BMA Group 2
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 123
อธิบายนะ
BCG Model มี 4 ช่อง
1.Star
2.Quation Mark
3.Cash cow
4. Dog
ผมว่าProductของ DSGT ยังเป็น Quation Mark อยู่นะ เพราะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ Baby love จะเป็น Star ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ถ้าจะเป็น Star คงเป็นผ้าอ้อมคนแก่นะ
ส่วน Value chain ก็ยังไม่มีอะได้เปรียนคนอื่นสักเท่าไหร่
BCG Model มี 4 ช่อง
1.Star
2.Quation Mark
3.Cash cow
4. Dog
ผมว่าProductของ DSGT ยังเป็น Quation Mark อยู่นะ เพราะยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ Baby love จะเป็น Star ก็ยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่
ถ้าจะเป็น Star คงเป็นผ้าอ้อมคนแก่นะ
ส่วน Value chain ก็ยังไม่มีอะได้เปรียนคนอื่นสักเท่าไหร่
- Newbee
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 125
วิธีทำ BCG แบบง่ายๆ คือ
1. เลือกบริษัท ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันมา 4-5 บริษัท
2. ดูงบการเงิน ใช้ยอดขายของธุรกิจ
3. นำมาหา Relative Market share (Plot แกน X)
Relative Market share
company Y2006 Market Share Relative Market
A 40% = 40/40 =?
B 35% = 35/40 =?
C 25% = 25/40 =
รวม (A+B+C) 100%
4. หา Growth Rate (SALES) Plot แกน Y
Company Y2006 Y2005 Delta(%)
A 1000 800 (1000-800)/1000 = 20%
B
C
หาทั้งหมด
5. นำมา Plot graph X and Y (Maketing Growth Rate and Relative market Share) บริษัทเราตกอยู่ Zone ไหน???
ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วย(ไม่ได้นำมานานแล้วครับ)
แต่ DSGT ไม่ทราบว่าจะหาบริษัทอื่นๆมามาเปรียบได้หรือเปล่า เอาใจช่วยในการวิเคราะห์ครับ
1. เลือกบริษัท ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันมา 4-5 บริษัท
2. ดูงบการเงิน ใช้ยอดขายของธุรกิจ
3. นำมาหา Relative Market share (Plot แกน X)
Relative Market share
company Y2006 Market Share Relative Market
A 40% = 40/40 =?
B 35% = 35/40 =?
C 25% = 25/40 =
รวม (A+B+C) 100%
4. หา Growth Rate (SALES) Plot แกน Y
Company Y2006 Y2005 Delta(%)
A 1000 800 (1000-800)/1000 = 20%
B
C
หาทั้งหมด
5. นำมา Plot graph X and Y (Maketing Growth Rate and Relative market Share) บริษัทเราตกอยู่ Zone ไหน???
