ความโกรธ ละได้

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ

โพสต์ โพสต์
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 1

โพสต์

เมื่อไรมีความโกรธ ทางวัดสอนว่า ให้ นึกถึงคำว่าโกรธหนอ โกรธหนอ

แล้วความโกรธจะลดลง

แต่ถ้าเรามีความโกรธแล้ว เรา คิดต่อว่า โกรธโว๊ย โกรธโว๊ย

ความโกรธก็จะทวีเพิ่มขึ้น

อย่าลืมนะครับ ลองดู ครับ โกรธหนอ โกรธหนอ

หรือ กรณีมีใครขับรถปาดหน้าเรา แล้วเราหงุดหงิดขึ้นมา หรือบางทีโกรธรุนแรงมาก

เราก็อาจจะบอกว่า ปาดหนอ ปาดหนอ

คริๆ ลองดูครับ

เจออะไรไม่พอใจ เช่นมีใครพูดอะไรไม่เข้าหู เราฟังแล้ว ก็กำหนด ว่า ยินหนอ ยินหนอ

นี่เอง เป็นเรื่องของ การฝึกสติ

ซึ่งเป็นการตัดเรื่องภพเรื่องชาติ

เรื่องนี้อยู่ใน ปฏิจจสมุปบาท

อวิชชา >> สังขาร >> วิญญาน >>> นามรูป >> สฬาตนะ >> ผัสสะ >> เวทนา >> ตัณหา >> อุปาทาน >> ภพ >> ชาติ >> ชรา มรณะ

หมายเหตุ

อวิชชา คือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริงในความทุกข์ของจิต ไม่รู้ในเหตุให้เกิดแห่งความทุกข์ไม่รู้ในการดับ ทุกข์ไม่รู้ในปฏิปทาให้ถึงความดับทุกข์ อวิชชาเป็นจิตที่ไม่รู้จิตในจิต

สังขาร คือ การปรุงแต่งของจิตให้เกิดหน้าที่

วิญญาน คือ การรับรู้ในอารมณ์ที่มากระทบในทวารทั้ง 6 คือ

สฬาตนะ คือ สิ่งที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกันทางวิถีประสาทด้วยอายตนะทั้ง 6 มี

สรุป ตามความเข้าใจของผมเอง ณ เวลานี้ว่า

มนุษย์ ไม่รู้ว่าจิตทำงานอย่างไร ปล่อยตัวปล่อยใจ ให้อารมณ์เข้ามากระทบ กับ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ซึ่งเชือมต่อกัน จนเกิด การรับรู้ จาก ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ว่า ชอบ หรือ ไม่ชอบ จึงตัดสินว่า ชอบ หรือไม่ชอบ ถ้าชอบ ก็แสงหาเพิ่ม ถ้าไม่ชอบ ก็ พยายามหนี แล้วก็เกิดความยึดมั่นถือมั่น ว่าสิ่งที่ชอบ หรือสิ่งที่ไม่ชอบนั้น เป็นของๆเรา หรือ ไม่ใช่ของของเรา ยึดมันถือมั่นจนกระทั่ง เกิดการเวียนว่ายตาย เกิด เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ แก่ เจ็บ และ ตาย

ทางแก้คือ

สติปัฎฐาน - ทางเดียวเท่านั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ทางนี้เป็นทางเดียวเพื่อความบริสุทธิ์ของสัตว์ทั้งหลาย 1 เพื่อระงับความโศก 1 ระงับความคร่ำครวญ 1 เพื่อดับทุกข์ 1 ดับโทมนัส 1 เพื่อบรรลุอริยมรรค 1 เพื่อเห็นแจ้งซึ่งพระนิพพาน 1

ทางเดียวนี้คือ สติปัฎฐาน 4

กายานุปัสสนาสติปัฎฐาน การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดู กาย

เวทนานุปัสสนาปสติปัฎฐาน การมีสติเข้าไปตั้งติดตาม เวทนา

จิตตานุปัสสนาสติปัฎฐาน การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดู จิต ( ความคิด )

ธัมมานุปัสสนาสติปัฎฐาน การมีสติเข้าไปตั้งติดตามดูธรรม ( อารมณ์ )

เมื่อโกรธ แล้วเรานึกในใจว่าโกรธหนอ

โกรธหนอ นั้นคือตัวสติ แต่ไม่ใช่ตัวโกรธนะ ตัวโกรธเป็นอารมณ์

เมื่อเรานึกในใจ หรือ พูดออกมาว่าโกรธหนอ โกรธหนอ ตัวโกรธจะลดลง

เพราะพระเอกมาแล้ว คือ ตัวสติ




...................................................................................
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ยังไม่เข้าใจอ่ะพี่เจ๋ง  ผมเคยฝึกจากหนังสือ แต่ยังไม่เคยไปสัมผัสกระแสจิตตรงๆกับครูบาอาจารย์ ยังสงสัยว่า

1ทำไมต้องเป็น หนอ
2เวลาฝึก เมื่อพูดหนอแล้ว เอาจิตไปไว้ตรงไหน ระลึกถึงอะไรครับ

รบกวนชี้แนะด้วยครับ :bow:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 3

โพสต์

คำว่าหนอ แปลมาจาก ภาษาบาลี แปลเป็นไทยก็กลายเป็นหนอ ภาษาบาลี จำไม่ได้แล้ว

แต่คำนี้ ลองพูดดูซิ คำๆนี้จะทำให้ เป็นกลาง ไม่สุขมากไป ไม่ทุกข์มากไปครับ

เช่น เวลาเราเห็นอะไรแล้ว เราชอบมาก เราก็กำหนด ว่าสุขหนอ สุขหนอ

เวลาเรา เศร้ามากๆ ก็ เศร้าหนอ เศร้าหนอ

ลองดูครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 4

โพสต์

เออเนอะเอาจิตไปไว้ตรงไหน ไม่รู้แฮะ

แต่รู้ว่า เอาตัวสติ ไปจับ กับ กาย เวทนา จิต ธรรม เมื่อมีอะไรมากระทบ หรืออยากกำหนดอะไร ก็ใส่หนอเข้าไป

เช่น เราอยากดูกาย แล้วเรากำลังนั่งอยู่ เราก็พูดหรือนึกในใจว่า นั่งหนอ

คุณแม่สิริ กรินชัยบอกว่า เมื่อใช้หนอไปเรื่อยๆ อีกหน่อยก็ถอดหนอออกครับ

แต่การใช้หนอในช่วงแรกจะช่วยได้เยอะครับ ลองดูครับ

ผมเองเคยโกรธ แล้วลองมาหลายวิธี ไม่สำเร็จแฮะ เช่น นับ 1-10 พอนับครบ 10 ระเบิดตูมเลย

555
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 5

โพสต์

อ๋อ รู้แล้ว เรื่องจิตที่ถาม คือว่า สติปัฎฐาน 4 ให้ดู กาย เวทนา จิต และธรรม

เราใช้สติมาดูครับ เอาสติมาดู จิต

เช่น จิตเกิด อกุศล ยกตัวอย่าง เห็นสาวๆ หน้าอกโตๆ ถึงแม้ว่าจะมีสามีแล้ว แต่จิตดันไปคิดว่า โห ขาว อวบ ถ้าเราไม่มีสติ กำกับ

เราอาจจะเผลอปรุงแต่ง ไปทีละนิด จนกระทั่งเกิดการละเมิดศิลได้นะครับ

ถ้าเรามีจิตคิดอกุศล แล้วเราไม่รู้วิธี เรามัวแต่ไปห้ามความคิด บางคนยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุครับ

จิตเรา เวลาที่อะไรไปกด มันยิ่งทวีความรุนแรง

แต่เมื่อเราใช้สติ เช่น เห็นหน้าอกโต เราก็ หน้าอกโตหนอ หน้าอกโตหนอ จบ

สติมา ปัญญาเกิดครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 6

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับ

แต่...ผมมันพวกดักดาน ขี้สงสัย เข้าใจยาก ต้องเคลียร์จริงๆ เท่าที่เรียนรู้มาต้องคอยสื่อโดยตรงครับ

สรุปว่ายังไม่เข้าใจ นะพี่เจ๋ง เอาสติไปจับกับ กาย เวทนาจิต ธรรม เป็นอย่างไร ช่วยชี้ให้กระจ่างด้วย

รับผิดชอบด้วยนะครับ อยากได้บุญใหญ่(สอนธรรม)มันก็ยากอย่างนี้แหละ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 7

โพสต์

อ๋อ ง่ายมากครับ ตอนแรกก็นึกว่ายาก และไปมาหลายที่ เคยบวชมาแล้วด้วย วัตถุประสงค์ที่บวช เพราะอยากฝึกสติครับ ตอนนั้น ไม่ได้อยากนิพพาน ตอนนี้ไปอธิฐานแก้แล้ว เพราะเหมือนกับเรามันบัวใต้น้ำ จะเอาแค่สติ ไปทำงาน

คือที่ว่าง่าย คือ เรื่องนี้ไม่สามารถเข้าใจได้ดัวยปัญญา หรือความคิด หรือการคาดเดา

การถามอย่างละเอียดก็ได้แค่ระดับหนึ่งครับ

วิธีการง่ายๆ ลองดูเลยครับ

ลองไปนั่ง แล้วหลับตา แล้วบอกกับตัวเอง สักสามครั้ง ว่านั่งหนอ นั่งหนอ พอจะยืน ก็อย่าเพิ่งยืนครับ

ให้กำหนดว่า อยากยืนหนอ สักสามครั้ง แล้วลองค่อยๆยืน

คุณวรากร ไรวา สอนว่า ให้คนที่นั่งอยู่ ลองลุกขึ้นเร็วๆ แล้วยืน เมื่อยืนแล้ว ลองลงนั่งเร็วๆ แล้วนั่ง

ลองอีกครั้ง จากการนั่ง ค่อยๆ ลุกให้ช้าที่สุด มายืน จากที่ยืน แล้วค่อยๆ ลงไปนั่งให้ช้าที่สุด

แล้ว ทั้งสองครั้ง ต่างกันอย่างไร

คำตอบคือ การที่ค่อยๆ ยืน ค่อยๆ นั่ง เราจะมีสติ รู้ว่า กายเราอยู่ในอิริยาบทไหนครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 8

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

สรุปว่ายังไม่เข้าใจ นะพี่เจ๋ง เอาสติไปจับกับ กาย เวทนาจิต ธรรม เป็นอย่างไร ช่วยชี้ให้กระจ่างด้วย 
เรื่องนี้พี่เองก็ งง งวย มา 10-20 ปี ครับ

แต่ตอนนี้เริ่มเข้าใจบ้างแล้วครับ

คือ เรื่องของจิตนี้ ทางพุทธบอกว่า จิตรับรู้ได้ทีละ 1 อย่างเท่านั้นครับ แต่ที่เราทำอะไรได้หลายๆอย่าง เช่น ขับรถไป คุยโทรศัพท์ไปด้วย และเผลอแอบมองสาวข้างทางไปด้วยนั้น

เกิดจาก จิตของเราเร็วมาครับ เช่น มองทาง แล้วก็แว๊บมารับฟัง แล้วก็แว๊บ ไปมองสาว

จิตเราเร็ว จนกระทั่งเราคิดว่า เรารับรู้ได้ หลายเรื่อง ในเวลาเดียวกันครับ

ทีนี้ คำถามคือ

โค้ด: เลือกทั้งหมด

สรุปว่ายังไม่เข้าใจ นะพี่เจ๋ง เอาสติไปจับกับ กาย เวทนาจิต ธรรม เป็นอย่างไร ช่วยชี้ให้กระจ่างด้วย 
เราก็เอาสติ ไปฝึกจับทีละเรื่องครับ เริ่มจากง่ายๆก็ไป จับดูกายก่อน ในอิริยาบทใหญ่ เช่น ยืน เดิน นั่ง นอน

ต่อมาก็ฝึกจับอิริยาบทย่อย เช่น เคี้ยวข้าว เคี้ยวไป กี่คำ ก็นับไปเรื่อยๆ กลืนกี่ครั้ง ก็รู้ อาหารที่กลืนเข้าไปเป็นของเหลว หรือ หยาบๆ หรือผสมกันก็รู้

ต่อมา ก็มาดู เวทนาเช่น ตอนนั่ง เราปวดขา เราก็เอาสติไปรับรู้ว่า ปวดหนอ ปวดหนอ แล้วก็ กลับไป เจริญวิปัสนาต่อ ตามที่เราทำอยู่ เช่น ถ้าเราดูลมหายใจ ก็กลับไปดูลมหายใจ

