บ้านที่สร้างด้วยคอนกรีตบล็อคสำเร็จมีข้อดี-เสียยังไง

[Blue planet]

ส่วนมากที่ฟังมามีแต่ข้อเสียหลักๆก็ต่อเติมไม่ได้เลยตกแต่งภายในลำบาก  โครงการของพฤกษาใช้เยอะนะแต่เขาก็ขายได้อยู่  :?:

[สุมาอี้]

ข้อเสียอย่างอื่นนึกไม่ออกอ่ะ นึกได้แต่ข้อดีอีกคือไม่มีเสาให้รกหูรกตา

[san]

ที่พฤกษาใช้นี่   เป็นระบบก่อสร้างที่เรียกว่า  cast-in-situ bearing wall  ทำให้งานก่อสร้างทำได้ไว ครับ  ลดขั้นตอนการก่อสร้างลง

แนวคิดคือ.....คือ ใช้ผนัง คอนกรีตเสริมเหล็ก  รับ น้ำหนักชั้นบนแทนเสา    เพื่อลดขั้นตอนการทำงาน  ไม่ต้องมานั่งฉาบ  ไม่ต้องมานั่งรอขั้นตอนต่างๆ

อ่า....เนื่องจากไม่เคยไป ม. พฤกษา.....
อยากรู้ว่า....  ของ ม.พฤกษา ไม่มีเสา  .........แล้วมีคาน  รึป่าวครับ  ถ้าไม่มียิ่งดีเลย  

ถ้าหากว่าชั้นบนมีผนัง  แต่ชั้นล่างในแนวเดียวกันไม่มีผนัง bearing  wall   ปกติ   แนวพื้นชั้นบนที่มีผนัง จะต้องมีคานรับผนังชั้นบนตามแนวผนัง....  

แต่ถ้าไม่มีคานอยู่ใต้แนวผนังชั้นบน  ก็แสดงว่าพื้นออกแบบเป็นระบบคล้ายๆพวก  flat  plate  ,  flat  slab   ซึ่ง  อาจจะย้ายตำแหน่งผนังได้บ้าง  หรือกั้นห้องได้เพิ่ม...เปลี่ยนตำแหน่งผนังชั้นบนสุดได้บ้าง

.......แต่ว่า....แต่ว่า....เจ้าของอาคาร  จะต้องรู้ว่า......ถ้าไปเพิ่มผนัง.....ทำให้มีน้ำหนักผนังเพิ่มทีหลัง เพ่มเติมจากการออกแบบ  
.....แนะให้ใช้ผนังเบา.....  เจ้าของอาคาร  อาจจะต้องลดน้ำหนักบรรทุกจร.....ในห้องนั้นๆ ลง  ....เช่น...  จาก 200  กก/ตรม  ลงเหลือ  100  กก / ตรม  คือ ต้องควบคุมฟังชั่นการใช้งาน.....

กรณีเหล่านี้เหล่านี้  แก้ไข หรือ  ปรับปรุงได้ครับ  แต่ว่า  ขอแนะให้ใช้บริการ  วิศวกรครับ  โดยที่ต้องมีแบบแปลนอาคารนั้นด้วยนะครับ

ถ้าใช้ ...วิศวกะ    ก็เสี่ยงเอาแล้วกันครับ  
อิอิอิ

พ่อตาผมคุมงานก่อสร้างบ้านเอง    แกอยากมีผนัง แกก็ตั้งผนังอิฐขึ้นมา  โดยที่ข้างล่างพื้นผืนนั้นตรงแนวผนัง.....ไม่มีคาน.......ผมไปดูตอนที่แกสร้างเสร็จแล้ว......เฮ้อ.....  แกยัดเหล็กเพิ่ม......อ่าาาาา    ดูเหมือนสมเหตุสมผล...     ก็ตามความคิดของแก...
แต่ลักษณะอย่างนั้น มันจะทำให้เิกิด    crushing  failure  ได้ง่าย    คือการเสริมเหล็กในคอนกรีตนั้น  ถ้าเสริมรับแรงดึงมากเกินกำหนด....  จะทำให้เวลาเกิดการวิบัติ   จะเป็นการวิบัติแบบที่ว่าเกิดระเบิดที่ตัวเนื้อคอนกรีตของคาน  ซึ่งเป็นการวิบัติแบบที่ไม่มีสิ่งบอกเหตุหรือว่าเตือน  แต่ถ้าเสริมเหล็กน้อย ถ้าคานหรือว่า พื้นจะวิบัติ  จะมีอาการออกมาก่อน  เช่น.....ใต้คานแตก....เป็นต้น....ซึ่งการที่มีอาการเตือน บอกเหตุล่วงหน้า  จะเป็นสิ่งที่ดีกว่าไม่มี.....

การต่อเติม  ถ้าไม่มากมายอะไร   น่าจะทำได้โดยมีมาตรฐานนะครับ  ถ้าให้วิศวกรดู   เช็ครายการคำนวณดูความแข็งแรงบางส่วนที่เกี่ยวข้อง

อย่างตึกวิศวโยธา  ของ จุฬา  ที่สร้างมาตั้งนาน  มาทีหลังเขาสามารถต่อเพิ่มอีก 1 ชั้น ได้  ทั้งๆที่ตึกนี้ทำการก่อสร้างมาตั้งนานแล้ว.....ก็โดยการตรวจสอบ  เช็ครายการคำนวณใหม่  แล้วพบว่าสามารถสร้างเพิ่มได้....ก็สร้าง.....

มีใครดูรายการ ชั่วโมงระทึกโลก ของ week ที่แล้วบ้างครับ   พบว่า  ที่สิงคโปร์เมื่อ 10 กว่าปีมาแล้ว  ตึกได้พังลงมา.......ตึก 5 ชั้น....นะครับ   ถล่ม....  ตาย เอ..ใช่  30  รึป่าว  ไม่แน่ใจ  รอด ก็  10 กว่า คน  

ผลการตรวจสอบ วิเคราะห์.....ท้ายที่สุด สรุปว่า

....วิศวกรออกแบบ ลืมนำหนักบรรทุกคงที่ DEAD LOAD  ...ไม่อยากเชื่อ.....เลย
ตึกก็อยู่มาได้นานเป็น 10 กว่าปี โดยอาศัยจากส่วนเผื่อน้ำหนัก  safety  factor  
ท้ายที่สุด  เสาบางต้นของตึกเริ่มรับไม่ไหว  ค่อยๆ เกิด  progressive  failure  คือ  ค่อยๆ ร้าว ทีละ เสา   ช่วงนี้จะกินเวลา  

เมื่อเสาต้นแรกร้าว.....ทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของเสาต้นนั้นลดลง  เมื่อเสาต้นนั้นมีความสามารถในการรับน้ำหนักลดลง  ทำให้ เสาต้นข้างๆ ต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น  

เมื่อกินเวลาไปซักพัก  เสาต้นที่ 2 นี้ ก็จะเริ่มรับน้ำหนักไม่ไหว  ก็จะเริ่มร้าว.... ทำให้ความสามารถในการรับน้ำหนักของเสาต้นที่ 2 เริ่มลดลง  ทำให้เสาต้นที่ 3 (ที่อยู่ใกล้ๆ เสาต้นที่ 2 ) ต้องรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น.........เกิดเป็นการวิบัติแบบ ต่อเนื่องเหมือนโดมิโน.......จึงเรียกว่า progressive  failure

นึกถึง  โรยัล พลาซ่า ครับ........
รวมทั้งนึกถึงการออกแบบโครงสร้างที่โรงงาน  เดลต้า   ที่ตอนนั้นมีการถล่ม....ลงมา.....

วิศวกรออกแบบไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดสำหรับโครงสร้างที่เป็นรุปแบบแขวน   รับแรงดึง แล้วก็มีการสั่นสะเทือนต่อเนื่องอยู่ด้วย  จากตัวแอร์หลายๆตัว.........แล้วใช้การเชื่อมเหล็ก.....ครั้งนั้นการพังน่าจะมาจาก  fatique  ,  การล้าของรอยเชื่อม  เมื่อเหล็กเกิดอาการล้าแล้ว........แรงไม่ต้องมาก ( บางกรณี มีแรงเพียงแค่  30 % ของกำลังที่รับได้ )  ก็ทำให้มันพังได้ง่ายๆครับ  แล้วแต่  รูปแบบการเชื่อม  และแนวการเชื่อมครับ    
ดังนั้นต้องระวังมากๆนะครับ เรื่องการล้า  เพราะว่า  วิศวกรบ้านเราหลายคน....แฮ่ะๆๆ  ไม่รู้ หรือ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยครับ

ต้องศึกษาเรื่องของการล้าของเหล็กและรอยเชื่อมครับ

การที่ลวดสลิงต้องเปลี่ยนเมื่อใช้ครบกี่รอบ หรือว่า กี่ครั้ง   มาจากเรื่องการล้าเป็นหลักครับ
และถ้ายังฝืนใช้ต่อ  นั่นหมายถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นแล้วครับ  แม้ว่าจะใช้ยกของที่ไม่หนักก็ตาม......

สะพานแขวนทั้งหลายเมื่อเวลามาถึง  จำนวน  cycle  ครบตามที่ออกแบบไว้  ก็ต้องเปลี่ยน เคเบิ้ลครับ....

