เตาอบสุวรรณภูมิ

[por_jai]

8) บทความอย่างนี้ make sense ไหมครับ
    ในความรู้สึกของเราๆท่านๆ
    มาจากไทยรัฐครับ คอลัมน์ หมายเหตุประเทศไทย
    (ผมบอกความเห็นส่วนตัวผมก่อนว่า ผมคิดว่าไม่ค่อย make sense
    ซักเท่าไร แต่ผมอยากฟังไอเดียเพื่อนๆด้วย ว่าผมบ้าอยู่คนเดียวหรือเปล่า )

เตาอบสุวรรณภูมิ [5 ก.พ. 50 - 17:05]

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานฝ่ายติดตามการแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พานักข่าวไปตรวจสอบระบบปรับอากาศเครื่องบินและระบบไฟฟ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ บอกว่าระบบปรับอากาศมีความเย็นต่ำกว่ามาตรฐาน ระบบไฟฟ้าก็ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ เครื่องบินขนาดใหญ่ไม่ไว้วางใจและไม่ยอมใช้บริการ

วันนี้ผมก็มีเรื่อง “ระบบปรับอากาศภายในอาคารผู้โดยสาร” ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องด้วยความเป็นห่วงใยอย่างยิ่ง

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเปิดใช้เมื่อปลายเดือนกันยายนปีที่แล้ว เป็นช่วงหน้าฝนแล้วก็ต่อด้วยหน้าหนาว อากาศยังไม่ร้อนนัก จึงยังไม่มีการทดสอบอุณหภูมิภายในอาคารผู้โดยสารในหน้าร้อน แต่กระนั้นผู้โดยสารก็บ่นกันมากว่าแอร์ไม่เย็น แต่นับจากสัปดาห์นี้เป็นต้นไป เมื่อลมหนาวระลอกสุดท้ายพัดผ่านไปแล้ว หน้าร้อนก็จะมาเยือนอย่างเป็นทางการ

อุณหภูมิภายในอาคารผู้โดยสารจะเป็นอย่างไร คงได้พิสูจน์กันแน่นอน

กลางเดือนที่แล้ว ผมก็ไปใช้บริการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอีก แม้จะเป็นช่วงบ่ายคล้อย ผมเดินไปในอาคารทางเดินผู้โดยสาร ผ่านช่วงที่เป็นหลังคากระจก ไอร้อนวิ่งผ่านมากระทบวูบวาบเป็นระลอก ร้อนจนเหงื่อออก

แล้วหน้าร้อนในเดือนเมษายนที่จะถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ผมไม่แน่ใจว่า ภายในอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจะร้อนแค่ไหน

เรื่องนี้ผมไม่ได้คิดเองเขียนเอง แต่เป็นความเห็นของ สมาคมสถาปนิกสยาม ที่มีหนังสือไปทักท้วงการออกแบบของ เอ็มเจทีเอ ก่อนที่จะมีการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิด้วยซ้ำ แต่ไม่เป็นผล โดยระบุว่า

อาคารทางเดินผู้โดยสารมีผนังและหลังคาเป็นผืนเดียวกัน ตามความโค้งของรูปทรงไข่ไก่ ประกอบด้วย กระจก และ ผ้าใยสังเคราะห์เคลือบสารเทฟลอน ซึ่งเป็นวัสดุโปร่งแสง เช่นเดียวกับอาคารหลัก ผู้ออกแบบอ้างว่า ที่นำวัสดุทั้งสองมาใช้ก็เพื่อต้องการแสงธรรมชาติมาลดไฟฟ้าแสงสว่าง และจะมีเทคนิคพิเศษในการปรับอากาศ ทำให้อาคารเหล่านี้เป็นอาคารประหยัดพลังงาน

สมาคมไม่สามารถเชื่อถือการกล่าวอ้างของเอ็มเจทีเอได้ จากแบบขั้นต้นและข้อมูลจากเอ็มเจทีเอ สมาคมฯสรุปความเห็นว่า ผนังและกระจกสลับกับผ้าใยสังเคราะห์ จะก่อให้เกิดปัญหาดังนี้ (ผมจะเอาเฉพาะเรื่องอุณหภูมิภายในอาคารก็แล้วกันนะครับ)

อุณหภูมิภายในอาคาร ยากที่จะปรับอากาศให้อาคารรูปทรงไข่ที่มีความยาวรวมกันกว่า 3 กิโลเมตร (3,321 เมตร) ให้มีความเย็นสม่ำเสมอเท่ากันทุกพื้นที่ อาคารที่เปิดรับแสงอย่างโล่งแจ้งในเมืองไทยเช่นนี้ จะต้องวิบัติด้วยพลังงานความร้อน ซึ่งเกิดจากค่าใช้จ่ายในการต่อสู้กับพลังงานอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