การดูจิต ก็อย่างเช่น ระหว่างที่เรากำลัง ยืนเดินนั่งนอน แล้วมี ความคิด แว๊บเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นกุศล หรืออกุศล เราก็กำหนดครับ

เช่น เมื่อมีความคิดเข้ามา เราก็ คิดหนอ

การดู ธรรม เช่น เมื่อมี ธรรมใดๆเข้ามา คำว่าธรรมหรือ ธรรมชาตินะครับ เช่น เมื่อเราดูลมหายใจ แล้ว มีเข้าสั้น ออกสั้น เข้ายาว ออกยาว เข้าออก เข้าออก ดูไปดูมา กลายเป็น ไตรลักษณ์ คือ มีเกิดมีดับ ( อันนี้พี่ยังไม่ถึงนะ แค่ดู แต่ยังไม่ถึง หยั่งรู้ได้ด้วยปัญญาครับ )

เป็นต้น
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 9

โพสต์

ขอบคุณมากๆครับ กระจ่างไปเยอะเลยครับ เดี๋ยวจะไปฝึกตามวิธีพี่เจ๋งดู

ปัจจุบันฝึกแต่พุทโธครับ :D

สรุปว่าได้บุญใหญ่ครับงานนี้... สาธุ...ขอแบ่งบุญด้วยคนครับ :P
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 10

โพสต์

แถมอีกนิดนึงครับ ครั้งนี้ไปเรียน มีวิทยากรมาสอนหลายท่าน

และมีวิทยากรพิเศษ เช่น เจ้าของเบ๊นทองหล่อ มาช่วยสอนทั้งสามีและภรรยา

แถม เป็นเจ้าภาพ บริจาคทั้งหมด ให้ผู้ฝึก 150 ท่าน มีที่อาหาร ที่พัก และเอกสารทุกอย่างครบ

ก็ขอขอบคุณเจ้าภาพ มา ณ โอกาสนี้ด้วยคับ

มีอยู่ตอนนึงเจ้าของเบ๊นทองหล่อ คุณสามีครับ ขอโทษด้วย จำชื่อไม่ได้ แกสอนว่า

สตินี้ดีมาก ยกตัวอย่างมีแม่คนนึง ลูกทำความผิด ก็เลยตบลูก ถึงขั้นสลบไปเลย

แต่เมื่อมาฝึกสติแล้ว ลูกทำผิด

ก็ตีครับ แต่เรียกมา แล้วก็เอาไม้เรียวมา แล้วก็ ตี หนอ ตี หนอ

ลูกไม่สลบครับ

เมื่อตีเสร็จ ก็ มีสติ ในการสอนลูกต่อไป ว่า ที่ตีไป เพราะอะไร เป็นต้น
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 11

โพสต์

เรื่องการฝึกพุทโธนั้นพี่ก็เคยฝึกมาครับ ก็ดีเหมือนกันครับ คุณแม่ บอกว่า สมถะกรรมฐาน กับวิปัสนากรรมฐานก็ต้องไปด้วยกันครับ

ขอบอกข้อแตกต่างที่เจอมากับตัวเองเล็กน้อย

เวลาฝึก พุทโธนั้น ก็ดีครับ นั่งปั๊บ หลับง่ายจัง คือเราทำงานก็เหน็ดเหนื่อย วุ่นวาย พอจิตเรามาผูกกับพุทโธ จิตเราก็นิ่งครับ เวลานิ่งก็ ดิ่งลึก หลับง่าย หลับตอนนั่งสมาธินะครับ

เสียตรง มันตามพุทโธยากจัง นั่งทีไร หลับทุกที

...........................................................................

ทีนี้ พอมาฝึก วิปัสนากรรมฐาน วัดนี้เน้นเดินจงกรม 1 ชั่วโมง

อานิสงฆ์ของการเดินจงกรม

1. อาหารย่อยง่าย
2. เดินทางไกล
3. ไม่เป็นโรค
4. สมาธิตั้งมั่นอยู่ได้นาน
5. มีความเพียรมาก

ทีนี้พอเดินมากๆ แล้วมานั่ง เวลานั่ง แล้ว ดู กาย เวทนา จิต ธรรม

เรื่องที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือ

เวลาเวทนาเกิดขึ้น มันปวดมากกว่า ตอนพุทโธมากเลยครับ

เพราะตอนนั่งนี่ เราจะตื่นตลอด ลองคิดดูนะครับ

เวลาหลับตา แล้วเรากำลังดู ลมหายใจเข้าออก หรือ ดู ท้อง ยุบหนอ พองหนอ สักพัก ถ้ามีเสียงดังขึ้น เราต้องกำหนด ยินหนอ แล้วกลับมาที่ ยุบหนอ พองหนอ

เรื่องท้องที่หยุบหนอ พองหนอ ไม่ใช่การภาวนา แต่เป็นการดู ตามสภาพความเป็นจริง ว่าท้องกำลังยุบ หรือกำลังพอง ถ้าการยุบพองหายไป

ก็กำหนด ว่า ไม่เห็นหนอ

ต่อมา ถ้าปวดขา ก็ไปกำหนดที่ขา ว่า ปวดหนอ แล้วกลับมาที่ท้อง ต่อ

ถ้า ต่อมา จิต มีความคิด แว๊บเข้ามา ไม่ว่า จะกุศล หรืออกุศล เราก็ กำหนด คิดหนอ แล้วกลับมาที่ท้องต่อ

เรื่องที่ต่างจากพุทโธคือ การเอาจิตไปจับพุทโธ ที่เป็น ชื่อเรียก ทางพระเรียก บัญญัติ แต่การ เอาจิตไปจับอาการเคลื่อนไหวต่างๆ เรียกว่า ปรมัติ

สรุป นั่งแบบพุทโธก็ได้ครับ แต่หลับง่าย นั่งแล้วติดง่าย สบายใจดี

นั่งแบบ กายเคลื่อนไหว ใจรับรู้ เป็นการนั่งแบบวิปัสนา ตามหลักพระพุทธเจ้าครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 12

โพสต์

อย่างที่พี่เจ๋งพูดถูกครับ การภาวนา พุทโธ เนี่ยจะทำให้จิตสงบง่ายกว่า ส่วนการภาวนา ยุบหนอ พองหนอ สุขหนอ ทุกข์หนอ เนี่ย จะได้ส่วนสติ เอาเท่าที่ลองทำดูด้วยตัวเองนะครับ

