คุยหนักๆนะ ชีวิตลูกจ้างสำคัญกะชีวิตการลงทุนอย่างไร

[Blue planet]

ปัจจุบันก็ยังเป็นลูกจ้างอยู่นะครับ ก็เคยได้เหมือนกันนะว่าไม่แน่นอน เขาจะเลิกจ้างเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ยอมรับนะว่าปัจจัยที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตในแต่ละวันนั้นก็ได้มาจากการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน รวมถึงต้นทุนในพอร์ตทุกบาททุกสตางค์ด้วยนะ อย่างนี้ก็ทำใจยากเหมือนกันที่จะเดินก้าวผ่านไปสู่การเป็นนักลงทุนเต็มตัว(ยังทำใจไม่ได้ นึกๆก็เสียดายเงินเดือนอยู่นะ)  อย่างนี้แล้วเป็นลูกจ้างมันไม่ดีจริงๆเหรอ  :?:  หรือมันเหมาะกับบางช่วงเวลาของชีวิต(แค่บางช่วง) แล้วทำไมเราต้องมุ่งสู่การเป็นนักลงทุนเต็มตัวด้วยนะ..

[chatchai]

แต่ละอาชีพก็คงเหมาะสมกับแต่ละคนมากกว่าครับ  

ที่คนส่วนใหญ่ดิ้นรนหาอิสระภาพทางการเงิน  ก็คงเนื่องจากว่า

การงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้  ทำไปเพราะต้องการเงินเดือนมาเลี้ยงตัว  เลี้ยงครอบครัว  โดยไม่สามารถทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนร่วม

ดังนั้น  ถ้าเรามีรายได้จากทางอื่นมากเพียงพอ  เราก็สามารถที่จะทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์  ทำงานด้วยความสุขตลอดเวลา

ซึ่งถ้าใครสามารถทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์อยู่แล้ว  ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมครับ  ถึงแม้จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว  ก็ยังคงทำงานเดิมต่อไปได้อย่างมีความสุข

[poppo]

chatchai

แต่ละอาชีพก็คงเหมาะสมกับแต่ละคนมากกว่าครับ  

ที่คนส่วนใหญ่ดิ้นรนหาอิสระภาพทางการเงิน  ก็คงเนื่องจากว่า

การงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้  ทำไปเพราะต้องการเงินเดือนมาเลี้ยงตัว  เลี้ยงครอบครัว  โดยไม่สามารถทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์ต่อตัวเองและส่วนร่วม

ดังนั้น  ถ้าเรามีรายได้จากทางอื่นมากเพียงพอ  เราก็สามารถที่จะทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์  ทำงานด้วยความสุขตลอดเวลา

ซึ่งถ้าใครสามารถทำงานที่ตัวเองชอบ  ที่ตัวเองคิดว่ามีประโยชน์อยู่แล้ว  ก็คงจะเป็นสิ่งที่ดีเยี่ยมครับ  ถึงแม้จะมีอิสระภาพทางการเงินแล้ว  ก็ยังคงทำงานเดิมต่อไปได้อย่างมีความสุข

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เราอย่าตั้งเป้าว่าจะลงทุนจนรวยแล้วไม่ทำงานเลย เพราะถ้าทุกคนคิดแบบนั้นหมด เราจะหาวิศวกรที่ไหนมาสร้างตึก หาหมอที่ไหนมารักษาคนไข้ หาร้านค้าที่ไหนไว้ซื้อของ

ผมว่าคนเราทำอะไรได้หลายอย่างในเวลาเดียวกันครับ

[ลูกอิสาน]

ไม่ต้องกลัวว่าทุกคนลงทุนรวยแล้วจะไม่มีคนทำงานครับ
เพราะตามหลักดีมานซัพพลาย ถึงตอนนั้นวิศวกร คนกวาดถนน คงได้เงินเดือนแสน เงินเดือนล้าน ก็จะมีนักลงทุนกลับมาทำงานเป็นวิศวกรเหมือนเดิม

เราทำงาน คนอื่นก็ตกงานนะครับในหลายๆอาชีพ เราถนัดแบบไหนก็มุ่งไปทางนั้นดีกว่า


นักลงทุนมืออาชีพที่มุ่งกอบโกยกำไร ก็คงเหมือนมนุษย์เงินเดือนที่หารายได้พอเลี้ยงปากท้องไปวันๆเท่านั้น ความหมายคือช่วยสังคมได้น้อย