เอ็มเจทีเอก็แจ้งกลับสมาคมฯว่า จะเพิ่มผ้าใบเป็น 2 หรือ 3 ชั้น ในระยะห่างกัน 10 ซม. เพื่อบรรจุแผ่นใยกันเสียงเข้าไป

แต่สมาคมฯเห็นว่า การแก้ปัญหาดังกล่าวไร้ตรรกะเป็นอย่างยิ่ง ผ้าใยสังเคราะห์ชนิดเคลือบเทฟลอนเป็นวัสดุที่มีราคาสูง เอ็มเจทีเอประมาณราคาไว้ 6,000 บาทต่อตารางเมตร แต่ราคาล่าสุดที่มีการใช้ในเมืองไทยตกประมาณ 10,000-15,000 บาทต่อตารางเมตร ถ้าซ้อน 2-3 ชั้น ราคาจะเพิ่มอีกเท่าไร

แล้วสมาคมสถาปนิกสยามก็ฟันธงว่า กระจกและผ้าใบมีปฏิกิริยาต่อแสงต่างกัน แสงแดดโดยตรงที่ผ่านทะลุหลังคาบางส่วนที่เป็นกระจกล้วนๆ ไม่มีอะไรมาบังตามรอยเชื่อมต่อของอาคารลงมาบนพื้นที่ใหญ่โตข้างล่าง จะทำให้บริเวณเหล่านี้เป็นเสมือนขุมนรก

จะเป็น “ขุมนรก” หรือไม่ เดือนเมษายนนี้จะได้พิสูจน์กันครับ.

[Capo]

ผมไม่มีความเห็นแย้งกับบทความครับ
(อาจจะคล้อยตามอยู่นิด ๆ ด้วย)

แต่อาจเป็นเพราะผมไม่มีความรู้ครับ
พี่พอใจเห็นอะไรบ้างครับ

[por_jai]

ผมไม่มีความเห็นแย้งกับบทความครับ
(อาจจะคล้อยตามอยู่นิด ๆ ด้วย)

แต่อาจเป็นเพราะผมไม่มีความรู้ครับ
พี่พอใจเห็นอะไรบ้างครับ

8) คือผมมองว่าเมืองไทย
    วันไหนๆ ตอนกลางวัน
    มันก็ร้อนทั้งนั้นแหละครับ

    วันนั้นฟังอ.วีระ 97.0
    มีหลายคนโทรไปว่ารัฐบาลชุดก่อนคอรับชั่นสนามบิน
    อ.วีระ แกก็ถามกลับว่าไปดูมาหรือยัง
    ส่วนใหญ่ตอบว่า ยังไม่เคยไป
    แต่เชื่อว่ามีคอรับชั่นแน่ๆ
    อย่างเมื่อเช้า อ.สุนันท์ ก็มาว่าอย่างโน้นอย่างนี้
    ต้องโกงกินกันแหลกราญ
    ผมนึกในใจว่าแกแค่ไปมาเที่ยวสองเที่ยว
    รู้ได้ด้วยสายตายังไงฟะ
    เหมือนเรื่องหุ้น แกดีอยู่คนเดียว
    หุ้นในตลาดไม่มีบริษัทไหนดีซักกะราย
    ผมยังไม่เข้าใจ ดร.ทำไหมยอมไปพูดในรายการแก
    วันๆไม่เห็นพูดไร หุ้นตัวโน้นปั่นอย่างโน้น ตัวนี้ปั่นอย่างนี้
    ครึ่งชั่วโมง ดร.ได้พูดประมาณไม่กี่ประโยค แกแย่งพูดหมด
    เด๋วนี้ผมเลิกฟังไปแล้ว

    ผมไปมา ผมว่ามันก็ใหญ๋โตดี สวยกว่าดอนเมือง
    เทียบกันไม่ได้
    ดอนเมืองเก่าแก่มากแล้วครับ
    ที่จอดรถุนี่ก็แย่งกันจอด จะบ้าตาย
    ใครจำได้เข้าออก รอจ่ายเงิน ค่าผ่านทางนี่ก็เป็นชั่วโมงแล้ว
    ถ้าไฟไหม้หรือมีอุบัติภัย ผมว่าดูไม่จืดที่เดียวเชียว

    ห้องน้ำที่เขาว่าๆกัน ผมว่ามันก็ใช้สะดวกดี ที่จอดรถก็เยอะดี
    สนามบิน สำหรับผมๆยิ่งไม่มีความรู้เข้าไปใหญ๋
    ผมมองสนามบิน ว่าไม่เห็นจะแตกต่างอะไรกับหมอชิดเลย
    ผมอาศัยมันไปขึ้นเครื่อง ไปเที่ยว ไปธุระ ไปเยี่ยมญาติ
    ก็แค่นั้นเอง
    ถ้ามองในแง่ฮาร์ดแวร์ที่เราทำให้มันสะดวกขึ้น
    สำหรับคนเดินทางเข้าออก มาทำธุระ มาเที่ยว
    หรือแม้กระทั่งการส่งออก
    ก็ค่อยๆปรับค่อยๆจูนกันไป
   
