DELTA ได้เวลาแล้ว
-
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 1
บริษัทใหญ่ ก่อตั้งมานาน โครงสร้างทางการเงินแข็งแกร่ง มีเทคโนโลยี่เอง (ด้าน power supply) การตลาดแข็ง มีกำไรต่อเนื่อง จ่ายปันผลเสมอมา มีหนี้น้อย
เหตุที่ราคาไหลลง เพราะ ไปลงทุนซื้อกิจการในยุโรปที่ดำเนินงานขาดทุน และคนเกรงว่าจะบันทึกผลขาดทุนในงบมาก งบจะออกมาไม่สวย และอาจจะไม่ปันผลในช่วงนี้
แต่ ผมกับมองในแง่ดิ และเห็นว่าเป็นจังหวะซื้อดังนี้
1. เงินUSDมีแนวโน้มอ่อนค่า การไปลงทุนที่ยุโรปไม่เพียงแต่ขยายตลาดในแถบนั้น ยังช่วยลดความผันผวนจากค่าเงินด้วย ตั้งแต่เข้าไปลงทุน เงินยูโรก็แข็งขึ้นตลอด
2. บริษํทที่เข้าไปลงทุนมี เทคโนโลยี่ของตนเองที่น่าสนใจ รวมความว่าถ้าไม่คิดว่าดี เรื่องอะไรใครจะหอบเงินไปลงทุน
3. ใครอ่านIntelligence Investor จะรู้ว่ามีหุ้นประเภทหนึ่งที่ แกรแฮม คิดว่าน่าสนใจ คือ หุ้นของบริษัท ขนาดใหญ่ ที่ราคาลงมากว่า 30% ด้วยเหตุผลที่เป็นเรื่องระยะสั้น และแก้ไขได้ เหตุว่าบริษัทขนาดใหญ่ มีพร้อม ทั้งกำลังคน กำลังสมอง กำลังเงิน ที่จะแก้ไขปัญหาเล็กๆน้อยให้พลิกกลับมาได้ทุกเมื่อ
ผมว่า delta นี่เข้าเกณฑ์ทีเดียว การลงทุนเพื่อขยายงาน ถ้าไม่ดีเขาก็คงไม่ทำ ส่วนผลกระทบก็เป็นแค่ระยะสั้น แถมราคาหุ้นลงมา30% แล้ว จบ wave 5 เรียบร้อย และพยายามจะทำขาขึ้นอยู่ คิดว่าน่าจะ ลงต่ำสุดแล้ว น่าทยอยเก็บเป็นอย่างยิ่ง
ใครเห็นว่าอย่างไร
เหตุที่ราคาไหลลง เพราะ ไปลงทุนซื้อกิจการในยุโรปที่ดำเนินงานขาดทุน และคนเกรงว่าจะบันทึกผลขาดทุนในงบมาก งบจะออกมาไม่สวย และอาจจะไม่ปันผลในช่วงนี้
แต่ ผมกับมองในแง่ดิ และเห็นว่าเป็นจังหวะซื้อดังนี้
1. เงินUSDมีแนวโน้มอ่อนค่า การไปลงทุนที่ยุโรปไม่เพียงแต่ขยายตลาดในแถบนั้น ยังช่วยลดความผันผวนจากค่าเงินด้วย ตั้งแต่เข้าไปลงทุน เงินยูโรก็แข็งขึ้นตลอด
2. บริษํทที่เข้าไปลงทุนมี เทคโนโลยี่ของตนเองที่น่าสนใจ รวมความว่าถ้าไม่คิดว่าดี เรื่องอะไรใครจะหอบเงินไปลงทุน
3. ใครอ่านIntelligence Investor จะรู้ว่ามีหุ้นประเภทหนึ่งที่ แกรแฮม คิดว่าน่าสนใจ คือ หุ้นของบริษัท ขนาดใหญ่ ที่ราคาลงมากว่า 30% ด้วยเหตุผลที่เป็นเรื่องระยะสั้น และแก้ไขได้ เหตุว่าบริษัทขนาดใหญ่ มีพร้อม ทั้งกำลังคน กำลังสมอง กำลังเงิน ที่จะแก้ไขปัญหาเล็กๆน้อยให้พลิกกลับมาได้ทุกเมื่อ
ผมว่า delta นี่เข้าเกณฑ์ทีเดียว การลงทุนเพื่อขยายงาน ถ้าไม่ดีเขาก็คงไม่ทำ ส่วนผลกระทบก็เป็นแค่ระยะสั้น แถมราคาหุ้นลงมา30% แล้ว จบ wave 5 เรียบร้อย และพยายามจะทำขาขึ้นอยู่ คิดว่าน่าจะ ลงต่ำสุดแล้ว น่าทยอยเก็บเป็นอย่างยิ่ง
ใครเห็นว่าอย่างไร
-
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 2
ขอเตือน ว่าอย่าเพิ่งเข้า
เพราะ มีคนรู้จัก ทำอยู่ที่นั่น แจ้งว่า งานน้อย ไม่ค่อยมี OT
อย่าเชื่อผมนะครับ ตรวจสอบดูอีกที...
