ชวนคุยเรื่องการออม
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 1
สำหรับคนที่ฝันถึงอิสรภาพทางการเงินนั้น
ผมคิดว่ามักจะใส่ใจในเรื่องการใช้จ่าย
เช่น เมื่อมีการใช้จ่ายก็ต้องการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนเงินออมที่เหลือจากการใช้จ่ายนั้น ก็ต้องการนำไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย ตามความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
และการงอกเงยจากเงินลงทุนนี่เอง ที่ทำให้เราเข้าสู่อิสรภาพทางการเงิน
ผมลองคำนวณเงินออมที่เหลือจากค่าใช้จ่าย (รวมค่าผ่อนบ้านด้วย)
ที่ผมสามารถนำไปลงทุน
ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 50% - 60% เมื่อเทียบกับรายได้
ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะเพิ่ม % เงินออมขึ้นไปถึง 75% หรือใช้ 1 ออม 3
ซึ่งทำได้ 2 อย่าง คือ
1. การเพิ่มรายได้
ซึ่งตรงนี้คงเป็นข้อจำกัดของมนุษย์เงินเดือน ยกเว้นว่าจะหาอาชีพเสริม
หรือ
2. การลดค่าใช้จ่าย ลองคิดๆดู ผมว่าสามารถทำได้โดยการ
- ซื้อสินค้า Hi-Tech เท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
เพราะสินค้าพวกนี้เสื่อมราคาเร็วมากๆ
- ออกกำลังกาย ตรงนี้เราจะลดค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ในระยะยาวได้
และได้ประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
- ตื่นให้เช้าขึ้น นอนให้เร็วขึ้น
ค่าไฟฟ้ามากกว่า 50% มาจากเครื่องปรับอากาศ
ดังนั้นหากสามารถลด ชม. การใช้เครื่องปรับอากาศเราก็จะประหยัดค่าไฟได้มาก
การนอนหัวค่ำ ตื่นเช้า ยังมีผลดีต่อสุขภาพ และทำให้รู้สึกสดชื่นด้วย
- อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่แพง
ทานอาหารตามภัตตาคาร เดือนละครั้งสองครั้งก็พอ
- ดูหนังตามโรงภาพยนตร์ให้น้อยลง เช่า DVD มาดูที่บ้านก็ได้อรรถรสที่ใกล้เคียงกัน แต่ค่าใช้จ่ายต่างกัน 4 - 5 เท่า
- เดินทางด้วยรถไฟฟ้า : เดี๋ยวนี้รถไฟฟ้าใต้ดินมีบัตรแบบเหมารายเดือน เดือนละ 800 ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวในการเดินทาง
ผมว่าเป็นอะไรที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
โดยเฉพาะหากเราเดินจากที่พักมายังสถานีได้เลย
เราจะลดได้ทั้งค่าเดินทางและเวลาในการเดินทาง
ผมคิดว่าหากเราทำด้วยความเหมาะสมและพอเพียง
ยิ่งเราใช้จ่ายน้อยลง เราอาจจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นก็ได้
(ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย)
ความสุขของเราอาจจะไม่ได้แปรตามอำนาจในการใช้จ่ายเสมอไป
ลองแลกเปลี่ยนกันดูครับว่าเพื่อนๆ ปัจจุบันออมเป็นกี่% ของรายได้
และมีเทคนิคในการลดค่าใช้จ่าย ที่เหมาะกับตัวเองอย่างไร
และแน่นอนว่าวิธีการใช้จ่ายสำหรับคนหนุ่มสาวที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
คงเอาไปเทียบกับพี่ๆ ที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว หรือเป็นนักลงทุนเต็มตัวไม่ได้ ...
ผมคิดว่ามักจะใส่ใจในเรื่องการใช้จ่าย
เช่น เมื่อมีการใช้จ่ายก็ต้องการใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ส่วนเงินออมที่เหลือจากการใช้จ่ายนั้น ก็ต้องการนำไปลงทุนเพื่อให้งอกเงย ตามความเสี่ยงที่ตัวเองรับได้
และการงอกเงยจากเงินลงทุนนี่เอง ที่ทำให้เราเข้าสู่อิสรภาพทางการเงิน
ผมลองคำนวณเงินออมที่เหลือจากค่าใช้จ่าย (รวมค่าผ่อนบ้านด้วย)
ที่ผมสามารถนำไปลงทุน
ปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 50% - 60% เมื่อเทียบกับรายได้
ผมตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะเพิ่ม % เงินออมขึ้นไปถึง 75% หรือใช้ 1 ออม 3
ซึ่งทำได้ 2 อย่าง คือ
1. การเพิ่มรายได้
ซึ่งตรงนี้คงเป็นข้อจำกัดของมนุษย์เงินเดือน ยกเว้นว่าจะหาอาชีพเสริม
หรือ
2. การลดค่าใช้จ่าย ลองคิดๆดู ผมว่าสามารถทำได้โดยการ
- ซื้อสินค้า Hi-Tech เท่าที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น
เพราะสินค้าพวกนี้เสื่อมราคาเร็วมากๆ
- ออกกำลังกาย ตรงนี้เราจะลดค่าใช้จ่ายในทางการแพทย์ในระยะยาวได้
และได้ประโยชน์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ ถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว
- ตื่นให้เช้าขึ้น นอนให้เร็วขึ้น
ค่าไฟฟ้ามากกว่า 50% มาจากเครื่องปรับอากาศ
ดังนั้นหากสามารถลด ชม. การใช้เครื่องปรับอากาศเราก็จะประหยัดค่าไฟได้มาก
การนอนหัวค่ำ ตื่นเช้า ยังมีผลดีต่อสุขภาพ และทำให้รู้สึกสดชื่นด้วย
- อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารที่แพง
ทานอาหารตามภัตตาคาร เดือนละครั้งสองครั้งก็พอ
- ดูหนังตามโรงภาพยนตร์ให้น้อยลง เช่า DVD มาดูที่บ้านก็ได้อรรถรสที่ใกล้เคียงกัน แต่ค่าใช้จ่ายต่างกัน 4 - 5 เท่า
- เดินทางด้วยรถไฟฟ้า : เดี๋ยวนี้รถไฟฟ้าใต้ดินมีบัตรแบบเหมารายเดือน เดือนละ 800 ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวในการเดินทาง
ผมว่าเป็นอะไรที่คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
โดยเฉพาะหากเราเดินจากที่พักมายังสถานีได้เลย
เราจะลดได้ทั้งค่าเดินทางและเวลาในการเดินทาง
ผมคิดว่าหากเราทำด้วยความเหมาะสมและพอเพียง
