Picasso^O-O^25oct
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 1
Pablo Diego Jose Francisco de Paula Juan Nepomuceno de los Remedios Cipriano de la Santisma Trinidad Ruiz y Picasso
( Pablo Picasso)
เกิด 25 ตุลาคม 1881
Málaga, Spain
เสียชีวิต 18 เมายน 1973
Spanish painter and sculptor
พาโบ รุสซี่ ปิกาสโซ่ เกิดที่เมืองมาลาก้า แถบชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน ของประเทศสเปนครับ
บิดาของปิกาสโซ่เป็นครูสอนศิลปะและเป็นผู้เล็งเห็นความ เป็นอัจฉริยะในตัวของบุตรชายของตน จึงส่งปิกาสโซ่เข้าศึกษาในสถาบันสอนศิลปะในเมืองบาเซโลน่า ซึ่งเป็นสถาบันที่บิดาของเขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นโปรเฟสเซอร์เมื่อปี ค.ศ.1896
ปิกาสโซ่ได้รับ ความรู้ด้านการเขียนภาพแบบเรียวลิสติก เมื่อเขามีอายุได้ 16 ปี ก็มีสตูดิโอเป็นของตนเองที่ ในเมืองบาเซโลน่า และในปี ค.ศ. 1900 เขาได้ไปเยือนปารีสเป็นครั้งแรกและตัดสินใจที่จะใช้ ชีวิตอยู่ที่นั่น ในปี ค.ศ.1904
Painting is stronger than me, it makes me do its bidding.
การเขียนภาพของปิกาสโซ่ เปลี่ยนเป็นช่วงๆ โดยในปี ค.ศ.1901 ถึง 1904 จัดเป็นยุคสีฟ้า เพราะเป็นช่วงที่ปิกาสโซ่ นิยมใช้โทนสีฟ้าในการเขียนรูป และในปี ค.ศ.1905 ปิกาสโซ่ได้รับความสำเร็จจากงานที่เขาเขียนมากขึ้น จึงเริ่มเปลี่ยนแปลงสีที่ใช้ โดยค้นหาสีใหม่ ในที่สุด สีฟ้าที่ใช้อยู่แทบทุกวันก็เริ่มหายไป กลายมาเป็นสีน้ำตาลปนแดง เข้ามาแทน และด้วยความพยายามของเขาที่จะให้มีความเศร้าในงานที่เขาเขียนน้อยที่สุด ปิกาสโซ่จึงเพิ่ม นักเต้นรำ นักกายกรรม และตัวตลก เข้ามาไว้ในภาพของเขาภาพทั้งหมดที่เขาเขียนในระหว่างปี ค.ศ.1905-1907 นี้ถูกจัดเป็นยุคสีกุหลาบ
Success is dangerous. One begins to copy oneself, and to copy oneself is more dangerous than to copy others. It leads to sterility.
ปีค.ศ.1907 ปิกาสโซ่ได้เปลี่ยนแปลงแนวทางในการวาดรูปใหม่ โดยได้เขียนภาพที่ชื่อ
" Les Demoiselles dAvignon "
ภาพที่เขียนขึ้นมานี้ แสดงให้เห็นว่า ปิกาสโซ่ได้เกิดความหลงใหล ในศิลปะแบบดั้งเดิม จำพวกงานแกะสลัก และโดยเฉพาะศิลปะของแอฟริกา ภาพนี้ถือเป็นจุดกำเนิด ของความเปลี่ยนแปลงทางศิลปะขึ้น เพราะปิกาสโซ่ได้คิดค้นศิลปะแบบใหม่ โดยยึดเอาหลักการ ของลูกบาศก์มาใช้ และเขียนในทำนองเพ้อฝัน เขาได้ทำการทดลองในการวิเคราะห์รูปทรงทาง เรขาคณิต โดยร่วมมือกับบรรดาเพื่อนฝูงของเขา ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ จอร์เจส บากค์ จนกระทั่ง............
