Case Study 10.0
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 1
เล่มนี้ต่อเนื่องจากรอบที่แล้วคือCase Study 9.0
แต่เล่มนี้เนื้อหาในช่วงแรกเน้นไปที่ Blue Ocean Strategy กล่าวเพียงสั้นๆว่า ทำไมตัวนี้ถึงได้เป็นคู่ต่อกรกับCompetitive AdvancatageหรือCompetitive Strategyได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และทำไมถึงเป็นคำที่ยอดฮิตในUSช่วงปี 2005 เป็นต้นมา แล้วทำไมถึงได้พิมพ์ลงในฮาร์เวิร์ด บิสซิเนส ได้
ต่อมาเป็นบริษัทที่นำBlue Ocean Strategyเอาไปใช้เช่น LG ,RS เป็นต้น ในบทต่อไป
มีการเมืองแทรกในช่วงปี 2549 กลางปีถึงปลายปี ซึ่งในหนังสือเล่มนี้วิจารณ์ในเชิงการตลาด น่าครับ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าทำให้คนแตกแยก
ศึกเรื่องเกี่ยวกับเส้น คือ มาม่ากับไวไว ที่เดินกันคนละด้าน (คนละสุดกู่) ผู้หนึ่งเสี่ยงในการทำตลาดแม้นว่าประชาชนมีกำลังซื้อหรือไม่ก็ตาม ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแต่รักษาสิ่งที่ดีอยู่ไว้ เพียงแค่ทุกอย่างเสี่ยงแล้วไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน (แบบนี้นักลงทุนจะว่าไงล่ะครับ หาคำตอบได้ที่หนังสือเล่มนี้)
และที่เว้นเสียไม่ได้ในทุกCase Study ถ้าขาดหายไปแล้วหมดสนุกสำหรับCase Studyคือ สงครามของมือถือ แต่รอบนี้ เน้นไปที่เบอร์1 ผู้ที่โดนผลกระทบหลายอย่างในช่วงปี 2549 ทำไมเบอร์ 1 ถึงได้ออกโปรโมชั่นที่สุดยอดออกมาได้ เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ถึงกลับต้องวิ่งโร่ไปฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นเพราะอะไร แล้วทำไม เบอร์1 ถึงต้องร้อนตัวลงมาเล่นเกมสงครามราคาด้วย
ท้ายที่สุดห้ามพลาด เรื่องที่เกี่ยวกับAF3 กับ การโหวตของTrue Move ว่ามันเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่นอน รวมทั้ง 1+1 >2 ที่ได้จากการรวมสินค้าต่างๆของTrueเข้าด้วยกัน
ทั้งหมดมีในหนังสือเล่มนี้
ราคาหนังสือ 220 บาท (เพิ่งออกในงานสัปดาห์หนังสือวันท้ายๆน่าครับ เลยซื้อเพราะพลาดแล้วต้องเดินหา)
เป็นหนังสือในเครือBrandAge
ประวัติผู้เขียนหนังสือเปิดด้านหลังหนังสือจะมีบอกไว้ครับ
สุดท้าย
ขอโทษน่าครับที่โพสไว้ที่ห้องนี้
พี่ๆน้องๆ Modช่วยยากไปอยู่ห้องร้อยคนร้อยเล่มให้ผมด้วย
เพราะ ผมไปตั้งกระทู้ที่ห้องนั้นไม่ได้ครับ
ขอบคุณครับ
ปล
ใครรู้จักคนเขียนCase Study บอกเข้าด้วยน่าครับ