ยิ่งเราใช้จ่ายน้อยลง เราอาจจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นก็ได้
(ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วย)
ความสุขของเราอาจจะไม่ได้แปรตามอำนาจในการใช้จ่ายเสมอไป
ลองแลกเปลี่ยนกันดูครับว่าเพื่อนๆ ปัจจุบันออมเป็นกี่% ของรายได้
และมีเทคนิคในการลดค่าใช้จ่าย ที่เหมาะกับตัวเองอย่างไร
และแน่นอนว่าวิธีการใช้จ่ายสำหรับคนหนุ่มสาวที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัว
คงเอาไปเทียบกับพี่ๆ ที่มีอิสรภาพทางการเงินแล้ว หรือเป็นนักลงทุนเต็มตัวไม่ได้ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 3345
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 2
ผมออมเงิน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ประมาณ 50% ครับ (บางคนบอกว่าเยอะไป แต่ผมคิดว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำ)
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรายจ่ายยังไม่มาก (ยังไม่มีครอบครัวครับ)
และอาศัยอยู่กับที่บ้าน เลยไม่มีภาระรับผิดชอบทางด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ
ส่วนตัวผมชอบหา Part-Time Job ทำไปพลางๆ ในขณะที่เรียนอยู่ครับ
ตัวอย่างเช่น เด็กเสิร์ฟ, ครูสอนพิเศษ, นายหน้า ฯลฯ
เพราะคิดเสมอมาครับ ว่าเงินแต่ละบาทที่ผมหามาได้ (ด้วยตัวเอง) นั้น จะลงทุนแบบทบต้น 100% โดยไม่นำดอกผลหรือเงินต้นออกมาใช้เลย
และใน 1 วัน ผมสนุกกับชีวิตของผม ครับ
แม้ว่าอาจจะเหนื่อย เมื่อยล้า (ยกแก้วยกน้ำให้ลูกค้า, ทำนู่นทำนี่สารพัด ฯลฯ)
เพราะการที่เราไม่คิดว่าเราทำงานอยู่นั้น ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา และเป็นคนมองโลกในแง่ดี
ที่สำคัญ การวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ได้รับเงินเดือนมานั้น
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความรอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น
ไม่สูญไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
นั่นหมายถึง เหล้า บุหรี่ เที่ยวกลางคืน ฯลฯ ผมแทบจะห่างจากสังคมพวกนี้มานาน ตั้งแต่ที่ผมเริ่มลงทุนเลย ครับ (พวกนี้เป็นตัวบั่นทอนความมั่งคั่งของเราในระยะยาว ครับ)
อาจารย์ผมเคยสอนเรื่อง "คุณสมบัติเฉพาะตัว" (Personal Asset) ครับ
แกเน้นเลยว่า แต่ละคนต้องค้นหาตัวเอง ว่ามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในด้านใดบ้าง และควรเอาดีให้ได้ในด้านนั้นจนประสบความสำเร็จ
ผมนำมาประยุกต์ใช้เสมอๆ จนกระทั่งผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ของการเป็นครูสอนพิเศษกฎหมายให้กับน้องๆ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนำมาซึ่งชื่อเสียง และเงินทอง ที่ผมสามารถนำมาลงทุนได้ในปัจจุบัน
คร่าวๆ ก้อประมาณนี้ครับ
ใจจริงก้ออยากมีอิสรภาพทางการเงินเหมือนกันครับ
แต่จะเป็นไปตามที่ผมตั้งใจไว้หรือไม่
มันขึ้นอยู่กับความมีวินัยของผมล้วนๆ เลยครับ
ท่านอื่นเป็นยังไงบ้าง ผมอยากรู้เหมือนกันครับ :lol: :lol: :lol: ...
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรายจ่ายยังไม่มาก (ยังไม่มีครอบครัวครับ)
และอาศัยอยู่กับที่บ้าน เลยไม่มีภาระรับผิดชอบทางด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ
ส่วนตัวผมชอบหา Part-Time Job ทำไปพลางๆ ในขณะที่เรียนอยู่ครับ
ตัวอย่างเช่น เด็กเสิร์ฟ, ครูสอนพิเศษ, นายหน้า ฯลฯ
เพราะคิดเสมอมาครับ ว่าเงินแต่ละบาทที่ผมหามาได้ (ด้วยตัวเอง) นั้น จะลงทุนแบบทบต้น 100% โดยไม่นำดอกผลหรือเงินต้นออกมาใช้เลย
และใน 1 วัน ผมสนุกกับชีวิตของผม ครับ
แม้ว่าอาจจะเหนื่อย เมื่อยล้า (ยกแก้วยกน้ำให้ลูกค้า, ทำนู่นทำนี่สารพัด ฯลฯ)
เพราะการที่เราไม่คิดว่าเราทำงานอยู่นั้น ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา และเป็นคนมองโลกในแง่ดี
ที่สำคัญ การวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ได้รับเงินเดือนมานั้น
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความรอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น
ไม่สูญไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
นั่นหมายถึง เหล้า บุหรี่ เที่ยวกลางคืน ฯลฯ ผมแทบจะห่างจากสังคมพวกนี้มานาน ตั้งแต่ที่ผมเริ่มลงทุนเลย ครับ (พวกนี้เป็นตัวบั่นทอนความมั่งคั่งของเราในระยะยาว ครับ)
อาจารย์ผมเคยสอนเรื่อง "คุณสมบัติเฉพาะตัว" (Personal Asset) ครับ
แกเน้นเลยว่า แต่ละคนต้องค้นหาตัวเอง ว่ามีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ในด้านใดบ้าง และควรเอาดีให้ได้ในด้านนั้นจนประสบความสำเร็จ
ผมนำมาประยุกต์ใช้เสมอๆ จนกระทั่งผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ของการเป็นครูสอนพิเศษกฎหมายให้กับน้องๆ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนำมาซึ่งชื่อเสียง และเงินทอง ที่ผมสามารถนำมาลงทุนได้ในปัจจุบัน
คร่าวๆ ก้อประมาณนี้ครับ
ใจจริงก้ออยากมีอิสรภาพทางการเงินเหมือนกันครับ
แต่จะเป็นไปตามที่ผมตั้งใจไว้หรือไม่
มันขึ้นอยู่กับความมีวินัยของผมล้วนๆ เลยครับ
ท่านอื่นเป็นยังไงบ้าง ผมอยากรู้เหมือนกันครับ :lol: :lol: :lol: ...