ในปี ค.ศ.1921 ภาพเขียนที่ชื่อว่า
" นักดนตรีทั้งสาม " ( The three Musicians ) ก็ได้ถูกเขียนขึ้น ถือเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ได้รับจากการนำทฤษฎีใหม่นี้มาใช้
When we discovered Cubism, we did not have the aim of discovering Cubism. We only wanted to express what was in us.
ในปี ค.ศ.1917 ปิกาสโซ่ตัดสินใจไปยังกรุงโรม เพื่อออกแบบเครื่องแต่งกายและออกแบบฉาก ให้กับคณะบัลเล่ต์ ด้วยการทำงานในแนวนี้ ถือเป็นการขยายขอบเขตของการสร้างสรรค์ให้กับตนเอง
ในปี ค.ศ.1918-1925 ปิกาสโซ่ได้เริ่มต้นที่จะเขียนภาพไปในแนวคลาสสิกอีกครั้ง
นับตั้งแต่วันแรกที่ปิกาสโซ่ตัดสินใจมาอยู่ที่ปารีสเมื่อ ค.ศ.1904 ไปจนถึงปี ค.ศ.1911 และรวมไปถึงวันที่ เขาเสียชีวิตลงนั้น ปิกาสโซ่ได้ผัวพันอยู่กับผู้หญิงหลายคนซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขาวาดภาพ คนแรกคือ มาร์แชล ฮัมแบท
ต่อมาในปี ค.ศ.1918 เขาได้แต่งงานกับนักเต้นบัลเล่ย์ชาวรัสเซีย ชื่อว่า โอลก้า โคโคลวา แต่ต่อมาก็แยก ทางกัน และถึงขั้นหย่าร้างไปในที่สุด ปิกาสโซ่มีบุตรกับโอลก้า 1 คน ชื่อ เปาโล โอลก้า เสียชีวิตลงในปี ค.ศ.1955
เมื่อปิกาสโช่อายุได้ 80 ปี เขาได้แต่งงานใหม่ในปี ค.ศ.1961 กับหญิงสาวที่เป็น นางแบบให้เขาเขียนภาพนั่นเอง เธอมีชื่อว่า แจ็คเกอรีน โร้ค ช่วงเวลาระหว่างการแต่งงานทั้งสองครั้งนี้ ปิกาสโซ่ได้ใช้ชีวิตอยู่กับผู้หญิงอีกหลายคน ซึ่งต่างคนต่างก็มีอิทธิพลต่อการเขียนรูป ของเขา หญิงสาวที่เป็นที่รักยิ่งของเขา คือ
มาเรีย เทสเซ่ วอร์เตอร์
ซึ่งเขาได้พบเมื่อตอนต้นปี ค.ศ.1930 และภายหลังได้กลายมาเป็นมารดาให้กับลูกสาวของเขานามว่า มาเรีย นอกจากวอร์เตอร์ แล้ว ดอร่าแมท์ หญิงสาวชาวยูโกสลาเวีย ที่เขาพบในปี ค.ศ.1936 และผู้หญิงอีกคนในชีวิตของ เขาก็คือ ฟรานซิส จีลอต จีลอตอยู่กินกับปิกาสโซ่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1946 ไปจนถึงปี ค.ศ.1953 และได้ให้กำเนิดบุตรกับปิกาสโซ่ 2 คน คือ คลาว ซึ่งเกิดเมื่อปี ค.ศ.1947 และปาโลมา ซึ่งเกิดหลังจากคลาว 2 ปี ด้วยการที่ปิกาสโซ่ได้พบกับจีลอตนั้น ทำให้ปิกาสโซ่เกิดแรงบันดาลใจ ที่จะเขียนรูปไปในทางตำนานต่างๆ เช่นเขียนรูปของ ฟอน นิมส์ เซนต์ทอรส์ และไปเปอร์
Art is not the application of a canon of beauty but what the instinct and the brain can conceive beyond any canon. When we love a woman we dont start measuring her limbs.
