สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
- jung_oh
- Verified User
- โพสต์: 734
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 1
คือ ผมกำลัง ศึกษาข้อมูล ก็อ่านหนังสือ ดูข้อมูลจากเว็บ ไปเรื่อยๆ
ก็พบเห็นคำว่า Margin of safety อยู่เรื่อย แต่ว่า..
ที่บอกว่า มันต้องมี Margin of safety ประมาณ 20-30% นี่ ใช้อะไรคำนวณ หรือมวิธีดูยังไงหรอครับ ว่า ยังไง ถึงจะ 20% ยังไง หรือ 30%
ขอบคุณมากสำหรับคำตอบครับ
ก็พบเห็นคำว่า Margin of safety อยู่เรื่อย แต่ว่า..
ที่บอกว่า มันต้องมี Margin of safety ประมาณ 20-30% นี่ ใช้อะไรคำนวณ หรือมวิธีดูยังไงหรอครับ ว่า ยังไง ถึงจะ 20% ยังไง หรือ 30%
ขอบคุณมากสำหรับคำตอบครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 4
คุณ capo เขียนไว้แล้วครับ
ยกตัวอย่างเพิ่มอีกหน่อย
เช่น เราคำนวณราคาหุ้นว่าเป็น 10 บาท
เราเห็นราคาในตลาด 7 บาท เราเห็นวามีส่วนลด 30 % จากราคาเป้าหมายก็ใส่เลย
หรือ ถ้าเราเห้นมัน 3 บาท ก็คงต้องขายบ้าน ขายรถมาซื้อ :lovl: (ล้อเล่นนะ)
แต่ถ้าคำนวณได้ราคามัน 10 ซื้อขายอยู่ที่ 9.00 บาทก็ต้องคิดว่า มันปลอดภัยพอไหม ที่จะซื้อ
ไม่มีใครตอบได้ชัดๆว่า margin of safety ของหุ้นแต่ละตัวจะเป็นเท่าไหร่ ต้องพิจารณากันเอง
สรุป : ราคาส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาเป้าหมายเรียกว่า margin of safetyจ้า
ยกตัวอย่างเพิ่มอีกหน่อย
เช่น เราคำนวณราคาหุ้นว่าเป็น 10 บาท
เราเห็นราคาในตลาด 7 บาท เราเห็นวามีส่วนลด 30 % จากราคาเป้าหมายก็ใส่เลย
หรือ ถ้าเราเห้นมัน 3 บาท ก็คงต้องขายบ้าน ขายรถมาซื้อ :lovl: (ล้อเล่นนะ)
แต่ถ้าคำนวณได้ราคามัน 10 ซื้อขายอยู่ที่ 9.00 บาทก็ต้องคิดว่า มันปลอดภัยพอไหม ที่จะซื้อ
ไม่มีใครตอบได้ชัดๆว่า margin of safety ของหุ้นแต่ละตัวจะเป็นเท่าไหร่ ต้องพิจารณากันเอง
สรุป : ราคาส่วนต่างระหว่างราคาตลาดกับราคาเป้าหมายเรียกว่า margin of safetyจ้า
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- jung_oh
- Verified User
- โพสต์: 734
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 5
คือ เข้าใจยากนึดนึงน่ะครับsunrise เขียน:
เช่น เราคำนวณราคาหุ้นว่าเป็น 10 บาท
คือ ผมงงว่า เราจะคำนวณยังไง ว่า ราคาหุ้นที่เราคำนวณเป็น 10 บาท เพราะที่ดู ก็ PE PB อะไรประมาณนี้น่ะครับ
หรือว่า ค่าที่เราคำนวณ แล้วแต่ ว่า ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนมีมีเทคนิดในการคิดไม่เหมือนกัน ผมอาจจะคิดได้ 10 บาท แต่อีกคนอาจจะคิดได้ 12 บาท อีกคนคิดได้ 15 บาท อย่างงี้หรือป่าวครับ
- tum_H
- Verified User
- โพสต์: 1857
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 6
สมมุติว่า หุ้นราคา 10 บาท กำไรต่อหุ้น 1 บาท หมายความว่าหุ้นตัวนี้มี PE = 10 เท่า แต่หุ้นตัวนี้มีอัตราการเจริญเติบโตปีละ 20% นั่นหมายความว่ามูลค่าณ ราคาปัจจบันไม่ใช่มูลค่าที่แท้จริงjung_oh เขียน: คือ ผมงงว่า เราจะคำนวณยังไง ว่า ราคาหุ้นที่เราคำนวณเป็น 10 บาท เพราะที่ดู ก็ PE PB อะไรประมาณนี้น่ะครับ
ยิ่งหุ้นตกลงมามากเท่าไหร่ ยิ่งมี margin of safety มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตกลงมาเหลือ 7 บาทนั่นหมายความว่า ราคาต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง 30%+การเจริญเติบโตปีละ 20% นั่นหมายความว่าหุ้นมีส่วนลดถึง 50% และเมื่อรวมปันผลที่ได้ทุกปี หุ้นยิ่งมีต้นทุนต่ำลงไปมาก
สรุปยิ่งเราซื้อได้ราคาที่ต่ำกว่าความเป็นจริง และต่ำกว่าการเจริญเติบโต มากท่าใด ยิ่งมีโอกาสขาดทุนน้อยที่สุด นั่นหมายถึงความปลอดภัยในการลงทุน
ชาตินี้เป็นที่สุดแล้ว บัดนี้ไม่มีความเกิดอีก
-
- Verified User
- โพสต์: 1211
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 7
Intrinsic value speculation is personal technique.
In my point of view, I usually look back the company's profit and calculate future profit then calculate intrinsic value with P/E, P/B formula.
Anyway, please look at the first sentence again.
In my point of view, I usually look back the company's profit and calculate future profit then calculate intrinsic value with P/E, P/B formula.
Anyway, please look at the first sentence again.
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 8
ลองอ่านที่หน้าหลักนะ ผมถามว่าแต่ละคนใช้วิธีอะไรประเมินมูลค่าหุ้น
วิธีประเมินมูลค่าหุ้นมีหลายหลากวิธี
แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะคิดอย่างไร
แล้วค่อยๆ ศึกษาต่อจากนั้นนะ
ผมก็คำนวณง่ายๆ โดยประเมินกำไรในปีนั้น แล้วเอา p/e ที่เหมาะสมในใจ คูณกำไรเข้าไป เป็นวิธีประเมินราคาหุ้น
ตัวเลขสมมุติทั้งหมด
เช่น หุ้น A เป็นหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรมาก ผมก็กะๆ เอาว่า pe ที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกิน 8
Expected EPS 1 baht
ราคาในใจก็ 8 บาท
หรือ
สมมุติว่า mk สุกี้มีหุ้นมาขาย
เค้าน่าจะทำกำไรได้ 100 ล้านบาทต่อปีแต่เราจะเห็นว่า mk นั้น แข็งแกร่งมาก
ไม่มีคู่แข่ง
กำลังต่อรองกับ supplier สบาย
ผู้บริโภคยอมจ่ายเกือบทุกราคา
ตลาดเติบโต
ไม่มีสินค้าทดแทนอย่างแท้จริง
แถมพัฒนาตัวบริษัทเรื่อยๆ และพนักงานก็ได้รับการอบรมค่อนข้างดี
ผมก็อาจจะให้ pe สัก 15-20 เพื่อสะท้อนความแข็งแกร่งของมัน
ดังนั้นมูลค่าบริษัทก็อยู่ระหว่าง 1500 -2000 ล้านบาท
ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ สัก 1000 ล้านบาท
เราก็เห็นว่ามันถูกเกินไปในสายตาเรา
มีupside 50 - 100% เราก็คิดว่าควรซื้อ
แต่ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ 1500 ล้าน เราก็ต้องคิดต่อว่า เราควรซื้อหรือไม่ เพราะ ไม่มีส่วนลดจากราคา conservative แต่ก็ยังถูกสำหรับราคา optimistic ที่ประมาณupside อีก33%