    สิ่งที่ไม่ค่อยได้พูดถึงกัน
    คือเราน่าจะ้เป็นห่วงซอฟแวร์เรื่องคนเรื่องระบบมากกว่าว่า
    เราสามารถจะใช้สนามบินให้เป็นประโยชน์ในมุมมองที่ให้ประโยชน์
    ในแง่หลากหลายและรวดเร็วกว่า
    ในทุกๆด้าน ที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้บริการ
    ทั้งเรื่องงานหรือเรื่องท่องเที่ยว
    เมื่อเทียบกับมาตรฐานสากล ยังไงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นได้
    ไม่ใช่เช็คอินที รอกันจะเครื่องเกือบจะออก
    ไม่มีใครไปดูแล/แนะนำ/อำนวยความสะดวก/จัดการให้เร็ว
    ซึ่งน่าจะทำให้คนเดินทางประทับใจ/สดวกสบายมากกว่า
    หรือต้องมีการจัดการเรื่องผู้ส่งออกสินค้าทางอากาศ
    ให้ได้รับบริการที่ดี/รวดเร็ว ตรงต่อเวลา

    เพื่อนนักบินการบินไทยเล่าให้ผมฟังว่า
    การบินไทยจะให้คนทำงานมี service mindชั้นดี กับลูกค้าได้อย่างไร
    ในเมื่อที่เข้าไป เด็กเส้นซะเยอะขนาดน้าน....

[naris]

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ

ว่าแต่ถ้าไม่เย็น ซื้อแอร์ประกอบของsncไปติดเพิ่มก็ดีนะ

[Viewtiful Investor]

เคยไปรับเพื่อน 1 หน  lift & ประตูหมุน ยังใช้ไม่ได้ เหมือนสีก็ยังทาไม่หมด แต่อย่าอื่นๆก็ ok นะครับ ห้องน้ำผมลองใช้ก็ไม่ได้ฉี่ได้ที่เดียว

แต่แอร์ก็ไม่ค่อยเย็นจริงๆ แต่ผมว่าถ้าคนกลับจากยุโรปมายังๆก็บ่นว่าร้อนอยู่แล้ว ผมกลับมาดอนเมืองยังร้อนชิบ...

แบบนี้ต้องรอดูเดือนเมษาจริงๆด้วย เพราะการทำงานเครื่องปรับอากาศจะได้วัดกันตอนนั้นนะครับ ถ้าเกิดมันเย็นเป็นปกติเรื่องคงเงียบๆไป แต่ก็จะมีเรื่องใหม่มาให้บ่นให้ด่าได้อีกยาวววว

[Mr. Boo]

ห้องน้ำชายเวียนเทียนกันเร็ว  แต่ห้องน้ำหญิงนี่ต้องปราณีต  คิวเลยยาว (สังเกตและเดาเอา  ไม่ได้เข้าไปหรอก)

[เพื่อน]

อันตัวผมเอง เคยไปตอนกลางคืนช่วงปลาบเดือน มค. อากาศก็หนาวๆดีครับ ห้องน้ำก็ใช้สดวกดี ไม่มีปัญหา ความสะอาดก็OK แต่จอดรถไกลน่าดู ไม่ให้เอารถเข้ามารับด้วย มีแต่แทกซี่กับLemoถึงจะเข้ามาได้ แปลกดี

แต่มีพี่มาจากเชียงใหม่ ช่วงกลางวัน เค้าบ่นว่าค่อนข้างร้อน เห็นทางอาคารบอกว่า ใช้หลักการอากาศเย็นลอยต่ำ อากาศร้อนลอยสูง ....แต่ทำไมมันร้อนอย่างนี้ น่าห่วงตอนหน้าร้อนครับ

ได้ยิน อ.ยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ อดีตนายกสมาคมสถาปนิกสยาม ซึ่งปัจจุบันได้เข้าไปร่วมเป็นบอร์ดแล้ว กำลังหาทางแก้ใขให้ทันก่อนเดือนเมษาครับ....อ.ยอดเยี่ยม คนนี้เป็นคนดี ตรงไปตรงมา มีความรู้สูง และทำงานบริหารเก่งมากครับ ไม่ใช่ประเภทเอาแต่พูดบ่นเพื่อหาเสียง ได้แกเข้ามาช่วย ผมก็รู้สึกเบาใจไปเยอะว่าอะไรๆน่าจะดีขึ้นมาก