ถ้าพี่นริศเริ่มใหม่ ๆ ควรจะเดินจงกลมก่อนครับ จะทำให้นั่งสมาธิได้นานขึ้น
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 13

โพสต์

จริงๆแล้ว แต่เดิมเข้าใจว่า การภาวนา พุทโธ กับการภาวนา หยุบหนอ พองหนอ เหมือนกัน

แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ครับ

การภาวนาพุทโธใช่ครับ คือเราบริกรรม พุทโธ พุทโธ ไปเรื่อยๆ

แต่การ ดู หยุบหนอ พองหนอ เป็นการดูกายเคลื่อนไหว ตามสภาพความเป็นจริง เหมือนกับการดูลมหายใจเข้าออกครับ

และเราก็ไม่เรียกว่าการภาวนาลมหายใจเข้าออก แต่เป็นการดู ให้เห็นตามความเป็นจริง

และต้องเท่าทันปัจจุบันครับ

ถึงจะมีการตัดภพตัดชาติ

ดู 1 ครั้ง ตัดได้ 7 ชาติ

เรื่องการตัดได้ 7 ชาติ ผมเองยังไม่ได้เชื่อหรือไม่เชื่อครับ เพราะไม่ได้รู้ได้ด้วยตนเองครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 14

โพสต์

พูดถึงเรื่องการเดินจงกรม นี่ก็มีความแตกต่างมากครับ

สมัยก่อน เวลาเดินจงกรม ก็เดินไป เดินมา ขวาพุทธ ซ้ายโธ ไปเรือยๆ

ตอนสมัยบวช เดินแล้วก็ได้สมาธิครับ เดินไปเดินมา รู้สึกว่า เหมือนเดินลงเขา เดินได้ตั้งนานมาก ไม่เหนื่อยเลย เดินไป ก็เดินลงเขา เดินกลับก็เดินลงเขา เดินแล้ว เพลินเลย

มาปัจจุบัน ที่ไปเดิน นี่แตกต่างมาก

คือ เดินแบบ มีสติไปด้วย คือ เวลาเดิน ถ้ามีเสียงดังก็กำหนด ว่ายินหนอ เวลาเหยียบ พื้นที่กระทบ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ รับรู้

การเดินที่ฝึก มี 6 ระยะ

การเดินจงกรมระยะที่ 1 ซ้ายย่าง หนอ ขวา ย่างหนอ

เมื่อออกเสียงว่าซ้าย ก็ยกส้นเท้าซ้ายมาเล็กน้อย ให้ตรงกับเสียง คือต้องได้ปัจจุบัน

พอบอกว่า ย่าง ก็ลากเท้าไปข้างหน้า แล้วหยุด พอเท้าถูกพื้นก็ บอกว่า หนอ

เรื่องการเดินจงกรม 6 ระยะ มีอยู่ในพระไตรปิฎกครับ

ซึ่งไม่น่าเชื่อ คือผมเพิ่งทราบเอง

แต่ก่อนก็เดิน แบบ สมถะมานาน

พอมาเดินแบบวิปัสนา เวลาเดินก็เหมือนกันครับ คือดู กาย เวทนา จิต ธรรม
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 15

โพสต์

เรื่องการไม่ยึดมั่นถือมั่น ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลตัวจริงๆ ดูเหมือนไม่น่าจะทำได้

เราจะไม่ยึดมั่นถือมั่นได้อย่างไร เราจะไม่รักตัวเราเองได้อย่างไร

ลองใครจะมาตัดขาเรา เราจะไม่โกรธได้อย่างไร

ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้เลย

อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้ฟังเรื่องทุกข์ๆ ของผู้อื่นนั้น บางเรืองเราก็ ไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่า ทำไม เขาต้องทุกข์ขนาดนั้น

เช่น วิศวกรหนุ่ม ที่ไปหลงรัก สาวขายตัว สุดท้าย ทุ่มเงินไปหมดตัวแล้ว เธอก็พร้อมจะเดินจากไป

วิศกรหนุ่มนั้น เริ่มทนไม่ได้เลย ถึงขนาด กินไม่ได้นอนไม่หลับ และยอมทำทุกอย่าง แม้กระทั่งหยิบยืมเงินจากใครก็ได้ เพื่อรั้งเธอไว้

นี่ก็เป็นตัวอย่าง ของความยึดมั่นถือมั่นที่ ใครไม่เจอกับตัวเอง ไม่มีทาง รู้ว่า มันยึดไปแล้ว ถอนยากจริงๆ

หลายคนอยากฆ่าตัวตาย เพราะสูญเสียคนรัก และหลายคนฆ๋าตัวตายไปแล้ว แต่ไม่สำเร็จ และหลายคนฆ่าตัวตายไปแล้ว เพราะฆ่าสำเร็จ

ทำอย่างไรจะถอนความยึดมั่นถือมั่นได้

ผมเองก็ไม่รู้ ได้แต่เชื่อ ว่าทำตามแนวทางพระพุทธเจ้า จะสามารถถอนความยึดมั่นถือมั่นได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงขนาด ไม่รู้สึกอะไรเลย อย่างพระอรหันนั้น ผมเองก็ไม่ทราบ

มีเรืองเล่าคือ คุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย ปัจจุบันท่านอายุ 90 สมัยก่อน ท่านไปผ่าตา ที่คลินิค รัตนิน

คุณหมอรัตนิน เป็นคนผ่าให้เอง แต่ผ่าตาแบบไหนผมไม่ทราบ คุณหมอบอกว่า จะฉีดยา คุณแม่ ดร.สิริ บอกว่า ไม่ต้องฉีด คุณหมอผ่าได้เลย

คุณหมอ ก็เลย ใช้ยาหยอดแทนยาฉีด

แล้วก็ทำการผ่าตา

เมื่อผ่าเสร็จให้คุณแม่ เหลือบตา ซ้าย ขวา คุณแม่ก็ทำตาม

คุณหมอแปลกใจ ว่า ทำไมคุณแม่ถึงไม่รู้สึกเจ็บ และสามารถฟื้นตัวได้เร็วมาก ถึงขนาด ตัดสินใจว่าจะมาปฎิบัติกรรมฐาน

