ปรับฐาน

[Mon money]

หายไปนานสำหรับบทความของผม วันนี้เนื่องในวันตรุษจีน ผมขอมอบบทความในมุมมองของผมเป็นของขวัญปีใหม่ให้พวกเราครับ

ปรับฐาน

Mon Money

เมื่อปี2546ที่ผ่านมา พวกเราValue Investor ล้วนหงุดหงิดใจกับการปรับตัวขึ้นรุนแรงอย่างไร้เหตุผลของตลาดหุ้น พวกเราหลายคนผลตอบแทนในปีที่ผ่านมาแพ้ตลาด แต่พอเริ่มต้นปีใหม่เราก็ได้เห็นการปรับฐานของตลาดกันสองสามครั้งแล้ว สื่อให้เห็นสัจจะธรรมความเป็นจริงที่ว่าขึ้นเร็วก็ลงเร็ว
ในตอนที่ตลาดปรับตัวสูงเกินมูลค่าที่ควรจะเป็น ผมเองได้แต่นั่งดูความเป็นไปและบอกว่ามันคงลงมาสะท้อนความเป็นจริงในที่สุด เพราะอะไรหรือครับ เพราะว่าหุ้นหลายๆบริษัทที่ปรับตัวขึ้นมักเป็นหุ้นที่ขาดปัจจัยรองรับซะมาก มีเป็นส่วนน้อยที่พื้นฐานแข็งแกร่งจริง เท่าที่เห็นนักลงทุนจะให้ราคาสะท้อนภาพในอนาคตอันไกลเกินไปพื้นฐานวิ่งตามหาไม่ทัน บางตัวพื้นฐานยังง่อนแง่นแต่ราคาสะท้อนความคาดหวังในอนาคตไปแล้วมาก เช่นหุ้นในหมวดรับเหมาก่อสร้าง หุ้นโบรกเกอร์รายใหญ่ หุ้นบันเทิงที่มีข่าวเทาๆ
ในที่สุดความจริงก็เป็นความจริงครับ แม้ว่าพื้นฐานของประเทศจะแข็งแกร่งและยังเชื่อว่ายังดีต่ออีกหลายปี แต่มันก็ไม่เร็วขนาดว่ามูลค่าของกิจการจะเติบโตตามเร็วขนาดนั้นหรอกครับ ในมุมมองของValue Investor อย่างผม มันเร็วเกินไปครับ แถมด้วยความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยที่เราคาดไม่ถึงยังมีอีกมาก เป็นการเสี่ยงมากที่เราจะเข้าไปร่วมวงกับเหล่านักเก็งกำไรที่เข้าเร็วออกเร็วและมากไปด้วยข้อมูลภายใน
สำหรับผมและเพื่อนที่เลือกลงทุนในหุ้นตัวหนึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ต้องยอมรับว่าเป็นExpectation Investingในการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐานในกิจการนั้นๆก็จริงแต่เราก็ได้วิเคราะห์ถึง Margin of Safety จุดที่คิดว่าเราจะขาดทุนสูงสุด จุดที่ดีที่สุด ปานกลาง และต่ำสุดที่เราคิดว่ามูลค่ากิจการจะเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ที่คาดว่าจะเกิดในอนาคต แต่ก็ไม่ใช่อนาคตอันใกล้นะครับ เป็นอนาคตที่นานเป็นปีเหมือนกัน เพราะโดยความเชื่อที่ว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆที่จะทำให้พื้นฐานของกิจการเปลี่ยนแปลงได้เร็วชั่วข้ามคืน ข้ามสัปดาห์ หรือแม้แต่ในระยะเดือนเดียวแน่นอนครับ
มาถึงตอนนี้แล้วสิ่งที่อยากคุยกับเพื่อนๆก็คือ อย่าลืมปรัชญาการลงทุนของเรา อย่าลืมดูปัจจัยพื้นฐานทั้งด้านสินค้า ผู้บริหาร การตลาด และการเงิน อย่าลืมตรวจดูความเสี่ยงและผลตอบแทนที่เหมาะสม การลงทุนนั้นย่อมมีความเสี่ยงแน่นอนเพียงแต่ว่าเราจะจำกัดความเสี่ยงของเราอย่างไร สำหรับผมและเพื่อนใช้การวิเคราะห์ใช้เหตุผล ใช้สติ ไม่ใช้ข่าวลือ ไม่ใช้ความคาดหวังลมๆแล้งๆ และที่สำคัญเราไม่มีข่าววงในครับ