ผมรออ่านจะเหงือกแห้งเลย ออกปีละ 2 เล่มหรือบ้างปี เล่มเดียวด้วยซ้ำไป จะได้update แนวทางการตลาดและมองหาว่า เดี๋ยวนี้เขาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดไปถึงไหนแล้ว จะได้มองหาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงได้
แต่เล่มนี้เนื้อหาในช่วงแรกเน้นไปที่ Blue Ocean Strategy กล่าวเพียงสั้นๆว่า ทำไมตัวนี้ถึงได้เป็นคู่ต่อกรกับCompetitive AdvancatageหรือCompetitive Strategyได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ และทำไมถึงเป็นคำที่ยอดฮิตในUSช่วงปี 2005 เป็นต้นมา แล้วทำไมถึงได้พิมพ์ลงในฮาร์เวิร์ด บิสซิเนส ได้
ต่อมาเป็นบริษัทที่นำBlue Ocean Strategyเอาไปใช้เช่น LG ,RS เป็นต้น ในบทต่อไป
มีการเมืองแทรกในช่วงปี 2549 กลางปีถึงปลายปี ซึ่งในหนังสือเล่มนี้วิจารณ์ในเชิงการตลาด น่าครับ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าทำให้คนแตกแยก
ศึกเรื่องเกี่ยวกับเส้น คือ มาม่ากับไวไว ที่เดินกันคนละด้าน (คนละสุดกู่) ผู้หนึ่งเสี่ยงในการทำตลาดแม้นว่าประชาชนมีกำลังซื้อหรือไม่ก็ตาม ส่วนอีกคนหนึ่งไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแต่รักษาสิ่งที่ดีอยู่ไว้ เพียงแค่ทุกอย่างเสี่ยงแล้วไม่คุ้มค่าที่จะลงทุน (แบบนี้นักลงทุนจะว่าไงล่ะครับ หาคำตอบได้ที่หนังสือเล่มนี้)
และที่เว้นเสียไม่ได้ในทุกCase Study ถ้าขาดหายไปแล้วหมดสนุกสำหรับCase Studyคือ สงครามของมือถือ แต่รอบนี้ เน้นไปที่เบอร์1 ผู้ที่โดนผลกระทบหลายอย่างในช่วงปี 2549 ทำไมเบอร์ 1 ถึงได้ออกโปรโมชั่นที่สุดยอดออกมาได้ เบอร์ 2 และเบอร์ 3 ถึงกลับต้องวิ่งโร่ไปฟ้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นเพราะอะไร แล้วทำไม เบอร์1 ถึงต้องร้อนตัวลงมาเล่นเกมสงครามราคาด้วย
ท้ายที่สุดห้ามพลาด เรื่องที่เกี่ยวกับAF3 กับ การโหวตของTrue Move ว่ามันเป็นผลดีหรือผลเสียกันแน่นอน รวมทั้ง 1+1 >2 ที่ได้จากการรวมสินค้าต่างๆของTrueเข้าด้วยกัน
ทั้งหมดมีในหนังสือเล่มนี้
ราคาหนังสือ 220 บาท (เพิ่งออกในงานสัปดาห์หนังสือวันท้ายๆน่าครับ เลยซื้อเพราะพลาดแล้วต้องเดินหา)
เป็นหนังสือในเครือBrandAge
ประวัติผู้เขียนหนังสือเปิดด้านหลังหนังสือจะมีบอกไว้ครับ
สุดท้าย
ขอโทษน่าครับที่โพสไว้ที่ห้องนี้
พี่ๆน้องๆ Modช่วยยากไปอยู่ห้องร้อยคนร้อยเล่มให้ผมด้วย
เพราะ ผมไปตั้งกระทู้ที่ห้องนั้นไม่ได้ครับ
ขอบคุณครับ
ปล
ใครรู้จักคนเขียนCase Study บอกเข้าด้วยน่าครับ
ผมรออ่านจะเหงือกแห้งเลย ออกปีละ 2 เล่มหรือบ้างปี เล่มเดียวด้วยซ้ำไป จะได้update แนวทางการตลาดและมองหาว่า เดี๋ยวนี้เขาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการตลาดไปถึงไหนแล้ว จะได้มองหาหุ้นที่เปลี่ยนแปลงได้