[dino]

 เห็นด้วยอีกตนครับ

ชีวิตตนเราประกอบด้วยหลายส่วน
งานที่ทำเพื่อเลี้ยงชีวิตก็เป็นส่วนหนึ่ง
แต่ละส่วนที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิตนั้น สลับซับซ้อนแตกต่างกันไป
ไม่มีใครเลียนแบบใครได้ เพราะเงื่อนไขแตกต่างกัน
เราคงต้องหาหนทางรูปแบบที่เหมาะกับตัวเอง

ถ้าการลงทุนเป็นทางเลือกหนทางหนึ่ง ที่จะทำให้ชีวิตมีอิสรภาพได้เร็ว
เร็วได้เท่าที่ต้องการ ผมว่าก็น่าสนใจนะครับ

แหะ แหะ เป็นความเห็นส่วนตัวครับ

[ลูกอิสาน]

เอาใหม่ ยังไม่ตรงประเด็น

ผมเคยทำงานประจำ 2-3 แห่ง บางบริษัทก็ดีไปหมด บางบริษัทเจ้าของไม่เคยเข้าใจชีวิตของคนอื่น  ในการทำงานก็ต้องดีลกับคนค่อนข้างมาก ร้อยพ่อพันแม่ การเมืองในองค์กร  ตื่นเช้ารีบขับบึ่งรถไปทำงาน เลิกก็เย็น หลายครั้งกลับดึก เลี้ยงลูกค้า ทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ วันหยุดคือวันที่นอนพักผ่อน หมดแรงไม่อยากออกไปไหน ถ้ามีครอบครัวไม่ต้องพูดถึง วันไหนออกจากงาน หัวโขนทั้งหมดที่สวมอยู่ก็ถูกถอดออก กลายเป็นคนดูเหมือนไร้ค่า เจ้านายจะเขม่นให้ออกวันไหน ไม่มีความมั่นคง

ชีวิตอย่างนั้นผมไม่อยากกลับไปเจออีกแล้ว

ทำให้เข้าใจที่ว่าวอร์เรนเคยพูดว่าเค้าเป็นคนโชคดีที่สุดในโลกได้ทำอาชีพที่เค้ารัก ไม่ต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ

[khun_parinya]

ไม่ทำงานแล้วจะเครียดกว่าตอนทำงานครับ ผมพิสูจน์มาแล้ว ดังนั้น ทำงานดีกว่า

[lychee]

I work, I study (non-acedemically), I do my own business, and I invest heavily in stock market.  Many times, I have been carried away by easy profit from the investment.  Many times, I feel that investment pays me better than others.  However, after reconsidering, I still continue working, studying, doing business, and investing.  I sleep about 6 hours a day.

I have seen many investors with very high education and only invest in stock market.  I agree that this has awarded them better, but I still that the national economy has not gained from their productivities, from their good knowledges.

I would suggest that all of you continue working, contributing to national economy, and of course continue your investment (in clever and proper manners).

[contrarian]

ของท่านพุทธทาส
"ความสุขแท้ มีอยู่แต่ในงาน"


พระราชดำรัส

คำนึงถึงการมีชีวิตให้ "กว้างขวาง"
มากกว่าการมีชีวิตให้ "ยืนยาว"

[nearly_vi]

คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า

ว่าแต่น่าจะไปอยู่ห้อง นั่งเล่นมากกว่าป่าวครับ  :?

[smart_investor]

I would suggest that all of you continue working, contributing to national economy, and of course continue your investment (in clever and proper manners).

ยกมือเห็นด้วยเต็มที่ครับในจุดนี้
ก่อนนี้ผมเคยตั้งเป้าหมายจะมีอิสระภาพทางการเงิน  จากนั้นก็จะลาออกจากงานที่ทำ
แต่หลังจากคิดให้ดีๆแล้วผมกลับค้นพบตัวเองว่า ถึงแม้ในอนาคตผมจะมีอิสรภาพทางการเงินแล้วก็ตาม ผมก็จะยังคงทำงานประจำและก็ยังคงลงทุนควบคู่กันไป
แต่ไม่ใช่เพราะอยากได้เงินและไม่รู้จักพอนะครับ  
ผมกลับรู้สึกว่ามันเป็นการตอบแทนสังคมครับ  เพราะผมเรียนจบมาได้ก็จากมหาลัยของรัฐ  ใช้เงินของหลวงมาก็ตั้งมาก  ก็อยากตอบแทนประเทศชาติด้วยการสร้างงาน
อีกอย่างผมคิดว่าการที่เราแต่ละคนจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้นั้น  นอกจากจะต้องพึ่งความสามารถของตนเองแล้ว อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือการได้รับถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จในสายอาชีพนั้น