แต่อย่างไรก็ตาม เนืองจากเป็นแพทย์ที่งานยุ่งมาก ต้องเดินทางต่างประเทศบ่อย

ก็ไม่ว่างมาปฎิบัติสักที

จนกระทั่งในที่สุด สามารถหาเวลามาปฎิบัติได้ คือนัดไว้ประมาณเดือนธันวาคม แต่ไม่ทราบปีนะครับ เรื่องนี้

ฟังจากวิทยากรมาอีกที

สุดท้าย ได้รับข่าว ก่อนการปฎิบัติไม่กี่วัน ว่าคุณหมอเสียชีวิตแล้ว

ผมเองก็เคยเรียนแพทย์ นานมากแล้ว และเพื่อนๆในเว็บนี้ก็มีแพทย์เยอะมากจริงๆ

ผมก็เลยขอเชิญชวนนะครับ ลองเข้าไปที่เว็บ kondee.com

ครั้งนี้ที่ไปเรียนก็มีแพทย์หญิง วิไล ธนสารอักษร มาบรรยายธรรม และมีแพทย์อีกคน เป็นผู้ชายไม่ทราบนาม มาสอนกรรมฐานด้วยครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Raphin Phraiwal
Verified User
โพสต์: 1342
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 16

โพสต์

ขอบคุณครับพี่เจ๋ง ถึงแม้นว่ามีส่วนน้อยที่ผมเข้าใจ แต่ก็คิดว่าน่าจะนำไปใชได้บ้างครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ
รักในหลวงครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Eyore
Verified User
โพสต์: 606
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 17

โพสต์

naris เขียน: 1ทำไมต้องเป็น หนอ
2เวลาฝึก เมื่อพูดหนอแล้ว เอาจิตไปไว้ตรงไหน ระลึกถึงอะไรครับ

รบกวนชี้แนะด้วยครับ
ผมเคยได้ยินมาว่าอย่างงี้นะ

การที่พูดว่า"หนอ" เนี่ย จริงๆมันย่อมาจาก "มันสักแต่ว่า...หนอ"
เช่น โกรธ -> สักแต่ว่าโกรธหนอ
ความโกรธนั้นเป็นเพียงแค่อารมณ์โกรธ
ความโกรธไม่ใช่ "ของเรา"
ดังนั้นจึงไม่ใช่ "เราโกรธ"
เพราะ "ตัวเรา" ผู้โกรธนั้นมิได้มี
ดังนั้น มันจึงเป็นแต่่ว่า "โกรธหนอ"
ไม่ใช่ "ตัวเรา" ไม่ใช่ "ของเรา"

ความโกรธนั้นเป็น "ทุกข์" เพราะไม่สามารถคงอยู่สภาพเดิมได้นาน
ความโกรธนั้นเป็น "อนิจจัง" เพราะอารมณ์นั้นมันเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ความโกรธนั้นเป็น "อนัตตา" เพราะเหตุผล 2 ข้อดังกล่าวข้างต้น มันจึงไม่มีตัวตนแท้จริง ต้องแปรไปตามเหตุปัจจัย
ดังนั้นมันจึงไม่ใช่ "ตัวเรา" ไม่ใช่ "ของเรา"
มันจึง "สักแต่ว่าโกรธหนอ"
ไม่ใช่ "ตัวเราผู้โกรธ" ไม่ใช่ "ความโกรธของเรา"

รวมความความแล้ว
ผมว่าอยู่ในหมวด "ธรรม" ครับ
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 18

โพสต์

ถูกต้องแล้วครับท่าน

ถ้าสามารถมองทุกอย่างได้ ว่ามันสักแต่ว่า

ก็จะสามารถพ้นทุกข์ได้

แต่ทำยากจัง ถ้าไม่ปฎิบัติ

เนื่องจาก เราถูกฝึกให้ เรียนรู้ เพื่อการอยู่รอด ทั้งจากสัญชาติญาน และ การเรียนรู้จากชีวิตจริง

เราจะทำอย่างไร ให้ มันสักแต่ว่า

คือเห็น ก็สักแต่ว่าเห็น ถ้าเราเห็น ลูกเราโดนทำร้าย เราจะ สักแต่ว่าได้อย่างไร

เรื่องนี้น่าศึกษาจริงๆครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 19

โพสต์

กิเลสเท่าที่ผมสังเกตุมันเวลามันโผล่ขึ้นมาให้เราเห็นนั้น มันมาหลายรูปแบบน่ะพี่เจ๋ง

รูปแบบที่จิตเราไม่ไปกินเหยื่อ มันก็ง่ายในการตัดสำหรับเราจนบางทีเราไม่ได้คิดถึงมันเลย ทั้งๆที่กิเลสตัวนี้บางคนเขาติดเบ็ดไปแล้ว เช่นคนที่บ้ารถ คนที่เขาไม่ชอบ เขาก็ว่าเราไม่มีเหตุผล ทั้งๆที่เราไปติดเบ็ดก็ยังไม่รู้ตัว หาเหตุผลร้อยแปดมาให้ตัวเอง(กิเลส)

กิเลสในตัวผมเองที่กลายเป็นจุดอ่อนที่เวลาเหมือนจะมีสติ  แต่ก็เอาไว้ไม่ค่อยอยู่ เพราะรูปแบบที่ซับซ้อนมากกว่าที่เราจะมีปัญญาไปทันมัน....

