ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

โพสต์ที่ 1

โพสต์

อะไรที่ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียนลงในรัฐธรรมนูญ

โดย ปราโมทย์ นาครทรรพ


ผมปล่อยไก่ตัวโตเผลอเขียนชื่อโธมัส เจฟเฟอร์สัน ลงไปแทนอเล็กซานเดอร์ แฮมิลตัน สองเสาหลักรัฐธรรมนูญอเมริกัน รัฐธรรมนูญนี้ลงนาม 40 คน รวมทั้ง จอร์จ วอชิงตัน และ เบนจามิน แฟรงกลิน เจฟเฟอร์สันที่เขียนคำประกาศอิสรภาพอเมริกาดังลั่นโลก ตอนนั้นไม่อยู่ ไปเป็นทูตอยู่ที่ปารีส
     
       ผมไม่เคยเห็นมีที่ไหนที่เขาจัดลำดับรัฐธรรมนูญกัน แต่มีหลายคนที่หลงคำโฆษณาชวนเชื่อว่ารัฐธรรมนูญปี 2540 ของไทยเป็นหนึ่งในสิบของรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุดในโลก เลยอาจจะผิดหวัง โกรธที่ได้ยินว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับที่ห่วยที่สุดฉบับหนึ่ง
     
       ผมยืนยันทัศนะของผมต่อหน้านายกรัฐมนตรีและคณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิของนายกฯ ว่า อย่างน้อยมีคนบ้ากับคนดีคู่หนึ่งที่เห็นตรงกันอย่างนั้น คนดีคนนั้น คือ ศ.ดร. อมร จันทรสมบูรณ์ ปรมาจารย์วิชารัฐธรรมนูญของไทย
     
       เราทั้งสองทราบดีว่าพอประชุมนัดแรกคณะกรรมาธิการก็ลงมติให้ยึดรัฐธรรมนูญ 2540 เป็นหลักในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ คมช.
     
       ดร.อมรเคยทำนายจุดจบของรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 มาตลอด และยืนยันว่าสังคมไทยจะต้องออกจากมนต์รักผีสิงของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้ได้ จึงจะปฏิรูปการเมืองสำเร็จ ดร.อมรเห็นว่าคณะผู้ร่าง กระบวนการร่างและทิศทางการร่างครั้งนี้ไม่ใช่ แต่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ขอให้นายกรัฐมนตรีตั้งสติให้ดี เอาไว้เราคอยไปแก้กันในเกมการเมืองทีหลัง
     
       ผมเห็นว่าถึงเขาจะหามผีเข้าป่าช้าแล้ว ตราบใดที่ยังไม่เผา เราก็ยังแก้ไขได้ สำคัญว่า คมช.กับรัฐบาลจะมีกึ๋นหรือไม่ หาก คมช. ตระหนักว่าตนยังมีสิทธิและอำนาจที่จะเรียกเอาความเป็นรัฐาธิปัตย์ของตนคืนมาจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่กำลังจะส่งประเทศไปสู่ทางตัน ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคมช.ต่อแผ่นดินที่จะต้องแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
     
       ผมเห็นรอยยิ้มทั้งทางปากและสายตาของพลเอกสุรยุทธ์ เมื่อท่านบอกว่าก็เป็นเรื่องที่จะต้องช่วยกันคิดต่อไป
     
       ผมนึกว่านายกฯ จะเครียด เพราะพึ่งได้รับใบลาออกของหม่อมอุ๋ยหมาดๆ ยังไม่ถึง 2 ชั่วโมงดี แต่นายกฯ หัวเราะไปคุยไปจนจบรายการอาหารเที่ยงมื้อนั้น
     
       หรือว่านายกฯ จะปลึ้มค้างมาจากเมื่อวาน ที่เลขาธิการสหพันธ์นักกฎหมายนานาชาติมาเข้าเยี่ยมคำนับ เขาชมและยืนยันว่า สหพันธ์ได้ตรวจสอบแล้วมีความเชื่อมั่นว่านายกฯ สุรยุทธ์ได้พิสูจน์ทั้งโดยทางวาจาและการปฏิบัติว่าเป็นผู้ยึดมั่นและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ทั้งที่รัฐบาลนี้มิได้มาจาการเลือกตั้ง แต่ดีกว่ารัฐบาลที่แล้วหลายขุม
     
       สหพันธ์นักกฎหมายนานาชาติเลยขอตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคที่กรุงเทพฯ เสียเลย เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
     
       ทั้งหมดที่ผมเล่ามานี้ หวังว่าท่านผู้อ่านคงไม่ตำหนิว่านอกเรื่องนอกราว ความจริงเรื่องทั้งหมดเชื่อมโยงกัน และเชื่อมโยงกับหัวข้อบทความนี้ว่า อะไรที่ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียนลงในรัฐธรรมนูญ      

       ทำอย่างไรเราจึงจะรู้และตกลงกันได้ว่าอะไรจะต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียนลงในรัฐธรรมนูญ
     
       เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ สังคมจะแตกแยกหรือฆ่ากันตายก็เพราะความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องนี้ โดยเฉพาะความเห็นของกลุ่มบุคคลที่มีทิฐิมานะและอุปาทานสูง ไม่ว่าจะเป็นพระ ฆราวาส ผู้หญิง คนพิการ หรือกลุ่มพลังที่ผูกติดอยู่กับปัญหาหรือประเด็นทางสังคมเรื่องหนึ่งเรื่องใด จึงมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าถ้าเรื่องของตนไม่ถูกบรรจุลงในรัฐธรรมนูญละก้อ รัฐธรรมนูญนั้นจะไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่มีความหมาย
     
       และในยุคสมัย และยามเช่นนี้ ก็ยากที่เรื่องจะลงเอยกันได้ด้วยดี
     
       ยกเว้นเสียต่อว่า ทุกคนมีความรู้ มีความสำนึกและยอมรับว่า การร่างรัฐธรรมนูญนั้นย่อมจะต้องมี หลักคิดหรือทฤษฎีเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ ให้เป็นหลักยึดไว้เสียก่อน นั่นก็คือหลักรัฐธรรมนูญนิยมหรือ Constitutionalism ซึ่งเป็นหลักคู่กับหลักประชาธิปไตย
     
       เสร็จแล้วยังจะต้องมีประกอบอย่างน้อยอีก 4 หลัก ได้แก่ หลักเทศ หลักไทย หลักเทียบ หลักฐาน ดังที่ผมเคยกล่าวมา
     
       หลักเทศ คือหลักที่มีความเป็นสากล เป็นที่เคารพนับถือ และใช้กันอยู่ในนานาประเทศ
     
       หลักไทย คือหลักของไทยเราเอง เช่น กรณีพระราชอำนาจ นิติราชประเพณี หลักทศพิธราชธรรม เป็นต้น เรื่องอื่นๆ ก็มีกรณีที่เป็นแบบแผนปฏิบัติในทางที่สอดคล้องกับความเป็นสากล เช่น การแยกอำนาจและถ่วงอำนาจอธิปไตย หรือวัฒนธรรมประชาธิปไตยในสภาและรัฐบาลก่อนพ.ศ.2490 เป็นต้น
     
       หลักเทียบ คือหลักที่จะนำหลักต่างๆ มาเปรียบเทียบกัน ทั้งจากหลักเทศและหลักไทย เช่น เรื่องเกี่ยวกับพรรคการเมือง เรื่องเขตเลือกตั้งและเรื่องวิธีการเลือกตั้งเป็นต้น
     
       หลักฐาน คือสถิติ ข้อมูล ข้อเขียน บทความ ทฤษฎี เอกสารอ้างอิง รูปแบบ การทำนาย การทดสอบ และการพิสูจน์ล่วงหน้า ฯลฯ ของประเด็นและกรณีต่างๆ ในหลักทุกหลัก ซึ่งถ้าปราศจากหลักนี้แล้ว ความน่าเชื่อถือในการตัดสินใจหรือเลือกว่าอะไรจะต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียนลงในรัฐธรรมนูญ และรัฐธรรมนูญจะออกมา ก็ย่อมจะง่อนแง่นคลอนแคลน ไม่เป็นที่ยอมรับนับถือ

อเมริการ่างรัฐธรรมนูญก่อนของไทย145 ปี เขามีหลักฐานเพียบ เป็นระบบ น่าเชื่อถือยิ่งนัก จนกระทั่งทุกวันนี้ก็ไปเปิดหลักฐานดูได้ว่าใครพูดอะไรเมื่อใด มีข้อมูลอ้างอิงว่าอย่างไร มีหนังสือเขียนถึงเรื่องนั้นๆ มาก่อนกี่เล่ม และหลังจากนั้นมีอีกกี่เล่ม การร่างรัฐธรรมนูญของเรา อย่างดีก็มีตัวบทของครั้งก่อนๆ แม้กระทั่งการร่างครั้งนี้ ผมเชื่อว่า ของเราก็ยังห่างไกลจากเขาลิบลับ แม้จะพูดว่าเราเกือบจะไม่มีหลักฐานหรือระบบอ้างอิงที่น่าเชื่อถือใดๆ เลย ก็แทบจะไม่ผิด เพราะนักร่างของเราเป็นอัจฉริยะและมีวาทศิลป์อันเยี่ยมยอดทุกคน ไม่จำเป็นจะต้องอาศัยหลักฐานใดๆ ให้มากเรื่อง

ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

โพสต์ที่ 2

โพสต์

สัปดาห์ที่แล้ว ผมเขียนแหย่ๆ ไปเรื่องรัฐธรรมนูญอเมริกันกับเสรีภาพทางศาสนา ดังนี้ จุดเด่นที่สุดของรัฐธรรมนูญอเมริกัน นอกเหนือจากการสร้างระบบที่เรียกว่าเฟเดอรัลลิสม์แล้ว ก็ได้แก่การจำกัดอำนาจรัฐบาล (กลาง) การปกป้องสิทธิเสรีภาพพื้นฐานของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสรีภาพของสื่อซึ่งจะออกกฎหมายใดๆ มาจำกัดประการใดมิได้เลย และการเทิดทูนเสรีภาพทางศาสนาโดยห้ามมิให้สภาออกกฎหมายจัดตั้งหรือรับรองศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น
     
       เหมือนกับผมไปตีขนดหางพญานาค โดยโทร.ก่นด่าเสียกระบุงโกย ที่สำคัญหาว่าผมยกเมฆ เอาสิ่งที่ไม่เป็น ไม่มี ไม่จริงขึ้นมาอ้าง บางท่านก็อ้างว่ารู้ดี ทั้งท่านเองและญาติโยมก็เคยเห็น school prayer หรือการบังคับสวดมนต์ในโรงเรียนอเมริกันอยู่ ผมอย่ามาแหกตาเลย
     
       ศาลสูงอเมริกันตัดสินไปนานแล้วว่าการบังคับสวดมนต์ในโรงเรียนผิดรัฐธรรมนูญ ผมจะลอกรัฐธรรมนูญอเมริกันมาให้ดู โดยไม่ต้องแปลก็แล้วกัน
     
       เรื่องบัตรเลือกตั้งอังกฤษไม่มีระบุชื่อพรรคก็อีก หาว่าผมยกเมฆทั้งนั้น ถ้าเป็นอย่างที่ผมว่าจริง ครูบาอาจารย์และสื่อพากันไม่งมโข่งอยู่ที่ไหน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
     
       ผมตอบว่าอังกฤษไม่บังคับผู้แทนให้สังกัดพรรค ไม่มีกฎหมายพรรคการเมืองไม่มีปฏิมากรพรรคการเมืองแบบบ้านเราที่คอยออกแบบพรรคการเมืองให้ เขามีแต่วิวัฒนา การ กับ พ.ร.บ.ว่าด้วยการลงทะเบียนพรรคการเมือง ค.ศ. 1998 (Registration of Political Parties Act 1998) พรรคของเขาจะต่างกันอย่างไรก็ได้
     
       ท่านก็บอกว่านั่นมันของฝรั่งมังค่า เรื่องอะไรที่เราจะต้องไปยึดถือเอาตัวอย่างมัน
     
       ผมอยากจะพูดอย่างนี้ครับ ว่าโลกของเรามีการลอกแบบและเอาตัวอย่างกัน ทั้งทางวิทยาศาสตร์ สังคม และวัฒนธรรม
     
       หากจะอุปมาเรื่องรถยนต์ อย่างน้อยเราก็ต้องลอกแบบกลไกที่เป็นหลักสำคัญที่ทำให้รถวิ่งได้ หยุดได้และเลี้ยวได้ ส่วนเราจะพ่นสี ประดับประดา แต่งคิ้ว ต่อตัวถังให้สวยงามถูกใจอย่างไรก็เป็นเรื่องของเรา ฉันใดก็ฉันนั้น ประชาธิปไตย
     
       Amendment I รัฐธรรมนูญอเมริกัน ห้ามเขียนกฎหมายเกี่ยวกับศาสนา  
   
       Congress shall make no law respecting an establishment of religion, or prohibiting the free exercise thereof; or abridging the freedom of speech, or of the press; or the right of the people peaceably to assemble, and to petition the government for a redress of grievances.
     
       แถมรัฐธรรมนูญญี่ปุ่นให้ด้วยครับ Article 20:
     
       Freedom of religion is guaranteed to all. No religious organization shall receive any privileges from the State, nor exercise any political authority. 2) No person shall be compelled to take part in any religious acts, celebration, rite or practice. 3) The State and its organs shall refrain from religious education or any other religious activity.
     
       ผมมีโอกาสได้ฟังดร.มหาโช ทางทีวี คล้ายๆกับท่านเชื่อว่ารัฐธรรมนูญเป็นต้นชี้ตายปลายชี้เป็น อะไรที่มิได้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ รวมทั้งศาสนาพุทธ ก็จะกลับกลายเป็นของไร้ค่า ความเข้าใจผิดอีกอันหนึ่งเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญก็คือเรื่อง ถ้าไม่มี (ใน) กฎหมายแม่แล้วก็จะออกอะไรในกฎหมายลูกไม่ได้ นี่เป็นอวิชชาที่เพิ่งเกิดจากรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540 แท้ๆ
     
       ทีนี้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรื่องอื่นๆ อะไรบ้างจะต้องเขียน อะไรบ้างไม่ต้องเขียน และอะไรบ้างต้องไม่เขียน ลงไปในรัฐธรรมนูญ
     
       ขอตอบว่า รู้ครับ ถ้าเรารู้หลักรัฐธรรมนูญ และหลักต่างๆ ที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น ด้วยเนื้อที่จำกัด เราอาจจะสรุปเอาแต่หลักสำคัญ ดังนี้
     
       1.รัฐบาลเป็นความชั่วร้ายที่จำเป็น เพราะฉะนั้นจำเป็นต้องจำกัดอำนาจรัฐบาล โดยการระบุไปให้หมดว่ารัฐบาลมีอำนาจอะไรบ้าง อำนาจใดที่มิได้ระบุ รัฐบาลจะใช้ไม่ได้ นอกจากจะได้รับอนุญาตเป็นเรื่องๆ เป็นครั้งเป็นคราวจากประชาชน (ผ่านตัวแทนคือสภาบวกพระมหากษัตริย์) อำนาจของรัฐบาลเปรียบเสมือนพลังไฟฟ้าที่ประจุไว้ในเครื่องใช้ต่างๆ จะต้องมีการควบคุมเปิดปิดและสวิตช์
     
       2. ประชาชนเป็นเจ้าอำนาจอธิปไตย จึงมี อำนาจเสมือนพลังไฟฟ้าที่อยู่ในอากาศ หาที่สุดมิได้ ไม่จำเป็นจะต้องสาธยายทุกข้อ อะไรก็ตามที่มิได้ระบุไว้ว่ายกให้เป็นอำนาจหน้าที่รัฐบาล และมิได้ระบุต้องห้ามให้ประชาชน ให้ถือว่าสงวนไว้เป็นอำนาจและสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งสิ้น จะเขียนสงวนไว้ให้รัฐบาล โดยข้อความว่า ตามแต่กฎหมายจะบัญญัติ มิได้เด็ดขาด
     
       3. กลไกการแยกและถ่วงดุลอำนาจอธิปไตยทั้งสาม
     
       4. พระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ตามจารีตประชาธิปไตยและนิติราชประเพณี
     
       ส่วนจะแยกเป็นข้อปลีกย่อยอย่างไร จำนวนเท่าใด และเพราะเหตุใดนั้น เพื่อป้องกันความขัดแย้งแตกแยกกันทางความคิดที่จะนำไปสู่ความวุ่นวายไม่สงบ ควรจะมีการสำรวจและสอบถามความคิดเห็นกันอย่างเป็นระบบและทั่วถึง ให้ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นกรรมาธิการร่างหรือประชาชนเดินถนน ระบุมา ทั้งใน 3 ประเด็นๆ ละ 10 ถึง 15 ข้อ ว่าตนเห็นว่าจะต้องเขียนอะไร ไม่ต้องเขียนอะไร และต้องไม่เขียนอะไรลงไปในรัฐธรรมนูญบ้าง
     
       ใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ รวบรวมได้ข้อมูลครบถ้วนแล้วจึงนำมาตรวจสอบกับหลักต่างๆ ที่วางไว้ และอธิบายให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันทั่วประเทศ
     
       ไม่ยากใช่ไหมครับอย่างนี้ ผมกลัวแต่ว่าชนชั้นปกครองและนักวิชาการจะไม่เต็มใจ เพราะตนจะสูญเสียอำนาจผูกขาดเท่านั้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

โพสต์ที่ 3

โพสต์

ย่อหน้าแรก(จริงๆไม่ได้ย่อเลย) อ้างถึงบทความใน reply 9 ของทู้

ผนึกกำลังฟ้าดินจากในหลวง-ปวงชนสู่ราชประชาสมาสัย

http://www.thaivi.com/webboard/viewtopic.php?t=22515

เพื่อความเข้าใจต่อเนื่อง... :wink:
121
Verified User
โพสต์: 843
ผู้ติดตาม: 0

ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

โพสต์ที่ 4

โพสต์

thank you  อีกที
ภาพประจำตัวสมาชิก
bsk(มหาชน)
Verified User
โพสต์: 3206
ผู้ติดตาม: 0

ต้องเขียน ไม่ต้องเขียน และต้องไม่เขียน

โพสต์ที่ 5

โพสต์

รธน.ไทยฉีกกันง่ายๆเพราะเต็มไปด้วยเนื้อหา

แต่ขาดฐานรากและจิตสำนึกร่วมหรือเปล่าคับ

(คำถามและคำตอบนี้น่าจะบอกอะไรได้กลายๆ)
โพสต์โพสต์