ผิดถูกอย่างไรช่วยชี้แนะด้วย(ไม่ได้นำมานานแล้วครับ)
แต่ DSGT ไม่ทราบว่าจะหาบริษัทอื่นๆมามาเปรียบได้หรือเปล่า เอาใจช่วยในการวิเคราะห์ครับ
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
- Newbee
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 126
ข้อมูลจาการทดลองให้ลูกชายใช้ หลังจากไปอบรมก็ลองซื้อ Baby Love ให้ลูกคนเล็กอายุเจ็ดเดือนใช้(ตอนกลาววัน) พบว่า
1.จะใช้ได้เฉพาะกลางวันเพราะ ฉี่จะซึมผ่านได้ง่าย กลางวันใช้ 3-5 ชิ้น
2. แถบที่ใช้ติดกาว ไม่มีขีดบอกขนาดเหมือนยี่ห้ออื่นๆ เช่น Pokko ทำให้พ่อบ้านซึ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมแค่วันละกี่ครั้งลำบากๆ มากๆๆ บางทีแน่น บางทีหลวม
3. มีข้อดีคือถูก (กลางวันใช้ baby love กลางคืนใช้ Pokko)
เอาใจช่วยครับ
1.จะใช้ได้เฉพาะกลางวันเพราะ ฉี่จะซึมผ่านได้ง่าย กลางวันใช้ 3-5 ชิ้น
2. แถบที่ใช้ติดกาว ไม่มีขีดบอกขนาดเหมือนยี่ห้ออื่นๆ เช่น Pokko ทำให้พ่อบ้านซึ่งเปลี่ยนผ้าอ้อมแค่วันละกี่ครั้งลำบากๆ มากๆๆ บางทีแน่น บางทีหลวม
3. มีข้อดีคือถูก (กลางวันใช้ baby love กลางคืนใช้ Pokko)
เอาใจช่วยครับ
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 127
ผมว่า DSGT อยู่ในช่อง Star ในเวลานี้นะครับ
เพราะตลาดผ้าอ้อมเด็กในไทยตอนนี้ DSGT ครองตลาดเป็นอันดับที่ 2 (14.1% ตามหลัง UNCH: 50.7%) และเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่(64.3%)
โดยในตลาดผ้าอ้อมเด็กซึ่งมีอัตราการเติบโตร้อยละ 15.5 จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลางล่าง นั่นคืออีกกว่า 50% ที่เหลือ(เนื่องจากมามี่ โพโค หรือ UNCH ครองตลาดบนอยู่) และคู่แข่งในตลาดกลางล่างนี้(ได้แก่ดรายเปอร์ SCA, ฮักกี้ KMB, Kodomo, และ แพมเพอร์ P&G) ก็ไม่ได้ทำการตลาดที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเหมือน DSGT ดังนั้นผมมองว่า DSGT เป็น Star ในตลาดกลางล่างอยู่ตอนนี้ครับ
ส่วนในตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ DSGT เป็นจ้าวตลาดอยู่นี้(64.3% ทิ้งอันดับสอง FB: 18.6%)ก็ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก
แต่ในอีก 2 ปีกว่าๆข้างหน้าโดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มค. 2553 เมื่อ DSGT ต้องเริ่มจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องหมายการค้า (Royalty Fees) ในอัตราร้อยละ 3.5 ของรายได้สุทธิจากการขายสินค้า ผมคิดว่า ณ ตอนนั้น DSGT จะอยู่ในช่อง ? ครับ
เนื่องจากรายได้จะลดลงไปถึง 3.5% ในขณะที่ growth rate อาจไม่สามารถเพิ่มตามเพื่อชดเชย Royalty Fees ได้ทัน
อย่างไรก็ดีหาก DSGT สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ก็อาจจะกลับมาอยู่ที่ช่อง Star ใหม่ แต่ในทางกลับกันหากแก้ไม่ได้และยอดขายลดลงไปด้วย Royalty Fees นี้ก็จะเป็นตัวเร่งให้ DSGT ตกไปอยู่ที่ช่อง Dog ครับ
ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในระยะนี้ผมคิดว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อ DSGT ในแง่ของการรับรู้รายได้ เนื่องจากจะทำให้การบันทึกรายได้จากการขายในประเทศเพื่อนบ้าน(มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์)ลดลง ซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 50% ของรายได้รวมทั้งหมด เพราะต้องแปลงกลับมาเป็นเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่า 10%