ถ้าใครมีลูกคงจะรู้ดีถึงกิเลสตัวนี้มันมีความคาดหวังลึกๆอยู่ภายใน ทำให้อารมณ์อยู่เหนือสติหลายต่อหลายครั้ง  

และอีกตัวที่ผมคิดว่าอยากจะปรับเปลี่ยนอย่างมากคือ การมั่นใจในความคิดของตนเองที่สูง

ส่วนเรื่องการเดินที่ผมทำได้ยาก เพราะมันเคยนั่ง และฝึกแต่แนวทางนั่งกำหนดลมหายใจ(ทำมาเป็นสิบปีแล้ว) สาเหตุที่ง่วงเพราะจิตมันได้พักผ่อน  ถ้าเลยจุดนั้น จุดเวทนาจะตามมาครับ จริงๆเราก็พิจารณา ปัญหาทางธรรมบางเรื่องเพื่อตัดความง่วงก็ได้นะครับ มันจะข้ามจุดง่วงไปหาจุดเวทนาเองครับ

ขอบคุณทุกท่านครับที่ช่วยชี้แนะ ตอนเย็นเมื่อกี้ ผมก็ได้ไปลองเดินดูครับ แต่ก็ยังไปติดกับลมหายใจ อย่างเดิม ไม่ไหวจริงๆ :lol:
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
ภาพประจำตัวสมาชิก
oatty
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 2444
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 20

โพสต์

ถ้าหากว่าพี่นริศเคยฝึกการภาวนา พุทโธ ก็ใช้แบบเดิมไปดีกว่าครับ แต่อาการที่บอกมา เขาเรียกว่าติดในบริกรรมมากกว่า แถว ๆ จังหวัดเลย หรือขอนแก่นน่าจะมีพระอาจารย์ดีที่แนะนำการปฏิบัติให้ไปสู่ขั้นสูงต่อไป ไม่จำเป็นจะต้องลำบากมาถึงกรุงเทพฯ ก็ได้
"ผู้ทรงธรรมนั่นแหละคือผู้ทรงเกียรติ ผู้มีความดีนั่นแหละคือผู้มีทรัพย์ ผู้รู้จักพอนั่นแหละคือมหาเศรษฐี" ว.วชิรเมธี
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 21

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ถ้าใครมีลูกคงจะรู้ดีถึงกิเลสตัวนี้มันมีความคาดหวังลึกๆอยู่ภายใน ทำให้อารมณ์อยู่เหนือสติหลายต่อหลายครั้ง   
เรื่องลูกนี่ พระพุทธเจ้าบอกว่า เป็นเครื่องรัด หรือกรง ที่กักขัง หน่วงเหนี่ยว ที่แข็งแรง ยิ่งกว่าเหล็กอีก

โค้ด: เลือกทั้งหมด

และอีกตัวที่ผมคิดว่าอยากจะปรับเปลี่ยนอย่างมากคือ การมั่นใจในความคิดของตนเองที่สูง 
เรื่องความมั่นใจตัวเอง เป็นอย่างนี้หรือเปล่า

คือ มี 5 อย่าง สมาธิ ความเพียร สติ ปัญญา และ ศรัทธา

ตรงกลางคือสติ ส่วน อีกด้าน คือ สมาธิ + ความเพียร

อีกด้าน คือ ปัญญา + ศรัทธา

เมื่อไร ที่เรามีปัญญา มากเกินไป เราก็จะเชื่อตัวเองมากไป อาจจะถึงขั้นตั้งศาสนาใหม่ได้ ( สมมุติ )

ก็แก้ด้วยการเติมศรัทธา

เมื่อปัญญากับ ศรัทธา เสมอกัน เราก็จะลด ตัวตนของเราลงมาครับ

ฟังธรรมมานะครับ ไม่ได้ว่าเอง

ถ้าศรัทธามากเกินไป ก็จะเกิดเป็นความหลงครับ

อย่าง vi ที่มาใหม่ๆ อาจจะหลงใน vi มากเกินไป

ส่วน vi เก่าๆ ก็เชื่อตัวเองมากไป หรือเปล่า น๊า
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 22

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

ส่วนเรื่องการเดินที่ผมทำได้ยาก เพราะมันเคยนั่ง และฝึกแต่แนวทางนั่งกำหนดลมหายใจ(ทำมาเป็นสิบปีแล้ว) สาเหตุที่ง่วงเพราะจิตมันได้พักผ่อน  ถ้าเลยจุดนั้น จุดเวทนาจะตามมาครับ จริงๆเราก็พิจารณา ปัญหาทางธรรมบางเรื่องเพื่อตัดความง่วงก็ได้นะครับ มันจะข้ามจุดง่วงไปหาจุดเวทนาเองครับ 

ขอบคุณทุกท่านครับที่ช่วยชี้แนะ ตอนเย็นเมื่อกี้ ผมก็ได้ไปลองเดินดูครับ แต่ก็ยังไปติดกับลมหายใจ อย่างเดิม ไม่ไหวจริงๆ 
ติดแบบไหน ก็ไปแบบนั้นครับ

ผมเดานะ

เพราะฟังพระท่านทีไร ก็เน้นให้เดินก่อน ตั้งแต่ วัดเขาสุกริม ถึง วัดมเหยงคณ์ วัดสังฆทาน จนกระทั่งมาวัดผานิตยาราม

จริงๆ แล้ว ตามความเข้าใจของผมนะ คือถ้าเราไม่ชอบอะไร เมื่อเราทำ เราจะไม่ง่วงนะ เพราะเราไม่ชอบอยู่แล้ว เราจะเพลินกับการกระทำนั้น ยาก เพราะเราไม่ชอบ

ผลคือ เราก็ได้เจริญสติไปอีกแบบครับ

คุณนริส ไม่ลองเดิน แบบพุทโธ ดูครับ เดินไป เดินมา หาที่เดิน ระยะประมาณ 25 - 30 ก้าว

ยืนตรง รู้ตัวทั่วพร้อม แล้วก็เดิน โดยกำหนด เช่น ที่ท้าว ก้าวขวาก็ พุท ก้าวซ้ายก็โธ

และให้รู้สึกตัวทั่วพร้อมไปด้วย เช่น ลมมากระทบ ก็รู้ว่าลมมากระทบ หายใจ เข้าออก ก็รู้ ค่อยๆ รู้ไปนะครับ ไม่ต้องเครียดอะไร เดินไปจนสุด แล้วก็หยุดสักนิด

กลับตัวก็รู้ตัวว่ากลับตัว

แล้วเดินกลับไปกลับมา

ทำไมต้อง 25-30 ก้าว จะได้ไม่เวียนหัวนะ เพราะเดินแบบพุทโธแบบนี้ โอกาส เดินเร็วจะเยอะ กว่า การเดินแบบวิปัสนา ซึ่งใช้ที่เดิน สั้นๆ 3-5  เมตร เนื่องจากเดินช้ามากๆ

ขออนุโมทนา ผมว่า ท่านนริส ปฎิบัติได้มากกว่าผมครับ ผมค่อนข้าง มือใหม่ ศึกษามาเยอะก็จริง แต่ไม่ค่อยกล้าปฎิบัติ เนื่องจาก รู้ว่า ตัวเองเป็นคนชอบเอาจริง

