ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 1817
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
โพสต์ที่ 2
กระแสเงินสดครับ
ถ้าบริษัทต้องขยายกิจการแต่มีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องแถมมีหนี้สูง ก็คงหนีไม่พ้นต้องมาเพิ่มทุนกับผู้ถือหุ้น (ซึ่งสะดวกกว่าไปขอกู้เพิ่ม)
ส่วนคำถามที่สองนี่ไม่แน่ใจ ขอรอฟังจากท่านอื่นแล้วกันครับ
แต่ถ้าหมายถึง D/E ก็คงต้องแล้วแต่ตัวธุรกิจ ส่วนตัวผมชอบยิ่งน้อยยิ่งดีครับ มากสุดไม่ค่อยอยากให้เกิน 1.5
ถ้าบริษัทต้องขยายกิจการแต่มีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องแถมมีหนี้สูง ก็คงหนีไม่พ้นต้องมาเพิ่มทุนกับผู้ถือหุ้น (ซึ่งสะดวกกว่าไปขอกู้เพิ่ม)
ส่วนคำถามที่สองนี่ไม่แน่ใจ ขอรอฟังจากท่านอื่นแล้วกันครับ
แต่ถ้าหมายถึง D/E ก็คงต้องแล้วแต่ตัวธุรกิจ ส่วนตัวผมชอบยิ่งน้อยยิ่งดีครับ มากสุดไม่ค่อยอยากให้เกิน 1.5
แมงเม่าบินเข้ากลางใจ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re: ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
โพสต์ที่ 4
ดูจาก DE และลักษณะธุรกิจครับsattaya เขียน:ผมเห็นกระทู้เก่าๆ บางกระทู้พี่ๆหลายท่านฟันธงเรื่องบริษัทต้องเพิ่มทุนพี่ใช้หลักเกณฑ์อะไรเป็นตัวตัดสิน
และอยากทราบว่าตามปกติบริษัทจะถูกสถาบันการเงินจำกัดอัตราหนี้/ผู้ถือหุ้น ไว้ที่กี่เท่าครับ
หนี้/ทุนหรือ DE ถ้าเป็นธุรกิจผลิตสินค้าทั่วไป 1.5 ถือว่าสูงแล้วครับ ถ้าเกินกว่านี้ผมถือว่าเสี่ยง
แต่ถ้าเป็นธุรกิจกลุ่มการเงินที่มีมาร์จินบางๆ สามารถมี DE สูงๆได้เพื่อชดเชยกัน ถ้าเป็นลิซซิ่ง 2-3 เท่ากำลังดี แบ็งค์ 10 เท่า แฟคตอริ่ง 5-6 เท่า ประมาณนี้ครับ
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
โพสต์ที่ 5
สมัยก่อนวิกฤต อัตราส่วนหนี้สินทั้งหมด/ส่วนผู้ถือหุ้น ที่ 3 เท่า เป็นเรื่องปรกติอย่างไม่น่าเชื่อ
การเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีสิทธิพิเศษคือ สามารถกู้ยืมเงินได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกันอีกด้วย
ปัญหาเลยเกิด
การเป็นบริษัทมหาชนจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีสิทธิพิเศษคือ สามารถกู้ยืมเงินได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่ต้องมีบุคคลค้ำประกันอีกด้วย
ปัญหาเลยเกิด
จงอยู่เหนือความดี อย่าหลงความดี
-
- Verified User
- โพสต์: 168
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
โพสต์ที่ 7
ถ้าบริษัทต้องขยายกิจการแต่มีกระแสเงินสดติดลบอย่างต่อเนื่องแถมมีหนี้สูง ก็คงหนีไม่พ้นต้องมาเพิ่มทุนกับผู้ถือหุ้น (ซึ่งสะดวกกว่าไปขอกู้เพิ่ม)
กระแสเงินสดติดลบ นี้ดูที่ งบ ไหน และ ตรงไหนคับ
ทำไม ธุรกิจผลิตสินค้าทั่วไป จึงควรมี de ไม่เกิน 1.5 ละคับ แต่ แบ็งค์ de=10 ละคับหนี้/ทุนหรือ DE ถ้าเป็นธุรกิจผลิตสินค้าทั่วไป 1.5 ถือว่าสูงแล้วครับ ถ้าเกินกว่านี้ผมถือว่าเสี่ยง
แฟคตอริ่ง นี้ คือทำอะไรคับ อย่าง akr นี้ใช่หรือเป่าคับ
แต่ถ้าเป็นธุรกิจกลุ่มการเงินที่มีมาร์จินบางๆ สามารถมี DE สูงๆได้เพื่อชดเชยกัน ถ้าเป็นลิซซิ่ง 2-3 เท่ากำลังดี แบ็งค์ 10 เท่า แฟคตอริ่ง 5-6 เท่า ประมาณนี้ครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
ถามเรื่องหนี้/ผู้ถือหุ้น
โพสต์ที่ 8
ดูได้จากงบกระแสเงินสด ส่วนกระแสเงินสดจากกิจรรมการดำเนินงานครับกระแสเงินสดติดลบ นี้ดูที่ งบ ไหน และ ตรงไหนคับ
อาจจะเป็นเพราะลักษณะของธุรกิจครับ กลุ่มการเงินจะมีมาร์จินต่ำ ดังนั้นต้องอาศัยการก่อหนี้ครับ เช่น ธนาคารมีต้นทุนเงินฝาก 3% นำไปปล่อยกู้ได้ดอกเบี้ย 4% หรือกำไร 1% ถ้าใช้เงินผู้ถือหุ้นไปปล่อยกู้อย่างเดียว ลงทุน 100 ได้ 1 บ. คงไม่มีใครสนใจทำ แต่ถ้าไปกู้อีก 10 เท่าของเงินทุน(DE=10เท่า) จะได้ผลตอบแทน 10% ของเงินทุน อย่างนี้น่าสนใจหน่อยใช่ใหมครับทำไม ธุรกิจผลิตสินค้าทั่วไป จึงควรมี de ไม่เกิน 1.5 ละคับ แต่ แบ็งค์ de=10 ละคับ
ปกติเราขายสินค้าให้ลูกค้า โดยตกลงว่าจะเก็บเงินหลังส่งสินค้า 40 วันหรือให้ที่เรียกว่าให้เชื่อ 40 วัน เมื่อส่งของเราจะได้รับใบส่งของ-ใบกำกับภาษีที่ลูกค้าเซ็นรับของ สมมุติว่าเราต้องการใช้เงินก้อนนั้นก่อนที่ลูกค้าจะชำระ เราสามารถนำเอกสารแสดงสิทธิ์ในลูกหนี้ไปขายให้กับบริษัทแฟคตอริ่ง โดยเราจะโดนหักเงินนิดหน่อย แต่จะได้เงินสดมาหมุนเวียนทันที บริษัทแฟคตอริ่งก็จะไปตามเก็บเงินเองครับ แต่ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหนี้ บริษัทแฟคตอริ่งก็มาไล่เบี้ยกับเราได้ครับแฟคตอริ่ง นี้ คือทำอะไรคับ อย่าง akr นี้ใช่หรือเป่าคับ
บริษัทแฟคตอริ่งในตลาดเช่น DM SGF..
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว