เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
- mongkol
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 1
วันนี้ถูกเพื่อนพาไปฟัง แอมเวย์มาคับ แต่ก็ไม่ได้ไปสมัครหรอกคับ ชอบหุ้นมากกว่า ฟังไปก็นึกขี้นมาได้ว่า มีคำถามอยากถามคนที่เคยไปอเมริกา คับ
1. แอมเวย์ไม่ได้เป็น บริษัทจดทะเบียนเหรอคับ เพราะเจ้าของไม่ต้องการเข้าตลาด หรือว่ามีกฎหมาย ห้ามบริษัทพวกการขายตรงแบบเครื่อข่ายเข้าตลาดครับ
2. มีบริษัทที่ขายตรงแบบเครือข่าย(ลูกโซ่) อยู่ในตลาดอเมริกาไหมครับ
3. พอทราบไหมคับว่า ทั่วโลกมีประเทศที่มีกฎหมายห้าม ระบบขายการขายตรงเครือข่าย(ลูกโซ่)
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าพวกนี้มันเอาเปรียบยังไงไม่รู้เหมือนหาคนอื่นมาดิ้นรนแทนเรา เลยไม่ชอบพวกลูกโซ่เลย เล่นหุ้นดีกว่าแม้ว่าจะขาดทุน :D :D
1. แอมเวย์ไม่ได้เป็น บริษัทจดทะเบียนเหรอคับ เพราะเจ้าของไม่ต้องการเข้าตลาด หรือว่ามีกฎหมาย ห้ามบริษัทพวกการขายตรงแบบเครื่อข่ายเข้าตลาดครับ
2. มีบริษัทที่ขายตรงแบบเครือข่าย(ลูกโซ่) อยู่ในตลาดอเมริกาไหมครับ
3. พอทราบไหมคับว่า ทั่วโลกมีประเทศที่มีกฎหมายห้าม ระบบขายการขายตรงเครือข่าย(ลูกโซ่)
โดยส่วนตัวรู้สึกว่าพวกนี้มันเอาเปรียบยังไงไม่รู้เหมือนหาคนอื่นมาดิ้นรนแทนเรา เลยไม่ชอบพวกลูกโซ่เลย เล่นหุ้นดีกว่าแม้ว่าจะขาดทุน :D :D
แก่นแท้ คือ "ความว่าง" นี่เอง
- energizer
- Verified User
- โพสต์: 505
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 2
ขออนุญาติแจมนะครับ คือถ้าถามผู้เชี่ยวชาญของแอมเวย์เนี่ยเขาก็จะบอกว่าเขาไม่ได้เป็น Network Marketing และก็ไม่ผิดกฏหมายด้วยครับ แล้วผมเคยได้ฟังซีดีที่มีคนพยายามเอามาให้ฟัง คนที่บรรยายใน CD เป็นทนายความระดับแบบมือรางวัลของอเมริกาเลยครับ เขาเองถูกเพื่อนชวนไปทำธุรกิจนี้เหมือนกัน แรกๆเลยเขาก็คิดอย่างคุณ Mongkol นี่ยแหละครับว่าผิดกฏหมายรึเปล่าแล้วเขาก็เริ่มทำวิจัย ศึกษาว่าบริษัทนี้ผิดกฏหมายไหมทั้งกฏหมายของรัฐต่างๆในอเมริกา ทั้งกฏหมายของอเมริกาและกฏหมายสากล ปรากฏณ์ว่าไม่มีข้อผิดกฏหมายครับ หมอนี่เลยร่วมธุรกิจด้วยและกลายเป็นระดับอะไรก็ไม่รู้แล้ว ในระบบแอมเวย์อะครับ (ฟังมานะครับ จาก CD )
ส่วนตัวผมเป็น Member ด้วยความไม่ค่อยสมัครใจครับและไม่ได้หาลูกข่ายเพิ่มให้เขาเลยครับ แค่ซื้อสินค้าที่เหมือนโดนบังคับให้ซื้อมาใช้อะครับ
ปล ทำเป็นเล่นไปที่ผมโดนหลอกพาไปฟังเนี่ย ไม่ใช่ที่ประเทศไทยนะ แต่สไตล์การชักชวนเดียวกันเลยอะครับ ระบบเขาดีจริงๆหลอกคนไปฟังโดยระบบเดียวกันทั่วโลก
ไม่ได้ว่าแอมเวย์ไม่ดีนะ แต่ทำไมต้องหลอกตูด้วยฟะ
ส่วนตัวผมเป็น Member ด้วยความไม่ค่อยสมัครใจครับและไม่ได้หาลูกข่ายเพิ่มให้เขาเลยครับ แค่ซื้อสินค้าที่เหมือนโดนบังคับให้ซื้อมาใช้อะครับ
ปล ทำเป็นเล่นไปที่ผมโดนหลอกพาไปฟังเนี่ย ไม่ใช่ที่ประเทศไทยนะ แต่สไตล์การชักชวนเดียวกันเลยอะครับ ระบบเขาดีจริงๆหลอกคนไปฟังโดยระบบเดียวกันทั่วโลก
ไม่ได้ว่าแอมเวย์ไม่ดีนะ แต่ทำไมต้องหลอกตูด้วยฟะ
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
Re: เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 3
ขอแจมด้วยคนครับ เคยทราบมาว่า มีบริษัทขายตรงเคยจดทะเบียนอยู่ในตลาดฮ่องกงหรือสิงคโปร์ด้วยครับ แต่จำเป็นต้องถอนออกไปเนื่องจากการขายระบบ Network ลักษณะนี้จะทำให้เกิดการเหลื่อมล้ำของข้อมูลได้โดยง่าย Inside Tradingmongkol เขียน:2. มีบริษัทที่ขายตรงแบบเครือข่าย(ลูกโซ่) อยู่ในตลาดอเมริกาไหมครับ
Impossible is Nothing
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 4
เห็นเขียนชื่อเจาะจงมาก็เลยเข้ามาดู รู้สึกว่าอาจจะเจาะจงถามผิดคนรึเปล่าครับ ผมเองไม่ค่อยมีความรู้เรื่องขายตรงซักเท่าไหร่ ยิ่งเรื่องของตลาดหุ้นต่างประเทศนี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ค่อยรู้เรื่องอีกเหมือนกัน รอท่านอื่นๆมาตอบดีกว่าครับ
การลงทุนที่มีค่าที่สุด คือการลงทุนในความรู้
http://www.yoyoway.com
http://www.yoyoway.com