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 3
คุณ HVI รายได้เยอะดีจังครับ ผ่อนบ้านแล้วยังเหลือเก็บอีก 50%
ส่วนตัวผมเคยเก็บได้มากที่สุดคือ เดือนละ 92%
โดยช่วงที่ทำ JOB นั้น โดยปกติเก็บได้เดือนละ 80-85%
แต่ก็มีคุณภาพชีวิตที่เลวร้ายพอสมควร
ตอนนี้เรียนอย่างเดียวทำงานนิดหน่อย มีเท่าไหร่ใช้ไม่เหลือเลยครับ 555
โดยส่วนตัวถ้าจะลดค่าใช้จ่ายคงลดแค่ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือย
พวกcomputer ก็ใช้ของเก่าไปก่อน รถยนต์ ผมไม่ชอบขับรถในเมือง
ก็จอดไว้นิ่งๆ ใช้ taxi รถไฟฟ้าไปครับ
ส่วนอาหารที่ดีต่อสุขภาพนี่มีcost of ingredient ที่สูงนะครับในความคิดผม
สารพัดผักแพงกว่า เนื้อสัตว์แล้วแทบจะทั้งนั้น คิดว่าไม่น่าจะลด
ค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มากนักนะครับ ยกเว้นว่าแต่ก่อนเข้า restaurant บ่อย
ดูหนังโรงได้อรรถรสต่างกับนั่งดูเหี่ยวๆที่บ้านมากนะครับ
นอกจากว่าทำระบบทีวีกับเครื่องเสียงไว้ดีมาก
ผมเดาว่าไม่น่าจะดูเกิน4เรื่องต่อเดือน ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดไปไม่เกิน 400 บาท ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากครับ ในฐานะแบบคุณ HVI
ที่น่าระวังมากกว่าคือความต่อเนื่องของการดูหนังที่จบแล้วต้อง
ต่อด้วยการหาข้าวแพงๆแถวนั้นกิน ถ้ากลับมาทานที่บ้านก็ลดค่าใช้จ่าย
ได้เยอะคิดแล้วเดือนละ4ครั้งก็น่าจะร่วมๆเกือบ1000บาท
โดยส่วนตัว เอาเงินมาเล่นหุ้นก็คิดว่าพอเพียงแล้วครับ
หากลยุทธ์ที่ทำให้ได้กำไรสูงสุด น่าจะได้ผลเป็นตัวเงินมากกว่า
ถึงจะปวดกบาลมากกว่าเดิมก็ตาม :P
การพยายามประหยัดมากๆ สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่า
เพื่อนๆค่อยๆหายไปทีละคนจนน่าตกใจเชียวครับ
ถึงจะไม่ใช่ระดับเพื่อนแท้ ยอมตายแทนกันได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า รู้สึกดีกว่าเวลามีใครโทรมาชวนไปเที่ยว ไปบันเทิงนะครับ
เริ่มรู้สึกว่าเงินที่เก็บๆมาเหมือนเป็นแค่ตัวเลขในเศษกระดาษ
ก็ตอนที่เพื่อนๆ ค่อยๆหายหน้าหายตาไปนี่ละครับ
ความสุขอะไรในชีวิตที่ต้องใช้เงินบ้างก็ยอมจ่าย
เพราะถึงจะทำกิจกรรมแบบเดิมในอนาคต ความสุขมันไม่เท่าเดิมเหมือนแต่ก่อน
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะครับ :P
ส่วนตัวผมเคยเก็บได้มากที่สุดคือ เดือนละ 92%
โดยช่วงที่ทำ JOB นั้น โดยปกติเก็บได้เดือนละ 80-85%
แต่ก็มีคุณภาพชีวิตที่เลวร้ายพอสมควร
ตอนนี้เรียนอย่างเดียวทำงานนิดหน่อย มีเท่าไหร่ใช้ไม่เหลือเลยครับ 555
โดยส่วนตัวถ้าจะลดค่าใช้จ่ายคงลดแค่ส่วนสินค้าฟุ่มเฟือย
พวกcomputer ก็ใช้ของเก่าไปก่อน รถยนต์ ผมไม่ชอบขับรถในเมือง
ก็จอดไว้นิ่งๆ ใช้ taxi รถไฟฟ้าไปครับ
ส่วนอาหารที่ดีต่อสุขภาพนี่มีcost of ingredient ที่สูงนะครับในความคิดผม
สารพัดผักแพงกว่า เนื้อสัตว์แล้วแทบจะทั้งนั้น คิดว่าไม่น่าจะลด
ค่าใช้จ่ายตรงนี้ได้มากนักนะครับ ยกเว้นว่าแต่ก่อนเข้า restaurant บ่อย
ดูหนังโรงได้อรรถรสต่างกับนั่งดูเหี่ยวๆที่บ้านมากนะครับ
นอกจากว่าทำระบบทีวีกับเครื่องเสียงไว้ดีมาก
ผมเดาว่าไม่น่าจะดูเกิน4เรื่องต่อเดือน ค่าใช้จ่ายที่ประหยัดไปไม่เกิน 400 บาท ไม่น่าจะช่วยอะไรได้มากครับ ในฐานะแบบคุณ HVI
ที่น่าระวังมากกว่าคือความต่อเนื่องของการดูหนังที่จบแล้วต้อง
ต่อด้วยการหาข้าวแพงๆแถวนั้นกิน ถ้ากลับมาทานที่บ้านก็ลดค่าใช้จ่าย
ได้เยอะคิดแล้วเดือนละ4ครั้งก็น่าจะร่วมๆเกือบ1000บาท
โดยส่วนตัว เอาเงินมาเล่นหุ้นก็คิดว่าพอเพียงแล้วครับ
หากลยุทธ์ที่ทำให้ได้กำไรสูงสุด น่าจะได้ผลเป็นตัวเงินมากกว่า
ถึงจะปวดกบาลมากกว่าเดิมก็ตาม :P
การพยายามประหยัดมากๆ สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่า
เพื่อนๆค่อยๆหายไปทีละคนจนน่าตกใจเชียวครับ
ถึงจะไม่ใช่ระดับเพื่อนแท้ ยอมตายแทนกันได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า รู้สึกดีกว่าเวลามีใครโทรมาชวนไปเที่ยว ไปบันเทิงนะครับ
เริ่มรู้สึกว่าเงินที่เก็บๆมาเหมือนเป็นแค่ตัวเลขในเศษกระดาษ
ก็ตอนที่เพื่อนๆ ค่อยๆหายหน้าหายตาไปนี่ละครับ
ความสุขอะไรในชีวิตที่ต้องใช้เงินบ้างก็ยอมจ่าย
เพราะถึงจะทำกิจกรรมแบบเดิมในอนาคต ความสุขมันไม่เท่าเดิมเหมือนแต่ก่อน
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันนะครับ :P
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
-
- Verified User
- โพสต์: 307
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 4
ต้องขอยกย่องชมเชยคุณบีมครับ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของคนรุ่นใหม่beammy เขียน:ผมออมเงิน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ประมาณ 50% ครับ (บางคนบอกว่าเยอะไป แต่ผมคิดว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำ)
ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรายจ่ายยังไม่มาก (ยังไม่มีครอบครัวครับ)
และอาศัยอยู่กับที่บ้าน เลยไม่มีภาระรับผิดชอบทางด้านที่อยู่อาศัย รวมถึงสาธารณูปโภคต่างๆ
ส่วนตัวผมชอบหา Part-Time Job ทำไปพลางๆ ในขณะที่เรียนอยู่ครับ
ตัวอย่างเช่น เด็กเสิร์ฟ, ครูสอนพิเศษ, นายหน้า ฯลฯ
เพราะคิดเสมอมาครับ ว่าเงินแต่ละบาทที่ผมหามาได้ (ด้วยตัวเอง) นั้น จะลงทุนแบบทบต้น 100% โดยไม่นำดอกผลหรือเงินต้นออกมาใช้เลย
และใน 1 วัน ผมสนุกกับชีวิตของผม ครับ
แม้ว่าอาจจะเหนื่อย เมื่อยล้า (ยกแก้วยกน้ำให้ลูกค้า, ทำนู่นทำนี่สารพัด ฯลฯ)
เพราะการที่เราไม่คิดว่าเราทำงานอยู่นั้น ทำให้เรารู้สึกกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา และเป็นคนมองโลกในแง่ดี
ที่สำคัญ การวางแผนการใช้เงินตั้งแต่ได้รับเงินเดือนมานั้น
เป็นสิ่งที่ทำให้ผมมีความรอบคอบในการใช้เงินมากขึ้น
ไม่สูญไปกับสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์
นั่นหมายถึง เหล้า บุหรี่ เที่ยวกลางคืน ฯลฯ ผมแทบจะห่างจากสังคมพวกนี้มานาน ตั้งแต่ที่ผมเริ่มลงทุนเลย ครับ (พวกนี้เป็นตัวบั่นทอนความมั่งคั่งของเราในระยะยาว ครับ)
สมัยผมวัยเท่าคุณ ผมยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของคุณเลยครับ
บางครั้งมานั่งคิดแล้ว อยากย้อนเวลาได้จัง
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 5
ช่วงผมยังเป็นนักศึกษา ป.ตรี ยังไม่รู้เลยครับว่าตลาดหลักทรัพย์เป็นไง
เห็นรายงานข่าว ว่าบวกเท่านั้นจุด ลบเท่านี้จุด เราก็งงๆ
ลองมองย้อนกลับไป ช่วงเรียนมหาลัย
ผมคิดว่าหลายๆ คนคงคิดเหมือนผมคือเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่ง
ส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน แล้วก็รู้สึกว่ามีอิสรภาพ
ไม่ต้องทำอะไรตามกรอบอย่างสมัยมัธยม
ผมเริ่มทำงานตั้งแต่เรียน ป.ตรีแล้วเหมือนกันครับ
แต่ก็ได้แค่รบกวนพ่อแม่น้อยลงเท่านั้น ไม่ได้มีแนวคิดเรื่องการลงทุนเลย
เห็นรายงานข่าว ว่าบวกเท่านั้นจุด ลบเท่านี้จุด เราก็งงๆ
ลองมองย้อนกลับไป ช่วงเรียนมหาลัย
ผมคิดว่าหลายๆ คนคงคิดเหมือนผมคือเป็นช่วงที่มีความสุขมากที่สุดช่วงหนึ่ง
ส่วนใหญ่แล้วใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อน แล้วก็รู้สึกว่ามีอิสรภาพ
ไม่ต้องทำอะไรตามกรอบอย่างสมัยมัธยม
ผมเริ่มทำงานตั้งแต่เรียน ป.ตรีแล้วเหมือนกันครับ
แต่ก็ได้แค่รบกวนพ่อแม่น้อยลงเท่านั้น ไม่ได้มีแนวคิดเรื่องการลงทุนเลย
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 6
โครงสร้างรายได้ของต่างประเทศกับของเราเนี่ยคนละเรื่องกันเลยนะครับ
ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก ออม 70 - 80% up คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
บ้านเรา ขนาดจบโท แต่ถ้ารับราชการ เงินเดือนไม่ถึงหมื่น แบบนี้จะเหลือเก็บได้ไง
มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองสักหลัง ก็เป็นเรื่องยากแสนยาก
เรื่องอาหารผมว่าข้าวแกง แบบไทยๆ เนี่ยก็สุขภาพแล้วนะครับ
ถ้าหุงข้าวกล้องทานเองได้ยิ่งดี มีประโยชน์ ขับถ่ายก็สะดวก
เทียบกับสั่ง Pizza ทานที ราคาต่างกันเป็น 10 เท่า
ผมว่าช่วยประหยัดได้พอสมควรเลยแหละ
เรื่องดูหนัง ผมกลับชอบดูที่บ้าน ผมว่าเป็นส่วนตัวดี
ผมซื้อลำโพง 5.1 + เครื่องเล่น DVD 3-4 พันบาท + สาย composite + ทีวีจอ 29"
เวลาระเบิดลงที มันก็ดังสนั่น ได้อรรถรสครบถ้วน พอใจแล้วครับ เพียงแต่ได้ดูหนังช้าลงหน่อยเท่านั้นเอง
ไปดูโรงเฉพาะเรื่องที่พลาดไม่ได้จริงๆ ... :D
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เราควรใช้ เราก็ต้องใช้ครับ
เพราะเราต้องเป็นนายมัน ไม่ถึงขนาดปล่อยให้มันเป็นนายเรา
ค่าใช้จ่ายที่ควรใช้ผมหมายถึง
1. ให้ตังพ่อแม่ใช้บ้าง
ถึงแม้ท่านไม่ได้เดือดร้อน แต่เวลาให้ตังท่าน ถึงเป็นจำนวนไม่มาก จะเห็นได้ว่าท่านดีใจและมีความสุขมาก
2. ทำบุญ ทำทาน ตามความเหมาะสม
3. สังสรรค์และสังคมบ้างตามโอกาส
ถ้าวัยผม ที่มาบ่อยหน่อยก็ซองแต่งงานล่ะครับ
แต่ถ้าเที่ยวกลางคืน ร่ำสุรา อย่างสมัยเรียนมหาลัยหรือจบทำงานใหม่ๆ
ผมรู้สึกว่าเราข้ามช่วงนั้นมาแล้ว หลายๆคนก็เริ่มที่จะมีครอบครัวแต่งงานแต่งการกันไป
นานๆ นัดเจอกันที พอให้หายคิดถึงกัน สำหรับผม ก็คิดว่าพอแล้ว ... :D
ไม่ทราบว่าคุณ 2dogs กำลังเรียนด้านไหนเหรอครับ
จบแล้วกะทำงานที่โน่นเลยหรือเปล่า
ที่อเมริกา ผมมีคนรู้จักคือลูกพี่ลูกน้องแฟนผม เปิดร้านอาหารอยู่ที่ New York ครับ ... :D
ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก ออม 70 - 80% up คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
บ้านเรา ขนาดจบโท แต่ถ้ารับราชการ เงินเดือนไม่ถึงหมื่น แบบนี้จะเหลือเก็บได้ไง
มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเองสักหลัง ก็เป็นเรื่องยากแสนยาก
เรื่องอาหารผมว่าข้าวแกง แบบไทยๆ เนี่ยก็สุขภาพแล้วนะครับ
ถ้าหุงข้าวกล้องทานเองได้ยิ่งดี มีประโยชน์ ขับถ่ายก็สะดวก
เทียบกับสั่ง Pizza ทานที ราคาต่างกันเป็น 10 เท่า
ผมว่าช่วยประหยัดได้พอสมควรเลยแหละ
เรื่องดูหนัง ผมกลับชอบดูที่บ้าน ผมว่าเป็นส่วนตัวดี
ผมซื้อลำโพง 5.1 + เครื่องเล่น DVD 3-4 พันบาท + สาย composite + ทีวีจอ 29"
เวลาระเบิดลงที มันก็ดังสนั่น ได้อรรถรสครบถ้วน พอใจแล้วครับ เพียงแต่ได้ดูหนังช้าลงหน่อยเท่านั้นเอง
ไปดูโรงเฉพาะเรื่องที่พลาดไม่ได้จริงๆ ... :D
ส่วนค่าใช้จ่ายที่เราควรใช้ เราก็ต้องใช้ครับ
เพราะเราต้องเป็นนายมัน ไม่ถึงขนาดปล่อยให้มันเป็นนายเรา
ค่าใช้จ่ายที่ควรใช้ผมหมายถึง
1. ให้ตังพ่อแม่ใช้บ้าง
ถึงแม้ท่านไม่ได้เดือดร้อน แต่เวลาให้ตังท่าน ถึงเป็นจำนวนไม่มาก จะเห็นได้ว่าท่านดีใจและมีความสุขมาก
2. ทำบุญ ทำทาน ตามความเหมาะสม
3. สังสรรค์และสังคมบ้างตามโอกาส
ถ้าวัยผม ที่มาบ่อยหน่อยก็ซองแต่งงานล่ะครับ
แต่ถ้าเที่ยวกลางคืน ร่ำสุรา อย่างสมัยเรียนมหาลัยหรือจบทำงานใหม่ๆ
ผมรู้สึกว่าเราข้ามช่วงนั้นมาแล้ว หลายๆคนก็เริ่มที่จะมีครอบครัวแต่งงานแต่งการกันไป
นานๆ นัดเจอกันที พอให้หายคิดถึงกัน สำหรับผม ก็คิดว่าพอแล้ว ... :D
ไม่ทราบว่าคุณ 2dogs กำลังเรียนด้านไหนเหรอครับ
จบแล้วกะทำงานที่โน่นเลยหรือเปล่า
ที่อเมริกา ผมมีคนรู้จักคือลูกพี่ลูกน้องแฟนผม เปิดร้านอาหารอยู่ที่ New York ครับ ... :D
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 7
น่าชื่นชม เด็กรุ่นใหม่ จริงๆ
อ่านแล้ว ผมอายเหลิอเกิน ถ้าเอาไปเทียบกับตัวเอง สมัยนั้น
หามาได้เดือนละ หมื่นห้า แต่ใช้ไป 2 หมื่น :\/: แล้วมันจะเหลืออะไร :!:
อ่านแล้ว ผมอายเหลิอเกิน ถ้าเอาไปเทียบกับตัวเอง สมัยนั้น
หามาได้เดือนละ หมื่นห้า แต่ใช้ไป 2 หมื่น :\/: แล้วมันจะเหลืออะไร :!:
โครงสร้างรายจ่ายก็ต่างกันนะครับ นี่ยังไม่รวม โครงสร้างภาษีอีก :BHVI เขียน:โครงสร้างรายได้ของต่างประเทศกับของเราเนี่ยคนละเรื่องกันเลยนะครับ
ถ้าไม่ได้ใช้จ่ายอะไรมาก ออม 70 - 80% up คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 8
จะเรียน ECON ครับแล้วหา cer finance เสริมอีกใบ
จบแล้วจะกลับเมืองไทยครับ เพราะหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ที่เมืองไทย
ใครเถียงว่าที่ US ดีกว่า นั่นคือภาพรวมครับ
ถ้าพอมีฐานะบ้าง เชื่อว่าเมืองไทยมี offer ที่ดีกว่าทั้งการบริการ คุณภาพต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล บริการเหมือนไปขอให้มันรักษาฟรียังไงยังงั้น
รอนานมากๆ ตรวจเสร็จต้องฉลาดพอที่จะเอาข้อมูลที่ได้ไปส่งเองที่อีกแผนก
ทำงานกันวันละ 8 ชั่วโมง หมดเวลายังกะพวกทำงานโรงงานหายเกลี้ยง
เสาร์อาทิตย์ เหลือแต่หมอฉุกเฉิน หยุดพักผ่อนกันหมด
ถ้าไม่ถึงขั้นจะตายตรงหน้า จะตรวจอะไรต้องรอมาวันธรรมดา
สรุปว่าถ้าพอมีเงิน ที่ๆดีที่สุดบนโลก คือ
ประเทศที่มีบริการดีที่สุด อากาศสดชื่น สภาพแวดล้อมสวยงาม
facilityครบถ้วน ผู้คนไม่aggressive ซึ่งที่นั้นไม่ใช่ New York ครับ
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง ถ้าซื้อมากินต้องหาซื้อผักลวกมากินพร้อมกัน
คงพอช่วยได้บ้างครับ ถ้าเลือกได้ ร้านไหนขายข้าวแกงที่ดูเหี่ยวๆ
สีซีดๆ ไม่เงาสะท้อนแสง ร้านนั้นดีต่อสุขภาพกว่า :P
ส่วน pizza ที่นี่มันแสลงลิ้นผมมากเลยครับ หาความอร่อยไม่เจอ เจอแต่ชีส
ห่วยกว่า pizza เมืองไทยมากๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่กินเด็ดขาด
ร้านอาหารชื่ออะไรครับ ผมน่าจะรู้จักเพราะเคยไปเห็นมาหลายสิบร้านแล้ว
เรื่องการออมในต่างประเทศนี่เหมือนจะง่ายแต่จริงๆแล้วต้องมีตัวช่วย
ถึงจะออมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ เช่นบ้านเช่าถูก อาหารฟรี
ไม่งั้นก็ไม่เหลือเหมือนกัน
จริงๆที่เหมือนคนไทยลำบาก เงินเดือนน้อย ก็เพราะคาดหวังในการมีวัตถุสูง
ฝรั่งมากมายสิ้นหวังกับการมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
เมื่อหมดรายจ่ายค่าผ่อนบ้านตรงนี้
ก็เหลือเงินมากมายเอามาจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยว
ถ้าพี่ไทยเราที่เงินเดือน2-3หมื่นไม่มีค่าผ่อนบ้าน ก็เชื่อว่ามีเงินเหลือมา
ถลุงอีกพอควรเลยนะครับ :P
จบแล้วจะกลับเมืองไทยครับ เพราะหาคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าได้ที่เมืองไทย