ปิกาสโซ่ใช้ชีวิตอยู่ที่ฝรั่งเศส จนได้ผ่านสงครามโลกครั้งที่สองมาแล้ว แต่ในยุคที่ฝรั่งเศษตกเป็นเมืองขึ้นของเยอรมันนั้น ผลงานเขียนภาพของปิกาสโซ่ ก็ถูกระงับไว้ไม่ให้นำมาแสดง
I don't say everything, but I paint everything.
ในปี ค.ศ.1944 ปิกาสโซ่ได้เข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ของฝรั่งเศษ และในปี ค.ศ.1955 ปิกาสโซ่ได้ย้ายไปอยู่ที่ริเวียร่าในฝรั่งเศษ ถึงแม้จะย้ายไป แต่ปิกาสโซ่ก็ยังคงทำงานต่อไปจนถึง อายุ 90 ปี
ปิกาสโซ่เป็นศิลปินที่มีความรอบรู้ในหลายๆด้าน เขาสามารเป็นได้ทั้ง นักเซรามิกส์ ช่างแกะสลัก และศิลปินทางด้านงานกราฟฟิก ทรัพย์สมบัติต่างๆที่ปิกาสโซ่หามาได้นั้น ได้มีการตีราคาของ สมบัติทั้งหมดเป็นเงินถึง 300 ล้านดอลล่าร์ ปิกาสโซ่เสียชีวิตในวันที่ 8 เมษายน ของปี ค.ศ.1973 ที่มอร์กิส ประเทศฝรั่งเศส
Only put off until tomorrow what you are willing to die having left undone.
Pablo Picasso
ที่มา:
*art quotes and famous artists
กัมพล พงษ์แสงศรี ,
ทนงเกียรติ เรืองโภคา ,
สุมลพรรณ แก้วอรสาณ
http://www.spu.ac.th
^O-O^
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 2
นั่นชื่อหรือครับเนี่ย เวลารีบร้อนเจอกันคงทักไม่ทันนะครับPablo Diego Jose Francisco de Paula Juan Nepomuceno de los Remedios Cipriano de la Santisma Trinidad Ruiz y Picasso
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 5
8) พี่จิกนี่ผมไม่แน่ใจ
แต่พี่ตา(ปัญญา)นี่จบพร้อมผม
เพราะผมเรียนสังกัดคณะบัญชีครับ เรียน4ปี
ส่วนพี่ตาเขาถาปัด เขาเรียนมากกว่า1ปี
ทำให้มารับปริญญาพร้อมกัน
สมัยก่อนพี่ตาเขาเล่นละครที่คณะถาปัดเรื่องสามก๊ก
ตลกและอินเทรนด์ในขณะนั้นสุดๆ
ดูกันทั้งมหาลัย เลยอ่ะครับ
ลองให้ ดร.โหน่งเดาดูนะว่าพี่ตาเล่นเป็นตัวละครใด
พี่จิก จำไม่ได้ว่าเล่นหรือเปล่า เพราะไม่ดังพอ
ให้ผมเดา ผมว่าแกไม่เล่นหรอก
แกเป็นพวก อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ มากกว่า
พี่จิกแกว่า
ภาพดังกล่าวของปิกัสโซ่
มีชื่อเป็นทางการว่า Les Demoisselles de Avignon
ภาพนี้เป็นภาพของหญิงงามเมือง5คน
ยืนโพสท่าทำนองชักชวนผู้คนมาใช้บริการ
หญิงทั้งห้าถึงจะยืนบังกัน
แต่ไม่มีความสัมพันธ์กันทางด้านพิกัด
มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ทั้งหมดมองมาทางคนดู