อิอิ.....

เพราะ มีคนรู้จัก ทำอยู่ที่นั่น แจ้งว่า งานน้อย ไม่ค่อยมี OT
อย่าเชื่อผมนะครับ ตรวจสอบดูอีกที...
อิอิ.....



-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 3
เห็นด้วยกับคุณ Deltaman
Delta น่าจะเข้าเกณฑ์ Warren ในระดับหนึ่ง
1 ROE สูงกว่า 20% ย้อนหลังถึงปี 95
2 Long-term Debt ต่ำเทียบกับ yearly net profits
3 Aerage EPS ประมาณ 2.8 บาท ย้อนหลัง 8 ปี ถ้าราคา 25 บาท / 2.8 = P/E 9 ..... เกรงว่าในตลาดขาขึ้นตอนนี้จะหาหุ้นดี ๆ P/E ต่ำกว่า 6 - 8 ยาก ??
4 ที่สำคัญมี "ข่าวร้าย" เกิดขึ้นกับบริษัท ( ไปซื้อกิจการที่ขาดทุน )
( ตัวเลขข้างต้นเป็นตัวเลขอย่างคร่าวๆ เนื่องจากไม่มีความสามารถทางวิเคราะห์ "พื้นฐาน"มากนัก เพราะฉะนั้น ผู้อ่านควรวิเคราะห์เองเพิ่มเติม )
ในแง่ "เทคนิค" ดูยังไงก็ไม่เห็นเป็น wave 5 อย่างคุณ Deltaman เลย
ถ้าไล่ดูกราฟตั้งแต่ปี 97 ถึงปัจจุบัน 04 น่าจะเป็น Correction ในรูปแบบของ Complex Double Three ..... มีโอกาสที่จะลงถึง 18 - 20 บาทในไตรมาสนี้
จากนั้น ทยอยปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 35 บาท ประมาณปลายปี 05
และ ประมาณปี 07 - 08 น่าจะได้เห็นราคาแถว 60 บาท
สำหรับระยะสั้น หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า น่าจะได้เห็นราคาแถว
26.50 - 27 บาท แต่ยังไม่คิดว่าเป็นขาขึ้น เป็นเพียงการดีดตัวระยะสั้นเท่านั้น ..... เมื่อไรที่มีสัญญาณของการปรับตัวขึ้นที่แท้จริงจะแจ้งให้ทราบ (ถ้าไม่ลืมดู )
Delta น่าจะเข้าเกณฑ์ Warren ในระดับหนึ่ง
1 ROE สูงกว่า 20% ย้อนหลังถึงปี 95
2 Long-term Debt ต่ำเทียบกับ yearly net profits
3 Aerage EPS ประมาณ 2.8 บาท ย้อนหลัง 8 ปี ถ้าราคา 25 บาท / 2.8 = P/E 9 ..... เกรงว่าในตลาดขาขึ้นตอนนี้จะหาหุ้นดี ๆ P/E ต่ำกว่า 6 - 8 ยาก ??