- bikkii
- Verified User
- โพสต์: 38
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 2
ลองอ่านแล้วปรากฏว่าชอบครับ ถึงตัวหนังสือจะออกช้ามากแต่ว่าก็ครบในตัวเนื้อหาที่บางทีอาจจะล้าสมัยไปแล้วเพราะว่าออกช้าก็ตาม
คนเขียนบอกว่า case study 11.0,12.0 จะตามมาในไม่ช้าครับ
และยังคง จับเรื่องblue ocean ไว้เหมือนเดิมเพราะว่ายุคนี้การแข่งขันในตลาดเป็นการแข่งขันหนักจนไปถึงการแข่งขัยกันทาด้านราคาแล้วครับ เค้าจึงพยายามหาวิธีออกจากred ocean มาที่ blue ocean ครับ ซึ่งหริษัทต่างๆมีแนวโน้มในการทำblue oceanเยอะขึ้นนะครับ
ฟังรายการวิทยุของผู้เขียนหนังสือก็ได้ความรู้เยอะเหมือนกันนะครับ ฟังรายการของผู้เขียนแล้วไม่เครียดครับเพราะว่าผู้เขียนเป้นคนอารมณ์ดีมีจังหวะให้ผู้ฟังหัวเราะตลอดครับ
คนเขียนบอกว่า case study 11.0,12.0 จะตามมาในไม่ช้าครับ
และยังคง จับเรื่องblue ocean ไว้เหมือนเดิมเพราะว่ายุคนี้การแข่งขันในตลาดเป็นการแข่งขันหนักจนไปถึงการแข่งขัยกันทาด้านราคาแล้วครับ เค้าจึงพยายามหาวิธีออกจากred ocean มาที่ blue ocean ครับ ซึ่งหริษัทต่างๆมีแนวโน้มในการทำblue oceanเยอะขึ้นนะครับ
ฟังรายการวิทยุของผู้เขียนหนังสือก็ได้ความรู้เยอะเหมือนกันนะครับ ฟังรายการของผู้เขียนแล้วไม่เครียดครับเพราะว่าผู้เขียนเป้นคนอารมณ์ดีมีจังหวะให้ผู้ฟังหัวเราะตลอดครับ
- bankniti
- Verified User
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 3
สวัสดีครับ ผมเพิ่งจะเป็นสมาชิกใหม่ อ่านข้อความที่โพสแล้วค่อนข้างงงพอสมควร
1) ไม่ทราบว่าหนังสือชื่ออะไรครับ (ร้อยคนร้อยเล่ม) หรือ Case Study 10.0? แล้วพอจะหาได้ที่ไหนครับ จะได้ลองไปเปิดดูว่าเป็นอย่างไร
2) ที่บอกว่าผู้เขียนจัดรายการวิทยุ แล้วมีการพูดถึง Blue Ocean ผมเลยสงสัยว่าท่านผู้เขียนใช่คุณธันยวัชร์ หรือคุณอาทิตย์ หรือเปล่า? เพราะผมเพิ่งจะเริ่มฟังวิทยุ 96.5 และชอบรายการของท่านทั้งสองนี้มาก (มีสาระและเสียงหัวเราะดังๆอยู่เสมอ)
ขอบคุณครับ
1) ไม่ทราบว่าหนังสือชื่ออะไรครับ (ร้อยคนร้อยเล่ม) หรือ Case Study 10.0? แล้วพอจะหาได้ที่ไหนครับ จะได้ลองไปเปิดดูว่าเป็นอย่างไร
2) ที่บอกว่าผู้เขียนจัดรายการวิทยุ แล้วมีการพูดถึง Blue Ocean ผมเลยสงสัยว่าท่านผู้เขียนใช่คุณธันยวัชร์ หรือคุณอาทิตย์ หรือเปล่า? เพราะผมเพิ่งจะเริ่มฟังวิทยุ 96.5 และชอบรายการของท่านทั้งสองนี้มาก (มีสาระและเสียงหัวเราะดังๆอยู่เสมอ)
ขอบคุณครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 4
