Buy & Hold is Wrong ???
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 1
เพิ่งเห็นกระทู้"มีคนไม่เห็นด้วยกับวอเรน บัฟเฟ็ตต์"ที่ taladhoon เห็นพูดคุยกันหลากหลายดี และตอนนี้เงียบไปแล้ว ผมอยากแสดงความคิดเห็นบ้าง
ในเรื่องพูดถึง warren Buffett ที่รวยมาจากการเข้าซื้อกิจการที่กำลังแย่และครอบงำการบริหาร ไม่ได้รวยมาจากการการลงทุนที่เลือกบริษัทที่ดี
ผมมองต่างจากท่านเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง การที่บริษัทที่กำลังแย่แต่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อนั้นมีน้อยแต่มีซึ่ง Buffettเห็น และเลือกลงทุน และเท่าที่สังเกตุBuffettไม่ต้องการเข้าไปเปลี่ยนตัวผู้บริหาร หรือเจ้าของที่บริหารนะครับ เขาชอบที่จะให้ทีมบริหารเดิมทำงานต่อดังเดิม เขาจะเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดี ผู้บริหารเก่งและซื่อสัตย์ และจะถือยาวเพราะการลงทุนในหุ้นคือการเป็นเจ้าของ หากคุณต้องการถือสั้นๆคุณควรลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าเพราะนั้นคุณมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ และคุณสามารถหาส่วนต่างได้จากการผันผวนของดอกเบี้ยและเสี่ยงน้อยกว่านะครับ
ในเรื่องพูดถึง warren Buffett ที่รวยมาจากการเข้าซื้อกิจการที่กำลังแย่และครอบงำการบริหาร ไม่ได้รวยมาจากการการลงทุนที่เลือกบริษัทที่ดี
ผมมองต่างจากท่านเหล่านั้นโดยสิ้นเชิง การที่บริษัทที่กำลังแย่แต่มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจต่อนั้นมีน้อยแต่มีซึ่ง Buffettเห็น และเลือกลงทุน และเท่าที่สังเกตุBuffettไม่ต้องการเข้าไปเปลี่ยนตัวผู้บริหาร หรือเจ้าของที่บริหารนะครับ เขาชอบที่จะให้ทีมบริหารเดิมทำงานต่อดังเดิม เขาจะเลือกบริษัทที่มีผลการดำเนินงานดี ผู้บริหารเก่งและซื่อสัตย์ และจะถือยาวเพราะการลงทุนในหุ้นคือการเป็นเจ้าของ หากคุณต้องการถือสั้นๆคุณควรลงทุนในตราสารหนี้มากกว่าเพราะนั้นคุณมีฐานะเป็นเจ้าหนี้ และคุณสามารถหาส่วนต่างได้จากการผันผวนของดอกเบี้ยและเสี่ยงน้อยกว่านะครับ
- Meeja
- Verified User
- โพสต์: 333
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 2
ความเห็นของเฮีย Mon money ทำให้การกระทำของมนุษย์ทั่วๆ ไป
ผิดแปลกไปเลยนะครับ
โดยปกติมนุษย์จะถือหุ้นช่วงสั้น
และถือตราสารหนี้ยาวกว่าถือหุ้น
ผมไม่มีความรู้เรื่องตราสารหนี้เลย
แต่สงสัยว่าทำไมเฮียถึงคิดว่าการถือตราสารหนี้ยาวกว่าถือหุ้น เป็นเรื่องที่เสี่ยงกว่าครับ?
ส่วนเรื่องการถือหุ้นช่วงยาวมากๆๆ
Warren Buffett และ VI ท่านอื่นๆ พิสูจน์ไว้ดีแล้ว ในความคิดผม
ผิดแปลกไปเลยนะครับ
โดยปกติมนุษย์จะถือหุ้นช่วงสั้น
และถือตราสารหนี้ยาวกว่าถือหุ้น
ผมไม่มีความรู้เรื่องตราสารหนี้เลย
แต่สงสัยว่าทำไมเฮียถึงคิดว่าการถือตราสารหนี้ยาวกว่าถือหุ้น เป็นเรื่องที่เสี่ยงกว่าครับ?
ส่วนเรื่องการถือหุ้นช่วงยาวมากๆๆ
Warren Buffett และ VI ท่านอื่นๆ พิสูจน์ไว้ดีแล้ว ในความคิดผม
-
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong!