คนขวามือที่นั่งอยู่นี่ต้องถือว่าหนักสุด เพราะเธอนั่งหันหลัง
แต่ใบหน้าของเธอ กลับหันมามองคนดูยังกับว่าคอเธอหมุนได้รอบ
มันก็เหมือนกับว่า
เราได้ดูรูปนี้
ในมุมมองที่ต่างกัน
ในเวลาที่ต่างกัน
นาทีนึงเราดูจากมุมนี้
แล้วในอีกนาทีนึงเราเดินหมุนไปดูอีกมุมหนึ่ง
หรือบางทีนางแบบอาจจะหันหน้ากลับไปกลับมาในเวลาที่ผ่านไป
เห็นเหมือนผมไหมครับ
แต่พี่ตา(ปัญญา)นี่จบพร้อมผม
เพราะผมเรียนสังกัดคณะบัญชีครับ เรียน4ปี
ส่วนพี่ตาเขาถาปัด เขาเรียนมากกว่า1ปี
ทำให้มารับปริญญาพร้อมกัน
สมัยก่อนพี่ตาเขาเล่นละครที่คณะถาปัดเรื่องสามก๊ก
ตลกและอินเทรนด์ในขณะนั้นสุดๆ
ดูกันทั้งมหาลัย เลยอ่ะครับ
ลองให้ ดร.โหน่งเดาดูนะว่าพี่ตาเล่นเป็นตัวละครใด
พี่จิก จำไม่ได้ว่าเล่นหรือเปล่า เพราะไม่ดังพอ
ให้ผมเดา ผมว่าแกไม่เล่นหรอก
แกเป็นพวก อยู่เบื้องหลังการถ่ายทำ มากกว่า
พี่จิกแกว่า
ภาพดังกล่าวของปิกัสโซ่
มีชื่อเป็นทางการว่า Les Demoisselles de Avignon
ภาพนี้เป็นภาพของหญิงงามเมือง5คน
ยืนโพสท่าทำนองชักชวนผู้คนมาใช้บริการ
หญิงทั้งห้าถึงจะยืนบังกัน
แต่ไม่มีความสัมพันธ์กันทางด้านพิกัด
มีเพียงสายตาเท่านั้นที่ทั้งหมดมองมาทางคนดู
คนขวามือที่นั่งอยู่นี่ต้องถือว่าหนักสุด เพราะเธอนั่งหันหลัง
แต่ใบหน้าของเธอ กลับหันมามองคนดูยังกับว่าคอเธอหมุนได้รอบ
มันก็เหมือนกับว่า
เราได้ดูรูปนี้
ในมุมมองที่ต่างกัน
ในเวลาที่ต่างกัน
นาทีนึงเราดูจากมุมนี้
แล้วในอีกนาทีนึงเราเดินหมุนไปดูอีกมุมหนึ่ง
หรือบางทีนางแบบอาจจะหันหน้ากลับไปกลับมาในเวลาที่ผ่านไป
เห็นเหมือนผมไหมครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 6
ถ้าเช่นนั้นมิติที่ 4 ก็หมายถึงเวลาใช่ไหมครับพี่พอใจ รูปภาพไม่จำเป็นต้องเหมือนสิ่งที่ตามนุษย์เห็นก็ได้ อึม ลึกซึ้งครับ
แต่จะมีใครที่มองภาพนี้แล้วเข้าใจได้โดยไม่ต้องแนะหรือเปล่า น่าคิด :roll:
แต่จะมีใครที่มองภาพนี้แล้วเข้าใจได้โดยไม่ต้องแนะหรือเปล่า น่าคิด :roll:
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 7
ปิกัสโซ่ ในช่วงหลังๆ(เมื่อพบแนวทางของตัวเองแล้ว)จะเขียนภาพในลักษณะเห็นวัตถุหรือตัวแสดงได้รอบตัว คือเห็นได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลาเดียวกัน.....ภาพอื่นๆของเค้าในช่วงหลังๆ จะดูเห็นชัดกว่ารูปนี้อีกครับ