เพราะตลาดผ้าอ้อมเด็กในไทยตอนนี้ DSGT ครองตลาดเป็นอันดับที่ 2 (14.1% ตามหลัง UNCH: 50.7%) และเป็นอันดับที่ 1 ในตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่(64.3%)
โดยในตลาดผ้าอ้อมเด็กซึ่งมีอัตราการเติบโตร้อยละ 15.5 จะเน้นเจาะกลุ่มลูกค้ากลางล่าง นั่นคืออีกกว่า 50% ที่เหลือ(เนื่องจากมามี่ โพโค หรือ UNCH ครองตลาดบนอยู่) และคู่แข่งในตลาดกลางล่างนี้(ได้แก่ดรายเปอร์ SCA, ฮักกี้ KMB, Kodomo, และ แพมเพอร์ P&G) ก็ไม่ได้ทำการตลาดที่จะเจาะกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเหมือน DSGT ดังนั้นผมมองว่า DSGT เป็น Star ในตลาดกลางล่างอยู่ตอนนี้ครับ
ส่วนในตลาดผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่ DSGT เป็นจ้าวตลาดอยู่นี้(64.3% ทิ้งอันดับสอง FB: 18.6%)ก็ยังสามารถเติบโตได้อีกมาก
แต่ในอีก 2 ปีกว่าๆข้างหน้าโดยนับตั้งแต่วันที่ 1 มค. 2553 เมื่อ DSGT ต้องเริ่มจ่ายค่าธรรมเนียมการใช้เครื่องหมายการค้า (Royalty Fees) ในอัตราร้อยละ 3.5 ของรายได้สุทธิจากการขายสินค้า ผมคิดว่า ณ ตอนนั้น DSGT จะอยู่ในช่อง ? ครับ
เนื่องจากรายได้จะลดลงไปถึง 3.5% ในขณะที่ growth rate อาจไม่สามารถเพิ่มตามเพื่อชดเชย Royalty Fees ได้ทัน
อย่างไรก็ดีหาก DSGT สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ก็อาจจะกลับมาอยู่ที่ช่อง Star ใหม่ แต่ในทางกลับกันหากแก้ไม่ได้และยอดขายลดลงไปด้วย Royalty Fees นี้ก็จะเป็นตัวเร่งให้ DSGT ตกไปอยู่ที่ช่อง Dog ครับ
ค่าเงินบาทที่แข็งขึ้นในระยะนี้ผมคิดว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อ DSGT ในแง่ของการรับรู้รายได้ เนื่องจากจะทำให้การบันทึกรายได้จากการขายในประเทศเพื่อนบ้าน(มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงค์โปร์)ลดลง ซึ่งเป็นสัดส่วนถึง 50% ของรายได้รวมทั้งหมด เพราะต้องแปลงกลับมาเป็นเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นกว่า 10%
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 136
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 128
ที่ผมเข้าใจ Royalty Fees
ไม่ได้ไปลดส่วนของรายได้ แต่ ไปเพิ่ม ในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารนะครับ
ดังนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับ BCG Matrix
จริงๆอยากให้หาข้อมูลว่า
Industrial นี้ Grawth average เท่าไร
และ DSGT สามารถทำได้ดีกว่าหรือไม่
คุณ Newbee ช่วยอธิบาย Relative market share เพิ่มอีกหน่อยได้มั้ยครับ
Relative Market share
company Y2006 Market Share Relative Market
A 40% = 40/40 =?
B 35% = 35/40 =?
C 25% = 25/40 =
รวม (A+B+C) 100%
ตามตัวอย่างเหมือนกับทำเทียบกับ บริษัท A
แต่ส่วนตัวผมว่าน่าจะเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมนะครับ
ผิดถุกยังไง รบกวน พี่ มน หรือ ผู้ที่รู้ ช่วยตอบหน่อยนะครับ
ไม่ได้ไปลดส่วนของรายได้ แต่ ไปเพิ่ม ในส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารนะครับ
ดังนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวกับ BCG Matrix
จริงๆอยากให้หาข้อมูลว่า
Industrial นี้ Grawth average เท่าไร
และ DSGT สามารถทำได้ดีกว่าหรือไม่
คุณ Newbee ช่วยอธิบาย Relative market share เพิ่มอีกหน่อยได้มั้ยครับ
Relative Market share
company Y2006 Market Share Relative Market
A 40% = 40/40 =?
B 35% = 35/40 =?