ข้อ 1 ชื่อหนังสือ Case Study 10.0 ครับ
ส่วนร้อยคนร้อยเล่มนั้น บอกเป็นการบอกนัยๆว่าย้ายไปที่ห้องนี้ให้ด้วยครับ เนื่องจากตั้งกระทู้ไม่ได้ต้องไปตั้งที่ห้องอื่น
ส่วนข้อ 2 ผมไม่สามารถตอบได้
แต่ผมสงสัยว่า 96.5 คนฟังกันมากน่าครับ
น่าจะเป็นBlue Ocean Strategyได้อีกทางหนึ่ง
เพราะเป็นคลื่นที่ให้ข้อมูลข่าวสาร เป็นทางเลือกทางใหม่ให้แก่คนหนีเพลง
ส่วนร้อยคนร้อยเล่มนั้น บอกเป็นการบอกนัยๆว่าย้ายไปที่ห้องนี้ให้ด้วยครับ เนื่องจากตั้งกระทู้ไม่ได้ต้องไปตั้งที่ห้องอื่น
ส่วนข้อ 2 ผมไม่สามารถตอบได้
แต่ผมสงสัยว่า 96.5 คนฟังกันมากน่าครับ
น่าจะเป็นBlue Ocean Strategyได้อีกทางหนึ่ง
เพราะเป็นคลื่นที่ให้ข้อมูลข่าวสาร เป็นทางเลือกทางใหม่ให้แก่คนหนีเพลง

- ply33
- Verified User
- โพสต์: 592
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 5
น่าจะเป็นรายการ CEO Vision ของคุณพิชัย หรือป่าวครับ
(ถ้าผิดต้องขออภัย)
จะบอกคนเขียนให้ครับว่าให้ออกเร็วๆ (ปล เคยบอกไปแล้วตั้งแต่ เล่มแรกๆแล้วครับ)
บางทีเป็นการเปลี่ยน Management Theory ด้วยครับ ทำให้ต้องศึกษาใหม่ก่อนจึงเสียเวลาในการเขียนครับ และก็ Case Study ในประเทศนั้นคงไม่มีมากนัก(ที่เป็นที่สนใจ) หรือที่จะหาข้อมูลเชิงลึกๆได้ในเวลาอันสั้น ก็เลยต้องใช้เวลาหน่อยมั้งครับ (เดาล้วนๆ)
ยังไงก็พอใจที่การรอคอย "อาหารสมอง" จานนี้ยัง "คุ้มค่า" เสมอครับ
(ถ้าผิดต้องขออภัย)
จะบอกคนเขียนให้ครับว่าให้ออกเร็วๆ (ปล เคยบอกไปแล้วตั้งแต่ เล่มแรกๆแล้วครับ)
บางทีเป็นการเปลี่ยน Management Theory ด้วยครับ ทำให้ต้องศึกษาใหม่ก่อนจึงเสียเวลาในการเขียนครับ และก็ Case Study ในประเทศนั้นคงไม่มีมากนัก(ที่เป็นที่สนใจ) หรือที่จะหาข้อมูลเชิงลึกๆได้ในเวลาอันสั้น ก็เลยต้องใช้เวลาหน่อยมั้งครับ (เดาล้วนๆ)
ยังไงก็พอใจที่การรอคอย "อาหารสมอง" จานนี้ยัง "คุ้มค่า" เสมอครับ
0--- ฉลามเสือดาว ล่องลอยไปในทะเลกว้างใหญ่ ---0
-
- Verified User
- โพสต์: 140
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 6
คนเขียนชื่อ คุณธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัยกับอาทิตย์ โกวิทวรางกูร
ถ้ารายการที่เค้าจัดชื่อ business connectionทาง96.5 เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสอง
ทุกวัน(เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์)
คร๊าบบพี่miracle...
ถ้ารายการที่เค้าจัดชื่อ business connectionทาง96.5 เที่ยงครึ่งถึงบ่ายสอง
ทุกวัน(เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์)
คร๊าบบพี่miracle...