โพสต์ที่ 3
สวัสดีครับ เฮีย Mon
ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก็นาน อยากแวะมาทำความรู้จักเล็กน้อยและก็ขออธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ
ผมเป็นคน post กระทู้ที่ว่าเองเพื่อจุดประกายความคิดของคนที่เรียกตัวเองว่า VI ทั้งหลาย ประเภทรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครานั่นแหละครับ
ผมไม่ได้ว่าวอเรนเปลี่ยนผู้บริหารนะครับ เขาเข้าเทคโอเว่อร์แล้วตั้ง target ให้ผู้บริหารชุดเดิมทำ ส่วนตัวเองก็เอา cash reserve ของบริษัทไปหมุนให้งอกงามเร็วกว่าฝากแบงก์หรือปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือ เช่นไปซื้อบริษัทอื่นที่กิจการดีแต่ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นต้น
ถ้าเทียบกับตลาดบ้านเรา เหมือนกับถ้าแกเห็นว่าหุ้นบริษัทประกันแห่งหนึ่งมี cash reserve สูงมาก ราคาต่ำต้อย และปันผลนิดเดียว ส่วนบริษัทประกันก็เอา cash reserve ไปลงทุนสะเปะสะปะ ได้กำไรมากกว่าที่ให้ผู้เอาประกันไม่มาก แกก็เข้าซื้อทั้งบริษัทเลยครับ แล้วเอาเงินไปลงทุนต่อ เหมือนเอาเงินไปซื้อเงินแหละครับ
ที่บอกว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับวอเร็น จริงๆแล้วผมจะบอกว่า มีคนไม่เห็นด้วยกับ "Buffettology" ที่เขียนขายกันโครมๆโดยที่วอเร็นเองได้แต่ยิ้มเล็กๆ เวลาคนถามว่าแกลงทุนยังไง แต่ตั้งหัวข้อแบบนี้มันเรียกร้องความสนใจได้มากกว่าครับ
วอเร็นไม่ได้ซื้อเพื่อถืออย่างที่คนส่วนมากตีความ แกซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในช่องทางที่คนอื่นมองไม่เห็นครับ
ไอ้ที่บอกว่าวอเร็นไม่ขายก็ไม่จริงครับ คนส่วนมากคิดไปเองว่าแกไม่ขาย ดร.นิเวศน์พูดเหมือนแกจะไม่ขายหุ้น แต่แกก็บอกแล้วว่าขายเหมือนกันถ้าถูกเจ้าของ takeover ลุงขวดก็ขายครับ แกบอกเอง (ขอพาดพิง)
เพราะฉะนั้นอย่ามาบอกว่า VI ไม่ขาย ประเด็นคือทุกคนต้องขายแหละครับ อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่และที่ราคาเท่าใด
Everyone has his price.
ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก็นาน อยากแวะมาทำความรู้จักเล็กน้อยและก็ขออธิบายเพิ่มเติมด้วยครับ
ผมเป็นคน post กระทู้ที่ว่าเองเพื่อจุดประกายความคิดของคนที่เรียกตัวเองว่า VI ทั้งหลาย ประเภทรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครานั่นแหละครับ
ผมไม่ได้ว่าวอเรนเปลี่ยนผู้บริหารนะครับ เขาเข้าเทคโอเว่อร์แล้วตั้ง target ให้ผู้บริหารชุดเดิมทำ ส่วนตัวเองก็เอา cash reserve ของบริษัทไปหมุนให้งอกงามเร็วกว่าฝากแบงก์หรือปล่อยกู้ให้บริษัทในเครือ เช่นไปซื้อบริษัทอื่นที่กิจการดีแต่ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง เป็นต้น
ถ้าเทียบกับตลาดบ้านเรา เหมือนกับถ้าแกเห็นว่าหุ้นบริษัทประกันแห่งหนึ่งมี cash reserve สูงมาก ราคาต่ำต้อย และปันผลนิดเดียว ส่วนบริษัทประกันก็เอา cash reserve ไปลงทุนสะเปะสะปะ ได้กำไรมากกว่าที่ให้ผู้เอาประกันไม่มาก แกก็เข้าซื้อทั้งบริษัทเลยครับ แล้วเอาเงินไปลงทุนต่อ เหมือนเอาเงินไปซื้อเงินแหละครับ
ที่บอกว่ามีคนไม่เห็นด้วยกับวอเร็น จริงๆแล้วผมจะบอกว่า มีคนไม่เห็นด้วยกับ "Buffettology" ที่เขียนขายกันโครมๆโดยที่วอเร็นเองได้แต่ยิ้มเล็กๆ เวลาคนถามว่าแกลงทุนยังไง แต่ตั้งหัวข้อแบบนี้มันเรียกร้องความสนใจได้มากกว่าครับ
วอเร็นไม่ได้ซื้อเพื่อถืออย่างที่คนส่วนมากตีความ แกซื้อเพื่อเพิ่มมูลค่าของสินทรัพย์ในช่องทางที่คนอื่นมองไม่เห็นครับ
ไอ้ที่บอกว่าวอเร็นไม่ขายก็ไม่จริงครับ คนส่วนมากคิดไปเองว่าแกไม่ขาย ดร.นิเวศน์พูดเหมือนแกจะไม่ขายหุ้น แต่แกก็บอกแล้วว่าขายเหมือนกันถ้าถูกเจ้าของ takeover ลุงขวดก็ขายครับ แกบอกเอง (ขอพาดพิง)
เพราะฉะนั้นอย่ามาบอกว่า VI ไม่ขาย ประเด็นคือทุกคนต้องขายแหละครับ อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่และที่ราคาเท่าใด
Everyone has his price.