เวลาเจอของจริง ก็เลยต้องค่อยๆ ทำๆ ค่อยๆ เรียนรู้กันไป
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 23

โพสต์

จริงๆแล้ว การปฎิบัติที่พวกเรากำลังคุยๆกันอยู่นั้น ผมคิดว่าเป็นระดับชาวบ้าน

ถ้าจะให้ชัวร์ ก็บวชแหละดีที่สุด

ศิล 227 ข้อนี่ใครไม่มีสติก็รักษาไม่ได้ การสวดมนต์ การนั่งสมาธิ เดินจงกรม หรือกิจกรรมหลายๆอย่างในวัดนั้น

ผมคิดว่า พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้ ดีแล้ว และนำพา พระหลายท่านไปสู่มรรคผลนิพพานได้จริง ( ความเชื่อ )

ส่วนพวกเราหละ จะไปทำแบบพระได้อย่างไร ในเมื่อเราอยู่ใน ทะเลของกิเลส

ตันหา อุปาทาน ครับ

ตรงนี้แหละที่ทำให้ หลักสูตที่วัดผา นี่ ผมว่า ตรงประเด็นจริงๆ สำหรับ ฆาราวาสครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 24

โพสต์

ขอออกตัวนะพี่เจ๋ง ผมน่ะยังเด็กหัดเดิน หรือน่าจะยังหัดคลานด้วยซ้ำไป

ส่วนเรื่องการเดินนั้นจริงครับ หลวงตาก็ยังเคยเทศน์ว่า การเดินจงกรมสำคัญกว่าการนั่ง

แต่ด้วยหาที่นั่ง ง่ายกว่าเดินครับพี่ ผมเลยนั่งก่อนนอนวันละ15-30นาที อยากมากเคยทนได้ก็45นาทีครับ

แต่อิ่มครับเวลานั่ง :)
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 25

โพสต์

แหมท่านนริส

ผมว่าท่านนริส กับผมก็หัดเดิน หัดคลาน เท่ากันแหละ คือว่า พวกเรานี่ เป็นคนธรรมดา มีเรื่องเยอะ มีงาน มีลูก มีเมีย มีลาภ ยศ สรรเสริญ ที่คอยเป็นเครื่องเหนี่ยวรั้ง ให้จิตใจ ติดอยู่กับ ทางโลก

เราฟังธรรมะบ้าง และปฎิบัติบ้าง เข้าวัดบ้าง ตักบาตรบ้าง ทำบุญบ้าง ผมว่าก็ดีแล้วครับ

เบาสบายดี คืออยู่ในทางโลกได้สบาย

อย่าง อาชีวัฎฐะมะกะศิล นี้ ผมว่า ถ้าถือได้ก็อยู่ทางโลกสบายเลยครับ

1. ห้ามฆ่าสัตว์
2. ห้ามลักทรัพย์
3. ห้ามประพฤติผิดในกาม
4. ห้ามพูดเท็จ
5. ปิสุณาวาจา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะไม่พูดยุยงส่อเสียด ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
6. ผรุสะวาจา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะไม่กล่าวคำหยาบคาย ด่าทอ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
7. สัมผัปปะลาปา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะไม่พูดเพ้อเจ้อโปรยประโยชน์ ให้ผู้อื่นเดือดร้อน
8. มิจาฉาอาชีวา เวระมณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ ข้าพเจ้าจะไม่ประกอบมิจฉาอาชีพ ซึ่งพระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ มีดังนี้
1. ข้าพเจ้าจะไม่ขายสัตว์ให้เขาเอาไปฆ่า
2. ข้าพเจ้าจะไม่ขายมนุษย์
3. ข้าพเจ้าจะไม่ขายอาวุธ
4. ข้าพเจ้าจะไม่ขายยาพิษ
5. ข้าพเจ้าจะไม่ขายสุราและไม่ดื่มสุรา ( คุณแม่ดร.สิริ กรินชัย เติมข้อนี้เข้าไป )
ภาพประจำตัวสมาชิก
naris
Verified User
โพสต์: 6726
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 26

โพสต์

:D
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 27

โพสต์

เมื่อวานนั่งแท๊กซี่มา คนขับยังวัยรุ่นมาก อายุประมาณไม่ถึง 25

บ่นให้ฟังว่า คนสมัยนี้ขาดธรรมะ เรื่องราวต่างๆจึงวุ่นวาย

อย่างตัวผมนี้ ผมคิดอย่าฆ่าตำรวจ

ผมก็งง อะไรกัน อยากฆ่าตำรวจ แกบอกว่าอยากฆ่าจริงๆ

เพราะตำรวจ ไม่มีความยุติธรรม

จับทีไร ไถเงินทุกที

ผมถามว่า แล้วคิดมานานหรือยัง

เขาตอบ คิดมานาน

ผมบอกว่า ระวังนะ คิดไป คิดมา อาจจะอยากฆ่าจริงๆ

เขาตอบ ใช่ อยากฆ่าจริงๆ

ผมถามว่า ทำไมหละ โกรธเขาเหรอ เวลาโดนเรียกเงิน

เขาตอบว่า โกรธ

เอ้า อย่างนั้น เอาโกรธหนอไป ลองใช้

ไม่รู้เหมือนกันว่าจะใช้ได้หรือไม่

แต่ถ้าทางคนขับชอบใจ

คือผมบอกว่า ลองสมมุติดูว่า

เวลาโกรธ แล้วเราคิดแบบเดิม เช่น ถามตัวเอง ทำไมว๊ะ ไม่ได้ผิดซักกะหน่อย จับอีกแล้ว เราก็จะเริ่มสะสมความโกรธเข้าไปอีก หรือ เราอดกลั้นไว้ในใจ โดยการ ขอร้อง เพราะไม่มีเงิน หรือมีรายได้น้อย

และตำรวจทำท่าไม่ยอม เราไม่มีทางสู้ก็รู้สึกโกรธที่ต่อสู้อะไรไม่ได้

ถ้าในใจเราโกรธโว๊ย โกรธโว๊ย

มันจะยิ่ง หนักขึ้น หนักขึ้น ทุกวัน

แต่ถ้าเมื่อไรโกรธแล้ว เราโกรธหนอ โกรธหนอ ความโกรธจะเบาลง

คนขับหัวเราะ ผมก็บอกลองคิดเล่นๆดู

เวลา ไปเล่าให้เพื่อนฟัง หากเราเล่า เรื่องตำรวจไถเงิน แล้วเพื่อนก็โดน เพื่อนก็อาจจะยุส่ง ทำให้เราอยากฆ่าเพิ่มเติม