ผมเองก็ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นความคิดอ่านของเค้าหรอกครับ...แค่ได้ยินได้เรียนมาบ้างครับ
เคยไปดูภาพของ อ.ประเทือง เอมเจริญ (เพิ่งได้เป็นศิลปินแห่งชาติคนล่าสุด) คนที่เข้าถึงเค้าสามารถได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากภาพได้เลยครับ
ผมเองก็ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นความคิดอ่านของเค้าหรอกครับ...แค่ได้ยินได้เรียนมาบ้างครับ
เคยไปดูภาพของ อ.ประเทือง เอมเจริญ (เพิ่งได้เป็นศิลปินแห่งชาติคนล่าสุด) คนที่เข้าถึงเค้าสามารถได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากภาพได้เลยครับ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 8
[quote="สุมาอี้"]ถ้าเช่นนั้นมิติที่ 4 ก็หมายถึงเวลาใช่ไหมครับพี่พอใจ รูปภาพไม่จำเป็นต้องเหมือนสิ่งที่ตามนุษย์เห็นก็ได้ อึม ลึกซึ้งครับ
แต่จะมีใครที่มองภาพนี้แล้วเข้าใจได้โดยไม่ต้องแนะหรือเปล่า น่าคิด
แต่จะมีใครที่มองภาพนี้แล้วเข้าใจได้โดยไม่ต้องแนะหรือเปล่า น่าคิด
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 877
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 11
พี่พอใจ
ขอเดาว่าเป็นขงเบ้งครับ ฮา ฮา ฮา
ผมเจออภินิหารฯ แล้วครับ ขอบคุณครับพี่พอใจ
^O-O^สมัยก่อนพี่ตาเขาเล่นละครที่คณะถาปัดเรื่องสามก๊ก
ตลกและอินเทรนด์ในขณะนั้นสุดๆ
ดูกันทั้งมหาลัย เลยอ่ะครับ
ลองให้ ดร.โหน่งเดาดูนะว่าพี่ตาเล่นเป็นตัวละครใด
ขอเดาว่าเป็นขงเบ้งครับ ฮา ฮา ฮา
ผมเจออภินิหารฯ แล้วครับ ขอบคุณครับพี่พอใจ
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 12
8) คนที่เล่นเป็นขงเบ้ง ชื่อพี่สมเกียรติ
คนนี้ตลกโดยธรรมชาติครับ
เห็นว่าตอนอยู่ที่คณะ
แค่พี่แกเดินลงบันได
นี่พรรคพวกก็ขำแล้วครับ
พี่สมเกียรตินี่ในตอนนั้นตลกกว่าพี่ตา ปัญญาด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้วครับ
พี่ตาดังกว่าเยอะ
ตอนนั้นพี่ตาเขารูปหล่อครับ ออกแนวพี่น้องตระกูลซ่ง
เล่นเป็นเตียวจูล่ง ครับ.....
คนนี้ตลกโดยธรรมชาติครับ
เห็นว่าตอนอยู่ที่คณะ
แค่พี่แกเดินลงบันได
นี่พรรคพวกก็ขำแล้วครับ
พี่สมเกียรตินี่ในตอนนั้นตลกกว่าพี่ตา ปัญญาด้วยซ้ำไป
แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้วครับ
พี่ตาดังกว่าเยอะ
ตอนนั้นพี่ตาเขารูปหล่อครับ ออกแนวพี่น้องตระกูลซ่ง
เล่นเป็นเตียวจูล่ง ครับ.....