4 ที่สำคัญมี "ข่าวร้าย" เกิดขึ้นกับบริษัท ( ไปซื้อกิจการที่ขาดทุน )
( ตัวเลขข้างต้นเป็นตัวเลขอย่างคร่าวๆ เนื่องจากไม่มีความสามารถทางวิเคราะห์ "พื้นฐาน"มากนัก เพราะฉะนั้น ผู้อ่านควรวิเคราะห์เองเพิ่มเติม )
ในแง่ "เทคนิค" ดูยังไงก็ไม่เห็นเป็น wave 5 อย่างคุณ Deltaman เลย
ถ้าไล่ดูกราฟตั้งแต่ปี 97 ถึงปัจจุบัน 04 น่าจะเป็น Correction ในรูปแบบของ Complex Double Three ..... มีโอกาสที่จะลงถึง 18 - 20 บาทในไตรมาสนี้
จากนั้น ทยอยปรับตัวกลับขึ้นไปแถว 35 บาท ประมาณปลายปี 05
และ ประมาณปี 07 - 08 น่าจะได้เห็นราคาแถว 60 บาท
สำหรับระยะสั้น หนึ่งถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า น่าจะได้เห็นราคาแถว
26.50 - 27 บาท แต่ยังไม่คิดว่าเป็นขาขึ้น เป็นเพียงการดีดตัวระยะสั้นเท่านั้น ..... เมื่อไรที่มีสัญญาณของการปรับตัวขึ้นที่แท้จริงจะแจ้งให้ทราบ (ถ้าไม่ลืมดู )
- Minesweeper
- Verified User
- โพสต์: 472
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 4
โห คุณ tech
ความเห็นผมว่าเทคนิคระยะเป็นปีๆ นี่ไม่น่าจะใช้ได้นะครับ
ส่วนเรื่องปัจจัยพื้นฐาน ผมว่าการไปซื้อ Ascom มาเนี่ย เป็นความเสี่ยงระดับนึงนะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้ประโยชน์ในระยะยาวขนาดไหน
แต่ คิดว่าเป็นหุ้นที่เอาใจใส่ผู้ถือหุ้นดีพอสมควรที่เดียว ไม่เก็บเงินไว้เยอะมาก มีปันผลดี นี่แหละที่ทำให้รักษา ROE สูงๆ ไว้ได้
แต่ (อีกแล้ว) บางที่ผู้ถือหุ้นก็อยากได้ growth (EPS growth) เหมือนกันนะครับ value (ROE,ROA, gross margin) อาจจะเท่ แต่มันจับต้องไม่ได้ ไม่เหมือน growth มันชัดเจนกว่า
...
ความเห็นผมว่าเทคนิคระยะเป็นปีๆ นี่ไม่น่าจะใช้ได้นะครับ
ส่วนเรื่องปัจจัยพื้นฐาน ผมว่าการไปซื้อ Ascom มาเนี่ย เป็นความเสี่ยงระดับนึงนะ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะได้ประโยชน์ในระยะยาวขนาดไหน
แต่ คิดว่าเป็นหุ้นที่เอาใจใส่ผู้ถือหุ้นดีพอสมควรที่เดียว ไม่เก็บเงินไว้เยอะมาก มีปันผลดี นี่แหละที่ทำให้รักษา ROE สูงๆ ไว้ได้
แต่ (อีกแล้ว) บางที่ผู้ถือหุ้นก็อยากได้ growth (EPS growth) เหมือนกันนะครับ value (ROE,ROA, gross margin) อาจจะเท่ แต่มันจับต้องไม่ได้ ไม่เหมือน growth มันชัดเจนกว่า
...
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 5
ตอบคุณ Minesweeper
คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งตัวนักวิเคราะห์เทคนิคตาม บล. ต่างๆ ก็ยังไม่เข้าใจดี ส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่ผิด ๆในตลาด เช่น เทคนิคใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดช่วงสั้นเท่านั้น เพราะปัจจัยทางเทคนิคสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบ
( เพราะฉะนั้นนักวิเคราะห์ไม่เคยผิด ที่ผิด คือ ปัจจัยที่เปลี่ยนไป )
การวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่อง Elliotte Wave ( ที่บางครั้งถ้าโอกาสอำนวยสามารถมองได้ไกลเป็นปีๆ )
มีส่วนสัมพันธ์อย่างมากกับเรื่องของ จิตวิทยา ...........คน ( หรือ ตลาด ) ที่อารมณ์ดี จะมองหาแต่ข่าวดี ยามที่ตลาดไม่มั่นใจ หรือ หวาดกลัวก็จะมองหาแต่ข่าวร้าย เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เข้าใจกรอบความคิดนี้ ไม่เข้าใจแนวโน้มหลักของตลาด เราก็จะพลาดแนวโน้มย่อย ๆ ที่ตามมา ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดผันผวน และถูกกระทบตามปัจจัยต่างๆ "ที่คาดการณ์ไม่ได้" ทำให้เข้าใจว่าเทคนิคใช้ได้กับช่วงสั้นเท่านั้น
บางทีเรื่องนี้อาจมีส่วนสัมพันธ์กับเรื่องที่ Buffett มองเห็นเรื่อง Margin of safety และ ใกล้เคียงกับ Reflexivility Theory ของ Gorge Soros ที่เชื่อว่า ณ หลายจุดของเวลา ราคาไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
และบังเอิญสัมพันธ์กับเรื่อง ปัจจัยพื้นฐาน .....................