ขอให้เพื่อนๆมีความสุขสมหวังกับการลงทุนในปีลิงนี้นะครับ

[VIB007]

เห็นบทความของคุณมนแล้วอดคันไม้คันมือไม่ได้

สำหรับผม
ไม่เคยกลัวตลาดปรับฐานเลย
ถ้าเราเข้าใจในธุรกิจที่เราลงทุน
เรามองเห็นอนาคตของธุรกิจของเรา
และเราวิเคาระห์แล้วว่า
ผลกระทบของอารมณ์ตลาดไม่มีผลต่อธุรกิจของเรา
ผมก็ยังถืออยู่ครับ
ถ้าลงมามากๆแบบไร้เหตุผล
ก็เป็นโอกาสดีที่จะซื้อเพิ่ม

ตราบใดที่ธุรกิจยังดีอยู่
ราคาไม่โอเวอร์มูลค่า
ก็ไม่มีเหตุผลที่จะตื่นตระหนก

ผมแนะนำว่า
ถ้าทนเห็นราคาหุ้นที่ถืออยู่ลดลงมาไม่ได้
ก็อย่าไปดูมัน
เอาเวลาไปออกกำลังกายดีกว่าครับ
ได้ประโยชน์ทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิต

ซินเจียยู่อี่ ซินเหนียนฟ้าฉาย 2547 ครับ

[harry]

ตอนนี้ราคาตกลงมาครับ แล้วอยากซื้อเพิ่ม แต่ไม่มีเงินอ่ะ เพราะตัวที่ถืออยู่นิดนึงนี้ ยังมีพื้นฐานดีอยู่ เซ็งเลย

[CK]

เนื่องจากผมลงทุนหลายรูปแบบ การที่ตลาดปรับฐานเลยมีผลต่อ
พอร์ตพอสมควรครับ

ว่า ควรจะขายตัวโน้นไปซื้อตัวนี้ดีไหม

สุดท้ายก็เหมือนกันทุกรอบครับ คือ ไม่ทำอะไรเลยจะดีกว่า

ปรับฐานรอบนี้ก็มือบอนอีกแล้ว short selling ไปอีก 3 ตัว ปรากฎ
ว่ามันบวกสองตัวเฉยเลย

ต้องลุ้นต่อวันจันทร์ครับ ว่าจะได้ค่าขนมจากการทำ short selling
หรือเปล่า หรือจะต้องซื้อหุ้นคืนในราคาแพงกว่าเดิม ฮ่าๆ

[Mon money]

ปรับฐาน 2

การปรับฐานของตลาดเกิดจากความกลัวและความโลภอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งกลัวมากก็ลงมาก กลัวน้อยก็ลงน้อย อันนี้ขึ้นอยู่กับขาใหญ่ด้วยนะ

พื้นฐานของกิจการไม่มีการปรับฐานสั้นๆหรอกครับ มีแต่การปรับยาวๆ เห็นกันยาวๆ แต่นักลงทุนมักจะคิดเห็นอะไรดีอะไรร้ายก่อนเหตุการจริงจะเกิด เลยมีการปรับฐานกันในช่วงสั้นๆ เมื่อขาดทุนก็หยุดเลียแผลกันนาน เมื่อเห็นตลาดขึ้นอีกก็เอาใหม่ เป็นอย่างนี้เลื่อยไป เรียกว่าทฤษฎียายแก่ คือนอนซมอยู่ตอนตลาดซบเซา พอตลาดดีมากๆจะกระชับกระเชงลุกเข้ามามั่วกับเขาด้วย เห็นจากเมื่อสองสามเดือนก่อนสิ้นปีมียายแก่เต็มตลาดเลย บางคนยังหนุ่มๆสาวๆเลย ไม่กี่เดือนแก่ทันตาเห็น

ผมเองไม่รู้ว่ามันจะปรับฐานกันอีกนานแค่ไหน หรืออาจสังเกตุได้ว่าความหวังทั้งหมดที่มีอยู่ในตลาดหมดไป ยายแก่กับไปนอนซม ค่อยเริ่มกันใหม่

สำหรับพวกเราVIแล้วเวลาแห่งการรอคอยกำลังจะมาถึง คือการประกาศผลประกอบการ การประกาศจ่ายปันผล การตรวจสอบผู้บริหารและผลงานของเขา ผมว่ามันเป็นงานของVIที่น่าสนุกมาก มีความสูขมาก........คุณๆลองกันแล้วหรือยังครับ