ผนังเหล็กเครื่องบิน  เมื่อ cycle ครบ ก็ต้องเปลี่ยนครับ  เนื่องจากในตอนขึ้นบิน  มีการรักษาความดันบรรยากาศภายในไว้  ในขณะที่ภายนอกนั้น ความดันเบาบาง   เมื่อลงมาที่พื้นดิน ความดันภายในกับภายนอกเท่ากัน  อย่างนี้เรียก 1 cycle ครับ

สำหรับรถที่เอาไปติดแก๊ส......ถังแก๊ส...ที่เราเอาไปติดในรถที่ติดแก๊สนั้น  เมื่อเราเอาไปบรรจุ  ผมไม่แน่ใจว่าออกแบบรับไว้กี่   cycle   น่าจะหลายหมื่นรอบมังครับ
ความดันในในถังแก๊สเปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เติมเต็ม.....ความดันจะสูง   เมื่อใช้ใกล้หมดความดันลดลง  อย่างนี้เรียก 1 cycle

ถ้าครบจำนวนรอบ  ก็ต้องเอาทิ้ง.... เปลี่ยน  เนื่องจากการที่  ครบรอบครับ  แต่เข้าใจว่าคงจะ 20 ปี มังครับ  ถึงจะครบรอบ

แต่ถ้าไปตรวจแบบ ตอน 3 ปี   5  ปี  นี่  จะเป็นการตรวจถังแบบธรรมดาครับ  ว่ามีสนิมมัีย  มีอะไรบุบมั๊ย.....

คืนนี้  พิมพ์มาก....เลยนอนไม่หลับเลย......
เฮ้อ......นอนดีกว่าครับ  

อิอิอิ  
เหงาๆ   เพราะว่าไม่ต้องทำงานอีกแล้ว  ไมได้เจอเพื่อนๆที่ทำงานอีก
อิอิิอิ
หยุดทำงานขายแรงงานแล้ว  เลยนอนดึกครับ.......
พอลาออกแล้วก็ได้แต่มามองงานตัวเองที่ได้ทำไว้.......

งานชิ้นสุดท้ายที่ทำนี่  ออกแบบโครงสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงตัวที่ 3.....ที่นครพนม....ครับ   ช่วงเสา ก็  120+180+180+180+120   เมตร

สร้างเมื่อไร  จะไปพ่นชื่อไว้ครับ    ที่โคนเสา  
อิอิอิ

งานสะพานชิ้นแรกที่ทำ.....ก็......สะพานช่วงก่อนข้ามเจ้าพระยา....โครงการวงแหวนอุตสาหกรรม   ในส่วนด้านใต้.....ที่สูงเกือบ 50 เมตร นะครับ  ในส่วนข้ามเจ้าพระยา ทั้ง 2 ครั้ง นั้น ฝรั่ง นอร์เวย์ทำครับ

งานสะพานเหล็กที่สร้างทั่ว  กทม....เมื่อ 2-3  ปีที่ผ่านมา  ก็ทำหมดพร้อมลูกทีม...  ชุดนี้ที่ทำนี่   ที่ชอบสุดก็สะพานเหล็ก....ที่ลอดใต้ BTS  ที่แยก ถ. พญาไท ตัด ถ.ศรีอยุธยา  การออกแบบ....ต้องระวังเต็มไปหมด  ดีทีได้ผู้รับเหมาดี.....งานนี้สนุก+เครียด  ตรงที่ระยะเวลาการทำงานจำกัดมากๆ.......เสร็จงานก็มีอาการแน่นหน้าอก  + เหนื่อยง่าย.....
รู้เลยว่าอาการแน่นหน้าอกกับอาการเจ้บจี๊ดๆที่หน้าอกมันต่างกัน แน่นนี่  มันเหมือนกับมีใครเอาตีนมาเหยียบที่หน้าอก......รอดมาได้.....เฮ้อ.....

.......เลยเลิกขายแรงงานดีกว่า
......ไปขายเต้าฮวยน่าจะดีกว่าเนอะ
......มีใครจะไปขายด้วยกันมั๊ยครับ
อิอิอิ

......ใครมีโครงการดีๆ   ไอเดียดีๆ   ถ้าสงสาร  ช่วย  PM  มาบอกด้วยนะครับ    

กรุณาสงสารคนไม่มีเงินเดือนด้วยนะครับ................

อิอิอิ

[...]

ออกมาเตรียมพร้อมเลี้ยงลูกหรือครับพี่ san

มีอิสระภาพทางการเงินแล้ว ดีใจด้วยนะครับ      

[MarginofSafety]

ผมกำลังหาความรู้เรื่องการก่อสร้างและการตกแต่งภายในพอดีเลยครับ

ขอถามพี่ san สำหรับอาคารที่มีรายละเอียดทั่วไปแบบนี้หน่อยนะครับ

รายละเอียดตัวอาคาร

โครงสร้างทั่วไป

- เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน คอนกรีตเสริมเหล็กขนาด 40x40 จำนวน 304 ต้น
และฐานรากคอนกรีตเสริมเหล็ก เสาอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
- พื้นคอนกรีตเสริมเหล็กระบบ Posttensioned Flat Slab

ผนัง

- โดยทั่วไปก่ออิฐมวลเบาเพื่อกันความร้อนจากภายนอกอาคาร
- ผนังภายนอกกรุหินประดับ และฉาบปูนเรียบทาสี

รูปประกอบครับ



คำถามครับ

1. ระบบ Posttensioned Flat Slab คืออะไรครับ เห็นคอนโดทั่วไปจะใช้การสร้างระบบนี้
มันเป็นมาตรฐานใหม่ในการก่อสร้างหรือเปล่าครับ
และความมั่นคงของตัวอาคารเมื่อเทียบกับการก่อสร้างแบบค่อยๆก่ออิฐมอญถ้าไม่นับเรื่องระยะเวลาในการก่อสร้าง มีความต่างกันอย่างไรครับ
เช่นความคงทนของตัวอาคาร ความสามารถในการรับแรง อายุการใช้งาน อื่นๆ

2. การก่อสร้างลักษณะนี้ บางมุมของห้อง หรือผนังบางด้าน
เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเสากินพื้นที่ห้อง ถูกต้องมั้ยครับ

3. การก่อสร้างลักษณะนี้จะไม่มีคาน
แต่จะใช้ เสาคอนกรีตเสริมเหล็กและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นตัวรับน้ำหนัก
ถูกมั้ยครับ

4. ที่เค้าบอกว่าเสาเข็ม 304 ต้น
หมายความว่าถ้าเรามองจาก Bird eye view ลงมา เราจะเห็นจุดๆ 304 จุด
หรือว่าใช้เสาต่อๆกัน เพราะเค้าบอกว่าเสาเข็มจะตอกลึก 23 เมตร
แต่เสาแต่ละต้นไม่ได้ยาว 23 เมตร เลยเอามาต่อๆกัน รวมแล้วได้ 304 ต้นพอดี
ดังนั้นถ้ามองจาก Bird eye view มันต้องได้จุดๆ น้อยกว่า 304 จุด
แบบไหนถูกครับ

5. เสาเข็มกับเสาอาคารมีความแตกต่างกันมากหรือเปล่า
เป็นเสาคนละประเภทหรือเปล่าครับ

6. การก่อสร้างลักษณะนี้ผนังที่เค้าจะก่ออิฐมวลเบา จะไม่ได้เป็นตัวรับน้ำหนักอาคารใช่มั้ยครับ
เนื่องจากมีเสาคอนกรีตเสริมเหล็กและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นตัวรับน้ำหนักแล้ว

7. ผนังที่ก่อล้อมรอบอาคาร กับผนังที่ใช้ก่อนภายในห้องเพื่อแบ่งพื้นที่เป็นห้องต่างๆ
โดยทั่วไปแล้วเป็นผนังชนิดเดียวกันหรือเปล่า

8. ผนังที่ใช้แบ่งสัดส่วนห้องเรา เป็นห้องต่างๆ เช่นห้องน้ำ ห้องนอน
หากเราจะเปลี่ยนแบบของโครงการ
เช่นเปลี่ยนตำแหน่งประตู จะมีผลต่อโครงสร้างของอาคารหรือเปล่าครับ

ผมรู้ว่าพี่ san เป็นคนใจดี ชอบเผื่อแผ่ความรู้ เลยถามไอ้ที่เราสงสัยเพื่อความแน่ใจซะเยอะเลย
แล้วจะกลับมาเก็บเกี่ยวความรู้นะครับ ขอบคุณมากครับ

[energizer]

[quote="san"]อย่างตึกวิศวโยธา

[MarginofSafety]

ดูจากลักษณะพี่แล้วเป็น Designer ชัวร์ๆเลย

พี่เค้าน่าจะจบมาทาง Civil Engineering มากกว่า

[energizer]

ผมขออนุญาตพี่ HVI แจมเพื่อแบ่งเบาภาระพี่ san นะครับ ผิดถูกอย่างไรวานพี่ san แก้ไขด้วยครับ จบมานานแล้วไม่ค่อยได้ใช้ครับ
1) พื้น Post Tensioned ไม่ใช่มาตรฐานการก่อสร้างใหม่อะไรหรอกครับพี่ มีใช้กันมานานแล้ว แต่ที่นิยมใช้กันในคอนโดมิเนียมเพราะพื่นแบบนี้ ไม่ต้องมีคาน เลยทำให้มีพื้นที่ระหว่างพื้นถึงเพดานห้องพี่มากขึ้น และในความสูงของตึกที่เท่าๆกัน พื้นประเภทนี้จะสามารถทำให้เจ้าของโครงการซอยชั้นแบ่งขายได้มากกว่าอะครับ สมมมติว่าเขาออกแบบมาว่าจากพื้นถึงฝ้าห้องพี่ต้องมีความสูง 2.50 ม ถ้าใช้แบบระบบดังเดิมคือ พื้นและคาน ด้วยตัวโครงสร้างแล้วไอ้คานพวกนี้จะกินเนื้อที่ทำให้ระยะห่างระหว่างพื้นห้องพี่กับพื้นห้องของคนชั้นถัดไปต้องงถีบออกไปอีกอะครับ(เขียนจนงงเลยเรา) สมมติว่าเจ้าของจะสรางตึกสูง 15 เมตร แล้วใช้แบบพื้น-คาน อาจจะแบ่งชั้นย่อยได้ 5 ชั้น แต่ถ้าใช้พื้น post อาจจะได้อีกชั้นเพิ่มขึ้นมาเป็น 6 ชั้นได้เลยครับ ดดยเพ่มค่าก่อสร้างอีกไม่มากมายเลย