.....ที่จริงในช่วงของการเริ่มต้นโครงการ น่าจะรวบรวมบุคลากรด้านวิชาการที่มีความรู้สูงแบบนี้มาร่วมโครงการ ประเทศชาติจะได้ประโยชน์สูงมาก และเราคงไม่ได้เห็นสนามบินสุวรรณภูมิมาตั้งอยู่ที่หนองงูเห่าอย่างแน่นอน....มันไม่คุ้มเลยกับการสร้างรันเวย์มูลค่าสูงมากบนดินที่ไหลได้(ซึ่งเค้ารู้กันมาตั้งนานแล้ว...ถึงได้ทำให้รอกันมา40กว่าปี ว่าจะย้ายไปย้ายมาอยู่หลายครั้ง ไม่ได้เกี่ยวกับทักษิณทำงานเร็วหรอกครับ)

มีการออกแบบที่ไม่เหมาะสมกับสภาพอากาศและภูมิประเทศของเขตโซนร้อนอยู่เยอะครับ แบบที่ออกมาก็เป็นแบบที่เฮลมุท จาห์น เคยใช้สำเร็จรูปมาจากที่อื่นมาก่อนแล้วครับ....ผมไม่เคยภูมิใจกับรูปแบบอาคารที่ต้องตามแบบของฝรั่งเลยครับ ไม่นานเราก็จะชินตาไปเอง ในขณะที่ชาวต่างชาติแถบยุโรปเค้าชินมาก่อนเราแล้ว ....ประตูหมุนก็คงต้องยกเลิกไปในที่สุด เพราะประเทศเราไม่ต้องป้องกันพายุหรือหิมะเหมือนเมืองนอก...ทำให้ลากกระเป๋าผ่านยากเท่านั้นเอง  หลังคากระจกจะสร้างปัญหาไปอีกหลายสิบปีคงต้องซ่อมบำรุงไปตลอดชีวิตของอาคาร พร้อมกับการศุนย์เสียพลังงานสูงมากในการปรับอากาศเพื่อให้ได้รูปแบบเหมือนฝรั่ง(ที่เค้าต้องการความร้อนเข้ามาภายในอาคารมากกว่าเรา) ....ส่วนเรื่องดินทรุดก็คงจะเป็นปัญหาไปเรื่อยๆ เพราะที่นี่เป็นหนูตะเภาทดลองการแก้ปัญหาดินไหลแห่งแรกของไทย

เรื่องคอรัปชั่นคงไม่จำเป็นต้องพูดถึงครับ เดี๋ยวก็คงเห็นข่าวออกมาเรื่อยๆเอง จริงบ้าง ผสมบ้าง มั่วบ้าง ....แต่รับรองว่ามีมากครับ จากแหล่งข้อมูลในวงการก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่ถมดินถมทรายกันเลย....จนคนทำงานแบบตรงไปตรงมาต้องหนี ไม่กล้าเข้ามาพัวพันด้วยครับ

[คนเรือ VI]

เรื่องแอร์มีปัญหาจริงครับ เคยมีเรื่องว่าน้ำที่หล่อเย็นหายไปจากระบบครับ ต้องเติมเพิ่มเรื่อยๆบ่อยๆ ไม่รู้ว่าทำไม หายไปตรงไหน เห็นเค้าว่าจะซ่อมให้ทันก่อนหน้าร้อนครับ

[miracle]

จำได้ว่า หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเอาเรื่องนี้มาลง
ตั้งแต่ตอนทดสอบสนามบินช่วงต้นๆๆไตรมาสสองปีที่แล้วน่าครับ (คอลัมภ์ในหน้า5)
เปิดหาอ่านได้ที่สำนักพิมพ์ไทยรัฐ

[ภรรโยโฟเบีย]

ได้มีโอกาสไปใช้บริการสุวรรณภูมิมาสองหน
หนแรกไปต่างประเทศตอนเดือนตุลา
หนสองในประเทศเมื่อไม่นานนี้
ด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยสังเกตุสังกาอะไรนัก
ก็ไม่รู้สึกว่ามันบกพร่องอะไร
นอกจากห้องน้ำน้อยและเล็ก
กับเพดานตรงทางเดินลงเครื่องมาตม. ที่เป็นเพดานเปลือยไม่ได้ทาสี
รู้สึกมันโป๊ๆโล่งๆอยู่บ้าง แต่ก็อะนะ ผมไม่ใช่สถาปนิก
มันอาจเป็นศิลปะแบบโมเดิร์นอาร์ทอะไรทำนองนั้น...

ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประธานฝ่ายติดตามการแก้ปัญหาสนามบินสุวรรณภูมิ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พานักข่าวไปตรวจสอบระบบปรับอากาศเครื่องบินและระบบไฟฟ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิ บอกว่าระบบปรับอากาศมีความเย็นต่ำกว่ามาตรฐาน ระบบไฟฟ้าก็ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ เครื่องบินขนาดใหญ่ไม่ไว้วางใจและไม่ยอมใช้บริการ

วันนี้ผมก็มีเรื่อง ระบบปรับอากาศภายในอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ นำมาเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องด้วยความเป็นห่วงใยอย่างยิ่ง

เกริ่นมาซะมาก แต่จริงๆแค่อยากจะชี้ให้พี่ๆเพื่อนๆที่อ่านผ่านๆ
อย่าได้เผลอคิดว่ามันเป็นเรื่องเดียวกัน  
เพราะที่ไปตรวจเมื่อสัปดาห์ก่อนน่ะ
มันเป็นระบบปรับอากาศและระบบจ่ายไฟ ให้กับเครื่องบิน
เวลามาจอดstandby ระหว่างรอtransit หรือพักเครื่อง
ไม่เกี่ยวกับระบบปรับอากาศในอาคาร

ครับพ้ม!

[terati20]

ตัวสนามบินก็  OK นะ
เเต่ งง งง การออกเเบบภายใน ที่ปล่อยผนังให้เป็น ปูน เฉยๆไม่มีสี ตอนเเรกนึกว่ายังทาสีไม่เสร็จ เเต่คนออกเเบบ บอกว่า มันเป็น Design ใหม่ เเบบ ดิบๆ ไม่ต้องทาสี    :shock:  :shock:

เเล้วก็ รู้สึกว่าสนามบินมันไม่มีเอกลักษณ์ของไทยเลย
ทั้งๆที่ ประเทศไทยเรามีศิลปะที่เป็น เอกลักษณ์เฉพาะตัวมากๆๆๆๆๆ น่าให้ อาจารย์ เชี่ยว (รายการ บ้านทาง nation channel  ไป ออกเเบบเเทน)

8)

[MisterK]

เรื่องความไม่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศเมืองไทยเป็นเรื่องปกติครับ     คนไทยนิยมอะไรที่เท่แต่กินไม่ได้อยู่แล้ว    เหมือนอย่างผมไม่เคยเข้าใจว่าทำไมเราต้องผูกเนคไทกับใส่สูทถึงจะเป็นการเหมาะสมมีมารยาท    ทั้ง ๆ ที่บ้านเราร้อนตับแตก   :lol:

ช่วงที่ผ่านมาผมว่าปัญหาส่วนหนึ่งเพราะคนไทยเราเห่อสนามบินใหม่    ตอนผมไปนี่คนในนั้นกว่าครึ่งน่าจะไปเดินเล่นดูของใหม่ (ผมด้วย  :oops: )     คนแน่นไปหมด    ถนนข้างสนามบินก็มีรถจอดยาวเหยียดเพื่อรอดูเครื่องบินขึ้น (ส่วนใหญ่พาลูกไปดูเครื่องบิน  ->ผมด้วยอีกนั่นแหละ)     แต่ห้องน้ำก็คิดว่ามันเล็กไปจริง ๆ    สงสัยฝรั่งฉี่ไม่บ่อย

[MisterK]

พอคนไปเยอะ ๆ เกินเหตุ   ประกอบกับเพิ่งเปิดอะไรต่าง ๆ ยังไม่เข้าที่   เลยทำให้ระบบต่าง ๆ มีปัญหาเกิดขึ้นเยอะ      

คงต้องรอดูให้คนหายเห่อ    มีการใช้งานตามปกติว่าจะเป็นยังไง

[เพื่อน]

[quote="MisterK"]

[Boring Stock Lover]

เรื่องผูกไท เดี๋ยวนี้หลายที่ก็ไม่บังคับนะครับ วันนี้ไปไซต์งานลูกค้าที่ปูนใหญ่ คนปูนก็ไม่ผูกไทมากพอควร แต่เดี๋ยวนี้คนปูนไม่ใส่เสื้อซาฟารีแล้ว เห็นใส่แต่เชิ้ตกันหมด

เห็นด้วยเลยว่าทำไมเมืองไทยต้องผูกไท เดี๋ยวนี้ก็ไม่ผูกไทเป็นปกติประจำทุกวัน

[por_jai]

8) ผูกไทก็ดูเรียบร้อยดีนะครับ
    ถ้าเหมาะกับงานก็ไม่เห็นเสียหายอะไร

[ปุย]

ผมเคยอยู่ปูน แต่ไม่มีเสื้อซาฟารี เลยครับ กลุ่มปิโตร สุดเท่ ใส่เสื้อยีนส์
แต่เวลาเข้าสนญ. บางซื่อ  ต้องผูกไทเขียว + กางเกงเขียว

นึกแล้วก็ขำ ตอนอยู่ปูน ไปทำงานต่างประเทศ ต้องใส่สูท ผูกไท ขึ้นเครื่อง
ใครไปครั้งแรก เบิกค่าตัดสูทได้ด้วย

