METCO งบออกแล้วครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 2
งบการเงินรวมเทียบกับไตรมาส 1 ปีที่แล้วครับ
ยอดขายเพิ่มขึ้น 14.5% จาก 3,568 ลบ. เป็น 4,086 ลบ.
ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 19.4% จาก 3,155 ลบ. เป็น 3,766 ลบ.
อัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงจาก 13.12% เป็น 8.52%
กำไรสุทธิลดลง 16.6% จาก 273.2 ลบ. เป็น 227.8 ลบ.
กำไรต่อหุ้นลดลงจาก 12.42 บาท มาเหลือ 10.36บาท
ถ้าเทียบกับ Q4 ปีที่แล้ว ก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกันครับ คิดว่าอัตรา
กำไรขั้นต้นของ Q4 ปีที่แล้วประมาณ 9% ได้
ยอดขายเพิ่มขึ้น 14.5% จาก 3,568 ลบ. เป็น 4,086 ลบ.
ต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 19.4% จาก 3,155 ลบ. เป็น 3,766 ลบ.
อัตราการทำกำไรขั้นต้นลดลงจาก 13.12% เป็น 8.52%
กำไรสุทธิลดลง 16.6% จาก 273.2 ลบ. เป็น 227.8 ลบ.
กำไรต่อหุ้นลดลงจาก 12.42 บาท มาเหลือ 10.36บาท
ถ้าเทียบกับ Q4 ปีที่แล้ว ก็ลดลงเล็กน้อยเช่นกันครับ คิดว่าอัตรา
กำไรขั้นต้นของ Q4 ปีที่แล้วประมาณ 9% ได้
-
- Verified User
- โพสต์: 20
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 3
ขอบคุณครับ
ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ว่าในระยะยาว metco ยังมีความสามารในการแข่งขันกับคู่แข่งที่นำสินค้าเข้าจากจีน ได้อยู่หรือเปล่าครับ เพราะดูจากงบแล้ว เหมือนกับต้องลดราคาสินค้าแข่ง ซึ่งจะทำให้กำไรลดลงไปเรื่อยๆหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
ขอคำแนะนำเพิ่มเติมด้วยครับ ว่าในระยะยาว metco ยังมีความสามารในการแข่งขันกับคู่แข่งที่นำสินค้าเข้าจากจีน ได้อยู่หรือเปล่าครับ เพราะดูจากงบแล้ว เหมือนกับต้องลดราคาสินค้าแข่ง ซึ่งจะทำให้กำไรลดลงไปเรื่อยๆหรือเปล่าครับ
ขอบคุณครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 6
ไม่ถึงกับหน้าแตกครับคุณ champ Q1 ผมให้ 10-11 บาทเป็นระดับที่
ยอมรับได้ครับ คือถ้าต่ำกว่า 10 บาทคงต้องขายไปบางส่วน ถ้าได้มาก
กว่า 11 บาทจะซื้อเพิ่ม ที่ราคานี้ก็ hold ครับ
ตอบคุณ woot เรื่องศักยภาพการแข่งขันกับจีนครับ เข้าใจว่า METCO
ทำราคาได้ถูกที่สุดแล้วครับ เรื่องชิ้นส่วน electronic ค่าแรงถูกไม่ใช่
ว่าจะได้เปรียบเสมอไปครับ ไม่งั้น METCO ก็คงย้ายฐานการผลิตไป
นานแล้วครับ จริงๆแล้วธุรกิจนี้กำไรขั้นต้นจะลดลงตลอดเวลาอยู่แล้ว
ครับ เพราะ demand จากลูกค้าที่ต้องการของถูกลงเรื่อยๆ
METCO ใช้วิธีการปรับปรุง line การผลิตเพื่อลด cost และเพิ่มกำไร
ซึ่งสามารถทำได้สำเร็จใน Q4 ปีที่แล้ว การที่อัตรากำไรลดลงก็เป็นเรื่อง