ใครเถียงว่าที่ US ดีกว่า นั่นคือภาพรวมครับ
ถ้าพอมีฐานะบ้าง เชื่อว่าเมืองไทยมี offer ที่ดีกว่าทั้งการบริการ คุณภาพต่างๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาล บริการเหมือนไปขอให้มันรักษาฟรียังไงยังงั้น
รอนานมากๆ ตรวจเสร็จต้องฉลาดพอที่จะเอาข้อมูลที่ได้ไปส่งเองที่อีกแผนก
ทำงานกันวันละ 8 ชั่วโมง หมดเวลายังกะพวกทำงานโรงงานหายเกลี้ยง
เสาร์อาทิตย์ เหลือแต่หมอฉุกเฉิน หยุดพักผ่อนกันหมด
ถ้าไม่ถึงขั้นจะตายตรงหน้า จะตรวจอะไรต้องรอมาวันธรรมดา
สรุปว่าถ้าพอมีเงิน ที่ๆดีที่สุดบนโลก คือ
ประเทศที่มีบริการดีที่สุด อากาศสดชื่น สภาพแวดล้อมสวยงาม
facilityครบถ้วน ผู้คนไม่aggressive ซึ่งที่นั้นไม่ใช่ New York ครับ
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง ถ้าซื้อมากินต้องหาซื้อผักลวกมากินพร้อมกัน
คงพอช่วยได้บ้างครับ ถ้าเลือกได้ ร้านไหนขายข้าวแกงที่ดูเหี่ยวๆ
สีซีดๆ ไม่เงาสะท้อนแสง ร้านนั้นดีต่อสุขภาพกว่า :P
ส่วน pizza ที่นี่มันแสลงลิ้นผมมากเลยครับ หาความอร่อยไม่เจอ เจอแต่ชีส
ห่วยกว่า pizza เมืองไทยมากๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่กินเด็ดขาด
ร้านอาหารชื่ออะไรครับ ผมน่าจะรู้จักเพราะเคยไปเห็นมาหลายสิบร้านแล้ว
เรื่องการออมในต่างประเทศนี่เหมือนจะง่ายแต่จริงๆแล้วต้องมีตัวช่วย
ถึงจะออมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยครับ เช่นบ้านเช่าถูก อาหารฟรี
ไม่งั้นก็ไม่เหลือเหมือนกัน
จริงๆที่เหมือนคนไทยลำบาก เงินเดือนน้อย ก็เพราะคาดหวังในการมีวัตถุสูง
ฝรั่งมากมายสิ้นหวังกับการมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว
เมื่อหมดรายจ่ายค่าผ่อนบ้านตรงนี้
ก็เหลือเงินมากมายเอามาจับจ่ายใช้สอย ท่องเที่ยว
ถ้าพี่ไทยเราที่เงินเดือน2-3หมื่นไม่มีค่าผ่อนบ้าน ก็เชื่อว่ามีเงินเหลือมา
ถลุงอีกพอควรเลยนะครับ :P
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 10
[quote="2 dogs"]
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง
"Winners never quit, and quitters never win."
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 11
[quote="HVI"][quote="2 dogs"]
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง
เรื่องข้าวแกงนี่มีภัยเงียบแฝงมาแบบไม่ทันรู้ตัวครับ
คือร้านที่ขายข้าวแกงมักจะใช้น้ำมันในอาหารต่างๆ มากกว่าทำเองที่บ้าน
ที่อาหารดูสวยเงา น่ากิน ก็น้ำมันทั้งนั้น และเป็นน้ำมันหมูด้วย
ไม่ใช่น้ำมันถั่วเหลือง
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
-
- Verified User
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 12
ผมออมได้ 40% ครับ
ปัจจัยสำคัญของผมคือการวางแผนการใช้จ่าย
แบ่งเป็นสามกองคือ รายวัน สุดสัปดาห์(ดูหนัง กินข้าว)
และพิเศษ(หนังสือ เสื้อผ้า)ครับ
แต่ปกติรายวันมักจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่เอามาถมตรงส่วนสุดสัปดาห์หมด
เสาร์อาทิตย์นี่เหมือนปล่อยผีครับ มือหนักจริง ๆ :oops:
พวกค่าเดินทางผมไม่มีครับ เพราะทำงานที่บ้าน
แต่ตรงสุดสัปดาห์นี่ล่ะครับหนักที่สุด ถ้าตีแตกตรงนี้ได้
เงินออมน่าจะขึ้นมาได้ถึง 70% ครับ
ส่วนเรื่องแอร์ ปกติเปิดตอนนอนครับ
แต่ว่าตั้งเวลาปิดไว้สองชั่วโมง เปิดพัดลมแรง ๆ ช่วย
แล้วก็แง้มหน้าต่างไว้กว้างสักสามถึงสี่คืบครับ จะได้นอนไม่อึดอัด
โดยความรู้สึกคือประหยัดลงได้นิดหน่อยครับ แต่วัดเป็นตัวเลขจริงจังไม่ได้ซะที
เพราะว่าไฟในบ้านนี้ใช้สำหรับกิจการด้วยครับ ตัวแทรกซ้อนจึงน่าจะมีเยอะ
ปัจจัยสำคัญของผมคือการวางแผนการใช้จ่าย
แบ่งเป็นสามกองคือ รายวัน สุดสัปดาห์(ดูหนัง กินข้าว)
และพิเศษ(หนังสือ เสื้อผ้า)ครับ
แต่ปกติรายวันมักจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่เอามาถมตรงส่วนสุดสัปดาห์หมด
เสาร์อาทิตย์นี่เหมือนปล่อยผีครับ มือหนักจริง ๆ :oops:
พวกค่าเดินทางผมไม่มีครับ เพราะทำงานที่บ้าน
แต่ตรงสุดสัปดาห์นี่ล่ะครับหนักที่สุด ถ้าตีแตกตรงนี้ได้
เงินออมน่าจะขึ้นมาได้ถึง 70% ครับ
ส่วนเรื่องแอร์ ปกติเปิดตอนนอนครับ
แต่ว่าตั้งเวลาปิดไว้สองชั่วโมง เปิดพัดลมแรง ๆ ช่วย
แล้วก็แง้มหน้าต่างไว้กว้างสักสามถึงสี่คืบครับ จะได้นอนไม่อึดอัด
โดยความรู้สึกคือประหยัดลงได้นิดหน่อยครับ แต่วัดเป็นตัวเลขจริงจังไม่ได้ซะที
เพราะว่าไฟในบ้านนี้ใช้สำหรับกิจการด้วยครับ ตัวแทรกซ้อนจึงน่าจะมีเยอะ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 13
[quote="2 dogs"]
ปลาลวกจิ้ม ดีกว่าครับ ไม่เสี่ยงกับอนุมูลอิสระ
ว่าแต่ชื่อร้านอะไรยังไม่บอกเลย เผื่อแวะไปกิน