ส่วนไฟล์ท ล่าสุด ปีที่แล้ว จากที่นี่กลับเมืองไทย ผมใส่ ชุดนอน  :shock: (เสื้อยืดคอกลม + กางเกงยืดขายาว) สะพายเป้ใบเล้กๆใบเดียว  ปล. เป็นเพราะกลับไทยฉุกเฉิน หลังจากนอน รพ.ที่นี่อยู่ ๒-๓ คืน

ส่วน สุวรรณภูมิ ยังไม่ได้สัมผัสเลย คอมเมนต์ไม่ได้ แต่มีพี่ที่ไปลง เค้าชมหนักหนา สนามบินใหม่ สวย รันเวย์เรียบ (ปล.อีกครั้ง พี่แกเชียร์ ทักษิน สุดลิ่มทิ่มประตู) จบข่าว..

[bsk(มหาชน)]

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10567

55ปัญหาจุกจิกกวนใจ ในอาคารผู้โดยสาร"สุวรรณภูมิ"



หมายเหตุ : เนื้อหาทั้งหมดคัดย่อมาจากรายงานโดยสังเขป ครั้งที่ 1 ของคณะทำงานแก้ไขปัญหาผู้โดยสาร พนักงาน และประชาชน มีนายยอดเยี่ยม เทพธรานนท์ กรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เป็นประธานคณะทำงาน และนำเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทรับทราบเมื่อเร็วๆ นี้ พร้อมข้อเสนอแนะให้แก้ไขระยะสั้นให้เสร็จภายในเดือนมกราคม 2550 และระยะยาวให้เสร็จภายในเมษายน 2550



1.ภาพลักษณ์ที่เป็นลบในสายตาประชาชนส่วนใหญ่

เกิดปัญหารายวัน ความโปร่งใส ความเคลือบแคลงในงานหลายๆ ส่วน และความไม่มีส่วนร่วมในข้อมูลที่ประชาชนควรรู้ ซึ่งมีผลเสียต่อภาพลักษณ์ แนวทางแก้ควรให้ข้อมูลผ่านสื่อกลางเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากขึ้น

2.การปะปนของคนงานก่อสร้างภายในอาคาร

เปิดมากว่า 5 เดือนแล้ว แต่ยังคงมีช่าง คนงานก่อสร้าง กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปในอาคาร มีผลต่อภาพลักษณ์สนามบินที่ถูกมองว่ายังไม่เรียบร้อย ให้ความรู้สึกไม่ปลอดภัย ปัญหานี้แก้ได้โดยจัดเวลาเข้าทำงาน และจัดทางเข้า-ออกของช่างไม่ให้ปะปนกับผู้โดยสาร

3.สนามบินไม่มีแบบก่อสร้าง และ AS BUILT DRAWING

AS BUILT DRAWING คือ แบบที่เขียนขึ้นหลังจากการก่อสร้างเสร็จแล้ว เพื่อเป็นข้อมูลให้การดูแลบริหารจัดการอาคารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นประโยชน์ต่อการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงภายหลังได้อย่างถูกต้อง

4.เกิดอุบัติเหตุกับคนข้ามถนนภายในบริเวณสนามบิน

ถนนโดยรอบสนามบินเป็นถนนกว้าง รถยนต์มักวิ่งด้วยความเร็วสูง เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง แก้ได้ด้วยการทำสัญญาณไฟจราจร สร้างลูกระนาด สร้างสะพานลอยหรือทางเชื่อมระหว่างอาคาร

5.ระบบ IT ภายในอาคารยังใช้งานไม่ได้ 100%

ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่สมบูรณ์ เนื่องจากไม่ได้ทดลองระบบครบวงจร เช่น Fire alarm ทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ เกิดลิฟต์ค้าง ฯลฯ

6.ระบบป้ายที่ไม่เป็นเอกภาพ

มีป้ายทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ป้ายโฆษณา ปะปนกันอยู่ทั่วไป เนื่องจากไม่มีการควบคุมการใช้ระบบป้ายอย่างจริงจัง รวมถึงไม่มีมาตรฐานที่แน่นอน จึงจำเป็นต้องควบคุมอย่างเข้มงวด ปลดป้ายนอกมาตรฐานหรือไม่ได้รับอนุญาตทันที

7.รถเข็นกระเป๋าไม่เพียงพอ

8.ความไม่พร้อมของทางหนีภัยในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

มีสิ่งกีดขวางประตูหนีไฟหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ร้านค้า ผู้ใช้พื้นที่ รถเข็นกระเป๋า รถทำความสะอาด ถังขยะ ฯลฯ