คนบางแค... แคร์บางคน...
- ply33
- Verified User
- โพสต์: 592
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 7
ขอเปิดประเด็นกับผู้ที่อ่านแล้ว เรื่อง Blue Ocean Strategy (BOS) ครับ
(คิดว่าหนังสือออก มาพอสมควรแล้ว ขอถกเป็นประเกล็ดความรู้แล้วกันนะครับ) คร่าวๆคือ
BOS คือกลยุทธ์(ทฤษฎี)ทางการ บริหาร ที่ออกมาโต้ (หรือแย้ง) Five Forces Model (FFM) ของ Porter โดนตรงเพราะกว่า 20 ปี ที่ FFM ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ Key ก็คือเน้นการแข่งขันกัน จนเลือดตกยางออก ทำให้กลายเป็นทะเลเดือด(เลือด) Red Ocean ของผู้ที่แข่งขันกัน ส่วน ทฤษฎี BOS นั้นออกมาโดยมีจุดประสงค์ชี้ว่า การหนีการแข่งขัน โดยฉีกตัวเองออกไป ไม่แข่งขันกันด้วยราคา ที่ทำให้ Margin ต่ำลงมากจนไม่ได้อะไรทั้งตนเองและคู่แข่ง นั้นคือ
พูดง่ายแต่ทำยาก นั่นก็คือต้องทั้งแตกต่างและต้นทุนต่ำในเวลาเดียวกัน
ก็เลยอยาก discuss เรื่อง BOS กันว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ ส่วนตัวคิดว่าเป็น กลยุทธ์ที่ ต้อง Differentiate & Create New Market + Add Value to Product or Service เพื่อช่วงชิงลูกค้าและเป็นผู้นำในตลาดใหม่ที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาดได้อย่างสมบูรณ์ ครับ
มันก็คือการบุกเบิกตลาดใหม่ เช่นการออกรสชาติใหม่ของผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ๆ ถ้าติดตลาดก็จะได้กำไรมาก เพราะเป็นรายแรกๆที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าได้ เป็นการสร้าง Niche Market ขึ้นมา หรือเป็นการ Segmentation ออกมาจาก Mass Market แต่ในขณะเดียวกันคู่แข่งก็อาจจะเข้ามาในตลาด Niche นั้นๆโดยออกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใกล้เคียงกันจนทำให้ Niche กลายเป็น Mass ไป แล้ว Blue Ocean ก็จะกลายเป็น Red Ocean อยู่ดี (ใช่ป่าวครับ)
ทีนี้ ในหนังสือยกตัวอย่างมาบางกรณี เช่น
LG, iPod, Tip Wise, RS และ Happy Online
ความเห็นส่วนตัว เห็นว่าบางกรณีเป็น BOS จริงแต่บางกรณีก็ไม่น่าใช่ หรือบางกรณีเป็นมากกว่า BOS เสียอีก
ข้อแรก คือ LG
เห็นว่าไม่น่าใช่ BOS เพราะ LG บอกจะทำ Consumer Electronics ที่มีเจ้าตลาดอยู่แล้วคือ Sony, Samsung ฯลฯ และการจะใช้ราคาเข้าสู้ก็เป็นการตลาดแบบ Red Ocean ชัดๆ
ส่วน Tip Wise ที่แตกเป็นหลายๆ segment และจับตลาดสุขภาพ แต่เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่มีความรู้และประกอบกับสินค้าอื่นทดแทนได้ง่าย (น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารอื่นๆ) ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่และน่าจะเป็นการใช้กลยุทธ์การตลาดธรรมดา คือการ Segmentation ไม่ใช่ BOS นี่ครับ หรือจะบอกว่าการที่จับตลาดสุขภาพ(ของน้ำมันพืช)เป็นการใช้ BOS ? (สับสนนิดๆ)