Wave 1 เป็นช่วงเวลาที่ Vi เข้ามาลงทุน มีแต่ VI ที่เห็นว่าหุ้นราคาถูก
เมื่อเทีบยกับ P/E และ บริษัทมีประวัติการดำเนินงานที่น่าเชื่อ
ถือมายาวนาน
Wave 2 นักเก็งกำไรที่ติดหุ้นอยู่ขายออกมา เพราะไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจ
จะฟื้น
Wave 3 ทุกคนมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ราคาหุ้นวิ่งอย่างรวดเร็ว
ปริมาณการซื้อขายเติบโตมาก เล่นหุ้นง่ายเหมือนปอกกล้วย
เข้าปาก ซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมด คนตาบอดก็ได้เงิน
Wave 4 เริ่มไม่แน่ใจว่าตลาดจะดีต่อเนื่องอีก ? กราฟราคามักจะออก
มาในรูปแบบของสามเหลี่ยม
Wave 5 นักเก็งกำไรเข้าตลาดมากที่สุด ราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน นัก
วิเคราะห์ไม่ดู P/E แต่ดู Growth แทน คล้ายกับเรื่อง
Institution Imperatives ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่กล้า
วิเคราะห์แตกต่างไปจากส่วนใหญ่
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ........
คนส่วนใหญ่ยังเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคไม่ถูกต้อง แม้กระทั่งตัวนักวิเคราะห์เทคนิคตาม บล. ต่างๆ ก็ยังไม่เข้าใจดี ส่งผลให้เกิดความเข้าใจที่ผิด ๆในตลาด เช่น เทคนิคใช้วิเคราะห์แนวโน้มตลาดช่วงสั้นเท่านั้น เพราะปัจจัยทางเทคนิคสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เข้ามากระทบ
( เพราะฉะนั้นนักวิเคราะห์ไม่เคยผิด ที่ผิด คือ ปัจจัยที่เปลี่ยนไป )
การวิเคราะห์ทางเทคนิค โดยเฉพาะเรื่อง Elliotte Wave ( ที่บางครั้งถ้าโอกาสอำนวยสามารถมองได้ไกลเป็นปีๆ )
มีส่วนสัมพันธ์อย่างมากกับเรื่องของ จิตวิทยา ...........คน ( หรือ ตลาด ) ที่อารมณ์ดี จะมองหาแต่ข่าวดี ยามที่ตลาดไม่มั่นใจ หรือ หวาดกลัวก็จะมองหาแต่ข่าวร้าย เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่เข้าใจกรอบความคิดนี้ ไม่เข้าใจแนวโน้มหลักของตลาด เราก็จะพลาดแนวโน้มย่อย ๆ ที่ตามมา ทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตลาดผันผวน และถูกกระทบตามปัจจัยต่างๆ "ที่คาดการณ์ไม่ได้" ทำให้เข้าใจว่าเทคนิคใช้ได้กับช่วงสั้นเท่านั้น
บางทีเรื่องนี้อาจมีส่วนสัมพันธ์กับเรื่องที่ Buffett มองเห็นเรื่อง Margin of safety และ ใกล้เคียงกับ Reflexivility Theory ของ Gorge Soros ที่เชื่อว่า ณ หลายจุดของเวลา ราคาไม่ได้สะท้อนมูลค่าที่แท้จริง
และบังเอิญสัมพันธ์กับเรื่อง ปัจจัยพื้นฐาน .....................