C 25% = 25/40 =
รวม (A+B+C) 100%
ตามตัวอย่างเหมือนกับทำเทียบกับ บริษัท A
แต่ส่วนตัวผมว่าน่าจะเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมนะครับ
ผิดถุกยังไง รบกวน พี่ มน หรือ ผู้ที่รู้ ช่วยตอบหน่อยนะครับ
- Newbee
- Verified User
- โพสต์: 148
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 129
เทียบกับผู้นำตลาดครับRelative Market share
Relative Market share
company Y2006 Market Share Relative Market
A 40% = 40/40 =?
B 35% = 35/40 =?
C 25% = 25/40 =
รวม (A+B+C) 100%
ตามตัวอย่างเหมือนกับทำเทียบกับ บริษัท A
Relative Market share = (SBU SALES. THIS YEAR)/ (LEADING SALES RIVAL'S SALES. THIS YEAR)
รอนักการตลาดว่าวิจารณ์อีกครั้งก็ได้ครับ เป็นความรู้....
มี file excel ของโรงพยาบาลปี 2004/2005 อยู่ ตอนหัดทำ BCG
แต่ไม่รู้ post ไร
[/img]
รักกันไว้เถิด เราเกิดร่วมแดนไทย
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 130
มีคนใจดี(สาวสวยประจำกลุ่ม)แอบบอกมาว่าตอนนี้ Fitti ไม่มีแล้วออกมามีแต่ fitti Basic อย่างเดียวถูกกว่า BabyLove ตามที่เราคิดกันไว้เลย
Modelมันชาดขึ้นเนอะ
Modelมันชาดขึ้นเนอะ
-
- Verified User
- โพสต์: 185
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 131
อยากจะฟังความเห็นเรื่อง ค่าธรรมเนียม หน่อยครับ คือ ยกตัวอย่าง มาม่า และ เป๊บซี่
มาม่าใช้ตราสินค้าของตน แต่เป๊บซี่ ไทยใช้ของ เมกา ราคาหุ้นเมื่อเทียบเมื่อไม่กี่ปีก่อนกับ
ตอนนี้ มาม่า ไปไกลกว่า ส่วนผ้าอ้อมของเราก็มีดีอยู่แล้ว แต่อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มีส่วนเผื่อตรงนี้สักหน่อยครับ 8)
มาม่าใช้ตราสินค้าของตน แต่เป๊บซี่ ไทยใช้ของ เมกา ราคาหุ้นเมื่อเทียบเมื่อไม่กี่ปีก่อนกับ
ตอนนี้ มาม่า ไปไกลกว่า ส่วนผ้าอ้อมของเราก็มีดีอยู่แล้ว แต่อยากให้เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ มีส่วนเผื่อตรงนี้สักหน่อยครับ 8)
-
- Verified User
- โพสต์: 68
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 132
คุณ 3 จุด ขอเบอร์โทรและอีเมล์ หน่อยครับอยากจะโทรไปคุยด้วยแจ้งโดยPM หรือ [email protected] ก็ได้ครับ
เออ......เรามาทำwork shop SF กันดีไหม เป็น New Trend
เออ......เรามาทำwork shop SF กันดีไหม เป็น New Trend
- NinjaTurtle
- Verified User
- โพสต์: 506
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 133
http://www.uploadtoday.com/download/?91 ... 6655806ecf
ตามที่สัญญาไว้ "สูตรการหามูลค่าหุ้น" ของอาจารย์ กดแล้วรอประมาณ20วิ ถึงจะโหลดได้
จริงๆแล้วกะไว้ว่าจะต้องเขียนคำเตือนไว้ด้วยประมาณว่า:
การลงทุนมีความเสี่ยง สูตรที่ได้มามาจากหลักสูตร Biz Model by คุณมาตรี ข้อดีใดๆที่ได้ยกให้เจ้าของหลักสูตรทั้งหมด การใช้สูตรโดยไม่ทราบที่มาที่ไปแล้วขาดทุนถือเป็นเรื่องที่ท่านต้องรับผิดชอบเอง ผู้เสียหายจากการใช้งานสูตรนี้ ให้ถือว่าซวยไปผู้เขียนไม่เกี่ยว :lol:
ตามที่สัญญาไว้ "สูตรการหามูลค่าหุ้น" ของอาจารย์ กดแล้วรอประมาณ20วิ ถึงจะโหลดได้
จริงๆแล้วกะไว้ว่าจะต้องเขียนคำเตือนไว้ด้วยประมาณว่า:
การลงทุนมีความเสี่ยง สูตรที่ได้มามาจากหลักสูตร Biz Model by คุณมาตรี ข้อดีใดๆที่ได้ยกให้เจ้าของหลักสูตรทั้งหมด การใช้สูตรโดยไม่ทราบที่มาที่ไปแล้วขาดทุนถือเป็นเรื่องที่ท่านต้องรับผิดชอบเอง ผู้เสียหายจากการใช้งานสูตรนี้ ให้ถือว่าซวยไปผู้เขียนไม่เกี่ยว :lol:
- kiri
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 473
- ผู้ติดตาม: 0
Value
โพสต์ที่ 135
Value Chain DSGT
ไม่เคยทำเหมือนกัน ลองทำดูค่ะ ได้จากการสอบถามพนักงานสองคน (ฝ่ายจัดการและฝ่ายขายย่อย) การศึกษาที่ตัวบรรจุภัณฑ์ และเว็บไซต์ www.unicharm.co.jp/english/
LOGISTICS
Sourcing & Procurement: การจัดซื้อของบริษัท สามารถทำให้ต้นทุนถูกกว่ารายย่อย เนื่องจากมีการรวมยอดสั่งซื้อจากโรงงาน 3 แห่งคือ โรงงานในมาเลเซีย ในอินโดนีเซีย และในไทย เข้าด้วยกัน แล้วจัดซื้อผ่านทางบริษัทแม่ DSGIF ทำให้มีอำนาจในการต่อรองราคามีมากขึ้น
Operation &Production มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกล่าวคือมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นกว่าเมื่อปี 48 และในอนาคตจะมีการเพิ่มเครื่องจักรอีก เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ผลิตได้ให้ดีขึ้นและต้นทุนถูกกว่าเดิมอย่างต่อเนื่องด้วย
Warehousing & Delivery มีการเก็บสินค้าคงคลังไม่มากไป ไม่น้อยไป (ข้อมูลจากการสอบถามฝ่ายจัดการ) ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สิ้นเปลืองค่าจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปมากเกินจำเป็น ตัวโรงงานอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้าหลักของห้าง Modern Trade ได้แก่ Big C, Lotus, 7-11
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้บริหารการขนส่งและกระจายสินค้าเอง โดยว่าจ้างบริษัทผู้ขนส่งรายย่อย(ซึ่งมีอำนาจต่อรองต่ำ) ทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่ง เช่นบริษัทยูนิชาร์ม เพราะใช้วิธีว่าจ้างให้บริษัทโอสถสภา เป็นผู้ดำเนินการกระจายสินค้าและจัดหาช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งจะต้องมีค่าจ้างดังกล่าวเป็นต้นทุนเกิดขึ้นอีก
MARKETING
ปัจจุบันนับว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของบริษัทในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง
Sales & Marketing บริษัทใช้กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้บริโภคและปริมาณให้มากขึ้น
แม้จะยังไม่มีการโฆษณาออกทางสื่อมากนัก แต่สินค้าแบรนด์ Baby Love ก็ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาด ของตลาดล่างได้ อย่างไรก็ดีคู่แข่งที่สำคัญคือ Drypers และ Huggies ก็หันมาใช้กลยุทธ์ราคาเช่นกัน ทาง DSGT ก็ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่
1 ใช้การส่งเสริมการขายเช่นจับรางวัล ณ จุดขายสินค้า โดยมีของรางวัลเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสร้าง Brand Loyalty และความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยที่จากเดิมจะเน้นการส่งเสริมการขายส่งกับร้านยี่ปั๊วมากกว่า
2 การ Rebranding และการ Repositioning สินค้า