ส่วน RS ผมมองว่าเป็น BOS ในวงการ Entertainment ของไทยจริงๆ โดยเปลี่ยน Business Model ใหม่หมดเลย น่าสนใจครับ จากการเป็นค่ายเพลงกลายเป็น Content Providor/ Entertainment Provider แทน ซึ่งน่าสนใจ ในแง่ที่ว่าจะทำได้ขนาดไหน
และ iPod เป็นกรณีคลาสสิคที่ผมคิดว่าร้อยปีจะมีครั้ง(เว่อร์ไปมั้ย) เพราะทุกอย่างมันบรรจบกันออกมาเป็นผลลัพธ์ของ BOS อย่างแท้จริงเลยครับ ทั้ง Market Timing, Product Differentiation ฯลฯ แต่ปัจจัยต่างๆที่พอเหมาะพอดีนั้นอาจจะไม่ได้เกิดจากตัว Apple เองแต่คนอื่นช่วยด้วยครับ เช่น Sony ที่ไม่ยอมบุกตลาด MP3 จริงๆจังๆเพราะกลัวกระทบกับ Sony Music ค่ายเพลงของตัวเอง ทั้งๆที่ Sony เป็นผู้บุกเบิก Walkman มาเอง น่าสนุกครับ
สุดท้าย Happy Online นั้นเป็นกรณีน่าศึกษาอีกอันแต่น่าจะเป็นการขยายช่องทางการตลาดมากกว่า คือเล่นที่ 4P คือ Place ให้มีการเติมเงินได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน เป็นกลยุทธ์ที่แน่มากครับ เปลี่ยนคนขายเป็นคนใช้ แล้วยังเป็นหน้าร้านให้ด้วย ผลผลอยได้คือ คนที่จะเปิดหน้าร้านก็ต้องใช้ Sim DTAC ด้วย แล้วถามหน่อยคนที่มีมือถือไว้ขายเติมเงินแล้วจะไม่ใช้เหรอครับ ก็ต้องใช้โทรด้วย ทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มโดยปริยาย ประกอบกับคู่แข่งยังไม่ขยับ หรือขยับไม่ได้ ทำให้ได้ใจคนขายไปเต็มๆเจ้าเดียวครับ
คิดว่าไงครับ
(คิดว่าหนังสือออก มาพอสมควรแล้ว ขอถกเป็นประเกล็ดความรู้แล้วกันนะครับ) คร่าวๆคือ
BOS คือกลยุทธ์(ทฤษฎี)ทางการ บริหาร ที่ออกมาโต้ (หรือแย้ง) Five Forces Model (FFM) ของ Porter โดนตรงเพราะกว่า 20 ปี ที่ FFM ได้รับการยอมรับและใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่ Key ก็คือเน้นการแข่งขันกัน จนเลือดตกยางออก ทำให้กลายเป็นทะเลเดือด(เลือด) Red Ocean ของผู้ที่แข่งขันกัน ส่วน ทฤษฎี BOS นั้นออกมาโดยมีจุดประสงค์ชี้ว่า การหนีการแข่งขัน โดยฉีกตัวเองออกไป ไม่แข่งขันกันด้วยราคา ที่ทำให้ Margin ต่ำลงมากจนไม่ได้อะไรทั้งตนเองและคู่แข่ง นั้นคือ
พูดง่ายแต่ทำยาก นั่นก็คือต้องทั้งแตกต่างและต้นทุนต่ำในเวลาเดียวกัน
ก็เลยอยาก discuss เรื่อง BOS กันว่าจริงๆแล้วมันคืออะไรกันแน่ ส่วนตัวคิดว่าเป็น กลยุทธ์ที่ ต้อง Differentiate & Create New Market + Add Value to Product or Service เพื่อช่วงชิงลูกค้าและเป็นผู้นำในตลาดใหม่ที่สามารถกำหนดทิศทางของตลาดได้อย่างสมบูรณ์ ครับ