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 14
8) พี่ตู้นี่รุ่นใหญ่กว่าพวกพี่ตา น่าจะหลายรุ่นอยู่นะ
พี่ตู้มาดังทะลุโลกตอน ซูโม่สำอาง มาเขย่าเมืองไทย
พี่ตู้นี่เป็นอีกคนที่ตลกโดยธรรมชาติ
ผมเคยไปขายวัสดุก่อสร้างที่การท่าอากาศยาน
ผมขึ้นไปที่ออฟฟิสส่วนวางสเปค
เอ มันไม่เห็นมีคนทำงานเลย ทั้งห้องไปรุมกันอยู่กระจุกนึง
ผมนึกว่าขายของ-ซื้อของ
ม่ายช่ายหรอกครับ
มารุมกันฟังพี่ตู้เล่าเรื่องตลก
เล่าทีนึงหัวเราะกันครืนๆ
ผมยืนฟังอยู่สิบกว่านาที พลอยหัวเราะไปด้วย
ในใจนึกว่า เออ หนอ คนอะไรหว่า
ครั้งนั้นยังไม่เท่าไหร่นะครับ ถือว่าแกเป็นเจ้าบ้าน
มาครั้งที่แกมางานเลี้ยงของปูนใหญ่สิครับ
โต๊ะที่แกนั่งคุยมีทั้งผู้บริหารและลูกค้า
สภาพไม่แตกต่าง จากที่เห็นครั้งแรกเลยครับ
นับถือ จริงๆ born to be จริงๆ
พี่ตู้มาดังทะลุโลกตอน ซูโม่สำอาง มาเขย่าเมืองไทย
พี่ตู้นี่เป็นอีกคนที่ตลกโดยธรรมชาติ
ผมเคยไปขายวัสดุก่อสร้างที่การท่าอากาศยาน
ผมขึ้นไปที่ออฟฟิสส่วนวางสเปค
เอ มันไม่เห็นมีคนทำงานเลย ทั้งห้องไปรุมกันอยู่กระจุกนึง
ผมนึกว่าขายของ-ซื้อของ
ม่ายช่ายหรอกครับ
มารุมกันฟังพี่ตู้เล่าเรื่องตลก
เล่าทีนึงหัวเราะกันครืนๆ
ผมยืนฟังอยู่สิบกว่านาที พลอยหัวเราะไปด้วย
ในใจนึกว่า เออ หนอ คนอะไรหว่า
ครั้งนั้นยังไม่เท่าไหร่นะครับ ถือว่าแกเป็นเจ้าบ้าน
มาครั้งที่แกมางานเลี้ยงของปูนใหญ่สิครับ
โต๊ะที่แกนั่งคุยมีทั้งผู้บริหารและลูกค้า
สภาพไม่แตกต่าง จากที่เห็นครั้งแรกเลยครับ
นับถือ จริงๆ born to be จริงๆ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- Verified User
- โพสต์: 2032
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 15
พวกที่มีพรสวรรค์ มักจะเด่นมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่นนะครับ
ละครเวทีถาปัด ช่วงนึงประมาณ ปี 2532 - 42 นี่ผมไปดูทุกปี ไม่มีเว้น ร่วม 10 ปี ที่เด่นๆหน่อย ก็พวกคุณสังข์ 108 มงกุฎ เสนาวิชย์ ที่ไม่ค่อยดังเท่าไร
แทบทุกเรื่อง ผมจะจองตั๋วรอบสุดท้าย เพราะเค้าจะอำกันแหลก
จากปกติเล่น 2 ชม. รอบสุดท้าย อาจยาวเป็น 3-4 ชม. บางปี บทตอนปกติไม่สนุกเท่าไรแต่วันสุดท้าย นอกเรื่องนอกราวไปเยอะก็มี
บางปีได้ดูละคร ของนิเทศด้วย ถาปัด ศิลปากรก็ไป ของนิเทศ ปีนึงเป็นละครตลก มี สมพลเล่น (ตอนนั้นเป็น นศ.น่าจะปีสุดท้าย) เล่นขำอยู่คนเดียว แต่ขำจริงๆ พอมาเป็นดีเจ ก็ดังระเบิด
โน้ต อุดม ก็เหมือนกัน ตอนนั้นยังโนเนม อยู่ศิษย์สะดือ เล่นละครเวที 3 เรื่อง
