ่านหิน (อันหลังนี้ชักจะแพงขึ้นทุกวัน ไม่กล้ามอง) ถึงประกอบเป็นโลกแกนเบี้ยวๆใบนี้ (แกนโลกทำมุม 23 1/2 องศา)
หมุนรอบๆตัวเอง ให้ชาวโลกได้รับรู้ว่ามีกลางวัน และ กลางคืนสลับไป
มีฤดูร้อน ฝนและหนาว ( ถ้าเป็นประเทศในเขตอุ่นก็เป็น ใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วงและหนาว)
มีวันที่ดวงอาทิตย์ส่องตั้งฉากให้กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน (กลางเดือนมีนาคมและกันยายน)
และมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่โลกให้เรา
รักโลกจังเลย
อยากทำอะไรให้โลกบ้างแล้วล่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 18
http://imusic.teenee.com/2/frame/5483.php
ร้อยดาวร้อยเดือนมา ร้อยดวงมาเรียงเป็นวง
ร้อยใจสายใยยาว กูเกี่ยวดาวมาไว้ดิน
ชาวนาผู้ขมขื่น เขาหยัดยืนขึ้นถือธง
คือคนคงคู่คน เปล่งเสียงสู้เหนือภูพาน
* คือภูที่อยู่ป่า เป็นแนวหน้ากลางป่าเขา
คือดาวที่วาวเงา อันทอดดวงเพื่อปวงชน
ร้อยดาวร้อยเดือนมา ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง
ร้อยชนที่ชูธรรม ชนจะนำไปชูไท (ซ้ำ * *)
ร้อยดาวร้อยเดือนมา ร้อยดวงมาเรียงเป็นวง
ร้อยใจสายใยยาว กูเกี่ยวดาวมาไว้ดิน
ชาวนาผู้ขมขื่น เขาหยัดยืนขึ้นถือธง
คือคนคงคู่คน เปล่งเสียงสู้เหนือภูพาน
* คือภูที่อยู่ป่า เป็นแนวหน้ากลางป่าเขา
คือดาวที่วาวเงา อันทอดดวงเพื่อปวงชน
ร้อยดาวร้อยเดือนมา ร้อยเคียวมาเรียงเป็นวง
ร้อยชนที่ชูธรรม ชนจะนำไปชูไท (ซ้ำ * *)
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 20
สวสัดีครับคุณTech คอเพลงคาราวานอีกท่าน
ได้ฟังทั้ง 2 เพลงแล้วครับ เพราะ...ซึ้งใจอีกเช่นเคย
เพลง"คนภูเขา" นี้ฟังดูไม่ใช่ท่วงทำนองพื้นบ้านแบบคาราวานเลยนะครับออกจะเป็นโฟล์คซองชาวกรุงมากกว่า ทั้งๆที่เป็นหนึ่งในเพลงชุดแรกที่ออกเทปมาในหน้าปก "ปุถุชน"
นักเกากีตาร์จะชอบเพลงนี้มาก เพราะเกาอย่างไรก็เพราะ คาดว่าน่าจะได้ท่วงทำนองจากเพลงฝรั่งมา
เพลงของคาราวานหลายเพลงได้รับอิทธิพลจาก Crosby Still Nash & Young อย่างเช่น เพลง Find The Cost of Freedom
ก็เป็น "สานแสงทอง"
Find the cost of freedom, buried in the ground
Mother earth will swallow you, lay your body down
ขอผองเราจงร่วมกัน ผูกสัมพันธ์ยิ่งใหญ่
สานแสงทองของความเป็นไทย ด้วยหัวใจบริสุทธิ์
ได้ฟังทั้ง 2 เพลงแล้วครับ เพราะ...ซึ้งใจอีกเช่นเคย
เพลง"คนภูเขา" นี้ฟังดูไม่ใช่ท่วงทำนองพื้นบ้านแบบคาราวานเลยนะครับออกจะเป็นโฟล์คซองชาวกรุงมากกว่า ทั้งๆที่เป็นหนึ่งในเพลงชุดแรกที่ออกเทปมาในหน้าปก "ปุถุชน"
นักเกากีตาร์จะชอบเพลงนี้มาก เพราะเกาอย่างไรก็เพราะ คาดว่าน่าจะได้ท่วงทำนองจากเพลงฝรั่งมา
เพลงของคาราวานหลายเพลงได้รับอิทธิพลจาก Crosby Still Nash & Young อย่างเช่น เพลง Find The Cost of Freedom
ก็เป็น "สานแสงทอง"
Find the cost of freedom, buried in the ground
Mother earth will swallow you, lay your body down
ขอผองเราจงร่วมกัน ผูกสัมพันธ์ยิ่งใหญ่
สานแสงทองของความเป็นไทย ด้วยหัวใจบริสุทธิ์
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 21
ขอบคุณคุณ tech ครับสำหรับยิ้มกลางสายฝน และ คนภูเขา
ผมพยายามหาลิงค์แล้วแต่ไม่เจอเลยครับ ผมเคยฟังเวอร์ชั่นของศุ ได้อารมณ์ไปคนละแบบ ที่นำมาฝากดูเหมือนมีกลองประกอบด้วย ส่วนคนภูเขานี่ไม่เคยฟังเลยครับ เพิ่งเคยครั้งแรก

ขอบคุณครับพี่กูรู แจ็สนี่เคยฟังแต่ของไทยครับอัลบัม เลบง ของอาจารย์ แดน (ไม่ค่อยแน่ใจ)เคยฟังอยู่หลายปี และชุดของนรีกระจ่างที่มีเพลง เงินเงินเงิน และจำได้ว่า 10 กว่าปีที่แล้วเคยมีหนังสือเพลงแจ็ส ชื่อฤาจะร้อนเร่าเท่าแจ็ส ออกมาขายด้วยครับ จำไม่ได้ว่าของใคร แต่แจ็สแบบฝรั่งไม่ค่อยได้ฟังเลยครับ เข้าไม่ถึงครับ :lol:ถ้าคุณลูกอิสานหรือใครชอบ แจ๊ซประเภท Fusion หรือ Modern Jazz หน่อย ลองเปิดไปที่
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id ... er&group=5
เขาจะ Up date เพลง Jazz ให้แทบทุกวันครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 23
เผอิญไปเจอเพลงๆหนึ่งเข้า คงไม่ใช่ รินใจ แต่ ปลุกใจแทน พร้อมประวัติความเป็นมา สำหรับคนที่ชอบประวัติศาสตร์และสังคมการเมืองครับ L' Internationale
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
ทำลิงค์เนียนๆไม่ได้ครับ เอามาแปะทั้งพืดเลย
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
ทำลิงค์เนียนๆไม่ได้ครับ เอามาแปะทั้งพืดเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 24
อันนี้ครับ รินใจ จริงๆ จากคู่หูอมตะตลอดกาล The Sun is Burning เหมาะสำหรับแคมเปญรณรงค์ภาวะโลกร้อนตอนนี้เลย
:lol:
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
:lol:
http://www.bbznet.com/scripts3/view.php ... r=numtopic
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
คอนเสิร์ตรินใจ
โพสต์ที่ 25
[quote="กูรูขอบสนาม"]คุณลูกอีศาน
ได้เปิดฟัง คืนรัง อีกครั้ง
ได้เปิดฟัง คืนรัง อีกครั้ง