-
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 4
ผมเห็นด้วยกับคุณckเรื่องหุ้นทุกตัวมีเวลาที่ต้องขายเมื่อราคาเกินมูลค่าที่ควรจะเป็นของเค้า และมีเรื่องที่อยากเสริมคือชาวvi ต้องแยกให้ออกระหว่างหุ้นที่ควรถือหุ้นแบบvi(ถือยาวๆๆๆๆ)และหุ้นที่ควรถือแบบvs(ถือไว้ระยะนึง เมื่อมีกำไรพอสมควรก็ขายออก ที่อจ.นิเวศน์แนะไว้คือ30-50%) เรื่องที่ยากก็ตรงการแยกหุ้น2กลุ่มนี้แหละครับ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 5
ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ CK อย่าเรียกผมตามน้องๆพวกนั้นเลย ฟังดูแล้วแก่ๆยังไงชอบกล มาที่กระทู้ผมขอชี้แจงเพิ่มซักหน่อยนะครับ
วอร์เร็น เริ่มต้นด้วยการลงทุนตามแนวทางของBen Graham จนกระทั่งเขาเห็นว่าหุ้นในตลาดราคาสูงมากเกินความเป็นจริง เขาเลยขายหุ้นออกหมดและคืนเงินกลับแก่หุ้นส่วน หลังจากนั้นก็เขาซื้อ Berkshire และเขาซื้อหุ้นในบริษัทประกันภัยโดยเห็นว่ามีเงินสดมาก และอย่างที่คุณว่านั้นแหละเงินที่มีอยู่ไม่ได้ถูกนำไปเพิ่มมูลค่ามากอย่างที่ควรจะเป็น จึงเห็นช่องทางสร้างมูลค่าตรงนั้นและก็ทำได้ดี และยังได้เข้าซื้อกิจการอื่นๆอีกมากมายที่เขาวิเคราะห์แล้วว่ามีความสามารถในการแข่งขันที่ดีเยี่ยมและคงทน เช่น Coca-Cola
ถามว่าตัวเขาเองเก็งกำไรไหม จากประวัติเขาก็ทำถ้าเห็นว่าโอกาสได้มีความน่าจะเป็นสูง เช่นเขาเคยซื้อ Junk Bond ซื้อหุ้นGeneral Dynamic ซึ่งผลิตอาวุธสงคราม โดยพิจารณาว่าทางCEOของบริษัทนี้ได้เข้ามาปฏิรูปองค์กรใหม่ ขายแผนกที่ไม่สร้างมูลค่าในระยะยาวออกและในที่สุดมีเงินสดเหลือมากก็ซื้อหุ้นคืน เขาก็ทำกำไรจากการนั้นไปไม่น้อย ซึ่งก็ไม่ใช่การถือยาวซักเท่าไร แต่ถ้าดูบริษัทที่เขาถือยาวๆจริงๆแล้วมักจะเป็นบริษัทที่มีDurable Competitive advantage และผู้บริหารเก่งๆดีๆทั้งนั้น เช่น Coca- Cola, Gillette และอื่นๆอีกมากมาย
คราวนี้มาดูเรื่องหนังสือ Buffettology หนังสือเล่มนี้ผมอ่านนานมากแล้วละ ผมว่าเขาสรุปเกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพไว้ได้ดี แต่พอมาเรื่องเชิงปริมาณแล้วไม่ค่อยตรงใจผมเท่าไรนัก ผมว่าวอร์เร็นคิดลึกมากกว่านั้นมาก ถ้าได้อ่านก็คงยิ้มๆอย่างที่คุณว่านั้นแหละ จริงๆแล้วผมอยากแนะนำให้อ่าน The Warren Buffett Way มากกว่า ผมว่าผู้เขียนรวบรวมข้อมูลและสัมภาษณ์มาจริงๆ ทำให้ได้ข้อคิดที่ชัดเจนกว่า ส่วนตัวผมมักจะเข้าไปในเว็บไซของ Berkshire และอ่าน Reportของเขามากกว่า
สุดท้าย VIซื้อแล้วไม่ขายนั้นไม่จริงครับ บอกกันอยู่ตลอดเวลาว่าหากราคาเกินมูลค่าที่แท้จริงก็ขายครับ หากบริษัทดีแต่ราคาสูงมากเกินไปก็ไม่ซื้อ และถ้าซื้อแล้วไม่ตรงตามที่วิเคราะห์ก็ขายครับ
วอร์เร็น เริ่มต้นด้วยการลงทุนตามแนวทางของBen Graham จนกระทั่งเขาเห็นว่าหุ้นในตลาดราคาสูงมากเกินความเป็นจริง เขาเลยขายหุ้นออกหมดและคืนเงินกลับแก่หุ้นส่วน หลังจากนั้นก็เขาซื้อ Berkshire และเขาซื้อหุ้นในบริษัทประกันภัยโดยเห็นว่ามีเงินสดมาก และอย่างที่คุณว่านั้นแหละเงินที่มีอยู่ไม่ได้ถูกนำไปเพิ่มมูลค่ามากอย่างที่ควรจะเป็น จึงเห็นช่องทางสร้างมูลค่าตรงนั้นและก็ทำได้ดี และยังได้เข้าซื้อกิจการอื่นๆอีกมากมายที่เขาวิเคราะห์แล้วว่ามีความสามารถในการแข่งขันที่ดีเยี่ยมและคงทน เช่น Coca-Cola