2) มันถูกต้องแล้วครับ เพราะอาคารทั่วไปก็เป็นอย่างนี้ครับ คิดดูว่าเสา 40x40(กว้าง xยาว) แล้วอิฐก่อผนังหนาแค่ 7.5 ซม มันไม่สามารถบิดบังเสาทั้งเสาได้มิดอยู่แล้วครับ นอกจากทำแบบก่อสร้างมาดีมากๆจนสามารรถขยับชิ้นส่วนต่างๆของห้องไปแอบมี่ขอบเสาได้พอดี แต่ทำอย่างนี้อาจเสียพื้นที่ใช้สอยภายในห้องไปมากพอควรนะครับ (มีบริษัทก่อสร้างบางแห่งเคร่งจัดถึงขนาดว่าห้องน้ำต้องไม่มีขอบเสาโผล่ออกมาให้เห็นเลย ไม่รู้ทำไปเพื่ออะไร แกก็จะย้ายโน้น ย้ายนี่ไปมาให้ห้องน้ำแก ไม่มีเสาโผล่ออกมาเลย)

3) ถูกต้องนะครับ
4) ปกติถ้าบอกว่าเสาเข็ม 304 ต้นก็จะเห็น 304 จุดอย่างที่พี่ว่าหละครับ เพราะตามแบบ Designer ออกแบบ มักจะไม่สนใจผู้รับเหมาว่าจะใช้เสามาต่อกันหรือไม่  จะบอกแค่เสาเข็มกี่ต้น ยาวเท่าไหร่ แค่นั้นครับ หลังจากนั้นผู้รับเหมาก็ต้องมาดูสภาพทางเข้า-ออกโครงการเอาว่าจะเอาไอ้เสาเข็มยาว 23 ม เข้าซอยมาได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ต้องซอยออกเป็น 2 ท่อนต่อกัน  แต่โดยส่วนใหญ่แล้ว 23 ม ไม่ใช่ปัญหาครับ เคยทำยาวกว่านี้มาแล้วครับ แต่ไปตอกกลางทุ่งนาเลยไม่มีปัญหาครับ ขนส่งได้สบาย

5 ) เป็นเสาคนละแบบครับพี่ เสาเข็มก็ที่พี่มักเห็นบ่อยๆตอนกลางคืนที่เขาขนกัน เป็นเสาผอมๆ ยาวๆ มีผ้าแดงผูกที่ปลายกันรถคันอื่นวิ่งมาชนหนะครับ
เสาอาคารมักเป็นเสาหล่อในที่ครับ เสาเข็มนี่ใช้ตอกลงดินให้ปลายไปสุดที่ชั้นทรายที่สามรถรับน้ำหนักตัวอาคารได้ไม่จมลงไปอีกหรือจมได้อีกนิดหน่อยตามเกณท์ (นึกภาพศาลพระภูมิแล้วผมดินจนถึงพื้นศาลที่ท่านพระภูมิท่านอยู่นะครับ เสาเดี่ยวๆที่ฐานนั้นก็เปรียบเหมือนเสาเข็มวางอยู่บนพื้นแข็งๆที่ทรุดไม่ได้แล้ว ส่วนตัวศาลก็เปรียบเหมือนตัวบ้านคนหนะครับ)
6) ถูกต้องนะครับ!!! รู้แล้วมาแกล้งหลอกถามรึเปล่าครับ
โดยปกติเราจะไม่ใช้ผนังก่ออิฐ(ไม่ว่าจะเป็นมวลเบา มวลหนัก มารับน้ำหนักครับ ใช้แต่เสาครับ)
7)แล้วแต่การออกแบบเลยครับ หากโครงการดีๆ ต้องการให้ผนังกันเสียงได้(เวลาทำกับข้าว บ้านอื่นเขาจะได้ไม่รู้) ก็จะก่อแบบหนาหน่อย(เรียกว่าอะไรจำไม่ได้แล้ว ผนังคู่มั้ง) แต่ถ้าปกติก็ชั้นเดียวโลด ข้างบ้านเขาตีกัน เราก็ได้ลุ้น ได้เชียร์ตามไปด้วย
8) ไม่มีผลใดๆเลยครับ มีผลอย่างเดียวก็กับกระเป๋าพี่แหละครับ เพราะอย่างที่บอกไปคือผนังไม่ได้รับน้ำหนักใดๆเลยครับ แต่ยกเว้นที่บ้านพฤกษานะ เพราะเขาเอาผนังคอนกรีตเสริมเหล็ก(ไม่ใช่อิฐมอญ อิฐบล็อก)มารับน้ำหนัก

[energizer]

พี่เค้าน่าจะจบมาทาง Civil Engineering มากกว่า

ครับพี่ สายนี้เขาแบ่งสายย่อยออกไปได้อีกหลายสายครับ
1) ไปอยู่กับผู้รับเหมาก่อสร้าง เช่น พวก ITD CK etc.
2) ไปเป็นผู้ออกแบบ (Designer) ออกแบบโครงสร้างอาคาร หลังจากที่ทางสถาปนึก! เอ้ย สถาปนิก ออกแบบเรื่องความสวยงามและความล้ำสมัยต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว
3) ไปเป็นวิศวกรที่ปรึกษาคือ ทำหน้าที่แทนเจ้าของโครงการในการดำเนินงานก่อสราง เพราะเจ้าของอาจจะไม่มีความรู้ด้านงานก่อสร้างหรือมีความรู้แต่อาจไม่มีเวลา (เหมือนเป็นผู้จัดการกองทุนหนะครับ) พวกนี้จะคอยประสานงานทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการก่อสรางครับ

แต่ดดยส่วนใหญ่เวลาเกิดปัญหากับโครงการผู้รับเหมาก็จะโดนชาวบ้านด่าเช็ดตลอด เพราะเขาไม่รู้ว่ามีผู้เกี่ยวข้องอื่นๆอยู่ด้วยในการก่อสรางโครงการหนึ่งๆ และผู้รับเหมาก็มักเป็นแพะรับบาปไปโดยปริยาย
โดยปกติแล้วโครงการก่อสราง(ที่ไม่ใช่ตึกแถว) ก็จะมีทีมงานจากทั้งสามฝ่ายเกี่ยวข้องด้วยตลอดเวลาครับ ถ้าก่อสร้างออกมาผิดไปจากแบบ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือวิศกรที่ปรึกษา(ไม่ใช่ผู้รับเหมา) เพราะทุกขั้นตอนในการก่อสร้าง ผู้รับเหมาต้องได้รับความเห็นชอบจากวิศวกรที่ปรึกษาก่อนจะดำเนินการใดๆลงไป(เป็นลายลักษณ์อักษร) เพราะวิศกรที่ปรึกษาจะเป็นผู้ตรวจสอบทุกๆขั้นตอนในการก่อสร้างด้วย

[san]

ขอบคุณ  คุณ energizer  มากๆครับ  ที่เข้ามาตอบ
อิอิอิ  ผมมันอายุมากแล้ว  เชื่องช้า.....อิอิอิ

[san]

พอดีเขียนมาแล้ว  ถ้าไปซ้ำของ คุณ Energizer  ก็ต้องขอโทษ  คุณ Enwegizer  ด้วยนะครับ  พอดีขี้เกียจแก้ไขแล้วครับ   แฮ่ๆๆๆๆๆ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

คำถามครับ 

1. ระบบ Posttensioned Flat Slab คืออะไรครับ เห็นคอนโดทั่วไปจะใช้การสร้างระบบนี้ 
มันเป็นมาตรฐานใหม่ในการก่อสร้างหรือเปล่าครับ 
และความมั่นคงของตัวอาคารเมื่อเทียบกับการก่อสร้างแบบค่อยๆก่ออิฐมอญถ้าไม่นับเรื่องระยะเวลาในการก่อสร้าง มีความต่างกันอย่างไรครับ 
เช่นความคงทนของตัวอาคาร ความสามารถในการรับแรง อายุการใช้งาน อื่นๆ 

ระบบ Post-tensioned  Flat  Slab คือ ระบบโครงสร้างพื้นคอนกรีตอัดแรงทีหลังแบบไร้คาน  เป็นระบบที่ใช้กันมานานมากแล้วครับสำหรับเมืองนอก    ส่วนประเทศไทยใช้ระบบนี้มา  น่าจะเกิน 20 ปี แล้ว ครับ...   เมื่อก่อน  ช่วงแรกๆ อาจจะต้องอาศัยช่างผู้ชำนาญจากเมืองนอก  เดี๋ยวนี้คนไทยทำได้  สบายมากครับ... สบายใจได้ครับ  ผู้ชำนาญในบ้านเรามีมากพอครับ