[ปรัชญา]

เนื่องจากผมลงทุนหลายรูปแบบ การที่ตลาดปรับฐานเลยมีผลต่อ
พอร์ตพอสมควรครับ

ว่า ควรจะขายตัวโน้นไปซื้อตัวนี้ดีไหม

สุดท้ายก็เหมือนกันทุกรอบครับ คือ ไม่ทำอะไรเลยจะดีกว่า

ปรับฐานรอบนี้ก็มือบอนอีกแล้ว short selling ไปอีก 3 ตัว ปรากฎ
ว่ามันบวกสองตัวเฉยเลย

ต้องลุ้นต่อวันจันทร์ครับ ว่าจะได้ค่าขนมจากการทำ short selling
หรือเปล่า หรือจะต้องซื้อหุ้นคืนในราคาแพงกว่าเดิม ฮ่าๆ

อยากซื้อหุ้นเหมือนคุณเล็กมั่ง

ที่ว่า........โรงเรียนอนุบาลโรงเรียนไหน

จะไปเรียนมั่ง อยากเก่ง อยากรวย

แต่ตอนนี้หมดทุน ไม่มีค่าเทอมทำไงดี

เรียนต่อจากคุณเล็กจะสอนผมไหมครับ

เริ่มต้นกันสักกระทู้เอาไหม ผมเป็นนักเรียนนะ จะถาม

คุณเล็กเรียนจบรุ่นพี่ จะหวงวิชาหรือเปล่าล่ะ จะเต็มใจตอบไหมน๊า อิอิ

[CK]

โธ่ เฮียปรัชญา ผมไปเรียนอนุบาลว่าด้วยวิชา "ห้าม" ขายหุ้น
จงทำจิตใจให้มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อหุ้นขึ้นและหุ้นลง

ทำได้อยู่สองอาทิตย์ เห็นตลาดทำท่าจะลงหนัก ก็เกิดความโลภ
อีกแล้ว และก็ได้ช๊อตเซลล์ไปแล้ว เพื่อลุ้น SET ตกไปถึง 650
หรือ 680 ก็ยังดี (ในสองอาทิตย์)

อย่างนี้เขาเรียกไปเริ่มเรียนใหม่แล้วก็ยังอดไม่ได้ มันน่าเสียดาย
ค่าเล่าเรียนนัก

ผมเรียนอนุบาลจากเว็บนี้แหละครับ ความรู้ในหัวเต็มไปหมด
แต่ทำจริงไม่ได้สักอย่าง

:'(

แต่ถ้าพี่ถาม ตอบได้ตอบหมดครับ

แหม แต่พี่ปรัชญาที่เก่งกาจทั้งในสนาม VI และ VS จะมาถามผม
เรื่องการลงทุน จะกลายเป็นว่าผมเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนแน่เลย

[index]

ตลาดปรับฐาน ผมไม่ให้ความสำคัญเท่าไร
แต่ถ้าหุ้นที่ผมถืออยู่ปรับฐาน ผมก็ขายนะ แล้วค่อยไปซื้อเอาใหม่
ซึ่งก็มีโอกาสขายหมูได้เหมือนกัน ผมจึงขายทีละครึ่ง ที่เมื่อหุ้นตกประมาณ -3% ถึง -5% ขายครึ่งหนึ่ง ถ้าตกไปถึง -8 ถึง -10% ก็ขายอีกครึ่งที่เหลือ

ความเสี่ยงที่จะได้หุ้นราคาสูงกว่าเดิม มันก็มี แต่...
ถ้าเป็นรายย่อย จำนวนหุ้นไม่เยอะ สามารถทำได้โดยที่ความเสี่ยงไม่มากนัก เพราะสามารถขายหุ้น/เก็บหุ้นได้โดยที่ราคาเพิ่มแค่ 1-2 ระดับ
โดยส่วนตัว ผมว่ารายย่อยคือผู้ที่ซื้อ/ขายแล้วไม่มีผลให้ราคาหุ้นเปลี่ยนระดับ

ต้องดูกราฟราคาที่ผ่านมาประกอบการตัดสินใจ ถ้าหุ้นตัวนั้นมีแนวโน้มที่คาดเดาได้ง่ายๆ 'ขึ้นจริงลงจริง' เป็นช่วงๆ ก็ลุยได้ แต่ถ้าหุ้นแบบเดาใจไม่ออก 'ขึ้นวัน ลงสองวัน ขึ้นสามวัน ลงติดฟอร์' แบบนี้ก็มีความเสี่ยงมากหน่อย