ปลาลวกจิ้ม ดีกว่าครับ ไม่เสี่ยงกับอนุมูลอิสระ
ว่าแต่ชื่อร้านอะไรยังไม่บอกเลย เผื่อแวะไปกิน
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 15
เก่งกันมากครับ
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
ไม่รู้ว่าในอนาคต จะผมพอกินได้ไงเนี่ยะ :roll:
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
ไม่รู้ว่าในอนาคต จะผมพอกินได้ไงเนี่ยะ :roll:
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
- 2 dogs
- Verified User
- โพสต์: 726
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 17
แปลว่าพี่ sun มีบ้านแล้ว คราวนี้เอาตังค์ที่ยังเหลืออยู่อีกมาซื้อที่ดินเพิ่มเหรอครับsunrise เขียน: ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
l:
ต้องอ่านดีๆนะเนี่ย ไม่งั้นนึกว่าพี่แกถ่อมตัว จริงๆมีดีซ่อนอยู่ :lovl:
หุ้นเงียบๆในวันนี้จะโด่งดังในปีหน้า
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 18
2 dogs เขียน: ส่วน pizza ที่นี่มันแสลงลิ้นผมมากเลยครับ หาความอร่อยไม่เจอ เจอแต่ชีส
ห่วยกว่า pizza เมืองไทยมากๆ ถ้าไม่จำเป็นจะไม่กินเด็ดขาด
ร้านอาหารชื่ออะไรครับ ผมน่าจะรู้จักเพราะเคยไปเห็นมาหลายสิบร้านแล้ว
เห็นคุณ 2 dogs คุยเรื่อง Pizza อยู่ดีๆ พอมาถามร้านอาหารชื่ออะไร
ผมปรับตัวไม่ทันครับ ... :drink:
ตอนผมอ่านผมเข้าใจว่า เคยไปเห็นร้าน Pizza มาหลายสิบร้านแล้ว :shock:
เอ... แล้วมาถามร้าน Pizza ที่ไทยเนี่ยนะ ตอนผมตอบก็งงๆ เหมือนกัน ขอโทษทีครับ
ไว้จะไปถามให้ครับ ... :D
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 19
[quote="sunrise"]เก่งกันมากครับ
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 1104
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 20
ผมออมได้ประมาณ 70 % ของรายได้ครับ
โชคดี
-ที่ทำงานมีรถรับส่งเกือบถึงบ้าน ประหยัดค่าเดินทางไปหลาย เเถมได้พักผ่อนบนรถอีก
-ข้าวเเกงที่ทำงาน กับ 2 อย่าง 20 บาท น้ำเปล่า 1 บาท
- ขึ้นรถเมล์อยากเดียว ไม่ขับรถ ถ้าจะไปไหนใกล้ๆก็เดิน เอา ไม่ขึ้น taxi
- อาศัยอยู่กับที่บ้าน อยู่กน 3 คน เหลือเฟือ ถ้ามีครอบครัวก็ คงจะปลูกบ้านในบริเวณ เดียวกันละ ครับ
- กินข้าวในห้างให้น้อยลง เดือนละ 2-3 ครั้ง พอ
- ดูหนังเดือนละ ครั้ง เลือกเรื่องที่อยากดูจริงๆ ที่เหลือหาเช่าดูเอา
- ไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ ( ยืมอ่านจากห้องสมุด เอา )
วันๆใช้ไม่เกิน 100 บาทเองจ้า ขำๆ นะ
:P :P :P
โชคดี
-ที่ทำงานมีรถรับส่งเกือบถึงบ้าน ประหยัดค่าเดินทางไปหลาย เเถมได้พักผ่อนบนรถอีก
-ข้าวเเกงที่ทำงาน กับ 2 อย่าง 20 บาท น้ำเปล่า 1 บาท
- ขึ้นรถเมล์อยากเดียว ไม่ขับรถ ถ้าจะไปไหนใกล้ๆก็เดิน เอา ไม่ขึ้น taxi
- อาศัยอยู่กับที่บ้าน อยู่กน 3 คน เหลือเฟือ ถ้ามีครอบครัวก็ คงจะปลูกบ้านในบริเวณ เดียวกันละ ครับ
- กินข้าวในห้างให้น้อยลง เดือนละ 2-3 ครั้ง พอ
- ดูหนังเดือนละ ครั้ง เลือกเรื่องที่อยากดูจริงๆ ที่เหลือหาเช่าดูเอา
- ไม่ซื้อหนังสือพิมพ์ ( ยืมอ่านจากห้องสมุด เอา )
วันๆใช้ไม่เกิน 100 บาทเองจ้า ขำๆ นะ
:P :P :P
-
- Verified User
- โพสต์: 2266
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 21
[quote="HVI"][quote="sunrise"]เก่งกันมากครับ
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
ผมบอกตรงๆ ทุกวันนี้เงินเดือนซึ่งผมถือว่าเยอะสำหรับผม
แต่ผมแทบไม่เหลือเก็บเลย ค่าเรียน ค่าผ่อนที่
ต้องมารบกวนพอร์ตบ่อยๆ เลยครับ
การลงทุนคือความเสี่ยง
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
แต่ความเสี่ยงสูงคือ ไม่รุ้ว่าอะไรคือจุดชี้เป็นชี้ตายของบริษัท
ความเสียงสุงที่สุด คือ ไม่รู้ว่าเลยว่าตัวเองทำอะไรอยู่
-
- Verified User
- โพสต์: 511
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 22
เงินเดือนเดือนหนึ่งๆ
13% ภาษี ประกันสังคม Provident Fund
28% ให้พ่อแม่น้องๆ
25% ใช้เอง
3.5% ทำบุญ
ที่เหลือ เอาไปลงทุนครับ
13% ภาษี ประกันสังคม Provident Fund
28% ให้พ่อแม่น้องๆ
25% ใช้เอง
3.5% ทำบุญ
ที่เหลือ เอาไปลงทุนครับ
VI ฝึกหัด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 23
น่าชื่นชมกันทุกคนเลยครับ คิดแล้วอยากกลับไปเป็นวัยหนุ่มอีกที
สามปีล่าสุดนี้ผมไม่มีเงินเก็บเลยครับได้มาเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายหมดเลย ทั้งที่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไร คงเป็นเพราะรายได้น้อยอ่ะครับ......ไม่ได้เปิดคลินิคซะด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่......