จากเดิมที่มีการแบ่งเป็น Fitti แบรนด์บนสุด และแพงสุดในบรรดา 3 แบรนด์, Baby Love แบรนด์กลาง-ล่างราคาไม่แพง คุณภาพดีพอสมควร, Fitti Basic ถูกสุด คุณภาพน้อยกว่าเพี่อน
ซึ่งจะสร้างความสับสนให้ผู้บริโภคได้ว่ายี่ห้อ Fitti เป็นสินค้าเกรดใด คุณภาพดีหรือไม่และราคาแพงหรือไม่อย่างไรกันแน่
การผลิตปัจจุบันมีเหลือแค่ 2 แบรนด์คือ Baby Love และ Fitti Basic โดย Baby Love จะมีราคาต่อชิ้นและคุณภาพสูงกว่า Fitti Basic ในที่สุด Baby Love จึงกลายเป็นแบรนด์กลาง-บนที่ชูด้านคุณภาพ ในขณะที่ Fitti Basic แบรนด์กลาง-ล่างซึ่งจะชูจุดขายด้านราคาเป็นหลัก (ข้อมูลจากการสอบถามพนักงานขายของบริษัท) ดังนั้นการปรับเปลี่ยน Positioning ของตัวสินค้า ทำให้ลดความสับสนของผู้บริโภคได้มาก และทำให้แบรนด์ Fitti มีจุดขายที่ชัดเจนและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม
Customer Service
บริษัทมีการควบคุมคุณภาพการจัดเก็บและการขนส่งอย่างเข้มงวดอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าเมื่อถึงมือผู้บริโภค อย่างไรก็ดีที่บรรจุภัณฑ์ก็ไม่มีการประกาศเบอร์โทรศัพท์ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์อย่างชัดเจนเท่าของบริษัท ยูนิชาร์ม ที่ให้เบอร์สายด่วน Customer Service ไว้บนหีบห่ออย่างสวยงามชัดเจน
ในกรณีนี้บริษัทยูนิชาร์ม จึงมีโอกาสตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือ End users ได้ดีกว่าในอนาคต
ADDING VALUE
Quality มีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยการทำบรรจุภัณฑ์สวยงามขึ้น เพิ่มความสามารถในการซึมซับได้มากกว่าเดิม
People มีการฝึกอบรมพนักงานเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัย และการปนเปื้อนของสินค้า
หมายเหตุ : ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะสินค้าในส่วนผ้าอ้อมเด็กเนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่ามาก และยังเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักให้กับบริษัท มากกว่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่อีกด้วย
ไม่เคยทำเหมือนกัน ลองทำดูค่ะ ได้จากการสอบถามพนักงานสองคน (ฝ่ายจัดการและฝ่ายขายย่อย) การศึกษาที่ตัวบรรจุภัณฑ์ และเว็บไซต์ www.unicharm.co.jp/english/
LOGISTICS
Sourcing & Procurement: การจัดซื้อของบริษัท สามารถทำให้ต้นทุนถูกกว่ารายย่อย เนื่องจากมีการรวมยอดสั่งซื้อจากโรงงาน 3 แห่งคือ โรงงานในมาเลเซีย ในอินโดนีเซีย และในไทย เข้าด้วยกัน แล้วจัดซื้อผ่านทางบริษัทแม่ DSGIF ทำให้มีอำนาจในการต่อรองราคามีมากขึ้น
Operation &Production มีแนวโน้มที่ดีขึ้นกล่าวคือมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้นเนื่องจากประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นกว่าเมื่อปี 48 และในอนาคตจะมีการเพิ่มเครื่องจักรอีก เพื่อรองรับการเติบโตของตลาด นอกจากนั้นยังมีการปรับปรุงคุณภาพสินค้าที่ผลิตได้ให้ดีขึ้นและต้นทุนถูกกว่าเดิมอย่างต่อเนื่องด้วย
Warehousing & Delivery มีการเก็บสินค้าคงคลังไม่มากไป ไม่น้อยไป (ข้อมูลจากการสอบถามฝ่ายจัดการ) ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่สิ้นเปลืองค่าจัดเก็บสินค้าสำเร็จรูปมากเกินจำเป็น ตัวโรงงานอยู่ไม่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้าหลักของห้าง Modern Trade ได้แก่ Big C, Lotus, 7-11