หุ้นตัวแรกในชีวิตก็คือ PTT ได้มาตอน IPO จำนวน 2000 หุ้นที่ราคา 35 บาท ปัจจุบันก็ยังถืออยู่ เนื่องจากราคามันไกลจากทุนมากก็เลยไม่ได้สนใจมากนัก จะขึ้นจะลงก็ปล่อยมัน แต่พอมองย้อนดูตอนปรับฐานที่ 96.5 บาท กับตอนที่ขึ้นไปแตะ 200 บาท น่าจะทำจำนวนหุ้นให้เพิ่มได้นี่น่า...

[ปรัชญา]

โธ่ เฮียปรัชญา ผมไปเรียนอนุบาลว่าด้วยวิชา "ห้าม" ขายหุ้น
จงทำจิตใจให้มั่นคงไม่หวั่นไหวต่อหุ้นขึ้นและหุ้นลง

ทำได้อยู่สองอาทิตย์ เห็นตลาดทำท่าจะลงหนัก ก็เกิดความโลภ
อีกแล้ว และก็ได้ช๊อตเซลล์ไปแล้ว เพื่อลุ้น SET ตกไปถึง 650
หรือ 680 ก็ยังดี (ในสองอาทิตย์)

อย่างนี้เขาเรียกไปเริ่มเรียนใหม่แล้วก็ยังอดไม่ได้ มันน่าเสียดาย
ค่าเล่าเรียนนัก

ผมเรียนอนุบาลจากเว็บนี้แหละครับ ความรู้ในหัวเต็มไปหมด
แต่ทำจริงไม่ได้สักอย่าง

:'(

แต่ถ้าพี่ถาม ตอบได้ตอบหมดครับ

แหม แต่พี่ปรัชญาที่ไม่เก่งกาจทั้งในสนาม VI และ VS จะมาถามผม
เรื่องการลงทุน จะกลายเป็นว่าผมเอามะพร้าวห้าวไปขายสวนแน่เลย

ต้องถามคุณเล็กล่ะครับ

ผมไม่เก่งกราฟ อาศัยวัดดวงอย่างเดียวเลย

OHTLประกาศจ่ายปันผลแล้ว คุณเล็กเก็บเพิ่มหรือยังครับ

เรื่อง..หุ้นปรับฐานของคุณมนตรี

กราฟคุณเล็กตัดลง เส้น25วัน-75-100วันครับ ทำไมลึกจัง

อีแกป กับ ททบ 5 เบียร์ช้าง กันตนา เวิกค์พ๊อย จะมาช่วยทันไหมครับ

ผมก็คิดแบบนี้ถูกอะป่าว

ว่าเริ่มต้นวิ่งขึ้นไปจาก450ถึง800จุด

แล้วปรับลงมา หารด้วย2 นับจาก450

ก็ตกบวกขึ้นไป350จุด หาร2ต้อง175จุด

เอา800จุด ตั้งเอา175จุดลบ สมการเหลือ625จุด

อ้าวไหงคิดแล้วได้น้อยกว่าคุณเล็ก

สงสัยผมมองโลกในแง่ร้ายแน่เลย

เรื่องการท่องเที่ยวที่คุณเล็กชำนาญ

มันยังคงดีเหมือนเดิมหรือมีการเปลี่ยนแปลงดีขึ้น หรือแย่ลง

จากนี่ถึง พค.ครับ



เรื่องห้ามขายหุ้นผมทำได้ตัวหนึ่งครับ

สงสัยได้มา1วิชา คือซื้อหุ้นที่มีแต่ออฟเฟ่อร์แต่ไม่มีบิด เลยไม่ได้ขายกอดมานานแล้ว TIC คงไม1ตัวแล้วครับวิชานี้

[CK]

ผมดูกราฟเดือนครับพี่ ปกติไม่ค่อยดูกราฟวัน จะดูแต่วีคกับเดือน

SET ยังลอยอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 เดือนอยู่เยอะมาก ทางเทคนิค
ไม่น่าจะไปได้ไกลนะครับ น่าจะลงลึกๆสักครั้งก่อน

ดูกราฟผมงูๆปลาๆมากนะครับ อย่าไปเชื่อ ผมเองยังไม่เชื่อนักเลย แต่
ก็เป็น third opinion ที่ดีครับ (งบการเงินเป็น second opinion ครับ)