9.ความไม่พร้อมของบุคลากรในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

10.ข่าวลือ ตำนานเล่าขานแห่งสนามบิน

มีการส่งต่ออี-เมล ปากต่อปาก เรื่องผี คนงานก่อสร้างตายในเสา มีการตั้งโต๊ะหมู่บูชา ตั้งตู้บริจาค หรือข่าวผีเจ้าที่เฮี้ยน โดยไม่มีหน่วยงานเจ้าภาพใดๆ ออกมาให้ความจริง สยบหรือสกัดกั้นการแพร่กระจายของข่าวลือเพื่อรักษาภาพลักษณ์ของสนามบิน

11.สนามบินใจร้าย ไม่คำนึงถึงผู้พิการ

ห้องน้ำที่อยู่ลึก และปะปนกับคนปกติ ไม่อำนวยความสะดวกต่อการใช้งานเท่าที่ควร ควรออกแบบและแก้ไขมากกว่าที่เป็นอยู่

12.การจัดการพื้นที่จอดรถ

มีเสียงบ่นเรื่องที่จอดรถไม่พอ แสงสว่างภายในที่จอด ไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย ฯลฯ สิ่งที่เกิดตามมาคือความไม่สะดวก และความไม่ปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร

13.รถเข็นสัมภาระเกะกะบริเวณที่จอดรถ

14.ราวกันตกและขอบที่จอดรถมีช่องขนาดใหญ่พอควร อาจมีเด็กตกลงไปได้

15.น้ำรั่วลงบ่อลิฟต์

16.จุดรับ-ส่งมีสภาพแออัดและหนาแน่นในชั่วโมงเร่งด่วน

17.ห้องน้ำไม่พอต่อการใช้งาน

18.ห้องน้ำไม่พอต่อการใช้งาน

ต้นเหตุของปัญหาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงพื้นที่บางส่วน ซึ่งได้ออกแบบไว้เป็นห้องน้ำถูกเปลี่ยนไปใช้งานอย่างอื่นโดยมิได้จัดหาพื้นที่ทดแทนไว้

19.ห้องน้ำแต่ละจุดมีพื้นที่ไกลกัน

20.ห้องน้ำสกปรก

21.ทางเดินภายในอาคารผู้โดยสารของสนามบินคับแคบ

22.ระบบปรับอากาศที่ไม่พอเพียง เนื่องจากผู้เช่าพื้นที่

ระบบทำความเย็นในอาคารออกมาแบบใช้กับพื้นที่ทั้งหมดในอาคารโดยไม่ได้แบ่งแยกผู้เช่าพื้นที่หรือผู้ใช้อาคารทั่วไป แต่การปรับปรุงเป็นพื้นที่ค้าขาย บางจุดดัดแปลงระบบทำความเย็น เช่น ดึงเข้าไปในร้านโดยไม่ปล่อยเข้าบริเวณทางเดิน หรือซุ้มบดบังการจ่ายลมเย็น ทอท.ต้องรักษาผลประโยชน์ของผู้ใช้บริการส่วนใหญ่มากกว่าเงินเพียงน้อยนิดจากการเช่าพื้นที่

23.ระบบปรับอากาศที่ไม่พอเพียงจากการเปิดประตูทิ้งไว้

24.ระบบปรับอากาศที่ไม่พอเพียงต่อความร้อนที่มาจากหลังคากระจก

25.ระบบปรับอากาศที่ไม่พอเพียงจากการใช้พื้นที่ผิดประเภท

เมื่อเปลี่ยนพื้นที่นั่งพักรอ หรือสำนักงานมาเป็นร้านอาหาร ร้านขายของ จึงเกิดปริมาณความชื้นและความร้อนจากอาหาร การปรุง แสงไฟโชว์สินค้า ฯลฯ เป็นภาระต่อระบบการทำความเย็น

26.พื้นที่นั่งพักคอยมีปริมาณไม่พอต่อการใช้งาน

27.ความไม่สะดวกบริเวณพื้นที่เช็คอิน

แถวเช็คอินยาว และมีการครอบครองปิดกั้นการไหลของคนในอาคารผู้โดยสารด้านหนึ่ง โดยบางสายการบินสายใหญ่ที่ครอบครองพื้นที่หัวสนามบินซึ่งเป็นทางเดินหลักไว้

28.พื้นที่รอรับผู้โดยสารขาเข้าไม่เพียงพอ

ส่วนหนึ่งเกิดจากการนำพื้นที่ไปใช้เป็นเคาน์เตอร์บริการต่างๆ แต่มิได้คำนึงถึงปริมาณคนและอุบัติเหตุที่ตามมา เช่น ความแออัดบริเวณประตูทางเข้า-ออก

29.แสงแดดส่องในพื้นที่ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สนามบิน

30.ที่นั่งพระภิกษุสงฆ์ไม่เหมาะสม

บริเวณที่นั่งพระภิกษุสงฆ์เป็นจุดที่มีการสัญจรหนาแน่น มีผู้คนผ่านไปมามากมาย อาจดูไม่สำรวม และไม่เหมาะสมกับเพศบรรพชิต