Post-tensioned  คือระบบที่มีการใช้เหล็กกำลังสูงมาดึง  เพื่ออัดแรงเข้าสู่เนื้อคอนกรีตกำลังสูง  โดยทำการดึง ภายหลังจากพื้นคอนกรีตแข็งตัวมีกำลังถึงตามที่กำหนดแล้ว   (  ส่วน Pre-tensioned   เป็นการดึงลวดเข้ากับแท่นยึดรั้ง   แล้วจึงเทคอนกรีต เมือ่คอนกรีตแข็งตัวได้กำลังพอ ตามที่กำหนด    ก็จะทำการตัดลวดให้ขาดจากแท่นยึดรั้ง    ดังนั้น ลวดจะหดตัวเข้าไปอัดคอนกรีต  เป็นการอัดแรงเข้าสู่คอนกรีตอีกรูปแบบหนึ่ง  เสาเข็ม  แผ่นพื้น  ทั่วไปใ  ช้รูปแบบ ดึงก่อน นี่แหล่ะครับ )  

ถ้าหากทำการออกแบบให้ชิ้นส่วนมีกำลังรับแรงได้ขนาดหนึ่งแล้ว  จะพบว่าการใช้ระบบการอัดแรง   สามารถทำให้ลดปริมาณคอนกรีตที่ใช้ลงเมื่อเทียบกับการออกแบบเป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กทั่วไป  .........ซึ่งจะมีผลทำให้โครงสร้างส่วนเสา  คาน หรือว่า  ฐานราก  มีขนาดลดลง  สืบเนื่องมาจากน้ำหนักบรรทุกจากตัวคอนกรีตเอง....ลดลง

Flate  slab คือระบบโครงสร้างของอาคารที่ไม่มีคาน  มีแต่เสา  คือน้ำหนักจากพื้นถ่ายผ่านลงเสาโดยตรง   โดยพื้นอาจจะเป็น คอนกรีตเสริมเหล็ก หรือว่า คอนกรีตอัดแรง ก็ได้ครับ  ถ้าพื้นเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก  ก็จะทำให้พื้นหนากว่า ระบบพื้นอัดแรงครับ  ก็จะทำให้ น้ำหนักรวมที่ลงที่เสา หรือว่า ฐานรากมากขึ้นครับ

***สำหรับกรณีโครงสร้างทั่วไปที่เป็น เสา คาน นั้น  น้ำหนักบรรทุกจากพื้น...จะถ่ายลงคานแล้ว น้ำหนักจากคานจึงค่อยถ่ายลงเสา

ข้อดีสำหรับเจ้าของ
1.ใช้คอนกรีตลดลง  ทำให้ขนาดเสาลดลง
2.เมื่อไม่ต้องมีคาน ก็จะสามารถที่จะลดความสูงระหว่างพื้นถึงพื้นชั้นถัดไปลงมาได้...ทำใ้ห้สามารถลดความสูงงานผนังลงได้ครับ  ลดความสูงผนัง ก็ ลด งานสี ได้ครับ  ....
3.การเดินงานระบบใต้พื้น.....จะง่ายขึ้น    เนื่องจากไม่ต้องเลี้ยว เมื่อเจอคาน หรือไม่ต้อง block out ตัวคานครับ
4.การก่อสร้างโดยทั่วไปจะเร็วขึ้นครับ เนื่องจากไม่มีคาน ทำให้ลดขั้นตอนไปได้ 1 ขั้นตอนครับ

ข้อควรระวังโดยทีมงานก่อสร้างและเ้จ้าของ
1.คุณภาพของวัสดุ  ลวดอัดแรง + คอนกรีต ต้องควบคุมได้ดี
2.เมื่อเกิดไฟไหม้เป็นเวลานาน.. นานเท่าไร  จำไม่ได้แล้วครับ......  แรงในลวดคอนกรีตอัดแรงจะลดลงอย่างรวดเร็ว  ทำให้กำลังการรับแรงของชิ้นส่วน  ซึ่งในที่นี้คือพื้น  ลดกำลังลงอย่างรวดเร็วครับ  ดังนั้นส่วนตัวผมเองนะครับ  คิดว่า  ต้องมีระบบที่ดี ทางด้าน  การระวัง ป้องกันไฟไหม้เป็นเวลานาน ครับ
3.การดึงลวดอัดแรงนั้น  บริเวณที่ใกล้กับ ปล่องลิฟท์  ทีมก่อสร้างต้องรู้จักการ block out  ไม่อย่างนั้นแรงที่ดึงในลวดแทนที่จะอัดเข้าไปในพื้น  กลายเป็นถ่ายเข้าไปในผนังปล่องลิฟท์ ครับ  ทำให้ปล่องลิฟท์ จะรั้งแรงจากลวดไว้  ทำให้แรงในลวดไม่สามารถไปอัดแรงเข้าพื้นได้มากพอตามที่ต้องการครับ )
4.การวางลวดนั้น  ระดับ  ตำแหน่งของลวดมีความสำคัญมากครับ  ต้องทำให้ได้ตามที่ระบุ  ความคลาดเคลื่อนต้องไม่เกินที่ยอมรับได้ครับ  มีในมาตรฐานครับ
5.การดึงลวดนั้น  ถ้าในแบบระบุให้ดึงทั้ง 2 ปลาย  ผู้รับเหมาก็ต้องดึงทั้ง 2 ปลาย  ผู้รับเหมาบางเจ้า ลักไก่  ดึง 1 ปลาย  อีกปลาย ฝังไว้ในคอนกรีต  เขาทำแบบนี้เพื่อลด cost รวมทั้งลดวัสดุ  บริเวณหัวดึงลวดครับ
6.ฯลฯ    ส่วนใหญ่เป็นเทคนิคอลครับ  อิอิอิ  ถ้าเขามีทีมงานคุมงานที่ดี   ใส่ใจ.... ก็ตามเขาไปเถอะครับ.....แฮ่ะๆๆๆๆ

ความมั่นคงของอาคาร  

เมื่อออกแบบได้ตามมาตรฐาน  ก็ถือว่าผ่านมาตรฐานการออกแบบครับ.....
ผมเองเข้าใจว่า  คุณหวี คงจะกังวลอะไรบางอย่าง  แต่ถ้าพูดจริงๆแล้ว  หลายๆคนเชื่อว่า ระบบ คาน  เสา  แข็งแรงกว่า  ผมเองโดยส่วนตัวก็เห็นว่าแข็งแรงครับ  เพียงแต่ว่าถ้าออกแบบได้ตามมาตรฐานก็ถือว่า เพียงพอแล้วครับ ( อันนี้หมายถึงว่า คุณภาพการควบคุมงาน  ก็ต้องดี ได้ตามแบบ นะครับ )
ก็หวังว่าทางโครงการจะมี  ระบบเตือนภัยเรื่องควัน หรือเปลวไฟ  ที่ดีนะครับ
แต่อย่างคอนโดที่ภรรยาผมเขา     ได้ตื่นเอาตอนเที่ยงคืน   เพราะว่ามีห้องข้างๆทำไฟไหม้....เพราะว่าจุดเทียนไหว้พระ  แล้วไปนอนอีกห้องหนึ่ง  ทีนี้เทียนเกิดล้ม    เกิดเปลวไฟ   ระบบเตือนภัย จับได้   หวอ................. ทั้งตึกวิ่งกันหล่ะครับ  อิอิอิ  ถ้าใครเป็นโรคหัวใจ  คงเดี้ยงไปก่อนมังครับ....  แต่เชื่อป่าวครับ  ยังมีคนไม่ตื่น    ไม่รู้เรื่องอยู่...จำนวนหนึ่ง  ทางคอนโด ถึงกับต้องตรวจสอบว่า  หวอไม่ดัง บางตัว รึป่าว  จริงๆ  แล้ว บางคนเขานอนขี้เซา ครับ

ไม่อยากให้กลัวมากครับเรื่องไฟไหม้  เพราะว่า  ถ้าจะพังทลายนั้น ต้องการไฟที่ไหม้เป็นระยะเวลานานพอ  รวมทั้งประเภทเชื้อไฟ ด้วยครับ ว่าจะก่อให้เกิดอุณหภูมิสูงเท่าไร

ก่อนหน้านี้   สะพานรัชวิภา  โดนพวกค้นหาของเก่า  ซาเล้งไป  เผาอะไรอยู่ข้างใต้สะพาน...นาน 2-3  ชั่วโมง....ทำให้ทาง  เจ้าของสะพาน   ไม่สบายใจ  ขอปิดสะพาน  แล้วต้องทำการตรวจสอบโครงสร้าง  ผลการตรวจสอบพบว่า  ไฟไหม้ครั้งนั้น  ไม่มีผลนัยยะสำคัญ ต่อกำลังของโครงสร้างครับ  ตรวจสอบโดยการทดสอบ  จริงๆ  เอารถ สิบล้อบรรทุกเต็มที่  จำนวนหลายๆคันไปจอดเต็มพรืด  แล้วจับดูพฤติกรรมของสะพานว่าเปลี่ยนไปมากรึป่าว  ก็สรุปดังที่กล่าวมานะครับ  .....

คือที่พูดนี่  เพราะว่า......ไม่อยากให้กังวลมากจนเกินควรนะครับ  ถ้าระบบดี ก็จบครับ....

กรณีที่เป็นคอนกรีต  ปกติ  ให้นับคร่าวๆว่า  คอนกรีคที่หุ้มเหล็กนั้น ( covering ) ถ้าหนา 1 นิ้ว  จะกันไฟทั่วไปได้  1 ชั่วโมง....  