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 6
ขอแจมๆ
เท่าที่ผมทราบนะครับ
1. Amway น่าจะเคยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาครับ
แต่ว่ามันผิดต่อสิ่งที่ Amway ปลูกฝังแก่เครือข่ายทั้งหมด จึงต้องถอยออกไป
ก็เล่นบอกว่าเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
แต่ดันไปจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์
2. ในตลาดอเมริกา ไม่แน่ใจว่า Avon อยู่หรือเปล่านะครับ แต่ที่อยู่แน่ๆเนี่ย
Uniliver ครับ ยูนิลิเวอร์มีช่องทางขายหลายทางมากครับ ช่องทางนึงที่รู้จักก็คือ
ไออะไรนะ อาวิยองส์ ประมาณเนี่ย เป็นของที่เขาบอกว่าเป็นระดับ Premium
3. เคยได้ยินมาว่าประเทศจีนไม่อนุญาติให้ Amway
เข้าไปทำตลาดแบบเครือข่ายเลยต้องไปตั้งเป็น Shop ที่นู่นแทน
เท่าที่ผมทราบนะครับ
1. Amway น่าจะเคยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาครับ
แต่ว่ามันผิดต่อสิ่งที่ Amway ปลูกฝังแก่เครือข่ายทั้งหมด จึงต้องถอยออกไป
ก็เล่นบอกว่าเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
แต่ดันไปจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์
2. ในตลาดอเมริกา ไม่แน่ใจว่า Avon อยู่หรือเปล่านะครับ แต่ที่อยู่แน่ๆเนี่ย
Uniliver ครับ ยูนิลิเวอร์มีช่องทางขายหลายทางมากครับ ช่องทางนึงที่รู้จักก็คือ
ไออะไรนะ อาวิยองส์ ประมาณเนี่ย เป็นของที่เขาบอกว่าเป็นระดับ Premium
3. เคยได้ยินมาว่าประเทศจีนไม่อนุญาติให้ Amway
เข้าไปทำตลาดแบบเครือข่ายเลยต้องไปตั้งเป็น Shop ที่นู่นแทน
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 3763
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 7
2. อาวียองส์คับโอ@ เขียน:ขอแจมๆ
เท่าที่ผมทราบนะครับ
1. Amway น่าจะเคยจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาครับ
แต่ว่ามันผิดต่อสิ่งที่ Amway ปลูกฝังแก่เครือข่ายทั้งหมด จึงต้องถอยออกไป
ก็เล่นบอกว่าเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร
แต่ดันไปจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์
2. ในตลาดอเมริกา ไม่แน่ใจว่า Avon อยู่หรือเปล่านะครับ แต่ที่อยู่แน่ๆเนี่ย
Uniliver ครับ ยูนิลิเวอร์มีช่องทางขายหลายทางมากครับ ช่องทางนึงที่รู้จักก็คือ
ไออะไรนะ อาวิยองส์ ประมาณเนี่ย เป็นของที่เขาบอกว่าเป็นระดับ Premium
3. เคยได้ยินมาว่าประเทศจีนไม่อนุญาติให้ Amway
เข้าไปทำตลาดแบบเครือข่ายเลยต้องไปตั้งเป็น Shop ที่นู่นแทน
3. แต่เหมือน AVON จะได้แล้วนะครับ
Impossible is Nothing
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 8
คุณ โอ ตอบให้หมดแล้ว :cheers:
อีกบริษัทที่ทุกวันนี้ mlm เป็นหลักแล้วอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ Tupperware แบบว่า ใครไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านของสมาชิก Tupperware ทีอเมริกา รับรองโดนชวนให้เป็นสมาชิกแน่ :lol:
เมื่อก่อนนี้ผมมีความคิดในแง่ลบกับ MLM แต่ตอนหลังผมเริ่มมองออกว่าที่จริงแล้วธุรกิจนี้มีหลักการอย่างไรผมก็เห็นข้อดีบางอย่างของมันเหมือนกัน
โดยปกติแล้วห่วงโซ่อุปทานของสินค้าและบริการทั่วไปจะเป็นประมาณนี้
ผู้ผลิต -> ผู้ค้าส่งค้าปลีก -> ผู้บริโภค
แต่ MLM ทำให้ห่วงโซ่อุปทานเป็นแบบนี้
ผู้ผลิต -> (ผู้ค้าส่งค้าปลีก+ผู้บริโภค)
เป็นการรวมผู้ค้าส่งปลีกกับผู้บริโภคเข้าไว้เป็นคนๆ เดียวกัน
ที่จริงแล้ว MLM ไม่ได้หวังให้สมาชิกขายสินค้าให้หรอกครับ (สังเกตจากโฆษณาของเขาก็ได้ ไม่พูดถึงสินค้าเลย พูดถึงแต่ว่าถ้ามาเป็นสมาชิกแล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป) ที่จริงแล้ว MLM ต้องการสร้างคอมมูนิตี้ที่ใช้แต่สินค้าของเขาอย่างเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ เขาต้องการให้สมาชิกเป็นผู้ซื้อสินค้านั่นแหละ ไม่ได้หวังให้สมาชิกไปขายสินค้าให้กับคนอื่น เรียกว่า ขายกันเองใช้กันเอง เพียงแต่เรื่องนี้เขาจะไม่บอกสมาชิกตรงๆ