ยังดีที่ไม่ไปกระทบกระเทือนเงินลงทุน และเงินลงทุนก็สร้างผลตอบแทนที่ดีให้
ผมโชคดีมากที่เกิดมาในยุคที่มีตลาดหุ้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะไปทำอะไรให้เงินงอกเงย
โชคดีมากที่มีอินเตอร์เน็ต ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหน
โชคดีที่มีแนวทางการลงทุนที่ถูกต้องที่เรียกว่า วีไอ ไม่งั้นผมคงไปเล่นเก็งกำไร และคงขาดทุนยับเยิน
โชคดีที่มีคนที่เสียสละให้ความรู้ด้านวีไอ ทั้งดร.นิเวศน์ พี่พรชัย และอีกหลายๆท่านที่ช่วยกันแต่งและแปลหนังสือ ไม่อย่างนั้นผมต้องศึกษาเองใหม่หมดเป็นภาษอังกฤษล้วนๆ ผ่านไปอีกห้าสิบปีก็ไม่รู้ว่าผมจะเข้าใจวิชาวีไอหรือเปล่า
และที่สุดของที่สุด ผมโชคดีที่มาเจอเว็บนี้ ต้องขอบคุณคุณมนตรีและผู้ร่วมก่อตั้งเว็บนี้ ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ตั้งใจทำงานด้วยความเสียสละโดยไม่ได้อะไรตอบแทน
วันนี้ผลการลงทุนของผมทำกำไรให้พอสมควร และเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องทำงาน(หนักๆ)อีกต่อไป เรียกว่ามีอิสรภาพตามอัตภาพ ก็ด้วยความรู้ ความเห็นจากเพื่อนๆที่ช่วยกันแนะนำติติงนั่นเอง
เว็บนี้และเพื่อนๆในเว็บสำคัญกับผมขนาดนั้นเลยทีเดียวครับ......
สามปีล่าสุดนี้ผมไม่มีเงินเก็บเลยครับได้มาเท่าไหร่ก็ใช้จ่ายหมดเลย ทั้งที่ก็ไม่ได้ฟุ่มเฟือยอะไร คงเป็นเพราะรายได้น้อยอ่ะครับ......ไม่ได้เปิดคลินิคซะด้วยเลยยิ่งไปกันใหญ่......
ยังดีที่ไม่ไปกระทบกระเทือนเงินลงทุน และเงินลงทุนก็สร้างผลตอบแทนที่ดีให้
ผมโชคดีมากที่เกิดมาในยุคที่มีตลาดหุ้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จะไปทำอะไรให้เงินงอกเงย
โชคดีมากที่มีอินเตอร์เน็ต ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะไปหาข้อมูลที่ไหน
โชคดีที่มีแนวทางการลงทุนที่ถูกต้องที่เรียกว่า วีไอ ไม่งั้นผมคงไปเล่นเก็งกำไร และคงขาดทุนยับเยิน
โชคดีที่มีคนที่เสียสละให้ความรู้ด้านวีไอ ทั้งดร.นิเวศน์ พี่พรชัย และอีกหลายๆท่านที่ช่วยกันแต่งและแปลหนังสือ ไม่อย่างนั้นผมต้องศึกษาเองใหม่หมดเป็นภาษอังกฤษล้วนๆ ผ่านไปอีกห้าสิบปีก็ไม่รู้ว่าผมจะเข้าใจวิชาวีไอหรือเปล่า
และที่สุดของที่สุด ผมโชคดีที่มาเจอเว็บนี้ ต้องขอบคุณคุณมนตรีและผู้ร่วมก่อตั้งเว็บนี้ ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ตั้งใจทำงานด้วยความเสียสละโดยไม่ได้อะไรตอบแทน
วันนี้ผลการลงทุนของผมทำกำไรให้พอสมควร และเพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวได้โดยไม่ต้องทำงาน(หนักๆ)อีกต่อไป เรียกว่ามีอิสรภาพตามอัตภาพ ก็ด้วยความรู้ ความเห็นจากเพื่อนๆที่ช่วยกันแนะนำติติงนั่นเอง
เว็บนี้และเพื่อนๆในเว็บสำคัญกับผมขนาดนั้นเลยทีเดียวครับ......
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
- สามัญชน
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 5162
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 24
beammy wrote
แล้วขับ Chevrolet Corvette C5 ไปเป็นเด็กเสริฟด้วยหรือเปล่าครับ :lol:
โอ....สุดยอดจริงๆครับส่วนตัวผมชอบหา Part-Time Job ทำไปพลางๆ ในขณะที่เรียนอยู่ครับ
ตัวอย่างเช่น เด็กเสิร์ฟ, ครูสอนพิเศษ, นายหน้า ฯลฯ
แล้วขับ Chevrolet Corvette C5 ไปเป็นเด็กเสริฟด้วยหรือเปล่าครับ :lol:
อ้าวววว......ดีจริงๆครับ เว็บเราได้มือกฏหมายอีกคนแล้วนอกเหนือจากคุณ triathlon ครับผมนำมาประยุกต์ใช้เสมอๆ จนกระทั่งผมประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ของการเป็นครูสอนพิเศษกฎหมายให้กับน้องๆ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย และนำมาซึ่งชื่อเสียง และเงินทอง ที่ผมสามารถนำมาลงทุนได้ในปัจจุบัน
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
-
- Verified User
- โพสต์: 5786
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 27
HVI เขียน:
เห็นคุณ 2 dogs คุยเรื่อง Pizza อยู่ดีๆ พอมาถามร้านอาหารชื่ออะไร
ผมปรับตัวไม่ทันครับ ...
"Winners never quit, and quitters never win."
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 28
ได้ยินมาว่ารายได้ดีนะครับ waitร้านนี้
ยังไม่เคยไปทานเลย ท่าทางจะ trendy เต็มที่
ฝรั่งทั้งร้าน 8) 8) 8) 8)
ยังไม่เคยไปทานเลย ท่าทางจะ trendy เต็มที่
ฝรั่งทั้งร้าน 8) 8) 8) 8)
bid please!!
-
- Verified User
- โพสต์: 898
- ผู้ติดตาม: 0
ชวนคุยเรื่องการออม
โพสต์ที่ 29
เอา review ร้าน breeze มาฝากครับ
http://newyork.citysearch.com/review/41734132
http://newyork.citysearch.com/review/41734132
bid please!!