
"บัวแก้ว" ออก3มาตรการตอบโต้หลังอุ้ม"ทักษิณ" ทางการไทยมีความไม่พอใจกับเหตุการณ์ และคำอธิบายที่มีมา ซึ่งเห็นว่ากระทบกระเทือนต่อความเข้าใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
นายกิตติ วะสีนนท์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงว่า เมื่อเวลา 9.00 น. นายกฤษณ์ กาญจนกุญชร ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เชิญนายปีเตอร์ ชาน เอกอัครราชทูตสิคโปร์ประจำประเทศไทย เข้าพบเป็นเวลาประมาณ 30 นาที เพื่อแจ้งท่าทีของไทยเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์ ซึ่งมีการพูดคุยกันในระดับรัฐมนตรีต่างประเทศแล้ว ทางการไทยแจ้งไปยังสิงคโปร์ทราบว่า ทางการไทยมีความไม่พอใจกับเหตุการณ์ และคำอธิบายที่มีมา ซึ่งเห็นว่ากระทบกระเทือนต่อความเข้าใจ และความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน และประเมินสถานการณ์ และแจ้งให้เอกอัครราชทูตสิงคโปร์ทราบว่า ทางการไทยจะดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ระงับความร่วมมือโครงการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานข้าราชการพลเรือนไทย-สิงคโปร์ (Civil Service Exchange Programme) หรือ ซีเสป ครั้งที่ 8 2. ยกเลิกการประชุมซีเสป ครั้งที่ 8 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29-31 ม.ค. นี้ 3. ถอนคำเชิญ นายจอร์จ เยียว รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ที่จะเยือนไทย เพื่อเข้าร่วมประชุมซีเสปและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับซีเสป ระหว่างวันที่ 29-30 ม.ค.
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการดังกล่าวรุนแรงหรือไหม นายกิตติ กล่าวว่า เป็นมาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลา ซึ่งท่าทีของเอกอัครราชทูตสิงคโปร์ก็รับทราบเรื่องดังกล่าว และรับที่จะไปรายงานต่อทางการสิงคโปร์ต่อไป
ต่อคำถามว่า มาตรการนี้จะกระทบต่อความสัมพันธ์กับประเทศอื่นหรือไม่ นายกิตติกล่าวว่า ไม่คงเป็นเฉพาะกรณี
ถามว่า กระทรวงได้กำชับสถานทูตไทยในแต่ละประเทศในการดูแล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกิตติ กล่าวว่าได้มีการประสานกับสถานทูตต่างๆ แล้วพร้อมยืนยันว่า สถานทูตไม่ได้มีการต้อนรับอย่างที่เป็นข่าว โดยมีการประสานงานระหว่างกระทรวงกับสอท ต่างๆแล้ว ยืนยันว่าในขณะที่อดีตนายกไปเยือนสิงคโปร์นั้น นายเฉลิมพล ทันจิตต์ เอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศสิงคโปร์ อยู่ที่จังหวัดอุดรธานี และไม่ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สอท.ไปต้อนรับ อีกทั้ง สอท ทั่วโลกมีความเข้าใจในระดับหนึ่งอยู่เกี่ยวกับการปฏิบัติต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วซึ่งคงไม่มีปัญหาอะไร
ต่อข้อถามว่า ฝ่ายไทยไม่ยอมรับว่าการพบปะกันระหว่างอดีตนายกรัฐมนตรี กับรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เป็นการพบกันแบบส่วนตัวหรือไม่ นายกิตติกล่าวว่า การพูดคุยเมื่อเช้านี้ ฝ่ายไทยเป็นฝ่ายอธิบายมากกว่าฟังความทางสิงคโปร์ ซึ่งสิงคโปร์ย้ำว่าเป็นการเยือนแบบเป็นส่วนตัว และเปรยถึงคำอธิบายเดิม ซึ่งฝ่ายไทยแจ้งให้ทราบว่าฝ่ายไทยไม่พอใจกับคำอธิบายนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตรการที่ออกมาเป็นการส่งสัญญาณจาก คมช. หรือรัฐบาลหรือไม่ นายกิตติกล่าวว่ากระทรวงการต่างประเทศรายงานให้รัฐบาลทราบ และรายงานให้นายกฯทราบด้วย โดยการพบปะกับบุคคลระดับรองนายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ เป็นที่ทราบดีว่ามีนัยทางการเมือง และที่สำคัญคือมีการพูดคุยกันในระดับ รมว.ต่างประเทศแล้วด้วยที่เซบู
เมื่อถามว่า มีการพูดคุยกับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับเรื่องพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ นายกิตติกล่าวว่า ที่เซบู นายนิตย์พบกับ รมว.ต่างประเทศจีน และแจ้งให้ทราบถึงการยกเลิกพาสปอร์ตทูต และพูดคุยหารือถึงเรื่องอื่นๆเป็นการภายใน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและสิงคโปร์ต่อไปจะเป็นอย่างไร นายกิตติกล่าวว่า ถือว่าเป็นเรื่องที่สะดุด หลังจากการเยือนของนายกฯ เมื่อเดือน พ.ย. ปี 2549 ทุกอย่างดูราบรื่น คำมั่นสัญญาของทางผู้ใหญ่สิงคโปร์ที่ให้กับนายกรัฐมนตรีก็มีความเชื่อมั่นได้และคาดหวังได้ ในแง่ของความรู้สึกก็อาจจะสะดุดบ้าง
“ส่วนเหตุผลที่ไทยต้องใช้มาตรการดังกล่าว เนื่องจากนาย เอส อาร์ นาธาน ประธานาธิบดีสิงคโปร์ ได้ให้คำพูดกับ พล.อ.สุรยุทธ์ เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2549 ว่าสิงคโปร์จะไม่ทรยศ จะไม่ทำให้ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความเข้าใจของทั้งสองประเทศเกิดความเสียหาย สิ่งที่ได้สะท้อนในการที่ไทยได้ใช้มาตรการดังกล่าว” อธิบดีกรมสารนิเทศกล่าว
ที่มา http://www.nationchannel.com/xtext/inde ... ewsid=5051
จะมีผลอะไรต่อเนื่องมั๊ยน้อ :?:
