คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
- tattoo_thai
- Verified User
- โพสต์: 291
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1892
วันนี้โทรไปถามที่ Brooker เค้าบอกว่าเลิกพิมพ์แล้วครับ แต่ยังมีของปี 2005 เหลืออยู่ครับ ถ้าสนใจก็ลองโทรไปคุยดูนะครับCompany Handbook
Publisher: Brooker Group
ที่ซีเอ็ดท่าจะหายากนะครับ
ลองดูที่ B2S หรือที่ศูนย์หนังสือจุฬาจะดีกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 21
- ผู้ติดตาม: 0
อยากเรียนรู้
โพสต์ที่ 1895
ได้อ่านกระทู้ของพวก พี่ๆ แล้วผมสนใจมากจริง ๆนะคับ
คงต้องเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวบ่อย ๆ
ผมมีเรื่องอยากถาม พี่วิบูลย์หน่อยนะคับ พอดีผมเพิ่งจะเริ่มหันมาลงทุนในแนวนี้นะคับ (จริงก็รุ่นน้อง วิศวะ จุฬาฯ เหมือนกันครับ แต่รหัสนี่ 41) คือผมอยากขอทราบแนวทางในการเริ่มต้นหน่อยนะคับ ว่าผมควรจะเริ่มทำการวิเคราะห์จากส่วนไหน ลักษณะไหนก่อนดี
เนื่องจาก หุ้นในตลาดก็มีหลายกลุ่ม อุตสาหกรรมมากๆ อีกทั้ง รูปแบบในการนำค่าต่างๆ มาคิดคำนวณ ก็มีกันหลากหลายสูตร ซึ่งผมยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของตัวเลขแต่ละตัว ที่คิดกันออกมาว่าสื่อความหมายในทางไหนอ่ะคับ
จึงอยากรบกวนพี่นิดนึงว่าพอจะมี แนวทาง หรือข้อแนะนำใด ๆให้ผมปฏิบัติบ้าง เพราะผมค่อนข้างที่จะสนใจในการลงทุนแนวนี้จริงๆ หลังจากที่ได้ทำการศึกษา และอ่านหนังสือของนักลงทุนระดับโลกทั้งหลาย
ถ้าข้อมูลเยอะมาก ส่งเข้า เมล์ก้ได้นะคับ
จะได้ไม่รบกวนผู้อื่นในการมานั่งอ่าน อะไรที่แบบว่า อาจจะ basic สักหน่อย
[email protected]
คงต้องเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวบ่อย ๆ
ผมมีเรื่องอยากถาม พี่วิบูลย์หน่อยนะคับ พอดีผมเพิ่งจะเริ่มหันมาลงทุนในแนวนี้นะคับ (จริงก็รุ่นน้อง วิศวะ จุฬาฯ เหมือนกันครับ แต่รหัสนี่ 41) คือผมอยากขอทราบแนวทางในการเริ่มต้นหน่อยนะคับ ว่าผมควรจะเริ่มทำการวิเคราะห์จากส่วนไหน ลักษณะไหนก่อนดี
เนื่องจาก หุ้นในตลาดก็มีหลายกลุ่ม อุตสาหกรรมมากๆ อีกทั้ง รูปแบบในการนำค่าต่างๆ มาคิดคำนวณ ก็มีกันหลากหลายสูตร ซึ่งผมยังรู้สึกว่ายังไม่ค่อยเข้าใจความหมายของตัวเลขแต่ละตัว ที่คิดกันออกมาว่าสื่อความหมายในทางไหนอ่ะคับ
จึงอยากรบกวนพี่นิดนึงว่าพอจะมี แนวทาง หรือข้อแนะนำใด ๆให้ผมปฏิบัติบ้าง เพราะผมค่อนข้างที่จะสนใจในการลงทุนแนวนี้จริงๆ หลังจากที่ได้ทำการศึกษา และอ่านหนังสือของนักลงทุนระดับโลกทั้งหลาย
ถ้าข้อมูลเยอะมาก ส่งเข้า เมล์ก้ได้นะคับ
จะได้ไม่รบกวนผู้อื่นในการมานั่งอ่าน อะไรที่แบบว่า อาจจะ basic สักหน่อย
[email protected]
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1896
ผมต้องขอประทานอภัยทุกท่านที่ถามคำถามมาครับ
ต้องโทษตัวผมเองที่มีเวลาเข้าเวปน้อยเกินไปในช่วงนี้
ทั้งงานราษฏร์งานหลวง
เพิ่งเคลียร์เสร็จไปหลายอย่าง
เจ้าตัวเล็กตอนนี้ติดผมแจ
เลยต้องให้เวลามากหน่อย
ไม่งั้นจะร้องงอแง
อยู่บ้านเลยไม่ได้เปิดคอมเลย
จะพยายามตอบให้ทุกท่านนะครับ
ใจเย็นๆ
ต้องโทษตัวผมเองที่มีเวลาเข้าเวปน้อยเกินไปในช่วงนี้
ทั้งงานราษฏร์งานหลวง
เพิ่งเคลียร์เสร็จไปหลายอย่าง
เจ้าตัวเล็กตอนนี้ติดผมแจ
เลยต้องให้เวลามากหน่อย
ไม่งั้นจะร้องงอแง
อยู่บ้านเลยไม่ได้เปิดคอมเลย
จะพยายามตอบให้ทุกท่านนะครับ
ใจเย็นๆ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1898
8) คุณวิบูลย์
ผมได้อ่านบทความนี้
อูย...โต2เท่าชอบครับอย่างนี้
แต่ไม่รู้โม้เปล่า จับโม้ก็ไม่ติด
แต่เห็นมันมีคำว่าจะ อย่างโน้น อย่างนี้เยอะ
ก็เลยหวั่นใจหน่อย
ต้องมาถามผู้รู้อยู่ในวงการ
ข้อแรกครับ
เปิด 4 ยุทธศาสตร์ ATC 3 ปี รายได้-กำไรโต 100%
27 พฤศจิกายน 2549 08:51 น.
'เมื่อโรงงาน 2 สร้างเสร็จ ต่อให้ราคาผลิตภัณฑ์จะลดลง เราก็ไม่กระทบ เพราะปริมาณการขายที่มากขึ้น จะช่วยพยุงมาร์จินไม่ให้ลดลง '
ใครก็ตามที่คิดว่าหุ้น บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) ( ATC ) อยู่ในช่วงวัฏจักรขาลง อาจจะต้องทบทวนใหม่ หลังจากที่มีหลายปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของ ATC เริ่มกลับมาสู่เส้นทางการฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งจะสร้างความชื่นใจให้กับผู้ถือหุ้นได้ในเร็วๆ นี้และคงจะต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี
ปัจจัยในประเทศได้แก่ภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่จะลดลง ตามอัตราเงินเฟ้อ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ขณะที่ ATC มีสิทธิพิเศษทางภาษีที่ยังสามารถหักลดหย่อนได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วัฏจักรปิโตรเคมี ยังไม่ถึงจุดสูงสุด หลังจากที่โรงงานปิโตรเคมีในตะวันออกกลางหลายแห่ง ชะลอการเปิดโรงงาน ซึ่งจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม คาดว่าการชะลอจะต่อเนื่องถึงปี 2552 นอกจากการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยตรง ซึ่ง ATC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ รายใหญ่ที่สุดของไทย ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ขณะที่ ATC ได้วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในอีก 2 ปีข้างหน้า ขยายตัวจากปี 2549 ถึง 2 เท่าตัว ภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์หลักที่จะนำมาเป็นภารกิจสำคัญระหว่างปี 2550-2552 ซึ่งเป็นช่วงที่โครงการก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 สำเร็จ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
อธิคม เติบศิริ รองผู้จัดการใหญ่แผนธุรกิจและการเงิน ATC บอกกับ Corporate Insight ว่า 4 ยุทธศาสตร์ของ ATC จะเป็นคำตอบว่า รายได้และกำไรสุทธิในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดที่บริษัทวางไว้ได้หรือไม่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การบริหารโดยการรักษาต้นทุนต่ำที่สุดไว้ให้ได้ ซึ่ง อธิคม บอกว่า ATC คือบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากกองทุนต่างประเทศในเรื่องการบริหารต้นทุนที่ต่ำ มุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารต้นทุนต่ำเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะส่งผลไปถึงการลดต้นทุนการผลิต การบริหารการเงิน การลดภาระดอกเบี้ยจ่ายโดยการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนที่ต่ำ ตลอดจนการบริหารวัตถุดิบ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมัน
ปี 2548 ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นฐานของราคาคอนเดนเสทที่ ATC ใช้เป็นวัตถุดิบหลักพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 25 ปี ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สะท้อนให้ราคาคอนเดนเสทเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจาก 325 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในปี 2547 เป็น 450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในปี 2548 หรือเพิ่มขึ้น 38% ดังนั้นการปิดความเสี่ยงในจุดนี้ จึงเป็นบทพิสูจน์สำคัญของนักบริหารมืออาชีพ
แม้ว่าในปี 2549 ราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนของ ATC โดยตรง อธิคม มองว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดดูใบ นับจากนี้ต่อเนื่องถึงปี 2550 น่าจะเคลื่อนไหวในระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นอัตราที่ ATC รับได้
นอกจากนี้เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ATC ได้ออกแบบโรงงานให้มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความพยายามลดต้นทุนการผลิตลง ด้วยการขยายกำลังการผลิตของโรงงานให้ได้ระดับคุ้มทุน (Economics Of Scales) มากที่สุด
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง
โดยการแสวงหาโอกาสการลงทุนและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น อธิคม อธิบายว่า อย่างน้อยในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ไป ATC จะให้ความสำคัญใน 2 ประการ คือ การขยายกำลังการผลิต และ การต่อยอดผลิตภัณฑ์
ประการที่ 1 การขยายกำลังการผลิต ATC ใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงาน อะโรเมติกส์ แห่งที่ 2 ซึ่งเริ่มก่อสร้างปี 2548 และขณะนี้คืบหน้าไปประมาณ 70-80% คาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% จนสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2551 ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะทำให้ ATC มีกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 1.8 ล้านตันต่อปี ส่งผลให้ ATC จะกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียทันที
การเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้ หากแยกตามสายผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภท ได้แก่พาราไซลีน จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.6 แสนตันต่อปี ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทเบนซีน จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7-8 แสนตันต่อปี
อธิคม เชื่อว่า เมื่อโรงงานแห่งที่ 2 สร้างเสร็จ Out Put ก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว นั่นหมายความว่า รายได้ของ ATC จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2552
"เมื่อโรงงาน 2 สร้างเสร็จ ต่อให้ราคาผลิตภัณฑ์จะลดลง เราก็ไม่กระทบ เพราะปริมาณการขายที่มากขึ้น จะช่วยพยุงมาร์จินไม่ให้ลดลง"
หากคำนวณบนฐานรายได้ปี 2549 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในปี 2552 รายได้ของ ATC จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของกำไรสุทธิก็จะขยายตัวในอัตราเดียวกันด้วย
ประการที่ 2 การต่อยอดผลิตภัณฑ์ ATC ผนึกกับพันธมิตร โรงงาน ผลิตสารฟีนอล ซึ่งจะนำไปใช้ในการผลิตเส้นใยไนลอน การผลิตสารฟีนอล ส่วนหนึ่งใช้เบนซีนเป็นวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ รวมทั้งเป็นแผนการต่อยอดธุรกิจของบริษัทด้วย
นอกจากนี้ ATC จะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงหรือพลาสติกวิศวกรรมมากขึ้น อธิคม บอกว่า จำเป็นจะต้องมีพันธมิตรมาช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากันไว้บ้าง แต่ยังไม่มีข้อสรุป ตัวอย่างของประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น การผลิตพลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ ทนความร้อนมากกว่าพลาสติกทั่วไป ขึ้นรูปง่าย ทนต่อการขีด ข่วน เช่น เลนส์แว่นตา
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดี และเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทปตท.ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้กำหนดไว้ในกลุ่มปตท.รวมถึงการสร้างภาวะผู้นำให้กับกลุ่มผู้บริหารของบริษัทในเครือ และพร้อมที่จะสรรหานวัตกรรมใหม่ ( Innovation ) มากขึ้นเรื่อยๆ และนำมาปรับปรุงธุรกิจของกลุ่มให้ได้
ยุทธศาสตร์ 3 การให้ความสำคัญกับสังคม ซึ่งการให้ความสำคัญกับสังคม ดูแลชุมชน รวมทั้งการเป็นบริษัทที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี
อธิคม ทิ้งท้ายถึงผู้ถือหุ้น ATC ด้วยว่า ราคาหุ้น ATC ในปัจจุบันยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกตามรายได้และกำไรสุทธิในอนาคต ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีนั่นเอง
ผมได้อ่านบทความนี้
อูย...โต2เท่าชอบครับอย่างนี้
แต่ไม่รู้โม้เปล่า จับโม้ก็ไม่ติด
แต่เห็นมันมีคำว่าจะ อย่างโน้น อย่างนี้เยอะ
ก็เลยหวั่นใจหน่อย
ต้องมาถามผู้รู้อยู่ในวงการ
ข้อแรกครับ
เปิด 4 ยุทธศาสตร์ ATC 3 ปี รายได้-กำไรโต 100%
27 พฤศจิกายน 2549 08:51 น.
'เมื่อโรงงาน 2 สร้างเสร็จ ต่อให้ราคาผลิตภัณฑ์จะลดลง เราก็ไม่กระทบ เพราะปริมาณการขายที่มากขึ้น จะช่วยพยุงมาร์จินไม่ให้ลดลง '
ใครก็ตามที่คิดว่าหุ้น บริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) ( ATC ) อยู่ในช่วงวัฏจักรขาลง อาจจะต้องทบทวนใหม่ หลังจากที่มีหลายปัจจัยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของ ATC เริ่มกลับมาสู่เส้นทางการฟื้นตัวอีกครั้ง ซึ่งจะสร้างความชื่นใจให้กับผู้ถือหุ้นได้ในเร็วๆ นี้และคงจะต่อเนื่องไปอีก 2-3 ปี
ปัจจัยในประเทศได้แก่ภาวะเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัว อัตราดอกเบี้ยที่จะลดลง ตามอัตราเงินเฟ้อ ช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ขณะที่ ATC มีสิทธิพิเศษทางภาษีที่ยังสามารถหักลดหย่อนได้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วัฏจักรปิโตรเคมี ยังไม่ถึงจุดสูงสุด หลังจากที่โรงงานปิโตรเคมีในตะวันออกกลางหลายแห่ง ชะลอการเปิดโรงงาน ซึ่งจากการประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม คาดว่าการชะลอจะต่อเนื่องถึงปี 2552 นอกจากการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ จะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว
ปัจจัยเหล่านี้จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมปิโตรเคมีโดยตรง ซึ่ง ATC ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ รายใหญ่ที่สุดของไทย ก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย
ขณะที่ ATC ได้วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิในอีก 2 ปีข้างหน้า ขยายตัวจากปี 2549 ถึง 2 เท่าตัว ภายใต้ 4 ยุทธศาสตร์หลักที่จะนำมาเป็นภารกิจสำคัญระหว่างปี 2550-2552 ซึ่งเป็นช่วงที่โครงการก่อสร้างโรงงานอะโรเมติกส์แห่งที่ 2 สำเร็จ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว
อธิคม เติบศิริ รองผู้จัดการใหญ่แผนธุรกิจและการเงิน ATC บอกกับ Corporate Insight ว่า 4 ยุทธศาสตร์ของ ATC จะเป็นคำตอบว่า รายได้และกำไรสุทธิในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นไปตามเป้าหมายสูงสุดที่บริษัทวางไว้ได้หรือไม่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การบริหารโดยการรักษาต้นทุนต่ำที่สุดไว้ให้ได้ ซึ่ง อธิคม บอกว่า ATC คือบริษัทที่ได้รับการยอมรับจากกองทุนต่างประเทศในเรื่องการบริหารต้นทุนที่ต่ำ มุ่งเน้นกลยุทธ์การบริหารต้นทุนต่ำเป็นสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะส่งผลไปถึงการลดต้นทุนการผลิต การบริหารการเงิน การลดภาระดอกเบี้ยจ่ายโดยการพึ่งพิงแหล่งเงินทุนที่ต่ำ ตลอดจนการบริหารวัตถุดิบ โดยเฉพาะความผันผวนของราคาน้ำมัน
ปี 2548 ราคาน้ำมันดิบ ซึ่งเป็นฐานของราคาคอนเดนเสทที่ ATC ใช้เป็นวัตถุดิบหลักพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ในรอบ 25 ปี ที่ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สะท้อนให้ราคาคอนเดนเสทเฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจาก 325 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในปี 2547 เป็น 450 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในปี 2548 หรือเพิ่มขึ้น 38% ดังนั้นการปิดความเสี่ยงในจุดนี้ จึงเป็นบทพิสูจน์สำคัญของนักบริหารมืออาชีพ
แม้ว่าในปี 2549 ราคาน้ำมันดิบจะปรับลดลงแล้ว ซึ่งส่งผลดีต่อต้นทุนของ ATC โดยตรง อธิคม มองว่า ราคาน้ำมันดิบในตลาดดูใบ นับจากนี้ต่อเนื่องถึงปี 2550 น่าจะเคลื่อนไหวในระดับ 60 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นอัตราที่ ATC รับได้
นอกจากนี้เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ATC ได้ออกแบบโรงงานให้มีความยืดหยุ่นในการเลือกใช้วัตถุดิบได้หลากหลาย ตามสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งความพยายามลดต้นทุนการผลิตลง ด้วยการขยายกำลังการผลิตของโรงงานให้ได้ระดับคุ้มทุน (Economics Of Scales) มากที่สุด
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การสร้างรายได้ให้เติบโตต่อเนื่อง
โดยการแสวงหาโอกาสการลงทุนและสร้างรายได้เพิ่มขึ้น อธิคม อธิบายว่า อย่างน้อยในช่วง 3 ปีหลังจากนี้ไป ATC จะให้ความสำคัญใน 2 ประการ คือ การขยายกำลังการผลิต และ การต่อยอดผลิตภัณฑ์
ประการที่ 1 การขยายกำลังการผลิต ATC ใช้เงินลงทุนประมาณ 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงาน อะโรเมติกส์ แห่งที่ 2 ซึ่งเริ่มก่อสร้างปี 2548 และขณะนี้คืบหน้าไปประมาณ 70-80% คาดว่าจะแล้วเสร็จ 100% จนสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบภายในไตรมาสที่ 3 ปี 2551 ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะทำให้ ATC มีกำลังการผลิต เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเป็น 1.8 ล้านตันต่อปี ส่งผลให้ ATC จะกลายเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียทันที
การเพิ่มกำลังการผลิตครั้งนี้ หากแยกตามสายผลิตภัณฑ์ในแต่ละประเภท ได้แก่พาราไซลีน จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 1.1 ล้านตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.6 แสนตันต่อปี ส่วนผลิตภัณฑ์ประเภทเบนซีน จะมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 7-8 แสนตันต่อปี
อธิคม เชื่อว่า เมื่อโรงงานแห่งที่ 2 สร้างเสร็จ Out Put ก็จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว นั่นหมายความว่า รายได้ของ ATC จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2552
"เมื่อโรงงาน 2 สร้างเสร็จ ต่อให้ราคาผลิตภัณฑ์จะลดลง เราก็ไม่กระทบ เพราะปริมาณการขายที่มากขึ้น จะช่วยพยุงมาร์จินไม่ให้ลดลง"
หากคำนวณบนฐานรายได้ปี 2549 ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 8 หมื่นล้านบาท ดังนั้นในปี 2552 รายได้ของ ATC จะอยู่ที่ขั้นต่ำ 1.6 แสนล้านบาท ซึ่งในส่วนของกำไรสุทธิก็จะขยายตัวในอัตราเดียวกันด้วย
ประการที่ 2 การต่อยอดผลิตภัณฑ์ ATC ผนึกกับพันธมิตร โรงงาน ผลิตสารฟีนอล ซึ่งจะนำไปใช้ในการผลิตเส้นใยไนลอน การผลิตสารฟีนอล ส่วนหนึ่งใช้เบนซีนเป็นวัตถุดิบ ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ในตอนนี้ รวมทั้งเป็นแผนการต่อยอดธุรกิจของบริษัทด้วย
นอกจากนี้ ATC จะมุ่งเน้นไปยังผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงหรือพลาสติกวิศวกรรมมากขึ้น อธิคม บอกว่า จำเป็นจะต้องมีพันธมิตรมาช่วยเหลือ ซึ่งขณะนี้มีการเจรจากันไว้บ้าง แต่ยังไม่มีข้อสรุป ตัวอย่างของประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เช่น การผลิตพลาสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ ทนความร้อนมากกว่าพลาสติกทั่วไป ขึ้นรูปง่าย ทนต่อการขีด ข่วน เช่น เลนส์แว่นตา
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การเป็นบริษัทที่มีผลประกอบการที่ดี และเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทปตท.ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้กำหนดไว้ในกลุ่มปตท.รวมถึงการสร้างภาวะผู้นำให้กับกลุ่มผู้บริหารของบริษัทในเครือ และพร้อมที่จะสรรหานวัตกรรมใหม่ ( Innovation ) มากขึ้นเรื่อยๆ และนำมาปรับปรุงธุรกิจของกลุ่มให้ได้
ยุทธศาสตร์ 3 การให้ความสำคัญกับสังคม ซึ่งการให้ความสำคัญกับสังคม ดูแลชุมชน รวมทั้งการเป็นบริษัทที่มีบรรษัทภิบาลที่ดี
อธิคม ทิ้งท้ายถึงผู้ถือหุ้น ATC ด้วยว่า ราคาหุ้น ATC ในปัจจุบันยังไม่สะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของกิจการ ซึ่งยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกตามรายได้และกำไรสุทธิในอนาคต ที่มีแนวโน้มการเติบโตที่ดีนั่นเอง
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1899
8) ข้อ2ครับ
ปัญหาการควบรวม ATCกับ RRC
ทางเลือกไหนมีความน่าจะเป็นมากกว่ากันครับ....
ใครได้-ใครเสีย ATC ควบ RRC
แผนการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) (ATC) กับ โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) ยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าขั้นตอนจะเดินไปอย่างช้าๆ ก็ตาม
เพราะเป็นแผนที่บริษัท ปตท.(PTT) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 แห่ง มองแล้วว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ในภาวะที่การแข่งขันจากกระแสโลกาภิวัตน์ ที่บีบให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และครบวงจรเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ประเด็นสำคัญของการควบรวมระหว่าง ATC และ RRC คือ การสร้างความสมดุลและเสถียรภาพผลประกอบการ ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบการเงิน เพราะวัฏจักรของธุรกิจที่แตกต่างกัน เมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอ่อนตัว ค่าการกลั่นลด ในอีกด้านหนึ่งนั้น จะส่งผลต่อธุรกิจสายอะโรเมติกส์ มีทิศทางที่ดีขึ้น เรียกว่าผลประกอบการของ ATC และ RRC ภายหลังจากควบรวมสำเร็จแล้ว จะคอยรับ-คอยส่ง ซึ่งกันและกัน ผลประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
ผลประโยชน์ในอนาคตของการรวม ATC และ RRC จะเห็นชัดในระยะยาว แต่ปัญหาในระยะสั้นนั้น จะต้องมีฝ่ายหนึ่งได้และอีกฝ่ายหนึ่งเสีย ซึ่งอยู่ที่รูปแบบของการรวมกิจการ โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ ATC RRC และ PTT ซึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของภาษี จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการรวมกิจการครั้งนี้
แนวทางที่ 1 การควบ ATC และ RRC เป็นบริษัทนิติบุคคลใหม่ กรณีนี้ ทั้ง ATC และ RRC จะเสียประโยชน์ เนื่องจาก ATC ยังมีขาดทุนสะสมที่สามารถนำไปหักได้นำไปทยอยหักภาษีได้ตลอดเวลา 5 ปี และสิ้นปีนี้บริษัทยังเหลืออีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะหักภาษีได้ถึง 3 พันล้านบาท
ส่วน RRC มีสิทธิประโยชน์ภาษีจากการที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ จะได้สิทธิพิเศษจ่ายภาษีนิติบุคคลแค่ 25% จากเดิม 30% เป็นเวลา 5 ปี หากคำนวณกำไรของ RRC ในอนาคต คาดว่าจะมีกำไรปีละ 1 หมื่นล้านบาท เป็นอย่างน้อย RRC ควรได้ประโยชน์จากภาษีปีละ 500 ล้านบาท รวม 5 ปี ก็ประมาณ 2,500 ล้านบาท
ดังนั้นหากทั้ง 2 บริษัทดำเนินการในแนวทางนี้จะสูญเสียผลประโยชน์ทางด้านสิทธิภาษีรวมกันกว่า 5 พันล้านบาท เนื่องจากสิทธิประโยชน์นั้นจะสิ้นสุดทันทีเมื่อสิ้นสภาพความเป็นบริษัท ATC และ RRC
ไม่เพียงเท่านี้ การควบรวมระหว่าง ATC และ RRC ยังมีเรื่องภาษีอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เช่น ภาษีการซื้อ-ขายหุ้น ภาษีการโอนทรัพย์สิน ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องคิดหนัก
แนวทางที่ 2 การให้ฝ่ายใดผ่ายหนึ่งเทคโอเวอร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา PTT ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องใช้เงินสดในการรับซื้อหุ้นคืนจากรายย่อยจำนวนมาก และที่สำคัญ ATC และ RRC ก็สูญเสียสิทธิประโยชน์ภาษีเหมือนกัน
แนวทางที่ 3 ให้ RRC เทคโอเวอร์ ATC แล้วคงฐานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนไว้ทั้ง 2 บริษัท ก็จะทำให้รักษาสิทธิประโยชน์ภาษีไว้ได้ แต่จะมีผลเสียคือผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องยอมเสียภาษีส่วนต่างราคาหุ้นจำนวนมาก เพราะ PTT มีต้นทุนถือหุ้น ATC ต่ำมาก ประมาณ 3 บาทกว่าๆ เท่านั้น ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบัน 32 บาทต่อหุ้น ในทำนองเดียวกัน หากให้ ATC เป็นตัวตั้ง PTT ก็หนีภาระภาษีไม่พ้นเช่นกัน
ดังนั้นแนวทางนี้ PTT จะต้องคิดหนัก เพราะภาษีการซื้อ-ขายหุ้น มีส่วนต่างราคาหุ้นเกิดขึ้น PTT มีหน้าที่ต้องเสียภาษีด้วย ซึ่งคาดว่าภาษีซื้อ-ขายหุ้น ที่ PTT ต้องเสียนั้นมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
แนวทางที่ 4 วิธีการแลกหุ้นระหว่าง ATC และ RRC ซึ่งจะช่วย PTT ไม่ต้องจ่ายภาษีส่วนต่างหุ้น รวมทั้งไม่ต้องจ่ายเงินสดในการซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อย แต่ผลเสียคือ ATC และ RRC จะเสียประโยชน์สิทธิภาษีที่ได้รับอยู่ทั้งหมด
ที่ผ่านมา PTT เคยเลือกใช้วิธีแลกหุ้นในการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) กับ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ (TOC) และตั้งบริษัทใหม่เป็นบริษัท ปตท.เคมิคอล (PTTCH) การเลือกทำเช่นนี้ทำให้ TOC ถูกตัดสิทธิภาษีการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นในส่วนที่เหลือ ขณะที่ NPC ไม่มีผลขาดทุนสะสม ก็ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร
โดยสรุป เชื่อว่า การควบรวม ATC และ RRC ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีไหน ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะอันใกล้นี้ บางทีอาจใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้น จะช้าหรือเร็ว จะเกิดหรือไม่เกิด ขึ้นกับวิสัยทัศน์ของ PTT จะเลือกผลประโยชน์ในระยะยาว โดยยอมต้องเสียประโยชน์ระยะสั้นไปบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ PTT ต้องตัดสินใจ สร้างความชัดเจนให้กับผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ฝ่าย โดยเร็วที่สุด
ปัญหาการควบรวม ATCกับ RRC
ทางเลือกไหนมีความน่าจะเป็นมากกว่ากันครับ....