ที่คาดการณ์ได้ อยู่ที่ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาจะสามารถสร้างยอดขาย
ที่น่าพึงพอใจหรือไม่
METCO มีแผนจะลงทุนในเครื่องจักรใหม่ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เดิมให้ทันสมัยขึ้นไปอีก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ครับ (ตามผู้บริหารว่า)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจะช่วยให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นในช่วงแรกๆ
เท่าที่ทราบผู้บริหารยังไม่มีความคิดที่จะเพิ่มทุนหรือแตกพาร์ การลงทุน
ใหม่คงใช้เงินสดบวกเงินกู้ครับ เพราะฐานะการเงินแกร่งกว่าปีที่แล้ว ดอก
เบี้ยจ่ายก็อยู่ในระดับ 2,813 ล้าน ลดลงจาก 5,302 ล้านเมื่อปีที่แล้ว
สรุปคือ ถ้าใครยังไม่มี ก็ควรรอดูงบ Q2 ครับ ถ้าใครมีอยู่ก็ควรถือต่อ
แต่ในระยะสั้นคงจะไม่สามารถปรับตัวขึ้นแรงๆได้ ถ้ามีโอกาสอื่นที่ดีกว่า
ก็ควรพิจารณาครับ
สำหรับผมเองคงจะถือต่อ อาจจะมีซื้อเพิ่มเล็กน้อยครับถ้าราคาต่ำกว่า
270 แต่นักลงทุนโปรดพิจารณาเองนะครับ ผมมีต้นทุนต่ำกว่าราคา
ตลาดมาก และมีส่วนได้เสียพอควร ความเห็นอาจจะเข้าข้างตัวเอง
สักเล็กน้อยครับ
คุณ champ ผมดูในโปรแกรม NEWSCENTER ครับ ของบริษัท
NEWSSTAND ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://www.newsstand.co.th
ยอมรับได้ครับ คือถ้าต่ำกว่า 10 บาทคงต้องขายไปบางส่วน ถ้าได้มาก
กว่า 11 บาทจะซื้อเพิ่ม ที่ราคานี้ก็ hold ครับ
ตอบคุณ woot เรื่องศักยภาพการแข่งขันกับจีนครับ เข้าใจว่า METCO
ทำราคาได้ถูกที่สุดแล้วครับ เรื่องชิ้นส่วน electronic ค่าแรงถูกไม่ใช่
ว่าจะได้เปรียบเสมอไปครับ ไม่งั้น METCO ก็คงย้ายฐานการผลิตไป
นานแล้วครับ จริงๆแล้วธุรกิจนี้กำไรขั้นต้นจะลดลงตลอดเวลาอยู่แล้ว
ครับ เพราะ demand จากลูกค้าที่ต้องการของถูกลงเรื่อยๆ
METCO ใช้วิธีการปรับปรุง line การผลิตเพื่อลด cost และเพิ่มกำไร
ซึ่งสามารถทำได้สำเร็จใน Q4 ปีที่แล้ว การที่อัตรากำไรลดลงก็เป็นเรื่อง
ที่คาดการณ์ได้ อยู่ที่ว่าผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ออกมาจะสามารถสร้างยอดขาย
ที่น่าพึงพอใจหรือไม่
METCO มีแผนจะลงทุนในเครื่องจักรใหม่ และมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์
เดิมให้ทันสมัยขึ้นไปอีก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปีนี้ครับ (ตามผู้บริหารว่า)
ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจะช่วยให้อัตราการทำกำไรขั้นต้นดีขึ้นในช่วงแรกๆ
เท่าที่ทราบผู้บริหารยังไม่มีความคิดที่จะเพิ่มทุนหรือแตกพาร์ การลงทุน
ใหม่คงใช้เงินสดบวกเงินกู้ครับ เพราะฐานะการเงินแกร่งกว่าปีที่แล้ว ดอก
เบี้ยจ่ายก็อยู่ในระดับ 2,813 ล้าน ลดลงจาก 5,302 ล้านเมื่อปีที่แล้ว