แต่ถ้าเราไปเล่า ว่าวันนี้โกรธหนอ เรื่องตำรวจ

เพื่อนคงขำกลิ้ง ว่าอะไรนะ โกรธหนอ

เรื่องนี้น่าศึกษาจริงๆ จะได้เอาไปสอนลูกๆ

ให้สามารถมี วัคซีน ต่อสู้ โลภ โกรธ หลงได้

ถึงแม้จะไม่มีทางหมด เพราะเราเป็นปุตุชน แต่อย่างไรก็ดีกว่า มีมาก จนกระทั่งทำความผิด ใหญ่ หลวง หาทางกลับตัวได้ยาก
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 28

โพสต์

Jeng เขียน: ถึงแม้จะไม่มีทางหมด เพราะเราเป็นปุตุชน แต่อย่างไรก็ดีกว่า มีมาก จนกระทั่งทำความผิด ใหญ่ หลวง หาทางกลับตัวได้ยาก
8) ตรงนี้แหละสำคัญ คุณเจ๋ง
    ผมเคยอ่านเขาว่า
    เวลาโกรธใคร ให้เอาตะปูไปตอกลงบนไม้
    โกรธน้อยก็ตอกน้อย
    โกรธมากก็ตอกมาก
    แล้วพอหายโกรธก็ให้ไปถอนออกมา
    เขาว่านอกจากถอนจะยากกว่าตอกอย่างเทียบกันไม่ได้แล้ว
    ไม้ที่ถูกตอกก็กลายเป็นมีตำหนิ
    ทำอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิมซะแล้ว
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 29

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

 ตรงนี้แหละสำคัญ คุณเจ๋ง 
    ผมเคยอ่านเขาว่า 
    เวลาโกรธใคร ให้เอาตะปูไปตอกลงบนไม้ 
    โกรธน้อยก็ตอกน้อย 
    โกรธมากก็ตอกมาก 
    แล้วพอหายโกรธก็ให้ไปถอนออกมา 
    เขาว่านอกจากถอนจะยากกว่าตอกอย่างเทียบกันไม่ได้แล้ว 
    ไม้ที่ถูกตอกก็กลายเป็นมีตำหนิ 
    ทำอย่างไรก็ไม่เหมือนเดิมซะแล้ว
อันนี้เป็นนิทาน ฝรั่ง ที่เล่าๆกันมา ซึ่ง ผมเคยฟังแล้ว แต่ไม่ได้ช่วยให้คนที่เคยโกรธ ปรับปรุงแก้ไขอะไรได้เลย

อย่างไรก็ตาม เรื่อง ทางพุทธแจ๋วกว่านะผมว่า คือให้มีสติกับปัจจุบัน

อดีต คือ แผลที่มีตำหนิ เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว การไปคิดถึง ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย พี่พอใจ
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

ความโกรธ ละได้

โพสต์ที่ 30

โพสต์

Jeng เขียน:

อดีต คือ แผลที่มีตำหนิ เราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว การไปคิดถึง ก็ไม่มีประโยชน์อันใดเลย พี่พอใจ
8) ใช่แล้วอดีตที่ไม่ดี คือแผลที่มีตำหนิ
    การไปคิดถึงก็มีประโยชน์นะคืออย่าไปทำซ้ำไง..

    แต่ที่ผมว่านั้นหมายควายว่า โทษหมายความว่า
    ให้ฉุกคิดก่อนที่จะทำไรผิด หรือไม่ดี
    อาจจะเหมาะในบางกรณี
    อย่างผมงี้ คุณเจ๋งมาบอก เรื่องหนอๆนี่ผมไม่รู้เรื่อง
    แต่ถ้ามาทำให้ผมฉุกคิดว่าเรื่องพวกนี้
    ผิดแล้วผิดเลย แก้ไขไม่ได้
    สติปัญญาอย่างผมรับได้ครับ ง่ายดีด้วย
    แล้วไม่กล้าทำอีกด้วย

    คือเรื่องบางเรื่องมันผิดทั้งศีลธรรมทั้งกฏหมาย
    เช่นที่คุณเจ๋งยกตัวอย่าง แท๊กซี่คิดฆ่าตำรวจ
    พอผิดไปแล้ว ศีลธรรมยังตำหนิตัวเองไปทั้งชีวิต
    แถมร่างกายก็ยังต้องถูกจองจำ
    โงหัวไม่ขึ้น
    รู้จักคิดหน่อยต้องกลัวเกรงกันบ้างละครับ

    ทีนี้ตอนโกรธนี่
    เราไม่ทราบว่าเขาอยู่ในบัวประเภทไหน
    ถ้าเขาปริ่มจะพ้นน้ำอยู่แล้ว
    เราไปบอกเรื่องโกรธหนอ นี่
    เขาก็คิดได้ครับ แค่เราไปแตะนิดหน่อย

    แต่ถ้ายังเป็นอุปจิตตัญญู วิปปจิตตัญญูอยู่นี่
    แค่เราไปบอกเขาเรื่องเจ๊ก หนอ อาจไม่พอนะครับ

    ผมแถมให้เรื่องหนึ่ง
    มีคนไปสัมภาษณ์คนที่ขายยาบ้า
    เป็นจำนวนมากว่า
    ทำไมถึงกล้ามาขายผิดทั้งทางโลกทางธรรม
    เขาตอบมาว่าทางธรรมนี่ไกลตัวเขาๆไม่รับรู้
    ส่วนทางโลกนี่เขาอยากรวย
    แล้วร้อยทั้งร้อย คนที่มาขายรู้หมดว่าโทษแรง
    แต่เชื่อไหมครับ เขาไม่คิดหรอกครับว่าเขาจะถูกจับ
    บางทีคนพวกนี้
    อาจคุยด้วยภาษาไทยเหมือนเรา
    แต่คุยกับเราไม่รู้เรื่องก็เป็นได้นะครับ

    ผมว่าจิตที่ฝึกกับจิตที่ไม่ฝึก
    ยากที่จะเหมือนกันได้ครับ..........
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
โพสต์โพสต์