ใครได้-ใครเสีย ATC ควบ RRC
แผนการควบรวมกิจการระหว่างบริษัท อะโรเมติกส์ (ประเทศไทย) (ATC) กับ โรงกลั่นน้ำมันระยอง (RRC) ยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าขั้นตอนจะเดินไปอย่างช้าๆ ก็ตาม
เพราะเป็นแผนที่บริษัท ปตท.(PTT) ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ของทั้ง 2 แห่ง มองแล้วว่าจะเกิดผลดีมากกว่าผลเสีย ในภาวะที่การแข่งขันจากกระแสโลกาภิวัตน์ ที่บีบให้ผู้ประกอบการรายใหญ่และครบวงจรเท่านั้นที่จะอยู่รอด
ประเด็นสำคัญของการควบรวมระหว่าง ATC และ RRC คือ การสร้างความสมดุลและเสถียรภาพผลประกอบการ ซึ่งจะสร้างความแข็งแกร่งให้กับงบการเงิน เพราะวัฏจักรของธุรกิจที่แตกต่างกัน เมื่อใดก็ตามที่ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันอ่อนตัว ค่าการกลั่นลด ในอีกด้านหนึ่งนั้น จะส่งผลต่อธุรกิจสายอะโรเมติกส์ มีทิศทางที่ดีขึ้น เรียกว่าผลประกอบการของ ATC และ RRC ภายหลังจากควบรวมสำเร็จแล้ว จะคอยรับ-คอยส่ง ซึ่งกันและกัน ผลประโยชน์ก็จะเกิดขึ้นกับทุกฝ่าย
ผลประโยชน์ในอนาคตของการรวม ATC และ RRC จะเห็นชัดในระยะยาว แต่ปัญหาในระยะสั้นนั้น จะต้องมีฝ่ายหนึ่งได้และอีกฝ่ายหนึ่งเสีย ซึ่งอยู่ที่รูปแบบของการรวมกิจการ โดยมีผู้เกี่ยวข้อง 3 ฝ่าย คือ ATC RRC และ PTT ซึ่งประเด็นที่ต้องพิจารณาคือเรื่องของภาษี จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการรวมกิจการครั้งนี้
แนวทางที่ 1 การควบ ATC และ RRC เป็นบริษัทนิติบุคคลใหม่ กรณีนี้ ทั้ง ATC และ RRC จะเสียประโยชน์ เนื่องจาก ATC ยังมีขาดทุนสะสมที่สามารถนำไปหักได้นำไปทยอยหักภาษีได้ตลอดเวลา 5 ปี และสิ้นปีนี้บริษัทยังเหลืออีก 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะหักภาษีได้ถึง 3 พันล้านบาท
ส่วน RRC มีสิทธิประโยชน์ภาษีจากการที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้ จะได้สิทธิพิเศษจ่ายภาษีนิติบุคคลแค่ 25% จากเดิม 30% เป็นเวลา 5 ปี หากคำนวณกำไรของ RRC ในอนาคต คาดว่าจะมีกำไรปีละ 1 หมื่นล้านบาท เป็นอย่างน้อย RRC ควรได้ประโยชน์จากภาษีปีละ 500 ล้านบาท รวม 5 ปี ก็ประมาณ 2,500 ล้านบาท
ดังนั้นหากทั้ง 2 บริษัทดำเนินการในแนวทางนี้จะสูญเสียผลประโยชน์ทางด้านสิทธิภาษีรวมกันกว่า 5 พันล้านบาท เนื่องจากสิทธิประโยชน์นั้นจะสิ้นสุดทันทีเมื่อสิ้นสภาพความเป็นบริษัท ATC และ RRC
ไม่เพียงเท่านี้ การควบรวมระหว่าง ATC และ RRC ยังมีเรื่องภาษีอื่นๆเข้ามาเกี่ยวข้องอีก เช่น ภาษีการซื้อ-ขายหุ้น ภาษีการโอนทรัพย์สิน ที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะต้องคิดหนัก
แนวทางที่ 2 การให้ฝ่ายใดผ่ายหนึ่งเทคโอเวอร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา PTT ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องใช้เงินสดในการรับซื้อหุ้นคืนจากรายย่อยจำนวนมาก และที่สำคัญ ATC และ RRC ก็สูญเสียสิทธิประโยชน์ภาษีเหมือนกัน
แนวทางที่ 3 ให้ RRC เทคโอเวอร์ ATC แล้วคงฐานะการเป็นบริษัทจดทะเบียนไว้ทั้ง 2 บริษัท ก็จะทำให้รักษาสิทธิประโยชน์ภาษีไว้ได้ แต่จะมีผลเสียคือผู้ถือหุ้นใหญ่จะต้องยอมเสียภาษีส่วนต่างราคาหุ้นจำนวนมาก เพราะ PTT มีต้นทุนถือหุ้น ATC ต่ำมาก ประมาณ 3 บาทกว่าๆ เท่านั้น ขณะที่ราคาหุ้นในปัจจุบัน 32 บาทต่อหุ้น ในทำนองเดียวกัน หากให้ ATC เป็นตัวตั้ง PTT ก็หนีภาระภาษีไม่พ้นเช่นกัน
ดังนั้นแนวทางนี้ PTT จะต้องคิดหนัก เพราะภาษีการซื้อ-ขายหุ้น มีส่วนต่างราคาหุ้นเกิดขึ้น PTT มีหน้าที่ต้องเสียภาษีด้วย ซึ่งคาดว่าภาษีซื้อ-ขายหุ้น ที่ PTT ต้องเสียนั้นมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาทเลยทีเดียว
แนวทางที่ 4 วิธีการแลกหุ้นระหว่าง ATC และ RRC ซึ่งจะช่วย PTT ไม่ต้องจ่ายภาษีส่วนต่างหุ้น รวมทั้งไม่ต้องจ่ายเงินสดในการซื้อหุ้นจากนักลงทุนรายย่อย แต่ผลเสียคือ ATC และ RRC จะเสียประโยชน์สิทธิภาษีที่ได้รับอยู่ทั้งหมด