สรุปคือ ถ้าใครยังไม่มี ก็ควรรอดูงบ Q2 ครับ ถ้าใครมีอยู่ก็ควรถือต่อ
แต่ในระยะสั้นคงจะไม่สามารถปรับตัวขึ้นแรงๆได้ ถ้ามีโอกาสอื่นที่ดีกว่า
ก็ควรพิจารณาครับ
สำหรับผมเองคงจะถือต่อ อาจจะมีซื้อเพิ่มเล็กน้อยครับถ้าราคาต่ำกว่า
270 แต่นักลงทุนโปรดพิจารณาเองนะครับ ผมมีต้นทุนต่ำกว่าราคา
ตลาดมาก และมีส่วนได้เสียพอควร ความเห็นอาจจะเข้าข้างตัวเอง
สักเล็กน้อยครับ
คุณ champ ผมดูในโปรแกรม NEWSCENTER ครับ ของบริษัท
NEWSSTAND ซึ่งสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
http://www.newsstand.co.th
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 9795
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 10
อืม ไม่น่าจะหลุด 274 นะครับ
NEWSCENTER ราคาประมาณ 4000 ถึง 9000 บาทต่อเดือนครับ
ค่อนข้างแพง ลองติดต่อบริษัทดูสิครับ ถ้าสนใจ
http://www.newsstand.co.th
NEWSCENTER ราคาประมาณ 4000 ถึง 9000 บาทต่อเดือนครับ
ค่อนข้างแพง ลองติดต่อบริษัทดูสิครับ ถ้าสนใจ
http://www.newsstand.co.th
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 14
บริษัทรับจ้างผลิตก็อย่างนี้แหละครับ ไม่มีสินค้าของตัวเอง มาร์จิ้นต่ำ เพราะต้องตัดราคารักษาลูกค้า แพงไปโวลุ่มการผลิตก็ลดลงฮวบฮาบ เมื่อก่อนหลายบริษัทพยายามหาเทคนิคลดต้นทุนหลายอย่างเข้ามาใช้ TQM 6-sigma หรือ Lean Mfg แต่สุดท้ายด้วยตัวธุรกิจเองมันเป็นเช่นนั้นก็คงจะมีมาร์จิ้นได้ในระดับหนึ่ง
ได้ยินจากพี่เหาฉลามว่า metco จะทำ pcb เอง (เข้าใจว่าเป็น SMT) ทำไมไม่ outsource ล่ะครับ ผมคิดว่าโรงงาน SMT ในเมืองไทยมีอยู่มาก ที่เห็นๆก็ Celestica และ SVI น่าจะได้ของถูกกว่า และมีคุณภาพกว่านะ SMT ดูเหมือนใครๆก็ทำได้..แต่หาซื้อเครื่องมาทำเอง หวังลดต้นทุน... ผมว่าคิดผิดนะครับ เรื่องคุณภาพ กว่าทำได้เข้าขั้น ใช้เวลาและทรัพยากรไม่น้อยเลย
ได้ยินจากพี่เหาฉลามว่า metco จะทำ pcb เอง (เข้าใจว่าเป็น SMT) ทำไมไม่ outsource ล่ะครับ ผมคิดว่าโรงงาน SMT ในเมืองไทยมีอยู่มาก ที่เห็นๆก็ Celestica และ SVI น่าจะได้ของถูกกว่า และมีคุณภาพกว่านะ SMT ดูเหมือนใครๆก็ทำได้..แต่หาซื้อเครื่องมาทำเอง หวังลดต้นทุน... ผมว่าคิดผิดนะครับ เรื่องคุณภาพ กว่าทำได้เข้าขั้น ใช้เวลาและทรัพยากรไม่น้อยเลย
-
- Verified User
- โพสต์: 2513
- ผู้ติดตาม: 0
METCO งบออกแล้วครับ
โพสต์ที่ 16
หุๆๆๆ ไม่ได้เจตนาว่า METCO ไม่ดีนะครับ แต่อยากชี้ให้เห็นด้านหนึ่งที่ผมเคยลิ้มรสมาบ้างในวงการนี้
อะไรที่เรียกว่าของยาก ผมไม่แน่ใจว่าหัวอ่าน CD นั้นยากเท่ากับหัวอ่านฮาร์ดดิสค์หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ โรงงานที่ผลิดหัวอ่าน CD นั้นน้อยมาก แสดงว่าคงไม่ง่ายนัก ไม่เกลื่อนกลาดเหมือน SMT .. แบบนี้พอเรียกว่าเป็นของยาก ทำให้มีอำนาจการต่อรองระดับหนึ่ง เรียกว่ามี niche ก็พอได้ครับ