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้บริหารการขนส่งและกระจายสินค้าเอง โดยว่าจ้างบริษัทผู้ขนส่งรายย่อย(ซึ่งมีอำนาจต่อรองต่ำ) ทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกกว่าคู่แข่ง เช่นบริษัทยูนิชาร์ม เพราะใช้วิธีว่าจ้างให้บริษัทโอสถสภา เป็นผู้ดำเนินการกระจายสินค้าและจัดหาช่องทางจัดจำหน่าย ซึ่งจะต้องมีค่าจ้างดังกล่าวเป็นต้นทุนเกิดขึ้นอีก
MARKETING
ปัจจุบันนับว่ายังเป็นช่วงเริ่มต้นของบริษัทในการสื่อสารกับผู้บริโภคโดยตรง
Sales & Marketing บริษัทใช้กลยุทธ์การตั้งราคาเพื่อเพิ่มจำนวนผู้บริโภคและปริมาณให้มากขึ้น
แม้จะยังไม่มีการโฆษณาออกทางสื่อมากนัก แต่สินค้าแบรนด์ Baby Love ก็ยังคงครองส่วนแบ่งทางการตลาด ของตลาดล่างได้ อย่างไรก็ดีคู่แข่งที่สำคัญคือ Drypers และ Huggies ก็หันมาใช้กลยุทธ์ราคาเช่นกัน ทาง DSGT ก็ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่
1 ใช้การส่งเสริมการขายเช่นจับรางวัล ณ จุดขายสินค้า โดยมีของรางวัลเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เพื่อสร้าง Brand Loyalty และความคุ้มค่าให้แก่ผู้บริโภคมากขึ้น โดยที่จากเดิมจะเน้นการส่งเสริมการขายส่งกับร้านยี่ปั๊วมากกว่า
2 การ Rebranding และการ Repositioning สินค้า
จากเดิมที่มีการแบ่งเป็น Fitti แบรนด์บนสุด และแพงสุดในบรรดา 3 แบรนด์, Baby Love แบรนด์กลาง-ล่างราคาไม่แพง คุณภาพดีพอสมควร, Fitti Basic ถูกสุด คุณภาพน้อยกว่าเพี่อน
ซึ่งจะสร้างความสับสนให้ผู้บริโภคได้ว่ายี่ห้อ Fitti เป็นสินค้าเกรดใด คุณภาพดีหรือไม่และราคาแพงหรือไม่อย่างไรกันแน่
การผลิตปัจจุบันมีเหลือแค่ 2 แบรนด์คือ Baby Love และ Fitti Basic โดย Baby Love จะมีราคาต่อชิ้นและคุณภาพสูงกว่า Fitti Basic ในที่สุด Baby Love จึงกลายเป็นแบรนด์กลาง-บนที่ชูด้านคุณภาพ ในขณะที่ Fitti Basic แบรนด์กลาง-ล่างซึ่งจะชูจุดขายด้านราคาเป็นหลัก (ข้อมูลจากการสอบถามพนักงานขายของบริษัท) ดังนั้นการปรับเปลี่ยน Positioning ของตัวสินค้า ทำให้ลดความสับสนของผู้บริโภคได้มาก และทำให้แบรนด์ Fitti มีจุดขายที่ชัดเจนและเข้าถึงผู้บริโภคได้มากกว่าเดิม
Customer Service
บริษัทมีการควบคุมคุณภาพการจัดเก็บและการขนส่งอย่างเข้มงวดอย่างเคร่งครัด เพื่อรักษาคุณภาพสินค้าเมื่อถึงมือผู้บริโภค อย่างไรก็ดีที่บรรจุภัณฑ์ก็ไม่มีการประกาศเบอร์โทรศัพท์ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์อย่างชัดเจนเท่าของบริษัท ยูนิชาร์ม ที่ให้เบอร์สายด่วน Customer Service ไว้บนหีบห่ออย่างสวยงามชัดเจน
ในกรณีนี้บริษัทยูนิชาร์ม จึงมีโอกาสตอบสนองความต้องการของลูกค้า หรือ End users ได้ดีกว่าในอนาคต
ADDING VALUE
Quality มีการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นกว่าเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยการทำบรรจุภัณฑ์สวยงามขึ้น เพิ่มความสามารถในการซึมซับได้มากกว่าเดิม
People มีการฝึกอบรมพนักงานเรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นอย่างยิ่งเพื่อป้องกันเหตุอัคคีภัย และการปนเปื้อนของสินค้า
