|0 คอมเมนต์
ManInBlack เขียน:พี่ปรัชญาครับ
ผมสงสัยเรื่องค่าเงินน่ะครับ
ถ้าต่างชาติเก่าขายแล้วเอาเงินออกไม่ได้
ต่างชาติใหม่เข้ามา ค่าเงินบาทมันก็น่าจะแข็งขึ้นไม่ไช่หรือครับ
ขอออกความเห็นที่SETขึ้นมารอบนี้ ผมว่าต่างชาติคงกำลังหาทางเอาเงินออกจากเขาวงกตอยู่ครับ ไม่รู้ว่ากำลังจะทำอะไร แต่ขอเดาว่าเงินที่ใช้ซื้อก็คือเงินที่ขายแล้วเอาออกไม่ได้นั้นเองครับ
ขอความเห็นพี่ๆช่วยต่อยอดความคิดหน่อยครับ
สวัสดีครับ
โดยความเห็นส่วนตัว เรื่องค่าเงิน
ค่าเงินบาทแข็งแลกดอลล่าร์ได้ถูกลง ได้ดอลล่าร์มากขึ้นครับ
ค่าเงินบาทอ่อน นำดอลล่าร์มาแลกเงินบาทได้เพิ่มขึ้น
ต่างชาติที่หาทางขนเงินออก น่าจะเป็นต่างชาติที่เข้ามานานแล้ว
ได้กำไรแล้ว น่าจะเป็นตราสารหนี้ ที่แบ๊งค์ชาติจะจำกัดเงินไหลออก
ตลาดหุ้นได้รับการยกเว้น
โดยความเห็นของผมเอง
ต่างชาติก็ต้องขนเงินมาซื้อหุ้น เพราะสามารถขายและนำเงินออกได้
ไม่ต้องสำรอง30% ถ้าเราเป้นผู้บริหารกองทุนต่างชาติ
เราต้องซื้อหุ้นให้หุ้นขึ้นก่อน แล้วหาวิธีทำให้เงินบาทแข็งแล้วขายออก
อีกครั้งเพื่ิอทำกำไร ถึงแลกเงินออกครับ ผมอาจมองไม่เหมือนคนอื่นนะ
ด้านหม่อยอุ้ย ผมไม่เคยว่าท่าน วันนี้ขอสักที แบบถนัดๆ
หากหม่อนเป็นนักลงทุนต่างชาติ
กู้เงินมา1พันล้่าน เพื่อสร้างโรงงานและทำการผลิต
แล้วต้องฝากแบ๊งค์สำรอง30% (3ร้อยล้าน) ได้ดอกฝาก4-4.5%
แต่ในเวลาเดียวกัน ต้องเสียดอกกู้เงินมา จากนอก ดอกอาจจะมากกว่า
แถมวันดีคืนดี เงินบาทอ่อน ทรัพย์สินเขาก็ด้อยค่าเข้าไปอีก
ทำโรงงานกำไร ขาดทุนดอกเบี้ย ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน
ในโลกนี้มีประเทศไหนเขาคิดกันได้แบบนี้
(ตายแล้วเกิดใหม่ก็คงได้เจอแต่หม่อนนี่ล่ะ นี่ชมเชยจากใจเลยว่ะ)
กลับมาเรื่องต่างชาติและตลาดหุ้น
ต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ในตลาดหุ้น ไม่ใช่มีประเทศเดียว กองทุนเดียว
มาทั้งอาหรับ ไต้หวัน ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์
บางกองก็ขาย บางกองก็ซื้อ ที่จ้องจะซื้อเมื่อเห็นลดราคาให้30%ก็โดดใส่
เหมือนเราๆท่านๆ
เมื่อคุณตกกะใจ คุณขาย
ผมก็ตกใจถูกดีผมซื้อ
เมื่อมีคนเห็นว่าคุ้มกับผลตอบแทนการลงทุน
ก็เข้ามาซื้อ
ผมก็ขาย
เพราะฉนั้น การลงทุนมีการสวนทางกัน ความคิดของคนก็จะสวนทางกัน
เราต้องเลือกตามวิธีของตัวเอง ตามจังหว่ะเวลา ตามความเหมาะสมครับ