แต่ถ้าเปลวไฟจากเชื้อเพลิงบางชนิด............ร้อนไวมากๆนะครับ  ซึ่งอาคารทั่วไป ที่อยู่อาศัย คง....ไม่น่ามีแบบนั้นนะครับ

ก่อนหน้านี้อีก  หลายปีมาก    กรณีโรงงานเคเดอร์ นะครับ  พอคุ้นๆป่าวครับ   ที่คนงานตายเป็นร้อย เนื่องจากไฟไหม้แล้วเจ้าของล๊อคประตู  ไฟไหม่ไม่เกิน ครึ่งชั่วโมงครับ  พังทลายหมด  เพราะว่าโครงสร้างเป็นเหล็กเปลือยๆครับ  สัมผัสไฟโดยตรง  
ระยะหลังโรงงานที่มีโครงสร้างเป็นเหล็ก  เมื่อกลัวเรื่องไฟไหม้   จึงมีการพ่นโฟม หรือวัสดุกันความร้อนพอกที่เสาเหล็กครับ

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

2. การก่อสร้างลักษณะนี้ บางมุมของห้อง หรือผนังบางด้าน 
เป็นไปได้ว่าอาจจะมีเสากินพื้นที่ห้อง ถูกต้องมั้ยครับ

ถูกครับ  
ยังไงเสียก็จะมีเสาโผล่ทีุ่มุมห้องครับ  อันนี้เนื่องจากขนาดเสาที่ใหญ่กว่าความหนาของผนังครับ  แล้วก็....แล้วแต่  สถาปนิกกำหนดให้ก่อผนังชิดด้านใดของเสานะครับ   ถ้าทำดังที่ว่า.....ผนังด้านหนึ่งจะเรียบเสมอหน้าเสาครับ  ผนังอีกด้านนึงจะมีเสาโผล่ครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

3. การก่อสร้างลักษณะนี้จะไม่มีคาน 
แต่จะใช้ เสาคอนกรีตเสริมเหล็กและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นตัวรับน้ำหนัก 
ถูกมั้ยครับ 

ครับ...น้ำหนักจะถ่ายจากพื้นลงเสาเลยครับ

ในกรณีนี้  flat  slab  , พื้น บริเวณหัวเสา  จะได้รับการออกแบบเสริมความแข็งแรงเพิ่ม  เพื่อป้องกันไม่ให้พื้นทะลุ  รูด  เสา ลงไปครับ  ( เหมือนเราเอากระดาษไปกดใส่ปลายไม้จิ้มฟันที่ตั้งเด่    มันก็จะทะลุได้    แต่ถ้า้เป็นแผ่นอลูมิเนียมแข็งแรงพอ  ไม้จิ้มฟันหักก่อนหล่ะครับ  อิอิอิ  ) การเสริมความแข็งแรงในพื้นบริเวณหัวเสา  เพื่อป้องกันการทะลุของพื้น  Punching failure ทำได้โดย วิธีใด วิธีหนึ่ง.....
- เพิ่มความหนาพื้นเฉพาะบริเวณหัวเสา  เรียกว่า แป้นหัวเสา ( drop  panel )
- เพิ่มเหล็กรูปพรรณในพื้น บริเวณหัวเสา......เกิดภาวะเหล็กแน่นที่หัวเสา   เทคอนกรีตยาก
- เพิ่มเหล็กเส้น และเหล็กปลอก ในพื้นบริเวณหัวเสา
- ฯลฯ

...............ทีมงานก่อสร้างต้องเข้าใจว่า....การหยุดเทคอนกรีตเสานั้น...... ต้องหยุดที่ระดับท้องพื้น  ห้ามไปหยุดที่ระดับหลังพื้น หรือระดับเหนือท้องพื้น   ไม่อย่างนั้นความแข็งแรงเพื่อป้องกันการเกิด punching  จะลดลงครับ  ( ท้องพื้นคือระดับผิวล่างของพื้น  หลังพื้นคือระดับผิวบนของพื้นครับ )  ปกติแล้ว ทีมงานทั่วไปที่เคยผ่านงานมาแล้ว จะรู้ครับ ..

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

4. ที่เค้าบอกว่าเสาเข็ม 304 ต้น 
หมายความว่าถ้าเรามองจาก Bird eye view ลงมา เราจะเห็นจุดๆ 304 จุด 
หรือว่าใช้เสาต่อๆกัน เพราะเค้าบอกว่าเสาเข็มจะตอกลึก 23 เมตร 
แต่เสาแต่ละต้นไม่ได้ยาว 23 เมตร เลยเอามาต่อๆกัน รวมแล้วได้ 304 ต้นพอดี 
ดังนั้นถ้ามองจาก Bird eye view มันต้องได้จุดๆ น้อยกว่า 304 จุด 
แบบไหนถูกครับ 

อ่า.....โดยปกติจะหมายความว่า รวมแล้วมีเสาเข็ม  304 ต้น ครับ  และแต่ละต้นยาว 23 เมตร ครับ  แต่ว่า......เสาเข็ม 1 ต้น  นั้น  จะเป็น 2 ท่อนต่อเป็น 1 ต้น  รึป่าว  อันนี้ ต้องถามเจ้าของโครงการดูครับ  

ที่ว่า 23 เมตร นั้น เพื่อที่จะให้เสาเข็มลงไปวางตัว อยุ่ในชั้นทรายชั้นแรกของ  กทม คัรบ จะได้มีความมั่นคงแข็งแรง ครับ

สเปค กรมทางหลวง   .....ถ้าไม่มีเหตุสุวิสัยจริงๆแล้ว   จะไม่ยอมให้มีการใช้ 2 ท่อน ต่อ ครับ  จะต้องใช้ 1 ต้น ยาว 23 เมตร ครับ...  ซึ่งเสาเข็มยาว 23 เมตร นี่  จะขนลำบากครับ  และถ้าจากโรงงานผลิตไปถึง ไซด์งานก่อสร้าง มีซอยหรือว่า ถนนที่มีความกว้างไม่มากหล่ะก็  เสาเข็มที่ยาว 23 เมตร  อาจจะทำให้รถขนเสาเข็มเลี้ยวไม่ได้ครับ  : )

ราคาเสาเข็ม+ค่าตอก    ......เสาเข็มที่ยาวๆ  1  ท่อน  จะแพงกว่า เสาเข็มสั้น 2 ท่อน + รอยต่อ ครับ

แต่ถ้าทางโครงการได้นำเสนอว่า    จะทำการทดสอบกำลังที่รอยต่อเสาเข็ม  ว่ามีกำลังรับแรงดัดไม่น้อยกว่ากำลังรับแรงดัดของหน้าตัดเสาเข็มแล้ว  แบบนี้ >>เยี่ยม<< เลยครับ  ที่ จุฬา  มี  ห้องทดสอบ  full  scale  test   ครับ ใหญ่เชียวครับ

บางเจ้าทำรอยต่อไม่ดี   แล้วก็....ถ้าโชคร้าย  มีภาวะดินเคลื่อน ที่เกิดจากสาเหตุใดๆก็ตามภายหลัง    เช่น  เ้จ้าของที่ดินด้่านข้างที่ใกล้ๆ   ทำการขุดหลุมลึก 5-10 เมตร  โดยที่มีการทำกำแพงกันดิน.......ที่ไม่แข็งแรงพอ  แล้วดินเกิดการ  slide  ทำให้ดินเคลื่อน  เมื่อดินเคลื่อน...จะพาเสาเข็มเคลื่อนด้วย  ถ้าเสาเข็มมีกำลังไม่มากพอ    อาจจะทำให้เสาเข็มของอาคารนั้นหักได้ครับ...ถ้าเสาเข็มหักตึกอาจจะเอียง  
ที่เล่ามานี่  กรณีเลวร้ายจริงๆครับ ..... แต่ก็เกิดขึ้นแล้วใน กทม ครับ    ถ้าจำไม่ผิดตึก 5 ชั้น มัง ครับ   ตึกเอียง  เสา คาน ไม่เป็นไร  คือเอียงทั้งกล่องแข็งๆเลยครับ  กรณีนั้น  ตัวตึกทำการก่อสร้างโดยถมดินสูงกว่าด้านข้างๆ หลายเมตร   ถ้าจำไม่ผิดแค่ 3 เมตร ครับ  กรณีนี้   ถ้าเสาเข็มไม่หัก....ก็ หัวเสาเข็มหลุดจาก โครงสร้างฐานรากครับ

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

5. เสาเข็มกับเสาอาคารมีความแตกต่างกันมากหรือเปล่า 
เป็นเสาคนละประเภทหรือเปล่าครับ 

แตกต่าง......แต่ไม่มากครับ  คือมีพฤติกรรมรับแรงกด , อัดเหมือนกัน
เสาอาคารปกติจะหล่อในที่ครับ    แต่ปัจจุบัน เริ่มมีการออกแบบโดยใช้เสาอาคารที่หล่อสำเร็จมาแล้วนะครับ   ทั้ง เสา ทั้ง คาน  เลยครับ
ส่วนเสาเข็มตอก...โดยทั่วไปหล่อจากโรงงานครับ  แต่ถ้าเสาเข็มเจาะก็หล่อในที่ครับ

เสาอาคารบางแห่ง จะรับแรงดัดด้วย  แล้วแต่การออกแบบครับ....แต่ถ้าตึกสูง  เสาอาคารรับแรงดัดด้วยเสมอครับ  โดยเกิดจากแรงในแนวราบเล่น แรงลม และแรงแผ่นดินไหว   หรือเกิดจากการออกแบบโครงสร้างแบบโครงข้อแข็ง ,  Frame   แค่ชั้นเดียว  เสาก็รับแรงดัดได้ครับ

เสาเข็มบางแห่งที่ออกแบบ สำหรับงานสะพานนะครับ   ก็มีการออกแบบเพื่อรับแรงดัดด้วย  ถ้าจำเป็นนะครับ

เดี๋ยวนี้สะพานบางแห่งได้ทำการออกแบบโดยใช้เสาเข็มแค่ 1 ต้น  ต่อ 1 ตอม่อ   เสาเข็มขนาด diameter 1.5 เมตร  แล้วเสาเข็มแบบนี้  นอกจากรับแรงกดแล้ว....เขาออกแบบให้รับแรงดัดด้วยครับ

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

6. การก่อสร้างลักษณะนี้ผนังที่เค้าจะก่ออิฐมวลเบา จะไม่ได้เป็นตัวรับน้ำหนักอาคารใช่มั้ยครับ 
เนื่องจากมีเสาคอนกรีตเสริมเหล็กและพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นตัวรับน้ำหนักแล้ว 

อ่าา..งง....อ่ะครับ  ไม่แน่ใจว่าแปลความหมายถูกป่าวนะครับ
คือว่า  ใน  flat  slab  นี้   น้ำหนักผนัง จะถ่ายน้ำหนัก ลงพื้น ครับ  แล้วพื้นถ่ายแรงลงเสา  แล้วเสาถ่ายแรงลงเสาชั้นล่าง  แล้ว แรงไปรวมกันลงที่ฐานรากครับ
ส่วนน้ำหนักบรรทุกจร หมายถึง พวก เฟอรฺ์นิเจอร์ หรือ สิ่งต่อเติม ต่างๆ    รวมทั้งคนเราด้วย  ก็ถ่ายลงพื้น >> ลงเสา >> ลง ฐานราก >> ลงเสาเข็ม ครับ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

7. ผนังที่ก่อล้อมรอบอาคาร กับผนังที่ใช้ก่อนภายในห้องเพื่อแบ่งพื้นที่เป็นห้องต่างๆ 
โดยทั่วไปแล้วเป็นผนังชนิดเดียวกันหรือเปล่า 

อาจจะเป็นคนละชนิด .....หรือว่า
เป็นชนิดเดียวกัน  แต่ผนังด้านนอกต้องก่อหนากว่า  เช่น ก่อเต็มแผ่น  เหตุผลหลักๆ  คือ เพื่อป้องกันความชื้นครับ

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

8. ผนังที่ใช้แบ่งสัดส่วนห้องเรา เป็นห้องต่างๆ เช่นห้องน้ำ ห้องนอน 
หากเราจะเปลี่ยนแบบของโครงการ 
เช่นเปลี่ยนตำแหน่งประตู จะมีผลต่อโครงสร้างของอาคารหรือเปล่าครับ

ไม่แน่ครับ  เพราะว่า ตำแหน่งของผนัง  ถ้าเปลี่ยนไปไกล  เยอะมากๆจากแบบ  หรือเพ่ิมผนังเข้ามาอีก ..... ก็อาจจะกระทบถึงว่า น้ำหนักที่บรรทุกมีเพิ่มขึ้น  อาจจะ....มากกว่า...ความแข็งแรงของพื้นนั้นๆ  ได้ครับ  
แต่ถ้าเป็นผนังแบบ bearing wall  ( คือรูปแบบโครงสร้างนั้นเอาผนังมาทำเป็นเสา ) อันนั้นถ้าเปลี่ยนแปลงจะมีผลต่อโครงสร้างครับ

ลักษณะทางโยธา นี่  เรื่องของตำแหน่งของแรง หรือว่า วัสดุ  จะมีนัยยะต่อโครงสร้างครับ  มากน้อย  ต้องพิจารณาเป็นกรณีครับ

[san]

อยากบอก  คุณหวีว่า.....เหตุการณ์ประกอบที่ผมเล่าประกอบมาทั้งหมดนี้......เป็นแค่ความรู้ ตัวอย่าง.....เบื้องต้นนะครับ

ไม่อยากให้กังวลเกินควรครับ  เดี๋ยวนี้งานก่อสร้าง  สเกลมันใหญ่  ต้องมีระบบการทำงานนะครับ  ดูที่ระบบก็จะตอบได้ว่า ทีมไหนดี  ทีมไหนไม่ดีนะครับ  อันนั้นจะบอกคุณภาพได้นะครับ

ถ้าคุณหวีถามทางโครงการ  แล้วเขาใส่ใจ  เอาทีมวิศวกรมาอธิบายนี่.....เยี่ยมเลยครับ   ถ้าได้นะครับ.....แต่ผมว่าไม่ได้หรอกครับ  อิอิอิ

แต่ถ้าเอาทีม การตลาดมาตอบก็.....ถ้าเขาตอบผิด  คุณหวี ก็คงต้องเข้าใจมังครับว่า  ทีมการตลาดมาตอบ  เชื่อได้ก็แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น...แล้วแต่ว่าเขาเข้าใจจริงๆรึป่าว  อะไรแบบนี้แหล่ะครับ

โดยในส่วนของคุณ หวี นี่   ในทางวิศวกรรม  ต้องดูที่ ผลงาน และ ทีมงานนะครับ  ความใส่ใจของทีมงานจะบอกถึงคุณภาพอาคารครับ    ต่อให้ผมเองก็ได้แค่ถามๆเท่านั้นแหล่ะครับ  เพราะว่าจริงๆแล้วก็คงสัมผัสทีมงานเขาไม่ได้....ลึกๆ หรอกครับ    ยกเ้ว้นว่าเพื่อนมาทำงานแถวนั้น

ตึกใหญ่ ส่วนมากจะสบายใจครับ  มีมาตรฐาน

แต่ว่าพวกตึกเล็กๆที่ยังใช้ผู้รับเหมาโนเนม  แบบ เอาถูกเข้าว่า  แบบนั้น สิครับ น่ากลัว  มันเอาทุกอย่างแหล่ะครับ  เห็กเบา เขายังเอามาใช้เลย  

ยกเว้นตึกใหญ่ๆ  ที่ก่อสร้างช่วงปี 35-38  ช่วงนั้นงานเร่งกันน่าดู  หาคนก็ไม่ง่ายเท่าไร  คนไม่พอ....เร่งกันขนาด เด็กจบมา 1 ปี เป็น โปรเจคแล้ว........
แต่ก็ยังอยู่ได้คัรบ  เพราะว่า ตึกใหญ่ๆ จะมีระบบตรวจสอบ มีทีม คอนซัล  เข้าไปช่วยกันคุมงาน

หลายปีมาแล้วครับ   หัวหน้าผมเขาสร้างบ้านโดยไปจ้างบริษัทรับสร้างบ้านที่มีชื่อ    แต่ขอไม่บอกนะครับ ว่าบริษัทไหน  ไม่อยากโดนฟ้องครับ  ......พ่อหัวหน้าผม  ท่านก็วิศวกรโยธา  รุ่นเก่ากึ๊ก  เลยครับ  ท่านว่างๆก็เลย  ตรวจสอบแบบที่บริษัทนั้นมาเสนองาน  จ๊าก......ครับ.....เสาต้นกลางบ้าน  จำนวนเสาเข็มรับน้ำหนักนั้นไม่พอ......พ่อหัวหน้าคิด คำนวณเอง  คิดแล้วคิดอีก....
อิอิอิ.....ทีนี้คุยกันไปมา   เอาน่า   จบง่ายๆ......ก็แล้วกัน   คือขอเพิ่มเสาเข็ม   คิดเงินมาเพิ่มได้   ไม่มีปัญหา    ทีนี้ถ้าถามว่าแล้วทำไมหลังอื่นๆที่เขาสร้างมานี่  มันไม่พัง  ก็..ตอบได้ว่า มันยังยืนอยู่ได้ด้วย ส่วนเผื่อความปลอดภัยครับ

[san]

คุณ หวี ครับ   จบแล้วครับ

หวังว่าเป็นความรู้แก่ทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยนะครับ
คุณ energizer  ก็ตอบได้ดีนะครับ

คงไม่ได้เข้ามาหลายวัน ครับ

ช่วงนี้มีใบบอก.....มา จาก  ตจว  ครับ  ผบทบ  ออกโองการ  พร้อมแนบป้ายทองมาด้วย   เรียกให้ไปรายงานตัวครับ  ไม่ไป....โดนตัด...ครับ  อิอิอิ

แฮ่ะๆๆๆๆ ... สงสัยแผลที่หลังที่เคยหวะอยู่....ยังมีสะเก็ดอยู่.....ครับ  เขาเลยไม่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนานๆ

มีคำถามอะไร  ให้ ท่าน energizer  ตอบแหล่ะกันครับ
มีความรู้ดีนะครับ


ท่าน energizer  ผมรหัส C3
อิอิอิ  งงป่าวครับ  
ผมจบตรีแถวบางเขนครับ    อยากเข้า สามย่าน  แต่สอบได้คะแนนไม่ถึง    ตอนนั้น ไม่เจียมกกะลาหัวครับ  อิอิอิ
หัวสี่เหลี่ยมแบบถังน้ำมันก๊าดอ่ะครับ  อิอิอิ
ทำงานที่ ITD  3 ปี  ในส่วนขยายข่ายสายโทรศัพท์  joint  venture  กับ  Les cable  de  lion
ตอนนั้นท่าเรือ แหลมฉบังกำลังสร้างอยู่ครับ
ตอนนั้น ITD ให้เงินเดือน 4600  แฮ่ๆๆๆๆ  เค็ม.....ชิบ...
เก็บเงินได้แค่ 1 แสน  ซ่าส์.......มาต่อที่สามย่าน
ปี 33  อาจารย์  สัมภาษณ์ ....ตอนที่นักการจะปิดประตูแล้ว..... บอกอาจารย์ท่านแค่ว่า  เตรียมตัวมา...มีตังแค่  100000  แต่ขอเรียนครับ......เข้าปี......ปี 33   เรียน  5 ปีครับ เรียนจริงๆ  ไม่ได้ทำงานเลย......เฮ้อ.....
จากเงินสดที่มี  1 แสน  เปลี่ยนไปเป็นมีหนี้ 1 แสน

ไปเจอ  ผบทบ  ที่นั่นแหล่ะครับ  เขาเรียนตรี คณะที่ใกล้ๆ สามย่าน ที่มีตึก 50 ปี นะครับ    โดนเพื่อนด่า ว่าหัวงู.....เฮ้อ.....โดน.....