เป็นตัวขำทั้ง 3 เรื่อง ผมได้ดูครบ แต่ที่ตลกคือ ตอนเค้าเดี่ยวไมโครโฟน ผมกลับไม่ได้ไปดูเลยสักครั้ง
พูดถึงความหลังแล้วคิดถึงตอนเป็นวัยรุ่นจัง
ละครเวทีถาปัด ช่วงนึงประมาณ ปี 2532 - 42 นี่ผมไปดูทุกปี ไม่มีเว้น ร่วม 10 ปี ที่เด่นๆหน่อย ก็พวกคุณสังข์ 108 มงกุฎ เสนาวิชย์ ที่ไม่ค่อยดังเท่าไร
แทบทุกเรื่อง ผมจะจองตั๋วรอบสุดท้าย เพราะเค้าจะอำกันแหลก
จากปกติเล่น 2 ชม. รอบสุดท้าย อาจยาวเป็น 3-4 ชม. บางปี บทตอนปกติไม่สนุกเท่าไรแต่วันสุดท้าย นอกเรื่องนอกราวไปเยอะก็มี
บางปีได้ดูละคร ของนิเทศด้วย ถาปัด ศิลปากรก็ไป ของนิเทศ ปีนึงเป็นละครตลก มี สมพลเล่น (ตอนนั้นเป็น นศ.น่าจะปีสุดท้าย) เล่นขำอยู่คนเดียว แต่ขำจริงๆ พอมาเป็นดีเจ ก็ดังระเบิด
โน้ต อุดม ก็เหมือนกัน ตอนนั้นยังโนเนม อยู่ศิษย์สะดือ เล่นละครเวที 3 เรื่อง
เป็นตัวขำทั้ง 3 เรื่อง ผมได้ดูครบ แต่ที่ตลกคือ ตอนเค้าเดี่ยวไมโครโฟน ผมกลับไม่ได้ไปดูเลยสักครั้ง
พูดถึงความหลังแล้วคิดถึงตอนเป็นวัยรุ่นจัง
- สุมาอี้
- Verified User
- โพสต์: 4576
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 16
มีใครเกิดวันไหนกันอีกครับ ดร. เห็นหายๆ ไปเลย
http://dekisugi.net
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
ไม่ค่อยได้เช็ค PM เลยครับ ต้องการติดต่อผม อีเมลไปที่ [email protected] จะชัวร์กว่าครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 4596
- ผู้ติดตาม: 0
Picasso^O-O^25oct
โพสต์ที่ 17
ผมเคยไปดูภาพอ.ประเทืองหลายครั้งหลายโอกาส อ.น่าจะได้เป็นศิลปินแห่งชาติตั้งนานแล้วนะครับ นี้มาพึ่งได้ปี 48เพื่อน เขียน:ปิกัสโซ่ ในช่วงหลังๆ(เมื่อพบแนวทางของตัวเองแล้ว)จะเขียนภาพในลักษณะเห็นวัตถุหรือตัวแสดงได้รอบตัว คือเห็นได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลังในเวลาเดียวกัน.....ภาพอื่นๆของเค้าในช่วงหลังๆ จะดูเห็นชัดกว่ารูปนี้อีกครับ
ผมเองก็ยังไม่ลึกซึ้งถึงขั้นความคิดอ่านของเค้าหรอกครับ...แค่ได้ยินได้เรียนมาบ้างครับ
เคยไปดูภาพของ อ.ประเทือง เอมเจริญ (เพิ่งได้เป็นศิลปินแห่งชาติคนล่าสุด) คนที่เข้าถึงเค้าสามารถได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากภาพได้เลยครับ
ภาพของ อ.ถวัลย์ ก็สุดยอด ก็ได้ไปไม่เมื่อปี 44 นี้เอง
สีลํ พลํ อปฺปฏิมํ สีลํ อาวุธมุตฺตมํ
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์
สีลํ อาภรณํ เสฏฺฐํ สีลํ กวจมพฺภุตํ
ศีลเป็นกำลังไม่มีที่เปรียบ ศีลเป็นอาวุธสูงสุด
ศีลเป็นเครื่องประดับอย่างประเสริฐสุด ศีลเป็นเกราะอย่างอัศจรรย์