ส่วน first opinion เป็นความเห็นส่วนตัวครับ ฮ่าๆ (สรุปคือมั่วๆ)

[champ]

พี่ปรัชญามองลงไปลึกยังงั้นเลยเหรอครับ
ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย
ไม่ได้ขายอะไรเลย
ถืออย่างเดียวเลยครับงานนี้
นึกว่าจะไปต่อเสียอีก
พฤหัสกับศุกร์ยังซื้อเข้ามาอีกเลย
สงสัยจะแย่แฮะงานนี้

[CK]

อ้อ เรื่องท่องเที่ยวครับพี่ปรัชญา

ผมคิดว่า ถ้ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง มีการเปิดเผยข้อมูลตลอดเวลาโดยไม่ปิดข่าว
อย่างที่ผ่านมา ท่องเที่ยวคงจะกระทบไม่มากนักครับ อาจจะไม่หนักเท่ากับ
ซารส์เมื่อปีที่แล้ว แต่คงไม่ได้ดีอย่างใจหวังครับ

พอเข้าหน้าร้อน เรื่องหวัดนกก็คงจะจางหายไป

OHTL ยังไม่ได้ซื้อเพิ่มเลยครับ ผมกะจะซื้อที่ต่ำกว่า 250 ถ้าเป็นไปได้ครับ
ของเก่มีแค่ 100 หรื 200 หุ้นเองครับ อยู่ในพอร์ตที่ไม่เคยเหลียวแลเลย
ไม่เคยขายครับพอร์ตนี้ แต่มันเล็กมาก แค่ 5% ของทุกพอร์ตเอง ซื้อตั้งแต่
SET Index 800 (รอบที่แล้ว) ถือจนถึงตอนนี้

ส่วนหุ้นคุณ champ เลือกได้ดีนี่ครับ คงไม่ต้องขายหรอกครับ

PATKOL อาจจะโดนกระทบบ้าง เพราะคนมองว่าลูกค้า PATKOL ก็
อ่วมไปแล้ว แต่ไม่ควรจะมีผลต่อการดำเนินงานเท่าไหร่นัก

ASIAN นี่จะได้รับผลดีด้วยครับในแง่ของผลการดำเนินงาน ทั้งจากบาท
อ่อนและปลาหมึกขายดีขึ้น (นิดหน่อยก็ยังดี)

ส่วน METCO คงจะได้รับผลดีจากการที่เงินบาทอ่อนลงครับ ถ้าดูค่าเงิน
แล้วเหมือนบาทจะแข็งมากในปีที่แล้ว แต่จริงๆแล้วมันอ่อนลงเรื่อยๆเมื่อ
เทียบกับเงินสกุลเยน เจอเรื่องนี้เข้าไปทำให้บาทอ่อนเข้าไปอีกเมื่อเทียบ
กับเยนครับ METCO และ ASIAN น่าจะได้ผลบวกพอควรทีเดียวสำหรับ
งบไตรมาสหน้า

[ปรัชญา]

พี่ปรัชญามองลงไปลึกยังงั้นเลยเหรอครับ
ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะเนี่ย
ไม่ได้ขายอะไรเลย
ถืออย่างเดียวเลยครับงานนี้
นึกว่าจะไปต่อเสียอีก
พฤหัสกับศุกร์ยังซื้อเข้ามาอีกเลย
สงสัยจะแย่แฮะงานนี้

ผมก็ยังไม่ได้ขายอะไรเลยช่วงนี้
ทั้งเดือนขายแต่หุ้นIPO PO

ยังติดหุ้นเหมือนเดิม รอรับปันผลครับ
ผมรอสภาพคล่องจากเงินปันผลไม่เป็นทุกข์
ถึงตลาดจะลงมากลงน้อย หุ้นเรามันก็ไม่ค่อยตามตลาดครับ

วิธีการมองข้างบนนั่นผมอธิบายแบบคนสมัยโบราณ กับการรับหุ้นแบบไม่เป็นวิชากราฟ เรื่องจริงอาจจะไม่เป็นตามนั้น แค่คุยกันเล่นเฉยๆกับคุณเล็กครับ แต่ถ้าเปิดค่าคอมเสรีและไข้หวัดนกไม่ยอมจบเดือนกุมภาพันธ์ผมว่ายุ่งนา

หุ้นคุณแชมป์ คงไม่มีผลกระทบในด้านลบ อาจส่งเป็นผลดีด้วยซ้ำแบบคุณCKบอกล่ะครับ