วิธีนี้เป็นวิธีการ bypass พ่อค้าคนกลาง เป็นการหนีจากอำนาจต่อรองของพวกโมเดิร์นเทรด และเป็นวิธีเพิ่มมาร์จิ้นให้สูงได้เพราะผู้ใช้คือผู้ขายเอง ผู้ใช้จึงมีความภักดีของสินค้าของบริษัทเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าที่ผมพูดตรงๆ แบบนี้ คนที่เป็นสมาชิก mlm จะโกรธหรือเปล่า :roll:
อีกบริษัทที่ทุกวันนี้ mlm เป็นหลักแล้วอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็คือ Tupperware แบบว่า ใครไปร่วมงานปาร์ตี้ที่บ้านของสมาชิก Tupperware ทีอเมริกา รับรองโดนชวนให้เป็นสมาชิกแน่ :lol:
เมื่อก่อนนี้ผมมีความคิดในแง่ลบกับ MLM แต่ตอนหลังผมเริ่มมองออกว่าที่จริงแล้วธุรกิจนี้มีหลักการอย่างไรผมก็เห็นข้อดีบางอย่างของมันเหมือนกัน
โดยปกติแล้วห่วงโซ่อุปทานของสินค้าและบริการทั่วไปจะเป็นประมาณนี้
ผู้ผลิต -> ผู้ค้าส่งค้าปลีก -> ผู้บริโภค
แต่ MLM ทำให้ห่วงโซ่อุปทานเป็นแบบนี้
ผู้ผลิต -> (ผู้ค้าส่งค้าปลีก+ผู้บริโภค)
เป็นการรวมผู้ค้าส่งปลีกกับผู้บริโภคเข้าไว้เป็นคนๆ เดียวกัน
ที่จริงแล้ว MLM ไม่ได้หวังให้สมาชิกขายสินค้าให้หรอกครับ (สังเกตจากโฆษณาของเขาก็ได้ ไม่พูดถึงสินค้าเลย พูดถึงแต่ว่าถ้ามาเป็นสมาชิกแล้วชีวิตจะเปลี่ยนไป) ที่จริงแล้ว MLM ต้องการสร้างคอมมูนิตี้ที่ใช้แต่สินค้าของเขาอย่างเดียว พูดง่ายๆ ก็คือ เขาต้องการให้สมาชิกเป็นผู้ซื้อสินค้านั่นแหละ ไม่ได้หวังให้สมาชิกไปขายสินค้าให้กับคนอื่น เรียกว่า ขายกันเองใช้กันเอง เพียงแต่เรื่องนี้เขาจะไม่บอกสมาชิกตรงๆ
วิธีนี้เป็นวิธีการ bypass พ่อค้าคนกลาง เป็นการหนีจากอำนาจต่อรองของพวกโมเดิร์นเทรด และเป็นวิธีเพิ่มมาร์จิ้นให้สูงได้เพราะผู้ใช้คือผู้ขายเอง ผู้ใช้จึงมีความภักดีของสินค้าของบริษัทเป็นอย่างมาก
ไม่รู้ว่าที่ผมพูดตรงๆ แบบนี้ คนที่เป็นสมาชิก mlm จะโกรธหรือเปล่า :roll:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- โอ@
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4244
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 10
ผมก็ฟังมานะพี่ ตอนนั้นเขาบอกว่าค่าใช้จ่ายด้าน marketing เนี่ยเอาไปให้ Uplinewoody เขียน: เคยมีพี่ที่รู้จักมาพูดคุยด้วย จริงๆ พี่เค้าก็ชวนแหล่ะครับ หลักการที่เค้าเล่าให้ฟังของธุรกิจนี้อย่างหนึ่งคือ การตัดค่าใช้จ่ายด้าน mktg ระหว่างผู้ผลิตกับผู้บริโภคคับ
แต่ไปๆมาๆ ดันมาโฆษณาทีวีใหญ่เลย ผมว่าโฆษณาคราวนี้ผลเสียมากกว่าผลดีซะละ
_________
-
- Verified User
- โพสต์: 13
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 11
อันที่จริงหลักการที่ว่าตัด พ่อค้าคนกลางออกไป มันก็ดูดีนะคะ แต่เท่าที่สังเกตดู ราคาสินค้าที่เอามาขายราคาไม่ได้ถูกจากท้องตลาดทั่วไปอย่างมากมายเหมือนอย่างที่เราคาดว่าควรจะเป็นเลย
โดยส่วนตัวนะคะ สินค้าที่เคยซื้อมาใช้(จากหลายๆบริษัท ไม่ใช่เจาะจงamway อย่างเดียว) มีราคาสูงใกล้เคียงหรือบางตัวก็ราคามากกว่าสินค้าในท้องตลาดเมื่อเทียบกับปริมาณสินค้า ทำให้ส่วนมากดิฉันซื้อเพียงแค่ครั้งเดียว(เพราะเพื่อนตื้อ)แล้วก็ไม่ได้ใช้ต่อ
สิ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกในแง่ลบของ mlm คือวิธีการหาสมาชิกของเขานั่นแหละค่ะ จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มีประสบการณ์ถูกตื้อให้สมัครสมาชิก mlm สารพัดบริษัทมาแล้วทั้งนั้น อันที่จริงน่าจะปรับวิธีการหาสมาชิกสักหน่อยก็ดีนะคะ
โดยส่วนตัวนะคะ สินค้าที่เคยซื้อมาใช้(จากหลายๆบริษัท ไม่ใช่เจาะจงamway อย่างเดียว) มีราคาสูงใกล้เคียงหรือบางตัวก็ราคามากกว่าสินค้าในท้องตลาดเมื่อเทียบกับปริมาณสินค้า ทำให้ส่วนมากดิฉันซื้อเพียงแค่ครั้งเดียว(เพราะเพื่อนตื้อ)แล้วก็ไม่ได้ใช้ต่อ
สิ่งที่ทำให้คนทั่วไปรู้สึกในแง่ลบของ mlm คือวิธีการหาสมาชิกของเขานั่นแหละค่ะ จะเห็นได้ว่าคนส่วนใหญ่มีประสบการณ์ถูกตื้อให้สมัครสมาชิก mlm สารพัดบริษัทมาแล้วทั้งนั้น อันที่จริงน่าจะปรับวิธีการหาสมาชิกสักหน่อยก็ดีนะคะ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 13
สินค้าต่อให้มีแบรนด์ยังไงถ้าเอาไปวางไว้บนหิ้งข้างๆ ยี่ห้ออื่นอีกสิบยี่ห้อในโมเดิร์นเทรด ก็ไม่สามารถขายราคาแพงมากๆ ได้