Wave 1 เป็นช่วงเวลาที่ Vi เข้ามาลงทุน มีแต่ VI ที่เห็นว่าหุ้นราคาถูก
เมื่อเทีบยกับ P/E และ บริษัทมีประวัติการดำเนินงานที่น่าเชื่อ
ถือมายาวนาน
Wave 2 นักเก็งกำไรที่ติดหุ้นอยู่ขายออกมา เพราะไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจ
จะฟื้น
Wave 3 ทุกคนมั่นใจว่าเศรษฐกิจฟื้นแล้ว ราคาหุ้นวิ่งอย่างรวดเร็ว
ปริมาณการซื้อขายเติบโตมาก เล่นหุ้นง่ายเหมือนปอกกล้วย
เข้าปาก ซื้อตัวไหนก็ขึ้นหมด คนตาบอดก็ได้เงิน
Wave 4 เริ่มไม่แน่ใจว่าตลาดจะดีต่อเนื่องอีก ? กราฟราคามักจะออก
มาในรูปแบบของสามเหลี่ยม
Wave 5 นักเก็งกำไรเข้าตลาดมากที่สุด ราคาเกินปัจจัยพื้นฐาน นัก
วิเคราะห์ไม่ดู P/E แต่ดู Growth แทน คล้ายกับเรื่อง
Institution Imperatives ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ไม่กล้า
วิเคราะห์แตกต่างไปจากส่วนใหญ่
เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ........
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 6
ตอนนี้เราอยู่ wave ไหนอะคุณ เทคคี้
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 8
ตอบคุณ ayethebing
ไม่แน่ใจว่าคุณถามถึงอะไร
ถ้า Delta ..... อยู่ในรูปแบบ Complex ยากจะอธิบายตรงนี้
ถ้า Set ......... จบ Wave 1 ใหญ่ที่ 802.19 วันที่ 13 มค. 47
ตอนนี้อยู่ Wave 2 ใหญ่ ถ้าเอาแบบละเอียด ก็อยู่ใน wave b ย่อย หรือ wave x ของ 2 ใหญ่
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ถึงเดือน มีค. ให้ระวัง "ข่าวร้าย" ที่จะพาตลาดร่วง 100 - 200 จุด
ไม่แน่ใจว่าคุณถามถึงอะไร
ถ้า Delta ..... อยู่ในรูปแบบ Complex ยากจะอธิบายตรงนี้
ถ้า Set ......... จบ Wave 1 ใหญ่ที่ 802.19 วันที่ 13 มค. 47
ตอนนี้อยู่ Wave 2 ใหญ่ ถ้าเอาแบบละเอียด ก็อยู่ใน wave b ย่อย หรือ wave x ของ 2 ใหญ่
เพราะฉะนั้น ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ถึงเดือน มีค. ให้ระวัง "ข่าวร้าย" ที่จะพาตลาดร่วง 100 - 200 จุด
-
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 9
อีเลียดเวฟ ให้หลักการดี แต่เวลาเอามาใช้ ไม่ได้บอกจุดเริ่มต้นของ wave ต่างคนก็ต่างมองกันไป แถมยังมีwave ย่อยในwave ใหญ่ อีก แถมมีรูปแบบ complexอีก เลยไปกันใหญ่
อย่าง set ตอนนี้ บางคนมองเป็น เวป4 บางคนมองเป็นเวปหนึ่ง
แต่มองว่าตลาดจะลง 100-200 จุด (650-550???) ในอาทิตย์หน้า ถึง มีค นี่ ออกจะเป็นมุมมองที่กล้าหาญมาก :lol: :lol: :lol:
ถ้างบdelta ออกมาไม่ขี้เหร่มาก ก็คงจะถือว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้วจริงๆ เหมือนตอนที่ SCB ตั้งสำรองไว้เยอะๆ แล้วหุ้นร่วงลงมานั่นแหละ เป็นจุดสะสมหุ้นที่ดีของ VI เลย
อย่าง set ตอนนี้ บางคนมองเป็น เวป4 บางคนมองเป็นเวปหนึ่ง
แต่มองว่าตลาดจะลง 100-200 จุด (650-550???) ในอาทิตย์หน้า ถึง มีค นี่ ออกจะเป็นมุมมองที่กล้าหาญมาก :lol: :lol: :lol:
ถ้างบdelta ออกมาไม่ขี้เหร่มาก ก็คงจะถือว่าผ่านจุดต่ำสุดแล้วจริงๆ เหมือนตอนที่ SCB ตั้งสำรองไว้เยอะๆ แล้วหุ้นร่วงลงมานั่นแหละ เป็นจุดสะสมหุ้นที่ดีของ VI เลย
-
- Verified User
- โพสต์: 627
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 10
ผมก็มีหุ้นตัวนี้ เช่นกัน ครับ
รอบ 911 กดลงไป แถว 17 บาท เลยครับ
รอบนี้ ไม่โดดเด่น เลย คล้ายกับกดเอาหุ้นอยู่นะครับ
กลุ่มนี้ ที่ไม่เด่นในการสวิงของราคา แต่ปันผลดี ก็มี Delta, CCET
รอบ 911 กดลงไป แถว 17 บาท เลยครับ
รอบนี้ ไม่โดดเด่น เลย คล้ายกับกดเอาหุ้นอยู่นะครับ
กลุ่มนี้ ที่ไม่เด่นในการสวิงของราคา แต่ปันผลดี ก็มี Delta, CCET