ถามว่าตัวเขาเองเก็งกำไรไหม จากประวัติเขาก็ทำถ้าเห็นว่าโอกาสได้มีความน่าจะเป็นสูง เช่นเขาเคยซื้อ Junk Bond ซื้อหุ้นGeneral Dynamic ซึ่งผลิตอาวุธสงคราม โดยพิจารณาว่าทางCEOของบริษัทนี้ได้เข้ามาปฏิรูปองค์กรใหม่ ขายแผนกที่ไม่สร้างมูลค่าในระยะยาวออกและในที่สุดมีเงินสดเหลือมากก็ซื้อหุ้นคืน เขาก็ทำกำไรจากการนั้นไปไม่น้อย ซึ่งก็ไม่ใช่การถือยาวซักเท่าไร แต่ถ้าดูบริษัทที่เขาถือยาวๆจริงๆแล้วมักจะเป็นบริษัทที่มีDurable Competitive advantage และผู้บริหารเก่งๆดีๆทั้งนั้น เช่น Coca- Cola, Gillette และอื่นๆอีกมากมาย
คราวนี้มาดูเรื่องหนังสือ Buffettology หนังสือเล่มนี้ผมอ่านนานมากแล้วละ ผมว่าเขาสรุปเกี่ยวกับการวิเคราะห์เชิงคุณภาพไว้ได้ดี แต่พอมาเรื่องเชิงปริมาณแล้วไม่ค่อยตรงใจผมเท่าไรนัก ผมว่าวอร์เร็นคิดลึกมากกว่านั้นมาก ถ้าได้อ่านก็คงยิ้มๆอย่างที่คุณว่านั้นแหละ จริงๆแล้วผมอยากแนะนำให้อ่าน The Warren Buffett Way มากกว่า ผมว่าผู้เขียนรวบรวมข้อมูลและสัมภาษณ์มาจริงๆ ทำให้ได้ข้อคิดที่ชัดเจนกว่า ส่วนตัวผมมักจะเข้าไปในเว็บไซของ Berkshire และอ่าน Reportของเขามากกว่า
สุดท้าย VIซื้อแล้วไม่ขายนั้นไม่จริงครับ บอกกันอยู่ตลอดเวลาว่าหากราคาเกินมูลค่าที่แท้จริงก็ขายครับ หากบริษัทดีแต่ราคาสูงมากเกินไปก็ไม่ซื้อ และถ้าซื้อแล้วไม่ตรงตามที่วิเคราะห์ก็ขายครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 6
อาจารย์นิเวศน์ครับ ช่วยอนุเคราะห์ให้ความกระจ่างด้วยเถอะครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
ขอบคุณครับคุณ Mon Money
โพสต์ที่ 7
ถ้าไม่เรียกเฮียจะเรียกอะไรดีครับ?
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ เดี๋ยวผมจะลองไปดู The Warren Buffett Way บ้าง ส่วน Buffettology นั้นผมอ่านแค่ภาคแรกเท่านั้น (คือวิธีการเลือกหุ้น) ส่วนการคำนวณราคาที่เหมาะสมผมไม่สนใจ เพราะตัวเลขมันหลอกลวงได้
Report to Shareholders ของ Berkshire ผมก็อ่านบ้าง แต่ไม่รู้เรื่อง
เดี๋ยวผมจะลองสมัครสมาชิกบ้าง แล้วจะมาร่วมวงด้วยคน หวังว่าพี่ๆน้องๆชาว VI คงจะไม่ว่านะครับ คือว่าผมยังไม่ใช่ VI แต่ศึกษาอยู่ ถ้ามาสมัครสมาชิก web ThaiValueInvester.com แล้วมันเขินๆยังไงพิกล
ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมครับ เดี๋ยวผมจะลองไปดู The Warren Buffett Way บ้าง ส่วน Buffettology นั้นผมอ่านแค่ภาคแรกเท่านั้น (คือวิธีการเลือกหุ้น) ส่วนการคำนวณราคาที่เหมาะสมผมไม่สนใจ เพราะตัวเลขมันหลอกลวงได้
Report to Shareholders ของ Berkshire ผมก็อ่านบ้าง แต่ไม่รู้เรื่อง
เดี๋ยวผมจะลองสมัครสมาชิกบ้าง แล้วจะมาร่วมวงด้วยคน หวังว่าพี่ๆน้องๆชาว VI คงจะไม่ว่านะครับ คือว่าผมยังไม่ใช่ VI แต่ศึกษาอยู่ ถ้ามาสมัครสมาชิก web ThaiValueInvester.com แล้วมันเขินๆยังไงพิกล
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 8
ผมอายุ34ปีถ้าแก่กว่าคุณCKก็ไม่ว่ากันครับ
ผมเห็นคุณCKตั้งกระทู้ได้น่าสนใจมากครับ เมื่อคืนเข้าไปดูอีกกระทู้หนึ่งก็มันสืมากเลยอยากร่วมด้วยแต่มันดึกแล้วก็เลยกะว่าวันนี้จะไปร่วมแจมด้วยซะหน่อย หลังๆเห็นเอาชนะคะคานกันแล้วนี่
ศึกษาอะไรศึกษาให้ลึกและให้รู้จริงมากที่สุดจะทำให้เราทำอะไรอย่างมีสติและใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ครับ ผมยึดหลักอย่างนี้ถือเป็น Timeless Principleของผมเลยก็ว่าได้
การลงทุนเกียบทุกประเภทมักจะมองหาValueของการลงทุนนั้นๆทั้งนั้นแหละครับ แต่เราไม่รู้ตัวเองต่างหาก การศึกษาจะทำให้เกิดปัญญา มีสติและเห็นจริง คุณกำลังศึกษาอยู่ก็เป็นการดีครับ เราจะมี VIที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชิญครับมาร่วมกันแบ่งปันความรู้ประสบการณ์สู่เพื่อนๆน้องที่กำลังจะตามมาครับ