31.ประตูหมุน ประตูทางเข้า-ออกของอาคาร ไม่สะดวกต่อการใช้งาน หรือไม่ทำงาน

32.ประตูด้านข้างของชุดประตูหมุนเปิดค้างไว้

33.พื้นสกปรก สีไม่สม่ำเสมอ

34.พื้นไม่เรียบ อาจเกิดอุบัติเหตุสะดุดล้ม

35.ล้อรถเข็นสัมภาระติดในร่องพื้นทางเชื่อมอาคารผู้โดยสารกับอาคารจอดรถ

36.การลื่นหกล้มบริเวณทางเชื่อมอาคาร

37.ทางลาดลื่นในช่วงเชื่อมอาคารผู้โดยสารและอาคารจอดเทียบเครื่องบิน

38.ผนังกระจกมีหยากไย่สะสม

39.หลังคาอาคารผู้โดยสารมีน้ำรั่ว เป็นอันตราย

40.ระบบท่อส่งลมเย็นไปไม่ถึงพื้นที่ใช้สอย และมีความเย็นไม่พอ

ร้านค้าได้นำลมเย็นที่สมควรจะมาส่งให้บริเวณทางเดินไปใช้ มีการตั้งร้านค้าบริเวณช่องปล่อยแอร์แทนที่จะใช้เป็นพื้นที่นั่งพักหรือทางเดิน

41.กลิ่นอาหารคละคลุ้งอยู่ทั่วทั้งชั้นที่ 3

42.ความเสี่ยงสูงกับภัยก่อการร้าย

ประตูหนีไฟและประตู Security เป็นประตูชุดเดียวกัน ทั้งที่ไม่สามารถทำหน้าที่แทนกันได้ ประตูหนีไฟจะเปิดออกเท่านั้น และทำหน้าที่พาคนออกสู่ภายนอกให้เร็วที่สุด แต่ประตู Security เป็นประตูที่มีการควบคุมการเข้าออกโดยอนุญาตให้ผ่านเฉพาะเจ้าหน้าที่เท่านั้น และจะเข้าสู่พื้นที่สำคัญ

43.ตารางแสดงเที่ยวบินอ่านยาก

44.แสงในพื้นที่ปฏิบัติงานไม่เพียงพอ

45.หลอดไฟขาดกว่า 1,000 หลอด และไม่ได้รับการซ่อมบำรุง

46.ปริมาณของป้ายสัญลักษณ์ไม่เพียงพอ และบอกทิศทางสถานที่ไม่ถูกต้อง

47.ป้ายสัญลักษณ์ส่วนกลางที่สำคัญถูกบดบังด้วยซุ้มร้านค้าและป้ายโฆษณาสินค้าต่างๆ

48.ร้านจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มจำหน่ายสินค้าในราคาสูงกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้

49.เก้าอี้เป็นผิวโลหะเย็น นั่งไม่สบาย

50.มีระยะทางเดินไกลมาก

51.มีอุปกรณ์อาคารที่ไม่ได้ใช้

เหตุใดบันไดเลื่อนและลิฟต์บางบริเวณจึงไม่สามารถใช้ได้ บ้างถูกครอบครองโดยสายการบินหนึ่ง บ้างถูกปิดกั้นโดยผู้ได้รับสัมปทานร้านค้า ซึ่งขัดแย้งกับการจัดพื้นที่ใช้สอยเบื้องต้น และก่อให้เกิดความไม่สะดวกกับผู้ใช้บริการส่วนใหญ่ที่จะต้องไปแออัดกันในบริเวณบันไดเลื่อนและลิฟต์ที่เหลือ

52.การรั่วของระบบการสัญจรภายในอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ

ปกติแล้วทางเข้า-ออกของผู้โดยสารภายในประเทศนั้นจะแยกจากกันอย่างชัดเจน แต่การปิดกั้นพื้นที่บริเวณช่องทางเดินขาเข้าโดยฝีมือสายการบินหนึ่ง ทำให้ทางสัญจรเปลี่ยนไป ผู้โดยสารขาเข้าและขาออกปะปนกันได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการแลกเปลี่ยนสิ่งของ หรือการก่อการร้าย

53.ระบบหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ (Sprinkler) ที่ไม่สามารถทำงานได้ในบางจุด

54.การเข้าตอบสนองปัญหาในพื้นที่ได้ล่าช้า เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

เนื่องจากอาคารเทียบเครื่องบินมีความยาวมาก และไม่มีจุดตรวจย่อยสำหรับประจำและระวังเหตุ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในด้านต่างๆ โดยเฉพาะการเดินทางในช่วงเวลาที่มีผู้สัญจรน้อย

55.เครื่องบินบางรุ่นไม่สามารถจอดเทียบงวงช้างได้