มันก็คือการบุกเบิกตลาดใหม่ เช่นการออกรสชาติใหม่ของผลิตภัณฑ์ หรือบริการใหม่ๆ ถ้าติดตลาดก็จะได้กำไรมาก เพราะเป็นรายแรกๆที่เข้ามาตอบโจทย์ลูกค้าได้ เป็นการสร้าง Niche Market ขึ้นมา หรือเป็นการ Segmentation ออกมาจาก Mass Market แต่ในขณะเดียวกันคู่แข่งก็อาจจะเข้ามาในตลาด Niche นั้นๆโดยออกผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ใกล้เคียงกันจนทำให้ Niche กลายเป็น Mass ไป แล้ว Blue Ocean ก็จะกลายเป็น Red Ocean อยู่ดี (ใช่ป่าวครับ)
ทีนี้ ในหนังสือยกตัวอย่างมาบางกรณี เช่น
LG, iPod, Tip Wise, RS และ Happy Online
ความเห็นส่วนตัว เห็นว่าบางกรณีเป็น BOS จริงแต่บางกรณีก็ไม่น่าใช่ หรือบางกรณีเป็นมากกว่า BOS เสียอีก
ข้อแรก คือ LG
เห็นว่าไม่น่าใช่ BOS เพราะ LG บอกจะทำ Consumer Electronics ที่มีเจ้าตลาดอยู่แล้วคือ Sony, Samsung ฯลฯ และการจะใช้ราคาเข้าสู้ก็เป็นการตลาดแบบ Red Ocean ชัดๆ
ส่วน Tip Wise ที่แตกเป็นหลายๆ segment และจับตลาดสุขภาพ แต่เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจ หรือยังไม่มีความรู้และประกอบกับสินค้าอื่นทดแทนได้ง่าย (น้ำมันที่ใช้ปรุงอาหารอื่นๆ) ทำให้ไม่แน่ใจว่าจะสำเร็จหรือไม่และน่าจะเป็นการใช้กลยุทธ์การตลาดธรรมดา คือการ Segmentation ไม่ใช่ BOS นี่ครับ หรือจะบอกว่าการที่จับตลาดสุขภาพ(ของน้ำมันพืช)เป็นการใช้ BOS ? (สับสนนิดๆ)
ส่วน RS ผมมองว่าเป็น BOS ในวงการ Entertainment ของไทยจริงๆ โดยเปลี่ยน Business Model ใหม่หมดเลย น่าสนใจครับ จากการเป็นค่ายเพลงกลายเป็น Content Providor/ Entertainment Provider แทน ซึ่งน่าสนใจ ในแง่ที่ว่าจะทำได้ขนาดไหน
และ iPod เป็นกรณีคลาสสิคที่ผมคิดว่าร้อยปีจะมีครั้ง(เว่อร์ไปมั้ย) เพราะทุกอย่างมันบรรจบกันออกมาเป็นผลลัพธ์ของ BOS อย่างแท้จริงเลยครับ ทั้ง Market Timing, Product Differentiation ฯลฯ แต่ปัจจัยต่างๆที่พอเหมาะพอดีนั้นอาจจะไม่ได้เกิดจากตัว Apple เองแต่คนอื่นช่วยด้วยครับ เช่น Sony ที่ไม่ยอมบุกตลาด MP3 จริงๆจังๆเพราะกลัวกระทบกับ Sony Music ค่ายเพลงของตัวเอง ทั้งๆที่ Sony เป็นผู้บุกเบิก Walkman มาเอง น่าสนุกครับ
สุดท้าย Happy Online นั้นเป็นกรณีน่าศึกษาอีกอันแต่น่าจะเป็นการขยายช่องทางการตลาดมากกว่า คือเล่นที่ 4P คือ Place ให้มีการเติมเงินได้โดยไม่ต้องมีหน้าร้าน เป็นกลยุทธ์ที่แน่มากครับ เปลี่ยนคนขายเป็นคนใช้ แล้วยังเป็นหน้าร้านให้ด้วย ผลผลอยได้คือ คนที่จะเปิดหน้าร้านก็ต้องใช้ Sim DTAC ด้วย แล้วถามหน่อยคนที่มีมือถือไว้ขายเติมเงินแล้วจะไม่ใช้เหรอครับ ก็ต้องใช้โทรด้วย ทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มโดยปริยาย ประกอบกับคู่แข่งยังไม่ขยับ หรือขยับไม่ได้ ทำให้ได้ใจคนขายไปเต็มๆเจ้าเดียวครับ