แต่ถ้าขายให้สมาชิก mlm ซื้อใช้เอง เรามีไม่มีคู่แข่ง สมาชิกมีความภักดีต่อสินค้าอย่างสูง เราต้องขายให้แพงๆ
หลักการตลาดบอกว่า "Do charge the most loyal customers the highest price" ถ้าใครไม่เชื่อตรงนี้คิดว่าควรให้รางวัลกับลูกค้าที่ภักดีโดยการขายให้ถูกๆ ก็ปิดฝ่ายการตลาดไปเลยครับ บริษัทจะได้ทำกำไรได้ดีขึ้น เพราะฝ่ายการตลาดตั้งขึ้นมาเพื่อหาหนทางทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีกับสินค้าของบริษัทจะได้ไม่เกี่ยงราคา 8)
แต่ถ้าขายให้สมาชิก mlm ซื้อใช้เอง เรามีไม่มีคู่แข่ง สมาชิกมีความภักดีต่อสินค้าอย่างสูง เราต้องขายให้แพงๆ
หลักการตลาดบอกว่า "Do charge the most loyal customers the highest price" ถ้าใครไม่เชื่อตรงนี้คิดว่าควรให้รางวัลกับลูกค้าที่ภักดีโดยการขายให้ถูกๆ ก็ปิดฝ่ายการตลาดไปเลยครับ บริษัทจะได้ทำกำไรได้ดีขึ้น เพราะฝ่ายการตลาดตั้งขึ้นมาเพื่อหาหนทางทำให้ลูกค้าเกิดความภักดีกับสินค้าของบริษัทจะได้ไม่เกี่ยงราคา 8)
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- Little Boy
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 1318
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 14
ขอแชร์ด้วยบ้างครับ คือ mlm จะมองว่า ผู้บริโภคทั่วไปเวลาไปจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคตามร้านต่างๆ หรือในห้าง ส่วนลดเพียงห้าบาทสิบบาทไมได้ทำให้ผู้บริโภคประหยัดอย่างแท้จริง เพราะผู้ผลิตและผู้จำหน่ายได้บวกราคาเพิ่มมาแล้ว เมื่อคุณใช้สินค้าหมดยังไงก็ต้องกลับไปซื้อใหม่ มีแต่ซื้อๆๆๆ โดยคิดเสมอว่าคุ้มที่ได้ส่วนลด แต่กลับส่งผลให้เจ้าของห้าง หรือผู้ผลิตรวยขึ้น (ยกเว้นคุณเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น) ในทางกลับกัน mlm มองคุณเป็นหุ้นส่วนคนหนึ่ง หากคุณหันมานิยมใช้สินค้าของ mlm โดยสั่งซื้อเองตามช่องทางการจำหน่ายต่างๆ คุณจะได้ส่วนลดตรงนั้นกลับเข้ามาในบัญชีของคุณ และหากคุณขยายเครือข่ายผู้บริโภคของคุณออกไป เงินก็จะยิ่งกลับเข้ามาในบัญชีของคุณมากขึ้น ยิ่งซื้อๆๆๆ ก็จะยิ่งมีเงินกลับเข้ามามากขึ้น เป็นการสร้างความร่ำรวยให้กับตัวเอง
ผมว่าแนวคิดเขาดีนะครับ แต่ความโลภความอยากรวยของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ กลับเอาช่องทางตรงนี้มาเร่งยอดขายๆๆๆๆๆ เพื่อให้ตนมีเงินกลับเข้ามาในบัญชีมากขึ้น โดยไม่ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไก ทำให้คนส่วนใหญ่ยี้ mlm ไปเลย
ปล.ผมไม่ได้เป็นสาวกแอมเวย์ครับ และไม่ได้ต่อต้านหลักการของเค้า แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่คนแอมเวย์บางคนใช้มากกว่าครับ
ผมว่าแนวคิดเขาดีนะครับ แต่ความโลภความอยากรวยของคนที่ต้องการประสบความสำเร็จ กลับเอาช่องทางตรงนี้มาเร่งยอดขายๆๆๆๆๆ เพื่อให้ตนมีเงินกลับเข้ามาในบัญชีมากขึ้น โดยไม่ปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไก ทำให้คนส่วนใหญ่ยี้ mlm ไปเลย
ปล.ผมไม่ได้เป็นสาวกแอมเวย์ครับ และไม่ได้ต่อต้านหลักการของเค้า แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่คนแอมเวย์บางคนใช้มากกว่าครับ
ความรู้..อาจมีขอบเขตจำกัด แต่จินตนาการ..ไร้ขีดจำกัด
- mongkol
- Verified User
- โพสต์: 272
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 15
ขอบคุณ ทุกคนครับ ใครตอบผมก็ดีใจทั้งนั้นละครับ แต่ที่อยากถามก็คือคนที่เคยไปอเมริกามานะคับ แล้วก้ทราบแค่ พี่สุมาอี้ กะคุณ โยโย่ ส่วนใครจะมาแจม ก็เชิญเลยครับ
แต่ผมเห็นเขาเปรียบเทียบสินค้าให้ดูแล้ว คุณภาพของแอมเวย์ดีกว่าชาวบ้านพอสมควรเลยนะ เนี่ย :D แต่ช่างเถอะ ชีวิตทำไมจะต้องดีที่สุดทุกอย่าง
แต่ผมเห็นเขาเปรียบเทียบสินค้าให้ดูแล้ว คุณภาพของแอมเวย์ดีกว่าชาวบ้านพอสมควรเลยนะ เนี่ย :D แต่ช่างเถอะ ชีวิตทำไมจะต้องดีที่สุดทุกอย่าง
แก่นแท้ คือ "ความว่าง" นี่เอง
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 16
ออกตัวว่าผมมองขายตรงแบบมีอคติหน่อย..
ข้อสังเกตุคือ...
1.ตัดค่าใช่จ่ายการตลาดออกไป ทำไมขายสินค้าแพงกว่าคนอื่นๆ หรือที่จริงค่าใช้จ่ายการตลาดไม่ได้หายไป แต่แทนที่บริษัทจะจ่าย ก็ให้ตัวแทนจ่ายแทน โดยที่ตัวแทนไม่รู้ตัว เช่นการเสียเวลาไปคุยกับลูกค้า บอกสรรพคุณสินค้าต่างๆ ใช้ความเกรงใจ ค่าน้ำมันรถไปหาลูกค้า เหล่านี้อาจจะไม่เป็นตัวเงิน หรืออาจจะคิดว่าเล็กน้อย แต่ลองคิดว่าตัวแทนมีเป็นแสนคนดู บริษัทจะประหยัดได้เท่าไหร่
2.สินค้าบางประเภทน่าเชื่อว่าดีจริง แต่ราคาแพงกว่าสินค้าปกติมาก ถามว่าคุ้มค่าหรือเปล่า
3.การอ้างสรรพคุณสินค้าที่ประหลาดๆ ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่คนทั่วไปอาจจะเชื่อ ปัจจุบันจะเน้นขายเครื่องสำอาง ที่พิสูจน์สรรพคุณได้ยาก และแน่นอนว่าสินค้านี้ให้มาร์จินสูงมาก
4.การอ้าง คนดังๆ รวยๆ ดร. ว่าทำขายตรง ถ้าถามว่าคนดังๆ รวยๆ หมอ ดร. ทั้งประเทศมีเป็นหมื่นเป็นแสน จะมาขายตรงบ้าง คงไม่แปลกอะไร ถ้ามาทำกันหมด อย่างนั้นคงจะดีจริง
5.การต้องเข้าอบรม หรือที่จริงเข้าไปรับการเสริมสร้างกำลังใจ แถมยังต้องเสียเงินด้วย เพียงเพื่อเข้าไปฟังแต่คนที่ประสบความสำเร็จ 1 ในพันในแสนแต่ไม่ได้บอกว่าโอกาสที่ประสบความสำเร็จมีน้อยเหลือเกิน เปรียบเทียบกับอาชีพอื่นๆ
ผมเคยบอก ดร.ที่เป็นวิทยากรว่า ถ้าเมือ่ไหร่ yourway ขายสินค้าที่คุณภาพดีเท่าๆหรือดีกว่าคนอื่น และขายราคาถูกว่า ผมจะซื้อ แต่ผมมองไม่ออกว่า yourway มีข้อได้เปรียบอะไรที่สามารถผลิตสินค้าดีกว่าในราคาที่ต่ำกว่าได้ นอกจากหวังการหว่านล้อม ชักจูง จากตัวแทนขายให้ลูกค้าซื้อสินค้าดี ราคาแพงกว่าปกติเท่านั้น
ข้อสังเกตุคือ...
1.ตัดค่าใช่จ่ายการตลาดออกไป ทำไมขายสินค้าแพงกว่าคนอื่นๆ หรือที่จริงค่าใช้จ่ายการตลาดไม่ได้หายไป แต่แทนที่บริษัทจะจ่าย ก็ให้ตัวแทนจ่ายแทน โดยที่ตัวแทนไม่รู้ตัว เช่นการเสียเวลาไปคุยกับลูกค้า บอกสรรพคุณสินค้าต่างๆ ใช้ความเกรงใจ ค่าน้ำมันรถไปหาลูกค้า เหล่านี้อาจจะไม่เป็นตัวเงิน หรืออาจจะคิดว่าเล็กน้อย แต่ลองคิดว่าตัวแทนมีเป็นแสนคนดู บริษัทจะประหยัดได้เท่าไหร่
2.สินค้าบางประเภทน่าเชื่อว่าดีจริง แต่ราคาแพงกว่าสินค้าปกติมาก ถามว่าคุ้มค่าหรือเปล่า
3.การอ้างสรรพคุณสินค้าที่ประหลาดๆ ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ แต่คนทั่วไปอาจจะเชื่อ ปัจจุบันจะเน้นขายเครื่องสำอาง ที่พิสูจน์สรรพคุณได้ยาก และแน่นอนว่าสินค้านี้ให้มาร์จินสูงมาก
4.การอ้าง คนดังๆ รวยๆ ดร. ว่าทำขายตรง ถ้าถามว่าคนดังๆ รวยๆ หมอ ดร. ทั้งประเทศมีเป็นหมื่นเป็นแสน จะมาขายตรงบ้าง คงไม่แปลกอะไร ถ้ามาทำกันหมด อย่างนั้นคงจะดีจริง
5.การต้องเข้าอบรม หรือที่จริงเข้าไปรับการเสริมสร้างกำลังใจ แถมยังต้องเสียเงินด้วย เพียงเพื่อเข้าไปฟังแต่คนที่ประสบความสำเร็จ 1 ในพันในแสนแต่ไม่ได้บอกว่าโอกาสที่ประสบความสำเร็จมีน้อยเหลือเกิน เปรียบเทียบกับอาชีพอื่นๆ
ผมเคยบอก ดร.ที่เป็นวิทยากรว่า ถ้าเมือ่ไหร่ yourway ขายสินค้าที่คุณภาพดีเท่าๆหรือดีกว่าคนอื่น และขายราคาถูกว่า ผมจะซื้อ แต่ผมมองไม่ออกว่า yourway มีข้อได้เปรียบอะไรที่สามารถผลิตสินค้าดีกว่าในราคาที่ต่ำกว่าได้ นอกจากหวังการหว่านล้อม ชักจูง จากตัวแทนขายให้ลูกค้าซื้อสินค้าดี ราคาแพงกว่าปกติเท่านั้น
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 17
ออกตัวก่อนว่า ผมทำ Amway ครับ ทำได้มา 2- 3 เดือนแล้ว
ผมก็ต้องบอกว่า มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
- ประเด็น คือ ผมว่าไม่มีความเห็นไหนผิดหรอกครับ สิ่งที่แตกต่างทางความคิด คือ ข้อมูลที่คนๆๆนั้น ได้รับ
และนำมาคิดต่อยอดเป็นความคิดของตัวเอง
เนื่องจาก ผมเข้ามาศึกษา Amway ก็ขอมาแชร์บ้างครับ ...
ผมอยากให้มอง Amway ว่าเป็น อาชีพๆ หนึ่งครับ แล้วลองเปรียบเทียบกันดูครับ
1. ลูกโซ่-ไม่ลูกโซ่
- อันนี้คุณต้องศึกษาแผนการตลาดแบบเจาะลึกจริงๆ แล้วลองเปิดรับดูครับ
อย่าเพิ่งบอกว่าเคยดูแล้ว ส่วนตัวผมจะไม่เป็นน้ำเต็มแก้วครับ วางความคิด
ของตัวเองไว้ก่อน แล้วดูให้มันรู้จริงๆ ..ว่ามันเป็นลูกโซ่จริงหรอ กินหัวคิวจริงหรอ
2. ของแพง
- แพงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณมองครับ ถ้าคุณไม่เคยใช้ แต่แค่ดูราคาข้างกล่อง
แน่นอนครับ แมร่งโครตแพง แต่ถ้าเคยใช้และใช้อย่างถูกวิธีจริงๆ จะรู้ครับว่า
มันคุ้มแค่ไหน ถูกยังไง .... เอาเป็นว่า อยากให้ลองคิดอีกมุมนึงครับ
"ถ้ามันแพงแบบไม่สมเหตุสมผล มันไม่มีคนซื้อหรอกครับ
ถึงบอกจะหลอกคนมาซื้อได้ ถามจริงนะครับ ทุกคนมีความคิดอยู่แล้ว
จะหลอกได้ 50ปี กับคน 90 ประเทศหรอครับ"
- ของ Amway รับประกันความพอใจครับ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน ..
เป็นการการันตีที่สุงที่สุดในโลกแล้วครับ ... แค่คุณเอาไปใช้ ชอบไม่ชอบไม่รู้
ใช้ไปครึ่งนึงเอามาคืน อาจจะมีเหตุผลการคืนว่าไม่ชอบหน้าคนขาย Amway ก็ให้คืนครับ
ลองถามตัวเองจริงๆๆแบบไม่เข้าข้างใคร มีกี่บริษัทกล้ารับประกันแบบนี้ครับ
3. ทำไมต้องไปประชุมด้วย แมร่งเสียตังค่าประชุมอีก คนประสบความสำเร็จก็น้อย
- อยากให้เทียบอะไรที่มันเท่ากันครับ..
วันนี้ Amway ไม่ Amway ไม่รู้หรอก .. ถ้าอยากทำธุรกิจของตัวเองสักอย่าง
คุณจะไม่ลงทุนหรอครับ.. แค่เปิดร้านขายของ ก็ต้องลงทุนขนาดไหนแล้วครับ
ส่วนตัวถ้าเขาบอกว่า ไม่เสียเงินนี่สิ ผมจะกลัวมากกว่า
"ถ้ามีธุรกิจนึงบอกว่าทำง่าย ได้เงินเยอะ ไมต้องลงทุนเลย ป่านนี้ไม่มีคนจนแล้วครับจริงมะ"
-ถ้าเข้าใจจริงๆจะรู้ว่า Amway มันเป็นธุรกิจ ร้อยล้านนะครับ ถ้าไม่มาศึกษา
และทำให้ถูกวิธีไม่มีทางทำได้ครับ..
ลองคิดดูดีๆๆนะครับ เราเรียนมากี่ปีกว่าจะจบ ...จบมามาทำงานรับเงินเดือน..
ที่เรียนมานี่ มันเป็การลงทุนใหม... เคยลองคิดจริงๆมันคุ้มใหมกับเงินเดือนที่ได้รับ..
สุดท้าย...
- ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดใครได้หรอกครับ นอกจากคนๆนั้นจะได้รับข้อมูลที่มากพอ
ผมอยากให้ลองเปิดรับข้อมูล ลองศึกษาจริงๆดูครับ อย่าเพิ่งบอกว่าเคยรู้แล้ว เพราะว่าที่คุณรู้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกจริงๆก็ได้
- ผมไม่รู้หรอกว่า คุณเจอ Amway มาแล้วกี่ครั้ง มันขึ้นอยู่กับว่าครั้งไหนคุณเจอมืออาชีพมากว่า เจอคนทำเป็นจริงๆใหม
- ส่วนตัวผม บวกกับ Amway 100 % ครับ แต่แน่นอนว่าทุกองค์กรย่อมมีคนดี และไม่ดี ถ้าไงก็ขอให้เจอกับคนดีๆๆ แล้วกัน
- แน่นอนครับ Amway ไม่ใช่ คำตอบสุดท้ายของชีวิต แต่ Amway มันเป็นทางเลือกครับ
จะทำหรือไม่ทำก็ไม่ใช่เรื่องผิด มันแค่เป็นโอกาสที่ทำให้เรา
สามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น
- สิ่งที่ผมได้จาก Amway มันไม่ใช่แค่ขายของครับ มันเป็นแนวคิดจากคนประสบความสำเร็จ พัฒนาศักยภาพของตัวเอง
ถึงไม่ทำ Amway มันก็ใช้ได้กับทุกๆอาชีพ ครับ..
ผมก็ต้องบอกว่า มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยครับ
- ประเด็น คือ ผมว่าไม่มีความเห็นไหนผิดหรอกครับ สิ่งที่แตกต่างทางความคิด คือ ข้อมูลที่คนๆๆนั้น ได้รับ
และนำมาคิดต่อยอดเป็นความคิดของตัวเอง
เนื่องจาก ผมเข้ามาศึกษา Amway ก็ขอมาแชร์บ้างครับ ...
ผมอยากให้มอง Amway ว่าเป็น อาชีพๆ หนึ่งครับ แล้วลองเปรียบเทียบกันดูครับ
1. ลูกโซ่-ไม่ลูกโซ่
- อันนี้คุณต้องศึกษาแผนการตลาดแบบเจาะลึกจริงๆ แล้วลองเปิดรับดูครับ
อย่าเพิ่งบอกว่าเคยดูแล้ว ส่วนตัวผมจะไม่เป็นน้ำเต็มแก้วครับ วางความคิด
ของตัวเองไว้ก่อน แล้วดูให้มันรู้จริงๆ ..ว่ามันเป็นลูกโซ่จริงหรอ กินหัวคิวจริงหรอ
2. ของแพง
- แพงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคุณมองครับ ถ้าคุณไม่เคยใช้ แต่แค่ดูราคาข้างกล่อง
แน่นอนครับ แมร่งโครตแพง แต่ถ้าเคยใช้และใช้อย่างถูกวิธีจริงๆ จะรู้ครับว่า
มันคุ้มแค่ไหน ถูกยังไง .... เอาเป็นว่า อยากให้ลองคิดอีกมุมนึงครับ
"ถ้ามันแพงแบบไม่สมเหตุสมผล มันไม่มีคนซื้อหรอกครับ
ถึงบอกจะหลอกคนมาซื้อได้ ถามจริงนะครับ ทุกคนมีความคิดอยู่แล้ว
จะหลอกได้ 50ปี กับคน 90 ประเทศหรอครับ"
- ของ Amway รับประกันความพอใจครับ ไม่พอใจยินดีคืนเงิน ..
เป็นการการันตีที่สุงที่สุดในโลกแล้วครับ ... แค่คุณเอาไปใช้ ชอบไม่ชอบไม่รู้
ใช้ไปครึ่งนึงเอามาคืน อาจจะมีเหตุผลการคืนว่าไม่ชอบหน้าคนขาย Amway ก็ให้คืนครับ
ลองถามตัวเองจริงๆๆแบบไม่เข้าข้างใคร มีกี่บริษัทกล้ารับประกันแบบนี้ครับ
3. ทำไมต้องไปประชุมด้วย แมร่งเสียตังค่าประชุมอีก คนประสบความสำเร็จก็น้อย
- อยากให้เทียบอะไรที่มันเท่ากันครับ..
วันนี้ Amway ไม่ Amway ไม่รู้หรอก .. ถ้าอยากทำธุรกิจของตัวเองสักอย่าง
คุณจะไม่ลงทุนหรอครับ.. แค่เปิดร้านขายของ ก็ต้องลงทุนขนาดไหนแล้วครับ
ส่วนตัวถ้าเขาบอกว่า ไม่เสียเงินนี่สิ ผมจะกลัวมากกว่า
"ถ้ามีธุรกิจนึงบอกว่าทำง่าย ได้เงินเยอะ ไมต้องลงทุนเลย ป่านนี้ไม่มีคนจนแล้วครับจริงมะ"
-ถ้าเข้าใจจริงๆจะรู้ว่า Amway มันเป็นธุรกิจ ร้อยล้านนะครับ ถ้าไม่มาศึกษา
และทำให้ถูกวิธีไม่มีทางทำได้ครับ..
ลองคิดดูดีๆๆนะครับ เราเรียนมากี่ปีกว่าจะจบ ...จบมามาทำงานรับเงินเดือน..
ที่เรียนมานี่ มันเป็การลงทุนใหม... เคยลองคิดจริงๆมันคุ้มใหมกับเงินเดือนที่ได้รับ..
สุดท้าย...
- ไม่มีใครเปลี่ยนความคิดใครได้หรอกครับ นอกจากคนๆนั้นจะได้รับข้อมูลที่มากพอ
ผมอยากให้ลองเปิดรับข้อมูล ลองศึกษาจริงๆดูครับ อย่าเพิ่งบอกว่าเคยรู้แล้ว เพราะว่าที่คุณรู้อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ถูกจริงๆก็ได้
- ผมไม่รู้หรอกว่า คุณเจอ Amway มาแล้วกี่ครั้ง มันขึ้นอยู่กับว่าครั้งไหนคุณเจอมืออาชีพมากว่า เจอคนทำเป็นจริงๆใหม
- ส่วนตัวผม บวกกับ Amway 100 % ครับ แต่แน่นอนว่าทุกองค์กรย่อมมีคนดี และไม่ดี ถ้าไงก็ขอให้เจอกับคนดีๆๆ แล้วกัน
- แน่นอนครับ Amway ไม่ใช่ คำตอบสุดท้ายของชีวิต แต่ Amway มันเป็นทางเลือกครับ
จะทำหรือไม่ทำก็ไม่ใช่เรื่องผิด มันแค่เป็นโอกาสที่ทำให้เรา
สามารถประสบความสำเร็จได้มากขึ้นเท่านั้น
- สิ่งที่ผมได้จาก Amway มันไม่ใช่แค่ขายของครับ มันเป็นแนวคิดจากคนประสบความสำเร็จ พัฒนาศักยภาพของตัวเอง
ถึงไม่ทำ Amway มันก็ใช้ได้กับทุกๆอาชีพ ครับ..
- MO101
- Verified User
- โพสต์: 3226
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 18
zeroshock ตอบช้าไป 2 ปีเห็นจะได้ :lol:
ขอแซวหน่อยละกัน แว๊ปปปป
ขอแซวหน่อยละกัน แว๊ปปปป
- m_act_z
- Verified User
- โพสต์: 357
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 19
ถามผมเนี่ยถ้าผมมองคือยี่ห้อนี้ มีความพยายามสร้าง brand royalty สูงมากครับ เคยไปฟังโมเดลธุรกิจเค้ามา ส่วนตัวก็ไม่ได้แอนตี้นะครับ เเต่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับตัวเอง ส่วนราคาผมไม่ขอพูดถึงละกันครับ มันเป็นความพึงพอใจส่วนบุคคลสินค้าบางคนใช้แล้วดีถูกใจราคาแพงหน่อยเค้าก็คงไม่ว่าอะไร แต่สุดท้ายโมเดลมันก็เป็นรูปพีรามิด ไม่ใช่หรอครับ จิงอยู่ว่าถ้าเป็นสมาชิกเฉยๆ มันก็ได้แต่ถ้าอยากเป็นระดับ บนๆ ก็ต้องทำยอดต่อๆ ไป เป็นลูปวนงี้ไปเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นโมเดลมันเลยไม่เห็นจะต่างกับมีผู้ค้าปลีกเลย ในเมื่อเค้าเอากำไรมาเเบ่งให้เราทำ marketing ให้ แถมยังได้ขายสินค้าด้วย
- kornjackrit
- Verified User
- โพสต์: 1524
- ผู้ติดตาม: 0
เรื่องของ Amway ที่อยากถาม พี่สุมาอี้ กะ คุณ yoyo
โพสต์ที่ 20
ผมเพิ่งเห็นว่ามีกระทู้นี้ด้วย 55
แต่มันนานมากแล้วว ตั้งกะปี 47
:shock:
พอดีผมตั้งอีกกระทู้ที่ห้อง Alternative investing ไว้ตั้งแต่ปี 51
และก็มีพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นที่มีความรู้ และ/หรือ เคยทำธุรกิจ
เครือข่ายมาช่วยตอบคำถามครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 2&start=90
ต้องขอโทษด้วยนะคับที่ไปตั้งกระทู้ซ้ำในห้ิองอื่น
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับพี่ zeroshock ทุกอย่างครับ
หลังจากได้ศึกษามาพักนึง ( ผมไม่ได้ทำนะคับ)
ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าธุรกิจเครือข่ายดีแต่ผมคิดว่า
มันก็มีจุดบอด หรือ จุดเสี่ยงที่ทำให้ผมไม่อยากทำ
( ณ ตอนนี้ ในอนาคตไม่สามารถบอกได้)
ที่สำคัญมากๆ คือ เรื่องความสัมพันธ์กับญาติพี่น้อง
กับเพื่อนๆ กับคนรอบข้าง ผมคิดว่าการทำธุรกิจเครือข่าย
ผู้ที่ตั้งใจ และมุ่งมั่นจะทำจริงๆจังๆนั้น มักจะเริ่มเสนอขาย
หรือ ชวนบุคคลใกล้ตัวก่อนเป็นลำดับแรก
ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลที่ ว่า ชวนง่าย หรือ อยากให้เขาได้ประโยชน์
จากสินค้าก็ตาม แต่สิ่งที่ผมคิดว่าต้องระวังก็คือ การพูดคุย
เรื่องธุรกิจเครือข่ายระหว่างญาติพี่น้ิอง หรือ เพื่อนฝูงที่มากจนเกินไป
ซึ่งมักจะทำให้เขาเหล่านั้นเบื่อหน่าย กับธุรกิจเครือข่าย
ทั้งๆที่มันมีข้อดีอีกเยอะมากมาย
เรื่องนี้มักจะทำให้ควา่มสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และภาพความรู้สึก
ที่คนรอบข้างมีต่อตัวเราเปลี่ยนไป บางคนที่ไม่เข้าใจอาจจะคิดว่า
เราเป็นพวกโลภเห็นแก่เงิน หวังประโยชน์จากเพื่อน หรืออื่นๆ
ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนี้ผมก็คิดว่ามันไม่ใช่ เพียงแต่สิ่งเหล่านี้
คือ สิ่งที่คนไม่เข้าใจ(ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผมเองในตอนแรก)คิด
เนื่องจากในบางครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นจนเกินไป ความตั้งใจจนเกินไป
ที่จะสร้างเครือข่ายหรือทำยอด ทำให้ความโลภซึ่งมีในตัวมนุษย์แทบทุกคน
ถูกแสดงออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว และการแสดงออกเหล่านั้นสามารถเห็นได้
ง่ายดายมากๆจากลักษณะคำพูด และการกระทำของคนๆนั้น
ซึ่งเมื่อแสดงออกมาแล้ว ความสัมพันธ์ของเรากับบุคคลรอบข้าง
หรือ ญาติพี่น้อง ก็คงจะไม่ดีนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเงินทดแทนไม่ได้
ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ถ้าความสัมพันธ์เสียไป มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้
ยังไงก็ระวังเรื่องเหล่านี้ไว้หน่อยนะคับสำหรับผู้ที่ทำ และ คิดจะทำ
ธุรกิจเครือข่ายทุกท่าน
แต่มันนานมากแล้วว ตั้งกะปี 47
:shock:
พอดีผมตั้งอีกกระทู้ที่ห้อง Alternative investing ไว้ตั้งแต่ปี 51
และก็มีพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นที่มีความรู้ และ/หรือ เคยทำธุรกิจ
เครือข่ายมาช่วยตอบคำถามครับ
http://www.thaivi.com/webboard/viewtopi ... 2&start=90
ต้องขอโทษด้วยนะคับที่ไปตั้งกระทู้ซ้ำในห้ิองอื่น
ส่วนตัวผมเห็นด้วยกับพี่ zeroshock ทุกอย่างครับ
หลังจากได้ศึกษามาพักนึง ( ผมไม่ได้ทำนะคับ)
ถึงแม้ว่าจะเห็นว่าธุรกิจเครือข่ายดีแต่ผมคิดว่า
มันก็มีจุดบอด หรือ จุดเสี่ยงที่ทำให้ผมไม่อยากทำ
( ณ ตอนนี้ ในอนาคตไม่สามารถบอกได้)
ที่สำคัญมากๆ คือ เรื่องความสัมพันธ์กับญาติพี่น้อง
กับเพื่อนๆ กับคนรอบข้าง ผมคิดว่าการทำธุรกิจเครือข่าย
ผู้ที่ตั้งใจ และมุ่งมั่นจะทำจริงๆจังๆนั้น มักจะเริ่มเสนอขาย
หรือ ชวนบุคคลใกล้ตัวก่อนเป็นลำดับแรก
ไม่ว่าจะมาจากเหตุผลที่ ว่า ชวนง่าย หรือ อยากให้เขาได้ประโยชน์
จากสินค้าก็ตาม แต่สิ่งที่ผมคิดว่าต้องระวังก็คือ การพูดคุย
เรื่องธุรกิจเครือข่ายระหว่างญาติพี่น้ิอง หรือ เพื่อนฝูงที่มากจนเกินไป
ซึ่งมักจะทำให้เขาเหล่านั้นเบื่อหน่าย กับธุรกิจเครือข่าย
ทั้งๆที่มันมีข้อดีอีกเยอะมากมาย
เรื่องนี้มักจะทำให้ควา่มสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และภาพความรู้สึก
ที่คนรอบข้างมีต่อตัวเราเปลี่ยนไป บางคนที่ไม่เข้าใจอาจจะคิดว่า
เราเป็นพวกโลภเห็นแก่เงิน หวังประโยชน์จากเพื่อน หรืออื่นๆ
ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนี้ผมก็คิดว่ามันไม่ใช่ เพียงแต่สิ่งเหล่านี้
คือ สิ่งที่คนไม่เข้าใจ(ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ รวมทั้งตัวผมเองในตอนแรก)คิด
เนื่องจากในบางครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นจนเกินไป ความตั้งใจจนเกินไป
ที่จะสร้างเครือข่ายหรือทำยอด ทำให้ความโลภซึ่งมีในตัวมนุษย์แทบทุกคน
ถูกแสดงออกมาโดยไม่ทันรู้ตัว และการแสดงออกเหล่านั้นสามารถเห็นได้
ง่ายดายมากๆจากลักษณะคำพูด และการกระทำของคนๆนั้น
ซึ่งเมื่อแสดงออกมาแล้ว ความสัมพันธ์ของเรากับบุคคลรอบข้าง
หรือ ญาติพี่น้อง ก็คงจะไม่ดีนัก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเงินทดแทนไม่ได้
ไม่ว่าจะร่ำรวยแค่ไหน ถ้าความสัมพันธ์เสียไป มันเรียกกลับคืนมาไม่ได้
ยังไงก็ระวังเรื่องเหล่านี้ไว้หน่อยนะคับสำหรับผู้ที่ทำ และ คิดจะทำ
ธุรกิจเครือข่ายทุกท่าน
When you become famous, the first thing you should have to remember is not your success story but those who help you along the way.