ควรลงทุนอย่างรอบคอบ ในหุ้นดีและราคาไม่แพง ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 11
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2546
เรื่อง การชี้แจงผลแตกต่างของกำไรที่ลดลงเกินกว่าร้อยละ 20
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจง สาเหตุที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลงคิดเป็นร้อยละ 71.73 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2545โดยที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลงจาก 1,107 ล้านบาทเป็น 313 ล้านบาทดังนี้
เนื่องจาก บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัทย่อย Delta Energy Systems "DES" ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ดังนั้นในไตรมาสนี้งบการเงินรวมของบริษัทฯ จึงแสดงฐานะทางการเงินและการดำเนินงานที่มี DES เป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งในไตรมาสนี้ DES มีผลประกอบการขาดทุนคิดเป็นเงิน 536 ล้านบาท จึงมีผลทำให้งบการเงินรวมของบริษัทฯ มีกำไรลดลงหากพิจารณาผลประกอบการของบริษัทฯ ถ้าไม่รวมงบการเงินของ DES ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546นี้จะพบว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 863 ล้านบาทลดลงเพียงร้อยละ22.04 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2545 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,107 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเหตุผล ดังนี้
1. ยอดขายลดลงร้อยละ 16.98 จาก 10,962 ล้านบาทเป็น 9,101 ล้านบาททำ
ให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 1,575 ล้านบาทเป็น 1,406 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ10.73
2. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จาก 761ล้านบาทเป็น 781 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 2.57
3. มีดอกเบี้ยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ซึ่งดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจาการกู้ยืมเงิน 4,399 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการ DES ในเดือน กรกฎาคม 2546
กำไรสุทธิจำนวน 863 ล้านบาทดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้รวมการตัดจ่าย ค่าความนิยม
จำนวนเงิน 14 ล้านบาทที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของ DES ซึ่งค่าความนิยมนี้จะปรากฎ
ในงบการเงินรวมเมื่อรวม DES เข้ามาแล้วเท่านั้น
ขอแสดงความนับถือ
_______________________________
(นายหวัง หมิง เจิ้ง /น.ส.นิรมล ตันติพูนธรรม)
รองประธานกรรมการ /กรรมการ
เรื่อง การชี้แจงผลแตกต่างของกำไรที่ลดลงเกินกว่าร้อยละ 20
เรียน กรรมการและผู้จัดการ
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจง สาเหตุที่บริษัทฯมีกำไรสุทธิลดลงคิดเป็นร้อยละ 71.73 ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546 เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2545โดยที่บริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลงจาก 1,107 ล้านบาทเป็น 313 ล้านบาทดังนี้