ที่ผ่านมา PTT เคยเลือกใช้วิธีแลกหุ้นในการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท ปิโตรเคมีแห่งชาติ (NPC) กับ บริษัท ไทยโอเลฟินส์ (TOC) และตั้งบริษัทใหม่เป็นบริษัท ปตท.เคมิคอล (PTTCH) การเลือกทำเช่นนี้ทำให้ TOC ถูกตัดสิทธิภาษีการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นในส่วนที่เหลือ ขณะที่ NPC ไม่มีผลขาดทุนสะสม ก็ไม่ได้และไม่เสียประโยชน์อะไร
โดยสรุป เชื่อว่า การควบรวม ATC และ RRC ไม่ว่าจะเลือกใช้วิธีไหน ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระยะอันใกล้นี้ บางทีอาจใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า 2 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้น จะช้าหรือเร็ว จะเกิดหรือไม่เกิด ขึ้นกับวิสัยทัศน์ของ PTT จะเลือกผลประโยชน์ในระยะยาว โดยยอมต้องเสียประโยชน์ระยะสั้นไปบ้าง จึงเป็นประเด็นที่ PTT ต้องตัดสินใจ สร้างความชัดเจนให้กับผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ฝ่าย โดยเร็วที่สุด
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1900
ขอตอบตรงๆแล้วกันครับว่า ไม่ทราบครับbeammy เขียน:แวะเข้ามาถามมุมมองของคุณ VIB007 ครับ
คิดอย่างไรกับ TRC ฮะ ???
เอามันตรงๆ อย่างนี้เลยแล้วกัน อิอิ ...
แต่ไม่ต้องน้อยใจ ผมกำลังทำการบ้านอยู่ครับ
ข้อมูลมันน้อยไปหน่อยและผมก็ไม่ถนัดหุ้นรับเหมาเสียด้วย
ขอโทษที
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1901
เอาบทวิเคาระห์ของกิมเองไปดูก่อนแล้วกันนะครับVIB007 เขียน: ขอตอบตรงๆแล้วกันครับว่า ไม่ทราบครับ
แต่ไม่ต้องน้อยใจ ผมกำลังทำการบ้านอยู่ครับ
ข้อมูลมันน้อยไปหน่อยและผมก็ไม่ถนัดหุ้นรับเหมาเสียด้วย
ขอโทษที
http://www.settrade.com/brokerpage/Anal ... ng_trc.pdf
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
Re: อยากเรียนรู้
โพสต์ที่ 1903
[quote="nhong3545"]ได้อ่านกระทู้ของพวก พี่ๆ แล้วผมสนใจมากจริง ๆนะคับ
คงต้องเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวบ่อย ๆ
ผมมีเรื่องอยากถาม พี่วิบูลย์หน่อยนะคับ พอดีผมเพิ่งจะเริ่มหันมาลงทุนในแนวนี้นะคับ (จริงก็รุ่นน้อง วิศวะ จุฬาฯ เหมือนกันครับ แต่รหัสนี่ 41)
คงต้องเข้ามาฝากเนื้อฝากตัวบ่อย ๆ
ผมมีเรื่องอยากถาม พี่วิบูลย์หน่อยนะคับ พอดีผมเพิ่งจะเริ่มหันมาลงทุนในแนวนี้นะคับ (จริงก็รุ่นน้อง วิศวะ จุฬาฯ เหมือนกันครับ แต่รหัสนี่ 41)
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1909
8) ขอบคุณหลายๆครับ
สำหรับแนวคิดที่ให้มา
แหมวันนี้รัวตอบยังกะปืนกลเลยนะครับ
คืนวันที่18ที่ผ่านมา
อาซ้อผมไม่ได้ฟังข่าวที่แบ๊งค์ชาติเขาแถลง
ไปตั้ง pttep รอไว้ตอนเช้าที่ 95บาทครับ
พอเช้าวันที่19 ระเบิดลง
ก็ได้มาราคานั้นตั้งแต่ช่วงเช้า
แล้วบ่ายๆก็ร่วงไปถึง77บาทหรือไง
(คุณเจ๋งบอก)
ส่วนตัวผมกลับไม่ได้รู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจแต่ประการใด
สงสัยผมเริ่มเป็น วีไอ ได้บ้างแล้วมั๊งครับ
ม่ายงั้นคงเป็นพวกความรู้สึกช้า ก็เป็นได้
ฮ่า...
สำหรับแนวคิดที่ให้มา
แหมวันนี้รัวตอบยังกะปืนกลเลยนะครับ
คืนวันที่18ที่ผ่านมา
อาซ้อผมไม่ได้ฟังข่าวที่แบ๊งค์ชาติเขาแถลง
ไปตั้ง pttep รอไว้ตอนเช้าที่ 95บาทครับ
พอเช้าวันที่19 ระเบิดลง
ก็ได้มาราคานั้นตั้งแต่ช่วงเช้า
แล้วบ่ายๆก็ร่วงไปถึง77บาทหรือไง
(คุณเจ๋งบอก)
ส่วนตัวผมกลับไม่ได้รู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจแต่ประการใด
สงสัยผมเริ่มเป็น วีไอ ได้บ้างแล้วมั๊งครับ
ม่ายงั้นคงเป็นพวกความรู้สึกช้า ก็เป็นได้
ฮ่า...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 331
- ผู้ติดตาม: 0
ขออนุญาตถามตัวที่คุณ VIB007 ถนัดที่สุด .... PTTEP
โพสต์ที่ 1911
กาซธรรมชาติจากแหล่งอาทิตย์ จะเริ่มผลิตได้ในปี 08
และจะมีกำลังการผลิตเท่ากับครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน
1 ผมสงสัยว่าผลิตมากขึ้น แล้วมันจะขายใครครับ ?
จำเป็นที PTT ต้องซื้อจาก สผ. ด้วยหรือ ?
2 มีโอกาสไหมที่การซื้อจากแหล่งอื่นนอกประเทศ จะถูกกว่าจาก สผ. ?
มีการแข่งขันทางด้านราคาไหม ? สำหรับกาซธรรมชาติ ?
3 เห็นคุณ VIB007 บอกว่า ROE ของ สผ. มีการรับประกันว่าต้องไม่ต่ำกว่า 16 %
เพราะอะไรครับ ?
