คิดยังไงกับ pylon ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 656
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 1
งานเพิ่ม รายได้เพิ่ม กำไรลด ค่าบริหารจัดการเพิ่ม เป็นไปตามคาด หรือแย่กว่าคาด รบกวนขอข้อมูลจากผู้ถือหุ้นเงาตัวนี้หน่อยครับ
เอ รึมันจะเป็นได้แค่เงาไปเรื่อยๆ
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 5,021 10,853 21,791 30,044
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.03 0.09 0.15 0.29
เลขที่ PL-ADM-056/06
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2549
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลประกอบการสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ดังนี้
บริษัทฯมีกำไรสุทธิงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 5.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของ
ปี 2548 เท่ากับ 10.85 ล้านบาท ลดลง 5.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.73 ซึ่งมีผลแตกต่างมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบ
เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 28.46 ล้านบาทซึ่งเป็นผลจากมีรายได้งานก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 12.95 ล้านบาท
ส่วนรายได้งานฐานรากนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 15.51 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 19.54 ของรายได้จากการรับจ้างงานฐานราก
โดยงานด้านฐานรากนั้น บริษัทฯได้รับงานของภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่งานภาคเอกชนจะเป็นงานที่มีวัสดุ (เหล็กและคอนกรีต)
ในขณะที่งานส่วนใหญ่ของปี 2548 จะเป็นงานภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯจะรับผิดชอบเฉพาะค่าแรงและเครื่องจักร
2. สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้รับจ้างลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3 ปี 2549 มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 13.99
(ไตรมาส 3 ปี 2548 เท่ากับร้อยละ 25.94) เนื่องจากงานก่อสร้างมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 7.75 ส่วนงานฐาน
รากมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 14.85 (ไตรมาส 3 ปี 2548 เท่ากับร้อยละ 25.94) ซึ่งลดลงจากปีก่อน เนื่องจากอัตรา
กำไรขั้นต้นของงานเฉพาะค่าแรงจะสูงกว่างานที่มีค่าวัสดุรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้งานภาครัฐที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจากปีก่อนได้รับผลกระทบ
จากราคาน้ำมันและค่าวัสดุต่างๆที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
3. นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้นประมาณ 2.18 ล้านบาท เนื่องจากมีการจ้างบุคลากรในระดับต่างๆ
เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 21.79 ล้านบาท ลดลงประมาณ 8.25 ล้านบาทหรือ
คิดเป็นร้อยละ 27.46 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้น 257.63 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 139 โดยเพิ่มขึ้นจากรายได้งานก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน
171.67 ล้านบาท และจากรายได้งานฐานรากเป็นจำนวนเงิน 85.96 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 46.35
ของรายได้รับจ้างงานฐานราก ซึ่งเป็นผลจากการรับงานภาคเอกชน
ที่มีค่าวัสดุรวมอยู่ด้วย
2. อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในงวดเก้าเดือนปี 2549 จะอยู่ที่ร้อยละ 11.59 ในขณะที่งวดเดียวกัน
ของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 28.55 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของงานก่อสร้างอยู่ที่ร้อยละ 7.87 ส่วนงานฐานรากอยู่ที่ร้อยละ 13.95
ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 28.55 ซึ่งเป็นผลจากการรับงานที่รวมค่าวัสดุ (เหล็กและคอนกรีต) และงานที่
ต่อเนื่องจากปีก่อนตามที่กล่าวข้างต้น
3. ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.05 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการจ้างบุคลากรในระดับต่างๆเพิ่มมากขึ้น มีผลให้
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาทและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายบดินทร์ แสงอารยะกุล)
กรรมการรองผู้จัดการ
เอ รึมันจะเป็นได้แค่เงาไปเรื่อยๆ
สรุปผลการดำเนินงานของบจ.ไตรมาสที่3(F45-1)
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน)
สอบทาน
สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน (หน่วย : พันบาท)
ไตรมาสที่ 3 งวด 9 เดือน
ปี 2549 2548 2549 2548
กำไร (ขาดทุน) สุทธิ 5,021 10,853 21,791 30,044
กำไร (ขาดทุน) สุทธิต่อหุ้น (บาท) 0.03 0.09 0.15 0.29
เลขที่ PL-ADM-056/06
วันที่ 13 พฤศจิกายน 2549
เรื่อง ชี้แจงผลการดำเนินงานสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549
เรียน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) ขอชี้แจงผลประกอบการสำหรับงวดสามเดือนและเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 ดังนี้
บริษัทฯมีกำไรสุทธิงวดสามเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 5.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในงวดเดียวกันของ
ปี 2548 เท่ากับ 10.85 ล้านบาท ลดลง 5.83 ล้านบาท หรือร้อยละ 53.73 ซึ่งมีผลแตกต่างมากกว่าร้อยละ 20 เมื่อเปรียบ
เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนตามรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้นประมาณ 28.46 ล้านบาทซึ่งเป็นผลจากมีรายได้งานก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน 12.95 ล้านบาท
ส่วนรายได้งานฐานรากนั้นเพิ่มขึ้นประมาณ 15.51 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 19.54 ของรายได้จากการรับจ้างงานฐานราก
โดยงานด้านฐานรากนั้น บริษัทฯได้รับงานของภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่งานภาคเอกชนจะเป็นงานที่มีวัสดุ (เหล็กและคอนกรีต)
ในขณะที่งานส่วนใหญ่ของปี 2548 จะเป็นงานภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯจะรับผิดชอบเฉพาะค่าแรงและเครื่องจักร
2. สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้รับจ้างลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในไตรมาส 3 ปี 2549 มีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 13.99
(ไตรมาส 3 ปี 2548 เท่ากับร้อยละ 25.94) เนื่องจากงานก่อสร้างมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 7.75 ส่วนงานฐาน
รากมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 14.85 (ไตรมาส 3 ปี 2548 เท่ากับร้อยละ 25.94) ซึ่งลดลงจากปีก่อน เนื่องจากอัตรา
กำไรขั้นต้นของงานเฉพาะค่าแรงจะสูงกว่างานที่มีค่าวัสดุรวมอยู่ด้วย นอกจากนี้งานภาครัฐที่ดำเนินการต่อเนื่องมาจากปีก่อนได้รับผลกระทบ
จากราคาน้ำมันและค่าวัสดุต่างๆที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย
3. นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสูงขึ้นประมาณ 2.18 ล้านบาท เนื่องจากมีการจ้างบุคลากรในระดับต่างๆ
เพิ่มมากขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นๆ เพิ่มขึ้นด้วย
สำหรับกำไรสุทธิสำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2549 เท่ากับ 21.79 ล้านบาท ลดลงประมาณ 8.25 ล้านบาทหรือ
คิดเป็นร้อยละ 27.46 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. รายได้จากการรับจ้างเพิ่มขึ้น 257.63 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 139 โดยเพิ่มขึ้นจากรายได้งานก่อสร้างเป็นจำนวนเงิน
171.67 ล้านบาท และจากรายได้งานฐานรากเป็นจำนวนเงิน 85.96 ล้านบาทหรือคิดเป็นร้อยละ 46.35
ของรายได้รับจ้างงานฐานราก ซึ่งเป็นผลจากการรับงานภาคเอกชน
ที่มีค่าวัสดุรวมอยู่ด้วย
2. อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยในงวดเก้าเดือนปี 2549 จะอยู่ที่ร้อยละ 11.59 ในขณะที่งวดเดียวกัน
ของปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 28.55 เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นของงานก่อสร้างอยู่ที่ร้อยละ 7.87 ส่วนงานฐานรากอยู่ที่ร้อยละ 13.95
ซึ่งลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 28.55 ซึ่งเป็นผลจากการรับงานที่รวมค่าวัสดุ (เหล็กและคอนกรีต) และงานที่
ต่อเนื่องจากปีก่อนตามที่กล่าวข้างต้น
3. ส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น 6.05 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการจ้างบุคลากรในระดับต่างๆเพิ่มมากขึ้น มีผลให้
ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบุคลากรเพิ่มขึ้น 3.1 ล้านบาทและค่าเสื่อมราคาทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาท
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ
ขอแสดงความนับถือ
(นายบดินทร์ แสงอารยะกุล)
กรรมการรองผู้จัดการ
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 2
น่าจะเปลี่ยนชื่อนะ "ภัยร้อน" ฟังดูไม่ค่อยดี
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 4
ขอขยายความนิดหนึ่งครับ ไม่ใช่pylon ดีหรือไม่ดี แต่naris เขียน:จงโปรดศึกษา ก่อนการลงทุน
"จงลงทุนในธุรกิจ ไม่ใช่ยึดติดกับราคาหุ้น"
คุณซื้อมาเพราะอะไร และขายเพราะอะไร ถ้ายังตอบไม่ได้ จงอย่าซื้อและอย่าขาย
ถ้าคุณดูกราฟ ก็ควรดูแต่แนวรับแนวต้าน
ถ้าคุณซื้อเก็งกำไรผลประกอบการ ผลออกก็ต้องขาย
ถ้าคุณมั่นใจในพื้นฐานดูงบการเงินและเทรนธุรกิจ คุณก็ควรถือ ลงมาก็ซื้อพิ่ม
ปล.ผมไม่เคยไปดูโครงสร้างธุรกิจตัวนี้ เลยให้ความเห็นไม่ได้ครับ
ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- Verified User
- โพสต์: 133
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 7
เอาแบบงูๆปลาๆ...
ก็ pylon เดิมทีเน้นงานที่อิงกับรัฐซะเกือบทั้งหมด เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล เลยสะดุด ไปมาก ประกอบกับเดิมทีส่วนใหญ่จะรับเฉพาะค่าแรงและเครื่องจักร ทำให้อัตรากำไรค่อนข้างต่ำ แม้ยอดขายจะสูงกว่าเดิมมากก็ตาม
ต่อมา pylon เองก็ปรับตัวเริ่มรับงานเอกชนมากขึ้น แตกไลน์การผลิตมากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย ในปีหน้าน่าสนใจทีเดียวว่าจะไปได้ดีแค่ไหน ถ้าให้เดาก็น่าจะมีอัตราเติบโตทั้งยอดขายและกำไรค่อนข้างดี เพราะคาดว่าปริมาณงานในประเทศจะมากขึ้น มีส่วนทำให้ pylon ได้รับผลดีด้วย และเมื่อฐานเดิมมันเล็กๆ ย่อมสะท้อนให้อัตราเติบโตจะสูง
คุณภาพกำไรก็น่าจะดีขึ้น เพราะเดิมซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ(ขอไม่ขยายความ)ที่หมดไปกับการรับงานรัฐบาลในอดีตก็จะน้อยลง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
ก็ pylon เดิมทีเน้นงานที่อิงกับรัฐซะเกือบทั้งหมด เมื่อมีการเปลี่ยนรัฐบาล เลยสะดุด ไปมาก ประกอบกับเดิมทีส่วนใหญ่จะรับเฉพาะค่าแรงและเครื่องจักร ทำให้อัตรากำไรค่อนข้างต่ำ แม้ยอดขายจะสูงกว่าเดิมมากก็ตาม
ต่อมา pylon เองก็ปรับตัวเริ่มรับงานเอกชนมากขึ้น แตกไลน์การผลิตมากขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย ในปีหน้าน่าสนใจทีเดียวว่าจะไปได้ดีแค่ไหน ถ้าให้เดาก็น่าจะมีอัตราเติบโตทั้งยอดขายและกำไรค่อนข้างดี เพราะคาดว่าปริมาณงานในประเทศจะมากขึ้น มีส่วนทำให้ pylon ได้รับผลดีด้วย และเมื่อฐานเดิมมันเล็กๆ ย่อมสะท้อนให้อัตราเติบโตจะสูง
คุณภาพกำไรก็น่าจะดีขึ้น เพราะเดิมซึ่งอาจจะมีค่าใช้จ่ายพิเศษ(ขอไม่ขยายความ)ที่หมดไปกับการรับงานรัฐบาลในอดีตก็จะน้อยลง
โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
-
- Verified User
- โพสต์: 2938
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 10
อย่างว่าเป็นที่สองก็อย่างนี้แหละครับEto Demerzel เขียน: อืมม์ ดูเหมือนนโยบายจะตรงข้ามกับ uec เลยแฮะ
การจะเสียบที่หนึ่งให้ได้ ก็ต้องสู้ราคา
ราคาสู้ได้แต่ต้นทุนสู้ไม่ไหว
เพราะธุรกิจพวกนี้ เวลาซื้อของต้องใช้วอลุ่มเข้าช่วย
แล้วยังต้องหาจังหวะที่ดีในการซื้อด้วย
แต่ไง ไตรมาสที่จะถึง ผมว่าน่าจะสภาพใกล้เคียงกัน 555
เฝ้าดูไป โดยใจที่เป็นกลาง
-
- Verified User
- โพสต์: 1477
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 11
พ่อผมทำงานเป็น Consultant บริษัทก่อสร้าง สอนผมว่า
พวกทำฐานรากเนี่ยระยะเวลางานสั้น ไม่กี่เดือนก็จบ 1 job
ถ้างานขาดช่วงขึ้นมา ก็ขาดใจตาย อย่าง pylon เองก็เคยมีปัญหามาแล้ว และช่วงนี้งานก่อสร้างไม่ค่อยมี ดูได้จาก LH พยายามปล่อย stock ออก เก็บเงินสดไว้
ปกติไม่ค่อยเชื่อพ่อเท่าไหร่ :oops: แต่งานนี้ขอรับฟังไว้
ผมว่าข่าวจากคนรอบตัว กับข่าวในหนังสือพิมพ์บางทีต่างกันคนละเรื่องเลย จะให้เชื่อใครดีเนี่ย
พวกทำฐานรากเนี่ยระยะเวลางานสั้น ไม่กี่เดือนก็จบ 1 job
ถ้างานขาดช่วงขึ้นมา ก็ขาดใจตาย อย่าง pylon เองก็เคยมีปัญหามาแล้ว และช่วงนี้งานก่อสร้างไม่ค่อยมี ดูได้จาก LH พยายามปล่อย stock ออก เก็บเงินสดไว้
ปกติไม่ค่อยเชื่อพ่อเท่าไหร่ :oops: แต่งานนี้ขอรับฟังไว้
ผมว่าข่าวจากคนรอบตัว กับข่าวในหนังสือพิมพ์บางทีต่างกันคนละเรื่องเลย จะให้เชื่อใครดีเนี่ย
I do not sleep. I dream.
- Muffin
- Verified User
- โพสต์: 874
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 12
Pylon ทำเข็มเจาะครับ บ้าน LH ใช้เข็มตอกขนาดเล็ก
งานคนละ scale กันเลยครับ
เรื่องฟันราคาเป็นเรื่องปรกติในการรับงานรัฐ
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เรื่อง connection เป็นเรื่องปรกติ
งานเข็มเจาะและ diaphragm wall อย่างที่ seafco หรือ pylon ทำ จะมีเยอะเมื่อมีงานตึกสูง อาคารขนาดใหญ่ หรือ Mass Transit เยอะ
งานเข็มเป็นงานแรกๆ ต่างจากงานระบบ ซึ่งเข้าหลังสุด
ไอ้เรื่องระยะรับงานสั้น มีทั้งดีและเสีย
ต้นทุน ส่วนมากเป็นเหล็ก และเครื่องจักร (น้ำมัน)
ไอ้พวกคอนโดที่ขายกันไปเยอะๆเนี่ย ยังไม่ได้สร้างหลายตึกนะ คงสร้างกันปีหน้ามั้งครับ.....
Post สาระบ้าง เดี๋ยวหาว่า ไม่มี
งานคนละ scale กันเลยครับ
เรื่องฟันราคาเป็นเรื่องปรกติในการรับงานรัฐ
ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เรื่อง connection เป็นเรื่องปรกติ
งานเข็มเจาะและ diaphragm wall อย่างที่ seafco หรือ pylon ทำ จะมีเยอะเมื่อมีงานตึกสูง อาคารขนาดใหญ่ หรือ Mass Transit เยอะ
งานเข็มเป็นงานแรกๆ ต่างจากงานระบบ ซึ่งเข้าหลังสุด
ไอ้เรื่องระยะรับงานสั้น มีทั้งดีและเสีย
ต้นทุน ส่วนมากเป็นเหล็ก และเครื่องจักร (น้ำมัน)
ไอ้พวกคอนโดที่ขายกันไปเยอะๆเนี่ย ยังไม่ได้สร้างหลายตึกนะ คงสร้างกันปีหน้ามั้งครับ.....
Post สาระบ้าง เดี๋ยวหาว่า ไม่มี
-
- Verified User
- โพสต์: 656
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 14
แต่ผู้บริหารให้ข่าวว่าเป็นแนวโน้มที่ดีขึ้นครับ...
น่าสนใจๆ วิกฤตหรือโอกาส?
Update/PYLON คุยผลงาน Q3/49 ฟื้นจากจุดต่ำสุด
ชี้ปัญหาต้นทุนพุ่งเริ่มคลี่คลายหนุนกำไรดีต่อเนื่อง
PYLON ยิ้มผลงาน Q3/49 ฟื้นจากจุดต่ำสุด ชี้ปัญหาต้นทุนพุ่งเริ่มคลี่คลายหนุนกำไรดีต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทสามารถปรับแผนการดำเนินงาน
ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที เชื่อจากนี้แนวโน้มรายได้เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับเหตุราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มนิ่ง น้ำมันลด และงานรัฐเริ่มเปิดประมูลรอบใหม่
มั่นใจจะเห็นการเติบโตชัดตั้งแต่ปี 50 ส่วนปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ระดับ 500-600 ล้านบาท
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือPYLON กล่าวถึงประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2549 ว่า มีกำไรสุทธิ 5.02 ล้านบาท
ลดลง 53.73% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2548 ที่มีกำไร10.85 ลบ. ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไร 21.79 ลบ. ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้กำไรของ PYLON ลดลง เกิดจากราคาวัสดุก่อสร้างและ
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนการก่อสร้างปรับเพิ่มสูงขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 กับไตรมาสที่ 2/2549 พบว่ากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่ม 1.43 ล้านบาท หรือ 39.83% เนื่องจากอัตรากำไร
ขั้นต้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 13.99% มีการปรับสูงขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 8.61 % ซึ่งเกิดจากงานเก่าที่จบลง และการปรับราคาขายของงานใหม่ให้เหมาะสมกับต้นทุน นอกจากนี้
ยังเป็นผลจากนโยบายการบริหารจัดการภายในที่เน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ถือว่าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากไตรมาส 2 ของปีนี้ถือเป็นช่วงที่ผลประกอบการของ PYLON อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแล้ว และค่อยๆ
ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 และจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส4 เพราะนอกจากเราจะปรับนโยบายการบริหารจัดการภายในที่เน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น สามารถปรับราคาขายงานใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริงแล้ว ต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มมีเสถียรภาพและราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงก็ถือว่าเป็นผลดีที่หนุนให้ผลประกอบการของ
บริษัทฯปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับดังกล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้ PYLON ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2549 ยังคงเดิมที่ระดับ 500-600 ล้านบาท เทียบกับปี 2548 ที่ 290 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า80 %
เขากล่าวต่อว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมางานส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นงานภาครัฐ แต่ในปี 2549 งานภาครัฐเริ่มสะดุดจากภาวะทางการเมือง จึงเป็นโอกาสที่ทำให้บริษัทได้
มีการขยายฐานงานไปสู้ภาคเอกชนมากขึ้น ดังนั้นภายหลังจากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย และคาดว่าในปี 2550 งานของภาครัฐจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปีที่ดีของ
PYLON ที่จะทำให้มีทั้งงานภาครัฐและเอกชนหนุนเข้ามาพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้งานปรับปรุงคุณภาพดินซึ่งล่าช้ามากว่า 7-8 เดือนจากปัญหาการเวนคืนที่ก็ได้เริ่มทำงานแล้วในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้มีการใช้กำลังผลิตของเครื่องจักร
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินอย่างเต็มกำลังตลอดปี 2550 ซึ่งคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างชัดเจนในปี 2550
ส่วนแผนงานในอนาคต บริษัทเตรียมบุกตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากงานเสาเข็มเจาะที่เป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน ด้วยการขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มในงานระบบชิ้นส่วน
คอนกรีตสำเร็จรูป (Prefabricated Concrete System) ซึ่งเป็นระบบก่อสร้างโดยการหล่อชิ้นส่วนต่างๆ เช่น เสา, คาน, พื้น, ผนัง, บันได ขึ้นมาแล้วยกติดตั้งซึ่งทำให้งานก่อสร้างทำ
ได้รวดเร็วขึ้นและน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเสริมให้ผลประกอบการของบริษัทโดดเด่นยิ่งขึ้น
น่าสนใจๆ วิกฤตหรือโอกาส?
Update/PYLON คุยผลงาน Q3/49 ฟื้นจากจุดต่ำสุด
ชี้ปัญหาต้นทุนพุ่งเริ่มคลี่คลายหนุนกำไรดีต่อเนื่อง
PYLON ยิ้มผลงาน Q3/49 ฟื้นจากจุดต่ำสุด ชี้ปัญหาต้นทุนพุ่งเริ่มคลี่คลายหนุนกำไรดีต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทสามารถปรับแผนการดำเนินงาน
ให้เข้ากับสถานการณ์ได้ทันท่วงที เชื่อจากนี้แนวโน้มรายได้เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับเหตุราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มนิ่ง น้ำมันลด และงานรัฐเริ่มเปิดประมูลรอบใหม่
มั่นใจจะเห็นการเติบโตชัดตั้งแต่ปี 50 ส่วนปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ระดับ 500-600 ล้านบาท
นายชเนศวร์ แสงอารยะกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพลอน จำกัด (มหาชน) หรือPYLON กล่าวถึงประกอบการประจำไตรมาสที่ 3/2549 ว่า มีกำไรสุทธิ 5.02 ล้านบาท
ลดลง 53.73% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2548 ที่มีกำไร10.85 ลบ. ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไร 21.79 ลบ. ทั้งนี้สาเหตุที่ทำให้กำไรของ PYLON ลดลง เกิดจากราคาวัสดุก่อสร้างและ
ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งทำให้ต้นทุนการก่อสร้างปรับเพิ่มสูงขึ้นไปในทิศทางเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2549 กับไตรมาสที่ 2/2549 พบว่ากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่ม 1.43 ล้านบาท หรือ 39.83% เนื่องจากอัตรากำไร
ขั้นต้นในไตรมาส 3 อยู่ที่ 13.99% มีการปรับสูงขึ้นจากไตรมาส 2 ซึ่งอยู่ที่ 8.61 % ซึ่งเกิดจากงานเก่าที่จบลง และการปรับราคาขายของงานใหม่ให้เหมาะสมกับต้นทุน นอกจากนี้
ยังเป็นผลจากนโยบายการบริหารจัดการภายในที่เน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ถือว่าเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากไตรมาส 2 ของปีนี้ถือเป็นช่วงที่ผลประกอบการของ PYLON อยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดแล้ว และค่อยๆ
ฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 3 และจะต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส4 เพราะนอกจากเราจะปรับนโยบายการบริหารจัดการภายในที่เน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพ
มากขึ้น สามารถปรับราคาขายงานใหม่ให้สอดคล้องกับต้นทุนที่เป็นจริงแล้ว ต้นทุนวัตถุดิบที่เริ่มมีเสถียรภาพและราคาน้ำมันที่เริ่มลดลงก็ถือว่าเป็นผลดีที่หนุนให้ผลประกอบการของ
บริษัทฯปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับดังกล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานปีนี้ PYLON ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 2549 ยังคงเดิมที่ระดับ 500-600 ล้านบาท เทียบกับปี 2548 ที่ 290 ล้านบาท ซึ่งน่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า80 %
เขากล่าวต่อว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมางานส่วนใหญ่ของบริษัทจะเป็นงานภาครัฐ แต่ในปี 2549 งานภาครัฐเริ่มสะดุดจากภาวะทางการเมือง จึงเป็นโอกาสที่ทำให้บริษัทได้
มีการขยายฐานงานไปสู้ภาคเอกชนมากขึ้น ดังนั้นภายหลังจากปัญหาการเมืองเริ่มคลี่คลาย และคาดว่าในปี 2550 งานของภาครัฐจะกลับมาสู่ภาวะปกติ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นปีที่ดีของ
PYLON ที่จะทำให้มีทั้งงานภาครัฐและเอกชนหนุนเข้ามาพร้อม ๆ กัน
นอกจากนี้งานปรับปรุงคุณภาพดินซึ่งล่าช้ามากว่า 7-8 เดือนจากปัญหาการเวนคืนที่ก็ได้เริ่มทำงานแล้วในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะทำให้มีการใช้กำลังผลิตของเครื่องจักร
สำหรับงานปรับปรุงคุณภาพดินอย่างเต็มกำลังตลอดปี 2550 ซึ่งคาดว่าปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทอย่างชัดเจนในปี 2550
ส่วนแผนงานในอนาคต บริษัทเตรียมบุกตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากงานเสาเข็มเจาะที่เป็นธุรกิจหลักในปัจจุบัน ด้วยการขยายผลิตภัณฑ์เพิ่มในงานระบบชิ้นส่วน
คอนกรีตสำเร็จรูป (Prefabricated Concrete System) ซึ่งเป็นระบบก่อสร้างโดยการหล่อชิ้นส่วนต่างๆ เช่น เสา, คาน, พื้น, ผนัง, บันได ขึ้นมาแล้วยกติดตั้งซึ่งทำให้งานก่อสร้างทำ
ได้รวดเร็วขึ้นและน่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นอีกช่องทางที่ช่วยเสริมให้ผลประกอบการของบริษัทโดดเด่นยิ่งขึ้น
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 15
อ่านข้างต้นแล้วทำให้รู้สึกว่า บ. ไม่สามารถจัดการกับความเสี่ยงที่เป็นปัจจัยภายนอกอย่างเช่น ราคาน้ำมัน ราคาวัสดุก่อสร้างได้เลย ถ้าส่งเหล่านั้นเอื้อต่อ บ. ก็ดีไป แต่ถ้าป็นในทางตรงกันข้าง บ. ก็ไม่สามารถจัดการ (ลดผลกระทบอะไรได้มากนัก-ทั้งสิ้น หรือเปล่า) และที่บอกว่าจะปรับการจัดการภายในให้เน้นการใช้ทรัพยากรต่างๆให้มีประสิทธิภาพ (คงต้องไปดูงบเพิ่มว่ามีอะไรที่แสดงถึงที่ว่าตรงนี้ไหม) เท่าที่ดูคร่าวๆ ยังไม่มี
ขอถามความรู้เพิ่มเติมครับ ทำไมในขณะที่ seafco สามารถรักษา-เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ ขณะที่ pylon ทำไม่ได้ ทั้งที่ทั้งคู่ต้องเจอภาวะปัจจัยภายนอกเช่นราคานำมัน และค่าวัสดุก่อสรางที่เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
ขอถามความรู้เพิ่มเติมครับ ทำไมในขณะที่ seafco สามารถรักษา-เพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นไว้ได้ ขณะที่ pylon ทำไม่ได้ ทั้งที่ทั้งคู่ต้องเจอภาวะปัจจัยภายนอกเช่นราคานำมัน และค่าวัสดุก่อสรางที่เพิ่มขึ้นเหมือนกัน
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 17
seafco ยอดขาย 9 เดือน เทียบ 48/49 เพิ่มจาก 838 ลบ. เป็น 1,684 ลบ.(โต 200%) กำไรสุทธิเพิ่มจาก 46 เป็น 132 ลบ. (โต 287%)
pylon ยอดขาย 9 เดือน เทียบ 48/49 เพิ่มจาก 192 ลบ. เป็น 445 ลบ. (โต 232%) กำไรสุทธิลดจาก 30 เป็น 21 ลบ. (ลดลง 42%)
ไม่รู้ซิครับ แต่ถ้าเป็นเพราะ economy fo scale จริง pylon ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ก็น่าจะได้ประโยชน์จาก scale ที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
หรือเป็นเพราะ
1. ชอบประมูลงานราคาต่ำ แล้วกะมาหาวัตถุดิบราคาถูก แต่หาไม่ได้ (ตามที่คณ nanchan post)
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง มันบอกอะไรเรา ????
2. เพราะว่า seafco เป็นเบอร์ 1 ในตลาด ทำให้มี connection กับ supplier ที่มากกว่า มีอำนาจต่อรองราคาวัตถุดิบมากกว่า
คงต้องกลับไปดูความแตกต่างของ ทั้ง 2 บ. นี้เพิ่มเติม
รบกวน เพื่อนๆ พี่ๆ ช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
เออ พอมีใครจะรู้เรื่องธรรมาภิบาลของผู้บริหารของ pylon ไหมครับ
pylon ยอดขาย 9 เดือน เทียบ 48/49 เพิ่มจาก 192 ลบ. เป็น 445 ลบ. (โต 232%) กำไรสุทธิลดจาก 30 เป็น 21 ลบ. (ลดลง 42%)
ไม่รู้ซิครับ แต่ถ้าเป็นเพราะ economy fo scale จริง pylon ที่มียอดขายเพิ่มขึ้น ก็น่าจะได้ประโยชน์จาก scale ที่เพิ่มขึ้นด้วยนะครับ
หรือเป็นเพราะ
1. ชอบประมูลงานราคาต่ำ แล้วกะมาหาวัตถุดิบราคาถูก แต่หาไม่ได้ (ตามที่คณ nanchan post)
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง มันบอกอะไรเรา ????
2. เพราะว่า seafco เป็นเบอร์ 1 ในตลาด ทำให้มี connection กับ supplier ที่มากกว่า มีอำนาจต่อรองราคาวัตถุดิบมากกว่า
คงต้องกลับไปดูความแตกต่างของ ทั้ง 2 บ. นี้เพิ่มเติม
รบกวน เพื่อนๆ พี่ๆ ช่วยให้ความรู้เพิ่มเติมด้วยครับ
เออ พอมีใครจะรู้เรื่องธรรมาภิบาลของผู้บริหารของ pylon ไหมครับ
- tatandchin
- Verified User
- โพสต์: 775
- ผู้ติดตาม: 0
คิดยังไงกับ pylon ครับ
โพสต์ที่ 20
การที่ margin ต่ำ มี 3 สาเหตุ
1. รับงานราคาต่ำ
2. ราคาวัตถุดิบสูง
3. ทั้ง 2 อย่าง
เท่าที่ฟังจากพี่ ๆ ที่ web น่าจะมีสาเหตุจากการรับงานราคาต่ำ (ทำให้ margin ต่ำกว่า seafco) ในขณะที่ ทางผู้บริหารให้เหตุผลเรื่องราคาวัตถุดิบที่สูง (ทำให้ margin ต่ำกว่าที่เคยเป็น)
แสดงว่าในทัศนะของผู้บริหาร จะยังคงรับงานราคาต่ำ (กว่า seafco) ต่อไป และปล่อยให้มูลค่างานปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดเอง หรือก็คือ margin จะดีขึ้นเนื่องจาก มูลค่างานจะสูงขึ้นตามตลาด (จากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น) แต่ยังคงรับงานที่มีมูลค่าต่ำกว่า seafco (หรือเปล่า)
ถ้าใช่ ผมว่าผู้บริหาร pylon ควรมีการปรับมุมมมองใหม่เพื่อให้แข่งกับ seafcoได้มากกว่านี้ (เหมือนไม่พยายามแข่ง หรือแข่งไม่ได้) หรือไม่
เพื่อนๆ พี่ ๆ ท่านอื่นๆ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ
1. รับงานราคาต่ำ
2. ราคาวัตถุดิบสูง
3. ทั้ง 2 อย่าง
เท่าที่ฟังจากพี่ ๆ ที่ web น่าจะมีสาเหตุจากการรับงานราคาต่ำ (ทำให้ margin ต่ำกว่า seafco) ในขณะที่ ทางผู้บริหารให้เหตุผลเรื่องราคาวัตถุดิบที่สูง (ทำให้ margin ต่ำกว่าที่เคยเป็น)
แสดงว่าในทัศนะของผู้บริหาร จะยังคงรับงานราคาต่ำ (กว่า seafco) ต่อไป และปล่อยให้มูลค่างานปรับเพิ่มขึ้นตามราคาตลาดเอง หรือก็คือ margin จะดีขึ้นเนื่องจาก มูลค่างานจะสูงขึ้นตามตลาด (จากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น) แต่ยังคงรับงานที่มีมูลค่าต่ำกว่า seafco (หรือเปล่า)
ถ้าใช่ ผมว่าผู้บริหาร pylon ควรมีการปรับมุมมมองใหม่เพื่อให้แข่งกับ seafcoได้มากกว่านี้ (เหมือนไม่พยายามแข่ง หรือแข่งไม่ได้) หรือไม่
เพื่อนๆ พี่ ๆ ท่านอื่นๆ มีความเห็นอย่างไรบ้างครับ