เนื่องจาก บริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการ บริษัทย่อย Delta Energy Systems "DES" ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2546 ซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นอยู่คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 100 ดังนั้นในไตรมาสนี้งบการเงินรวมของบริษัทฯ จึงแสดงฐานะทางการเงินและการดำเนินงานที่มี DES เป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งในไตรมาสนี้ DES มีผลประกอบการขาดทุนคิดเป็นเงิน 536 ล้านบาท จึงมีผลทำให้งบการเงินรวมของบริษัทฯ มีกำไรลดลงหากพิจารณาผลประกอบการของบริษัทฯ ถ้าไม่รวมงบการเงินของ DES ในไตรมาสที่ 3 ปี 2546นี้จะพบว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 863 ล้านบาทลดลงเพียงร้อยละ22.04 เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2545 ซึ่งบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 1,107 ล้านบาท
สืบเนื่องจากเหตุผล ดังนี้
1. ยอดขายลดลงร้อยละ 16.98 จาก 10,962 ล้านบาทเป็น 9,101 ล้านบาททำ
ให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 1,575 ล้านบาทเป็น 1,406 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ10.73
2. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จาก 761ล้านบาทเป็น 781 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 2.57
3. มีดอกเบี้ยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ซึ่งดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจาการกู้ยืมเงิน 4,399 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการ DES ในเดือน กรกฎาคม 2546
กำไรสุทธิจำนวน 863 ล้านบาทดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้รวมการตัดจ่าย ค่าความนิยม
จำนวนเงิน 14 ล้านบาทที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของ DES ซึ่งค่าความนิยมนี้จะปรากฎ
ในงบการเงินรวมเมื่อรวม DES เข้ามาแล้วเท่านั้น
ขอแสดงความนับถือ
_______________________________
(นายหวัง หมิง เจิ้ง /น.ส.นิรมล ตันติพูนธรรม)
รองประธานกรรมการ /กรรมการ
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 12
....ดังนั้นในไตรมาสนี้งบการเงินรวมของบริษัทฯ จึงแสดงฐานะทางการเงินและการดำเนินงานที่มี DES เป็นส่วนประกอบอยู่ ซึ่งในไตรมาสนี้ DES มีผลประกอบการขาดทุนคิดเป็นเงิน 536 ล้านบาท .....
บริษัทลูกขาดทุน
1. ยอดขายลดลงร้อยละ 16.98 จาก 10,962 ล้านบาทเป็น 9,101 ล้านบาททำ
ให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 1,575 ล้านบาทเป็น 1,406 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ10.73
ยอดขายลด
2. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จาก 761ล้านบาทเป็น 781 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 2.57
ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
3. มีดอกเบี้ยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ซึ่งดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจาการกู้ยืมเงิน 4,399 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการ DES ในเดือน กรกฎาคม 2546
จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้
ใครอ่านIntelligence Investor จะรู้ว่ามีหุ้นประเภทหนึ่งที่ แกรแฮม คิดว่าน่าสนใจ คือ หุ้นของบริษัท ขนาดใหญ่ ที่ราคาลงมากว่า 30% ด้วยเหตุผลที่เป็นเรื่องระยะสั้น และแก้ไขได้ เหตุว่าบริษัทขนาดใหญ่ มีพร้อม ทั้งกำลังคน กำลังสมอง กำลังเงิน ที่จะแก้ไขปัญหาเล็กๆน้อยให้พลิกกลับมาได้ทุกเมื่อ
ดูทั้งหมดนี่ ผมว่าไม่เล็กน้อยแล้วอะครับ แต่ราคาก็ลงมามากแล้วกำลังกลับตัว ใครสนใจ delta ก็ต้องลองศึกษาดูครับ ว่าปีนี้จะปันผลได้มากๆเหมือนเดิมหรือเปล่า ว่าแต่... กำไรต่อหุ้นประมาณ 1.5 จะปันผลได้ซักเท่าไหร่ครับ หา Margin of Safety ของ DELTA ตรงแถวๆนี้ ไม่ค่อยเห็นนะครับ