ไม่ใช่แค่คุณCKนะครับขอเชิญทุกท่านที่เข้ามาในนี้มาร่วมกับพวกเราได้ รับรองว่าอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่มีใตรโง่ใครฉลาด มีแต่พี่ๆน้องๆครับ
ผมเห็นคุณCKตั้งกระทู้ได้น่าสนใจมากครับ เมื่อคืนเข้าไปดูอีกกระทู้หนึ่งก็มันสืมากเลยอยากร่วมด้วยแต่มันดึกแล้วก็เลยกะว่าวันนี้จะไปร่วมแจมด้วยซะหน่อย หลังๆเห็นเอาชนะคะคานกันแล้วนี่
ศึกษาอะไรศึกษาให้ลึกและให้รู้จริงมากที่สุดจะทำให้เราทำอะไรอย่างมีสติและใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ครับ ผมยึดหลักอย่างนี้ถือเป็น Timeless Principleของผมเลยก็ว่าได้
การลงทุนเกียบทุกประเภทมักจะมองหาValueของการลงทุนนั้นๆทั้งนั้นแหละครับ แต่เราไม่รู้ตัวเองต่างหาก การศึกษาจะทำให้เกิดปัญญา มีสติและเห็นจริง คุณกำลังศึกษาอยู่ก็เป็นการดีครับ เราจะมี VIที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เชิญครับมาร่วมกันแบ่งปันความรู้ประสบการณ์สู่เพื่อนๆน้องที่กำลังจะตามมาครับ
ไม่ใช่แค่คุณCKนะครับขอเชิญทุกท่านที่เข้ามาในนี้มาร่วมกับพวกเราได้ รับรองว่าอบอุ่นเป็นกันเอง ไม่มีใตรโง่ใครฉลาด มีแต่พี่ๆน้องๆครับ
-
- ผู้ติดตาม: 0
อารมณ์กับเหตุผล
โพสต์ที่ 9
ผมแก่กว่าครับ งั้นเรียก Mon เฉยๆก็แล้วกัน (37 แล้ว)
ขอบคุณครับที่เข้าใจว่าผมตั้งกระทู้ทำไม โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ debate ครับ ไม่ได้เก่งหรือรู้ทุกเรื่อง แต่ชอบเวลามีคนความเห็นไม่ตรงกัน
จริงๆแล้วก็มีใช้อารมณ์บ้างครับ คือกับคุณดรรชนีไทย รู้สึกว่าภาษาจะสื่อไม่ตรงกันเท่าไหร่เลยหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ผมชอบไอเดียแกครับ มาแปลกดี และก็ตั้งใจศึกษาและเขียนบทความดี ถึงจะไม่เห็นด้วยกับ "ความเข้าใจ" ของแกก็ตาม
ผมว่าไม่ได้เอาชนะคะคานกันหรอกครับ ภาษาบนเน็ตบางทีมันก็รุนแรงเกินความรู้สึกจริงไปบ้าง ถ้าคนอ่านไม่ใช้อารมณ์ ก็จะไม่รู้สึกว่าคนเขียนเขียนด้วยอารมณ์
นักวิจัยเขาบอกว่าคนในเน็ตส่วนใหญ่จะแสดงความรู้สึกเว่อร์กว่าตัวจริง มีการล่อเป้าบ้าง กระแนะกระแหนบ้าง ถ้าไม่ take it personal ก็จะสนุกดีครับ
ส่วนคุณ Mon ตอบแบบรู้จริงมาก ผมคิดว่าคุณเป็นคนนึงที่ศีกษาเรื่องการลงทุนอย่างลึกซึ้งทีเดียว ตอนนี้ทะยอยอ่านบทความของคุณอยู่ครับ เผอิญผมไม่ชอบตัวเลข (แต่จบเลขมา) ชอบคอนเซปท์มากกว่า ก็เลยไม่ค่อยจะดู Annual Report กับ Financial Statement เท่าไหร่ ตัวเลขมันหลอกกันได้ครับ เนื่องจากอยู่ฝั่งคนทำตัวเลขเลยไม่ค่อยเชื่อตัวเลขคนอื่นทำ
ขอบคุณครับที่เข้าใจว่าผมตั้งกระทู้ทำไม โดยส่วนตัวแล้วผมชอบ debate ครับ ไม่ได้เก่งหรือรู้ทุกเรื่อง แต่ชอบเวลามีคนความเห็นไม่ตรงกัน
จริงๆแล้วก็มีใช้อารมณ์บ้างครับ คือกับคุณดรรชนีไทย รู้สึกว่าภาษาจะสื่อไม่ตรงกันเท่าไหร่เลยหงุดหงิดเล็กน้อย แต่ผมชอบไอเดียแกครับ มาแปลกดี และก็ตั้งใจศึกษาและเขียนบทความดี ถึงจะไม่เห็นด้วยกับ "ความเข้าใจ" ของแกก็ตาม
ผมว่าไม่ได้เอาชนะคะคานกันหรอกครับ ภาษาบนเน็ตบางทีมันก็รุนแรงเกินความรู้สึกจริงไปบ้าง ถ้าคนอ่านไม่ใช้อารมณ์ ก็จะไม่รู้สึกว่าคนเขียนเขียนด้วยอารมณ์
นักวิจัยเขาบอกว่าคนในเน็ตส่วนใหญ่จะแสดงความรู้สึกเว่อร์กว่าตัวจริง มีการล่อเป้าบ้าง กระแนะกระแหนบ้าง ถ้าไม่ take it personal ก็จะสนุกดีครับ
ส่วนคุณ Mon ตอบแบบรู้จริงมาก ผมคิดว่าคุณเป็นคนนึงที่ศีกษาเรื่องการลงทุนอย่างลึกซึ้งทีเดียว ตอนนี้ทะยอยอ่านบทความของคุณอยู่ครับ เผอิญผมไม่ชอบตัวเลข (แต่จบเลขมา) ชอบคอนเซปท์มากกว่า ก็เลยไม่ค่อยจะดู Annual Report กับ Financial Statement เท่าไหร่ ตัวเลขมันหลอกกันได้ครับ เนื่องจากอยู่ฝั่งคนทำตัวเลขเลยไม่ค่อยเชื่อตัวเลขคนอื่นทำ
- Mon money
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 3134
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 10
ผมว่าแล้วว่าผมน่ะยังวัยรุ่นอยู่(คือใจยังซิ่ง)
ผมก็ชอบdebateครับ ได้มุมมองเพิ่มดีเมื่อก่อนก็กับคุณแหะๆ(ไม่รู้ไปไหนแล้ว)ได้มุมมองใหม่ๆมากเลยครับ
ผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆครับเลยอ่านได้ทุกประเภท สามก็กผมอ่านมากจนเรียกว่าคบไม่ได้แล้วละ จริงๆแล้วผมตกคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็กแล้วละครับไม่ค่อยชอบหรอก ผมชอบดูและทำความเข้าใจกับธุรกิจมากกว่า การประมาณการนั้นเอาไว้ยืนยันแนวคิดเท่านั้นเอง จริงๆแล้วเพื่อดูMargin Of Safety ครับ หลังๆนี่คนบอกว่าผมเขียนแต่เรื่องเครียดๆ ผมไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ ผมว่าผมใส่อารมณ์ขันลงไปพอสมควรแล้วนะครับ เอาเป็นว่าต่อไปผมจะเขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านกันบ้าง ว่าแต่ว่าชอบเรื่องผีกันไหมครับ ผมมีพล็อตเรื่องอยู่ว่าจะลองเขียนบ้าง
ผมก็ชอบdebateครับ ได้มุมมองเพิ่มดีเมื่อก่อนก็กับคุณแหะๆ(ไม่รู้ไปไหนแล้ว)ได้มุมมองใหม่ๆมากเลยครับ
ผมชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆครับเลยอ่านได้ทุกประเภท สามก็กผมอ่านมากจนเรียกว่าคบไม่ได้แล้วละ จริงๆแล้วผมตกคณิตศาสตร์มาตั้งแต่เด็กแล้วละครับไม่ค่อยชอบหรอก ผมชอบดูและทำความเข้าใจกับธุรกิจมากกว่า การประมาณการนั้นเอาไว้ยืนยันแนวคิดเท่านั้นเอง จริงๆแล้วเพื่อดูMargin Of Safety ครับ หลังๆนี่คนบอกว่าผมเขียนแต่เรื่องเครียดๆ ผมไม่ได้ตั้งใจหรอกครับ ผมว่าผมใส่อารมณ์ขันลงไปพอสมควรแล้วนะครับ เอาเป็นว่าต่อไปผมจะเขียนเรื่องสนุกๆให้อ่านกันบ้าง ว่าแต่ว่าชอบเรื่องผีกันไหมครับ ผมมีพล็อตเรื่องอยู่ว่าจะลองเขียนบ้าง
-
- ผู้ติดตาม: 0
จำไม่ได้
โพสต์ที่ 11
ใครบอกวอเรนไม่ขาย ใครบอก The new buffetology ให้ถือยาว ชอบคิดกันไปเอง แล้วก็ไม่ยอมอ่าน ในหนังสือสอนวิธีและจังหวะเวลา พร้อมเหตุผลในการขายด้วยนะจะบอกให้
-
- ผู้ติดตาม: 0
Re: จำไม่ได้
โพสต์ที่ 12
[quote="เจ๋ง"]
นึกว่าเจ๋งจะไม่มาแล้ว ที่นี่น่าจะเหมาะกับเจ๋งนะ
วอเรนบัพเฟ่ เพียบเลย
นึกว่าเจ๋งจะไม่มาแล้ว ที่นี่น่าจะเหมาะกับเจ๋งนะ
วอเรนบัพเฟ่ เพียบเลย
-
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 14
เวลาที่จะขายหุ้นผมเขียนอยู่ในหนังสือเซียนหุ้นมือทองหน้า 126แล้วครับ
นิเวศน์
นิเวศน์
-
- ผู้ติดตาม: 0
อ่านแล้วสนุกและเพิ่มความรู้ดีมาก
โพสต์ที่ 16
ขอต่อท้ายตรงนี้ว่าthanwa เขียน:ดร. นิเวศน์ครับ
ผมนะแฟนพันธุ์แ้ท้ของ ดร. นิเวศน์คนหนึ่งเหมือนกันครับ ขอช่วยแก้ข่าวเกี่ยวกันหนังสือที่ ดร. บอก จริงๆ แล้วอยู่หน้า 162 ครับ อ่านจบไป 2-3 รอบแล้วครับ
อ่านมาตั้งแต่ต้นจนถึงตรงนี้บอกตัวเองว่าสนุกและได้สาระดีค่ะ มีโอกาสอ่านวันละเล็กน้อยแบบนี้ก็ ปิ๊งๆ สุขโข ไปทำงานต่อได้จนตลอดบ่ายนี้ ขอให้ทุกท่านมี เยอะๆ แล้วยายจะมาอ่านใหม่ ตลาดหุ้นวันนี้ยังไม่ใช่ของยายนิดหน่อย(เจ้าเก่า) อ่าน Webord สนุกกว่ากันเยอะ
สวัสดีตอนบ่ายค่ะ
ปล. เราคือนิดหน่อยเจ้าเก่าตัวจริง ไม่ทราบผิดพลาดตรงไหนค่ะ
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 20
.....
ขยันขุด ดีมากครับ
คงเป็นกระทู้แรกของ thaivi เลยนะครับ
อ่านแล้วให้บรรยากาศดีมากๆครับ
ขยันขุด ดีมากครับ
คงเป็นกระทู้แรกของ thaivi เลยนะครับ
อ่านแล้วให้บรรยากาศดีมากๆครับ
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
-
- Verified User
- โพสต์: 1255
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 24
มีหุ้นหลายตัวที่ buffet ถือไม่เกิน 3 ปี
ในปี 1979 Berkshire Hathawayถือหุ้น Amerada Hess
แต่ในปี 1980 ก็ไม่พบการถือหุ้นตัวนี้ และพบการถือหุ้นใหม่อีกเช่น Cleveland-Cliffs Iron Company และอีกสองปี buffet ก็ขายหุ้นตัวนี้ทำกำไร
และอีกหลายตัวครับ
Source: Berkshire Hathaway Annual Report.
คัดลอกจาก The Warren Buffett Way.
ในปี 1979 Berkshire Hathawayถือหุ้น Amerada Hess
แต่ในปี 1980 ก็ไม่พบการถือหุ้นตัวนี้ และพบการถือหุ้นใหม่อีกเช่น Cleveland-Cliffs Iron Company และอีกสองปี buffet ก็ขายหุ้นตัวนี้ทำกำไร
และอีกหลายตัวครับ
Source: Berkshire Hathaway Annual Report.
คัดลอกจาก The Warren Buffett Way.
-
- Verified User
- โพสต์: 320
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 25
การ acquisition ที่ได้ประโยชน์ ก็เป็น good management quality นี่ครับ.
ส่วน buy and hold ไม่ผิดหรอกถ้าหุ้นที่ลงทุนเป็น high quality dividend yield ไม่ใช่ประเภท story play หรือ growth potential เพราะมีความแน่นอน และความสม่ำเสมอของ port's performance น้อยกว่า
ส่วน buy and hold ไม่ผิดหรอกถ้าหุ้นที่ลงทุนเป็น high quality dividend yield ไม่ใช่ประเภท story play หรือ growth potential เพราะมีความแน่นอน และความสม่ำเสมอของ port's performance น้อยกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 258
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 26
สวัสดีครับ
ผมขอร่วมวงด้วยคน
ผมติดตามงานเขียนกี่ยวกับวิธีการลงทุนของบัพเฟตต์มาบ้าง ซึ่งทุกเล่มคนเขียนไม่ใช่บัพเฟตต์ เป็นความเข้าใจส่วนตัวของผู้เขียน แล้วนำมาอธิบายให้คนอ่านเข้าใจ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดเพราะ บัพเฟตต์ไม่ได้เขียนเอง
งานเขียนที่บัพเฟต์เขียนเองกับมือมีอยู่เล่มเดียว คือ รายงานประจำปีของบริษัท berkeshire hathaway เท่านั้น เขียนตั้งแต่ปี 1977 จนถึง ปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าใครอยากเข้าใจถึงแก่นแท้ของการลงทุนของบัพเฟตต์ ต้องอ่านเล่มนี้
เท่าที่ผมอ่านดู บัพเฟตต์ ไม่เคยให้สูตรการคิดมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นแบบยกตัวเลขให้ดู แกเคยบอกว่า intrinsic value นั้นเป็นการประมาณซึ่งแกกับ ชาร์ลี หุ้นส่วนของแก ยังให้ค่าแตกต่างกันประมาณ 10% ดังนั้นแกจึงไม่บอกตัวเลขแบบตรงๆ เพราะฉะนั้นบางเล่มที่ให้สูตรการคิดมาวุ่นวาย ก็คิดกันเอาเองว่าเอามาจากไหนกัน
ถ้ากล่าวถึง กลยุทธซื้อแล้วถือ ตามที่เข้าใจกัน คิดว่าผิดอย่างมาก เพราะถ้าไปซื้อบริษัทแย่ๆ ต่อไปอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษ แต่แม้บริษัทแย่ๆ บัพเฟตก็ซื้อหากแกเห็นช่องทาง บริษัทที่แกเข้ามาซื้อ เช่น GEICO WELL-FARGO
ส่วนกลยุทธการขาย สำหรับบัพเฟตแล้ว บางบริษัทแม้ราคาหุ้นจะสูงกว่า intrinsic value มากก็ไม่ขาย ซึ่งแกเขียนไว้ในรายงานเลย เรียกว่า เป็น permanent holding คือ GIECO COCA-COLA GILLETTE จริงๆ แล้ว ยังมีอีกตัว คือ FADDIE MAE แต่เกิดปัญหาบางอย่างทำให้แกขายออกไป
สุดท้ายเท่าที่ผมอ่านดูรายงานทั้งหมด บัพเฟต แกจะเน้นอธิบายถึง ผลประกอบการของบริษัทมากกว่า รวมถึงวิธีการบันทึกบัญชีในแต่ละปีที่เปลี่ยนไป เนื่องจากบริษัทแกเน้นในธุรกิจประกันภัย วิธีการบัญชีมักเปลี่ยนแปลงเสมอ นอกจากนี้ก็อธิบายถึงบริษัทต่างๆ ที่แกเข้าไปลงทุน ก็จะอธิบายถึงประวัติบริษัท ลักษณะธุรกิจของบริษัทและที่เน้นมาก คือ ตัวผู้บริหาร
ในส่วนวิธีการคำนวณตัวเลขเพื่อหา intrinsic value ผมยังไม่เคยเห็นเลยครับ
ผมขอร่วมวงด้วยคน
ผมติดตามงานเขียนกี่ยวกับวิธีการลงทุนของบัพเฟตต์มาบ้าง ซึ่งทุกเล่มคนเขียนไม่ใช่บัพเฟตต์ เป็นความเข้าใจส่วนตัวของผู้เขียน แล้วนำมาอธิบายให้คนอ่านเข้าใจ ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามันถูกหรือผิดเพราะ บัพเฟตต์ไม่ได้เขียนเอง
งานเขียนที่บัพเฟต์เขียนเองกับมือมีอยู่เล่มเดียว คือ รายงานประจำปีของบริษัท berkeshire hathaway เท่านั้น เขียนตั้งแต่ปี 1977 จนถึง ปัจจุบัน ดังนั้น ถ้าใครอยากเข้าใจถึงแก่นแท้ของการลงทุนของบัพเฟตต์ ต้องอ่านเล่มนี้
เท่าที่ผมอ่านดู บัพเฟตต์ ไม่เคยให้สูตรการคิดมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นแบบยกตัวเลขให้ดู แกเคยบอกว่า intrinsic value นั้นเป็นการประมาณซึ่งแกกับ ชาร์ลี หุ้นส่วนของแก ยังให้ค่าแตกต่างกันประมาณ 10% ดังนั้นแกจึงไม่บอกตัวเลขแบบตรงๆ เพราะฉะนั้นบางเล่มที่ให้สูตรการคิดมาวุ่นวาย ก็คิดกันเอาเองว่าเอามาจากไหนกัน
ถ้ากล่าวถึง กลยุทธซื้อแล้วถือ ตามที่เข้าใจกัน คิดว่าผิดอย่างมาก เพราะถ้าไปซื้อบริษัทแย่ๆ ต่อไปอาจกลายเป็นแค่เศษกระดาษ แต่แม้บริษัทแย่ๆ บัพเฟตก็ซื้อหากแกเห็นช่องทาง บริษัทที่แกเข้ามาซื้อ เช่น GEICO WELL-FARGO
ส่วนกลยุทธการขาย สำหรับบัพเฟตแล้ว บางบริษัทแม้ราคาหุ้นจะสูงกว่า intrinsic value มากก็ไม่ขาย ซึ่งแกเขียนไว้ในรายงานเลย เรียกว่า เป็น permanent holding คือ GIECO COCA-COLA GILLETTE จริงๆ แล้ว ยังมีอีกตัว คือ FADDIE MAE แต่เกิดปัญหาบางอย่างทำให้แกขายออกไป
สุดท้ายเท่าที่ผมอ่านดูรายงานทั้งหมด บัพเฟต แกจะเน้นอธิบายถึง ผลประกอบการของบริษัทมากกว่า รวมถึงวิธีการบันทึกบัญชีในแต่ละปีที่เปลี่ยนไป เนื่องจากบริษัทแกเน้นในธุรกิจประกันภัย วิธีการบัญชีมักเปลี่ยนแปลงเสมอ นอกจากนี้ก็อธิบายถึงบริษัทต่างๆ ที่แกเข้าไปลงทุน ก็จะอธิบายถึงประวัติบริษัท ลักษณะธุรกิจของบริษัทและที่เน้นมาก คือ ตัวผู้บริหาร
ในส่วนวิธีการคำนวณตัวเลขเพื่อหา intrinsic value ผมยังไม่เคยเห็นเลยครับ
- กล้วยไม้ขาว
- Verified User
- โพสต์: 1074
- ผู้ติดตาม: 0
ขุดครับ
โพสต์ที่ 27
กระทู้นานมากจริง ๆ ครับอันนี้
อ่านแล้วได้สัมผัสบรรยากาศการบุกเบิกเลยนะครับเนี่ย
มาใหม่ครับตามอ่านเนื้อหามาได้สักพักเองครับ
ฝากเนื้อฝากตัวตัวด้วยนะครับซือแป๋ทุกท่าน :D :idea:
อ่านแล้วได้สัมผัสบรรยากาศการบุกเบิกเลยนะครับเนี่ย
มาใหม่ครับตามอ่านเนื้อหามาได้สักพักเองครับ
ฝากเนื้อฝากตัวตัวด้วยนะครับซือแป๋ทุกท่าน :D :idea:
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
Buy & Hold is Wrong ???
โพสต์ที่ 29
สมัยนั้นก็ไม่ได้ใช้ชื่อ thaivi.vom ด้วย