ในอนาคตผมอยากเป็นคนๆหนึ่งที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์การทำงานของผมเพื่อช่วยเหลือคนอื่นให้ประสบความสำเร็จครับ

[MarginofSafety]

ผมคิดว่า รักในงานที่ทำ เห็นคุณค่าในงานที่ทำ
ก็เป็นอิสรภาพได้เหมือนกันครับ

แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะตรงกันข้าม
คือเห็นคุณค่าของมันก็ตอนเงินเดือนออก
จากนั้นก็รอว่าเมื่อไหร่จะถึงเย็นวันศุกร์ไวๆ น๊อ
เลยต้องการจะเป็นอิสรภาพทางการเงินกัน
เพราะไม่พอใจในงานปัจจุบันที่ทำ

แต่การมีอิสรภาพทางการเงินผมว่า
เป็นการเพิ่มทางเลือกให้เราได้มากขึ้น
เป็นการไม่ประมาทด้วย

บางคนอิสรภาพของเขาอาจจะหมายถึงการได้ทำงานที่เค้ารัก
เห็นบางท่านที่รักการทำงานจริงๆ (เพราะเห็นคุณค่าในงาน)
อายุ 80 สายตาและสุขภาพก็มีปัญหา
ท่านก็ยังทำงาน เช่น ศ.ระพี สาคริก

อิสรภาพน่าจะอยู่ที่ใจมากกว่าที่เงิน ผมว่านะ...

[ปรัชญา]

ปัจจุบันก็ยังเป็นลูกจ้างอยู่นะครับ ก็เคยได้เหมือนกันนะว่าไม่แน่นอน เขาจะเลิกจ้างเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ก็ยอมรับนะว่าปัจจัยที่ใช้หล่อเลี้ยงชีวิตในแต่ละวันนั้นก็ได้มาจากการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน รวมถึงต้นทุนในพอร์ตทุกบาททุกสตางค์ด้วยนะ อย่างนี้ก็ทำใจยากเหมือนกันที่จะเดินก้าวผ่านไปสู่การเป็นนักลงทุนเต็มตัว(ยังทำใจไม่ได้ นึกๆก็เสียดายเงินเดือนอยู่นะ)  อย่างนี้แล้วเป็นลูกจ้างมันไม่ดีจริงๆเหรอ  :?:  หรือมันเหมาะกับบางช่วงเวลาของชีวิต(แค่บางช่วง) แล้วทำไมเราต้องมุ่งสู่การเป็นนักลงทุนเต็มตัวด้วยนะ..

  ผมว่า...
น่าจะมีงานประจำ  เพื่อมีรายได้ที่แน่นอนก่อนเพื่อความมั่นคงในชีวิตกับการเริ่มต้น
ก่อนจะถึงเวลาเป็นนักลงทุนมืออาชีพเต็มตัว
เท่าที่เห็นตัวบุคคลอย่างในTVI  

คุณวิบูลย์  (เจ้าพ่อตะแกรงร่อนหุ้น)ก็ยังทำงาน

ท่านอาจารย์  ดร.นิเวศน์  เมื่อก่อนก็ทำงานเพิ่งเลิกทำงานเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้

ลุงขวด  ก็ยังทำงาน  (เวลางานให้ลูกน้องทำท่านเฝ้าหุ้น)  นอกจากออฟเดย์
ลุงขวดถึงไปดูไำปฟังไปเก็บข้อมูลมาประกอบแผนการลงทุน

[terati20]

ผมโชคดีที่ได้งานที่ดี เพื่อนร่วมงานเยี่ยม

ทำงานเเล้วมีความสุข ท้าทาย

เเละมีเวลาลงทุนไปด้วย ก็ลงทุนอย่างสนุก
เพราะ รักที่จะลงทุน .........

เเต่ก็ยังทำงาน เพราะมันไปด้วยกันได้...