บริษัทลูกขาดทุน
1. ยอดขายลดลงร้อยละ 16.98 จาก 10,962 ล้านบาทเป็น 9,101 ล้านบาททำ
ให้กำไรขั้นต้นลดลงจาก 1,575 ล้านบาทเป็น 1,406 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ10.73
ยอดขายลด
2. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จาก 761ล้านบาทเป็น 781 ล้านบาทคิดเป็นร้อยละ 2.57
ค่าใช้จ่ายเพิ่ม
3. มีดอกเบี้ยจ่ายเป็นจำนวนเงิน 21 ล้านบาท ซึ่งดอกเบี้ยส่วนใหญ่เกิดจาการกู้ยืมเงิน 4,399 ล้านบาทเพื่อซื้อกิจการ DES ในเดือน กรกฎาคม 2546
จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้


-
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 13
จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่ Sattel ถูกลูกค้ารายใหญ่คือ อินเดีย ยกเลิก(ไม่ต่อ)สัญญาเช่าช่องสัญญาน ราคาของ Sattel ลงมาเกือบ 25% ในเวลาราวๆ 1 เดือนกว่าๆ ผมว่าจะรอให้ลงมาซัก 30% ซะก่อน แต่มันดันพุ่งขึ้นไปอย่างแรง จนทุกวันนี้ แม้ว่า อินเดียก็ยังไม่ได้กลับมาเช่าช่องสัญญาน แถมยังจะส่งดาวเทียมขึ้นเป็นคู่แข่งเสียอีก และ ipstar ก็ยังไม่ยิงขึ้นฟ้ามาจนถึงขณะนี้เลย ฉันใดฉันนั้น เดลต้านี่อาจจะขึ้นแรงก็ได้ใครจะรู้ แต่ข้อเสียก็คือ หุ้นมันตัวใหญ่มาก คนจะดัน ต้องกองทุนหรือฝรั่งเท่านั้น รายใหญ่เฉยๆคงทำไม่ได้ เท่าที่สังเกตุดูลีลาช่วงสองวันนี้ก็คล้ายๆลีลาการเก็บหุ้นเหมือนกันนะ
- yoyo
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 4833
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 15
ผมไม่ค่อยรู้เรื่อง wave อะไรเท่าไหร่
แต่เท่าที่อ่านดูจากที่คุณ tech เขียนมาแล้ว
ผมเดาเหมือนพี่ ck ว่าน่าจะเป็น wave 4 แล้ว
ถ้างั้น wave 5 เมื่อไหร่ p/e ตลาดสูงกว่านี้
สูงจนนักวิเคราะห์ไม่พูดกันถึง pe แต่พูด growth แทน
ต้องรีบชิงขายแล้วใช่มั๊ยครับ
pe เท่าไหร่ดีครับถึงเรียกว่า crazy ...?
บอกผมที
แต่เท่าที่อ่านดูจากที่คุณ tech เขียนมาแล้ว
ผมเดาเหมือนพี่ ck ว่าน่าจะเป็น wave 4 แล้ว
ถ้างั้น wave 5 เมื่อไหร่ p/e ตลาดสูงกว่านี้
สูงจนนักวิเคราะห์ไม่พูดกันถึง pe แต่พูด growth แทน
ต้องรีบชิงขายแล้วใช่มั๊ยครับ
pe เท่าไหร่ดีครับถึงเรียกว่า crazy ...?
บอกผมที
-
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 16
ผมเคยอ่านผ่านๆ ครับ (ตอนนี้ยังเสียดายอยู่ว่าน่าจะอ่านให้ละเอียดกว่านี้)
ถ้า PER ต่ำกว่า 5 ลงทุนได้ครับ
ถ้า PER สูงกว่า 10 แพงไปครับ
ผิด-ตก-ยกเว้นให้ด้วยครับ
พี่ๆ มีความคิดเห็นเช่นไรครับ ?
ถ้า PER ต่ำกว่า 5 ลงทุนได้ครับ
ถ้า PER สูงกว่า 10 แพงไปครับ
ผิด-ตก-ยกเว้นให้ด้วยครับ
พี่ๆ มีความคิดเห็นเช่นไรครับ ?
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
DELTA ได้เวลาแล้ว
โพสต์ที่ 19
ครับ คุณ blue moon
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเห็นเป็น wave 4 ?
โดยหลักการทั่วๆ ไป ของ wave คือ
ถ้า yearly เป็น impulsive ขาขึ้น , monthly ต้องเป็น impulsive too.
ใน yearly 2003 ถ้าเป็น wave 3 จริง , ผมทำใจยอมรับกับภาพของ
quartely or monthly ที่เป็น wave 3 ไม่ได้ นับยังไงก็ไม่ลงตัวครับ
หรือบางทีผมอาจจะนับผิดก็ได้ครับ
ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมคนส่วนใหญ่ถึงเห็นเป็น wave 4 ?
โดยหลักการทั่วๆ ไป ของ wave คือ
ถ้า yearly เป็น impulsive ขาขึ้น , monthly ต้องเป็น impulsive too.
ใน yearly 2003 ถ้าเป็น wave 3 จริง , ผมทำใจยอมรับกับภาพของ
quartely or monthly ที่เป็น wave 3 ไม่ได้ นับยังไงก็ไม่ลงตัวครับ
หรือบางทีผมอาจจะนับผิดก็ได้ครับ