4 อนาคตของหุ้นหรือธุรกิจ สผ. สำหรับในอีก 10 15 ปีข้างหน้า มองอย่างไรบ้างครับ ?
ขอถือโอกาสถามเกี่ยวกับภาพรวมของกาซธรรมชาติด้วย
1 แนวโน้มในอนาคตของโลกเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ความต้องการเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าความสามารถในการผลิต ?
2 พลังงานทดแทนอื่น ๆ ที่จะมาแทนกาซธรรมชาติ ?
3 ปริมาณกาซในอ่าวไทยจะหมดในกี่ปีกันแน่ 15 หรือ 50 ปี ? แล้วจะกระทบ สผ. อย่างไรบ้างครับ ?
ถามซะยาวเลย ขอรบกวนด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ และขอสวัสดีปีใหม่ปี 50
และจะมีกำลังการผลิตเท่ากับครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน
1 ผมสงสัยว่าผลิตมากขึ้น แล้วมันจะขายใครครับ ?
จำเป็นที PTT ต้องซื้อจาก สผ. ด้วยหรือ ?
2 มีโอกาสไหมที่การซื้อจากแหล่งอื่นนอกประเทศ จะถูกกว่าจาก สผ. ?
มีการแข่งขันทางด้านราคาไหม ? สำหรับกาซธรรมชาติ ?
3 เห็นคุณ VIB007 บอกว่า ROE ของ สผ. มีการรับประกันว่าต้องไม่ต่ำกว่า 16 %
เพราะอะไรครับ ?
4 อนาคตของหุ้นหรือธุรกิจ สผ. สำหรับในอีก 10 15 ปีข้างหน้า มองอย่างไรบ้างครับ ?
ขอถือโอกาสถามเกี่ยวกับภาพรวมของกาซธรรมชาติด้วย
1 แนวโน้มในอนาคตของโลกเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ความต้องการเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าความสามารถในการผลิต ?
2 พลังงานทดแทนอื่น ๆ ที่จะมาแทนกาซธรรมชาติ ?
3 ปริมาณกาซในอ่าวไทยจะหมดในกี่ปีกันแน่ 15 หรือ 50 ปี ? แล้วจะกระทบ สผ. อย่างไรบ้างครับ ?
ถามซะยาวเลย ขอรบกวนด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ และขอสวัสดีปีใหม่ปี 50
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1912
ผมว่ามีผลค่อนข้างมากนะpoppo เขียน:พี่วิบูลย์ครับ มาตรการสกัดกั้นเงินทุนที่ ธปท ออกมา มีผลต่อปัจจัยพื้นฐานของหุ้นที่ต้องออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนมากไหมครับ
เพราะมาตรการสำรอง 30% ยังมีผลกับตลาดพันธบัตร
เงินต่างชาติคงลดลงไปเยอะ
การออกพันธบัตรคงต้องขายนักลงทุนในประเทศเป็นหลัก
ถ้าออกพันธบัตรมาเป็นหมื่นล้านอย่างปตท หรือ ปูนใหญ่คงมีปัญหา
อาจขายได้ไม่หมด หรือไม่ก็ต้องก็ต้องเพิ่มดอกเบียให้นักลงทุนต่างชาติ
คงใกล้เข้าขั้นแล้วครับ พี่พอใจpor_jai เขียน:ขอบคุณหลายๆครับ
สำหรับแนวคิดที่ให้มา
แหมวันนี้รัวตอบยังกะปืนกลเลยนะครับ
คืนวันที่18ที่ผ่านมา
อาซ้อผมไม่ได้ฟังข่าวที่แบ๊งค์ชาติเขาแถลง
ไปตั้ง pttep รอไว้ตอนเช้าที่ 95บาทครับ
พอเช้าวันที่19 ระเบิดลง
ก็ได้มาราคานั้นตั้งแต่ช่วงเช้า
แล้วบ่ายๆก็ร่วงไปถึง77บาทหรือไง
(คุณเจ๋งบอก)
ส่วนตัวผมกลับไม่ได้รู้สึกร้อนเนื้อร้อนใจแต่ประการใด
สงสัยผมเริ่มเป็น วีไอ ได้บ้างแล้วมั๊งครับ
ม่ายงั้นคงเป็นพวกความรู้สึกช้า ก็เป็นได้
ฮ่า...
อิ อิ
ธุรกิจแกสไม่เหมือนธุรกิจน้ำมันtech เขียน:กาซธรรมชาติจากแหล่งอาทิตย์ จะเริ่มผลิตได้ในปี 08
และจะมีกำลังการผลิตเท่ากับครึ่งหนึ่งของปัจจุบัน
1 ผมสงสัยว่าผลิตมากขึ้น แล้วมันจะขายใครครับ ?
จำเป็นที PTT ต้องซื้อจาก สผ. ด้วยหรือ ?
ก่อนขุดเจาะแกส ต้องหาผู้ซื้อให้ได้ก่อน
ไม่งั้นไม่ขุด เพราะแกสเก็บไว้ไม่ได้ ไม่เหมือนน้ำมัน
ดังนั้นกาซจากแหล่งอาทิตย์ ปตท จองหมดแล้วครับตั้งแต่ห้าปีก่อน
ต้องนำเข้าเป็น LNG ซึ่งแพงกว่าแกสจากท่อแน่นอนtech เขียน:2 มีโอกาสไหมที่การซื้อจากแหล่งอื่นนอกประเทศ จะถูกกว่าจาก สผ. ?
มีการแข่งขันทางด้านราคาไหม ? สำหรับกาซธรรมชาติ ?
การแข่งขันด้านราคาสำหรับแกสในประเทศยังไม่มี คงอีกนาน
คล้ายๆกับธุรกิจสัมปทานนะtech เขียน:3 เห็นคุณ VIB007 บอกว่า ROE ของ สผ. มีการรับประกันว่าต้องไม่ต่ำกว่า 16 %
เพราะอะไรครับ ?
ถ้าผลตอบแทนการลงทุนต่ำมาก ก็ไม่ขุดเจาะเลยไง ดีกว่าขุดมาขายขาดทุน
ดังนั้นผู้ซื้อจึงต้องตกลงกับผู้ขายทำสัญญากันเป็นสิบปี
ในราคาที่เหมาะสม
ถ้าผลตอบแทนต่ำกว่า 16 % ไม่ขุดแกสนะ อะไรทำนองนั้น
ก็คงไปได้เรื่อยๆtech เขียน:4 อนาคตของหุ้นหรือธุรกิจ สผ. สำหรับในอีก 10 15 ปีข้างหน้า มองอย่างไรบ้างครับ ?