ดังนั้น เราก็ต้องดูหลายๆอย่างประกอบเพื่อให้เป็นราคาในใจของเรา
ราคานี้ไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นกับเราประเมิน
เพราะอาจจะมีคนบอกว่าธุรกิจแข็งแกร่งอย่างนี้เอาไปเลย pe 30
เค้าอาจจะซื้อ แม้ว่าราคาทั้งบริษัทจะอยู่ที่ 2500 ล้านเพราะก็ยังมี safety of margin 20%
ไม่มีใครตอบแทนเราได้ สำหรับราคาในใจ
แต่ถ้าทำบ่อยๆ มันจะชินแล้วก็คุ้ยเคย
แล้วเราก็จะรู้ว่าเราประเมินเหมาะสมแล้วหรือยัง โดยดูจากtrading history ของเรา
วิธีประเมินมูลค่าหุ้นมีหลายหลากวิธี
แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะคิดอย่างไร
แล้วค่อยๆ ศึกษาต่อจากนั้นนะ
ผมก็คำนวณง่ายๆ โดยประเมินกำไรในปีนั้น แล้วเอา p/e ที่เหมาะสมในใจ คูณกำไรเข้าไป เป็นวิธีประเมินราคาหุ้น
ตัวเลขสมมุติทั้งหมด
เช่น หุ้น A เป็นหุ้นรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้มีจุดเด่นอะไรมาก ผมก็กะๆ เอาว่า pe ที่เหมาะสมก็ไม่ควรเกิน 8
Expected EPS 1 baht
ราคาในใจก็ 8 บาท
หรือ
สมมุติว่า mk สุกี้มีหุ้นมาขาย
เค้าน่าจะทำกำไรได้ 100 ล้านบาทต่อปีแต่เราจะเห็นว่า mk นั้น แข็งแกร่งมาก
ไม่มีคู่แข่ง
กำลังต่อรองกับ supplier สบาย
ผู้บริโภคยอมจ่ายเกือบทุกราคา
ตลาดเติบโต
ไม่มีสินค้าทดแทนอย่างแท้จริง
แถมพัฒนาตัวบริษัทเรื่อยๆ และพนักงานก็ได้รับการอบรมค่อนข้างดี
ผมก็อาจจะให้ pe สัก 15-20 เพื่อสะท้อนความแข็งแกร่งของมัน
ดังนั้นมูลค่าบริษัทก็อยู่ระหว่าง 1500 -2000 ล้านบาท
ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ สัก 1000 ล้านบาท
เราก็เห็นว่ามันถูกเกินไปในสายตาเรา
มีupside 50 - 100% เราก็คิดว่าควรซื้อ
แต่ถ้าราคาหุ้นอยู่ที่ 1500 ล้าน เราก็ต้องคิดต่อว่า เราควรซื้อหรือไม่ เพราะ ไม่มีส่วนลดจากราคา conservative แต่ก็ยังถูกสำหรับราคา optimistic ที่ประมาณupside อีก33%
ดังนั้น เราก็ต้องดูหลายๆอย่างประกอบเพื่อให้เป็นราคาในใจของเรา
ราคานี้ไม่มีถูกไม่มีผิด ขึ้นกับเราประเมิน
เพราะอาจจะมีคนบอกว่าธุรกิจแข็งแกร่งอย่างนี้เอาไปเลย pe 30
เค้าอาจจะซื้อ แม้ว่าราคาทั้งบริษัทจะอยู่ที่ 2500 ล้านเพราะก็ยังมี safety of margin 20%
ไม่มีใครตอบแทนเราได้ สำหรับราคาในใจ
แต่ถ้าทำบ่อยๆ มันจะชินแล้วก็คุ้ยเคย
แล้วเราก็จะรู้ว่าเราประเมินเหมาะสมแล้วหรือยัง โดยดูจากtrading history ของเรา
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 9
ลองอ่านหนังสือ "กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า"ดูครับ
- ดาวหางสีแดง
- Verified User
- โพสต์: 635
- ผู้ติดตาม: 0
สอบถามเรื่องวิธีการดู Margin of safety ครับ
โพสต์ที่ 10
อันนี้ผมหมายถึงให้อ่านในส่วนของ Margin of Safety นะครับดาวหางสีแดง เขียน:ลองอ่านหนังสือ "กุญแจ 5 ดอกของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า"ดูครับ
สำหรับการหา Intrinsic Value คงต้องอ่านหลายๆเล่ม ลองศึกษาหลายๆประเด็น ทดลองทำจริงหลายๆแง่ จนกว่าจะ"ตกผลึก"