ไทยมีโอกาสแค่ไหนที่จะมีสเตมเซลล์ในการรักษาที่ราคาถูกที่สุด

[hot]

หมอไทยใช้สเตมเซลล์สู้เบาหวาน ไม่ต้องโดนถูกตัดขาทิ้งกันแล้ว


วงการแพทย์ไทยนำนวัตกรรม สเตมเซลล์ รักษาแผลผู้ป่วยโรคเบาหวานหายในเวลา 2-3 เดือน เป็นทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคแผลเรื้อรังจากเบาหวาน อีกทั้งจะช่วยลดภาวะความพิการและลดค่าใช้จ่ายได้ถึง 32,000 ล้านบาทต่อปี เผยประเทศไทยมีผู้เป็นเบาหวานที่ถูกตัดขา 40,000 คนต่อปี

ศ.เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย ฉันทโรจน์ศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ กล่าวเปิดเผยวิธีการว่า โดยฉีดสเตมเซลล์ อันเป็นเซลล์ต้นกำเนิด ให้กับผู้ที่เป็นเบาหวานและเป็นแผลที่เท้า เป็นแผลเรื้อรังและรักษาไม่หาย พบว่าแผลที่เท้าที่เป็นอยู่ดีขึ้นมากในเวลาอันรวดเร็วอย่างชัดเจน ผู้ป่วยจะสร้างเนื้อเยื่อของเซลล์และส่วนของเส้นเลือดขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ นับเป็นการวิจัยที่จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อวงการแพทย์ไทย โดยเฉพาะในผู้ที่เป็นเบาหวาน

ศ.เกียรติคุณ นพ.ธีรชัย กล่าวว่า จากสถิติ ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้เป็นเบาหวานที่ถูกตัดขา 40,000 คนต่อปี ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดขา รักษาและดูแลแผลในโรงพยาบาลสำหรับผู้เป็นเบาหวาน และมีแผลที่เท้าซึ่งจำเป็นต้องตัดขา จะเสียค่าใช้ จ่ายประมาณ 1 ล้านบาท เปรียบเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเก็บสเตมเซลล์และฉีดกลับเพื่อรักษา ค่าใช้จ่ายประมาณ 200,000 บาท ดังนั้น การรักษาโดยการใช้สเตมเซลล์จะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึง 32,000 ล้านบาทต่อปี ข้อสำคัญที่สุดคือ ผู้เป็นเบาหวานไม่ต้องถูกตัดขา ทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

รศ. นพ.สมพงษ์ สุวรรณวลัยกร อายุรแพทย์ สาขาระบบต่อมไร้ท่อ และเบาหวาน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงผลการรักษาแผลเบาหวานโดยใช้สเตมเซลล์ ว่า จากเดิมแผลของผู้ป่วยขนาดกว้าง 4.5 ซม. มีหนองและอักเสบ แต่เมื่อใช้สเตมเซลล์ฉีดเข้าไปในร่างกายแล้ว 15 วันต่อมา พบว่าแผลดีขึ้นมากและขนาดของแผลค่อยๆ ลดลงจนหายไปได้ในเวลา 2-3 เดือน

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยทูเลน สหรัฐฯ สามารถใช้สเตมเซลล์จากไขกระดูกคนเรา รักษาซ่อมแซมเซลล์ตับอ่อนของหนู ที่เสียหายจากโรคเบาหวานได้สำเร็จเช่นกัน และยังป้องกันไม่ให้ไตเสียหายไปด้วย พวกเขาได้เตรียมจะทดลองกับคนไข้ โรคเบาหวานต่อไป.

http://www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?t=57144

[moonkiss]

ยังใช้ไม่แพร่หลาย ผลการรักษายังไม่สามารถอ้างอิงได้ชัดเจนในหลายๆโรค ค่าใช้จ่ายการเก็บ stem cell ยังแพงมากครับ
มีโอกาสจะถูกกว่านี้แน่นอนครับหากมีการใช้มากขึ้น มีการศึกษามากขึ้น
เดี๋ยวจะไปถึงยุคการรักษาระดับ gene (gene therapy) กันแล้วครับ
ลูกไม่ทันโตคงเห็น :lol:

[Mr. Boo]

แม่ยายและญาติ เคยไปฉีดแถวอโศก ตรงข้ามรัตนิน(เจ้าของเป็นลูกหลานของวีเอ็นจี) หมดไปคนละกว่าครึ่งล้าน  ดีอยู่แป๊ปเดียวและนิดเดียว  หลังจากนั้น ทุกอย่างก็กลับไปเหมือนเดิม  ดีนะที่ไม่ตามไปเมืองนอก  ไม่งั้นคงหมดเป็นล้าน

ผมว่าเชื่อได้  ยังต่ำกวา๒๐%

วิธีคุณพี่พอใจ  ประเภทวิ่งไป ตีแบดไป  ดื่มเบียร์ไปน่าจะworrrkกว่า