[Blue planet]

สรุปจากที่อ่านมาโดยประเด็นหลักๆแล้ว ลำดับน่าจะเป็นตามนี้นะ
1.ได้ทำในสิ่งที่รัก
ถ้าไม่สามารถทำในสิ่งที่รักได้ก็ให้
2.รักในสิ่งที่ทำ..
ถึงจะเรียกได้ว่า อิสรภาพ
อืม.. แต่ข้อ 2 เนี่ยทำยากกว่าหน่อยบางทีต้องนั่งหาเหตุที่ต้องรัก หรือไม่ก็ต้องทำใจให้ได้นะ..

[Alastor]

I would suggest that all of you continue working, contributing to national economy, and of course continue your investment (in clever and proper manners).

Understood..I'll switch to work in Financial Biz after graduation

[nanchan]

อันนี้ดูเหมือนยังต้องเอาเงินเดือนมาลงทุน
อย่างนั้นชีวิตลูกจ้างก็ยังสำคัญกับการลงทุน

[sunrise]

ลงทุนเพราะต้องการทำงานที่ตัวเองชอบครับ
ให้ไม่ต้องกังวลกับการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
แค่นี้จริงๆ

ประเด็นคือ หาทำงานที่ตัวเองชอบจริงๆ

ลงทุนอย่างเดียวคงเบื่อน่าดู
แต่อาจเป็นเพราะคนเรา รวมถึงผมด้วย
ทำงานมาตลอดไม่ได้พัก
เลยรู้สึกว่า อยากไม่ต้องทำงานดู
แต่เห็นหลายๆคน พอว่างงาน แป๊ปนึง เดี๋ยวก็หางานทำใหม่แก้เบื่อ :lol:

[lychee]

แฮะ ๆ พิมพ์ภาษาไทยก็ได้นะ เพียงแต่ว่าเครื่องที่บ้านรวน ภาษาไทยหายไป

ที่เขียนมา เพราะอยากให้ทุกคนรักในงานที่ทำ แล้วจะประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะได้เติบโตเป็นใหญ่เป็นโตในบริษัทที่ทำ หรือก้าวไปทำบริษัทอื่น ๆ หรืออาจจะกลายเป็นนายของตัวเอง

ผมเองทั้งลงทุน ทั้งทำงาน โดยเป็นเจ้าของกิจการเอง แต่ก่อนก็กินเงินเดือนบริษัท

ผมเพียงแต่อยากสะท้อนประสบการณ์ในการทำงานเกือบ 30 ปี มาให้เพื่อน ๆ น้อง ๆ แต่ไม่ได้ตำหนิใครนะ

[chatchai]

งานที่ทำอาจมีหลายประเภทนะผมว่า

งานประจำบางงานก็ไม่ใช่สิ่งที่ดี  มีโทษต่อสังคมโดยรวม  แม้จะให้ผลตอบแทนสูงก็ตาม

แต่งานบางงาน  ไม่ใช่งานประจำ  แต่ก็มีประโยชน์ต่อสังคมไม่มากก็น้อย  เช่น  ดร.นิเวศน์  คุณมนตรี  คุณวิบูลย์  ที่ออกให้ความรู้การลงทุนที่ดีแก่นักลงทุนทั่วไป

สมัยก่อนตอนทำงานประจำ  ชีวิตก็เหมือนคุณลูกอิสาน

พอเลิกทำงานประจำ  ก็มีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น  ดูแลสุขภาพตัวเองดีขึ้น  และได้ศึกษาธรรมะที่ถูกต้อง

[ต.หยวนเปียว]

[quote="chatchai"]
สมัยก่อนตอนทำงานประจำ

[san]

พอใจอันไหน เอาอันนั้น  อิอิอิ......
( แต่ถ้าพอใจ พี่พอใจ  ก็ไปคุยกันเอาเองคัรบ 55555 )
ก็....คิดง่ายๆ  

....เกิดโลกร้อนขึ้น จนเกาะกรีนแลนด์ที่แถวขั้วโลกเหนือละลายหมด  น้ำขึ้นสูงอีก 7 เมตร   อิอิอิ  พอดี  กรุงเทพหายไปหมดแล้ว

....เกิดโลกร้อนขึ้น จนทวีปที่มีน้ำแข้งที่ขั้วโลกไต้ ละลายหมด  น้ำขึ้นสูงอีก 70 เมตร   อิอิอิ  พอดี  กรุงเทพกลลายเป็นเมืองพระยานาค