ความเสี่ยงอยู่ที่ราคาน้ำมันที่ผันผวน
และค่าขุดเจาะที่เพิ่มสูงขึ้นจากดีมานด์ที่มากขึ้นทั่วโลก
ธุรกิจแกสจะเติบโตไปเรื่อยๆtech เขียน:ขอถือโอกาสถามเกี่ยวกับภาพรวมของกาซธรรมชาติด้วย
1 แนวโน้มในอนาคตของโลกเป็นอย่างไรบ้าง เช่น ความต้องการเพิ่มขึ้น แต่น้อยกว่าความสามารถในการผลิต ?
เพราะถือว่าเป็นพลังงานทดแทนน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันเตาในโรงงานอุตสาหกรรม
ถ้าซัพพายแกสน้อยก็ไปใช้น้ำมันเตาแทนได้
ต้องดูว่าเอามาใช้ทำอะไรtech เขียน:2 พลังงานทดแทนอื่น ๆ ที่จะมาแทนกาซธรรมชาติ ?
ถ้ามาผลิตไฟฟ้าก็ต้องเป็นนิวเคลียร์ที่สูสีหน่อย
ถ้าเป็นพลังงานลมก็คงแทนได้ไม่มาก
ถ้าเป็นในโรงงาน แกสน่าจะคุ้มที่สุดแล้ว
อันนี้เป็นเรื่องของข้อมูลนะtech เขียน:3 ปริมาณกาซในอ่าวไทยจะหมดในกี่ปีกันแน่ 15 หรือ 50 ปี ? แล้วจะกระทบ สผ. อย่างไรบ้างครับ ?
จำได้ว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้วมีคนบอกว่าน้ำมันในโลกใช้ไปได้อีกเพียง 50 ปี
จนปัจจุบันก็ยังบอกว่าใช้ได้อีก 50 ปี
กาซในอ่าวไทยก็เช่นเดียวกัน
ถ้ามีการสำรวจและขุดเพิ่มเรื่อยๆ
ก็สามารถใช้ได้เพิ่มขึ้นอีก
ปัจจุบัยกาซสำรองที่มีอยู่ที่ค้นพบ ใช้ได้อีก 15-20 ปี
สวัสดีปีใหม่ครับtech เขียน:ถามซะยาวเลย ขอรบกวนด้วยครับ
ขอบคุณมากครับ และขอสวัสดีปีใหม่ปี 50
- moo
- Verified User
- โพสต์: 1150
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1917
มาสวัสดีปีใหม่ อาจารย์วิบูลย์ครับ
ได้รับความรู้มากมาย หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ได้รับการเติมภาวะทางจิตใจในการลงทุน
ขอบพระคุณมากครับ
และขอบพระคุณพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันตั้งคำถามทุกท่านด้วยครับ
ได้รับความรู้มากมาย หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ได้รับการเติมภาวะทางจิตใจในการลงทุน
ขอบพระคุณมากครับ
และขอบพระคุณพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันตั้งคำถามทุกท่านด้วยครับ
ถ้าคุณหัวเสีย คุณจะเสียหัว
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1918
8) เคยมีอาจารย์ทางจิตวิทยาท่านนึงว่าไว้VIB007 เขียน: สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ
อ้อ ผมไม่ใช่เสี่ยนะครับ อย่าเข้าใจผิด
แค่เป็นคนธรรมดา พอมีพอกินครับ
ขอแก้ข่าว
เวลาพูดคุยกันในวงถึงเศรษฐีคนไหนๆ
เช่นเสี่ยเจริญ เสี่ยเฉลียว หรือเสี่ยท่านอื่นๆ
พอคุยกันก็อาจจะมีคนนึงบ่นขึ้นมาดังๆว่า
ไม่ชอบขี้หน้า หมั่นไส้ เป็นต้น
อาจารย์ก็จะถามว่าอย่างนี้
ถ้าเกิดเขาเป็นนายเจริญ หรือนายเฉลียว
นี่เธอยังจะเกลียด หมั่นไส้ ไม่ชอบ เหม็นขี้หน้า อีกไหม
เพื่อนก็ตอบว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น
อาการอย่างว่าก็คงจะไม่มีไม่เป็น
อาจารย์ก็ว่าต่อว่า
ในเมื่อเธอไม่ได้รังเกียจรังงอน ตัวตนของเขาแล้วไซร้
ก็implyหรือ แปลได้ว่า
เธอรังเกียจความเป็นเสี่ย ความรวย ความมั่งคั่งนะสิ
เมื่อจิตใต้สำนึกได้บอกตัวตนว่า
รังเกียจความรวย ความมั่งคั่ง เสียเช่นนี้แล้ว
ดั่งนี้เธอจะรวยได้อย่างไร
เขาว่า ใครชมว่าเราเป็นเสี่ย
ถ้าเราอายหรือเขิน ก็ไม่ต้องไปต่อความยาว
เราก็ยิ้มๆรับไว้ได้ครับ
ไม่เสียหายแต่ประการใดๆ
ผมสังเกตุอาจารย์มน
ใครเรียกแกเสี่ย เห็นแกยิ้มแก้มปริ
อย่างนี้ไม่ถึง45ก็เกษียณ ได้แล้วครับ
ฮุ..ฮุ..
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 2035
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1919
[quote="moo"]มาสวัสดีปีใหม่ อาจารย์วิบูลย์ครับ
ได้รับความรู้มากมาย หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ได้รับการเติมภาวะทางจิตใจในการลงทุน
ขอบพระคุณมากครับ
และขอบพระคุณพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันตั้งคำถามทุกท่านด้วยครับ
ได้รับความรู้มากมาย หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
ได้รับการเติมภาวะทางจิตใจในการลงทุน
ขอบพระคุณมากครับ
และขอบพระคุณพี่ๆน้องๆที่ช่วยกันตั้งคำถามทุกท่านด้วยครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
คุณวิบูลย์ ขอรายชื่อหุ้นที่ผ่านตะแกรงร่อนหน่อยครับ
โพสต์ที่ 1920
VIB007 เขียน: ขอแก้ข่าวครับ
เสี่ยมนเกษียณมาหลายปีแล้วครับ
ไม่ต้องรอ 45
ตอนนี้รับส่งลูกเมียอย่างเดียว
ไม่ต้องทำงานแล้ว
ว่าแต่ว่า เสี่ยยังบ่น"เบื่อ" เลยอยากหางานทำอยู่หรือเปล่า
ผมไม่แน่ใจ อิ อิ
หรือจริงๆอาซ้ออยากให้หางานกลางวันทำ
จะได้ไม่ถเลไถล ฮ่า ฮ่า
8) อาจารย์มนแกไปบ่นในห้องไร้สาระ
กระทู้เกี่ยวกับเรื่องเกษียณ ประมาณนี้นะครับ
ว่าอยากไปอยู่ ฮานอย
มีขาวๆหมวยๆ เยอะ ประมาณนั้น
ผมเลยแซวไปว่า
เป็นนักแบดฝีปากกล้า ซะละมากกว่า
ไม่เห็นมาต่อความยาว
เข้าใจว่าเป็นตามนั้นจริง ครับ.............
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า