หมายเหตุ : ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะสินค้าในส่วนผ้าอ้อมเด็กเนื่องจากมีการแข่งขันที่รุนแรงกว่ามาก และยังเป็นสินค้าที่ทำรายได้หลักให้กับบริษัท มากกว่าผ้าอ้อมผู้ใหญ่อีกด้วย
- kiri
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 473
- ผู้ติดตาม: 0
ข้อมูล BMA2
โพสต์ที่ 141
ข้อมูลที่ได้จากคุณ Benja Minburee
ภาเอาขึ้นเว็บบล็อคให้แล้ว เข้าไปตามนี้ได้เลย แล้วกดเลือกคำว่าบล็อคนะคะ
http://minihome.truelife.com/pasucha_u
ภาเอาขึ้นเว็บบล็อคให้แล้ว เข้าไปตามนี้ได้เลย แล้วกดเลือกคำว่าบล็อคนะคะ
http://minihome.truelife.com/pasucha_u
- kiri
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 473
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ข้อมูล BMA2
โพสต์ที่ 142
ข้อมูลที่ได้จากคุณ Benja Minburee
ภาเอาขึ้นเว็บบล็อคให้แล้ว เข้าไปตามนี้ได้เลย
http://minihome.truelife.com/pasucha_u
แล้วกดปุ่ม Open Mini Home
พอเข้าไปให้เลือก Tag ที่ชื่อ My Upload
แล้วคลิกคำว่า"บล็อค"นะคะ
ภาเอาขึ้นเว็บบล็อคให้แล้ว เข้าไปตามนี้ได้เลย
http://minihome.truelife.com/pasucha_u
แล้วกดปุ่ม Open Mini Home
พอเข้าไปให้เลือก Tag ที่ชื่อ My Upload
แล้วคลิกคำว่า"บล็อค"นะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 174
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 144
ฮ่วย ... มันเลยไปแล้วนี่หว่า
มีรอบหน้าอีกไหมนี่
มีรอบหน้าอีกไหมนี่
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
BMA Group 2
โพสต์ที่ 145
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.และรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่2(F45-3)
บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2550 2549 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 48,466 39,066 109,724 73,411
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.16 0.37 0.31
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2550 2549 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 46,899 26,801 93,795 48,872
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.11 0.31 0.20
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
บริษัท ดีเอสจี อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
(หน่วย : พันบาท)
สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน
งบการเงินรวม
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2550 2549 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 48,466 39,066 109,724 73,411
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.16 0.37 0.31
งบการเงินเฉพาะกิจการ
ไตรมาสที่ 2 งวด 6 เดือน
ปี 2550 2549 2550 2549
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 46,899 26,801 93,795 48,872
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.16 0.11 0.31 0.20
ประเภทรายงานของผู้สอบบัญชีในงบการเงิน
ไม่มีเงื่อนไขและมีข้อสังเกต
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