คิดว่าไงครับ
0--- ฉลามเสือดาว ล่องลอยไปในทะเลกว้างใหญ่ ---0
-
- Verified User
- โพสต์: 18134
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 8
ถ้าเป็น BOS นั้น
ผมได้อ่านนิดหน่อยแล้วครับ
แต่ยังReviewไม่ได้เพราะเนื้อหามันมากจริงๆ
หนังสือเล่มนี้ดีตรงที่ใช้ลักษณะของฝรั่งเศทครับ
คือหยิบยกของเก่าขึ้นมา จากนั้นตั้งคำถาม หาสิ่งแนะนำ ถ้าเป็นของเก่ากับของใหม่แตกต่างกันจุดไหน
จุดนี้ครับเป็นการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
เพราะคำถามดีๆหนึ่งคำถาม ดีกว่าคำตอบหมื่นคำตอบ
By the way
ส่วนประเด็นข้างบน คนเขียนตั้งข้อสังเกตไว้เหมือนกัน
ว่าLGจะเป็นBOSหรือเปิดทะเลสีเลือดใหม่อีกครั้ง
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง อ่านไปอ่านมา สับสนหรือเข้าใจเองไปว่า สองหลักนี้เหมือนกับของ คุณปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ที่ว่า หากตลาดใหม่ที่ผู้ประกอบการยังไม่เจอ เพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่าย ประเด็นนี้น่าจะจับรวมไปด้วยน่าครับ
เพราะท่านก็สุดยอดในด้านการบริหารการจัดการ

ผมได้อ่านนิดหน่อยแล้วครับ
แต่ยังReviewไม่ได้เพราะเนื้อหามันมากจริงๆ
หนังสือเล่มนี้ดีตรงที่ใช้ลักษณะของฝรั่งเศทครับ
คือหยิบยกของเก่าขึ้นมา จากนั้นตั้งคำถาม หาสิ่งแนะนำ ถ้าเป็นของเก่ากับของใหม่แตกต่างกันจุดไหน
จุดนี้ครับเป็นการเรียนรู้ที่รวดเร็ว
เพราะคำถามดีๆหนึ่งคำถาม ดีกว่าคำตอบหมื่นคำตอบ
By the way
ส่วนประเด็นข้างบน คนเขียนตั้งข้อสังเกตไว้เหมือนกัน
ว่าLGจะเป็นBOSหรือเปิดทะเลสีเลือดใหม่อีกครั้ง
ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง อ่านไปอ่านมา สับสนหรือเข้าใจเองไปว่า สองหลักนี้เหมือนกับของ คุณปีเตอร์ เอฟ ดรักเกอร์ที่ว่า หากตลาดใหม่ที่ผู้ประกอบการยังไม่เจอ เพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่าย ประเด็นนี้น่าจะจับรวมไปด้วยน่าครับ
เพราะท่านก็สุดยอดในด้านการบริหารการจัดการ


-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
Case Study 10.0
โพสต์ที่ 9
ความเห็นส่วนตัวนะครับ ผมอ่าน BOS แล้วไม่คิดว่ามีอะไรใหม่เลยครับ ...ผมว่ามันกลับไปที่เบสิคพื้นฐานเลยคือหาความต้องการที่ยังไม่สามารถตอบสนองให้ลูกค้าได้ แล้วทำให้ราคามันสมเหตุสมผลกับสิ่งที่ยิบยื่นให้ลูกค้าพิจารณา...
Impossible is Nothing