เดี๋ยวนี้หน้าร้อนกลายเป้นหน้าฝนไปแล้ว
ไม่รู้ว่าเปลี่ยนฤดู  หรือว่า วงรอบการเปลี่ยนฤดูมันเลื่อนมา

อยากทำอะไรก็ทำ....หาความสุขใส่ตัวบ้างพอประมาณนะครับ

ดูอย่างพี่ชายผมที่อยู่ที่.....โกลก   ระเบิดที  ก็ออกไปดูที่เกิดเหตุ  555  ถามว่าออกไปทำไม  ...บอกว่า..อยากรู้  ต้องรีบไปดู  เอามาคุยกันในหมู่เพื่อน  อันนั้นก็ความสุขของคนใกล้ 60

อย่าคิดหนักๆ.....เลยครับ  
คิดถึงอนาคตมากไป......  ก็หนักหัว  
บางคนมีตังมากมายก็ใช่ว่ามีความสุข

ทำปัจจุบันให้ดี+มีความสุข ดีกว่าครับ

ลองหา วีซีดี  ของรายการคนค้นคน   ตอน  น้องข้าวฟ่าง ....เมื่อหลายปีมาแล้ว...........ดูสิครับ  จะเห็นว่า   สิ่งที่หลายคนไขว่คว้ากันมากมายนั้น    มันอยู่แค่เอื้อม

GDP  ยิ่งโต  ยิ่งทำลายโลก  ทุกคนพูดกันแต่  อัตราเติบโต  ทั้งๆที่มันทำลายพื้นฐานโลกของเรา

เพื่อนผมอยู่ในบริษัท  นึง
เมือ่ฝรั่งมา ตั้งเป้ายอดขายไว้ 400 ล้าน   เพื่อนมันทำได้
พอทำได้ปุ๊บ ปีถัดมาก็กลายเป็น 800 ล้าน  อิอิอิ
พอทำได้ปุ๊บ ปีถัดมาก็กลายเป็น 1200 ล้าน  อิอิอิ
ทำไปทำมา  ผิวหนังเพื่อนผม เป็นผื่น จ้ำๆ  ทั่วตัวมีเป็นร้อยจุด....แบบคล้ายๆคนเป็น เอดส์ไปแล้ว  จนต้องลาออกจากการทำงาน  จริงๆเพื่อนผมมันไม่ได้เป็น  เอดส์

หาความสุข+ความสงบดีกว่าครับ
อะไรก็ได้   เอาแบบที่คิดแล้วมีความสุข
แต่ถ้าคิดแล้วหนักหัว....
ตายไปก็ไม่ได้อะไร .... เอาอะไรไปไม่ได้ซักอย่าง

...สรุป.......ไม่ได้ตอบอะไรเจ้าของกระทู้เลย  อิอิอิ

มาทำปั๊มแก็ส  LPG  กับผมมั๊ยครับ  อิอิอิ

[Saran]

ที่ผมมาลงทุนเพราะอยากมีอิสรภาพทางการเงิน

จะได้มีเวลาให้กับครอบครัว + ทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบมากขึ้นครับ

ผมว่าต้องมีใครเป็นแบบผมบ้างนะ มีงานที่ตัวเองชอบอยู่ในใจแล้ว แต่ถ้าจะยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็คงอยู่ลำบากพอควรอะครับ

[sunrise]

ที่ผมมาลงทุนเพราะอยากมีอิสรภาพทางการเงิน

จะได้มีเวลาให้กับครอบครัว + ทำงานอดิเรกที่ตัวเองชอบมากขึ้นครับ

ผมว่าต้องมีใครเป็นแบบผมบ้างนะ มีงานที่ตัวเองชอบอยู่ในใจแล้ว แต่ถ้าจะยึดเป็นอาชีพหลักเลยก็คงอยู่ลำบากพอควรอะครับ

มีครับ อยากเป็น อาจารย์ในมหาวิทยาลัย
ให้เป็นอาชีพ ก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่ารายได้อาจารย์อย่างเดียวพอเพียงหรือไม่

[Value_chain]

ผมว่าเราสามารถมองการลงทุน เป็นงานอย่างหนึ่งได้นะครับ  :cheers:

แต่มันสำคัญที่ว่า คุณสามารถ เซ็ตตารางเวลาวางแผนการลงทุนให้เป็นระบบ และใช้เวลาที่เสียโอกาสไปคุ้มค่ากับผลตอบแทนที่ได้รับจากการลงทุนรึปล่าว? ไม่ใช่ว่าเอาแต่ซื้อหุ้นแล้วนั่งลุ้นอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่เอาที่เสียโอกาสไปทำการบ้าน  :lol:

แต่อย่างไรก็ตามพอร์ตการลงทุนก็ควรต้องใหญ๋เพียงพอคุ้มค่าที่จะเสียโอกาสได้รับรายได้นะครับ

เหมือนนักลงทุนรายใหญ่หลายท่านที่เขายอมออกจากงานประจำมาสนใจการลงทุนอย่างเดียว เพราะการตัดสินใจลงทุนมีผลต่อผลตอบแทนมากกว่างานใดๆ และเขาต้องทำการบ้านเยอะ เพราะหุ้นที่น่าสนใจมักจะมีสภาพคล่องต่ำเขาต้องทำการบ้านให้ดีที่สุดก่อนเข้าลงทุน  :roll:

แต่ในอีกมุมหนึ่งผมเห็นว่าการทำงานประจำและการเข้าสังคมก็ยังมีความสำคัญไม่น้อยต่อการลงทุนแบบ Value นะครับ เพราะต้องเราใช้ข้อมูลไม่น้อยจากหลายๆแหล่ง(ไม่ใช่ Inside นะครับ)

ในความคิดเห็นของผม ผมคิดว่าอิสระภาพแห่งการเงินที่แท้จริงจะเกิดขึ้นเมื่อคุณมีเงินมากจนถึงจุดที่ว่า คุณสามารถนำไปลงทุนในหลักทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยง แล้วได้ผลตอบแทนหลังหักอัตราเงินเฟ้อสูงกว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายประจำและค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวของชีวิตตนและครอบครัวทั้งในปัจจุบันและอนาคต ถ้ายังต้องมานั่งลุ้น และใช้เวลากับอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งแบบนี้ยังไม่ถอเป็นอิสระภาพที่แท้จริงหรอกครับ แค่ย้ายมากรงใหม่เท่านั้นเอง  :lol:

ผมว่าถ้าหากเหนื่อยกายเหนื่อยใจกับงานประจำจนถึงขีดสุดก็ออกมาพักก่อนก็ไม่เสียหายนะครับ ลองใช้ชีวิตในฐานะนักลงทุนดูสักพัก ช่วงที่จิตใจว่างๆ ปราศจากเงื่อนไขใดๆและมีสมาธิ สมองจะปลอดโปร่งและไม่สับสน แล้วผมว่าคำตอบของชีวิตจะปรากฏออกมาเองแหละครับ  อย่าคิดมากเลยครับ

[...]

Understood..I'll switch to work in Financial Biz after graduation

really?  :la:

[MarginofSafety]

really?

[adi]

ไม่เคยคิดเลิกงานประจำเลยอ่ะครับ

[จ๋อดำดี]

ผมต้องเก็บตังค์ไปก่อนครับ
ชีวิตช่วงนี้ต้องหาความรู้+เงิน
เผื่อเป็นทุนชีวิตในอนาคต
ระยะทางยังอีกยาวไกล

การก้าวเข้าสู่การเป็นนักลงทุนอย่างเต็มตัวนั้น
ผมว่าต้องมีเงินถุงเงินถังพอสมควรทีเดียวครับ

[Jeng]

หาเงิน เก็บ ตัง

ไม่เหลือเงิน หาเงินเพิ่ม ขยัน ไม่มีเวลา

ทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ ก็อยากมีอิสระ

ถ้าทำงานที่ชอบ ถึงไม่มีอิสระ ก็ไม่รู้ตัว

สรุปว่า อยากทำอะไรก็ทำตามใจ ทีตัวเองชอบเถิด โดย ยึดหลักมีความสุขจาก

1. สุขจากการทำงานที่มีสัมมาอาชีพ คือ อาชีพชอบ

2. สุขจากการคบเพื่อนดี

3. สุขจากการไม่เป็นหนี้

4. สุขจากการใช้จ่ายทรัพย์ ที่หามาได้โดยสุจริต

ผมก็ทำงานนะ อิอิ แต่นั่งหน้าจอประจำ เพราะว่า ไม่รู้จะทำอะไร เย็นๆ ไปตีแบด เสาร์ ไปวิ่ง ตอนนีฟิตจัด ทำอาหารกินเอง และปลูกสารพัดต้นไม้