ที่เล่าๆมา ก็มาจากที่ทำงานนะครับ เป็นงานรับจ้างผลิตเหมือนกัน งานที่ทำอยู่ก็เรียกว่ายากไม่ใช่น้อย ก็มีลูกค้าที่ชอบผลิตงานยากๆ เรียกให้ผลิตของใหม่อยู่เนืองๆ แม้ล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ลูกค้าก็ไม่หนีไปไหนครับ
เรื่อง SMT ผมไม่ทราบต้นทุนของ METCO นะพี่เจ๋ง แต่ของพวกนี้ไม่ยากนักก็หา outsource ดีกว่า หากซื้อเครื่องเริ่มเรียนรู้กันใหม่ มันยากครับ .. แต่ยากแบบ Re-inventing the wheel ซะมากกว่า ไม่ได้มีอะไรใหม่ครับ
มาว่ากันเรื่องลูกค้าน้อยราย...อาจจะดูว่าความเชื่อถือและ niche เป็น DCA แต่การที่มีลูกค้ารายใหญ่เพียง 1-2 ราย แม้จะเป็นลูกค้าที่อยู่กันมานานแล้ว ก็นับว่าอันตรายนะครับ เวลาที่ลูกค้ารายหนึ่งเกิดมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตลาด ศัญญาซื้อขาย หรือด้านการเงิน อาจจะทำให้ยอดการสั่งซื้อลดฮวบได้ อันนี้ลองดู CEI เป็นกรณีศึกษาครับ
จริงของพี่ CK ครับ ค่าแรงถูกไม่ใช่ว่าได้เปรียบเสมอไป อันที่จริงบริษัทที่ลูกค้าไม่กล้าต่อราคามาก ไม่กล้าไปใช้บริการเจ้าอื่นด้วย...มักจะมีดีอะไรบางอย่าง หนึ่งในนั้นเรียกว่า ต้องทำของยากๆได้เก่งครับCK เขียน: เรื่องชิ้นส่วน electronic ค่าแรงถูกไม่ใช่ว่าจะได้เปรียบเสมอไปครับ ไม่งั้น METCO ก็คงย้ายฐานการผลิตไปนานแล้วครับ
อะไรที่เรียกว่าของยาก ผมไม่แน่ใจว่าหัวอ่าน CD นั้นยากเท่ากับหัวอ่านฮาร์ดดิสค์หรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ โรงงานที่ผลิดหัวอ่าน CD นั้นน้อยมาก แสดงว่าคงไม่ง่ายนัก ไม่เกลื่อนกลาดเหมือน SMT .. แบบนี้พอเรียกว่าเป็นของยาก ทำให้มีอำนาจการต่อรองระดับหนึ่ง เรียกว่ามี niche ก็พอได้ครับ
ที่เล่าๆมา ก็มาจากที่ทำงานนะครับ เป็นงานรับจ้างผลิตเหมือนกัน งานที่ทำอยู่ก็เรียกว่ายากไม่ใช่น้อย ก็มีลูกค้าที่ชอบผลิตงานยากๆ เรียกให้ผลิตของใหม่อยู่เนืองๆ แม้ล้มลุกคลุกคลานไปบ้าง ลูกค้าก็ไม่หนีไปไหนครับ
เรื่อง SMT ผมไม่ทราบต้นทุนของ METCO นะพี่เจ๋ง แต่ของพวกนี้ไม่ยากนักก็หา outsource ดีกว่า หากซื้อเครื่องเริ่มเรียนรู้กันใหม่ มันยากครับ .. แต่ยากแบบ Re-inventing the wheel ซะมากกว่า ไม่ได้มีอะไรใหม่ครับ
มาว่ากันเรื่องลูกค้าน้อยราย...อาจจะดูว่าความเชื่อถือและ niche เป็น DCA แต่การที่มีลูกค้ารายใหญ่เพียง 1-2 ราย แม้จะเป็นลูกค้าที่อยู่กันมานานแล้ว ก็นับว่าอันตรายนะครับ เวลาที่ลูกค้ารายหนึ่งเกิดมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการตลาด ศัญญาซื้อขาย หรือด้านการเงิน อาจจะทำให้ยอดการสั่งซื้อลดฮวบได้ อันนี้ลองดู CEI เป็นกรณีศึกษาครับ