วันสุดท้ายผมกับเพื่อนรวม 4 คน  วิ่งตาตั้งเอา  thesis  ไปส่งที่บัณฑิตวิทยาลัย  เหลืออีกแค่  1  ชม  ก็หมดเวลาครับ  อิอิอิ
ก็จบปี 38  ครับ

ปีที่สมเด็จพระราชินี  พระองค์ท่านเสด็จไปประทานปริญญาบัตร อีกครั้งนะครับ
ผมไม่ได้เข้าพิธีรับปริญญาครับ  พอดีพ่อเสียที่ ตจว  เลยกลับไปแสดงความเคารพท่านครับ ไปทันก่อนที่เขาจะปิดฝาโลงศพครับ......
ท่านบอกตั้งแต่เด็กว่า ท่านไม่มีสมบัติ  ท่านให้ได้แค่การศึกษา......

รุ่นผมเข้าเรียน 10 คน  จบแค่ 4 คน
ตอนนั้น อาจารย์การุณ ท่านยังสอนอยู่ครับ
1 คน ทำงาน ด้านโครงสร้างอินฟรา
1 คน เป็นอาจารย์  ม. เอกชน
1 คน กลับบ้าน ช่วยพ่อ  แก้ไขหนี้ธุรกิจบ้านจัดสรรขนาด 500 หลัง ที่ล้มไปปี 40  พึ่งเคลียร์หนี้หมดไปเมื่อปีที่แล้วเอง  ชีวิตพลิกผันไปตามโชคชะตาครับ  ไม่อยากเชื่อ.....
อีก 1 คนทำงานอินฟรา  กำลังไปทำอะไร..หว่า   ผมเองยังไม่รู้ครับ....อิอิอิ
โชคชะตาพาไปไหน  ไม่เป็นไร....ผมไปด้วยครับ

แก่แล้วครับ  เริ่มรำพึงรำพัน....  อิอิอิ
เอ้ยไม่ใช่สิ.....ยังหนุ่มอยู่.....  ก็ขนาดพี่ พอใจ  ยังหนุ่มเฟี๊ยวเลย
.......555

แล้วท่าน Energizer หล่ะครับ ทำงานส่วนไหนเหรอครับ  ลักษณะงานยังไงเหรอครับ......

[san]

มีอยู่วันนึง  ผบทบ  มาเข้าที่ แล็บ ที่ผมทำอยู่......
ฝนตกหนักมาก  นานๆมาก  อิอิอิ......
นั่นแน่..อย่าคิดอะไรมาก......นะครับ   มีคนหลายคนอยู่......ด้วยกัน
ตกเย็นแล้ว.......ฝนก็ตกหนัก.....ถึงเวลาต้องกลับที่พัก.......ไม่มีร่ม  มีแต่ถุงขยะ ดำ ที่ยังไม่ใช้.....ขนาดใหญ่ๆ  อยู่หลายใบ.....
อิอิอิ  
ผบทบ.  ท่านจัดการ  ตัดถุง สีดำ  เพื่อให้เอาสวม ใส่ตัว  เหมือนเสื้อคอกลมแขนกุดนะครับ    แล้วเอาถุงใบเล็กครอบหัว......
อิอิอิ
นึกภาพดูสิครับ   คนใส่ถุงดำ ครอบตัว  แขนกุด

เดินจูงมือกันออกไป  2 คน  เดินฝ่าไป....กลางสายฝนที่ตกหนัก......ไม่มีร่ม    ไม่แคร์ใคร.....มีแต่รอยยิ้ม  ต่างคนต่างชี้.....หัวเราะกันเอง........
เฮ้อ.....ทำได้ไงเนี่ย..... ยังไม่เชื่อเลย......
ตอนนี้คิดถึง ผบทบ  แล้ว ครับ

นอนแล้ว ครับ

[por_jai]

ช่วงนี้มีใบบอก.....มา จาก  ตจว  ครับ  ผบทบ  ออกโองการ  พร้อมแนบป้ายทองมาด้วย   เรียกให้ไปรายงานตัวครับ  ไม่ไป....โดนตัด...ครับ  อิอิอิ

8) ป้ายอย่างนี้ มีชื่อเรียก"ป้ายกวักวิญญาณ"
    ใช้เฉพาะพวกที่มีชนักปักหลังอยู่..แฮ่..
    พวกเคยทำผิดเห็นป้ายอาญาสิทธิแล้วจะสะดุ้ง นิด..นิด..
    แล้วขับรถ /ขึ้นเครื่องกลับไปตายรังอย่างว่านอนสอนง่าย..
    สองเหลืองก็หนึ่งแดงอัตโนมัติ จริงไหมครับ...
   

ผบทบ.  ท่านจัดการ  ตัดถุง สีดำ  เพื่อให้เอาสวม ใส่ตัว  เหมือนเสื้อคอกลมแขนกุดนะครับ    แล้วเอาถุงใบเล็กครอบหัว......

8) ถ้ามียันต์แปะตรงหน้าผากอีกซะหน่อย
    แล้วเวลาเดินๆไม่ได้ ใช้กระโดดเอา
    ก็ไปเล่นหนังได้เลย เรื่องผีกัดอย่ากัดตอบ

ไปเจอ  ผบทบ  ที่นั่นแหล่ะครับ  เขาเรียนตรี คณะที่ใกล้ๆ สามย่าน ที่มีตึก 50 ปี นะครับ    โดนเพื่อนด่า ว่าหัวงู.....เฮ้อ.....โดน.....

8) เรียนโทไปจีบเด็กเตรียมอุดม
    ไม่ใช่งูหรอกครับ
    ระดับพญานาคแล้ว


8) อ่านที่พี่แสนตอบน้องหวีนี่เต็มอิ่มเลยครับ
    เดี๋ยวจะก๊อปไปให้ลูกชายที่เรียนโยธาอยู่เหมือนกัน
    อ่านประสบการณ์ดีๆของรุ่นพี่ด้วย....

[MarginofSafety]

ขอบคุณมากนะครับทั้งคุณ energizer และพี่ san ที่เสียสละเวลาเข้ามาตอบ

[energizer]

เรียกผมน้องก็ได้นะครับ พี่หวี

[ปุย]

[quote="HVI"]ขอบคุณมากนะครับทั้งคุณ energizer และพี่ san ที่เสียสละเวลาเข้ามาตอบ

[MarginofSafety]

เรียกผมน้องก็ได้นะครับ พี่หวี

ปกติผมไม่ค่อยเรียกใครน้องอ่ะครับ เพราะบางคนเค้าไม่ชอบ
แล้วก็คิดว่าตัวเองยังอายุไม่เยอะ 555

ก็เรียกน้องเฉพาะคนที่เคยเจอแล้ว แล้วอ่อนกว่าเราเยอะๆ
แต่บางคนที่อายุน้อยกว่า ผมก็เรียกพี่ครับ ประมาณว่านับถือในความคิดของกันและกัน

แต่ถ้าคุณ energizer จะให้เรียกน้อง ก็ยินดีครับ  :D

[san]

โค้ด: เลือกทั้งหมด

แต่ที่ผมสงสัยก็คือ 
เราสามารถไประเบิดผนัง พังกำแพง ตกแต่งอย่างที่ใจเราต้องการได้หรือเปล่า  555 

พออ่านมาถึงข้อ 8 แล้วหายกังวลเลยครับ 
ถ้าโครงการไม่ยอมให้เปลี่ยนแบบ แสดงว่าเป็นเหตุผลในเชิงธุรกิจมากกว่าเชิงวิศวกรรม

อ่าาา..

ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งไปไกล.......ก็อาจจะมีเหตุผลทางวิศวกรรมด้วยนะครับ
โดยทั่วไป  ระบบ flat  slab   จะเปลี่ยนตำแหน่งของ  น้ำหนักบรรทุกคงที่  บางขนาด   ได้บ้างครับ....
ถ้าจะแก้ไขมากมาย  ก็แนะนำว่า.....ขอให้แก้ไขตั้งแต่ตอนที่เขายังไม่เริ่มก่อสร้างดีกว่านะครับ  ถ้าสร้างเสร็จแล้ว....ผมมีความเห็นว่า  คุณหวี  หมดสิทธิ์ มากกว่า นะครับ


ผมเชื่อว่า ถ้าโครงการจัดการให้คุณหวี  ได้ติดต่อกับ ทีมออกแบบ  ของเขา  คุณหวี จะได้คำตอบที่ชัดๆ  ว่า......ทางเทคนิคอล มีปัญหามากป่าว  หรือว่า มีน้อยมาก แทบไม่มีนัยยะ....โดยใช้เวลาไม่นานเลย.....เขาจะตอบได้ทันที......

ประเด็นคือ  เขาจะยอมเพิ่มขั้นตอนตรงนี้เพื่อคุณ หวี รึป่าว..... อันนี้แหล่ะครับ....

คราวนี้   สมมติว่า  เขาไม่ยอมให้พบทีมออกแบบเนื่องจากเหตุผลใดๆก็ตาม.......

พอถึงเวลาที่ห้องเสร็จ.......ถ้ายังไม่มีคนอยู่   คุณหวี อาจจะมีโอกาส ...... แต่ถ้า มีคนอยู่บ้างแล้ว.....คุณหวี  อาจจะไม่มีโอกาสจะนำช่างเข้าสู่อาคาร    เพื่อทุบ ผนังเลย....  เนื่องจากว่า   เท่าที่ผมดูโครงการของคุณหวี  น่าจะมีมาตรฐานดี....นะครับ  โครงการที่มีมาตรฐานดีๆ...ส่วนใหญ่  เราจะทำอะไรตามใจเรา  ได้ไม่มากเท่าไรครับ.....

เหตุผลคือ  
1. โครงการจะห่วงห้องข้างๆ......สะเทือน......ของหล่น   ร้าว....เสียงดัง  หรือ ฯลฯ
2. บางโครงการไม่ยอมให้เปลี่ยนอะไรมากมายเลย..........อย่างโครงการที่ผมอยู่นี่  ถ้าหากว่าช่าง ฯลฯ   จะเข้าโครงการเพื่อทำการปรับแต่ง ฯลฯ   ทางโครงการจะส่งช่างของเขาประกบเลย  อย่างของผมแค่ติดแอร์    ทางโครงการจะส่งช่างของเขาประกบเลย    แล้วปรากฏว่าผมสั่งแอร์แบบ  wall  type    ปรากฎว่าระยะระหว่าง ขอบบนของผนังกระจกถึงเพดาน  มีไม่มากพอ...  ทำให้ด้่านล่างของแอร์ล้ำเข้ามาที่พื้นที่ผนังกระจกเล็กน้อย......มีผลทำให้ท่อน้ำไหลทิ้งจากแอร์ซึ่งมีขนาดไม่เกิน 1 นิ้ว.... ต้องล้ำเข้าไปสู่ พื้นที่ที่มีกระจก   จึงต้องเจาะกระจกเพื่อให้ท่อออกสู่ภายนอก    ผมตัดสินยอมให้เจาะกระจก เืพื่อให้ติด wall  type  ได้......ปรากฏว่า  ทางอาคารไม่ยอม  เด็ดขาด...หัวเด็ดตีนขาด ก็ไม่ยอม ........ต่อรองว่าขอให้เจาะผนังกระจก บริเวณใกล้พื้นล่างแล้ว.....เขาก็ไม่ยอม...............ทั้งๆที่  ผนังกระจกนั้นมันอยู่ในพื้นที่ของผมเต็มๆ  ไม่ได้เป็นผนังที่กั้นระหว่างพื้นที่ผมกับพื้นที่ผู้อื่น....  เป็นกระจกที่กั้นระหว่างห้องผมกับระเบียงส่วนตัวของผม    มันเป็นผนังกระจกที่โชว์  มองเห็นจากภายนอก...... ตกลงงานนั้น  ผมต้องให้ช่างเอาแอร์กลับไป.....เปลี่ยนเป็นแอร์ รุ่น ติดเพดาน.....ครับ
3. ผมติดเครื่องทำน้ำอุ่น  พอบกเขาเท่านั้นแหล่ะ......ช่างเขายังขึ้นมาดูเลย......แต่เขาก็ดี  ชี้ให้หมดว่า  สายดินอยู่ตรงไหน....อะไรที่เขาแนะนำได้  เขาบอกหมดครับ  ช่างอาคารนะครับ
4. ขอบ่นหน่อยครับ  ขนาดผมขนกล่องอะไรออกมา  ที่เป็นเครื่องไฟฟ้า  เขายังต้องให้เรากรอกเอกสาร......



คำแนะนำ คือคุยกับทางโครงการ ตั้งแต่เริ่มต้นเลยครับ  

ถ้า....ถ้านะ.....ถ้ามีค่าใช้จ่าย  เพื่อคุยกับทางทีมออกแบบบ้าง  ผมเชื่อว่าผู้ออกแบบไม่ได้คิดค่า
เสียเวลา  แต่ผู้ที่คิดค่าใช้จ่าย....คือโครงการครับ ...... คุณหวี.... ก็อาจจะต้องตัดสินใจ   ผู้ออกแบบดูไม่นานหรอกครับ ไม่น่าเกิน ครึ่ง  ชม  ด้วยซ้ำ  เขาจะบอกคุณหวีได้ครับ

แต่ถ้าไม่มีค่าใช้จ่ายเลย   ถือว่า โครงการนี้  มีบริการที่ดีมากสำหรับลูกค้าครับ  น่าจะยึดนโยบายที่ว่า ลูกค้าคือพระเจ้าครับ  

ที่อยากจะบอกอีกอย่างก็คือว่า

สำหรับโครงการที่แต่ละอาคารไม่ใหญ่เกินไป   นี่  ดีนะครับ  เพราะว่ายามที่ประตู  หรือว่าที่ล๊อบบี้  เขาจะจำได้ทุกคน.....ทำให้คนแปลกหน้าเข้าได้ยากมาก.......เขาจำได้เลยว่า  คนไหน  อยู่ห้องอะไร   แต่ถ้าอาคารใหญ่มากๆ  บางที  มีคนแปลกๆแฝงเข้ามา  ยามยังไม่รู้อะไรเลย....  พอดีทางเข้าออกอาคารที่ผมอยู่นี่  ทุกประตูทางเข้าออก   จะมียามประกบอยู่  พร้อมกับที่แต่ละคนต้องใช้  คีย์การ์ดผ่านประตู    ซึ่งก็ดี  ถือว่า เขาตั้งใจทำระบบที่ดี.......ถือว่าคุ้มกับค่าส่วนกลาง   30 บาท / ตรม.  แต่ว่า ผมหัวเราะแทบตาย  555  เขาวางระบบที่ดีสำหรับอาคาร  และผู้พักอาศัย    ปรากฏว่า.....ส่วนสำนักงานนิติบุคคลอาคารชุด  เจอพนักงานบัญชี   โกงเิงินไปเป็นแสน   กว่าจะรู้ก็ผ่านไปหลายเดือน   เสียชื่อเลยครับ  ......กำลังฟ้องกันอยู่ครับ

อย่างโครงการที่อยู่นี่  ไม่มีขโมยเลยครับ  ปลอดภัยเกินร้อย
มีอยู่วันนึง  แฟนผมเขาปิดประตู ไม่สนิท   ดึงไม่สุด..... แล้วออกไปทำงาน  ประตูมันเปิดออก.....ยาม....เดินผ่าน....ก็หลายรอบ  เห็นแง้มอยู่......เลยสงสัย  เลยเิปิดดู ... ไม่มีคน  เขาเลยปิดให้    แล้ว  ตอนเย็น โครงการแจ้งมาที่แฟนผมว่า   เมื่อเช้าปิดประตูไม่แน่น  คราวหลังให้ระวังด้วย.....ของไม่มีหายเลย......ทุกอย่างอยู่ครบ  โอเค  ก็เบาใจได้......

มีอยู่วัน .....ตอน 5 ทุ่ม  กว่า.......... วันนั้นออกจากห้องจะเอาขยะมาทิ้งที่ห้องขยะรวม......หัวใจจะวาย.......ที่ปลายสุดทางเดินของอาคาร  มีเด็กออกมานั่งคุดคู้แล้วเอามือรัดเข่า นั่งอยู่ที่พื้น   มองมาอีก.......เงียบๆ..........  แถวนั้นมันไกลๆ  ไฟไม่ค่อยสว่างเท่าไร    มองมากๆเข้า  แน่ะ มันยิ้มให้อีก......มองนานๆเข้า  เด็กเขาบอกว่า  ทะเลาะกับแม่ครับ.............อูยยยยย..........ขนลุก  มานั่งทำอะไรแถวนั้น  ตอน 5 ทุ่ม ว่ะ    ยิ่งพึ่งดูหนังเกี่ยวกับผีเด็ก.... พึ่งจบ........หูยย.............ตรูก็คนกลัวผีนะ  ไอหนู.....

[energizer]

ปกติผมไม่ค่อยเรียกใครน้องอ่ะครับ เพราะบางคนเค้าไม่ชอบ
แล้วก็คิดว่าตัวเองยังอายุไม่เยอะ 555

ก็เรียกน้องเฉพาะคนที่เคยเจอแล้ว แล้วอ่อนกว่าเราเยอะๆ
แต่บางคนที่อายุน้อยกว่า ผมก็เรียกพี่ครับ ประมาณว่านับถือในความคิดของกันและกัน

แต่ถ้าคุณ energizer จะให้เรียกน้อง ก็ยินดีครับ

[hot]

ผมรู้สึกว่าคนรุ่นใหม่ชอบที่จะตกแต่งคอนโดในงบค่อนข้างเยอะ
ไม่ว่าจะเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้ไฟฟ้า

แปลกนะคับเรามักเสียเงินกับที่แคบแคบ
ที่กว้าง  ไม่ชอบเสียเงินกันเท่าไร

ฮิ

[MarginofSafety]

[quote="san"]

อ่าาา..

ถ้าเปลี่ยนตำแหน่งไปไกล.......ก็อาจจะมีเหตุผลทางวิศวกรรมด้วยนะครับ
โดยทั่วไป

[energizer]

ฮิฮิ ฝนตกหนักๆอย่างช่วงนี้ ทำงานดินลำบากน่าดูเลยครับ ขุดดินจะทำฐานรากเสร็จ ทิ้งวันค้างคืน ฝนก็ตกลงมาเต็มบ่อเลย กว่าจะดูดน้ำออกเสร็จ...เลอะเทอะไปหมด เคยทำฐานรากช่วงนี้มาแล้วครับ เสร็จได้ลำบากมากๆจริงๆครับ บางครั้งอยากจะไปร้องไห้ที่ปากบ่อที่ขุดไว้เลยครับ

ว่าแต่ว่าโครงการที่พี่หวีซื้อไว้เนี่ย ใครเป็น Developer หว่า  :?:

[MarginofSafety]

[quote="energizer"]

ว่าแต่ว่าโครงการที่พี่หวีซื้อไว้เนี่ย ใครเป็น Developer หว่า